กรุงเทพธุรกิจ

กรุงเทพธุรกิจ กรุงเทพธุรกิจ สื่อเพื่อผู้สนใจทุกแง่มุมเศรษฐกิจ การลงทุน ธุรกิจ ทั้งในและต่างประเทศ

ติดต่อฝ่ายโฆษณากรุงเทพธุรกิจ:
📲ศิชล ภวัตโณทัย
โทร. 0-2338-3325, 085-255-6753
อีเมล [email protected]
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _
📲 อัลเลียซ สะอิ
โทร. 0-2338-3561, 087-519-1379
อีเมล [email protected]
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _
📲 สมัครสมาชิก นสพ.กรุงเทพธุรกิจ
โทร. 0-2338-3000 กด 1, 086-310-3539

‘เอกชน’ หนุน ‘คลัง’ ลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 15 % หนุนธุรกิจเพิ่มลงทุน-จ้างงาน"หอการค้า" หนุนเก็บภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำ 15% ชี...
16/12/2024

‘เอกชน’ หนุน ‘คลัง’ ลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 15 % หนุนธุรกิจเพิ่มลงทุน-จ้างงาน
"หอการค้า" หนุนเก็บภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำ 15% ชี้ ได้ประโยชน์ ทั้งบริษัทในไทยเสียภาษีต่ำลดต้นทุน ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ส.อ.ท.ชี้ ไม่ขัดเก็บภาษีเงินได้ 2 อัตรา เก็บภาษีนิติบุคคลต่างชาติ 15% ช่วยดึงนักลงทุนที่ตั้งสำนักงานใหญ่ที่ประเทศ “สิงคโปร์” ที่ปัจจุบันเก็บ 17%
คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติร่าง พ.ร.ก.ภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ.... เพื่อรองรับการจัดเก็บภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำ 15% ตามแนวทาง Global minimum tax ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ที่กำหนดให้บริษัทข้ามชาติที่มีรายได้ไม่น้อยกว่าปีละ 750 ล้านยูโร จะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำ 15%
สำหรับร่าง พ.ร.ก.ดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2568 ซึ่งจะทำให้บริษัทข้ามชาติที่เข้าหลักเกณฑ์ตาม พ.ร.ก.เสียอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล 15% ส่วนบริษัททั่วไปเสียอัตราปกติ 20%
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า การที่ไทยจะพัฒนาและกระตุ้นเศรษฐกิจ จะต้องดึงดูดต่างชาติเข้ามาลงทุน ตามที่หอการค้าไทย เคยเสนอให้ดึงดูด expat ที่เก่งๆ เข้ามาให้มากที่สุด รวมถึงเร่งการลงทุนจากต่างประเทศนั้นจำเป็นต้องสร้างแต้มต่อทางด้านภาษีและผลประโยชน์ทางธุรกิจ
ทั้งนี้ หอการค้าฯ เห็นด้วยที่ควรจะมีการลดภาษีนิติบุคคลให้ใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่ง ซึ่งก็เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ OECD ภายใต้แนวทางการดำเนินการจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมจากบริษัทที่เข้าตามมาตรการต้องเสียภาษีขั้นต่ำ ในอัตรา 15% ถือเป็นหลักการที่ทั่วโลกรับรู้ร่วมกัน และมีการประกาศการใช้กฎหมายไปแล้วกว่า 20-30 ประเทศ
ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลอันชอบธรรมที่เหมาะสมที่ไทยจะขยับภาษีนิติบุคคลจาก 20% เป็น 15% ซึ่งส่วนนี้จะได้ประโยชน์ถึง 2 อย่าง คือ
1.ภาคธุรกิจภายในที่เสียภาษีต่ำ จะจ้างงานเพิ่มขึ้นได้ และมีต้นทุนต่ำทำให้สามารถควบคุมการขึ้นราคาสินค้าให้ไม่สูงมากจนเกินไป ส่งผลให้เงินเฟ้อต่ำ
2.ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ทั้งนี้ เชื่อว่าหากรัฐบาลมีความชัดเจนแล้วก็น่าจะสร้างความน่าสนใจและความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติได้มาก ซึ่งจะประโยชน์ต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในอนาคต
เม็ดเงินที่หายไปจากการลดภาษี เชื่อว่าจะมีการลงทุนมากขึ้นและหากประเทศไทย สามารถ นำบริษัทต่างๆ ที่อยู่นอกระบบภาษี มาเข้าสู่ระบบได้ก็จะเป็นการเสริมในส่วนนี้ด้วย”นายสนั่น กล่าว
อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1157876?anm=
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic

ติดเลื่อนไปเรื่อย ระวัง! ฉุดความสำเร็จ โค้ชจาก Google แนะวิธีแก้นิสัยผัดวันประกันพรุ่งในฐานะที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพการท...
16/12/2024

ติดเลื่อนไปเรื่อย ระวัง! ฉุดความสำเร็จ โค้ชจาก Google แนะวิธีแก้นิสัยผัดวันประกันพรุ่ง
ในฐานะที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพการทำงานของผู้นำระดับสูงของ Google ลอร่า เม มาร์ติน (Laura Mae Martin) มีความเชี่ยวชาญในการช่วยเหลือพนักงาน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานใหม่หรือผู้บริหารระดับสูง เพื่อให้พวกเขาสามารถทำงานสำเร็จได้มากขึ้นโดยไม่เบิร์นเอาท์ไปเสียก่อน
หนึ่งในวิธีที่ได้ผลคือต้องหลุดพ้นออกมาจากกับดัก “ผัดวันประกันพรุ่ง” ซึ่งสิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับวัยทำงานทุกคน ทั้งนี้ กลยุทธ์ในการเอาชนะนิสัยผัดวันประกันพรุ่งนั้น ทำได้โดย “การทำตัวเหมือนเป็นผู้ช่วยของตัวเอง”
“การเริ่มต้นลงมือทำ คือส่วนที่ยากที่สุดในการรับมือกับงานชิ้นใหญ่ๆ หรือเป้าหมายงานใหญ่ในระยะยาว หากไม่มีการวางแผนงานหรือควบคุมตัวเองให้ดี คุณก็อาจติดกับดักกับคำว่า ‘ตั้งใจจะทำ’ (แต่ไม่ได้ทำ) อยู่ร่ำไป จนในที่สุดงานนั้นก็ถูกละเลยไปได้ง่าย” มาร์ตินอธิบาย
การทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของตัวเองจะสามารถช่วยให้คุณเอาชนะอุปสรรคในการผัดวันประกันพรุ่งได้ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังเตรียมการนำเสนอโปรเจกต์งานชิ้นหนึ่ง ให้สลับบทบาทของตัวเองมาเป็น “ผู้ช่วย” โดยในฐานะผู้ช่วยคุณอาจจะช่วยเจ้านายทำสิ่งเหล่านี้ไว้ก่อนล่วงหน้า ได้แก่
- เปิดสไลด์เปล่าบนคอมพิวเตอร์ของคุณ
- บันทึกภาพที่ต้องใช้หรือรวมลิงก์การวิจัยที่เกี่ยวข้องกับโปรเจกต์นั้นเตรียมไว้
- ค้นหาโครงร่างตัวอย่างสไลด์นำเสนอจากโครงการที่คล้ายกัน
อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1157862?anm=
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจLifestyle #กรุงเทพธุรกิจLeadership

บางนา-ตราด ทำเลทองมาแรง! เซ็นทรัล-เดอะมอลล์-CP ทุ่มหมื่นล้าน ผุดโครงการยักษ์ตั้งเป้าฮับธุรกิจแห่งใหม่แหล่งข่าวในวงการอสั...
16/12/2024

บางนา-ตราด ทำเลทองมาแรง! เซ็นทรัล-เดอะมอลล์-CP ทุ่มหมื่นล้าน ผุดโครงการยักษ์ตั้งเป้าฮับธุรกิจแห่งใหม่
แหล่งข่าวในวงการอสังหาริมทรัพย์เปิดเผยว่า ทำเลบางนา-ตราดกำลังกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ใหม่ที่ดึงดูดการลงทุนมหาศาลจากทั้งนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในประเทศและนักลงทุนต่างชาติ ด้วยศักยภาพในการเป็นประตูสู่สนามบินสุวรรณภูมิ เชื่อมต่อเส้นทางสำคัญของกรุงเทพฯ และพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทำให้พื้นที่นี้ได้รับการจับตามองในฐานะทำเลทองแห่งอนาคต
การลงทุนในพื้นที่บางนา-ตราดร้อนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มทุนใหญ่ เช่น กลุ่มเซ็นทรัลและกลุ่มเดอะมอลล์ ต่างเดินหน้าพัฒนาโครงการขนาดใหญ่เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในพอร์ตธุรกิจค้าปลีกของตน
ล่าสุด CPAXTRA หรือบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ได้ตัดสินใจลงทุนในโครงการมิกซ์ยูส “The Happitat” ภายในโครงการ The Forestias ด้วยงบประมาณกว่า 8,390 ล้านบาท จึงทำให้บางนา-ตราด กลับมาคึกคักอีกครั้ง
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่ามีการขับเคลื่อนของกลุ่มทุนรายใหญ่ในบางนา-ตราด เริ่มจากกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN ได้เพิ่มความแข็งแกร่งในทำเลนี้ด้วยการเข้าซื้อกิจการบริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SF ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการเมกาบางนา การเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ใน SF ด้วยมูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท ทำให้ CPN มีศูนย์การค้าแนวราบที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ช่วยเสริมพอร์ตโฟลิโอค้าปลีกและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในระดับภูมิภาค
อ่าน: https://www.bangkokbiznews.com/news/1157833?anm=
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจRealestate

  | สรุปข่าวเด่นรอบโลก เช้าวันจันทร์ 16 ธ.ค.67◾ สื่อเกาหลีเหนือเรียกยุน ซ็อกยอล ‘หัวหน้ากบฏ’◾ นานาชาติเร่งเปิดสัมพันธ์ผู...
16/12/2024

| สรุปข่าวเด่นรอบโลก เช้าวันจันทร์ 16 ธ.ค.67
◾ สื่อเกาหลีเหนือเรียกยุน ซ็อกยอล ‘หัวหน้ากบฏ’
◾ นานาชาติเร่งเปิดสัมพันธ์ผู้นำใหม่ซีเรีย
◾ อิสราเอลเล็งเพิ่มประชากรที่ราบสูงโกลันสองเท่า
📌 สื่อเกาหลีเหนือเรียกยุน ซ็อกยอล ‘หัวหน้ากบฏ’
สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือ รายงานข่าวการถอดถอนประธานาธิบดียุน ซ็อกยอลของเกาหลีใต้เป็นครั้งแรกในวันนี้ (16 ธ.ค.) โดยเรียกว่า “หัวหน้าเครือข่ายกบฏ” จากความพยายามประกาศกฎอัยการศึกของเขา
รายงานข่าวสั้นๆ ไม่ถึง 12 ประโยค เป็นแค่การสรุปเหตุการณ์ถอดถอนยุน ไม่มีความเห็นเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือ ผู้ค่อนข้างปิดปากเงียบต่อความผันผวนทางการเมืองในฝั่งใต้
📌 นานาชาติเร่งเปิดสัมพันธ์ผู้นำใหม่ซีเรีย
นานาชาติเร่งสร้างความสัมพันธ์กับรัฐบาลเฉพาะกาลซีเรีย หนึ่งสัปดาห์หลังกลุ่มกบฏโค่นประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาดจนต้องลี้ภัยไปอยู่กรุงมอสโก
เมื่อวันอาทิตย์ (15 ธ.ค.) ทูตพิเศษสหประชาชาติเดินทางถึงกรุงดามัสกัส ผลักดัน “ความยุติธรรมและเอาคนก่ออาชญากรรมมาลงโทษ” ในวันเดียวกันตัวแทนจากกาตาร์ได้พบกับตัวแทนรัฐบาลชั่วคราว เตรียมเปิดสถานทูตกาตาร์อีกครั้งในวันอังคาร (17 ธ.ค.) หลังปิดไป 13 ปี ขณะที่ตุรกีกลับมาเปิดสถานทูตอีกครั้งในวันเสาร์ (14 ธ.ค.) หลังปิดไป 12 ปี
📌 อิสราเอลเล็งเพิ่มประชากรที่ราบสูงโกลันสองเท่า
สำนักงานนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล แถลงเมื่อวันอาทิตย์ (15 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น รัฐบาลเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์แผนงบประมาณ 11 ล้านดอลลาร์เพิ่มประชากรบนที่ราบสูงโกลันเป็นสองเท่า
ทั้งนี้ อิสราเอลยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของที่ราบสูงโกลัน ที่ราบสูงสำคัญทางยุทธศาสตร์มาตั้งแต่ปี 1967 แล้วผนวกเป็นของอิสราเอลในปี 1981 โดยที่ไม่มีใครยอมรับนอกจากสหรัฐ
#สรุปข่าวเด่นรอบโลก #กรุงเทพธุรกิจUpdate #กรุงเทพธุรกิจ

“ให้นิยามเศรษฐกิจไทยปี 2568 ความผันผวนที่มากขนาดนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นช่วงคลื่นลมแรง เรือเล็กงดออกจากฝั่ง ต้องใช้ความระมัด...
16/12/2024

“ให้นิยามเศรษฐกิจไทยปี 2568 ความผันผวนที่มากขนาดนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นช่วงคลื่นลมแรง เรือเล็กงดออกจากฝั่ง ต้องใช้ความระมัดระวังในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งการใช้ชีวิตด้วย”
— ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการ “กรุงเทพธุรกิจ Deep Talk”
นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า ปี 68 เต็มไปด้วยความผันผวนและความไม่แน่นอน ขณะที่ตัวช่วยสำคัญในปี 67 กลับเริ่มอ่อนกำลังลงทีละตัว ดังนั้นจึงเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลว่าจะทำอย่างไรเพื่อพยุงให้เศรษฐกิจปีหน้าเติบโตได้ตามศักยภาพ หรือเพิ่มศักยภาพเพื่อให้เศรษฐกิจโตได้มากกว่านี้ ซึ่งเรายังเฝ้ารอว่าภาครัฐจะมีมาตรการอะไรออกมาหลังจากนี้
อ่าน: https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1157805?anm=
ชมรายการ: https://youtu.be/gWc-Hq5uLZ0?si=8ozscPwppaAcZ-rp
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic

'สภาวะเงินฝืด' ในจีนกระทบทั้งโลกยังไง ?3 ดัชนีสำคัญของจีนทั้งดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และจีดีพี ต่างบ่งชี้ว่า...
16/12/2024

'สภาวะเงินฝืด' ในจีนกระทบทั้งโลกยังไง ?
3 ดัชนีสำคัญของจีนทั้งดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และจีดีพี ต่างบ่งชี้ว่าจีนเผชิญสภาวะเงินฝืด นักวิชาการชี้ สภาวะดังกล่าวอาจทำให้สถานการณ์เงินเฟ้อระหว่างประเทศ​ (International Inflation) ปรับตัวดีขึ้น ทว่าอาจทำให้กำไรบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นจีนหดตัว
จีนกำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งเกิดจากภาวะเงินฝืดที่มีผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อภูมิทัศน์เศรษฐกิจทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ราคาสินค้าได้ลดลงต่อเนื่องกันถึงหกไตรมาสติดต่อกัน ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงการเคลื่อนไหวของเงินฝืดที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตการเงินเอเชียตอนปลายทศวรรษ 1990
📌 รากเหง้าของภาวะเงินฝืด
ตรงข้ามกับความคาดหวังเริ่มแรกหลังการระบาดของโควิด-19 ว่าจะเกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง จีนประสบกับอุปสรรคทางเศรษฐกิจที่ซับซ้อน ซึ่งมีปัจจัยสำคัญหลายประการ:
1. ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ตกต่ำ: ภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเคยเป็นแรงขับเคลื่อนหลักทางเศรษฐกิจ กำลังประสบปัญหาอย่างรุนแรง ความเชื่อมั่นที่ลดลงและภาวะฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงอยู่ ส่งผลให้มีสินค้าคงคลังล้นตลาด บั่นทอนการใช้จ่ายของผู้บริโภคและแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ
2. ข้อจำกัดทางกฎระเบียบ: การกำกับดูแลที่เข้มงวดในอุตสาหกรรมที่มีรายได้สูง เช่น เทคโนโลยีและการเงิน ส่งผลให้มีการเลิกจ้างและลดเงินเดือน ซึ่งลดอำนาจการใช้จ่ายของผู้บริโภคลงอย่างต่อเนื่อง
3. การผลิตล้นตลาด: นโยบายการผลักดันการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้มีการผลิตเพิ่มขึ้น แต่ความต้องการยังคงอ่อนแอ บังคับให้ธุรกิจต้องลดราคา
อ่าน: https://www.bangkokbiznews.com/world/1157821?anm=
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic

ถึงเวลารัฐบาล ต้องปรับโครงสร้างภาษี |  #บทบรรณาธิการกรุงเทพธุรกิจหลายรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมามีความพยายามในการปรับโครงสร้าง...
15/12/2024

ถึงเวลารัฐบาล ต้องปรับโครงสร้างภาษี | #บทบรรณาธิการกรุงเทพธุรกิจ
หลายรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมามีความพยายามในการปรับโครงสร้างภาษีหรือการปฏิรูปภาษี เพราะรัฐบาลกำลังเจอปัญหาการขาดดุลงบประมาณที่รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ในขณะที่รัฐบาลมีความจำเป็นจะต้องจัดสรรงบประมาณสำหรับสวัสดิการประชาชนมากขึ้น เช่น กลุ่มเปราะบาง กลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งการปฏิรูปภาษีจำเป็นต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความสมดุลระหว่างการเพิ่มรายได้ การกระตุ้นเศรษฐกิจ และความเป็นธรรมทางสังคม
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เป็นภาษีที่มีข้อเสนอให้มีการปรับขึ้นมาต่อเนื่อง แต่หลายรัฐบาลที่ผ่านมาอาจภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่เอื้ออำนวย โดยประเทศไทยเริ่มเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อปี 2535 ในอัตรา 10% ของราคาสินค้าหรือบริการ แต่มีการปรับลดลงเหลือ 7% เมื่อปี 2542 จากผลกระทบวิกฤติเศรษฐกิจที่รัฐบาลต้องการลดผลกระทบภาษีต่อประชาชน และมีการจัดเก็บ 7% ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน โดยไม่มีรัฐบาลใดกล้ากลับขึ้นไปเก็บที่อัตรา 10% อีกเลยในช่วง 25 ปี ที่ผ่านมา
ในขณะที่นักวิชาการหลายภาคส่วนได้เสนอว่าควรขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้กลับไปจัดเก็บในอัตรา 10% โดยอาจจะใช้เวลาหลายปี ซึ่งการจัดเก็บที่อัตราดังกล่าวจะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่เกิน 300,000 ล้านบาท และทำให้รัฐบาลมีงบประมาณสำหรับจัดสวัสดิการแบบเฉพาะเจาะจงให้กับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย แน่นอนว่าจะช่วยบรรเทาภาระทางการคลังของรัฐบาลได้ระดับหนึ่ง จากปี 2568 ที่มีการขาดดุลงบประมาณถึง 800,000 ล้านบาท
ขณะที่ภาษีเงินได้นิติบุคคลมีเงื่อนไขที่ต้องปรับตามหลักเกณฑ์ Global Minimum tax อัตราไม่ต่ำกว่า 15% ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) สำหรับบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ ในขณะที่นิติบุคคลอื่นยังคงต้องเสียภาษีเงินได้ 20% ดังนั้นกระทรวงการคลังจะต้องศึกษาให้รอบคอบว่าอัตราการจัดเก็บที่แตกต่างกันจะทำอย่างไร เพราะรัฐบาลจะโดนกล่าวหาว่าลดภาษีให้บริษัทต่างชาติแน่นอน
ยังมีภาษีอีกหลายตัวที่ควรมีการปรับปรุงแก้ไข โดยเฉพาะภาษีที่ดินที่ยังมีช่องว่างในอัตราการจัดเก็บและวิธีการจัดเก็บที่กระทรวงการคลังจำเป็นต้องศึกษา รวมทั้งภาษีคาร์บอนที่ต้องดำเนินการตามร่าง พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้จึงมีการใช้กลไกภาษีสรรพสามิตไปก่อน โดยเป็นประเด็นที่ต้องมาดูว่าจุดสมดุลของการจัดเก็บภาษีเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนจะเป็นอย่างไร ประเด็นเรื่องภาษีจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบและกล้าตัดสินใจ
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic

Stock Focus วันที่ วันที่ 16-20 ธันวาคม 2567ติดตามข่าวสาร บทวิเคราะห์ที่น่าสนใจในแวดวงตลาดหุ้น เพิ่มเติมได้ที่: https://...
15/12/2024

Stock Focus วันที่ วันที่ 16-20 ธันวาคม 2567
ติดตามข่าวสาร บทวิเคราะห์ที่น่าสนใจในแวดวงตลาดหุ้น เพิ่มเติมได้ที่: https://www.bangkokbiznews.com/category/finance/stock
#กรุงเทพธุรกิจ

 #ข่าวหน้าหนึ่งกรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 15 ธันวาคม 2567🗞️หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจรูปแบบดิจิทัล i-NewsPaper พร้อมเสิร์ฟแ...
15/12/2024

#ข่าวหน้าหนึ่งกรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 15 ธันวาคม 2567
🗞️หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจรูปแบบดิจิทัล i-NewsPaper พร้อมเสิร์ฟแล้ว ทุกที่ทุกเวลา
สามารถสมัครสมาชิกด้วยตัวเองได้ที่
👉https://inews.bangkokbiznews.com/
หรือสอบถามเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายสมาชิก โทร. 02 338 3770-1 , Line ID : sub3770
Email : [email protected]
#กรุงเทพธุรกิจ

'คลัง' เผยผลแจกเงินหมื่นเฟส 1 ดัน 3 ดัชนีเศรษฐกิจฟื้น มั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจถูกทาง"เผ่าภูมิ" ระบุผลลัพธ์แจกเงิน 10,000 บา...
15/12/2024

'คลัง' เผยผลแจกเงินหมื่นเฟส 1 ดัน 3 ดัชนีเศรษฐกิจฟื้น มั่นใจกระตุ้นเศรษฐกิจถูกทาง
"เผ่าภูมิ" ระบุผลลัพธ์แจกเงิน 10,000 บาท เฟสแรก กลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน ดัน 3 ดัชนีความเชื่อมั่นขยายตัว รับการบริโภคพุ่ง
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงสถานการณ์ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนตุลาคม 2567 และพฤศจิกายน 2567 ดีขึ้นต่อเนื่อง 2 เดือนติด ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ 14.55 ล้านคน ที่ดำเนินตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายน 2567 ที่ผ่านมา
สะท้อนผ่านดัชนีทางเศรษฐกิจที่สำคัญ 3 ดัชนี ดังนี้
1. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confident Index: CCI) ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 2 เดือน จาก 55.3 จุด ในเดือนกันยายน 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 56.0 จุด ในเดือนตุลาคม 2567 และเพิ่มขึ้นเป็น 56.9 จุด ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ส่งผลให้มีการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น สร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น
2. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises Sentiment Index: SMESI) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 เดือนติดต่อกัน จาก 49.6 จุด เพิ่มขึ้นเป็น 52.2 จุด ในเดือนตุลาคม 2567 และเพิ่มขึ้นเป็น 53.0 จุดในเดือนพฤศจิกายน 2567 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งได้รับผลประโยชน์โดยตรงจากการเพิ่มกำลังซื้อในตลาด
3. ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (Thai Industrial Sentiment Index: TISI) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 87.1 จุด เป็น 89.1 จุด ในเดือนตุลาคม 2567 จากการผลิตและยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ในบ้าน และอุปกรณ์การเกษตร และปุ๋ยเคมี ที่เพิ่มขึ้นจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมที่เริ่มฟื้นตัวและตอบสนองต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าจำเป็นที่ตอบโจทย์ความต้องการในชีวิตประจำวันและภาคการเกษตร
อ่าน: https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1157844?anm=
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic

กรมชลประทาน ห่วงใยชาวนครศรีธรรมราช สั่งระดมเครื่องสูบน้ำช่วยเหลือเต็มกำลัง14 ธ.ค. 67 "กรมชลประทาน" ห่วงใยประชาชน ลงพื้นท...
15/12/2024

กรมชลประทาน ห่วงใยชาวนครศรีธรรมราช สั่งระดมเครื่องสูบน้ำช่วยเหลือเต็มกำลัง
14 ธ.ค. 67 "กรมชลประทาน" ห่วงใยประชาชน ลงพื้นที่ติดตาม และเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในพื้นที่ จ. นครศรีธรรมราช พร้อมติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำและเครื่องสูบน้ำ เพื่อเร่งการระบายออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด

"กรมชลประทาน" ห่วงใยชาวนครศรีธรรมราช เข้าช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง โดยติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำและเครื่องส....

สถิติมิจฉาชีพหลอกเงิน ‘คนไทย’ สูญ 7.7 หมื่นล้านบาท ใน 3 ปี ความเสียหายเฉลี่ยวันละ 77 ล้านบาท“คารม” เผย มูลค่าความเสียหาย...
15/12/2024

สถิติมิจฉาชีพหลอกเงิน ‘คนไทย’ สูญ 7.7 หมื่นล้านบาท ใน 3 ปี ความเสียหายเฉลี่ยวันละ 77 ล้านบาท
“คารม” เผย มูลค่าความเสียหายภัยออนไลน์จากมิจฉาชีพ สะสม มี.ค.65 - พ.ย.67 รวม 7.7 หมื่นล้านบาท เตือนประชาชนอย่าหลงกลตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงยอดแจ้งความออนไลน์สะสม ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2565 - 30 พ.ย.2567 ผ่าน thaipoliceonline มีจำนวน 739,494 เรื่อง มูลค่าความเสียหายรวม 77,360 ล้านบาท เฉลี่ยความเสียหายวันละ 77 ล้านบาท ผลการอายัดบัญชี จำนวน 560,412 บัญชี ยอดอายัดได้ จำนวน 8,627 ล้านบาท
นายคารม กล่าวต่อว่าทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 - 30 พ.ย. 2567 พบผลการแจ้งความออนไลน์ รวม 31,353 เรื่อง มูลค่าความเสียหายรวม 2,540 ล้านบาท เฉลี่ยวันละ 85 ล้านบาท ผลการอายัดบัญชี จำนวน 16,229 บัญชี ยอดขออายัด จำนวน 1,864 ล้านบาท ยอดอายัดได้ จำนวน 383 ล้านบาท
ประเภทคดีออนไลน์ที่มีการแจ้งความมากที่สุด 5 อันดับแรก ดังนี้
1. หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ (ไม่เป็นขบวนการ) มูลค่าความเสียหาย 146 ล้านบาท
2. หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ มูลค่าความเสียหาย 526 ล้านบาท
3. ข่มขู่ทางโทรศัพท์ (Call Center) มูลค่าความเสียหาย 444 ล้านบาท
4. หลอกให้กู้เงิน มูลค่าความเสียหาย 99 ล้านบาท
5. หลอกให้โอนเงินเพื่อรับรางวัลหรือวัตถุประสงค์อื่น มูลค่าความเสียหาย 221 ล้านบาท
อ่าน: https://www.bangkokbiznews.com/politics/1157824?anm=
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจUpdate

ทำสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนเสมอ ‘เจนเซน หวง’ ซีอีโอ Nvidia แชร์หลักการทำงานในฐานะผู้นำที่ประสบความสำเร็จระดับโลกเจนเซน หวง ...
15/12/2024

ทำสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนเสมอ ‘เจนเซน หวง’ ซีอีโอ Nvidia แชร์หลักการทำงานในฐานะผู้นำที่ประสบความสำเร็จระดับโลก
เจนเซน หวง (Jensen Huang) ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Nvidia หนึ่งในผู้นำที่ประสบความสำเร็จซึ่งได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ความสำเร็จของเขาไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แต่มาจากการทำงานอย่างมีวินัย รอบคอบ โดยเฉพาะเรื่องการจัดลำดับความสำคัญ และการจัดสรรเวลาให้ดี
“คุณจะมีเวลาเหลืออีกมาก ถ้าคุณจัดลำดับความสำคัญของงานให้ตัวเองอย่างเหมาะสม และแน่ใจว่าคุณไม่ปล่อยให้งานยิบย่อย (อย่างการเช็กอีเมล) เข้ามาเป็นผู้ควบคุมเวลาของคุณ”
สำหรับ เจนเซน หวง ผู้สร้างบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่มูลค่าเกือบ 2.7 ล้านล้านดอลลาร์ เขามักเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการทำในสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนเสมอ
“ผมเริ่มต้นทุกเช้าด้วยการทำสิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุดก่อน แล้วค่อยเริ่มทำงานอื่นๆ ต่อไป เมื่องานสำคัญที่สุดถูกทำให้เสร็จตั้งแต่ต้น วันนั้นของผมก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว”
กลยุทธ์ของหวงนั้นเรียบง่ายแต่ทรงพลัง นั่นคือ จัดการงานที่สำคัญที่สุดให้เสร็จก่อนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันทำให้เขารู้สึกว่างานเสร็จเรียบร้อยก่อนที่วันทำงานจะเริ่มอย่างเป็นทางการเสียอีก จึงไม่หงุดหงิดกับการถูกรบกวนในระหว่างวัน เช่น เมื่อทีมงานมาขอเวลาคุยงานกับเขา เขาก็มักจะตอบว่า “ได้เลย ผมมีเวลาเหลือเฟือ”
นี่ไม่ใช่เพียงคำตอบที่แสดงความเป็นมิตรเท่านั้น แต่มันยังสะท้อนให้เห็นว่าเขาจัดลำดับความสำคัญของงานได้ดี และทำภารกิจสำคัญให้เสร็จก่อนกำหนด เขาจึงมีเวลาช่วยเหลือผู้อื่นและจัดการกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้มากขึ้น
อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1157835?anm=
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจLifestyle #กรุงเทพธุรกิจLeadership

'ตำแหน่งงานเฟ้อ' ในองค์กร มีผลดีในการดึงผู้สมัคร แต่ส่งผลเสียด้านความคาดหวัง“โรเบิร์ต วอลเทอร์ส” เปิดข้อมูลผลสำรวจตำแหน่...
15/12/2024

'ตำแหน่งงานเฟ้อ' ในองค์กร มีผลดีในการดึงผู้สมัคร แต่ส่งผลเสียด้านความคาดหวัง
“โรเบิร์ต วอลเทอร์ส” เปิดข้อมูลผลสำรวจตำแหน่งงานเฟ้อในองค์กร พบบางแห่งตั้งตำแหน่งงานสูงล่อใจผู้สมัครงานแต่ไม่สอดคล้อง ความรับผิดชอบ ระดับอาวุโส และเงินเดือนที่แท้จริง ชี้มีผลดีในการดึงผู้สมัคร แต่ส่งผลเสียด้านความคาดหวังของคนที่ได้ตำแหน่งงานที่เฟ้อ
ปัจจุบันสถานการณ์การแข่งขันในตลาดแรงงานมีสูงมากขึ้นทั้งในส่วนขององค์กรที่ต้องการดึงคนทำงาน และผู้สมัครงานที่ต้องการทำงานสำคัญๆในองค์กร
ปรากฎการณ์ในการที่เกิดขึ้นจึงมีภาวะที่เรียกว่า “ภาวะตำแหน่งงานเฟ้อ” หรือ ตำแหน่งงานที่เกินจริง ซึ่งหมายถึงการที่บริษัทเสนอชื่อตำแหน่งที่ใหญ่หรือเกินความจริง ซึ่งอาจได้สะท้อนท้อนถึงความรับผิดชอบ ระดับอาวุโส หรือแม้แต่เงินเดือนของตำแหน่งนั้นอย่างถูกต้อง
นางปุณยนุช ศิริสวัสดิ์วัฒนา ผู้จัดการโรเบิร์ต วอลเทอร์ส ประจำประเทศไทย กล่าวว่าจากการสำรวจของโรเบิร์ต วอลเทอร์ส ทั่วโลกพบว่าภาวะตำแหน่งงานเฟ้อถูกพบมากขึ้นในปีที่ผ่านมาทั้งในยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งประเทศไทย โดยจากแบบสอบถามที่มีการสอบถามไปยังลูกค้าที่เป็นผู้ต้องการ “แคนดิเดต” ผู้สมัครงาน และในส่วนของผู้สมัครงานในองค์กรต่างๆมีการตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับเรื่องตำแหน่งงานเฟ้อในองค์กร
โดยในส่วนของลูกค้ากว่า 55% ตอบว่าในองค์กรมีการตั้งตำแหน่งงานที่ตำแหน่งนั้นสูงกว่าหน้าที่ และความรับผิดชอบที่แท้จริง ขณะเดียวกันในส่วนของผู้สมัครกว่า 49% ก็ตอบคำถามว่าให้ความสำคัญกับชื่อตำแหน่งงาน (Title) มากขึ้นกว่าที่ผ่านมาหากตำแหน่งน่าสนใจก็เป็นจุดที่น่าสนใจที่จะเข้าไปสมัครงานในองค์กรต่างๆเช่นกัน
ทั้งนี้ตัวอย่างของการตั้งตำแหน่งงานเฟ้อเกินความเป็นจริงเช่น การตั้งให้เป็นผู้จัดการ (Manager) แต่เป็นตำแหน่งผู้จัดการที่ไม่ได้มีลูกน้อง ซึ่งในส่วนนี้เท่ากับว่าไม่ได้ใช้ทักษะในการบริหารงานบุคคล ไม่ได้บริหารทีมงาน ซึ่งในส่วนนี้ก็อาจจะทำให้พนักงานที่เข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้ขาดการพัฒนาทักษะที่จำเป็นที่จะขึ้นไปเป็นผู้บริหารในระดับที่สูงขึ้นหรือเป็น"C-Level" ได้
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าแม้ว่าการตั้งตำแหน่งงานที่เฟ้อเกินไปนั้นแม้จะมีข้อดีเพราะสามารถดึงดูดผู้ที่สนใจตำแหน่งงานมาสมัครงานในองค์กรได้มากขึ้น แต่ผลเสียอาจจะเกิดขึ้นกับองค์กรและผู้สมัครงานได้ เพราะว่าในส่วนขององค์กรนั้นจะเผชิญกับความคาดหวังของพนักงานที่เข้ามาทำงานในองค์กรว่าเมื่อเข้ามาในตำแหน่งที่เป็นผู้บริหารระดับกลางก็อาจจะมีความคาดหวังว่าจะสามารถเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูงขึ้นไปให้ได้
โดยในการสำรวจพบว่าแคนดิเดตกว่า 80% ตอบคำถามว่ามีความคาดหวังในการเลื่อนตำแหน่งในระยะเวลา 18 เดือน แต่ปัญหาของตำแหน่งงานเฟ้ออาจจะทำให้พนักงานไม่สามารถเลื่อนตำแหน่งขึ้นไปได้เนื่องจากขาดทักษะความสามารถในการบริหารงานในบางเรื่อง เช่น การบริหารคน บริหารงบประมาณ ตำแหน่งงานเฟ้อจึงกระทบกับเส้นทางอาชีพ (career path) ของพนักงานในส่วนนี้ได้
เพราะนอกจากอาจไม่สามารถเลื่อนตำแหน่งในองค์กรปัจจุบันได้เท่านั้น แต่หากจะย้ายไปในองค์กรอื่นๆแล้วต้องการจะเลื่อนตำแหน่งหรือทำงานในตำแหน่งเดิม ก็อาจจะไม่สามารถที่ทำได้เนื่องจากขาดทักษะในการเป็นผู้จัดการ หรือในระดับที่สูงขึ้นไป (C-Level) ได้
โดยจากผลการสำรวจพบว่าองค์กร 55% ระบุว่ามีการใช้การตั้งตำแหน่งงาน (Job Title)เพื่อดึงดูดการสมัครงานของแคนดิเดตที่จะมาสมัครงาน ขณะที่อีก 45% ไม่ได้ทำในเรื่องนี้ แต่วางการเลื่อนตำแหน่งงานไว้ตามความสามารถในการทำงานและการบริหารงานที่แท้จริง
สำหรับคำแนะนำก็คือองค์กรที่มีการใช้ภาวะงานเฟ้อในการดึงดูดคนเข้ามาทำงานนั้นจะต้องทำความเข้าใจกับพนักงานที่เข้ามาทำงานไว้ด้วยว่าแนวทางการทำงาน และเส้นทางการเติบโตในสายงาน สายอาชีพนั้นเป็นอย่างไร เพราะยังมีพนักงานอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของตำแหน่งงานไปมากกว่าการให้ความสำคัญในการสร้างทักษะในการทำงาน เรียนรู้จากการทำงาน และทำงานที่ให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่าให้กับทั้งองค์กร และสังคม ซึ่งกลุ่มนี้จะให้ความสำคัญกับการทำงานจริงๆให้เกิดความเข้าใจและเชี่ยวชาญในการทำงานมากกว่า
“ภาวะงานเฟ้อมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งในแง่ขององค์กรอาจสามารถดึงให้ผู้ที่จะสมัครงานสนใจตำแหน่งงานได้มากขึ้น และในส่วนของเด็กรุ่นใหม่ก็อาจบอกว่างานบางส่วนนั้นสามารถใช้ AI มาช่วยทำงานได้ ซึ่งหากตั้งตำแหน่งงานเป็นแบบ operation มากเกินไปเช่นเป็น Administration หรือตำแหน่งแบบดั้งเดิมอาจไม่ดึงดูดให้มีการมาสมัครงาน ซึ่งตำแหน่งงานของคนรุ่นใหม่ที่ทำงานกับเทคโนโลยีมากขึ้นอาจกำหนดในเรื่องการทำกลยุทธ์ หรือคิดวิเคราะห์ ที่มีความท้าทายและฝึกความสามารถมากขึ้น ขณะที่ในแง่ของข้อเสียก็คือหากพนักงานมีตำแหน่งที่เฟ้อขึ้นไปแต่ยังขาดทักษะ และความสามารถที่จำเป็นจะเป็นผู้บริหารระดับสูงขึ้นไปได้ ซึ่งก็อาจจะผิดกับความคาดหวังของพนักงานที่เข้ามาทำงานในส่วนนี้ได้เช่นกัน”นางปุณยนุช กล่าว
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจLifestyle

15/12/2024

ทำเลทองแห่งอนาคต! 'บางนา-ตราด' จะไม่ใช่แค่ทางผ่านอีกต่อไป เซ็นทรัล-เดอะมอลล์-CP ทุ่มหมื่นล้านผุดโครงการยักษ์ เนรมิตย่านธุรกิจครบวงจรที่ใหญ่ที่สุด
#กรุงเทพธุรกิจ

15/12/2024

กรุงเทพมหานคร จะจมน้ำ EV อาจไม่ใช่ทางรอด และการทำธุรกิจต้องมุ่งเน้นพลังงานสะอาด ไม่ใช่กำไรเท่านั้น นี่คือกติกา ที่เราก็เลือกไม่ได้ถ้าอยากรอด
#กรุงเทพธุรกิจ #พลังงานสะอาด #ธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจSustain

'แลนด์บริดจ์' ยังไปต่อ 'คมนาคม' กางไทม์ไลน์ เริ่มก่อสร้างเฟสแรกปี 69การพัฒนาโครงการลงทุนขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) โครงการส...
15/12/2024

'แลนด์บริดจ์' ยังไปต่อ 'คมนาคม' กางไทม์ไลน์ เริ่มก่อสร้างเฟสแรกปี 69
การพัฒนาโครงการลงทุนขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) โครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมทะเลอ่าวไทย - อันดามัน (แลนด์บริดจ์) มูลค่าลงทุนสูงถึง 1 ล้านล้านบาท กำลังจะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในปี 2568 หลังจากตลอดทั้งปี 2567 ที่ผ่านมา รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมเดินสายโรดโชว์เชิญชวนนักลงทุนจากทั่วโลก ซึ่งได้การตอบรับเป็นอย่าง โดยเฉพาะกลุ่มสายการเดินเรือขนาดใหญ่ Dubai Port World (DP World) ประสานลงพื้นที่จริงเพื่อประเมินศักยภาพของโครงการแลนด์บริดจ์
“สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการแลนด์บริดจ์ โดยระบุว่า ตลอดทั้งปี 2567 ที่ผ่านมา กระทรวงฯ เดินทางไปโรดโชว์เชิญชวนนักลงทุนจากทั่วโลก และตอนนี้ก็มีต่างชาติแสดงความสนใจที่จะมาลงทุนในโครงการ ขั้นตอนระหว่างนี้จึงอยู่ในช่วงของการผลักดันพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ หรือ พ.ร.บ. SEC ซึ่งจะมีผลต่อการกำหนดข้อกฎหมายต่างๆ ที่จะมาใช้ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ SEC คล้ายกับ EEC
อย่างไรก็ดี ตอนนี้ต้องรอให้คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.) ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน จัดการประชุมเพื่อให้ความเห็นชอบ มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จัดทำร่าง พ.ร.บ.SEC และรายละเอียดของข้อกำหนดกฎหมายต่างๆ พร้อมทั้งเตรียมจัดตั้งหน่วยงานเพื่อกำกับดูแลเขตเศรษฐกิจพิเศษ SEC ต่อไป
นายสุริยะ กล่าวด้วยว่า ปี 2568 จะเป็นปีแห่งการผลักดันโครงการแลนด์บริดจ์ให้เห็นเป็นรูปธรรม เพราะจะมีการจัดทำ พ.ร.บ.SEC ข้อกำหนดกฎหมายที่ชัดเจน และกระทรวงฯ จะทำควบคู่ไปกับการร่างเอกสารเชิญชวนผู้ลงทุนในการร่วมลงทุนโครงการ (RFP) เพื่อให้มีความพร้อมในการเปิดประมูลทันทีหลังจากที่กฎหมายต่างๆ ผ่านการพิจารณาแล้ว
ทั้งนี้ มั่นใจว่าโครงการแลนด์บริดจ์จะได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักลงทุนทั่วโลก และเข้าร่วมการประมูลโครงการนี้ เพราะสัญญาณบวกในช่วงโรดโชว์ที่ผ่านมา มีนักลงทุนสนใจติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติม และประสานลงพื้นที่จริงเพื่อประเมินศักยภาพของโครงการ อาทิ กลุ่มดูไบ จีน และญี่ปุ่น ซึ่งนักลงทุนก็เห็นพร้อมกันว่าโครงการนี้มีศักยภาพ เห็นด้วยกับแผนพัฒนาและรายละเอียดโครงการที่ศึกษาไว้
อ่าน: https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1157759?anm=
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic

10 ภาพยนตร์เพื่ออนาคตโลก แฝงแง่คิดด้านความยั่งยืน ที่คุณอาจยังไม่รู้ภาพยนตร์เหล่านี้สามารถจุดประกายให้ผู้คนนำแนวปฏิบัติท...
15/12/2024

10 ภาพยนตร์เพื่ออนาคตโลก แฝงแง่คิดด้านความยั่งยืน ที่คุณอาจยังไม่รู้
ภาพยนตร์เหล่านี้สามารถจุดประกายให้ผู้คนนำแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน โดยการแสดงตัวอย่างการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในโลกแห่งความเป็นจริง นอกจากนี้ยังทำให้บริษัทและรัฐบาลต้องรับผิดชอบ และออกนโยบายและการปฏิบัติที่ส่งเสริมการรักษาสิ่งแวดล้อม
โลกของภาพยนตร์ไม่ได้มีเพียงแค่การบันเทิง แต่ยังเป็นแหล่งแรงบันดาลใจและความรู้มากมายที่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดและการกระทำของผู้ชมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่ความยั่งยืนกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญ หลายภาพยนตร์ได้สอดแทรกแง่คิดเกี่ยวกับความยั่งยืนผ่านเนื้อเรื่องที่เข้มข้นและน่าติดตาม
ในบทความนี้ ‘กรุงเทพธุรกิจ’ จะพาคุณไปรู้จักกับภาพยนตร์ 10 เรื่องที่ไม่เพียงแต่มีความสนุกสนาน แต่ยังแฝงแง่คิดด้านความยั่งยืน ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน แล้วมาดูกันว่าภาพยนตร์เหล่านี้สามารถให้แรงบันดาลใจในการรักษาสิ่งแวดล้อมและพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนได้อย่างไร
1. Don't Look Up (2021)
เป็นภาพยนตร์แนวเสียดสีวิทยาศาสตร์กำกับโดย Adam McKay นำแสดงโดย Jennifer Lawrence และ Leonardo DiCaprio ในบทบาทของนักดาราศาสตร์สองคนที่ค้นพบอุกกาบาตขนาดใหญ่กำลังพุ่งตรงมายังโลก พวกเขาพยายามที่จะเตือนโลกเกี่ยวกับหายนะที่กำลังจะมาถึง แต่พบกับอุปสรรคมากมาย
รวมถึงรัฐบาลที่ไม่สนใจ และสื่อที่ให้ความสำคัญกับความบันเทิงมากกว่าวิทยาศาสตร์
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนังตลกร้ายที่ใช้ความขบขันในการวิจารณ์การตอบสนองของสังคมต่อคำเตือนทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับภัยพิบัติทางสิ่งแวดล้อม
2. Erin Brockovich (2000)
เป็นภาพยนตร์ดราม่าที่สร้างจากเรื่องจริง กำกับโดย Steven Soderbergh และเขียนบทโดย Susannah Grant ภาพยนตร์นี้นำแสดงโดย Julia Roberts ในบท Erin Brockovich-Ellis หญิงแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ถึงแม้จะเผชิญกับความท้าทายส่วนตัวมากมาย แต่กลับกลายเป็นบุคคลสำคัญในการสร้างคดีฟ้องร้องบริษัท Pacific Gas and Electric Company (PG&E) ฐานปนเปื้อนแหล่งน้ำใน Hinkley, California ด้วยโครเมียมเฮกซาวาเลนท์ ซึ่งเป็นสารพิษ
ภาพยนตร์นี้ติดตามเส้นทางของ Erin จากการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ว่างงานจนได้กลายเป็นผู้ช่วยด้านกฎหมายที่สำนักงานกฎหมายของ Ed Masry (รับบทโดย Albert Finney) ขณะทำงานในคดีอสังหาริมทรัพย์ Erin ค้นพบเอกสารทางการแพทย์ที่นำเธอไปสู่การเปิดเผยหายนะด้านสิ่งแวดล้อมใน Hinkley ความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งของเธอและความสามารถในการเชื่อมโยงกับผู้คนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทำให้เกิดคดีฟ้องร้องโดยตรงที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ
หนัง "Erin Brockovich" ได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์และทำรายได้กว่า 256 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก Julia Roberts ได้รับรางวัล Academy Award for Best Actress จากการแสดงของเธอ และภาพยนตร์ได้รับรางวัลและการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลอื่นๆ อีกหลายรายการ รวมถึงการเสนอชื่อเข้าชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและผู้กำกับยอดเยี่ยม
อ่าน: https://www.bangkokbiznews.com/environment/1157800?anm=
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจLifestyle #กรุงเทพธุรกิจSustain

ที่อยู่

1854 7th Floor, Debaratana Road, Bangna
Bangkok
10260

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ กรุงเทพธุรกิจผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง กรุงเทพธุรกิจ:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์

Our Story

ความเคลื่อนไหวเศรษฐกิจ การเมือง ธุรกิจ สังคม และสถานการณ์เด่น


Bangkok บริษัท สื่ออื่นๆ

แสดงผลทั้งหมด