WAY bitter life, better world
(202)

WAY เคยเป็นสิ่งพิมพ์รายเดือน ตีพิมพ์เผยแพร่ฉบับแรก ตุลาคม พ.ศ. 2549 เป็นนิตยสารที่มีเนื้อหาหนักแน่น แต่รูปแบบนำเสนออุดมด้วยความคิดสร้างสรรค์ ครอบคลุมประเด็นทางสังคม การเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม ศิลปะ และไลฟ์สไตล์

WAY ก่อตั้งโดย อธิคม คุณาวุฒิ เป็นการรวมตัวของคนหนุ่มสาวที่ชำนาญการทำนิตยสารและสื่อสิ่งพิมพ์ เป็นผู้ผลิตคอนเทนท์ที่สนใจข่าวสารความเคลื่อนไหวทางสังคม และเป็นแหล่งชุมนุมคอลัมนิสต

์คุณภาพสูง

waymagazine.org คือเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของนิตยสาร WAY เปิดตัวในปี 2555 เพื่อรองรับพฤติกรรมการบริโภคข้อมูลข่าวสารที่เปลี่ยนไป เป็นศูนย์รวมงานชิ้นสื่อสารในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบของ WAY ไม่ว่าจะเป็นข้อเขียน ภาพถ่าย กราฟิก วิดีโอ โดยทำงานร่วมกับเครื่องมือโซเชียลมีเดีย เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้คนยุคปัจจุบันและอนาคต

14/11/2024

Q: ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ล้มละลาย ที่เสนอโดยพรรคประชาชน จะเป็นช่องทางช่วยเหลือลูกหนี้อย่างไรบ้าง

การแก้ไข พ.ร.บ.ล้มละลาย จุดประสงค์คือให้ลูกหนี้สามารถฟื้นฟูสถานะการเงินของตัวเองได้ ไม่ใช่ถูกเจ้าหนี้ฟ้องล้มละลาย แต่ต้องเปิดช่องทางให้ลูกหนี้มีโอกาสเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูหนี้ ซึ่งสิ่งนี้ก็สะท้อนถึง responsible lending ด้วย ขณะเดียวกันต้องมีตัวกลางเข้ามาเชื่อมทั้งฝ่ายเจ้าหนี้และลูกหนี้ เปิดโอกาสให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งเป็นกระบวนการปกติที่ใช้กับลูกหนี้นิติบุคคล อย่างการบินไทยตอนนี้ก็กำลังออกจากสภาวะฟื้นฟูกิจการในอีกไม่นาน ในเมื่อการบินไทยทำได้ ทำไมลูกหนี้บุคคลธรรมดาจะไม่ได้รับโอกาสให้ทำได้

ผมเคยเจอเกษตรกรเจ้าของสวนส้ม เป็นหนี้ประมาณ 5 ล้าน แต่ละปีเขาเสียดอกเบี้ยอย่างเดียวประมาณ 350,000 บาท เขามีรายได้สุทธิจากการทำเกษตร 200,000 บาท ยังไงก็ไม่รอดอยู่แล้ว หากจะมีข้อแนะนำให้เขาสร้างรายได้เพิ่ม ก็ต้องไม่ใช่ข้อแนะนำแบบลอยๆ แต่ต้องกางบัญชีออกมาดู ว่าทำอย่างไรจึงจะลดดอกเบี้ยหรือตัดเงินต้นออกไปได้

ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ล้มละลาย จะช่วยลูกหนี้ได้จริงก็ต้องมีทีมที่ปรึกษาทางการเงิน มีองค์กรเข้าไปดูแลให้คำแนะนำเพิ่มขึ้น

---
แนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย พูดคุยกับ เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center) เพื่อร่วมหาทางออกจากกับดักหนี้ นอกเหนือจากการทำความเข้าใจถึงพฤติกรรมการก่อหนี้ ข้อจำกัดของลูกหนี้ และเงื่อนไขกติกาในการผ่อนชำระแล้ว อาจจำเป็นต้องเข้าใจถึงหัวอกคนเป็นหนี้เมื่อต้องเผชิญกับภาวะฉุกเฉินทางการเงินหรือมีเหตุจำเป็นที่ต้องใช้จ่าย

https://fairfinancethailand.org/article/2024/interview-decharut-sukkumnoed/

เมื่อ  #โดนัลด์ทรัมป์ (Donald Trump) หวนคืนทำเนียบขาวอีกครั้ง ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า  #สงครามการค้า (Trade War) รอบ 2 ...
13/11/2024

เมื่อ #โดนัลด์ทรัมป์ (Donald Trump) หวนคืนทำเนียบขาวอีกครั้ง ทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า #สงครามการค้า (Trade War) รอบ 2 จะเกิดขึ้นในไม่ช้า พร้อมกับการกลับมาของ โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ (Robert Lighthizer) อดีตผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (US Trade Representative) ผู้เคยอยู่เบื้องหลังการทำสงครามการค้าจีน-สหรัฐ ครั้งที่ 1 ซึ่งถูกหมายมั่นว่าจะกลับเข้ารับตำแหน่งสำคัญทางเศรษฐกิจในรัฐบาลทรัมป์ 2

รู้จัก 'โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์' ขงเบ้งแห่งทำเนียบขาว ในสงครามการค้าจีน-สหรัฐ รอบใหม่
https://waymagazine.org/robert-lighthizer/

หาทางออกจากวิกฤต  #หนี้ครัวเรือน
13/11/2024

หาทางออกจากวิกฤต #หนี้ครัวเรือน

แนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย พูดคุยกับ เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center) เพื่อร่วมหาทางออกจากกับดักหนี้ นอกเหนือจากการทำความเข้าใจถึงพฤติกรรมการก่อหนี้ ข้อจำกัดของลูกหนี้ และเงื่อนไขกติกาในการผ่อนชำระแล้ว อาจจำเป็นต้องเข้าใจถึงหัวอกคนเป็นหนี้เมื่อต้องเผชิญกับภาวะฉุกเฉินทางการเงินหรือมีเหตุจำเป็นที่ต้องใช้จ่าย

มันถูกปลดออกจากความไม่ปกติกลายเป็นความสามัญ มันไม่ใช่ทางเลือก ไม่ใช่ความไม่รู้ แต่มันคือตัวตน ตัวตนที่ถูกธรรมชาติสรรสร้า...
12/11/2024

มันถูกปลดออกจากความไม่ปกติกลายเป็นความสามัญ มันไม่ใช่ทางเลือก ไม่ใช่ความไม่รู้ แต่มันคือตัวตน ตัวตนที่ถูกธรรมชาติสรรสร้างขึ้นมาอย่างประณีต และพระเจ้าก็โอบรับเช่นกัน

*xual หรือ #รักร่วมเพศ คือสิ่งผิดบาปตามคำบรรยายใน #คัมภีร์ไบเบิล ความหลากหลายถูกพระคัมภีร์ผลักออก เกย์ที่ถูกผลักออกต่างรวมตัวเป็นคอมมิวนิตีหนึ่ง เพราะหากพระเจ้าไม่รัก พวกเขาก็จะรักตัวเอง รักกันและกัน

ทว่าในคอมมิวนิตีเดียวกัน พวกเขากลับถูกผลักออกอีกที เพราะดันเป็นเกย์ที่เป็นคริสเตียน ศาสนากับเกย์อาจจะต้องเลือกสักทาง เว้นเพียงแต่ประโยคที่บอกว่าเป็นบาป อาจไม่เป็นจริง

ภาพยนตร์สารคดี ‘1964’ บอกเล่าเรื่องราวของ LGBTQIA+ ที่ต่างศรัทธาในพระเจ้า และพวกเขาพลิกฟ้าทำความจริงให้ปรากฏว่า แท้จริงแล้วคำว่า ‘รักร่วมเพศ’ มาจากการแปลที่ผิดพลาด พระเจ้าไม่เคยปฏิเสธเกย์หรือความหลากหลายใดๆ

---
ขอบคุณ Documentary Club

ปัญหา  #หนี้ครัวเรือน ของคนไทยมิใช่เป็นแค่ปัญหาส่วนบุคคลหรือเรื่องส่วนตัวที่ต้องหาทางออกกันเอาเอง แต่กำลังถูกยกระดับเป็น...
12/11/2024

ปัญหา #หนี้ครัวเรือน ของคนไทยมิใช่เป็นแค่ปัญหาส่วนบุคคลหรือเรื่องส่วนตัวที่ต้องหาทางออกกันเอาเอง แต่กำลังถูกยกระดับเป็นวาระแห่งชาติที่ภาครัฐและภาคการเงินการธนาคารจะต้องหันมาร่วมมือกัน

คำแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 สะท้อนความสำคัญต่อเรื่องนี้เป็นลำดับแรกสุดจาก 10 นโยบายเร่งด่วน นั่นคือการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ

จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ณ ไตรมาสแรกของปี 2567 ประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือนสูงถึง 16 ล้านล้านบาท หรือมากกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ขณะที่สัดส่วนหนี้เสีย (Non-Performing Loan: NPL) ก็มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

ความจริงแล้ว สถานการณ์หนี้ครัวเรือนเริ่มส่งสัญญาณน่าเป็นห่วงมาตั้งแต่ช่วงการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่สัดส่วนหนี้ครัวเรือนเริ่มแตะที่ระดับร้อยละ 80 ของ GDP จนถึงช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หนี้ครัวเรือนพุ่งสูงขึ้นถึงร้อยละ 90 ของ GDP สะท้อนถึงความไม่สมดุลของรายได้และหนี้สินในภาคครัวเรือน ซึ่งกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว

ความน่ากังวลนี้สอดคล้องกับผลการศึกษา ‘สถานการณ์และความต้องการของลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19’ จัดทำโดย แนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย (Fair Finance Thailand) พบว่ามาตรการป้องกันการแพร่ระบาด เช่น การล็อกดาวน์ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะงักงัน ประชาชนขาดรายได้ สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อคนทุกกลุ่ม และมีหนี้เพิ่มขึ้นทุกกลุ่มอาชีพ

ปัจจุบันแม้ว่าสถานการณ์โควิดจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วก็ตาม แต่ยังส่งผลต่อเนื่อง สัดส่วนหนี้ครัวเรือนยังคงอยู่ในระดับสูง นับเป็นโจทย์สำคัญที่รัฐจะต้องเข้ามาจัดการช่วยเหลือ

แนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย พูดคุยกับ เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center) เพื่อร่วมหาทางออกจากกับดักหนี้ นอกเหนือจากการทำความเข้าใจถึงพฤติกรรมการก่อหนี้ ข้อจำกัดของลูกหนี้ และเงื่อนไขกติกาในการผ่อนชำระแล้ว อาจจำเป็นต้องเข้าใจถึงหัวอกคนเป็นหนี้เมื่อต้องเผชิญกับภาวะฉุกเฉินทางการเงินหรือมีเหตุจำเป็นที่ต้องใช้จ่าย

ในบทบาทของคนทำงานด้านการเมือง เดชรัตยังมีข้อเสนอเชิงนโยบายที่น่าสนใจด้วยว่า เป็นไปได้หรือไม่หากรัฐจะจัดให้มีสวัสดิการทางการเงิน ด้วยการให้วงเงินสินเชื่อฉุกเฉินรายละ 10,000 บาท เพื่อเป็นตาข่ายรองรับยามเมื่อชีวิตเข้าตาจน รวมถึงเสนอมุมมองต่อร่างแก้ไข พ.ร.บ.ล้มละลาย เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้ลูกหนี้สามารถเข้าถึงสิทธิการช่วยเหลืออย่างเป็นธรรมและทั่วถึง

อ่านบทสัมภาษณ์ เดชรัต สุขกำเนิด: ข้อเสนอสวัสดิการเงินกู้ฉุกเฉิน ก้าวข้ามกับดัก #หนี้ครัวเรือน
https://fairfinancethailand.org/article/2024/interview-decharut-sukkumnoed/

ปัญหา  #หนี้ครัวเรือน ของคนไทยกำลังถูกยกระดับเป็นวาระแห่งชาติ ดังคำแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2...
11/11/2024

ปัญหา #หนี้ครัวเรือน ของคนไทยกำลังถูกยกระดับเป็นวาระแห่งชาติ ดังคำแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 สะท้อนความสำคัญต่อเรื่องนี้เป็นลำดับแรกสุดจาก 10 นโยบายเร่งด่วน นั่นคือการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ

ความจริงแล้ว สถานการณ์หนี้ครัวเรือนเริ่มส่งสัญญาณน่าเป็นห่วงมาตั้งแต่ช่วงการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่สัดส่วนหนี้ครัวเรือนเริ่มแตะที่ระดับร้อยละ 80 ของ GDP จนถึงช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หนี้ครัวเรือนพุ่งสูงขึ้นถึงร้อยละ 90 ของ GDP

ปัจจุบันแม้ว่าสถานการณ์โควิดจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วก็ตาม แต่ยังส่งผลต่อเนื่อง สัดส่วนหนี้ครัวเรือนยังคงอยู่ในระดับสูง นับเป็นโจทย์สำคัญที่รัฐจะต้องเข้ามาจัดการช่วยเหลือ

แนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย (Fair Finance Thailand) พูดคุยกับ เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center) เพื่อร่วมหาทางออกจากกับดักหนี้ ตลอดจนข้อเสนอเชิงนโยบายที่น่าสนใจว่า เป็นไปได้หรือไม่หากรัฐจะจัดให้มีสวัสดิการทางการเงิน ด้วยการให้วงเงินสินเชื่อฉุกเฉินรายละ 10,000 บาท เพื่อเป็นตาข่ายรองรับยามเมื่อชีวิตเข้าตาจน

เหตุจลาจลสโตนวอลล์ (Stonewall Riots) เมื่อปี 1969 ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกค้นบาร์สโตนวอลล์อินน์ (Stonewall Inn) จับกุมผู้ท...
08/11/2024

เหตุจลาจลสโตนวอลล์ (Stonewall Riots) เมื่อปี 1969 ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกค้นบาร์สโตนวอลล์อินน์ (Stonewall Inn) จับกุมผู้ที่ไม่ใช่เพศหญิงโดยกำเนิดแต่แต่งกายเป็นหญิง ซึ่งเป็นการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศอย่างชัดเจน ก่อเกิดความไม่พอใจจนกระทั่งนำไปสู่ความรุนแรงและการจลาจลอันเป็นต้นกำเนิดขบวน Gay Pride ในเวลาต่อมา และการที่องค์การอนามัยโลกหรือ World Health Organization (WHO) ปลดผู้มีความหลากหลายทางเพศออกจากการเป็นผู้ป่วยจิตเวช ตั้งแต่ปี 1992 เป็นหมุดหมายสำคัญทำให้บริบทความเท่าเทียมทางเพศถูกยกระดับไปอีกขั้น และเมื่อเอ่ยถึงความเท่าเทียมทางเพศจึงไม่ใช่แค่เรื่องหญิงชายอีกต่อไป

แต่ด้วยความสลับซับซ้อนและการหยั่งรากของระบบสองเพศแบบดั้งเดิม ทำให้การกล่าวถึงผู้ที่ไม่ได้มีเพศตรงตามขนบนั้นถูกบดบังอยู่เสมอ พวกเขาโดนพรากสิทธิที่พึงได้

‘บุคคลย่อมเสมอกันต่อหน้ากฎหมาย’ คือถ้อยแถลงตามหลักความเสมอภาค และเช่นเดียวกัน ผู้มีความหลากหลายทางเพศไม่เคยได้รับ ต่อหน้ากฎหมายพวกเขาไม่เคยเสมอใคร

ไฟแห่งความหวังที่จะเท่าเทียมถูกจุดให้ลุกโชนโดยมี ‘กฎหมายสมรสเท่าเทียม’ เป็นเชื้อเพลิง ผลประโยชน์สาธารณะของการผ่านกฎหมายดังกล่าวคือการได้รับสิทธิที่ถูกพรากไปกลับคืน

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.พรรคประชาชน ผู้มีบทบาทสำคัญอีกคนหนึ่งในการเรียกร้องและผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมให้เกิดขึ้นในประเทศไทย เขาช่วยฉายภาพการขยายสิทธิภายใต้กฎหมายดังกล่าว พร้อมกับเล่าถึงการถูกจำกัดสิทธิทางการเงินของผู้มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตคู่ของคู่รัก LGBTQIA+ กระทั่งความคาดหวังต่อภาคธุรกิจและธนาคารที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการปักฐานให้กับความเท่าเทียมทางเพศอย่างมั่นคง

เหตุจลาจลสโตนวอลล์ (Stonewall Riots) เมื่อปี 1969 ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกค้นบาร์สโตนวอลล์อินน์ (Stonewall Inn) จับกุมผู้ที่ไม่ใช่เพศหญิงโดยกำเนิดแต่แต่งกายเป็นหญิง ซึ่งเป็นการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศอย่างชัดเจน ก่อเกิดความไม่พอใจจนกระทั่งนำไปสู่ความรุนแรงและการจลาจลอันเป็นต้นกำเนิดขบวน Gay Pride ในเวลาต่อมา และการที่องค์การอนามัยโลกหรือ World Health Organization (WHO) ปลดผู้มีความหลากหลายทางเพศออกจากการเป็นผู้ป่วยจิตเวช ตั้งแต่ปี 1992 เป็นหมุดหมายสำคัญทำให้บริบทความเท่าเทียมทางเพศถูกยกระดับไปอีกขั้น และเมื่อเอ่ยถึงความเท่าเทียมทางเพศจึงไม่ใช่แค่เรื่องหญิงชายอีกต่อไป

แต่ด้วยความสลับซับซ้อนและการหยั่งรากของระบบสองเพศแบบดั้งเดิม ทำให้การกล่าวถึงผู้ที่ไม่ได้มีเพศตรงตามขนบนั้นถูกบดบังอยู่เสมอ พวกเขาโดนพรากสิทธิที่พึงได้

‘บุคคลย่อมเสมอกันต่อหน้ากฎหมาย’ คือถ้อยแถลงตามหลักความเสมอภาค และเช่นเดียวกัน ผู้มีความหลากหลายทางเพศไม่เคยได้รับ ต่อหน้ากฎหมายพวกเขาไม่เคยเสมอใคร

ไฟแห่งความหวังที่จะเท่าเทียมถูกจุดให้ลุกโชนโดยมี ‘กฎหมายสมรสเท่าเทียม’ เป็นเชื้อเพลิง ผลประโยชน์สาธารณะของการผ่านกฎหมายดังกล่าวคือการได้รับสิทธิที่ถูกพรากไปกลับคืน

ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.พรรคประชาชน ผู้มีบทบาทสำคัญอีกคนหนึ่งในการเรียกร้องและผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมให้เกิดขึ้นในประเทศไทย เขาช่วยฉายภาพการขยายสิทธิภายใต้กฎหมายดังกล่าว พร้อมกับเล่าถึงการถูกจำกัดสิทธิทางการเงินของผู้มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตคู่ของคู่รัก LGBTQIA+ กระทั่งความคาดหวังต่อภาคธุรกิจและธนาคารที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการปักฐานให้กับความเท่าเทียมทางเพศอย่างมั่นคง

https://fairfinancethailand.org/article/2024/interview-tunyawaj-kamolwongwat-2/

 #เขื่อนหลวงพระบาง ในมุมมองของ 'ครูตี๋' นิวัฒน์ ร้อยแก้ว ชายผู้อุทิศตนเพื่อลำน้ำโขงกว่า 3 ทศวรรษตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่า...
07/11/2024

#เขื่อนหลวงพระบาง ในมุมมองของ 'ครูตี๋' นิวัฒน์ ร้อยแก้ว
ชายผู้อุทิศตนเพื่อลำน้ำโขงกว่า 3 ทศวรรษ

ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ครูตี๋ นิวัฒน์ ร้อยแก้ว อุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์แม่นํ้าโขงมาอย่างต่อเนื่อง จนได้รับเกียรติขึ้นรับรางวัล Goldman Evironmental Prize ที่ถูกขนานนามว่าเป็นรางวัล ‘โนเบลการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม’

แม้อายุจะล่วงเลยเข้าสู่วัยผู้ทรงภูมิแล้วก็ตาม พันธกิจในการอนุรักษ์แม่นํ้าโขงของครูตี๋ผู้นี้ที่ผูกพันกับแม่นํ้าโขงตั้งแต่ลืมตาดูโลกยังไม่จบสิ้น ผ่านพบความเปลี่ยนแปลงของแม่นํ้าโขงที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนในพื้นที่ตลอดมา
ในไม่ช้าแม่นํ้าโขงที่เขาพยายามอนุรักษ์นี้ จะต้องเผชิญกับความท้าทายผันผวนอีกครั้ง หากโครงการเขื่อนเพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้าหลวงพระบาง (Luang Prabang Hydropower Project) เสร็จสมบูรณ์ในปี 2570 และสามารถสร้างผลกระทบตลอดลำนํ้าโขงอย่างไม่หวนกลับ

ผลกระทบจากการสร้างเขื่อนหลวงพระบาง จะเปลี่ยนเมืองหลวงพระบางให้ตกอยู่ในความเสี่ยงจากภัยพิบัติอย่างไม่หวนกลับคืน ในฐานะเมืองที่เป็นศูนย์กลางจากความรุ่มรวยทางวัฒนธรรม ศาสนา และทรัพยากรธรรมชาติ จนได้รับการยกย่องจากนานาชาติให้เป็น ‘เมืองมรดกโลก’

สถานะเมืองมรดกโลกของหลวงพระบาง ดึงดูดนักท่องเที่ยวนับล้านเดินมาเยี่ยมชมความเงียบสงบและงดงามแห่งนี้กำลังจะสูญหายไป พร้อมกับวิถีชีวิตที่ต้องพึ่งพิงแม่นํ้าโขงอันอุดมสมบูรณ์ในฐานะอู่ข้าวอู่นํ้า ทั้งการประมงริมฝั่ง และเกษตรกรรมในพื้นที่ลุ่มนํ้าโขง ทำให้มีอาหารพื้นถิ่นจากอาโปธาตุจำนวนมาก กำลังสูญสิ้นตามไปด้วย

#เขื่อนหลวงพระบาง ในมุมมองของ 'ครูตี๋' นิวัฒน์ ร้อยแก้ว
ชายผู้อุทิศตนเพื่อลำน้ำโขงกว่า 3 ทศวรรษ

ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ครูตี๋ นิวัฒน์ ร้อยแก้ว อุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์แม่นํ้าโขงมาอย่างต่อเนื่อง จนได้รับเกียรติขึ้นรับรางวัล Goldman Evironmental Prize ที่ถูกขนานนามว่าเป็นรางวัล ‘โนเบลการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม’

แม้อายุจะล่วงเลยเข้าสู่วัยผู้ทรงภูมิแล้วก็ตาม พันธกิจในการอนุรักษ์แม่นํ้าโขงของครูตี๋ผู้นี้ที่ผูกพันกับแม่นํ้าโขงตั้งแต่ลืมตาดูโลกยังไม่จบสิ้น ผ่านพบความเปลี่ยนแปลงของแม่นํ้าโขงที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนในพื้นที่ตลอดมา

ในไม่ช้าแม่นํ้าโขงที่เขาพยายามอนุรักษ์นี้ จะต้องเผชิญกับความท้าทายผันผวนอีกครั้ง หากโครงการเขื่อนเพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้าหลวงพระบาง (Luang Prabang Hydropower Project) เสร็จสมบูรณ์ในปี 2570 และสามารถสร้างผลกระทบตลอดลำนํ้าโขงอย่างไม่หวนกลับ

ผลกระทบจากการสร้างเขื่อนหลวงพระบาง จะเปลี่ยนเมืองหลวงพระบางให้ตกอยู่ในความเสี่ยงจากภัยพิบัติอย่างไม่หวนกลับคืน ในฐานะเมืองที่เป็นศูนย์กลางจากความรุ่มรวยทางวัฒนธรรม ศาสนา และทรัพยากรธรรมชาติ จนได้รับการยกย่องจากนานาชาติให้เป็น ‘เมืองมรดกโลก’

สถานะเมืองมรดกโลกของหลวงพระบาง ดึงดูดนักท่องเที่ยวนับล้านเดินมาเยี่ยมชมความเงียบสงบและงดงามแห่งนี้กำลังจะสูญหายไป พร้อมกับวิถีชีวิตที่ต้องพึ่งพิงแม่นํ้าโขงอันอุดมสมบูรณ์ในฐานะอู่ข้าวอู่นํ้า ทั้งการประมงริมฝั่ง และเกษตรกรรมในพื้นที่ลุ่มนํ้าโขง ทำให้มีอาหารพื้นถิ่นจากอาโปธาตุจำนวนมาก กำลังสูญสิ้นตามไปด้วย

---

Q: โครงการสร้างเขื่อนในแม่นํ้าโขง ก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างไร

A: การสร้างเขื่อนในแม่นํ้าโขงจะก่อให้เกิดหายนะต่อระบบนิเวศตลอดลำนํ้า เขื่อนเสร็จสมบูรณ์ไปแล้วอย่างเขื่อนไซยะบุรี ก่อให้เกิดการดันของนํ้าเหนือเขื่อนจนก่อให้เกิดภาวะนํ้าเท้อเอ่อท่วมไปยังแม่นํ้าสาขาของแม่นํ้าโขง กระทบไปยังพื้นที่การเกษตรที่ต้องจมอยู่ใต้นํ้าในฤดูนํ้าหลาก เกาะแก่ง ดอน หรือหาดในแม่นํ้าโขง ที่เคยรับหน้าที่สร้างสมดุลนิเวศ เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นํ้าในหน้าแล้ง ก็จะหายไปเพราะนํ้าจะท่วมขัง พันธุ์ปลาจะหายไป ความมั่นคงทางอาหารของมนุษย์ที่ต้องพึ่งพาลำน้ำโขงก็จะสูญหายไปด้วย

Q: ณ ปัจจุบัน โครงการเขื่อนในแม่นํ้าโขงแห่งใด ที่เราต้องให้ความสำคัญจับตาเป็นพิเศษ

A: เขื่อนที่กำลังก่อสร้างในแม่นํ้าโขงตอนใต้ที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือ เขื่อนหลวงพระบาง มีความคืบหน้าแล้ว 40 เปอร์เซ็นต์ หากก่อสร้างเสร็จสิ้น ผลกระทบที่รุนแรงจะเกิดขึ้น ไม่ได้มีเพียงระบบนิเวศเท่านั้น มันจะส่งผลกระทบต่อเมืองมรดกโลกหลวงพระบางด้วย เพราะเมืองตั้งอยู่ท้ายเขื่อนเพียง 25 กิโลเมตรเท่านั้น การปล่อยนํ้าจากเขื่อนจะทำให้ปริมาณนํ้าโขงในบริเวณดังกล่าวผันผวน รุนแรงเหมือนระเบิด และจะสร้างความเสียหายอย่างรวดเร็ว

Q: ทำไมเมืองหลวงพระบางถึงมีความสำคัญทางวัฒนธรรม

A: เมืองหลวงพระบาง เป็นเมืองมรดกโลกได้เพราะแม่นํ้าโขง ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางชาติพันธุ์วรรณา ก่อตัวเป็นความรุ่มรวยทางวัฒนธรรม จนได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นเมืองมรดกโลก อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้า หากเขื่อนสร้างเสร็จสมบูรณ์ เมืองหลวงพระบางจะต้องจมอยู่ใต้นํ้าแน่นอน

Q: เขื่อนหลวงพระบางจะสร้างผลกระทบข้ามแดนต่อไทยอย่างไร

A: หากย้อนไปเมื่อปี 2551 เพื่อให้เห็นภาพผลกระทบข้ามแดน ตอนที่เขื่อนจิงหงในจีนเปิดใช้งาน ต้องปล่อยนํ้าออกมาเพราะไม่สามารถรับนํ้าได้ ทำให้นํ้าโขงที่ระดับความสูง 13 เมตรเอ่อท่วมอำเภอเชียงของ นํ้ายกระดับภายในคืนเดียวอย่างรวดเร็ว เขื่อนจิงหงนั่นอยู่ห่างจากไทยไป 340 กิโลเมตรนะ หากมีเขื่อนหลวงพระบางเพิ่มเข้าไปอีก มันจะยิ่งส่งผลกระทบตลอดลำนํ้าโขง เพราะนํ้าจะดันย้อนกลับจากเหนือเขื่อน เข้ามาที่ราบลุ่มแม่นํ้าสาขาของแม่นํ้าโขงในฝั่งไทย หากทางจีนปล่อยนํ้าลงมาสมทบอีกนํ้าโขงจะยกระดับสูงมากกว่านี้แน่นอน

Q: เท่าที่รับฟังข้อมูล อะไรคือความจำเป็นในการสร้างเขื่อนแม่นํ้าโขง

A: หากเราพูดถึงเขื่อนแม่นํ้าโขง เรากำลังพูดถึงเรื่องพลังงานจากเขื่อนใน สปป.ลาว แต่การพัฒนาพลังงานมันไม่เหมือนก่อนแล้ว เรามีพลังงานทางเลือกมากมาย เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงานก้าวหน้าไปไกล ดังนั้น เขื่อนในแม่นํ้าโขงไม่ตอบโจทย์พลังงาน

เขื่อนมันตอบโจทย์เรื่องทุนมากกว่า โดยเฉพาะทุนไทยที่เข้าไปลงทุนในโครงการเขื่อนแม่นํ้าโขง ที่ส่งผลกระทบด้านภัยพิบัติ และค่าไฟที่แพงขึ้น ตรงนี้แสดงให้เห็นว่า พวกเขาไม่ได้ยึดถือหลักธรรมาภิบาลอย่างใด

#อุทกภัยไร้พรมแดน

06/11/2024

ทรัมป์ กวาด 277 เสียง

เตรียมนั่งเก้าอี้ ปธน. สหรัฐ สมัยที่ 2

โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ และแคนดิเดตประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน (Republican) ประกาศชัย...
06/11/2024

โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ และแคนดิเดตประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน (Republican) ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่ง กมลา แฮร์ริส (Kamala Harris) รองประธานาธิบดีสหรัฐ และแคนดิเดตประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต (Democrat)

ภายหลังทราบผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ด้วยคะแนนเสียงข้างมากจากคณะผู้เลือกตั้ง (electoral college) เกินกึ่งหนึ่งคือ 270 เสียง จากทั้งสิ้น 538 เสียง ใน 50 มลรัฐ และเขตโคลัมเบีย (District of Columbia) หรือ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ทรัมป์สามารถคว้าเสียงจากคณะผู้เลือกตั้ง (จากตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการ) ไปได้ 267 เสียง รวม 51.2 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ แฮร์ริสได้รับคะแนนเสียงไปเพียง 224 เสียง รวม 47.4 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ทรัมป์จะได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2

ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการใน 7 มลรัฐสำคัญในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ทรัมป์ได้จัดแถลงประกาศชัยชนะที่เมืองเวสต์ ปาล์ม บีช มลรัฐฟลอริดา (West Palm Beach, Florida) เพื่อกล่าวสุนทรพจน์แรกทันที โดยมีใจความว่า

“นี่คือ ‘ยุคทอง’ ของอเมริกา…”

“ชัยชนะครั้งนี้ คือชัยชนะที่งดงามของอเมริกัน ที่จะทำให้เรากลับมาสร้างอเมริกาให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง”

“อเมริกาได้มอบบัญชาที่ไม่คาดคิดและทรงพลังมาให้พวกเรา (บริหาร)”

ทรัมป์ยังได้เอ่ยถึงความพยายามในการลอบสังหารเขาโดยกล่าวว่า “พระเจ้าได้มอบเหตุผลให้ฉันมีชีวิต เพื่อที่จะรักษาและกอบกู้ประเทศนี้ให้กลับมายิ่งใหญ่”

บนเวทีนี้แคนดิเดตรองประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน เจ.ดี.แวนซ์ (J. D. Vance) ถูกเชิญขึ้นมากล่าวปราศรัยด้วย โดยแวนซ์เยินยอการรณรงค์หาเสียงของทรัมป์ว่า “เป็นการหวนกลับทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา”

อีลอน มัสก์ (Elon Musk) มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน เจ้าของ SpaceX และ X ผู้สนับสนุนทรัมป์ให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีและเป็นผู้ร่วมรณรงค์หาเสียงในครั้งนี้ ได้รับการเยินยอจากทรัมป์ว่า “ดาวรุ่งดวงใหม่” และเป็นบุคคลที่ ‘น่าอัศจรรย์’ ที่สุดของอเมริกา

แม้ว่าชาวอเมริกันจากทั้ง 50 มลรัฐ จะเป็นผู้มีสิทธิออกเสียงการเลือกตั้ง แต่ด้วยระบบการเลือกตั้งแบบคณะผู้เลือกตั้ง ทำให้มีเพียง 7 มลรัฐ ได้แก่ แอริโซนา จอร์เจีย มิชิแกน เนวาดา นอร์ทแคโรไลนา เพนซิวาเนีย และวิสคอนซิน ที่เป็นผู้ชี้ขาดทางการเมืองว่าใครจะได้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เนื่องจากมลรัฐทั้ง 7 นี้มีสถานะเป็น ‘สวิงสเตท’ (swing states) ที่สองแคนดิเดตประธานาธิบดีจะสามารถพลิกชนะอีกฝ่ายหนึ่งได้ จากคะแนนที่สูสีเบียดขับกัน

#เลือกตั้งสหรัฐฯ #โดนัลด์ทรัมป์

พาดหัวละเมิดสิทธิ อิมาน เคลิฟ ถูกโจมตีจากมายาคติระบบสองเพศอิมาน เคลิฟ (Imane Khelif) นักชกแอลจีเรีย เจ้าของเหรียญทองโอลิ...
06/11/2024

พาดหัวละเมิดสิทธิ อิมาน เคลิฟ ถูกโจมตีจากมายาคติระบบสองเพศ

อิมาน เคลิฟ (Imane Khelif) นักชกแอลจีเรีย เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก 2024 ตกเป็นศูนย์กลางข้อถกเถียงเรื่องเพศอีกครั้ง หลังจากทั้งสื่อไทยและเทศออกมาอ้างถึงเอกสารรายงานทางการแพทย์ที่จัดทำขึ้นในเดือนมิถุนายน 2023 โดยระบุว่าเคลิฟได้รับผลกระทบจากภาวะขาดเอนไซม์ 5-alpha reductasa และยังระบุอีกว่า ผู้ชายที่มีภาวะดังกล่าวหากไม่ได้รับการตรวจที่เหมาะสมอาจเข้าใจผิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงจนเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ซึ่งการระบุเช่นนี้เป็นการอ้างอิงภายใต้ระบบสองเพศ ละเลยความหลากหลาย

หนำซ้ำการพาดหัวข่าวว่าเคลิฟเป็นผู้ชาย ยังละเมิดสิทธิของเขาอย่างร้ายแรง เพราะการยืนยันในอัตลักษณ์ทางเพศ (gender identity) ควรให้เจ้าตัวเป็นคนนิยามด้วยตนเอง ยิ่งกับผู้ที่มีพัฒนาการทางเพศที่แตกต่าง หรืออาจเรียกว่า Differences in S*x Development (DSD) คงไม่ใช่เรื่องที่ผู้อื่นจะไปแปะป้ายว่าเป็นหญิงหรือเป็นชาย

ว่ากันอย่างรวบรัด เพศสามารถพิจารณาได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่
หนึ่ง - ‘เพศตามพันธุกรรม’ (genotypic s*x) หมายถึง โครโมโซมเพศ ที่ส่วนใหญ่จะมีโครโมโซม XX หรือ XY

สอง - ‘เพศตามลักษณะภายนอก’ (phenotypic s*x) หมายถึง เพศที่กำหนดโดยอวัยวะเพศทั้งภายในและภายนอก ซึ่งจะมีพัฒนาการตามธรรมชาติ หากทุกอย่างพัฒนาการอย่างปกติ พันธุกรรม XX จะนำไปสู่บุคคลที่มีรังไข่ ท่อนำไข่ มดลูก ปากมดลูก อวัยวะเพศหญิง

ขณะเดียวกัน พันธุกรรม XY จะนำไปสู่บุคคลที่มีอัณฑะ ท่อเก็บอสุจิ ท่อนำอสุจิ ถุงน้ำอสุจิ องคชาต และถุงอัณฑะ

สาม - ‘เพศสภาพ’ (gender) หมายถึง การรับรู้ส่วนบุคคลเกี่ยวกับเพศและรสนิยมทางเพศของตัวเอง รวมถึงบทบาท พฤติกรรม และคุณลักษณะทางเพศ

แต่ที่กำลังเป็นที่ถกเถียงกรณีของเคลิฟคือ ความแตกต่างในพัฒนาการทางเพศ หรือ DSD เป็นกลุ่มของภาวะที่หายาก มีส่วนเกี่ยวข้องกับยีน ฮอร์โมน และอวัยวะสืบพันธุ์ ซึ่งหมายความว่าการพัฒนาทางเพศของเขาแตกต่างไปจากคนอื่นๆ

NHS UK เว็บไซต์สุขภาพของอังกฤษระบุถึงภาวะ DSD ว่าบางคนมีโครโมโซม XY แต่อวัยวะเพศภายนอกของพวกเขาอาจพัฒนาขึ้นในลักษณะปกติของเด็กหญิงหรือเด็กชาย แต่เป็นเรื่องยากในช่วงแรกที่จะรู้ว่าอวัยวะเพศของคนกลุ่มนี้คล้ายหญิงหรือชายมากกว่ากัน บุคคลหนึ่งอาจมีมดลูกและอาจมีอัณฑะอยู่ในร่างกายในเวลาเดียวกัน และอัณฑะก็อาจไม่ได้ทำงานแบบปกติทั่วไป

หรือบางคนมีโครโมโซม XX พร้อมกับรังไข่และมดลูก แต่อวัยวะเพศอาจดูไม่เหมือนกับอวัยวะเพศหญิงแบบทั่วไป เช่น อาจมีคลิตอริสที่พัฒนามากขึ้นและช่องคลอดอาจปิดอยู่

แน่นอนว่าไม่มีการระบุอย่างกำปั้นทุบดินว่า คนที่มีภาวะนี้เป็นหญิงหรือชาย

Inters*x Thailand ระบุว่าการพาดหัวข่าวของสื่อบางสำนักเป็นการตีตราคนข้ามเพศและ inters*x ควรเคารพการนิยามตัวตนของแต่ละบุคคล ไม่ตัดสินจากลักษณะภายนอกเพียงอย่างเดียว

ยังมีคำแนะนำเรื่องการใช้คำอย่างระมัดระวัง ซึ่งคำว่า ‘ความหลากหลายทางคุณลักษณะทางเพศ’ และ ‘Differences in S*x Development’ เป็นภาษาที่เป็นกลางและเคารพความหลากหลายทางเพศสรีระมากกว่าคำว่า ‘เพศกำกวม’ หรือ ‘Disorder in s*x Development’ ที่มีนัยยะในแง่ลบ

นอกจากนี้กฎของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) มีฐานคิดที่ว่าการกำหนดระดับฮอร์โมนเพศเป็นการกีดกันผู้ที่มีภาวะ inters*x และเพศกำเนิดหญิงบางคนที่มีฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนสูงมาตั้งแต่เกิด และช่วงสิ้นปี 2022 ได้ออกมาประกาศว่าจะแก้ไขกฎระเบียบที่ใช้มาเกือบ 20 ปี ทั้งยังระบุด้วยว่าการปรับปรุงครั้งสำคัญนี้คำนึงถึงการไม่กีดกันคนข้ามเพศและ inters*x รวมทั้งคำนึงถึงความเที่ยงธรรมของการแข่งขันกีฬา ซึ่งได้ขอความร่วมมือเพื่อปรับปรุงเกณฑ์เหล่านี้จากผู้เชี่ยวชาญหลายสาขาทั้งด้านวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และสิทธิมนุษยชน

เกณฑ์ใหม่ระบุว่าผู้หญิงข้ามเพศและ inters*x ไม่จำเป็นต้องลดระดับฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนเพื่อแข่งขันในกีฬาประเภทหญิงอีกต่อไป เพราะได้ลบข้อบังคับเรื่องระดับฮอร์โมนเพศออกไปจากระเบียบ และปล่อยให้หน่วยงานหลักที่เป็นผู้จัดกีฬาแต่ละชนิดกำหนดกฎระเบียบของตัวเองตามความเหมาะสม

ในแถลงการณ์กรอบการทำงานใหม่ของ IOC ยังกล่าวไว้ด้วยว่า แม้จะมีการให้อิสระกับแต่ละหน่วยงานกำหนดเกณฑ์ด้วยตัวเอง แต่ยังจะต้องยึดหลักสำคัญ 10 ประการ ได้แก่ 1) การไม่แบ่งแยก 2) การป้องกันอันตราย 3) การไม่เลือกปฏิบัติ 4) ความยุติธรรม 5) การไม่สันนิษฐานถึงความได้เปรียบ 6) อิงตามหลักฐาน 7) ให้ความสำคัญกับสิทธิในเนื้อตัวร่างกาย 8) คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 9) สิทธิความเป็นส่วนตัว และ 10) หมั่นทบทวนกฎเกณฑ์เป็นระยะ

จากที่ประธาน IOC ยืนยันหลังมีประเด็นร้อนระอุระหว่างการแข่งขันโอลิมปิกที่กรุงปารีสว่า เคลิฟมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ของโอลิมปิกทุกอย่าง และทาง IOC ได้ยกเลิกการตรวจวัดระดับฮอร์โมนหรือการตรวจดูโครโมโซมเพศไปแล้ว ดังนั้นการตั้งธงโจมตีเคลิฟในฐานะนักกีฬาที่ทำตามกฎคงไม่ถูกต้องเท่าไรนัก และการที่สื่อหลายสำนักพาดหัวข่าวตีตราว่าเธอเป็นเพศอะไรก็คงไม่สมควรเช่นกัน

ที่มา:
-https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK10943/?fbclid=IwY2xjawGXtIpleHRuA2FlbQIxMAABHYVw1iPJUfbqTF7hVMfxqwFEjlvhsgDbZPMmnafNvzYUmIYQ04buDByd-g_aem_6zB-Fphf5RR_h83DxBjTog
-https://www.nhs.uk/conditions/differences-in-s*x-development/
-https://www.sportresolutions.com/news/view/ioc-releases-framework-on-fairness-inclusion-and-non-discrimination-on-the-basis-of-gender-identity-and-s*x-variations
-https://www.facebook.com/photo?fbid=862451182747841&set=a.395313502794947

---
text: ศศิพร คุ้มเมือง

PRE-ORDER ‘ฝังหัวใจข้าไว้ที่วูนเด็ดนี’ พิมพ์ครั้งที่ 5ฝังหัวใจข้าไว้ที่วูนเด็ดนี (Bury My Heart at Wounded Knee) เป็นสาร...
05/11/2024

PRE-ORDER ‘ฝังหัวใจข้าไว้ที่วูนเด็ดนี’ พิมพ์ครั้งที่ 5
ฝังหัวใจข้าไว้ที่วูนเด็ดนี (Bury My Heart at Wounded Knee) เป็นสารคดีเชิงประวัติศาสตร์ของนักเขียนอเมริกันชื่อ ดี บราวน์ (Dee Brown) ตีพิมพ์ครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี ค.ศ. 1970 ทันทีที่เผยแพร่ก็ติดอันดับ National Bestseller List ยาวนาน
เนื้อหาหลักของหนังสือ กล่าวถึงประวัติศาสตร์การสร้างชาติอเมริกันในช่วง ปี 1860-1890 อันเป็นช่วงเวลาที่เรียกกันว่า ‘การพิชิตตะวันตก’ ซึ่งแต่เดิมมักถูกบอกเล่าผ่านวีรกรรมความกล้าหาญของนักบุกเบิก นักร่อนทอง คนนำร่องเรือกลไฟ คาวบอย มือปืน พ่อค้าขนสัตว์ หมอสอนศาสนา ฯลฯ โดยมีชนพื้นเมืองอินเดียนเป็นนักปล้น หัวขโมย เจ้าเล่ห์เพทุบาย
ดี บราวน์ เลือกที่จะเล่าและใช้หลักฐานทางประวัติศาสตร์อธิบายในทางตรงกันข้าม กล่าวคือ เรื่องราวทั้งหมดคือการรุกราน ไล่ต้อน คดโกงชนพื้นเมืองชาวอินเดียนเพื่อครอบครองผืนแผ่นดิน แร่ธาตุ ป่าไม้ ฝูงสัตว์ ก่อนจะนำมาสู่โศกนาฏกรรมการสังหารหมู่ชาวอินเดียนครั้งใหญ่ที่ตำบลวูนเด็ดนี ส่งผลให้อารยธรรมเก่าแก่ของชนเผ่าอินเดียนแห่งอเมริกาเหนือถูกทำลายสูญหายย่อยยับ
หากนับเส้นเวลาจากประวัติศาสตร์ ‘การพิชิตตะวันตก’ ตามโครงเรื่องเดิม กระทั่งถูกหักโค่นด้วยหลักฐาน เอกสาร จากการทำงานสืบค้นของ ดี บราวน์ ต้องใช้เวลาราว 100 ปี กว่าโลกจะยอมรับข้อเท็จจริงใหม่
ทันทีที่หนังสือเล่มนี้เผยแพร่ในสังคมอเมริกัน ดี บราวน์ จึงตกอยู่ในฐานะผู้แฉเรื่องราวอันเป็นอัปยศของชาติ (national disgrace) คนแรกๆ ในประวัติศาสตร์ คนอเมริกันจำนวนมากเพิ่งตระหนักถึงภูมิหลังพฤติกรรมชนชาติตน มันเป็นหนังสือที่ทำให้โลกทัศน์หลายคนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ขณะเดียวกัน ฉากเหตุการณ์สังหารหมู่ที่วูนเด็ดนี ก็กลายเป็นตำนานที่ถูกบอกเล่า อ้างอิง แทรกซึมอยู่ในเรื่องเล่าของชาวอเมริกันจวบจนถึงปัจจุบัน
ฐานะทางประวัติศาสตร์ของ ฝังหัวใจข้าไว้ที่วูนเด็ดนี (Bury My Heart at Wounded Knee) จึงถือเป็น ‘ต้นแบบ’ ของหนังสือว่าด้วยเรื่องราวชนเผ่าอินเดียน ซึ่งมีผู้ผลิตเรื่องราวทำนองนี้ตามออกมาในภายหลังจำนวนไม่น้อย ไม่ว่าเป็นหนังสือที่ว่าด้วยปรัชญาอินเดียน แนวคิดและวิถีชีวิตที่แนบแน่นกับธรรมชาติ รวมถึงถ้อยคำภาษาของชาวอินเดียนที่เรียบง่าย แต่งดงามและทรงพลังราวบทกวี
กล่าวได้ว่า หากต้องการศึกษาประวัติศาสตร์ชนพื้นเมืองอินเดียนแห่งอเมริกาเหนือ ฝังหัวใจข้าไว้ที่วูนเด็ดนี (Bury My Heart at Wounded Knee) คือหนังสือเล่มบุกเบิกและครบถ้วนสมบูรณ์ ควรค่าแก่การอ่านและเก็บรักษาเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของโลก
----------
‘ฝังหัวใจข้าไว้ที่วูนเด็ดนี’ พิมพ์ครั้งที่ 5
เขียนโดย ดี บราวน์ | แปลโดย ไพรัช แสนสวัสดิ์

📖ความหนา 976 หน้า
📖ฉบับปกแข็ง ราคา 1,300 บาท
📖ฉบับสะสม (จำนวนจำกัด) ราคา 2,000 บาท

✨พิเศษ – ฉบับปกแข็งเฉพาะผู้สั่งซื้อล่วงหน้า
• หนังสือฉบับปกแข็ง (เลือกรูปปกได้) พร้อมลายเซ็นผู้แปล 1 เล่ม
• Bury My Heart at Wounded Knee T-Shirt 1 ตัว
• Postcard Set (ขนาด 10*15 ซม.) 1 ชุด
• ฟรีค่าจัดส่ง EMS

✨พิเศษ – ฉบับสะสม (จำนวนจำกัด)
• หนังสือฉบับปกแข็ง (เลือกรูปปกได้) พร้อมลายเซ็นผู้แปล 1 เล่ม
• Bookcover หนังวัวแท้นำเข้า ปั๊มโลโก้และชื่อหนังสือ 1 ชิ้น
• Bury My Heart at Wounded Knee T-Shirt 1 ตัว
• Postcard Set (ขนาด 10*15 ซม.) 1 ชุด
• ฟรีค่าจัดส่ง EMS

🔖เงื่อนไขพิเศษเฉพาะผู้สั่งซื้อล่วงหน้าและชำระเงินภายในวันที่ 20 พ.ย. 2567 เท่านั้น

📦ช่องทางการสั่งซื้อ WAY of BOOK
https://wayofbook.org/product/wounded-knee-5th-pre-order/

📦หนังสือเริ่มจัดส่งตั้งแต่ วันที่ 15 ธ.ค. เป็นต้นไป

สำหรับนักอ่านที่สนใจฉบับปกอ่อนสามารถติดตามและสั่งซื้อได้ที่
บริษัท เคล็ดไทย จำกัด | www.kledthai.com
FB: kledthai | LINE:

#ฝังหัวใจข้าไว้ที่วูนเด็ดนี

ดี บราวน์ (Dee Brown) เขียน ไพรัช แสนสวัสดิ์ แปล รายละเอียดหนังสือ ความหนา 976 หน้า ขนาด 16 หน้ายกพิเศษ เย็บกี่ ปกแข็งสั.....

งานวิจัยจากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Madre Brava ร่วมกับ Asia Research and Engagement พบว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็น  #คร...
05/11/2024

งานวิจัยจากองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Madre Brava ร่วมกับ Asia Research and Engagement พบว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็น #ครัวแห่งอนาคต หรือศูนย์กลางโปรตีนแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนจากการผลิตโปรตีนสัตว์ไปสู่โปรตีนพืช

วิชญะภัทร์ ภิรมย์ศานต์ ผู้อำนวยการ Madre Brava ประเทศไทย กล่าวว่า การเปลี่ยนไปใช้โปรตีนจากพืชจะช่วยลดการพึ่งพาวัตถุดิบที่นำเข้า ลดการตัดไม้ทำลายป่า บรรเทาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเกิดการสร้างงาน

“การเปลี่ยนไปใช้โปรตีนจากพืชแทนโปรตีนจากสัตว์ในประเทศไทย 50% ภายในปี 2050 สามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจได้ถึง 1.3 ล้านล้านบาท สร้างงานสูงสุด 1.15 ล้านตำแหน่ง การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 35.5 ล้านตันต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับการลดจำนวนรถยนต์ 8.45 ล้านคันในสหรัฐอเมริกา และประหยัดพื้นที่การผลิตถึง 21,700 ตารางเมตร ซึ่งเทียบเท่ากับจังหวัดนครราชสีมา”

ทั้งนี้ ภาครัฐจำเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วน ดังนี้

1) สร้างความเท่าเทียมในตลาด: รัฐบาลควรพิจารณานโยบายภาษีเพื่อสร้างแรงจูงใจในการจำหน่ายโปรตีนจากพืช และทำให้อาหารจากพืชเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เพื่อสนับสนุนการเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพและยั่งยืน

2) การจัดซื้อของภาครัฐ: ส่งเสริมการจัดเมนูอาหารที่เน้นพืชในกิจกรรมของหน่วยงานรัฐบาล และเพิ่มตัวเลือกเมนูอาหารจากพืชในโรงอาหารของรัฐ โรงเรียน และโรงพยาบาล

3) การเปลี่ยนผ่านด้านโปรตีนอย่างเป็นธรรม: พัฒนาแนวทางสนับสนุนทางการเงินและโครงการพัฒนาศักยภาพสำหรับเกษตรกรไทย เพื่อให้สามารถเปลี่ยนมาผลิตพืชผลสำหรับโปรตีนจากพืชได้

“เราอยากจะเห็นอนาคตที่มีพืชเป็นทางเลือกให้คนรับประทาน เป็นอนาคตสำหรับคนไทยที่มีโปรตีนจากพืชที่ดีต่อสุขภาพ ยั่งยืนกว่า หาซื้อได้ง่าย ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม เราอยากจะเห็นสภาพแวดล้อมด้านอาหารที่ทุกคนสามารถทำเพื่อสิ่งแวดล้อมได้โดยที่ไม่ลำบากเกินไป” วิชญะภัทร์กล่าว

https://waymagazine.org/protein-diversification-would-make-thailand-kitchen-of-the-future/

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ จะมีขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐ ท่ามกลางการขับเคี่ยวระหว่าง 2 แค...
04/11/2024

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ จะมีขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐ ท่ามกลางการขับเคี่ยวระหว่าง 2 แคนดิเดตคือ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ จากพรรครีพลับลิกัน ที่ได้รับการคาดการณ์ว่ามีแนวโน้มที่จะคว้าชัย เดินเข้าทำเนียบขาวอีกครั้ง และ กมลา แฮร์ริส (Kamala Harris) รองประธานาธิบดีสหรัฐ ที่รับไม้ต่อจาก โจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่สละสิทธิ์รับเลือกตั้งสมัยที่ 2 กลางคัน และกำลังจะหมดวาระลงในไม่ช้านี้

ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐ ถือเป็นหนึ่งประเด็นทางการเมืองระหว่างประเทศ ที่ได้รับการจับตามองมากที่สุด เพราะการเข้าดำรงประธานาธิบดีสหรัฐของแคนดิเดตคนใดคนหนึ่ง ถือเป็นการชี้ชะตาความสัมพันธ์ของ 2 ชาติมหาอำนาจนี้ ที่จะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก

ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับเชิญมาบรรยายในหัวข้อเรื่อง ‘ทิศทางสงครามการค้าจีน-สหรัฐ: ผลกระทบต่อไทยและอาเซียน’ ภายใต้โครงการ ‘มองจีนยุคใหม่ สิ่งที่สื่อไทยควรรู้’ ครั้งที่ 6 จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สนับสนุนโดยสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เพื่อวิเคราะห์ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐ ในอนาคตอันใกล้นี้ก่อนจะทราบผลการเลือกตั้งว่าใครจะเข้าสู่ทำเนียบขาว

ดร.อาร์ม ชี้ว่า หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง จะทำให้นโยบาย ‘สงครามการค้า’ (Trade War) กับจีนกลับมาเป็นภาคที่ 2 และแน่นอนว่าจะส่งผลสะเทือนไปทั้งห่วงโซ่อุปทานของโลก รวมถึงภูมิภาคอาเซียนที่มี ‘ไทย’ ด้วย

ตรงกันข้าม หากแฮร์ริสสามารถตบเท้าเข้าทำเนียบขาวได้ สงครามการค้าจะไม่เกิดขึ้น แต่จะกลายเป็น ‘สงครามเทคโนโลยี’ (Tech War) ที่ต้องการกีดกันเทคโนโลยีชั้นสูงไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของจีน โดยเฉพาะ ‘ชิป’ ที่มีห่วงโซ่อุปทานที่ยาวไกล ไม่มีประเทศไหนสามารถทำชิปคุณภาพสูงด้วยตนเองได้

ไม่ว่าความสัมพันธ์จีน-สหรัฐ จะออกมาแบบไหน ประเทศไทยก็จะได้รับผลกระทบด้านลบ เช่น การเผชิญกับยุคแห่งความไม่แน่นอน (age of uncertainty) ของเศรษฐกิจโลก การส่งออกไปสหรัฐ การลงทุนจากสหรัฐที่ลดลง และการเป็นผู้นำโลกาภิวัตน์ของจีนที่มีขึ้นและลง

ส่วนผลดีต่อไทยคือ ไทยจะกลายมาเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของทั้งจีนและสหรัฐ โดยเฉพาะการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ทั้งหมด เนื่องจากจีนต้องการเลี่ยงบาลีจากการกีดกันทางการค้า เช่น ไม่สามารถส่งสินค้าจากจีนไปได้ แต่สามารถส่งจากไทยไปได้ เป็นต้น อาเซียนจะตกอยู่ในสถานะทดแทนตลาดสหรัฐ ซึ่งเราได้เห็นคลื่นการลงทุนและสินค้ามหาศาลในปัจจุบัน ส่วนในมุมมองของสหรัฐ อาเซียนคือตลาดใหญ่ทั้งการค้าและการลงทุนที่จะมาแทนที่จีนในอนาคตเช่นกัน

สุดท้ายนี้ ดร.อาร์ม ให้ความเห็นว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการปรับตัว ท่ามกลางการแข่งขันของดวงอาทิตย์ 2 ดวงนี้ เราต้องตั้งโจทย์ว่า ผลประโยชน์ของไทยนั้นอยู่ตรงไหน ทำอย่างไรให้ได้ประโยชน์ 2 ทาง นอกจากนี้ จำเป็นต้องกระจายความเสี่ยงออกไป ไม่ควรโฟกัสสมการที่มีเพียงจีน สหรัฐ และสหภาพยุโรป (EU) เท่านั้น แต่ต้องหันมามองอาเซียนและภูมิภาคอื่นมากขึ้น

ฝังหัวใจข้าไว้ที่วูนเด็ดนี (Bury My Heart at Wounded Knee) เป็นสารคดีเชิงประวัติศาสตร์ของนักเขียนอเมริกันชื่อ ดี บราวน์ ...
04/11/2024

ฝังหัวใจข้าไว้ที่วูนเด็ดนี (Bury My Heart at Wounded Knee) เป็นสารคดีเชิงประวัติศาสตร์ของนักเขียนอเมริกันชื่อ ดี บราวน์ (Dee Brown) ตีพิมพ์ครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี ค.ศ. 1970 ทันทีที่เผยแพร่ก็ติดอันดับ National Bestseller List ยาวนาน

เนื้อหาหลักของหนังสือ กล่าวถึงประวัติศาสตร์การสร้างชาติอเมริกันในช่วงปี 1860-1890 อันเป็นช่วงเวลาที่เรียกกันว่า ‘การพิชิตตะวันตก’ ซึ่งแต่เดิมมักถูกบอกเล่าผ่านวีรกรรมความกล้าหาญของนักบุกเบิก นักร่อนทอง คนนำร่องเรือกลไฟ คาวบอย มือปืน พ่อค้าขนสัตว์ หมอสอนศาสนา ฯลฯ โดยมีชนพื้นเมืองอินเดียนเป็นนักปล้น หัวขโมย เจ้าเล่ห์เพทุบาย

ดี บราวน์ เลือกที่จะเล่าและใช้หลักฐานทางประวัติศาสตร์อธิบายในทางตรงกันข้าม กล่าวคือ เรื่องราวทั้งหมดคือการรุกราน ไล่ต้อน คดโกงชนพื้นเมืองชาวอินเดียนเพื่อครอบครองผืนแผ่นดิน แร่ธาตุ ป่าไม้ ฝูงสัตว์ ก่อนจะนำมาสู่โศกนาฏกรรมการสังหารหมู่ชาวอินเดียนครั้งใหญ่ที่ตำบลวูนเด็ดนี ส่งผลให้อารยธรรมเก่าแก่ของชนเผ่าอินเดียนแห่งอเมริกาเหนือถูกทำลายสูญหายย่อยยับ

หากนับเส้นเวลาจากประวัติศาสตร์ ‘การพิชิตตะวันตก’ ตามโครงเรื่องเดิม กระทั่งถูกหักโค่นด้วยหลักฐาน เอกสาร จากการทำงานสืบค้นของ ดี บราวน์ ต้องใช้เวลาราว 100 ปี กว่าโลกจะยอมรับข้อเท็จจริงใหม่

ทันทีที่หนังสือเล่มนี้เผยแพร่ในสังคมอเมริกัน ดี บราวน์ จึงตกอยู่ในฐานะผู้แฉเรื่องราวอันเป็นอัปยศของชาติ (national disgrace) คนแรกๆ ในประวัติศาสตร์ คนอเมริกันจำนวนมากเพิ่งตระหนักถึงภูมิหลังพฤติกรรมชนชาติตน มันเป็นหนังสือที่ทำให้โลกทัศน์หลายคนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ขณะเดียวกัน ฉากเหตุการณ์สังหารหมู่ที่วูนเด็ดนี ก็กลายเป็นตำนานที่ถูกบอกเล่า อ้างอิง แทรกซึมอยู่ในเรื่องเล่าของชาวอเมริกันจวบจนถึงปัจจุบัน

ฐานะทางประวัติศาสตร์ของ ฝังหัวใจข้าไว้ที่วูนเด็ดนี (Bury My Heart at Wounded Knee) จึงถือเป็น ‘ต้นแบบ’ ของหนังสือที่ว่าด้วยเรื่องราวชนเผ่าอินเดียน ซึ่งมีผู้ผลิตเรื่องราวทำนองนี้ตามออกมาในภายหลังจำนวนไม่น้อย ไม่ว่าเป็นหนังสือที่ว่าด้วยปรัชญาอินเดียน แนวคิดและวิถีชีวิตที่แนบแน่นกับธรรมชาติ รวมถึงถ้อยคำภาษาของชาวอินเดียนที่เรียบง่าย แต่งดงามและทรงพลังราวบทกวี

กล่าวได้ว่า หากต้องการศึกษาประวัติศาสตร์ชนพื้นเมืองอินเดียนแห่งอเมริกาเหนือ ฝังหัวใจข้าไว้ที่วูนเด็ดนี (Bury My Heart at Wounded Knee) คือหนังสือเล่มบุกเบิกและครบถ้วนสมบูรณ์ ควรค่าแก่การอ่านและเก็บรักษาเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของโลก

โปรดติดตาม ฝังหัวใจข้าไว้ที่วูนเด็ดนี (Bury My Heart at Wounded Knee) ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5 เร็วๆ นี้

#ฝังหัวใจข้าไว้ที่วูนเด็ดนี

ที่อยู่

339/1 อ่อนนุช 66 ซอย 7 แขวงอ่อนนุช เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ
Bangkok
10250

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 18:00
อังคาร 09:00 - 18:00
พุธ 09:00 - 18:00
พฤหัสบดี 09:00 - 18:00
ศุกร์ 09:00 - 18:00

เบอร์โทรศัพท์

+6621214979

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ WAYผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง WAY:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์

ตำแหน่งใกล้เคียง บริษัท สื่อ


เว็บไซต์ข่าวและสื่อ อื่นๆใน Bangkok

แสดงผลทั้งหมด