Advanced Biz Media

ติดตามข่าวการตลาดและบทความรวมด้านบริหารพัฒนาบุคคลหรือองค์กรได้ที่เว็บไซต์ของเรา www.advancedbizmagazine.com

ถอดรหัสความสำเร็จ “บริษัท ปฐวิน” ผู้ผลิตผ้าเย็นและทิชชู่เปียกรายแรกของประเทศไทยก้าวสู่ธุรกิจ OEM และ ODM มายาวนานกว่า 34...
28/06/2024

ถอดรหัสความสำเร็จ “บริษัท ปฐวิน” ผู้ผลิตผ้าเย็นและทิชชู่เปียกรายแรกของประเทศไทย
ก้าวสู่ธุรกิจ OEM และ ODM มายาวนานกว่า 34 ปี ทุ่มงบ 180 ล้าน ปัดฝุ่นธุรกิจครอบครัว พร้อมเป็น
“บริษัท มหาชน” อย่างเต็มรูปแบบ
บริษัท ปฐวิน จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่าย “ผ้าเย็นและทิชชู่เปียก” รายแรกของประเทศไทย ก่อนผันตัวสู่ธุรกิจ OEM และ ODM รับผลิตสินค้าครอบคลุมทุกเซกเม้นต์ อาทิ ทิชชู่เปียก ผ้าเย็น แผ่นมาสก์หน้า เครื่องสำอาง สินค้าเกี่ยวกับแม่และเด็ก สินค้าเครื่องมือแพทย์ สินค้าดูแลสุขอนามัยในครัวเรือน และสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง มานานกว่า 34 ปี ทุ่มงบประมาณ 180 ล้านบาท นำเข้าเครื่องจักรที่ทันสมัย, พัฒนาซอฟต์แวร์และระบบ AI มาช่วยในการบริหารจัดการโรงงาน และขยายพื้นที่การผลิตจากเดิม 3,000 ตร.ม. เป็น 4,500 ตร.ม. เพื่อรองรับกำลังการผลิต 200,000 ชิ้นใน 1 วัน พร้อมให้บริการแบบ One-Stop Service ตั้งเป้ายอดขาย 420 ล้านบาท ประกาศความพร้อมนำธุรกิจครอบครัวสู่ความเป็น “มหาชน”
ศักดิพันธ์ ปฐวินทรานนท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปฐวิน จำกัด (มหาชน) ทายาทรุ่นที่สอง เล่าให้ฟังว่า บริษัท ปฐวิน ก่อตั้งโดยครอบครัว “ปฐวินทรานนท์” โดยเปิดโรงงาน ในวันที่ 18 มิถุนายน 2533 ด้วยทุนจดทะเบียน 500,000 บาท จุดเริ่มต้นบริษัทของเราได้ผลิต “ผ้าเย็น” ออกจำหน่าย ภายใต้แบรนด์ “ จัมโบ้” เนื่องจากเราเห็นว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่อากาศร้อนมาก เราจึงคิดค้นและผลิตผ้าเย็นขึ้นมาจำหน่ายเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย โดยวางจำหน่ายตามร้านอาหาร โรงแรม ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เราจึงต่อยอดธุรกิจการผลิตผ้าเย็น สู่ธุรกิจ OEM และ ODM รับผลิตสินค้ากว่า 5,000 แบรนด์ ครอบคลุมทุกเซกเม้นต์ อาทิ ทิชชูเปียก ผ้าเย็น แผ่นมาสก์หน้า เครื่องสำอาง สินค้าเกี่ยวกับแม่และเด็ก สินค้าเครื่องมือแพทย์ สินค้าดูแลสุขอนามัยในครัวเรือน และสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง ให้บริการแบบ One-Stop Service เป็นเพื่อนคู่คิดให้ลูกค้า มานานกว่า 34 ปี
จากประสบการณ์ที่สะสมมานานกว่า 34 ปี เราจึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะนำธุรกิจครอบครัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อก้าวสู่ความเป็นบริษัทมหาชน โดยตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่เข้ามาบริหารบริษัท เราได้ทุ่มงบประมาณกว่า 180 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบไอทีและระบบ AI เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการโรงงานให้เป็นระบบและทันสมัย นอกจากนี้เรายังนำเข้าเครื่องจักรที่ทันสมัยมาช่วยในการกระบวนการผลิต เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่สูงถึง 200,000 ชิ้นต่อวัน และเราได้ขยายพื้นที่การผลิตจากเดิม 3,000 ตร.ม. เป็น 4,500 ตร.ม. เพื่อรองรับการผลิตกลุ่มสินค้าใหม่ ๆ ในอนาคต
ทายาทรุ่นที่สอง บริษัท ปฐวิน จำกัด (มหาชน) เล่าต่อว่า นอกจากจะรับผลิตสินค้าแล้ว บริษัทยังได้คิดค้นพัฒนาแบรนด์สินค้าของตัวเอง โดยเห็นโอกาสจากการระบาดของโรคโควิด-19 คนไทยและทั่วโลกให้ความสำคัญกับความสะอาดมาก ๆ เราจึงคิดค้นและผลิตสินค้าใหม่จำนวน 3 แบรนด์
1.แผ่นแอลกอฮอล์แบรนด์ Klearell เจาะกลุ่มโรงพยาบาล ร้านขายยาและร้านขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ สำหรับสินค้าตัวนี้เราผลิตและขายมาแล้ว 2 ปี ถือว่าได้รับการตอบรับดีมาก มียอดขายเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี นอกจากจะผลิตแผ่นแอลกอฮอล์แล้ว เรายังผลิต เจลหล่อลื่น และครีมลดรอยแผลเป็นสำหรับลูกค้าในกลุ่มนี้ 2. แบรนด์ Pawfect ทิชชู่เปียกสำหรับสัตว์เลี้ยง เจาะกลุ่มคนรักสัตว์ ร้าน Pet Shop และโรงพยาบาลสัตว์ เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้คนไทยอยู่บ้านมากขึ้น และสัตว์เลี้ยงคือเพื่อนแก้เหงา สำหรับยอดขายแบรนด์ Pawfect และสินค้ากลุ่มนี้มีอัตราการเติบโตสูงมากกว่า 100 % ในทุกๆปี 3. แบรนด์ Klean Action ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคในขั้นตอนเดียว ซึ่งสินค้าแบรนด์นี้เราผลิตออกมาเป็นทางเลือกให้ลูกค้าในกลุ่ม Home Care แต่สินค้ากลุ่มนี้ต้องยอมรับว่าคู่แข่งเยอะมาก แต่เนื่องจากเรามีทีม R&D ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง สามารถคิดค้น ทดสอบ พัฒนาสูตร และ Concept ให้มีนวัตกรรม ทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทสามารถแข่งขันในตลาดได้
ตลอดระยะเวลา 34 ปีที่ผ่าน บริษัท ปฐวิน จำกัด (มหาชน) ได้มุ่งมั่นที่จะเป็น “คู่คิด” ที่ดีให้กับลูกค้า เราไม่ใช่แค่ผู้รับจ้างผลิตสินค้า แต่เราจะเป็นเพื่อนคู่คิด และให้คำปรึกษาลูกค้าในทุกๆด้าน แบบ One-Stop Service ผลิตสินค้าที่มีนวัตกรรม คุณภาพสม่ำเสมอ ให้ได้มาตรฐานสากล และเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก โดยปัจจุบันกลุ่มลูกค้าของบริษัทแบ่งเป็น OEM 95% แบรนด์ 5 % โดยในปี 67 เราตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 420 ล้านบาท และตั้งเป้าเติบโตอยู่ที่ 15-20 % ต่อปี
ทายาทรุ่นที่สอง บริษัท ปฐวิน จำกัด (มหาชน) กล่าวปิดท้ายว่า ขอบคุณลูกค้าทุก ๆ แบรนด์ที่ให้ความไว้วางใจบริษัทของเรา ต่อจากนี้เราจะมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจครอบครัว เติบโตสู่การเป็น “บริษัทมหาชน” เพราะเราอยากให้บริษัทคนไทย สินค้าไทย เป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก โดยเราวางแผนขยายตลาดออกสู่ต่างประเทศ อาทิ ฮ่องกง ญี่ปุ่น อเมริกา อังกฤษ และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ด้วยการออกงานแสดงสินค้าต่าง ๆ เพื่อหาคู่ค้าใหม่ ๆ ต่อไป
📌 สามารถอ่านบทความของเราเพิ่มเติมได้ที่ :
www.advancedbizmagazine.com

ค่าเงินบาท 28 มิ.ย.2567กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Financial Markets) ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในก...
28/06/2024

ค่าเงินบาท 28 มิ.ย.2567
กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Financial Markets) ประเมินค่าเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 36.80-37.00 บาท/ดอลลาร์ (28 มิถุนายน 2567)
- ค่าเงินบาทแข็งค่าเล็กน้อยวานนี้ จากดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐและ US Treasury yields ที่ปรับลดลง หลังเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ บางตัวออกมาต่ำกว่าคาดทำให้ตลาดมองว่า Fed จะลดดอกบี้ยปีนี้
- เลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงงาน (Continuing claims) ออกมาสูงกว่าคาด และสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2021 ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อโรงงาน (Core capital goods) หดตัว -0.6%MOM
- รัฐมนตรีคลังเยอรมนีเตือนว่า หาก ECB ทำมาตรการเพื่อกด Yields ฝรั่งเศสลง อาจผิดกฏหมายได้
ข้อมูลจาก SCBFM

OCEAN LIFE ไทยสมุทร จัดสัมมนาสุขภาพออนไลน์ “75 ปี OCEAN LIFE HEALTHIVERSE SYMPOSIUM” รวม 6 กูรูสุขภาพอัพเดทความรู้เพื่อค...
28/06/2024

OCEAN LIFE ไทยสมุทร จัดสัมมนาสุขภาพออนไลน์ “75 ปี OCEAN LIFE HEALTHIVERSE SYMPOSIUM” รวม 6 กูรูสุขภาพอัพเดทความรู้เพื่อคนไทยไม่ป่วย
บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) เผยว่าในวาระครบรอบ 75 ปี OCEAN LIFE ไทยสมุทร ได้มุ่งเน้นกลยุทธ์ “HEALTHIVERSE” สู่โลกใหม่เพื่อชีวิตและสุขภาพที่ดีของคนไทย สนับสนุนให้คนไทยไม่ป่วยด้วยศักยภาพทั้ง 8 ด้าน หนึ่งในนั้นคือการมุ่งเน้นให้คนไทยมีความรู้ด้านสุขภาพที่ถูกต้อง จึงได้จัดสัมมนาออนไลน์ “75 ปี OCEAN LIFE HEALTHIVERSE SYMPOSIUM” โดยได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพมาให้ความรู้แบบอัพเดทและเจาะลึก ถึง 6 ท่าน 6 เรื่อง เน้นข้อเท็จจริงในการดูแลสุขภาพที่อัพเดทล่าสุดเพื่อช่วยยืดช่วงเวลาสุขภาพดีให้ยาวนาน ลดความเสี่ยง รวมทั้งเป็นทางเลือกในการแก้ปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้อย่างยั่งยืน
ภายในงานแบ่งออกเป็น 2 วัน วันแรกใช้ธีม “HealthSpark” จุดประกายความรู้ด้านสุขภาพลดความเสี่ยงจากโรคต่างๆโดยได้รับเกียรติจากคุณหมอป๊อบ นพ. ธนศักดิ์ ยิ้มเกิด จาก DietDoctor Thailand ให้เกียรติบรรยายเรื่อง” Why we sick? รู้สาเหตุการป่วย เพื่อเราจะไม่ป่วย” คุณหมอไมท์ นพ. ชาญสิริ เสกสรรค์วิริยะ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การนอนหลับ รพ.สมิติเวช ธนบุรี ให้เกียรติบรรยายเรื่อง “Good Sleep, Good Health. นอนดี หลับดี ชีวิตดี” และท่านสุดท้ายของวันแรก ได้แก่ คุณหมออั๋น นพ. นรินทร สุรสินธน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและการมีอายุยืนยาว มาบรรยายเรื่อง “Hallmarks of aging 9 กลไกความแก่…เช็คด่วน” ในวันที่สองของการสัมนา มาในธีม “HealthSpan” อัปเดทความรู้ที่จะช่วยยืดช่วงเวลาให้มีสุขภาพดีออกไปให้นานที่สุด โดยได้รับเกียรติจากคุณหมอเอก ทพ. กฤตภพ วชาติมานนท์ เจ้าของเพจหมออ้วนในดงลดน้ำหนัก ให้เกียรติมาบรรยายในหัวข้อ “Life, Health & Wealth Span 3 สมดุล อายุยืนอย่างมีคุณภาพ” ท่านที่สองได้แก่ อาจารย์หมอสุรัตน์ ผศ.นพ. สุรัตน์ ตันประเวช หัวหน้าหน่วยประสาทวิทยา และศูนย์โรคสมองภาคเหนือ คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ Founder แอปพลิเคชั่น Smile Migrane กับหัวข้อเรื่อง “Goodbye Migraine ! ได้เวลา…บอกลาไมเกรน” และปิดท้ายงานสัมมนากับคุณหมอวี นพ. วีระพันธ์ สุวรรณนามัย เจ้าของช่องยูทูป Dr.V Channel มาบรรยายเรื่อง “Lifestyle Medicine เวชศาสตร์วิถีชีวิต ใช้ชีวิตป้องกันโรค” ซึ่งงานนี้ได้ทำการถ่ายทอดสดจาก OCEAN LIFE Love Space ผ่านช่องทางโซเชียลของบริษัท ฯ โดยสามารถติดตามชมย้อนหลังได้ในช่องทางดังกล่าว
OCEAN LIFE ไทยสมุทร ใช้ความรักเป็นพลังขับเคลื่อนองค์กรมายาวนาน 75 ปี โดยไม่หยุดพัฒนาในทุกมิติ เพื่อทำให้ประกันชีวิตเป็นเรื่องง่าย ทำให้คนไทยเข้าถึงประโยชน์ของการประกันชีวิตได้มากที่สุด พร้อมแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลโลกและสังคม เพื่อส่งมอบอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อไปได้ใช้ชีวิตอย่างมั่นคง มั่นใจ ปลอดภัย มีความสุข ร่วมติดตามข่าวสารและกิจกรรมดี ๆ จาก OCEAN LIFE ไทยสมุทร
.
📌 สามารถอ่านบทความของเราเพิ่มเติมได้ที่ :
www.advancedbizmagazine.com

สวัสดีตอนเช้า – แนวโน้มตลาดวันนี้ “แกว่งในกรอบ รอดูตัวเลข PCE สหรัฐ” ข้อมูลจาก : บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด...
28/06/2024

สวัสดีตอนเช้า – แนวโน้มตลาดวันนี้ “แกว่งในกรอบ รอดูตัวเลข PCE สหรัฐ” ข้อมูลจาก : บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด

Famous Quote :ผู้ล้มเลิกไม่เคยชนะและผู้ชนะไม่เคยล้มเลิก-Vince Lombardi-WEBSITE:www.advancedbizmagazine.com
28/06/2024

Famous Quote :

ผู้ล้มเลิกไม่เคยชนะ
และผู้ชนะไม่เคยล้มเลิก

-Vince Lombardi-

WEBSITE:
www.advancedbizmagazine.com

ไทยประกันชีวิต คว้ารางวัล “ตัวแทนคุณภาพดีเด่นแห่งชาติ” ประจำปี 2567ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ชูฉัตร ประมูลผล เลขาธ...
28/06/2024

ไทยประกันชีวิต คว้ารางวัล “ตัวแทนคุณภาพดีเด่นแห่งชาติ” ประจำปี 2567
ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) พร้อมคณะผู้บริหาร คปภ. ร่วมแสดงความยินดี เนื่องในโอกาสที่ตัวแทนประกันชีวิตของ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลตัวแทนคุณภาพดีเด่นแห่งชาติ ครั้งที่ 41 ประจำปี 2567 (Thailand National Quality Awards: TNQA 41st) โดยมีนิติพงษ์ ปรัชญานิมิต ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ และ Chief Marketing Officer ให้การต้อนรับ ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อิมแพ็ค เมืองทองธานี
.
📌 สามารถอ่านบทความของเราเพิ่มเติมได้ที่ :
www.advancedbizmagazine.com

หอการค้าไทย จับมือ โกโกลุก ยกระดับความเชื่อมั่นการสื่อสารกลุ่มธุรกิจไทยหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ บริษั...
27/06/2024

หอการค้าไทย จับมือ โกโกลุก ยกระดับความเชื่อมั่นการสื่อสารกลุ่มธุรกิจไทย
หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ บริษัท Gogolook (โกโกลุก) จำกัด ผู้ให้บริการทางด้านเทคโนโลยีเพื่อความเชื่อมั่น (TrustTech) และผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน Whoscall ร่วมยกระดับการสื่อสาร พัฒนาสัมพันธ์กับลูกค้า และสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ ด้วยบริการยืนยันหมายเลข Whoscall Verified Business Number ลงทะเบียนและยืนยันเบอร์โทรศัพท์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าในการรับสาย

การลงทะเบียนและยืนยันหมายเลขโทรศัพท์กับบริการ Whoscall Verified Business Number ช่วยให้ธุรกิจปกป้อง ภาพลักษณ์ ของแบรนด์ เนื่องจากผู้รับสายจะรู้ข้อมูลสายโทรเข้าได้ง่ายขึ้น สำหรับผู้ใช้ Android ฟีเจอร์ Whoscall Verified Business Number สามารถระบุชื่อสายโทรเข้า แสดงรูปภาพหรือโลโก้องค์กร สโลแกน และวัตถุประสงค์ ของการโทรเข้า นอกจากการสร้าง ภาพลักษณ์ทางธุรกิจที่ดี บริการนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อทั้งธุรกิจในการสร้างภาพลักษณ์ และลูกค้าที่ได้รับความโปร่งใส และน่าเชื่อถือ ลดอัตราปฏิเสธการรับสายของลูกค้า
.
อมรเทพ ทวีพานิชย์ ผู้อำนวยการบริหาร หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ในสถานการณ์ปัจจุบันที่โทรศัพท์หลอกลวงจากมิจฉาชีพเกิดขึ้นทุกวัน การรับสายโทรเข้าที่ไม่รู้จักกลายเป็นความเสี่ยง มากขึ้น ลูกค้าจึงเลือกไม่รับสายเบอร์แปลก ธุรกิจที่อาศัยการติดต่อสื่อสารผ่านโทรศัพท์ อาจสูญเสียโอกาสในการติดต่อ กับลูกค้าและอาจส่งผลกระทบต่อยอดขาย การโทรด้วยหมายเลขที่ได้รับการยืนยันตัวตนจะช่วยสร้างความไว้วางใจ ระหว่างนักธุรกิจและลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารและความพึงพอใจของลูกค้า”
แมนวู จู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท Gogolook จำกัด ผู้ให้บริการแอป Whoscall กล่าวเสริมว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากหอการค้า และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย การจับมือร่วมกันครั้งนี้ มุ่งหวังที่จะสร้าง บรรยากาศทางธุรกิจที่ปลอดภัย ลดความเสี่ยงถูกมิจฉาชีพหลอกลวงและสร้างระบบดิจิทัลที่ปลอดภัย ยิ่งขึ้นสำหรับทั้งกลุ่มธุรกิจและลูกค้า เรายินดีที่จะมอบสิทธิพิเศษให้แก่สมาชิก ของหอการค้า และสภาหอการค้าแห่ง ประเทศไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ และยินดี ที่จะร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจ และองค์กรอื่นๆ เพื่อใช้ประโยชน์จากบริการนี้ มากขึ้นด้วยเช่นกัน”
.
ผู้ใช้โทรศัพท์กว่า 60% เลือกไม่รับสายเบอร์แปลก ทำให้ธุรกิจต่างๆ พลาดโอกาสในการพูดคุยกับลูกค้าโดยตรง การช่วยให้ผู้รับรู้วัตถุประสงค์ของสายโทรเข้าที่หลอกลวง เพื่อติดต่อธุรกิจ หรือเรื่องส่วนตัว อย่างบริการ Whoscall Verified Business Number ช่วยส่งเสริมการเติบโต และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของธุรกิจไทย ด้วยเทคโนโลยีที่สร้างความน่าเชื่อถือและ ช่วยให้องค์กรมีความโดดเด่น ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง ปัจจุบัน มีองค์กรธุรกิจชั้นนำเริ่มใช้บริการของ Whoscall Verified Business Number ทั้ง ธนาคาร ประกันภัย โลจิสติกส์ และอีกมากมาย
.
การเปิดตัวบริการ Whoscall Verified Business Number อยู่ในช่วงเวลาที่ประชาชนสนใจเรื่องความปลอดภัย ทางดิจิทัลเพิ่มขึ้น และให้ความสำคัญต่อการสร้างความเข้าใจประเด็นดังกล่าวต่อเนื่อง ถือเป็นการทำงานเชิงรุก ในการให้ความรู้กลุ่มธุรกิจ และประชาชนเพื่อสร้างการสื่อสารที่ปลอดภัย
.
สมาชิกหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่สมัครใช้บริการ Whoscall Verified Business Number จะได้รับส่วนลดค่าบริการพิเศษจาก 280 บาท เหลือ 250 บาท ต่อเดือน ถือเป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นของ Gogolook ในการสนับสนุนธุรกิจไทย
📌 สามารถอ่านบทความของเราเพิ่มเติมได้ที่ :
www.advancedbizmagazine.com

เพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ รุ่นปี 2567 กับภารกิจปลุกปั้นเยาวชนนักธุรกิจสู่บ้านเกิดมูลนิธิเพาะพันธุ์ปัญญา ด้วยการสนับสนุนของธนา...
27/06/2024

เพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ รุ่นปี 2567 กับภารกิจปลุกปั้นเยาวชนนักธุรกิจสู่บ้านเกิด
มูลนิธิเพาะพันธุ์ปัญญา ด้วยการสนับสนุนของธนาคารกสิกรไทย สานต่อโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ รุ่นปี 2567 ภายใต้แนวคิด ‘อัพเวลสกิลธุรกิจ เสริมทักษะชีวิต ติดปีกผู้ประกอบการ’ สร้างเสริมประสบการณ์ด้านธุรกิจให้แก่เยาวชนระดับมัธยมศึกษาของจังหวัดน่าน จำนวน 50 คน จาก 13 โรงเรียน ตลอดระยะเวลา 79 วัน ผ่านกระบวนการเรียนรู้ในการดำเนินธุรกิจที่ออกแบบตามแนวคิดเพาะพันธุ์ปัญญา เพื่อสร้างองค์ความรู้และประสบการณ์จากการลงมือปฏิบัติด้วยตนเองตามกระบวนการโครงงานฐานวิจัย แคมป์เพาะพันธุ์ปัญญาถือเป็นการเรียนรู้นอกหลักสูตรที่จัดทำในช่วงปิดเทอม ทักษะและประสบการณ์นอกห้องเรียนที่ได้นี้ จะเสริมประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของเยาวชน พัฒนาทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่น และความสามารถในการประยุกต์ความรู้ใหม่ใช้กับสถานการณ์จริงที่ตนเผชิญ

ดร.อดิศวร์ หลายชูไทย กรรมการผู้จัดการ มูลนิธิเพาะพันธุ์ปัญญา เปิดเผยว่า มูลนิธิเพาะพันธุ์ปัญญาก่อตั้งขึ้นเพื่อสานต่อแนวคิดเพาะพันธุ์ปัญญา ที่มุ่งส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ตามหลักผลเกิดจากเหตุ เพื่อให้เยาวชนสามารถคิดวิเคราะห์แนวทางในการแก้ปัญหา ต่อยอดโอกาสในการพัฒนาตนเอง และสร้างโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต อันนำไปสู่การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนในอนาคต จึงได้จัดทำโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ขึ้นในช่วงปิดภาคการศึกษา โดยมีพันธกิจสำคัญ คือการทำให้เยาวชนสามารถเข้าถึงความรู้ใหม่ พัฒนาทักษะใหม่ และเก็บประสบการณ์การเรียนรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีพ โดยเข้าร่วมแคมป์การทำธุรกิจเชิงปฏิบัติการและการเรียนออนไลน์ รวมถึงการเรียนรู้จากวิทยากรมืออาชีพในหลากแขนง
ผลการดำเนินโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ รุ่นปี 2567 ภายใต้แนวคิด ‘อัพเวลสกิลธุรกิจ เสริมทักษะชีวิต ติดปีกผู้ประกอบการ’ มีเยาวชนระดับมัธยมศึกษาของจังหวัดน่านเข้าร่วมโครงการ จำนวน 50 คน จาก 13 โรงเรียน ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมิถุนายน โดยตลอดระยะเวลา 79 วัน เยาวชนได้เรียนรู้การทำธุรกิจและลงมือปฏิบัติจริงผ่านแคมป์ต่าง ๆ ประกอบด้วย
แคมป์เพาะกล้า เพื่อฝึกฝนทักษะเบื้องต้นในการเป็นผู้ประกอบการ เยี่ยมชมสถานประกอบการในจังหวัดน่าน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่แคมป์หลักอีก 3 แคมป์ ได้แก่
แคมป์ที่ 1 กล้าเรียน เพื่อปูพื้นฐานในการสร้างสรรค์ไอเดียธุรกิจ ความเป็นไปได้ และเรียนรู้สิ่งที่จำเป็นในการทำธุรกิจ นำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาไอเดียธุรกิจที่มีคุณค่า เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และนำไปทดลองตลาด (Minimum Viable Product: MVP)
แคมป์ที่ 2 กล้าลุย เพื่อบุกตลาด ลงมือขาย พบลูกค้าตัวจริง เรียนรู้จุดเด่น จุดด้อย เพื่อพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์และบริการ และเดินหน้าจัดจำหน่ายเป็นธุรกิจจริง
แคมป์ที่ 3 กล้าก้าว เพื่อรายงานและนำเสนอผลประกอบการจากการทำธุรกิจจริงในระยะเวลา 2 เดือนต่อคณะกรรมการ ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและนักธุรกิจตัวจริง รวมถึงผู้ถือหุ้นที่เป็นเจ้าของทุนที่ใช้ในการทำธุรกิจ นอกจากนี้ เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการยังได้เปิดโลกทัศน์เรียนรู้ประสบการณ์จากบุคคลต้นแบบที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจและผู้นำความคิดด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนระดับประเทศตลอดช่วงเวลาของการเข้าแคมป์อีกด้วย
ในกระบวนการเรียนรู้ตลอดการเข้าแคมป์ 79 วัน เยาวชนจาก 13 โรงเรียน ทั้ง 10 ทีม มีพัฒนาการความก้าวหน้า เกิดการพัฒนาระบบคิด วิเคราะห์ การใช้ตรรกะ การเรียนรู้ด้วยตนเอง ด้วยกระบวนการเพาะพันธุ์ปัญญา โดยใช้การทำโครงงานฐานวิจัยเป็นกลไกในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้เกิดขึ้น ซึ่งในกระบวนการทำโครงงานฐานวิจัย เยาวชนได้ใช้เรื่องการทำธุรกิจหรือการเป็นผู้ประกอบการมาเป็นหลัก และได้ลงมือทำจริงด้วยตนเอง จึงได้รับทั้งความรู้ ทักษะ และประสบการณ์จริง พร้อมได้รับแนวคิดจากผู้ประกอบการ ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการในการประกอบอาชีพต่าง ๆ ได้ในอนาคต
ทั้งนี้ โรงเรียนที่มีผลการประเมินพัฒนาการโดดเด่น 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. ทีมโรงเรียนเมืองยมวิทยาคารและโรงเรียนหนองบัวพิทยาคม 2. ทีมโรงเรียนนาหมื่นพิทยาคม และ 3. ทีมโรงเรียนแม่จริม โดยมีทีมโรงเรียนสาธุกิจประชาสรรค์ รัชมังคลาภิเษกและโรงเรียนสารทิศพิทยาคมที่ได้รับการประเมินว่าเป็นทีมที่สามารถปรับตัว แก้ปัญหา และเดินหน้าโครงการได้อย่างต่อเนื่องแม้จะเจออุปสรรคอย่างมากก็ตาม
ดร.อดิศวร์ กล่าวตอนท้ายว่า จุดมุ่งหมายของมูลนิธิเพาะพันธุ์ปัญญา ไม่ใช่การสร้างนักธุรกิจที่เก่งที่สุดหรือหาทีมที่ขายสินค้าได้มากที่สุด แต่เป็นการให้โอกาสในการเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ประกอบการครั้งแรกในชีวิตให้กับเยาวชนเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ต่อไปในอนาคต และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสมดุล ตลอดจนการเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ ที่จะเป็นผู้นำในการสร้างการเปลี่ยนแปลง และสามารถเผยแพร่แบ่งปันความรู้ใหม่ ทักษะใหม่ และประสบการณ์ เพื่อทำคุณประโยชน์ให้กับบ้านเกิด ชุมชน สังคม และประเทศชาติได้อย่างยั่งยืน

ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์มูลนิธิเพาะพันธุ์ปัญญา https://www.pohpunpanyafoundation.org/
.
เสียงสะท้อนจากเยาวชนในโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ รุ่นปี 2567
นางสาวพิมพ์พิศุทธิ์ ปานหยวก หรือ เรโอ ตัวแทนจากทีมอำเภอท่าวังผา แบรนด์ “สปาไกตี้” (สปาเก็ตตี้เส้นไก และซอสน้ำพริกอ่อง) เล่าให้ฟังว่า การได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ในครั้งนี้ นอกจากได้เรียนรู้กระบวนการทำธุรกิจว่ามีขั้นตอนอย่างไรแล้ว ตนยังได้รู้จักวิธีการหากลุ่มลูกค้า ได้ฝึกฝนการนำเสนอไอเดียให้กับคณะกรรมการ (บอร์ด) เหล่านี้ล้วนเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่ทำให้ตนเองและเพื่อนในทีมเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการทำธุรกิจไปเลย จากเดิมที่คิดว่าแค่ซื้อมาขายไปขอแค่มีกำไรก็พอ ไม่สนว่าจะขายที่ไหน ขายให้ใคร
“พอได้ลงมือปฏิบัติจริงถึงรู้ว่าการทำธุรกิจหนึ่งให้เติบโตได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เราต้องจริงจังทุกขั้นตอนโดยเฉพาะเรื่องเงินและการขาย หนูไม่คิดว่าต้องมาทำอะไรแบบนี้ พอได้มาทำมาเข้าแคมป์ถึงได้รู้ว่ากว่าจะมีคนเข้าใจสินค้าของเรา กว่าที่คนจะยอมจ่ายเงินซื้อสินค้าของเราต้องวางแผนให้รัดกุมและใช้เวลา”
วีรภัทร เขียวสุวรรณ หรือ วี ตัวแทนจากทีมอำเภอเวียงสา แบรนด์ “ผึ้งปิ๊กน่าน” (ขนมไวท์ช็อคโกแลตสอดไส้น้ำผึ้งเวียงสาแท้ 100% ในรูปแบบกล่องของฝากจากเมืองน่าน) เล่าให้ฟังว่า ตนเองและเพื่อนในทีมจากเดิมเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าพูด ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น พอได้เข้าร่วมโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ ได้รู้จักเพื่อนจากโรงเรียนอื่นๆ ได้เจอพี่ๆ จากมูลนิธิฯ และคณะอาจารย์ที่คอยสนับสนุน เราเหมือนเป็นคนใหม่ ทุกคนเติบโตและมีความกล้ามากขึ้น ไม่ว่าจะกล้าคิดกล้าทำ กล้าตัดสินใจ นอกจากนี้ มุมมองในการทำธุรกิจก็เปลี่ยนไปหลังจากได้ลงมือปฏิบัติจริง ก็เห็นว่ามีหลายขั้นตอนที่ต้องละเอียดอย่างมาก และต้องมีการวางแผนที่ชัดเจนด้วย ไม่อย่างนั้นธุรกิจเราก็จะเดินหน้าต่อไปไม่ได้
ภูผา ดีอุ่น หรือ ภูผา ตัวแทนจากทีมอำเภอนาหมื่น แบรนด์ “Sill Feed” (ผลิตภัณฑ์ผงโรยอาหารสุนัขและแมว) เล่าต่อว่า หลังจากที่ได้เข้าร่วมโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ ตนเองได้ความรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจเยอะมาก อาทิ การคิดค้นผลิตภัณฑ์ การหาตลาด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ตนคิดว่าจะสามารถนำไปต่อยอดหรือใช้ความรู้เหล่านี้ในอนาคตได้อย่างแน่นอน เผื่อในอนาคตอยากมีธุรกิจเป็นของตนเอง
ด้าน ณัฏฐธิดา ต๊ะเสน หรือ พลอย หนึ่งในทีมอำเภอนาหมื่น เสริมว่า ตนเชื่อว่าองค์ความรู้ ประสบการณ์ที่ได้จากโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ในครั้งนี้จะถูกนำไปปรับใช้ในอนาคตอย่างแน่นอน อย่างน้อยมันจะเป็นพื้นฐานว่าการจะมีธุรกิจเป็นของตนเองได้จะเริ่มต้นอย่างไร ต้องมีอะไร และดำเนินการวางแผนอย่างไรถึงจะประสบผลสำเร็จ
“ค่ายเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ทำให้ทุกคนรู้จักการทำงานเป็นทีม มีความรับผิดชอบ ไม่ทิ้งงาน ไม่ละเลยหน้าที่ของแต่ละคนที่ได้รับมอบหมาย ทุกคนจะรู้ว่าหน้าที่ของตนเองคืออะไรและทำมันให้เต็มที่ ถ้าเราอยู่ในวัยที่สูงขึ้นหรือว่าอยู่ในวัยทำงาน สิ่งเหล่านี้ที่ได้เรียนรู้มาจะทำให้ทุกคนสามารถปรับตัวได้ง่าย เพื่อทำให้งานออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุด ที่สำคัญเราทุกคนรู้คุณค่าของเงิน ได้เรียนรู้ว่าเงินนั้นหายาก”
งามเนตรรวี แสงคำ หรือ ยู ตัวแทนจากทีมอำเภอแม่จริม แบรนด์ “InsTAN” (ผลิตภัณฑ์ข้าวแต๋นไบท์) เล่าปิดท้ายถึงประสบการณ์และความประทับใจต่อการเข้าร่วมโครงการเพาะพันธุ์ปัญญาแคมป์ว่า ตลอด 79 วันที่ผ่านมา พวกเราทุกคนเติบโตขึ้นเยอะมากมีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการรู้คุณค่าของเงิน ได้เรียนรู้ว่าเงินนั้นหามายาก นอกจากนี้ สิ่งที่ได้เรียนรู้นอกจากการทำธุรกิจอีกอย่าง คือ ได้ลองนำเสนองานให้กับฝ่ายบริหาร ขายงานต่อหน้าผู้ถือหุ้น ซึ่งถือเป็นสิ่งใหม่ที่ทุกคนไม่เคยได้ทำในห้องเรียน
📌 สามารถอ่านบทความของเราเพิ่มเติมได้ที่ :
www.advancedbizmagazine.com

เอไอเอ ประเทศไทย ครองอันดับ 1 รางวัลตัวแทนคุณภาพดีเด่นแห่งชาติ ครั้งที่ 41 (TNQA 41st) ติดต่อกันเป็นปีที่ 17เอไอเอ ประเท...
27/06/2024

เอไอเอ ประเทศไทย ครองอันดับ 1 รางวัลตัวแทนคุณภาพดีเด่นแห่งชาติ ครั้งที่ 41 (TNQA 41st) ติดต่อกันเป็นปีที่ 17
เอไอเอ ประเทศไทย นำทัพพลังตัวแทนประกันชีวิต ร่วมพิธีมอบรางวัลตัวแทนคุณภาพดีเด่นแห่งชาติ ครั้งที่ 41 (Thailand National Quality Awards: TNQA 41st) ซึ่งในปีนี้เอไอเอยังคงครองอันดับ 1 รางวัลตัวแทนคุณภาพดีเด่นแห่งชาติ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 17 โดยมีจำนวนตัวแทนที่ได้รับรางวัลทั้งสิ้นถึง 1,368 ท่าน ถือเป็นจำนวนมากที่สุดจากทั้งหมด 15 บริษัทประกันชีวิตชั้นนำ โดยในงานได้รับเกียรติจาก ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง และคุณชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สลักจิต นิลประเสริฐศักดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนช่องทางการขาย และคุณกันยา กันตถาวร ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการตลาดและสื่อสารตัวแทน ร่วมถ่ายภาพเพื่อแสดงความยินดีแก่ตัวแทนที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติในครั้งนี้ โดยตัวแทนเอไอเอที่ได้รับรางวัลโล่เกียรติคุณ 20 ปี พร้อมเกียรติบัตร มีจำนวน 2 ท่าน ได้แก่ รัตนา กมลงามพิพัฒน์ และเสาวลักษณ์ สุขแก้ว รางวัลโล่เกียรติคุณ 15 ปี พร้อมเกียรติบัตร มีจำนวน 8 ท่าน ได้แก่ บุปผา ฉันทประทีป สุรเชษฐ์ ชลตระกูล พิมพ์ชยา รุ่งอริยสกุลชัย นารถฤดี ปึงศิริเจริญ ประไพ สาคร คุณาวุฒ อภิเนาวนิเวศนคุณไสว ศิลปานนท์ และชุติมณฑน์ ไกรรักษ์ โดยพิธีมอบรางวัลตัวแทนคุณภาพดีเด่นแห่งชาติ ครั้งที่ 41 จัดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน 2567 ณ รอยัลจูบิลี่ บอลรูม อิมแพ็ค เมืองทองธานี
นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนเอไอเอที่ได้รับรางวัลโล่เกียรติคุณ 10 ปี พร้อมเกียรติบัตร จำนวน 24 ท่าน ได้แก่ คุณเพ็ญสุดา เมธาสันต์ วิภาดา ทรัพย์ทวีมั่นคง ปีติธร ชาประดิษฐ์ สถิตย์ สมเงิน สถิรยา เงินแจ้ง สุคนธ์ทิพย์ สายทองมี ลักษมี สิทธิ ชัยญาพร พรมยะดวง ธัญต์นภัส ภาคสุนทร มณฑา ณ นรงค์ พลกฤต ทาหลี นวลจันทร์ ไชยสาร กาญจนา ชัยศรีรัมย์ วราพร อิ่มทรัพย์ พิมศิริ มาลารัตน์ น้ำฝน พวงเพชร ปานฝัน เรืองอนันต์ วารินทร์ คำพรม กัลย์นภัส ลัทธิประสาธน์ ธวัชชัย เดชวงษาปรีญาภรณ์ สายจันทร์ ณัฐนันท์ วสันต์ชื่น นงคาญ สังสีมา และลั่นทม ศักดิ์ชัยหิรัญกุล สำหรับตัวแทนที่ได้รับรางวัลโล่เกียรติคุณ มีจำนวน 5 ท่าน และรางวัลเกียรติบัตร อีกจำนวน 1,302 ท่าน พร้อมกันนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ยังได้จัดพิธีมอบเสื้อสูท TNQA ให้แก่พลังตัวแทน โดย นิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เพื่อเชิดชูเกียรติและสร้างความภาคภูมิใจให้แก่พลังตัวแทน ซึ่งความสำเร็จของพลังตัวแทนทุกท่านในครั้งนี้ สะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพ ความมุ่งมั่นตั้งใจในการให้บริการลูกค้า และความไม่หยุดที่จะพัฒนาตนเองเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้าทั่วประเทศ ด้วยเป้าหมายเดียวกันคือต้องการสนับสนุนคนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’
📌 สามารถอ่านบทความของเราเพิ่มเติมได้ที่ :
www.advancedbizmagazine.com

ธนาคารกรุงเทพ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตั้งธงพิชิตเป้าหมาย ปี 68 ‘ขยะฝังกลบเป็นศูนย์’นำร่องอาคารสำนักงานพระราม 3 จัดโครงการจัดกา...
27/06/2024

ธนาคารกรุงเทพ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตั้งธงพิชิตเป้าหมาย ปี 68 ‘ขยะฝังกลบเป็นศูนย์’
นำร่องอาคารสำนักงานพระราม 3 จัดโครงการจัดการขยะครบวงจร
เชื่อมโยงทุกมิติ สู่ 80 ปีที่เติบโตอย่างยั่งยืน
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ประกาศเป้าหมายจัดการขยะอย่างจริงจัง ตั้งธง ปี 2568 ‘ขยะฝังกลบเป็นศูนย์’ นำร่องอาคารสำนักงานพระราม 3 งัดมาตรการจัดการขยะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ผนึกกำลังผู้บริหาร-พนักงาน สร้างความรู้-มีส่วนร่วม ผ่านโครงการ Bualuang Save the Earth: 3R+ ดึงพันธมิตร “บมจ.เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน” โดยโครงการ ‘ส่งขยะกลับบ้าน’ จัดการขยะกำพร้า พร้อมตั้งเป้าขยายผลสู่ทุกอาคารสำนักงาน มุ่งมั่นเชื่อมโยงทุกมิติ ตอกย้ำการเป็น ‘สถาบันการเงินชั้นนำระดับภูมิภาค’ ที่เติบโตอย่างยั่งยืน

กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารได้เริ่มเดินหน้าโครงการ Bualuang Save the Earth: 3R+ (Reduce Reuse Recycle Plus) เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและมีการบริหารจัดการขยะที่เกิดขึ้นภายในธนาคารอย่างมีประสิทธิภาพ โดยกำหนดเป้าหมายสำคัญที่ต้องการจะลดปริมาณ ‘ขยะฝังกลบเป็นศูนย์’ ดำเนินการนำร่องพื้นที่อาคารสำนักงานพระราม 3 (Zero Waste to Landfill @ BBL Rama3) ภายในปี 2568 ซึ่งได้นำแนวคิดการบริหารจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพและครบวงจรมาปรับใช้อย่างจริงจัง

ภายใต้แนวคิดจัดการขยะดังกล่าว จะเริ่มตั้งแต่ต้นน้ำ ธนาคารส่งเสริมให้พนักงานทุกคนและทุกคนที่เข้ามาในอาคารเกิดพฤติกรรมที่ลดการสร้างขยะโดยเฉพาะการใช้ภาชนะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 98% ของปริมาณขยะทั้งหมด จากนั้นส่งเสริมให้พนักงานแยกประเภทขยะอย่างจริงจังในต้นทาง ซึ่งธนาคารได้ติดตั้งถังขยะแยกประเภทไว้ทุกชั้นของอาคาร และพื้นที่สำนักงานภายในอาคารเกือบ 100% จะไม่มีถังขยะส่วนตัว รวมถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ในส่วนกลางน้ำ ธนาคารได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่แม่บ้านช่วยคัดกรองขยะซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้ขยะถูกแยกประเภทได้อย่างถูกต้องและครบถ้วนมากที่สุดรวมถึงได้จัดสรรพื้นที่อย่างเพียงพอสำหรับการคัดแยก เพื่อให้สามารถรวบรวมและจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบเพื่อรอสำหรับนำส่งต่อไปกำจัดอย่างถูกวิธี

ส่วนสุดท้ายปลายน้ำ เน้นจัดการและกำจัดขยะแต่ละประเภทอย่างเหมาะสม เช่น ขยะเศษอาหาร สามารถจัดการได้โดยนำไปรีไซเคิลเพื่อทำสารบำรุงดิน โดยล่าสุด ธนาคารได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องกำจัดขยะเศษอาหาร บริเวณโรงอาหารธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่สีลม และสำนักงานพระราม 3 ซึ่งทำงานด้วยระบบเทคโนโลยี Food waste processor ที่คืนคุณประโยชน์ในรูปของสารบำรุงดิน สามารถช่วยลดปริมาณขยะเศษอาหารที่จะถูกส่งไปยังบ่อฝังกลบได้สูงสุดถึง 100 กิโลกรัมต่อวัน คาดว่าจะสามารถช่วยลดการเกิดก๊าซเรือนกระจกได้สูงถึง 33.3 กิโลคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (kgCO2eq) ต่อวัน หรือ 12.15 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq) ต่อปี เมื่อเทียบกับการนำไปฝังกลบ

“นอกจากแผนดำเนินการอย่างเป็นระบบตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำแล้ว ธนาคารยังได้กำหนดแผนสื่อสารให้ความรู้และกิจกรรมกับพนักงานรวมถึงผู้ใช้พื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและเป็นกำลังสำคัญของโครงการนี้ ขณะเดียวกัน ธนาคารยังได้รับการสนับสนุนที่ดีจากพันธมิตรผ่านโครงการ “ส่งขยะกลับบ้าน” ของบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) ที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อนำส่งขยะกำพร้าไปผ่านกระบวนการแปรรูปเป็นก้อนเชื้อเพลิงพลังงานทดแทน ซึ่งหลังจากนี้ธนาคารมีแผนจะขยายโครงการไปยังพื้นที่อาคารสำนักงานใหญ่ สีลม รวมถึงสาขาธนาคารทั่วประเทศเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน คือ ‘ขยะฝังกลบเป็นศูนย์’ นับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ธนาคารกรุงเทพ ในฐานะ ‘ธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค’ จะได้สร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ร่วมกัน ตามแนวคิดธนาคารที่ได้มุ่งมั่น ‘สรรค์สร้างคุณค่าสู่อนาคตที่ยั่งยืน’ ให้สังคมไทยตลอดการก้าวสู่ปีที่ 80” ดร.กอบศักดิ์ กล่าว

พรเพ็ญ เผ่ารัชตพิบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG กล่าวว่า กลุ่มบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน ผู้นำด้านการบริหารจัดการกากอุตสาหกรรม (ขยะอุตสาหกรรม) แบบครบวงจรรายเดียวในประเทศไทยที่ได้รับรองมาตรฐานสากล มีความยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ ภายใต้เจตนารมณ์เดียวกันที่ต้องการให้เกิดการแก้ปัญหาการจัดการขยะอย่างจริงจังและเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยเราได้ตั้งจุดดรอปโครงการ “ส่งขยะกลับบ้าน” ภายในบริเวณ ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานพระราม 3 เพื่อรับบริจาคขยะกำพร้า เช่น เศษกระดาษ ยาง ผ้า หนัง และพลาสติก หรือสิ่งของไร้ค่า นำกลับมาสร้างคุณค่าให้เกิดประโยชน์ใหม่ ผ่านกระบวนการแปรรูป เพื่อนำไปสร้างพลังงานทดแทนในการผลิตกระแสไฟฟ้าต่อไป
.
“กลุ่มบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน มีเจตนารมณ์ที่ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นการปลูกจิตสำนึกที่ดี กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมผ่านรูปแบบกิจกรรมบนความรับผิดชอบต่อสังคม และพร้อมพัฒนาความร่วมมือกับธุรกิจต่างๆ ที่ต้องการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงส่งเสริมความรู้ในการคัดแยกขยะและการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง ช่วยลดปริมาณขยะสู่บ่อฝังกลบ และสามารถนำขยะที่เกิดขึ้นไปใช้ประโยชน์ต่อได้อย่างสูงสุด ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เกิดความยั่งยืนที่แท้จริง ปัจจุบันโครงการ “ส่งขยะกลับบ้าน” สามารถช่วยลดปริมาณขยะฝังกลบได้แล้ว 1,628.89 ตัน (ข้อมูลระหว่าง 1 ม.ค. 2565 – 31 พ.ค. 2567)” พรเพ็ญ กล่าว

สำหรับ โครงการ Bualuang Save the Earth: 3R+ และการพิชิตเป้าหมาย “Zero Waste to Landfill @ BBL Rama3” เป็น 1 ในกิจกรรมภายใต้โครงการ Bualuang Save the Earth ซึ่งธนาคารกรุงเทพ มุ่งมั่นในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกธนาคารมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการ Bualuang Green Team โดยร่วมกับพนักงานในองค์กร สร้างกลุ่มคนต้นแบบในการขับเคลื่อนกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าพร้อมกับส่งเสริมการมีส่วนร่วมกับเจ้าหน้าที่บริหารและพนักงานในธนาคารทุกระดับ โครงการ Bualuang Save the Earth: รักษ์ท่าจีน (แผนงานระยะ 5 ปี ระหว่าง ปี 2566 – 2570) ซึ่งเป็นความร่วมมือในการจัดการขยะทะเลโดยความมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในบริเวณปากแม่น้ำ ได้แก่ หน่วยงานราชการท้องถิ่น และภาคีเครือข่ายชุมชน จังหวัดสมุทรสาคร และได้ทำการติดตั้งทุ่นดักขยะ ในพื้นที่นำร่อง คลองหลวงสหกรณ์ และคลองพิทยาลงกรณ์ ตำบลโคกขาม เพื่อลดปริมาณขยะที่ไหลลงสู่แม่น้ำท่าจีนและอ่าวไทย ให้ได้ปีละกว่า 148 ตันควบคู่กับการเดินหน้าสร้างความตระหนักรู้ผ่านเครือข่ายชุมชนและโรงเรียนในพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาที่ต้นทาง รวมทั้งเตรียมจัดตั้งธนาคารขยะ เพื่อสร้างคุณค่าและเพิ่มมูลค่าให้ขยะ ช่วยลดและแก้ไขปัญหาขยะในพื้นที่อย่างครบวงจรและยั่งยืน
.
📌 สามารถอ่านบทความของเราเพิ่มเติมได้ที่ :
www.advancedbizmagazine.com

NGG Jewellery ส่งคอลเล็กชั่นสุดพิเศษ! Petite E Signature คอลาบอเรชั่น ELLE x Gemalyn ชูจุดเด่นฝังพลอยกระเปาะตัว” E”NGG J...
27/06/2024

NGG Jewellery ส่งคอลเล็กชั่นสุดพิเศษ! Petite E Signature
คอลาบอเรชั่น ELLE x Gemalyn ชูจุดเด่นฝังพลอยกระเปาะตัว” E”
NGG Jewellery ส่งคอลเล็กชั่นสุดพิเศษ Petite E Signature ที่คอลาบอเรชั่นกับ ELLE คอลเลคชันสุดพิเศษจาก ELLE x Gemalyn ชูจุดเด่นด้วยเทคนิคฝังพลอยด้วยกระเปาะตัว E ครั้งแรกของเมืองไทย หลังประสบความสำเร็จอย่างงดงามกับ ‘De Paris Collection’ คอลเล็กชั่นแรกจาก Gemalyn อัญมณีหลากสีสันได้รับแรงบันดาลใจจากสีท้องฟ้าของกรุงปารีส ล่าสุดรับเทศกาลสีสันแห่งความสุข PROUD OF RIDE เปล่งประกายความเป็นตัวคุณ ได้เปิดตัวคอลเล็กชั่น Petite E Signature โดยตัวเรือนเป็นทอง 18.K มีให้เลือก 3 สี คือ White gold, Yellow gold และ Pink gold ล้อมเพชรธรรมชาติฝังลงตัวเรือน ดีไซน์แบบ Stacking ring เพิ่มความมินิมอล ให้สาวๆ ได้มิกซ์แอนด์แมตช์ อย่างสนุกสนาน จำหน่ายแล้วที่ NGG Jewellery ทุกสาขาทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ในทุกแพลตฟอร์ม...
ปัญจรัตน์ ทรัพย์หิรัญกุล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ บริษัท เอ็นจีจี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด เปิดเผยถึง “GEMALYN (เจมมาลิน)” แบรนด์เครื่องประดับสัญชาติไทย ที่นำเสนอความงดงามของพลอยแท้จากธรรมชาติได้อย่างลงตัว ตั้งแต่ออกแบบ คัดเลือกสีพลอย จนถึงรังสรรค์ออกมาเป็นเครื่องประดับที่รวมสีพลอยไว้สวยงามที่ผ่านมา Gemalyn ได้ปล่อยคอลเล็กชั่นแรก อย่าง “De Paris Collection” โดยได้รับแรงบรรดาลใจจากสีท้องฟ้าของกรุงปารีส ซึ่งคอลาบอเรชั่นกับแบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์จากฝรั่งเศสขวัญใจสาวๆ อย่าง ELLE และได้รับผลตอบรับด้วยดีจากกลุ่มลูกค้า ล่าสุดเพื่อเป็นการตอบแทนลูกค้าและต้อนรับเทศกาลสีสันแห่งความสุข PROUD OF RIDE เปล่งประกายความเป็นตัวคุณ จึงได้เปิดคอลเล็กชั่นใหม่สู่ตลาดเครื่องประดับ ให้มีสีสันในสไตล์ที่เป็นคุณกับคอลเลคชั่น Petite E Signature ซึ่งคอลาบอเรชั่นกับ ELLE เพื่อให้เป็นคอลเลคชันสุดพิเศษจาก ELLE x Gemalyn โดดเด่นด้วยเทคนิคการฝังพลอยด้วยกระเปาะตัว E ครั้งแรกของประเทศไทย
พร้อมกันนี้ คอลเลคชันสุดพิเศษนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากตัวอักษรแรกของ ELLE ที่ทรงพลังด้านแฟชั่น ซึ่งถือเป็นกระเปาะพิเศษที่ทาง Gemalyn และ ELLE รังสรรค์ขึ้นมาร่วมกัน โดยมีการฝังพลอยธรรมชาติหรือพลอยเนื้อแข็งมากถึง 7 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น Blue Sapphire, Yellow Sapphire, Pink Sapphire, Orange Sapphire, Purple Sapphire, Tsavorite และ Ruby ที่ตอกย้ำการเป็นผู้นำเสนอความงดงามของพลอยแท้จากธรรมชาติได้อย่างลงตัว ตั้งแต่การออกแบบ คัดเลือกสีพลอย จนถึงรังสรรค์ออกมาเป็นเครื่องประดับ
ทั้งนี้ ความพิเศษของจิวเวลรี่คือ ตัวเรือนทอง 18K ที่มีให้เลือกถึง 3 สี ได้แก่ White gold, Yellow gold และ Pink gold รายล้อมไปด้วยเพชรธรรมชาติที่ฝังลงตัวเรือนอย่างประณีต ผ่านความบรรจงของช่างฝีมือมากประสบการณ์จาก NGG Jewellery พร้อมทั้งการสร้างกิมมิกในด้านดีไซน์ ที่
ให้สวมใส่แบบ Stacking ring หรือการสวมแหวนซ้อนกันหลายๆวง กลายเป็นความมินิมอลที่อัดแน่นไปด้วยดีเทล ซึ่งสาวๆ สามารถนำมามิกซ์แอนด์แมตช์ได้อย่างสนุกสนาน
พร้อมกันนี้ ไม่เพียงแค่เติมเต็มสีสันการแต่งตัวในแต่ละลุค แต่ยังเป็นไอเท็มที่เผยความเป็นแฟชั่นนิสต้าในแบบฉบับสาวปารีเซียงได้อย่างมีระดับ โดยทุกท่านสามารถร่วมสัมผัสความพิเศษของ Petite E Signature คอลเลคชั่นใหม่นี้ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่ NGG Jewellery อาณาจักรเครื่องประดับ ทอง เพชร อัญมณี และนาฬิกา หรือสามารถสั่งจอง ได้ทุกสาขาทั่วประเทศไทย คือ เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลอยุธยา, เซ็นทรัลเชียงใหม่, เซ็นทรัลนครสวรรค์, เซ็นทรัลนครปฐม, เซ็นทรัลพระราม 2, เซ็นทรัลระยอง, เซ็นทรัลศรีราชา, เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ , ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต, จังซีลอนภูเก็ต , เซ็นทรัลภูเก็ต และ เทอมินอลพัทยา
📌 สามารถอ่านบทความของเราเพิ่มเติมได้ที่ :
www.advancedbizmagazine.com

ที่อยู่

Bangkok
10170

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 17:00
อังคาร 09:00 - 18:00
พุธ 09:00 - 18:00
พฤหัสบดี 09:00 - 18:00
ศุกร์ 09:00 - 18:00
เสาร์ 09:00 - 16:30

เบอร์โทรศัพท์

+66896916863

เว็บไซต์

http://www.facebook.com/executivebizmedia

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Advanced Biz Mediaผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Advanced Biz Media:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์


บริษัทด้านสื่อ/ข่าวสาร อื่นๆใน Bangkok

แสดงผลทั้งหมด