Cop Hero Thailand Magazine

Cop Hero Thailand Magazine สื่อกลาง สร้างสรรค์ เพื่อสังคม ข่าวจริงทุกเหตุการณ์ สร้างสรรค์ เพื่อสังคม
(5)

ตำรวจไซเบอร์รวบหัวหน้ายามจอมแอบถ่ายเป็นแอดมินกลุ่มลับเอง เจอหลักฐานนับแสนไฟล์https://copherothailand.com/?page_id=9629
23/11/2024

ตำรวจไซเบอร์รวบหัวหน้ายามจอมแอบถ่ายเป็นแอดมินกลุ่มลับเอง เจอหลักฐานนับแสนไฟล์

https://copherothailand.com/?page_id=9629

ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปผลการปฏิบัติงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 เน้น...
22/11/2024

ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปผลการปฏิบัติงาน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 เน้นการป้องกันนำการปราบปราม บูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

วันนี้ (22 พฤศจิกายน 2567) เวลา 11.30 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปนม.ตร.) เป็นประธานการแถลงผลการปฏิบัติของศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/รอง ผอ.ศปนม.ตร. พร้อมด้วย นายคณาเศรษฐ์ อัครวรทัศน์ ผอ.ส่วนควบคุมระบบปฏิบัติการป้องกันและปราบปราม กรมสรรพสามิต , นายอัครเดช ศุกระกาญจน์ นิติกรชำนาญการพิเศษ กรมธุรกิจพลังงาน , น.ส.ปณิสรา เผ่าภู่ นักวิชาการศุลกากรชำนาญการ กรมศุลกากร , นายณรงค์ หวังดี หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการควบคุมความปลอดภัยและการจราจรทางน้ำ กรมเจ้าท่า และ นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย ร่วมแถลง ณ ห้องสารสิน ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปนม.ตร.) ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง ผอ.ศปนม.ตร. ได้มอบนโยบายแนวทางการปฏิบัติงาน โดยเน้นการป้องกันนำการปราบปราม มีการบูรณาการการทำงาน แลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้ผู้รับผิดชอบสามารถปฏิบัติงานได้ด้วยความรวดเร็ว และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งผลการดำเนินการสรุปได้ดังนี้

1. จัดทำฐานข้อมูลท้องถิ่น เช่น ปั๊มน้ำมัน ปั๊มหลอด คลังน้ำมัน แก๊ส ผู้ประกอบการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง สถานประกอบการที่มีระบบจัดการน้ำมันไว้ใช้เองในกิจการ โดยระบุพิกัดตำแหน่ง จำนวน 21,019 จุด เพื่อใช้เป็นข้อมูล
ในการป้องปรามการกระทำความผิด

2. จัดชุดปฏิบัติการควบคุมและตรวจสอบด่านศุลกากรส่งออก ประสานการปฏิบัติกับสรรพสามิตพื้นที่ เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของเส้นทางการเดินรถบรรทุกน้ำมันที่ด่านปลายทางทั่วประเทศ รวม 20 ด่าน โดยใช้ข้อมูลการเดินรถจากระบบตรวจสอบ ควบคุม และรายงานน้ำมันส่งออกนอกราชอาณาจักรทางรถยนต์ ณ สถานีปลายทางของกรมสรรพสามิต อันเป็นการป้องกันการทุจริต ลักลอบจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงผิดกฎหมาย จำนวนครั้งในการออกตรวจ รวม 9,118 ครั้ง

3. เร่งรัดติดตามสืบสวนขยายผล ดำเนินคดี และปรับโทษตามกฎหมาย เพื่อพิสูจน์ทราบแหล่งผลิตน้ำมันไม่ได้คุณภาพ บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง

4. ผลการจับกุมปราบปราม จำนวน 1,186 คดี คดีเปรียบเทียบปรับ 706 คดี ค่าปรับรวม 34,385,479.48 บาท

จากแนวนโยบายในการปฏิบัติงานดังกล่าว พล.ต.อ.ไกรบุญ ฯ ได้กำหนดตัวชี้วัดผลสำเร็จในการปฏิบัติงาน โดยดูจากผลการจัดเก็บรายได้ภาษีน้ำมัน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ซึ่งสามารถจัดเก็บรายได้ภาษีน้ำมัน จำนวน 209,827.35 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน (128,407.72 ล้านบาท) จำนวน 81,419.63 ล้านบาท หรือร้อยละ 63.41 (อ้างอิงข้อมูลจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ กรมสรรพสามิต)

ป.ป.ส. จับมือ INCB ยกระดับการปราบปราม ทำลายเครือข่ายยาเสพติดด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง และ AI  วันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 นายอภิ...
22/11/2024

ป.ป.ส. จับมือ INCB ยกระดับการปราบปราม ทำลายเครือข่ายยาเสพติดด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง และ AI

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ประชุมหารือกับคณะผู้แทนจากคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ (The International Narcotics Control Board: INCB) นำโดยนายแมทธิว ไนซ์
(Mr. Matthew Nice) ผู้จัดการโครงการโอปิออยด์ ภายใต้โครงการ GRIDS Programme (The Global Rapid Interdiction of Dangerous Substances Programme) และนายอเล็กซานเดอร์ พีซิก (Mr. Aleksander Piecyk) เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคประจำภูมิภาค (The Regional Technical Officer: RTO) โดยมีนางสาวศรีตระกูล เวลาดี ผู้อำนวยการสำนักการต่างประเทศ พร้อมด้วยผู้แทนจากสำนักปราบปรามยาเสพติด ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักการต่างประเทศ และศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงาน ป.ป.ส. เข้าร่วม ณ ห้องประชุมศูนย์บัญชาการ สำนักงาน ป.ป.ส.

นายแมทธิว ไนซ์ ได้นำเสนอเครื่องมือและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่พัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายของประเทศสมาชิก ได้แก่ 1) ระบบ IONICS (Project ION Incident Communication System) ซึ่งเป็นระบบแบ่งปันข่าวกรองเกี่ยวกับสารออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทชนิดใหม่ (New Psychoactive Substances: NPS)
โดยเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายสามารถรายงานข้อมูลการจับกุม ซึ่งจะสามารถประมวลผลได้อย่างเรียลไทม์ และรองรับการใช้งานผ่านสมาร์ทโฟน 2) CHEMPROFILER แพลตฟอร์มที่ช่วยเจ้าหน้าที่ด่านหน้าในการตรวจสอบชนิดและประเภทของสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่ตรวจพบระหว่างปฏิบัติหน้าที่ 3) แพลตฟอร์ม SNOOP (Scanning Novel Opioids on Online Platforms) ระบบติดตามข้อมูลซื้อขายสารเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซทั่วโลก ซึ่งจะเริ่มใช้งานอย่างเป็นทางการในปี 2568

INCB เป็นองค์กรอิสระที่ก่อตั้งขึ้นภายใต้อนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติด ค.ศ. 1961 (Single Convention on Narcotic Drugs, 1961) มีหน้าที่ติดตามและควบคุมการใช้ยาเสพติดในทางการแพทย์ และป้องกันไม่ให้รั่วไหลไปสู่การนำไปใช้ในทางที่ผิดหรือค้าขายอย่างผิดกฎหมาย รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกเพื่อทำลายเครือข่ายการค้า ทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลกต่อไป

นอกจากนี้ INCB พร้อมให้การสนับสนุนการจัดฝึกอบรมให้แก่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของไทยในการใช้งานระบบ IONICS และการวิเคราะห์ข้อมูลข่าวกรอง เพื่อเสริมศักยภาพในการดำเนินการสืบสวนและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป โดยได้สาธิตวิธีการใช้ระบบ IONICS แบบเรียลไทม์จากการประมวลผลด้วย AI ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดการสืบสวนและขยายผลสู่การจับกุมได้อย่างเป็นรูปธรรม

โดยในช่วงท้าย นายอภิกิตฯ ได้กล่าวขอบคุณ INCB สำหรับการสนับสนุนและความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านการจัดฝึกอบรมและการแบ่งปันเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการรับมือกับปัญหายาเสพติดในประเทศไทย สำนักงาน ป.ป.ส. ยินดีที่จะสานต่อความร่วมมือกับ INCB ต่อไปในอนาคต

นบ.ยส.35 ร่วมกับ ปปส.ภาค 5 แถลงข่าวการเปิดแผนปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ในพื้นที่ที่มี...
22/11/2024

นบ.ยส.35 ร่วมกับ ปปส.ภาค 5 แถลงข่าวการเปิดแผนปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ในพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนชายแดนภาคเหนือ ปีงบประมาณ พ.ศ.2568 เน้นการทำงานบูรณาการเชิงรุก ลดความเดือนร้อนของประชาชน

https://copherothailand.com/?page_id=9609

วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.00 น. พลโทกิตติพงศ์ ชื่นใจชน แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (ผบ.นบ.ยส.35) แถลงข่าวการเปิดแผนปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ในพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนชายแดนภาคเหนือ ปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ร่วมด้วย นายธันวา ผุดผ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5, นายเสียงชัย สุมิตรวสันต์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานวิชาการ รักษาการในตำแหน่ง รองอธิบดีอัยการภาค 5, พลตรี กิดากร จันทรา ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ,พลตรี ไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร, พลตรี ยุทธภูมิ บุญฤทธิ์ รองเจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย , พลตำรวจตรี อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3, พันเอก ชาญชัยวัฒน์ เปล่งสันเทียะ เลขาธิการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ส่วนแยก 2, พันตำรวจเอก รังสิมันต์ สงเคราะห์ธรรม รองผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 3 ,พันตำรวจเอก ทรงกริช ออนตะไคร้ รองผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่, นายมานพ แสงโสธร ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 6 ฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงใหม่, เชียงราย, พะเยา, น่าน, แม่ฮ่องสอน และตาก
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2567 ตามที่รัฐบาลได้ผลักดันให้ คณะกรรมการ ป.ป.ส. ออกประกาศกำหนดพื้นที่ ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ในพื้นที่ 6 จังหวัด 21 อำเภอชายแดนภาคเหนือ ได้แก่ จ.เชียงใหม่, จ.เชียงราย, จ.แม่ฮ่องสอน, จ.พะเยา, จ.น่าน และ จ.ตาก
ปัจจุบัน หน่วยงานภายใต้ นบ.ยส.35 ได้ร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ในพื้นที่ ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ชายแดนภาคเหนือ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ขึ้น โดยได้รวบรวมแผนงานและงบประมาณในการดำเนินงาน รวมทั้ง ปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติงานในปีที่ผ่านมา และข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหา เพื่อให้การปฏิบัติงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 นี้ มีความต่อเนื่องและเข้มข้นขึ้น อันจะสามารถบรรลุผลตามที่ได้ตั้งไว้เพื่อ “ ต้องการลดการนำเข้ายาเสพติดจากนอกประเทศ และ ลดการส่งออกหรือเป็นทางผ่านสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ในการนำไปผลิตยาเสพติดในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม ” ภายใต้กลไกการทำงานของ นบ.ยส.35 ที่มีส่วนดำเนินการ 5 ส่วนได้แก่ ส่วนบังคับบัญชา, ส่วนอำนวยการ, ส่วนสกัดกั้น, ส่วนปราบปรามและขยายผล และ ส่วนป้องกัน ซึ่งในปี 2567 ที่ผ่านมา สามารถจับกุมยาบ้ากว่า 260 ล้านเม็ด, ไอซ์ 3,952 กก., เฮโรอีน 357.4 กก., คีตามีน 561 กก., ดำเนินคดีผู้ต้องหา 1,621 คน ปะทะกลุ่มขบวนการเสียชีวิต 31 ศพ

สืบนครบาล รวบ บัญชีม้ามิจฉาชีพหลอกปล่อยเงินกู้ในเฟซบุ๊ก โดยหลอกให้โอนค่าประกัน และค่าธรรมเนียมสุดท้ายสูญเงินhttps://coph...
22/11/2024

สืบนครบาล รวบ บัญชีม้ามิจฉาชีพหลอกปล่อยเงินกู้ในเฟซบุ๊ก โดยหลอกให้โอนค่าประกัน และค่าธรรมเนียมสุดท้ายสูญเงิน

https://copherothailand.com/?page_id=9595
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผช.ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมทางออนไลน์ ที่สร้างเดือดร้อนให้ประชาชนจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น.
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย , พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ รอง ผบก สส.บช.น. ,พ.ต.อ.อรรชวศิษฎ์ ศรีบุญยมานนท์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.ปกรณ์ ทองช่วง และ พ.ต.ท.วิโรฒ จนุบุษย์ รอง ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.วรุตม์ คำหล้า สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. พร้อมด้วย ร.ต.อ.พิชชากร กองสวัสดิ์ ,ร.ต.อ.พงศธร อารีย์ รอง สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น.ได้จับกุมตัว

นายวิพากษ์ อายุ 25 ปี ภูมิลำเนา ตำบลแสวงหา อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง บุคคลตามหมายจับ 2 หมายจับ
1. ศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 1095/2567 ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน , เปิดหรือยินยนมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญาอื่นใด"
2. ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ จ.665/2567 ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันหรือเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยการหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมฯ หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ และหรือยืนยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากของตนโดย มิได้เจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการของตนฯ”
จับกุมหน้าบ้าน ซอยแจ้งวัฒนะปากเกร็ด17 ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเก็ด จังหวัดนนทบุรี
พฤติการณ์ทางคดี ก่อนเกิดเหตุ ขณะที่ผู้กล่าวหาได้เล่นเฟซบุ๊ค พบว่ามีเพจปล่อยเงินกู้และสินเชื่อปรากฎขึ้นในเฟซบุ๊ค จึงทักข้อความไปยังเพจดังกล่าว เพื่อสอบถามรายละเอียดในการกู้เงิน จากนั้นคนร้ายได้ให้ผู้กล่าวหาแอดแอพพลิเคชั่นไลน์เพื่อพูดคุยสอบถามรายละเอียด ต่อมาวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 ผู้กล่าวหาได้ขอกู้เงินกับทางคนร้าย จำนวนเงิน 70,000 บาท โดยคนร้ายแจ้งกับว่าต้องทำการโอนเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการกู้เงิน โดยให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร รายละเอียด ดังนี้ ค่าประกันเงินกู้ จำนวน 1,500 บาท ค่ารับยอดเงินกู้ จำนวนเงิน 2,000 บาท ค่าวางมัดจำผ่อนชำระเงินกู้ยอดแรก จำนวน 3,500 บาท ค่าอนุมัติเงินกู้ จำนวนเงิน 2,000 บาท ค่าธรรมเนียมธนาคาร จำนวนเงิน 5,000 บาท โดยต่อมาคนร้ายจะให้ผู้กล่าวหาโอนเงินอีกจำนวน 2,000 บาท เพื่อเป็นค่าลงทะเบียนกับธนาคารในการทำธุรกรรมสำเร็จผู้กล่าวหาจึงเกิดความสงสัยและเชื่อว่าถูกหลอกลวงให้โอนเงินแน่นอน จึงไม่ได้โอนเงินจำนวนดังกล่าวเพิ่มไป ต่อมาทราบว่าถูกคนร้ายหลอกลวงจริง เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย รวมเป็นจำนวนเงิน 14,000 บาท จึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดหากทำการสอบสวนพบในภายหลังให้ได้รับโทษตามกฎหมายจนกว่าคดีถึงที่สุด
ในชั้นจับกุม ผู้ต้องให้การว่าเมื่อปี 2565 ตนได้ขายบัญชีให้นางสวย ไม่ทราบชื่อสกุลจริง ทราบเพียวว่านางสวยอาศัยอยู่ประเทศพม่า รู้จักผ่านโลกออนไลน์ นางสวยจึงได้โอนเงินค่าเปิดบัญชีให้ 3,000 บาท โอนเข้าบัญชีธนาคารที่ตนใช้อยู่และตกลงขายให้กับนางสวย 3บัญชีธนาคาร ตนจึงได้เปิดบัญชี ธนาคารออนไลน์เพิ่มอีกสองบัญชีรวม บัญชีที่ตนใช้อยู่เป็นสามบัญชี ซึ่งตนยอมรับว่าการเปิดบัญชีม้าเป็นการเปิดบัญชีที่ผิดกฎหมายโดยตนรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดผลเสียตามมาอย่างแน่นอน ที่ตนทำไปเพราะไม่มีเงินซื้อนมให้ลูก ที่อายุเพียงหนึ่งขวบในขณะนั้น ตนต้องการเงินมาซื้อนมให้ลูกเท่านั้น และยังบอกกับเจ้าที่อีกว่าถ้าผมไม่ขายบัญชีม้าผมก็ต้องขายยาผมเลือกที่จะขายบัญชีม้าดีกว่า
ฝากถึงประชาชนที่คิดจะขายบัญชีม้าต้องยอมรับในสิ่งที่จะตามมาด้วย จากนั้นได้นำตัวส่ง สน.พลับพลาไชย 2 ดำเนินคดีต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ฝากความห่วงใยถึงพี่น้องประชาชนถึงกลลวงของมิจฉาชีพที่มาหลายรูปแบบ โดยเฉพาะพวกหลอกลวงปล่อยเงินกู้หรือสินเชื่อ ที่ใช้การยิงแอดโฆษณาตามเฟซบุ๊ก ปล่อยกู้ง่ายได้เงินเยอะ ขอให้ท่านใช้สติอย่าหลงเชื่อ ข้อควรระวังและจุดสังเกตเว็บไซต์หรือแอปกู้เงินผิดกฎหมาย ได้รับเงินกู้ไม่เต็มจำนวนมีการอ้างว่าให้โอนเงินค่าธรรมเนียมมาก่อน จึงจะทำสัญญากู้ได้ เช่น ค่าดำเนินการ ค่ายืนยันตัวตน แอปกู้เงินถูกกฎหมาย ต้องได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลังเท่านั้น เข้าไปตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย สุดท้ายหากท่านตกเป็นผู้เสียหาย ให้รีบโทรไปเบอร์ 1441 เพื่อขอแจ้งอายัดบัญชีของมิจฉาชีพ
จากนั้นรวบรวมหลักฐาน อาทิ ภาพบทสนทนา หลักฐานการโอนเงิน และนำไปแจ้งความดำเนินคดีกับสถานีตำรวจในพื้นที่หรือแจ้งความออนไลน์ที่ www.thaipoliceonline.go.th

#สืบนครบาล
#จ๋อแจ๊ะจับโจร

ตำรวจลำพูนยึดล็อตใหญ่แหล่งขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์...หนุ่มเนียน..ทำทีเป็นไรเดอร์วิ่งส่งบุหรี่ไฟฟ้า!!!https://copherothailan...
21/11/2024

ตำรวจลำพูนยึดล็อตใหญ่แหล่งขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์...หนุ่มเนียน..ทำทีเป็นไรเดอร์วิ่งส่งบุหรี่ไฟฟ้า!!!

https://copherothailand.com/?page_id=9575

#ตำรวจภูธรภาค5
#ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน

ศุลกากรคุมเข้มต่อเนื่อง จับกุมยาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมาย กว่า 16.6 ล้านบาท https://copherothailand.com/?page_id=9554วันน...
21/11/2024

ศุลกากรคุมเข้มต่อเนื่อง จับกุมยาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมาย กว่า 16.6 ล้านบาท

https://copherothailand.com/?page_id=9554

วันนี้ (21 พฤศจิกายน 2567) นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญ
กับการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้า - ส่งออก นำผ่าน และจำหน่ายยาเสพติด และสินค้าอื่น ๆ ที่ผิดกฎหมาย กระทรวงการคลัง โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จึงสั่งการให้กรมศุลกากรเข้มงวดกวดขันในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ นายธีรัชย์ อัตนวานิช
อธิบดีกรมศุลกากรได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรเฝ้าระวังและเร่งปราบปรามการลักลอบนำเข้ามาในและส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งยาเสพติดและสินค้าอื่น ๆ ที่ผิดกฎหมายในทุกช่องทาง เพื่อปกป้องสังคมไทย โดยในระหว่าง
วันที่ 5 – 20 พฤศจิกายน 2567 กรมศุลกากรได้เร่งปฏิบัติการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมาย มีผลงานการจับกุมที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้

1. ยาเสพติด

- เมฟีโดรน (Mephedrone)
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรกรุงเทพ ร่วมกับกองสืบสวนและปราบปราม และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้ทำการตรวจสอบพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศต้องสงสัย ต้นทาง
สหราชอาณาจักร เบื้องต้นพบความผิดปกติจากภาพ X – RAY ตรวจสอบพบ ยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เมฟีโดรน (Mephedrone) ลักษณะเป็นก้อนผลึกและเกล็ดสีขาว ซุกซ่อนภายในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเวย์โปรตีน จำนวน 2 กระปุก น้ำหนัก 2,340 กรัม มูลค่าประมาณ 2.34 ล้านบาท
ต่อมาเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 พบพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศต้องสงสัย ต้นทาง
สหราชอาณาจักร เบื้องต้นพบความผิดปกติจากภาพ X – RAY ตรวจสอบพบ ยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เมฟีโดรน (Mephedrone) ลักษณะเป็นผลึกสีน้ำตาล ซุกซ่อนภายในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเวย์โปรตีน จำนวน 2 กระปุก น้ำหนัก 2,989 กรัม มูลค่าประมาณ 2.989 ล้านบาท

- คีตามีน (Ketamine)
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรกรุงเทพ ร่วมกับกองสืบสวนและปราบปราม ชุดปฏิบัติการ AITF และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด พบพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศต้องสงสัย
ต้นทางสหราชอาณาจักร เบื้องต้นพบความผิดปกติจากภาพ X – RAY ตรวจสอบพบ ยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 คีตามีน (Ketamine) ลักษณะเป็นผงสีขาว น้ำหนัก 33 กรัม มูลค่าประมาณ 33,000 บาท

- M**A (Ecstasy)
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรกรุงเทพ ร่วมกับ
กองสืบสวนและปราบปราม ชุดปฏิบัติการ AITF และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้ทำการวิเคราะห์ความเสี่ยงในการลักลอบส่งของต้องห้ามต้องกำกัดเข้ามาในราชอาณาจักร พบพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศต้องสงสัย ไม่ระบุประเทศต้นทาง เบื้องต้นพบความผิดปกติจากภาพ X – RAY ตรวจสอบพบ ยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 M**A (Ecstasy) ลักษณะ
เป็นผลึกสีเหลืองน้ำตาล บรรจุในถุงพลาสติกใสห่อหุ้มด้วยถุงสีเงิน น้ำหนัก 108 กรัม มูลค่าประมาณ 648,000 บาท

การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดในการพยายามนำยาเสพติดให้โทษ เข้ามาในราชอาณาจักร
โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 244 และ 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และประมวลกฎหมายยาเสพติด

สำหรับสถิติในการจับกุมยาเสพติด ปีงบประมาณ 2568 (1 ตุลาคม 2567 – 21 พฤศจิกายน 2567) จับกุมได้ 29 คดี มูลค่า 61.61 ล้านบาท

2 ช่อดอกกัญชา

จากการวิเคราะห์ข้อมูลทางการข่าวและการแลกเปลี่ยนข้อมูลในด้านการป้องกันการลักลอบขนยาเสพติดกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างประเทศ พบว่า ช่อดอกกัญชา เป็นที่นิยมและมีราคาสูงในประเทศแถบทวีปยุโรป จึงมีความเสี่ยงในการลักลอบนำกัญชาออกไปนอกราชอาณาจักร รวมถึงยาเสพติดประเภทอื่น ๆ ที่ยังคง
มีการลักลอบนำเข้าและส่งออกอย่างต่อเนื่อง กรมศุลกากรจึงได้ร่วมกับชุดปฏิบัติการสกัดกั้นยาเสพติด
ผ่านท่าอากาศยาน (Airport Interdiction Task Force : AITF) ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช. ปส.) เฝ้าระวังและติดตามตรวจสอบการลักลอบส่งออก – นำเข้ากัญชา รวมถึงยาเสพติดประเภทอื่น ๆ ผ่านท่าอากาศยาน อย่างเข้มงวด

โดยระหว่างวันที่ 5 และ 6 พฤศจิกายน 2567 กรมศุลกากร โดยด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต
ในสังกัดสำนักงานศุลกากรภาคที่ 5 ได้ดำเนินการตรวจค้นผู้โดยสารที่มีความเสี่ยงในการลักลอบนำกัญชาออกนอกราชอาณาจักร และจับกุมผู้ต้องหาพร้อมยึดของกลางเป็นช่อดอกกัญชา ที่ซุกซ่อนไว้ในกระเป๋าสัมภาระ มีรายละเอียดดังนี้

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 เวลา 19.25 น. จับกุมชายสัญชาติอังกฤษ อายุ 20 ปี กำลังจะเดินทางไป
ท่าอากาศยานนานาชาติฮะมัด โดฮา ประเทศกาตาร์ เพื่อต่อเที่ยวบินไปยังท่าอากาศยานลอนดอน แกตวิก
สหราชอาณาจักร พร้อมของกลางช่อดอกกัญชา จำนวน 33 ห่อ น้ำหนัก 19 กิโลกรัม มูลค่า 190,000 บาท
ต่อมาเวลา 21.30 น. จับกุมชายสัญชาติอังกฤษ อายุ 37 ปี กำลังจะเดินทางไปท่าอากาศยานนานาชาติ อิสตันบูล
ประเทศตุรกี เพื่อต่อเที่ยวบินไปยังท่าอากาศยานแมนเชสเตอร์ สหราชอาณาจักร พร้อมของกลางช่อดอกกัญชา จำนวน 42 ห่อ น้ำหนัก 24.5 กิโลกรัม มูลค่า 245,000 บาท

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 น. จับกุมชายสัญชาติอังกฤษ อายุ 23 ปี กำลังจะเดินทางไป
ท่าอากาศยานนานาชาติซายิด กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อต่อเที่ยวบินไปยังท่าอากาศยานอัมสเตอร์ดัมสคิปโฮล ประเทศเนเธอร์แลนด์ พร้อมของกลางช่อดอกกัญชา จำนวน 24 ห่อ น้ำหนัก 52.5 กิโลกรัม มูลค่า 525,000 บาท
ต่อมาเวลา 21.30 น. จับกุมหญิง สัญชาติอังกฤษ อายุ 18 ปี กำลังจะเดินทางไปท่าอากาศยานนานาชาติอิสตันบูล
ประเทศตุรกี เพื่อต่อเที่ยวบินไปยังท่าอากาศยานนานาชาติเบอร์มิงแฮม สหราชอาณาจักร พร้อมของกลางช่อดอกกัญชา จำนวน 18 ห่อ น้ำหนัก 18.1 กิโลกรัม มูลค่า 181,000 บาท และเวลา 23.30 น. จับกุมชายสัญชาติอินเดีย อายุ 36 ปี กำลังจะเดินทางไปท่าอากาศยานนานาชาติเนตาจี สุภาษ จันทระ โพส (โกลกาตา) ประเทศอินเดีย พร้อมของกลางช่อดอกกัญชา จำนวน 15 ห่อ และขนาดซองพกพา 356 ซอง น้ำหนัก 9.1 กิโลกรัม มูลค่า 91,000 บาท

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ดำเนินการตรวจสอบใบขนสินค้าที่ต้องสงสัยว่ามีสิ่งผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ ซึ่งมีคำขอส่งของเร่งด่วน
ออกโดยรีบด่วน (Urgently Request) ปลายทางสหราชอาณาจักร (GB) สำแดงสินค้าเป็น HOME DECORATION LAMP BOX เจ้าหน้าที่ศุลกากรจึงประสานบริษัทตัวแทนผู้ส่งออกเพื่อดำเนินการตรวจค้น พบช่อดอกกัญชาซุกซ่อนอยู่ภายในโคมไฟไฟฟ้าที่ได้ถอดอุปกรณ์ต่าง ๆ ออก และปิดบังอำพรางด้านบนด้วยโคมไฟปกติ จำนวน 60 ห่อ น้ำหนัก 63 กิโลกรัม มูลค่า 630,000 บาท และต่อมาเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 ได้ดำเนินการตรวจสอบสินค้าขาออกปลายทางสหราชอาณาจักร (GB) สำแดงชนิดสินค้าเป็นเซรามิก โดยตรวจพบสินค้าเป็นช่อดอกกัญชาบรรจุซุกซ่อนอยู่ในกล่องกระดาษ จำนวน 18 กล่อง น้ำหนักรวม 160 กิโลกรัม มูลค่า 1,600,000 บาท เนื่องจากช่อดอกกัญชาจัดเป็นสมุนไพรควบคุม และผู้ใดประสงค์จะส่งออกจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาต ซึ่งในขณะตรวจค้นผู้ส่งออก
ไม่มีใบอนุญาตดังกล่าวมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ฯ

การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานสำแดงข้อมูลไม่ถูกต้อง ปฏิบัติพิธีการไม่ถูกต้อง และส่งออกของที่กำลังผ่านพิธีการศุลกากรออกไปนอกราชอาณาจักร โดยหลีกเลี่ยงข้อห้ามข้อจำกัดเกี่ยวกับของนั้น อันเป็นความผิดตามมาตรา 202 208 244 และ 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบกับประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 และพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542

สำหรับสถิติในการจับกุมกัญชา ช่อดอกกัญชา ต้นกัญชา น้ำมันกัญชา ยางกัญชาและเมล็ดกัญชา ปีงบประมาณ 2568 (1 ตุลาคม 2567 – 21 พฤศจิกายน 2567) จับกุมได้ 105 คดี ปริมาณ 764 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 7.644 ล้านบาท

3. เครื่องใช้ไฟฟ้า

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 กรมศุลกากร โดยกองสืบสวนและปราบปราม ได้ขอหมายค้น
เพื่อเข้าตรวจสอบโกดังเก็บสินค้าในพื้นที่ตำบลบางจาก อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เนื่องจากได้รับแจ้งว่า มีการเก็บสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรมไว้เป็นจำนวนมาก เมื่อเข้าตรวจสอบ พบสินค้าที่ไม่มีหนังสือรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) อาทิ ปืนนวดไฟฟ้า น้ำยาทำความสะอาดครัวเรือน น้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำ เครื่องชงกาแฟ เครื่องทำน้ำแข็ง และอื่น ๆ จำนวนกว่า 40,000 ชิ้น มูลค่า 5,000,000 บาท ทั้งนี้ สินค้าทั้งหมดมีเมืองกำเนิดต่างประเทศ และเบื้องต้นไม่พบเอกสารหลักฐานการผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง

กรณีนี้เป็นความผิดตามมาตรา 246 ประกอบมาตรา 166 และ 167 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร
พ.ศ. 2560 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

4. เครื่องเล่นเกม (ตู้คีบตุ๊กตา)

เมื่อวันที่ 5 – 13 พฤศจิกายน 2567 กรมศุลกากร โดยด่านศุลกากรนครพนม ในสังกัดของสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบใบขนสินค้าขาเข้า พบสินค้าไม่ตรงตามสำแดง เป็นเครื่องเล่นเกม (ตู้คีบตุ๊กตา) จำนวน 50 ตู้
มูลค่า 1.177 ล้านบาท

ต่อมาเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ตรวจสอบใบขนสินค้าขาเข้า สำแดงเป็นตู้โชว์ (CABINET SHOWCASE) เมื่อทำการตรวจสอบพบสินค้าเป็นเครื่องเล่นเกม
(ตู้คีบตุ๊กตา) จำนวน 48 ตู้ มูลค่า 672,893 บาท

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ตรวจสอบใบขนสินค้าขาเข้า พบสินค้าที่ไม่ได้สำแดง เป็นเครื่องเล่นเกม (ตู้คีบตุ๊กตา) จำนวน 6 ตู้ มูลค่า 105,930 บาท

และเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรกรุงเทพ และ
กองสืบสวนและปราบปราม เข้าตรวจค้นตู้คอนเทนเนอร์ต้องสงสัย ต้นทางจากประเทศจีน สำแดงสินค้าเป็นตู้โชว์ (CUPBOARD) เมื่อทำการตรวจสอบ พบสินค้าเป็นเครื่องเล่นเกม (ตู้คีบตุ๊กตา) จำนวน 25 ตู้ มูลค่า 112,570 บาท

การกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดตามมาตรา 202 243 244 และ 252 ประกอบมาตรา 166 และ 167 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำเครื่องเล่นเกมเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2548

“ ป่อเต็กตึ๊งเป็นตัวแทนผู้มีจิตศรัทธาส่งมอบไออุ่นจัดงบฯ 2 ล้านกว่าบาท แจกจ่ายผ้าห่มกันหนาวพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ให้"ช...
21/11/2024

“ ป่อเต็กตึ๊งเป็นตัวแทนผู้มีจิตศรัทธาส่งมอบไออุ่นจัดงบฯ 2 ล้านกว่าบาท แจกจ่ายผ้าห่มกันหนาวพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค
ให้"ชาวเชียงราย"
ที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร

https://copherothailand.com/?page_id=9519
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการมูลนิธิฯ ห่วงใยผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร มอบหมายให้ นายชุมพล บุญภักดี
ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกสาธารณภัย
ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ พร้อมเจ้าหน้าที่แผนกสาธารณภัย,แผนกบรรเทาสาธารณภัย,แผนกอาสาสมัคร,แผนกสื่อสารองค์กรไทย ลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคอาทิ
ผ้าห่มกันหนาวข้าวสาร,บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป,ปลากระป๋อง,ขนม,น้ำปลา,น้ำตาล,น้ำมันพืช และถุงผ้าบรรจุสิ่งของ
ให้แก่ผู้ประสบ
“ภัยหนาว” ในจังหวัดเชียงราย ประกอบด้วย อ.เมือง,อ.แม่สาย,
อ.แม่จัน,อ.แม่สรวย,
อ.พาน รวม 3,300 ชุด คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2,145,000 บาท (สองล้านหนึ่งแสนสี่หมื่นห้าพันบาทถ้วน) โดยมีประธานฯและคณะกรรมการมูลนิธิสาธารณกุศลสงเคราะห์เชียงรายมูลนิธิสาธารณกุศลสงเคราะห์แม่จัน
มูลนิธิเมืองพานสงเคราะห์
มูลนิธิกวงเม้งแม่สาย
พร้อมหน่วยงานภาครัฐและผู้นำท้องถิ่นร่วมในพิธีแจกจ่าย
ในระหว่างวันที่ 16 พฤศจิกายน – 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567
ติดต่อสอบถาม ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง www.facebook.com/atpohtecktung
โครงการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยหนาว เป็นโครงการที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งดำเนินการต่อเนื่องมาไม่ต่ำกว่า 60 ปี โดยตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาการดำเนินงานอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคทรัพย์ เครื่องอุปโภคบริโภค สละแรงกาย แรงใจ สมทบทุน ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยต่าง ๆ ขอบุญบารมีหลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ส่งผลให้ท่านและครอบครัว มีความสุขความเจริญตลอดไป
“ #มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

สืบนครบาล รวบ บัญชีม้าแก๊งโรแมนซ์สแกม หลอกให้เหยื่อหลงรัก ให้ช่วยโอนค่าส่งสินค้า สูญเงิน 2.2 ล้านhttps://copherothailand...
21/11/2024

สืบนครบาล รวบ บัญชีม้าแก๊งโรแมนซ์สแกม หลอกให้เหยื่อหลงรัก ให้ช่วยโอนค่าส่งสินค้า สูญเงิน 2.2 ล้าน

https://copherothailand.com/?page_id=9504

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผช.ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมทางออนไลน์ ที่สร้างเดือดร้อนให้ประชาชนจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น.
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย ,พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ รอง ผบก สส.บช.น. ,พ.ต.อ.อรรชวศิษฎ์ ศรีบุญยมานนท์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.ปกรณ์ ทองช่วง และ พ.ต.ท.วิโรฒ จนุบุษย์ รอง ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.วรุตม์ คำหล้า สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. พร้อมด้วย ร.ต.อ.พิชชากร กองสวัสดิ์ ,ร.ต.อ.พงศธร อารีย์ รอง สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น.ได้จับกุมตัว

นางมาลี อายุ 48 ปีภูมิลำเนา ตำบลด่านทับตะโก อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรีบุคคลตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 5523/2567 ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดแต่บางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง" จับกุมที่บ้านพักไม่มีเลขที่ หมู่ 11 ตำบลด่านทับตะโก อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี
พฤติการณ์ เมื่อวันที่ 22 ต.ค.2566 ได้มีผู้ใช้บัญชีเฟสบุ๊คชื่อ "Stephen Wog" ติดต่อมาหาผู้เสียหาย และได้มีการพูดคุยกันเรื่อยมา ต่อมาได้ติดต่อคุยกับผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ ได้ติดต่อกับบัญชีไลน์ชื่อ "ab" ต่อมาผู้ใช้บัญชีไลน์ดังกล่าวได้ แจ้งว่า มีปัญหาเกี่ยวกับการการซื้ออุปกรณ์ การขนส่งสินค้ามีปัญหาไม่สามารถโอนค่าขนส่งทางอากาศได้ จึงขอให้ผู้เสียหายช่วยเหลือ
ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินเพื่อเป็นค่าขนส่ง โดยโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารคนร้าย จำนวนหลายครั้ง รวมเป็นเงิน2,290,000 บาท หลังจากโอนเงินไปแล้ว ผู้ใช้ไลน์ดังกล่าวให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่มเรื่อยๆ จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง ทำให้ได้รับความเสียหาย จึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายจนกว่าจะถึงที่สุด
ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การว่า ก่อนหน้านี้ตนได้รู้จักกับชายชาวต่างชาติทางไลน์จากการเล่นพนันออนไลน์ และได้พูดคุยกันเรื่อยมาเสมือนคนรัก ต่อมาตนอยากสร้างบ้านจึงจะขอยืมเงินจากชายดังกล่าว โดยชายดังกล่าวออกอุบายให้ตนกรอกข้อมูลส่วนตัว ส่งรูปบัตรประชาชนทั้งหน้าและหลัง และถ่ายบัตรประชาชนคู่กับตน ส่งให้ไป โอนเงินไปให้อีก 4,000 บาท จากนั้นได้ให้วิดิโอคอล ทำท่าโบกมือและให้ตนพยักหน้า ซึ่งตนไม่รู้ภาษาต่างประเทศตนเลยพยักหน้าตามที่ชายชาวต่างชาติคนนั้นทำท่าโบกมือทักทาย
และวันนี้ตนถูกเจ้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบนครบาลจับกุมตนจึงทราบเรื่องราวทั้งหมดว่าชายชาวต่างชาติดังกล่าวนั้นเป็นแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ซึ่งหลอกลวงให้ตนเปิดบัญชีออนไลน์ในแอปพลิเคชั่นดังกล่าว สุดท้ายนี้ตนอยากฝากกับประชาชน ว่าอย่ากระทำการโดยความโลภ จากนั้นได้นำตัวส่ง สน.วังทองหลาง ดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ขอแจ้งเตือนประชาชน ให้ระวังกลลวงโรแมนซ์สแกม หลอกให้รักแบบ ฟิลแฟน แล้วให้จ่ายค่าส่งของต่างๆ จ่ายภาษี หรือการลงทุนต่างๆ กรรมวิธีของมิจฉาชีพเหล่านี้ จะมาในรูปแบบผู้หญิงสวย หรือ ผู้ชายหล่อ ใช้วิธีที่เรียกว่าเลี้ยงความรักแบบฟิลแฟน ประมาณ 2 สัปดาห์โดยจะไม่พูดถึงการลงทุนเลย จนเหยื่อกินเบ็ดด้วยตัวเอง เริ่มถามเองว่าเธอทำอะไร แล้วเขาก็เริ่มบอกเองว่าฉันทำแบบนั้นแบบนี้นะ แล้วก็จะลากเข้าไปสู่กระบวนการหลอก วิธีการป้องกันตัวเองให้ "เอ๊ะ" ไว้ก่อน ถ้าเกิดมีคนสวยคนหล่อ จู่ ๆ ทักมาคุยต้อง"เอ๊ะ"ไว้ ลองปรึกษาเพื่อนดูว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นจริงกับชีวิตเราได้หรือไม่ ให้เพื่อนช่วยเอ๊ะอีกทีหนึ่ง

#จ๋อแจ๊ะจับโจร
#สืบนครบาล

ป.ป.ส. ร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จับกุมผู้ต้องหา 1 ชาวเกาหลีใต้ ในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอน...
20/11/2024

ป.ป.ส. ร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
จับกุมผู้ต้องหา 1 ชาวเกาหลีใต้ ในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักร
โดยการอนุญาตสิ้นสุด” และมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศไทย
ไปยังสาธารณรัฐเกาหลี

https://copherothailand.com/?page_id=9488

DSI จับกุมแอดมินพนันออนไลน์ เครือข่ายเจ้าของร้านหอยชื่อดัง แจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินเพิ่มอีกกระทงhttps://copherothailand.c...
20/11/2024

DSI จับกุมแอดมินพนันออนไลน์ เครือข่ายเจ้าของร้านหอยชื่อดัง แจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินเพิ่มอีกกระทง

https://copherothailand.com/?page_id=9476

ขอขอบคุณข้อมูลข่าว :

สืบนครบาล รวบ ผัวเมียมิจฉาชีพโพสต์ขายของออนไลน์ หลอกขายทุกอย่าง ผู้เสียหายหลายสิบราย มีหมายจับรวมกัน 6 หมายhttps://cophe...
20/11/2024

สืบนครบาล รวบ ผัวเมียมิจฉาชีพโพสต์ขายของออนไลน์ หลอกขายทุกอย่าง ผู้เสียหายหลายสิบราย มีหมายจับรวมกัน 6 หมาย

https://copherothailand.com/?page_id=9460

#จ๋อแจ๊ะจับโจร
#สืบนครบาล

วุฒิสภาเร่งแก้ปัญหาไกด์เถื่อนและค่าตั๋วเครื่องบินแพงกมธ.การท่องเที่ยวและการกีฬา วุฒิสภา เดินหน้าแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในภาคก...
20/11/2024

วุฒิสภาเร่งแก้ปัญหาไกด์เถื่อนและค่าตั๋วเครื่องบินแพง

กมธ.การท่องเที่ยวและการกีฬา วุฒิสภา เดินหน้าแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในภาคการท่องเที่ยวของไทย โดยมุ่งเน้นไปที่การปราบปรามไกด์เถื่อนและลดค่าโดยสารเครื่องบิน เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนมากขึ้น การดำเนินการดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

ดร.จำลอง อนันตสุข โฆษกคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและการกีฬา วุฒิสภา เผยว่า นายวิศูจน์ รัตนวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการได้เป็นประธานในการประชุมเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งที่ประชุมก็ได้มีมติสำคัญในการผลักดันให้ภาคการท่องเที่ยวไทยมีความเข้มแข็งและยั่งยืนยิ่งขึ้น หลังได้รับฟังข้อมูลแนวทางและแผนดำเนินงานจากนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) โดยได้กำชับให้การท่าอากาศยานไทยการปราบปรามมัคคุเทศก์เถื่อนอย่างเร่งด่วน เนื่องจากส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยอย่างมาก จึงได้เรียกร้องให้การท่าอากาศยานไทยเพิ่มมาตรการในการป้องกันและปราบปรามปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องสิทธิของมัคคุเทศก์ที่ถูกกฎหมายและสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว

โฆษก กมธ.การท่องเที่ยวและกีฬา เผยอีกว่า คณะกรรมาธิการฯ เห็นว่าการลดค่าโดยสารเครื่องบินจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาประเทศไทยมากขึ้น จึงได้เสนอให้ศึกษาแนวทางการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการพิจารณาปรับลดอัตราค่าโดยสารทึ่เหมาะสม นอกจากนี้คณะกรรมาธิการฯ ยังได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาท่าอากาศยานในพื้นที่ที่มีศักยภาพทางการท่องเที่ยว เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวในอนาคต

“การแก้ไขปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการยกระดับมาตรฐานการบริการของประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างรายได้เข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง”โฆษก กมธ การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวในที่สุด

สืบนครบาล ตามรวบ “อชิ หนองแขม” ดีเจหัวร้อนหลังร่วมกับเพื่อน ก่อเหตุยิงคู่อริทางโซเชียลบาดเจ็บสาหัสhttps://copherothailan...
19/11/2024

สืบนครบาล ตามรวบ “อชิ หนองแขม” ดีเจหัวร้อนหลังร่วมกับเพื่อน ก่อเหตุยิงคู่อริทางโซเชียลบาดเจ็บสาหัส
https://copherothailand.com/?page_id=9441

#จ๋อแจ๊ะจับโจร
#สืบนครบาล

ที่อยู่

Bangkok

เบอร์โทรศัพท์

+6620515458

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Cop Hero Thailand Magazineผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

วิดีโอทั้งหมด

แชร์


บริษัทด้านสื่อ/ข่าวสาร อื่นๆใน Bangkok

แสดงผลทั้งหมด