04/09/2024
ถ้าใครเคยได้ดูภาพยนตร์ Under Paris อาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาเจ้ากองขยะในมหาสมุทรกันบ้าง แล้วถ้าหากกองขยะในมหาสมุทรมีการรวมตัวกันจนกลายเป็นขยะขนาดใหญ่อยู่ในมหาสมุทรจะเกิดอะไรขึ้น
จะพาทุกท่านไปสำรวจแพขยะขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง #แพขยะแปซิฟิก เราอาจจะเคยได้ยินคำที่ว่า “สสารไม่มีวันหายไปจากโลก” ขยะที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ก็เช่นกัน เมื่อขยะถูกทิ้งลงสู่แม่น้ำลำคลองสุดท้ายก็ออกไปยังทะเลและมหาสมุทร มีการคาดการณ์ว่าในแต่ละปีขยะพลาสติกที่ไหลลงสู่มหาสมุทรมีปริมาณ 1.15 ถึง 2.41 ล้านตัน ซึ่งขยะเหล่านี้ครึ่งหนึ่งมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ ทำให้ตัวมันไม่จมลงเมื่อไหลลงสู่ทะเล และในมหาสมุทรมีกระแสน้ำหมุนวนที่เรียกว่า “Gyres” กระแสน้ำวนขนาดใหญ่จะดึงวัตถุต่าง ๆ ขยะ อุปกรณ์ตกปลา และเศษซากในทะเลมารวมกันทำให้เกิด #แพขยะ ขึ้น พบ Gyres ในมหาสมุทร 5 แห่ง ได้แก่ หนึ่งแห่งอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย สองแห่งอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก และสองแห่งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก
แพขยะมหาสมุทรแปซิฟิก (Great Pacific Garbage Patch: GPGP) เป็นแหล่งสะสมขยะพลาสติกนอกชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดจากทั้งหมด 5 แห่งของมหาสมุทรทั่วโลก แพขยะนี้ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างฮาวายและแคลิฟอร์เนีย สำหรับขนาดของแพขยะนี้ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1.6 ล้านตารางกิโลเมตรหรือมีขนาดใหญ่เป็น 3 เท่าของประเทศไทย
คาดว่ามวลของพลาสติกในแพขยะแปซิฟิกอยู่ที่ประมาณ 100,000 ตัน พลาสติกส่วนใหญ่ที่เก็บกู้ได้ทำจากโพลีเอทิลีน (PE) หรือโพลีโพรพิลีน (PP) มีขนาดตั้งแต่ชิ้นเล็ก ๆ ไปจนถึงวัตถุขนาดใหญ่และอวนจับปลา แม้พลาสติกส่วนใหญ่ที่พบจะมีขนาดมากกว่า 5 มิลลิเมตร แต่เมื่อพลาสติกสัมผัสกับ แสงแดด คลื่น สิ่งมีชีวิตในทะเล และการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ จะเกิดการเสื่อมสลายได้เป็นไมโครพลาสติกลอยอยู่ที่ผิวน้ำ แต่ก็สามารถอยู่ใต้น้ำหรือลึกลงไปถึงพื้นมหาสมุทรได้อีกด้วยเมื่อพลาสติกมีขนาดเล็กลงเป็นไมโครพลาสติกจะกำจัดออกได้ยากและสัตว์ทะเลมักเข้าใจผิดว่าเป็นอาหาร
ถึงแม้แพขยะจะอยู่ห่างไกลจากพื้นที่ที่มนุษย์อาศัยอยู่ แต่สามารถส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สิ่งมีชีวิตในทะเล และมนุษย์ได้ ตัวอย่างผลกระทบของแพขยะได้แก่
สัตว์ทะเลอาจถูกจับและบาดเจ็บหรืออาจตายได้ในเศษซากบางประเภท เช่น อวนจับปลา สายรัดกระเป๋า ห่วงยาง หูหิ้วถุงพลาสติก ปลา นกทะเล และสัตว์ทะเลอื่น ๆ อาจกินพลาสติก โดยไม่ได้ตั้งใจและอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของสัตว์ได้
สาหร่าย หอยทะเล ปู หรือสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ๆ สามารถเกาะติดเศษซากขยะและถูกพัดพาข้ามมหาสมุทรไปได้ หากสิ่งมีชีวิตชนิดดังกล่าวรุกรานและสามารถตั้งรกรากและเติบโตในสภาพแวดล้อมใหม่ สิ่งมีชีวิตดังกล่าวอาจแย่งชิงหรือเข้ามาแทนที่สิ่งมีชีวิตพื้นเมืองจนมากเกินไปส่งผลให้ระบบนิเวศเสียหาย
มนุษย์สามารถได้รับสารเคมีในพลาสติกหรือไมโครพลาสติกจากกระบวนการที่เรียกว่าการสะสมทางชีวภาพ (bioaccumulation) เมื่อสัตว์ที่กินพลาสติกกลายเป็นเหยื่อจะส่งต่อพลาสติกไปยังผู้ล่าและผ่านห่วงโซ่อาหารซึ่งรวมถึงมนุษย์ด้วย
ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ พบว่าค่าใช้จ่ายทางเศรษฐกิจต่อปีที่เกิดจากพลาสติกในทะเลอยู่ที่ประมาณ 6,000-19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ค่าใช้จ่ายดังกล่าวเกิดจากผลกระทบต่อการท่องเที่ยว การประมง การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการทำความสะอาดของรัฐบาล
ดังนั้นมาตรการในการจำกัดขยะและป้องกันการทิ้งพลาสติกลงสู่แม่น้ำน่าจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่าการจัดการกับผลที่ตามมาเมื่อขยะได้ถูกปล่อยออกสู่ทะเลแล้ว
อ้างอิง
https://theoceancleanup.com/great-pacific-garbage-patch/
https://marinedebris.noaa.gov/discover-marine-debris/garbage-patches
https://www.scientificamerican.com/article/surprising-creatures-lurk-in-the-great-pacific-garbage-patch/
https://eos.org/articles/in-the-great-pacific-garbage-patch-new-marine-ecosystems-are-flourishing
ติดตามช่องทางอื่น ๆ ได้ที่
💚TikTok : tiktok.com/
💚Instagram : instagram.com/goodaftergreen/