Amulet by.jame ให้เช่า-รับเช่า-บูชา พระเครื่อง พระบูชา เครื่องราฃ วัตถุมงคล

ลูกอมชานหมากหลวงพ่อทบ วัดชนแดน....มารู้จักชานหมากหลวงพ่อทบกันครับ..หนึ่งในเครื่องรางขึ้นชื่อของหลวงพ่อทบ ลูกอมชานหมากเกศ...
26/03/2022

ลูกอมชานหมากหลวงพ่อทบ วัดชนแดน....มารู้จักชานหมากหลวงพ่อทบกันครับ..
หนึ่งในเครื่องรางขึ้นชื่อของหลวงพ่อทบ ลูกอมชานหมากเกศา และออพชั่นเสริมอีหหนึ่งชิ้น แพ็คคู่ สุดหายาก ถักลายรวงผึ้่ง มาตรฐานนิยม ลูกนี้สมบูรณ์เดิมๆ ห่วงห้อยอยู่ครบ
คนเก่าแก่ของเมืองเพชรบูรณ์ มีความปรารถนาอยากจะได้วัตถุมงคลของหลวงพ่อทบ 3 อย่างด้วยกันคือ
1.คำหมาก (ชานหมาก)
2.สีผึ้ง
3.ตะกรุด..คนแต่ก่อนเขานำไปใช้แล้วเห็นผลกันจริงๆ เอาไปใช้ก็ใช้จริงๆ ไม่ได้คิดคำนึงถึงราคาที่เป็นเงิน แต่ละคนที่ด้นดั้นมากราบหลวงพ่อก็เพื่อขอ 3 สิ่งนี้ ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งถ้าหากได้ครบทั้ง 3 อย่าง ก็เรียกว่าสุดยอดของความโชคดี
..ส่วนประสบการณ์ของลูกอมชานหมากของหลวงพ่อทบมีมากมายแต่ที่โด่งดังมากคือ กรณีของเสือคำมี เสือร้ายของหล่มสัก ขนาดปืนเอ็ม. 16 ของตำรวจยังทำอะไรไม่ได้ ก่อนจะตายลูกอมชานหมากของหลวงพ่อที่คล้องคอมานานเกิดเปื่อยขาดตกลงมา ไม่นานนักก็ถูกพวกเสือด้วยกันยิงด้วยปืนคาร์บินเสียชีวิต ต่อมาหลานๆของแกก็เอาลูกอมชานหมากมาแกะดูพบว่าข้างในเป็นชานหมากผสมเกศา และมีตะกรุดทองคำดอกเล็กๆอยู่ข้างใน
..ชานหมากหลวงพ่อทบมีการสร้างมาหลายยุค หลายรูปแบบ มีการนำมาปั้นเป็นก้อน แล้วถักเชือกหุ้มก็มี และ ผสมกดเป็นพระพิมพ์ต่าง สมัยก่อนหลวงพ่อทบท่านจะใช้ชานหมากที่ท่านเคี้ยวและเก็บไว้ มาสร้างเป็นลูกอมชานหมาก โดยใช้ชานหมากมี่เตรียมไว้ มาผสมน้ำมนต์ แล้วปั้นเป็นเม็ดกลมๆ ถักหุ้มด้วยเชื่อ ป่านบ้าง เชือกปอแก้วบ้าง แล้วแต่จะหาได้ การถักก็จะใช้พระเณรและชาวบ้านช่วยกันถัก ใครถนัดมือไหนก็ถัก ขึ้นซ้าย ขึ้นขวา ลายชานหมากชั้นเดี่ยว 2 ชั้น 3 ชั้น แล้วแต่ ไม่ได้มีกฏเกณอันใด แต่จะมีรูปแบบเดี่ยวกันคือ "ลายรวงผึ้ง หูซ้อน ก้นปิด"
..ต่อมาหลวงพ่อทบท่านได้ใช้ "ขี้ผึ้ง" หุ้มเม็ดชานหมาก แล้วถัก จะสังเกตุได้ว่า "บางลูกจะมีการซึมของ สีผึ้งออกมาที่เชือก" สีผึ้งที่ใช้หุ้ม จะต้องผ่านพิธีการหุ้งและกำกับด้วยพระคาถาตลอดพิธีการ พระทอง พระเกียง และเณรนิต จะเป็นผู้รวบรวมขี้คำหมากของหลวงพ่อทบใส่ถังน้ำไว้เมื่อรวบรวมได้ก็จะนำมาสร้างพระบ้าง ทำเป็นลูกอมถักเชือกบ้าง นานๆจะทำสักที่เพราะรวบรวมได้ยาก มีบางคนมานั่งรอเอาเลยก็มี จึงต้องใช้วิธีตำเอาเพื่อให้พอกับการสร้างแต่ละครั้ง ชานหมากของหลวงพ่อทบเป็นที่ต้องการของบรรดาลูกศิษย์ของหลวงพ่อทบเป็นที่สุด จัดว่าเป็นเครื่องรางขนาดเล็กที่พกพาง่ายกระทัดรัด
..พุทธคุณสุดยอดในชานหมากหลวงพ่อทบครบทุกด้าน มั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาด และคงกระพัน ป้องกันคุณไสย์ ลมเพลมพัด แม้แต่เจ็บป่วยปวดท้องอย่างหนัก อยู่ในป่า แช่น้ำกินแทนยายังหายได้ราวปาฎิหาริย์ ป้องกันโรคภัยต่างๆ ป้องกันสัตว์ร้ายต่างได้ดีเวลาเดินทางหรือเดินป่าป้องกันภูตผีได้ดีที่สุดเรียกได้ว่า"ผีเห็นผีคร้ามที่เดียว" ด้วยเหตุนี้เองชานหมากหลวงพ่อทบจึงเป็นที่ต้องการของคนทั่วไปตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

(ชานหมาก)...หลวงพ่อทบ นับว่าเป็นยอดวัตถุอาถรรพ์ อีกอย่างหนึ่งที่ศิษย์ และผู้ที่เคารพนับถือท่านต่างก็มีความต้องการมาก เพราะพวกเขาถือว่าขณะที่หลวงพ่อท่านกำลังเคี้ยวหมากพร้อมกับหลับตาอยู่นั้น หลวงพ่อกำลังเข้าฌาณและบริกรรมพระเวทย์ไปด้วย ทำให้ชานหมากที่ท่านกำลังเคี้ยวอยู่นั้นพลอยศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย ด้วยเหตุนี้ชานหมากจึงเป็นที่ต้องการของคนจำนวนมาก แต่อย่างว่าของดีมีน้อย ใครก็ตามที่ได้รับชานหมากและสีผึ้งจากมือของหลวงพ่อพร้อมกันทั้งสองอย่างนี้ นับได้ว่าผู้นั้นเป็นผู้ที่มีบุญและวาสนาจริงๆ ส่วนมากแล้วชานหมากนี่ถ้าไม่ขอ ท่านก็จะกลืนหมดเพราะฉนั้นเวลาที่ท่านกำลังเคี้ยวหมาก ลูกศิษย์จึงจ้องดูให้ดีเรียกว่าตาไม่กระพริบกันเลยทีเดียว ถ้าหากว่าท่านคายชานหมากลงในกระโถน รับรองได้เลยว่าลูกศิษย์ต้องเข้าแย่งชานหมากกันจนกระโถนกระจายเป็นแน่ ชานหมากที่ท่านเคี้ยวอยู่นั้นบางทีท่านก็จะไม่กลืน ถ้าหากว่าท่านฉันในเวลาตอนกลางคืน หรือเวลาดึก ท่านก็จะคายออกมาโดยวางไว้ข้างฝา พอหลายๆวันเข้ามีจำนวนมากหน่อย ท่านก็จะเรียกลูกศิษย์ที่ใกล้ชิด เช่นท่านอาจารย์เพ็ง หรือ พระอาจารย์สุรชัย ได้นำเอาชานหมากเหล่านี้ไปถัก เพื่อที่จะเอาไว้แจกกับลูกศิษย์ ที่เดินทางมากราบท่านจากที่ไกลๆ ต่อมาชานหมากของท่านได้สร้างปาฏิหาริย์ไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นทางด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี มหาอุด เมตตามหานิยม ผู้คนจึงเล่าลือแตกตื่นเสาะแสวงหากันจ้าละหวั่น ใครที่เดินทางมากราบท่านก็มักจะขอกันแต่ชานหมากของท่านแทบทุกคน ทีนี้ก็เกิดปัญหาขึ้นมาอีกว่าชานหมากจริงๆนั้นมีน้อยเพราะหลวงพ่อท่านฉันเพียงองค์เดียว แต่ความต้องการของผู้ที่ศรัทธาท่านนั้นมีจำนวนมากกว่าหลายสิบเท่า ทำอย่างไรดีถึงจะให้ญาติโยม ผู้ที่เคารพนับถือหลวงพ่อได้ไว้บูชากันทุกคน เพราะบางคน บางคณะเดินทางมาจากที่ไกลๆ วัตถุประสงค์ก็เพื่อจะมาขอชานหมากของหลวงพ่อโดยเฉพาะ ทางวัดจึงได้หาวิธีการมาใช้เพื่อฉลองศรัทธาของญาติโยมที่เดินทางมากราบ และขอชานหมากของหลวงพ่อจะไม่ต้องผิดหวังกลับไป โดยการนำเอาวัสดุที่ใช้ในการเคี้ยวหมากทั้งหมดได้แก่ หมาก พลู ปูน ยาฉุน ฯลฯ นำมารวมกันไว้ในถาดจากนั้นก็ได้นำไปให้หลวงพ่อทบปลุกเสกเป็นปฐมเสียก่อน แล้วจึงนำมารวมกันในครกขนาดใหญ่ให้พระและเณรช่วยกันตำ เมื่อตำจนวัสดุต่างๆแหลกละเอียดเข้ากันดีแล้วจึงนำออกมาจากครกเอาใส่พานที่ปูผ้าขาวรองไว้ เสร็จแล้วจึงนำไปให้หลวงพ่อทบปลุกเสกเป็นครั้งที่สอง จนท่านแน่ใจว่าเข้มขลังดีแล้ว ท่านจึงเรียกให้ลูกศิษย์นำเอาออกมาถักเชือกหุ้มไว้เพื่อให้คงทนถาวร และนำติดตัวไปไหนได้สะดวก เมื่อถักชานหมาก(ความจริงน่าจะเรียกว่าหมากคำ) เสร็จแล้วก็ได้นำชานหมากทั้งหมดกลับไปให้หลวงพ่อปลุกเสกซ้ำอีกเป็นครั้งที่สาม จากนั้นจึงนำออกแจกญาติโยมได้ ทีนี้มาถึงการถักชานหมากของหลวงพ่อ แต่เดิมนั้นถ้าผู้ใดได้รับชานหมากของท่านไปแล้ว บางคนก็นำไปตากแดดให้แห้งเสร็จแล้วก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อติดกระเป๋าเสื้อไปไหนต่อไหนด้วย ถ้าวันไหนลืมเอาออกจากกระเป๋าเสื้อตอนซักผ้าก็จะต้องซักชานหมากไปด้วย บางคนที่ได้รับชานหมากมาก็จะเจาะหวายให้เป็นรูแล้วเอาชานหมากเก็บไว้ข้างใน จากนั้นก็อุดรูด้วยครั่ง หรือ เทียน หรือ ยางไม้ แล้วนำไปเลี่ยมเงินเลี่ยมทองตามแต่ฐานะของแต่ละคน บองคนเมื่อได้รับชานหมากมาก็ปั้นให้เป็นก้อนกลมๆ เล็กๆ จากนั้นจึงเอาครั่งไปลนไฟให้อ่อน เสร็จแล้วจึงนำมา ห่อหุ้มชานหมากไว้ให้สนิทโดยไม่มีรูให้น้ำหรือแมลงเข้าไปได้ แล้วจึงนำไปถัก ต่อมาครั่งขาดแคลนและหายากขึ้นทางวัดจึงใช้ขี้ผึ้งบริสุทธิ์ วัสดุที่ใช้ในการหุงสีผึ้งแทน โดยนำขี้ผึ้งไปลนไฟให้อ่อน จากนั้นจึงได้นำเอามาห่อหุ้มชานหมากให้สนิทแล้วจึงถัก มาตอนหลังๆนี่ครั่งหมด ขี้ผึ้งที่ใช้หุงสีผึ้งก็หมด ทางวัดก็แก้ปัญหาโดยการนำเอาชานหมากของหลวงพ่อมาปั้นให้เป็นก้อนๆ จากนั้นก็จะนำด้ายมาถักหุ้มให้เรียบร้อย เมื่อถักได้เป็นจำนวนพอสมควรแล้ว ศิษย์ก็จะนำเอาเทียนไขและเทียนขี้ผึ้งใส่กะทะแล้วเอาไปตั้งไฟบนเตา พอเทียนละลายหมดแล้วจึงยกกะทะลงมาจากเตา เอาชานหมากที่ถักไว้แล้วจุ่มลงไปในน้ำเทียน ทีละก้อนๆ จนกว่าจะหมด น้ำเทียนก็จะเข้าไปห่อหุ้มชานหมากรวมทั้งด้ายที่ถักไม่ให้แมลงและน้ำเข้าได้

เหรียญพระครูนิมมานการโสภณ (ครูบาสร้อย ขันติสาโร)วัดมงคลคีรีเขตต์ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก สร้างปี พ.ศ.2536เนื้อนวะโลหะ พร้อมกล่...
15/03/2022

เหรียญพระครูนิมมานการโสภณ (ครูบาสร้อย ขันติสาโร)
วัดมงคลคีรีเขตต์ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก สร้างปี พ.ศ.2536
เนื้อนวะโลหะ พร้อมกล่อง บูชาเหรียญละ 599 บาท
#รับประกันพระแท้💯

วันนี้ มีของดีราคาเบา มานำเสนอ เจ้าพ่อพะวอ ราคาเบาๆ จับต้องได้ งบน้อยบูชาได้📌เพียงองค์ละ 200 บาท  #รับประกันพระแท้ตลอดชี...
09/03/2022

วันนี้ มีของดีราคาเบา มานำเสนอ เจ้าพ่อพะวอ ราคาเบาๆ จับต้องได้ งบน้อยบูชาได้
📌เพียงองค์ละ 200 บาท
#รับประกันพระแท้ตลอดชีพ💯

#เหรียญรุ่นสร้างบุญบารมี2552
#เหรียญรุ่นบารมีเจ้าพ่อพะวอ2555
#รูปหล่อองค์จิ๋วปี2558

เหรียญ 1 บาท พญาครุฑ ปี 2517″ด้วยความเชื่อของอำนาจและอิทธิฤทธิ์ของพญาครุฑ มีความขลังแม้ว่าไม่ได้ผ่านการปลุกเสกแต่อย่างใด...
03/03/2022

เหรียญ 1 บาท พญาครุฑ ปี 2517″ด้วยความเชื่อของอำนาจและอิทธิฤทธิ์ของพญาครุฑ มีความขลังแม้ว่าไม่ได้ผ่านการปลุกเสกแต่อย่างใด โดยอาศัยรูปลักษณ์ เลขศาสตร์จากดวงดาวและโหราศาสตร์ ถูกต้องตามหลักการทุกประการ เป็นเหรียญที่มีความศักดิ์สิทธิ์แก้อาถรรพ์ ขับไล่ภูตผีปีศาจ จึงนิยมพกติดตัวกันเป็นประจำ
📌📌 #พร้อมเลี่ยมกันน้ำเหรียญละ200บาท📌📌

สวัสดีปีใหม่ครับ 2022
02/01/2022

สวัสดีปีใหม่ครับ 2022

ตะกรุดโทนหลวงปู่พวง วัดน้ำพุสามัคคี สภาพเดิมๆยังไม่เคยใช้ ขนาด 5 นิ้ว        ตะกรุดโทนธงชาติสามกษัตริย์ตะกรุดที่เห็นว่าด...
07/12/2021

ตะกรุดโทนหลวงปู่พวง วัดน้ำพุสามัคคี สภาพเดิมๆยังไม่เคยใช้ ขนาด 5 นิ้ว
ตะกรุดโทนธงชาติสามกษัตริย์
ตะกรุดที่เห็นว่าดีที่สุดที่เคยสำผัสมาคือ ตะกรุดโทนธงชาติหลวงพ่อทบ ถือเป็นยอดเพชรอะไรไม่สามารถทำอันตรายได้มีคุณวิเศษนานนับประการ ตะกรุดธงชาติหลวงพ่อทบตอนที่หลวงพ่อทบท่านเสกนี่สว่างว๊าบไปเป็นกิโลใครตาดีก็จะได้เห็น การปลุกเสกของขลังนี่ต้องมั่นใจว่าทำออกมาแล้วเขาเอาไปใช้ต้องปลอดภัย ครั้งนี้กูจะสร้างเอาไว้สักรุ่นตามรอยเท้าอาจารย์ ถ้าไม่ดีกูไม่ทำ ปีนี้คงทำได้เท่านี้เพราะทำยาก คงจำกันได้ที่หลวงปู่พวงเคยบอกเอาไว้ ถ้าไม่ถึงเวลาท่านจะไม่สร้าง ถ้าไม่ถึงกาลไม่ถึงวาระจริงๆ ท่านไม่สร้างถ้าสร้างแล้วทำแล้ว ต้องเสกให้ถึงจริงๆให้เป็นของวิเศษจริงๆ พึ่งพาอาศัยได้จริง ยกชีวิต ยกฐานะได้จริง อุปมาดั่ง พลิกฟ้า พลิกดิน ได้จริง ท่านถึงจะสร้าง ท่านว่าถ้าทำแล้วดีกว่าท่อนไม้หน่อยเดียว กูจะทำทำไม ?? ถ้าทำแล้วช่วยเขาไม่ได้กูจะทำทำไม ??? เสียชื่อครูอาจารย์กู !! ยิ่งตอนนี้ต่างประเทศต่างถามหาของหลวงปู่พวงกันเรื่อยๆ เนื่องจากประสบการณ์เด่นชัดทุกรุ่น ตะกรุดโทนให้ดีต้องทำสามกษัตริย์ สามพระยันต์ หลวงปู่พวงเสกเหล็กจารให้เพราะจารไม่ไหวแล้วมอบให้ในสายหลวงพ่อทบลงจารให้ครบสูตร ตะกั่วแทนเงิน ทองแดง ทองเหลือง ม้วนรวมเป็นหนึ่ง จารทีละแผ่นเสกทีละแผ่น เมื่อทำเสร็จแล้วนำเข้าพิธีปลุกเสกเต็มกำลัง “หากหาของอาจารย์กูไม่ได้ มึงเอาตะกรุดธงชาติกูไปใช้แทนได้

ตามยุคตามสมัยครับ
28/11/2021

ตามยุคตามสมัยครับ

16/10/2021
หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง จังหวัดอุตรดิตถ์ ท่านเกิดวันพุธ ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๕ พุทธศักราช ๒๔๔๑ ณ.บ้านไซโรงโขน อ.ตะพานหิน จ.พิ...
12/10/2021

หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง จังหวัดอุตรดิตถ์ ท่านเกิดวันพุธ ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๕ พุทธศักราช ๒๔๔๑ ณ.บ้านไซโรงโขน อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร นายบุญนาค นางจ่าย แม่พริ้ง ได้ให้กำเนิดบุตรคนที่ ๔ เพศชาย(ในจำนวนพี่น้องชายหญิง ๘ คน) บิดามารดาได้ตั้งชื่อ เด็กชายทองดำ เม่นพริ้ง ขณะเด็กชายทองดำ อายุ ๓ ขวบ บิดามารดาได้นำไปถวายเป็นบุตรบุญธรรมกับหลวงพ่อเงิน พุทธโชติ (หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร) หลวงพ่อเงินเห็นครั้งแรกได้เอ๋ยคำออกมา “ไอ้หนูเด็กน้อยคนนี้เป็นเทวดามาเกิด ใครเลี้ยงก็ไม่ได้ มาเป็นลูกของเราเถิดนะ” หลวงพ่อเงินเอาผ้าผืนลงปูรองรับเด็กน้อยคนนี้ ทำพิธีรับลูก

จากนั้นเด็กคนนี้ได้รับการเลี้ยงดูอุปถัมภ์ สั่งสอน อบรม วิชาความรู้ และสรรพวิชาต่าง ๆ โดยได้พักอาศัยกับหลวงพ่อ เมื่อหลวงพ่อเงิน ท่องบทสวดมนต์เด็กชายทองดำก็สามารถท่องได้จบเล่มในวันเดียว ชาวบ้านรู้ข่าวต่างไปดูการใหญ่ว่าเด็กน้อยคนนี้มีหน้าตาอย่างไร กระทั่งโตขึ้นบิดามารดามารับเด็กชายทองดำไปเล่าเรียนศึกษากับอาจารย์โต (เจ้าอาวาสวัดท่าทอง ต.วังกะพี้ จ.อุตรดิตถ์ในสมัยนั้น) นายทองดำได้ฝึกฝนและศึกษาศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทยจนมีความชำนาญ จนได้เป็นนักมวยที่มีฝีมือดีคนหนึ่ง ซึ่งช่วงวัยหนุ่มนี้ทองดำได้เพื่อนคนหนึ่งชื่อ “เล็กย่งหลี”(ต้นตระกูลเล็กอุทัย)มีรูปร่างเล็กไปไหนไปด้วยกันประจำ ได้ฝึกชกมวยด้วยกันมา หากออกชกมวยที่ไหนจะให้เล็กย่งหลีขึ้นไปเปรียบหาคู่ชก แต่ตอนเวลาชกนายทองดำจะเป็นผู้ชกแทน ก่อนชกนายทองดำจะบริกรรมคาถาที่ได้ร่ำเรียนมาโยมปู่จนรู้สึกตัวหนา(ของขึ้น)และนายทองดำก็สามารถชกมวยชนะแทบทุกครั้ง

ช่วงวัยเด็ก หลวงปู่ทองดำ ฐิตวณโณ ได้ติดตามบิดาล่องเรือขายยาสูบระหว่างอุตรดิตถ์ จ.พิจิตร จ.นครสวรรค์ บิดามารดาได้ฝากเป็นเด็กวัด เรียนหนังสือกับหลวงพ่อเงิน พุทธโชติ วัดบางคลาน จ.พิจิตร คอยรับใช้ใกล้ชิดท่านอนุญาตให้พักกุฏิเดียวกับท่าน หลวงพ่อเงินได้สอนสรรพวิชาอาคมไสยเวทต่าง ๆ คาถาที่หลวงพ่อเงินสอนไว้นั้นที่สำคัญคือ “นะโมพุทธายะ” (พระเจ้าห้าพระองค์) ซึ่งต่อมาหลวงปู่ได้ใช้เป็นคาถาประจำตัวของท่านตลอดมา นอกจากนั้นหลวงปู่ยังได้ศึกษาวิชาอาคมกับโยมปู่ของท่าน ซึ่งเป็นวิชาอยู่ยงคงกระพัน เพื่อป้องกันตนเอง หลวงปู่ได้ใช้วิชานี้ปลุกเสกตัวเองก่อนจะขึ้นชกมวยทุกครั้ง โดยก่อนจะขึ้นชกมวยหลวงปู่จะบริกรรมคาถาจนรู้สึกว่าเนื้อเริ่มหนาขึ้น (ของขึ้น) จึงจะชกได้ หลวงปู่ทองดำ อุปสมบทเมื่ออายุ ๒๒ ปี ณ. พระอุโบสถ วัดวังหมู ต.หาดกรวด อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ โดยมีพระครูวิเชียรปัญญามหามุนี (เรือง )เจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ เจ้าอาวาสวัดท่าถนน ต.ท่าอิฐ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ในขณะนั้นเป็นองค์อุปัชฌาย์ เมื่อวันที่ ๕ พ.ค. ๒๔๖๓ เมื่อขณะอุปสมบทแล้ว ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดท่าถนน (วัดหลวงพ่อเพ็ชร) ซึ่งอยู่ในตัวเมืองอุตรดิตถ์ หลวงปู่ทองดำ ทราบว่าที่วัดกลางอยู่ห่างจากวัดท่าถนนทางทิศใต้ประมาณ ๒ กิโลเมตร มีพระภิกษุชราอยู่รูปหนึ่ง “หลวงปู่ทิม” ขาดการดูแลเอาใจใส่ ภิกษุทองดำ จึงได้ใช้เวลาว่างเดินทางจากวัดท่าถนนมาวัดกลางทุกวัน เพื่อปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่ทิมด้วยจิตใจเมตตาและให้ความเคารพนับถือ โดยภิกษุทองดำ ได้ปฏิบัติภารกิจเป็นประจำทุกวัน ได้แก่ ตักน้ำ ขึ้นมาจากท่าแม่น้ำน่าน นำมาใส่ตุ่มไว้ให้หลวงปู่ทิมได้สรง เก็บกวาดกุฏิ ชำระล้างภาชนะต่างๆ ประจำมิขาด โดยภิกษุทองดำ มิได้หวังสิ่งค่าตอบแทนใดๆทั้งสิ้น แต่ทำไปเพราะจิตเมตตาแก่ภิกษุผู้สูงอายุโดยแท้ซึ่งจากการกระทำความดีของท่าน

ทำให้หลวงปู่ทิม ซึ่งขณะนั้นไม่มีผู้ใดทราบความเป็นมาหลวงพ่อทิมว่าเป็นพระภิกษุเชี่ยวชาญมนต์คาถาทุกด้าน ซึ่งกิตติศัพท์ ชาวบ้านย่านเกาะบางโพและตำบลใกล้เคียงทราบคือ “ตะกรุดโทน” ซึ่งหลวงปู่ทิมปลุกเสกโดยดำลงน้ำจารึกอักขระบนแผ่นตะกรุดจนกว่าจะเสร็จ น่าเสียดายวันหนึ่งมีมนุษย์ผู้เขลาด้วยปัญญา นำตะกรุดที่ท่านมอบไปผูกคอสุนัขและยิงสุนัข แต่ปาฏิหาริย์กระสุนด้านหมด เมื่อหลวงพ่อทิมเห็นสุนัขวิ่งหลบใต้กุฏิจึงถอดออกจากคอสุนัข ท่านโกรธจึงประกาศงดให้เครื่องรางของขลังแก่ชาวบ้าน ภิกษุทองดำเมื่อได้รับมอบวิชาและตำราจากหลวงปู่ทิมแล้ว ท่านหมั่นศึกษาภาวนาปฏิบัติ ทุกบท ทุกวรรคตอน จนสิ้นกระบวนความในตำรา หลวงปู่ได้ใช้คาถาอาคมช่วยเหลือชาวบ้านตลอดมา ประพรมชาวบ้านที่แวะเวียนมากราบนมัสการท่าน ซึ่งน้ำมนต์นี้หลวงปู่จะปลุกเสกทุกวัน ใส่โอ่งมังกรขนาดใหญ่ ท่านได้มรณะภาพลงอย่างสงบเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ.2548

น้อมส่งหลวงปู่ฟู วัดบางสมัคร จ.ฉะเชิงเทรา สู่แดนนิพพาน🙏🏼
09/10/2021

น้อมส่งหลวงปู่ฟู วัดบางสมัคร จ.ฉะเชิงเทรา สู่แดนนิพพาน🙏🏼

เหรียญ รุ่น2หลวงพ่อแจ้ง วัดโนนสูง จ นครราชสีมา เป็นเกจิอีกท่านหนึ่งที่สังขาร ไม่เน่าเปื่อยครับ พิธีใหญ่เกจิร่วมปลุกเสกเพ...
03/10/2021

เหรียญ รุ่น2หลวงพ่อแจ้ง วัดโนนสูง จ นครราชสีมา เป็นเกจิอีกท่านหนึ่งที่สังขาร ไม่เน่าเปื่อยครับ พิธีใหญ่เกจิร่วมปลุกเสกเพียบครับ จัดสร้างปี2503 พระดีปีลึก

เหรียญที่ระลึกในงานประกอบพิธีต่ออายุและทำบุญอายุครบ77ปี หลวงพ่อครูบาวัง พรมเสโน วัดบ้านด่าน จ.ตาก 12กันยายน พ.ศ.2511 บล็...
03/10/2021

เหรียญที่ระลึกในงานประกอบพิธีต่ออายุและทำบุญอายุครบ77ปี หลวงพ่อครูบาวัง พรมเสโน วัดบ้านด่าน จ.ตาก 12กันยายน พ.ศ.2511 บล็อกกาก สภาพสวย เดิมๆ น่าสะสม

เจ้าพ่อพะวอ องอาจ
29/09/2021

เจ้าพ่อพะวอ องอาจ

เหรียญหลวงปู่เทียมปี 15 เป็นเหรียญที่ออกในวาะที่ที่สร้างอุโบสถ์วัดเวฬุวัน จังหวัดยะลา โดยเหรียญได้ทำพิธีปลุกเสกก่อนที่วั...
20/09/2021

เหรียญหลวงปู่เทียมปี 15 เป็นเหรียญที่ออกในวาะที่ที่สร้างอุโบสถ์วัดเวฬุวัน จังหวัดยะลา โดยเหรียญได้ทำพิธีปลุกเสกก่อนที่วันกษัตราธิราช เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2515 โดยมีเกจิอาจารย์ที่มาร่วมในการปลุกเสกเหรียญนีหลายท่าน อาทิ หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม, หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส , หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี ,หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง, หลวงพ่อถีร วัดป่าเลย์ไล ,หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง ,หลวงพ่อรวย วัดท่าตะโก,หลวงพ่อพรหม วัดขนอนเหนือ และ หลวงปู่เทียมวัดกษัตราธิราช จำนวนการสร้างเหรียญมีดังนี้
1.ทองคำ 9 เหรียญ
2.เงิน 100 เหรียญ
3. ทองแดงรมดำ 3000
เหรียญหลวงปู่เทียม(หลวงพ่อเทียมปี 15 นี้ เป็นเหรียญที่มีประสบการณ์อย่างมากและเป็นเหรียญที่มีการสร้างอย่างชัดเจนและที่สำคัญยังมีเกจิเก่งๆๆหลายท่านมาร่วมปลุกเสกเหรียญนี้

 #เหรียญเจ้าพ่อพะวอ รุ่นสร้างบุญบารมี วัดมณีไพรสณท์จัดสร้าง ปี2552 เนื้อทองแดงผิวกระไหล่ทอง สวยเดิมๆ รุ่นนี้มีประสพการณ์...
14/09/2021

#เหรียญเจ้าพ่อพะวอ รุ่นสร้างบุญบารมี วัดมณีไพรสณท์จัดสร้าง ปี2552 เนื้อทองแดงผิวกระไหล่ทอง สวยเดิมๆ รุ่นนี้มีประสพการณ์มากมาย ควรหาไว้ติดตัวบูชา🙏🏼🙏🏼

อาทิตย์นี้ก็พอได้เช่าครับ รับเช่า-ปล่อยเช่าพระเครื่อง.
14/09/2021

อาทิตย์นี้ก็พอได้เช่าครับ รับเช่า-ปล่อยเช่าพระเครื่อง.

 #กำไลหางช้างช้างเป็นสัตว์ใหญ่ที่แสดงถึงอำนาจ คนโบราณเชื่อว่าผู้ที่มี กำไลหางช้าง หรือ หางช้างไว้ติดตัว หรือ สวมใส่จะปลอ...
14/09/2021

#กำไลหางช้าง
ช้างเป็นสัตว์ใหญ่ที่แสดงถึงอำนาจ คนโบราณเชื่อว่าผู้ที่มี กำไลหางช้าง หรือ หางช้างไว้ติดตัว หรือ สวมใส่จะปลอดภัยแคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่างๆ ไม่ว่าจะเดินทางไปหนแห่งใด หรือแม้กระทั่งเวลาที่ต้องเดินทางท่องเที่ยว เดินป่า เข้าป่า สัตว์ร้ายต่างๆ ก็จะไม่เข้ามาใกล้ อีกทั้งยังมีความหมายในเรื่องของอำนาจอีกด้วย หางช้าง จึงจัดได้ว่าเป็นเครื่องรางที่นิยมมาตั้งแต่สมัยโบราณ
เครื่องรางที่ทำจาก ขนหางช้าง เชื่อกันว่า สามารถป้องกันคุณไสยได้เกือบทุกชนิด จึงมีผู้นิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับ อย่างเช่น แหวนหางช้าง กำไลหางช้างเพื่อเป็นเครื่องประดับใส่ติดตัว แต่บางคนก็พกแบบขนหางช้างติดตัวไว้เลย โดยใส่กรอบตะกรุดไว้ เพราะถือว่ามีความขลังอยู่ในตัวอยู่แล้ว

#ความเชื่อเกี่ยวกับหางช้าง
คนโบราณสมัยก่อนที่ไม่ได้มีวิชาอาคมติดตัว มักจะพก ขนหางช้าง ไว้ติดตัวอยู่เสมอ ถือเป็นเครื่องรางของขลังปัดเป่ารังควานจากภูตผีปีศาจ และ สัตว์ร้าย ช่วยป้องกันคุณไสยต่างๆ ป้องกันภัยอันตรายในยามที่ต้องเดินทางไกล คนโบราณสมัยก่อนยังเชื่ออีกว่า ถ้าบูชาขนหางช้างดีจะทำให้สามารถหยั่งรู้กาลล่วงหน้า รู้ภัยอันตรายต่างๆ ล่วงหน้าด้วย มีสัมผัสที่หก และ สามารถป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นได้
สำหรับชาวเหมอะโหน่ง ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในเขตภาคกลางของเวียดนาม เชื่อว่า ขนหางช้าง เป็นสัญลักษณ์ของความรักและความภักดี หนุ่มๆ สาวๆ มักจะมอบให้แก่กัน เพื่อแสดงออกถึงความรักที่มีให้ซึ่งกันและกัน

หางช้าง แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. หางช้างสีดำ
2. หางช้างสีขาว (บางท่านเรียกว่า ขนหางแก้ว ขนหางดอก ขนหางช้างเผือก) ขนหางช้าง สีขาว ถือว่าเป็นของหายากคล้ายกับงากำจัดกำจาย ซึ่งมีความเชื่อว่า เป็นของแรง มีอานุภาพทวีคูณมากกว่าขนหางช้างสีดำ

กำไลหางช้างเป็นสิ่งมงคลหรือเครื่องรางของขลัง อีกอย่างที่ชาวกูยเลี้ยงช้างให้ความเคารพ ศรัทธา และ เชื่อว่าจะเสริมสร้างบารมีและเสริมศิริมงคลให้กับผู้ที่สวมใส่มีไว้ในครอบครอง โดยเฉพาะการปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ปัดรังควาน และสิ่งไม่ดีไม่ให้เข้ามาใกล้ตัว

กำไลหางช้างเครื่องราง เสริมมงคลบารมี ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ตามความเชื่อมาแต่โบราณ
หางช้าง สีขาว มีอำนาจในการป้องกัน ปกป้องสิ่งชั่วร้าย เสริมสร้างบารมี ให้แก่ผู้ที่สวมใส่ หรือ พกติดตัว

กำไลหางช้างสีขาว หากใครมีไว้ก็จะเป็นเครื่องปัดเป่าความชั่วร้ายให้ออกไปจากครอบครัวและตัวเอง เป็นสิ่งที่เสริมบารมีและเป็นสิริมงคล ซึ่งเป็นความเชื่อเรื่องขนหางช้าง เพราะช้างเป็นสัตว์ใหญ่มีบารมีมาก เป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองกับกษัตร์ยมาทุกยุคทุกสมัย พฤติกรรมของช้างจะใช้หางในการปัดเป่า สบัดไปที่ต่างๆ ในที่มีแมลงหรือสัตว์ร้ายมากัด หรือมาใกล้ตัวให้หนีห่างออกไป จึงเป็นความเชื่อที่สืบต่อกันมาว่า ผู้ที่มีกำไลหางช้างไว้ในครอบครอง เป็นผู้มีบารมี ไม่มีสิ่งใดมาทำร้ายได้ ตามความเชื่อของคนโบราณนั้นแล

เหรียญเจ้าพ่อพระวอ รุ่น ม.ส. 38 เทศบาลตำบลแม่สอด จ.ตาก ปี 2538 เนื้อทองแดงรมดำ เมตตาอธิฐานจิตปลุกเสก โดย ครูบาสร้อย วัดม...
14/09/2021

เหรียญเจ้าพ่อพระวอ รุ่น ม.ส. 38 เทศบาลตำบลแม่สอด จ.ตาก ปี 2538 เนื้อทองแดงรมดำ เมตตาอธิฐานจิตปลุกเสก โดย ครูบาสร้อย วัดมงคลคีรีเขต อ.ท่าสองยาง จ.ตาก

 #พิธีปลุกเสกใหญ่ที่สุดในประเทศเหรียญพระประจำวันศุกร์ ของสำนักพุทธรัตนประทีป พิธี 25 พุทธศตวรรษสำนักพุทธรัตนประทีป เป็นส...
14/09/2021

#พิธีปลุกเสกใหญ่ที่สุดในประเทศ
เหรียญพระประจำวันศุกร์ ของสำนักพุทธรัตนประทีป พิธี 25 พุทธศตวรรษ
สำนักพุทธรัตนประทีป เป็นสำนักเผยแพร่พุทธศาสนา ในยุคปี 2500 เป็นต้นมา ได้จัดสร้างพระเครื่อง พระบูชา หลายชนิด เพื่อเผยแพร่พุทธศาสนา ซึ่งคนยุคเก่าจะรู้จัก และนิยมบูชาพระบูชาของสำนักพุทธประทีป บูชาติดบ้านกันอย่างมากมาย ที่เห็นกันบ่อยๆ ก็คือ พระแก้วมรกต ของสำนักพุทธประทีป ที่มักมีบูชาบนหิ้งพระแทบทุกบ้าน จนเห็นชินตากันมากในยุคสมัยนั้นเรื่อยมา จนถึงยุคปัจจุบัน นอกจากพระบูชาแล้ว ทางสำนักยังได้สร้างพระบูชาเนื้อแก้ว แบบพระประจำวันเกิด (บางองค์ก็สั่งมาจากญี่ปุ่น) เหรียญพระประจำวันเกิดทั้ง 7 วัน และเหรียญพระสิวลี อีกด้วย ซึ่งมีจำนวนไม่มาก จึงไม่ค่อยจะได้พบเห็นบ่อยนัก ทำให้ไม่เป็นที่แพร่หลายเหมือนพระบูชาของสำนัก
ในการจัดสร้างดังกล่าว ทางสำนักพุทธรัตนประทีป มีวัตถุประสงค์ที่จะหารายได้จากการให้บูชา เป็นทุนในการเผยแพร่พระพุทธศาสนา ด้วยการพิมพ์หนังสือธรรมะ หล่อพระประธานไปถวายวัดต่างๆ ให้ทุนการศึกษาแก่พระภิกษุสามเณร ถวายปัจจัยแก่พระสงฆ์สามเณรที่อาพาธ ฯลฯ โดยได้นำพระบูชา และเหรียญพระประจำวัน พระสิวลี ที่ได้จัดสร้างอย่างดี เข้าร่วมปลุกเสกในพิธีพุทธาภิเษก พร้อมกับพระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ ซึ่งได้จัดให้มีพิธีพุทธาภิเษกที่ยิ่งใหญ่ และเข้มขลัง ตลอด 3 วัน 3 คืน ในพระอุโบสถวัดสุทัศน์เทพวรารามราชวรมหาวิหาร ในระหว่างวันที่ 2-5 พฤษภาคม พ.ศ. 2500
โดยมีพระคณาจารย์ชื่อดังในยุคนั้น เข้าร่วมปลุกเสกถึง 108 รูป อาทิ เช่น
หลวงพ่อพักตร์ วัดบึงทองหลาง กทม., หลวงพ่อกึ๋น วัดดอน ยายนาวา กทม., หลวงพ่อเหมือน วัดโรงหีบ (วัดนาวง) ปทุมธานี, หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณ์ กทม.,หลวงปู่กลีบ วัดตลิ่งชัน กทม., หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิตฯ กทม., หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทม., หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง นนทบุรี, หลวงพ่อแทน วัดธรรมเสน ราชบุรี, หลวงพ่อเปาะ วัดช่องลม ราชบุรี, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม นครปฐม, หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม นครปฐม, หลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ ปทุมธานี, หลวงปู่เหรียญ วัดหนองบัว กาญจนบุรี, หลวงปู่ดี วัดเหนือ กาญจนบุรี, หลวงพ่อดำ วัดมุจลินทร์ (ตุยง) ปัตตานี, หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน นครศรีธรรมราช, หลวงพ่อลี วัดอโศการาม สมุทรปราการ, หลวงพ่อบุตร วัดใหม่บางปลากด สมุทรปราการ, หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ สมุทรสงคราม, หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ สมุทรสาคร, หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ สุพรรณบุรี, หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย สุพรรณบุรี, หลวงพ่อครื้น วัดสังโฆ สุพรรณบุรี, หลวงพ่อพริ้ง วัดวรจันทร์ สุพรรณบุรี, หลวงปู่เฮี้ยง วัดป่า ชลบุรี, หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี, หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก ระยอง, หลวงพ่อเมือง วัดท่าแหน ลำปาง, ครูบาวัง วัดบ้านเด่น ตาก, หลวงพ่อจันทร์ วัดคลองระนง นครสวรรค์, หลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ อยุธยา, หลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือ อยุธยา, หลวงพ่อหวาน วัดดอกไม้ อยุธยา, หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง อยุธยา, หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ อยุธยา, หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก, หลวงพ่อเจาะ วัดประดู่โลกเชษฐ์ อยุธยา, หลวงปู่สี วัดสะแก อยุธยา, หลวงพ่อชิต วัดบรมธาตุ อยุธยา, หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง เพชรบุรี, หลวงพ่อทบ วัดช้างเผือก เพชรบูรณ์, หลวงพ่อปี้ วัดด่านลานหอย สุโขทัย ฯลฯ เป็นต้น
ในขณะที่พระเครื่องพุทธศตวรรษทั้งเนื้อดิน และเนื้อชินตะกั่ว ชักเริ่มหายาก และมีราคาแพงขึ้นทุกวัน อีกทั้งยังมีของปลอมฝีมือฉกาจฉกรรจ์ ระบาดอีกมาก ดังนั้น เหรียญพระประจำวันของสำนักพุทธประทีป จึงเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่ง ให้ทุกท่านได้เก็บสะสมไว้ หรือนำพกพาติดตัว ซึ่งมีพุทธคุณเทียบเท่ากับพระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ ทุกประการ.

เหรียญครูบาสร้อย วัดมงคลคีรีเขต อ.ท่าสองยาง จ.ตากรุ่นร่วมสร้างตึกสงฆ์อาพาธ รพ.นางรอง จังหวัด บุรีรัมย์ ปี พ.ศ.2534 แท้แล...
14/09/2021

เหรียญครูบาสร้อย วัดมงคลคีรีเขต อ.ท่าสองยาง จ.ตาก
รุ่นร่วมสร้างตึกสงฆ์อาพาธ รพ.นางรอง จังหวัด บุรีรัมย์ ปี พ.ศ.2534 แท้และทันครูบาสร้อยปลุกเสก

"พระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ" หรือ "พระฉลอง 25 ศตวรรษ" นับเป็นหนึ่งใน "สุดยอดพระเครื่อง" ที่ยังคงอยู่ในความนิยมไม่เสื่อมคลา...
14/09/2021

"พระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ" หรือ "พระฉลอง 25 ศตวรรษ" นับเป็นหนึ่งใน "สุดยอดพระเครื่อง" ที่ยังคงอยู่ในความนิยมไม่เสื่อมคลาย ถึงแม้กาลเวลาผ่านมาเนิ่นนานกว่า 60 ปีแล้ว เรียกได้ว่า "กระแสนิยมไม่เคยตก"
ย้อนกลับไป เมื่อปี พ.ศ.2500 มีงานใหญ่โตมโหฬารงานหนึ่งในโอกาสสำคัญยิ่งทางพุทธศาสนา เรียกชื่อกันว่า "งานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ" เนื่องด้วยพุทธศาสนาผ่านพ้นมาแล้วกึ่งพุทธกาล โดยวัตถุประสงค์การจัดงานนั้นก็เพื่อต้องการให้เมืองไทยเป็นศูนย์กลางทางพุทธศาสนาของโลก มีการจัดสร้าง "พระประธานพุทธมณฑล" เป็นพระพุทธรูปปางลีลา ความสูง 2,500 นิ้ว (62.50 เมตร) พระนาม "พระศรีศากยะทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์" บนเนื้อที่ 2,500 ไร่ ที่ ต.ศาลายา อ.นครปฐม ซึ่งก็คือ "พุทธมณฑล" ในปัจจุบันนั่นเอง โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (ชื่น นพวงศ์) ทรงเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ จอมพล ป.พิบูลย์สงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ เป็นประธานการดำเนินงานสร้าง

"พระเครื่อง 25 ศตวรรษ" จึงนับได้ว่าเป็นพระพิธียิ่งใหญ่ที่สุด หนึ่งในไม่กี่พิธีที่เคยมีการจัดสร้างของประเทศไทย พระที่จัดสร้างมีพุทธคุณแผ่กว้างไพศาล ก่อเกิดประสบการณ์อิทธิปาฏิหาริย์มากมายนับครั้งไม่ถ้วน และด้วยพระเครื่อง 25 ศตวรรษ มีจำนวนการสร้างเป็นล้าน ๆ องค์ ทำให้ราคาไม่สูงมากนัก จึงเป็นโอกาสอันดีที่คนทั่วไปจะได้เช่าหา บูชา
ประการสำคัญ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) ทรงเสด็จฯ ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์สร้าง "พุทธมณฑล" เมื่อวันที่ 28 กรกฏาคม พ.ศ.2498 และเสด็จฯ ประกอบพิธีเททองหล่อ "พระพุทธปฏิมาประธานพุทธมณฑล" อีกทั้งยังทรงเททองหล่อพระพุทธรูปทองคำ จำนวน 4 องค์ และทรงกดพระพิมพ์ "พระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ" เนื้อดินจำนวน 30 องค์เป็นปฐมฤกษ์ ณ มณฑลพิธีวัดสุทัศนเทพวราราม เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2500

"พระเครื่อง 25 ศตวรรษ"จึงจัดว่าเป็นพระดีพิธีพุทธาภิเษก ก็นับว่ายิ่งใหญ่และเข้มขลังสุดๆ ในยุคนั้น จัดขึ้นถึง 2 วาระ และครบถ้วนตามฉบับพิธีประเพณีโบราณ คือต้องมีพระเกจิอาจารย์ประกอบพิธีปลุกเสก ลงเลขยันต์ บรรจุพุทธาคม เพื่อให้พระเครื่อง 25 ศตวรรษ มีความเข้มขลังเกิดความศักดิ์สิทธิ์ โดยวาระแรก ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2500 ณพระอุโบสถวัดสุทัศนเทพวราราม โดยนำมวลสารศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดมาอธิษฐานปลุกเสก มีพระคณาจารย์มาร่วมพิธีฯ ครบ 108 องค์

1. พระครูอาคมสุนทร อ.พระนคร วัดสุทัศน์เทพวรารามฯ จ.พระนคร
2. พระครูสุนทรสมาธิวัตร อ.พระนคร วัดสุทัศน์เทพวรารามฯ จ.พระนคร
3. พระญาณาภิรัต อ.พระนคร วัดสุทัศน์เทพวรารามฯ จ.พระนคร
4. พระครูพิบูลย์บรรณวัตร อ.พระนคร วัดสุทัศน์เทพวรารามฯ จ.พระนคร
5. พระครูสุนทรศีลาจารย์ อ.พระนคร วัดสุทัศน์เทพวรารามฯ จ.พระนคร
6. พระครูพิศาลสรกิจ อ.พระนคร วัดสุทัศน์เทพวรารามฯ จ.พระนคร
7. พระมหาสวน อ.พระนคร วัดสุทัศน์เทพวรารามฯ จ.พระนคร
8. พระอำนวย อ.พระนคร วัดสุทัศน์เทพวรารามฯ จ.พระนคร
9. พระปลัดสุพจน์ อ.พระนคร วัดสุทัศน์เทพวรารามฯ จ.พระนคร
10. พระครูวิสิษฐ์วิหารการ อ.พระนคร วัดชนะสงคราม จ.พระนคร
11. พระสุธรรมธีรคุณ (หลวงพ่อวงษ์) วัดสระเกศ จ.พระนคร
12. พระอาจารย์สา อ.พระนคร วัดชนัดดาราม จ.พระนคร
13. พระปลัดแพง อ.พระนคร วัดมหาธาตุฯ จ.พระนคร
14. พระวิสุทธิสมโพธิ อ.พระนคร วัดพระเชตุพนฯ จ.พระนคร
15. พระวรเวทย์คุณาจารย์ อ.พระนคร วัดพระเชตุพนฯ จ.พระนคร
16. พระครูฐาปนกิจประสาท อ.พระนคร วัดพระเชตุพนฯ จ.พระนคร
17. พระอินทรสมาจารย์ อ.พระนคร วัดพระเชตุพนฯ จ.พระนคร
18. พระครูวินัยธรเฟื่อง อ.พระนคร วัดสัมพันธ์วงศ์ จ.พระนคร
19. พระครูภักดิ์ อ.พระโขนง วัดบึงทองหลาง จ.พระนคร
20. พระครูกัลญาณวิสุทธิ อ.ยานนาวา วัดดอนทวาย จ.พระนคร
21. พระอาจารย์มี อ.ยานนาวา วัดสวนพลู จ.พระนคร
22. พระอาจารย์เหมือน อ.บางเขม วัดโรง***บ จ.พระนคร
23. พระหลวงวิจิตร อ.ดุสิต วัดสะพานสูง จ.พระนคร
24. พระอาจารย์หุ่น อ.มีนบุรี วัดบางขวด จ.พระนคร
25. พระราชโมลี อ.บางกอกน้อย วัดระฆัง จ.ธนบุรี
26. หลวงวิชิตชโสธร วัดสันติธรรมาราม จ.ธนบุรี
27. พรครูโสภณกัลญานุวัตร วัดกัลญาณมิตร จ.ธนบุรี
28. พระครูภาวนาภิรัต อ.บางขุนเทียน วัดหนัง จ. ธนบุรี
29. พระครูทิวากรคุณ อ.ตลิ่งชัน วัดตลิ่งชัน จ.ธนบุรี
30. พระครูไพโรจน์วุฒิคุณ วัดโพธินิมิตร จ.ธนบุรี
31. พระครูญาณสิทธิ์ อ.ตลิ่งชัน วัดราชสิทธาราม จ.ธนบุรี
32. พระอาจารย์มา อ.ตลิ่งชัน วัดราชสิทธาราม จ.ธนบุรี
33. พระอาจารย์หวน อ.ตลิ่งชัน วัดพิกุล จ.ธนบุรี
34. พระมหาธีวัฒน์ อ.ภาษีเจริญ วัดปากน้ำ จ.ธนบุรี
35. พระอาจารย์จ้าย อ.ภาษีเจริญ วัดปากน้ำ จ.ธนบุรี
36. พระอาจารย์อินทร์ อ.ภาษีเจริญ วัดปากน้ำ จ.ธนบุรี
37. พระครูกิจจาภิรมย์ อ.บางกอกใหญ่ วัดอรุณราชวราราม จ.ธนบุรี
38. พระครูวินัยสังวร อ.ธนบุรี วัดประยูรวงศวาส จ.ธนบุรี
39. พระสุขุมธรรมาจารย์ อ.ธนบุรี วัดหงษ์รัตนราม จ.ธนบุรี
40. พระครูพรหมวินิต อ.ธนบุรี วัดหงษ์รัตนาราม จ.ธนบุรี
41. พระอาจารย์อิน อ.คลองสาน วัดสุวรรณอุบาสิการ จ.ธนบุรี
42. พระครูวิริยกิจ อ.คลองสาน วัดประดู่ฉิมพลี จ.ธนบุรี
43. พระปรีชานนทมุนี อ.บางบัวทอง วัดโมลี จ.นนทบุรี
44. พระครูปลัดแฉ่ง (หลวงพ่อแฉ่ง) อ.ปากเกร็ด วัดศรีรัตนาราม จ.นนทบุรี
45. พระปลัดยัง (หลวงพ่อยัง) อ.ปากเกร็ด วัดบางจาก จ.นนทบุรี
46. พระอาจารย์สมจิต วัดป่ากระเหรี่ยง จ.ราชบุรี
47. พระอาจารย์แทน อ.เมือง วัดธรรมเสน จ.ราชบุรี
48. พระครูบิน อ.บางแพ วัดแก้ว จ.ราชบุรี
49. พระอินทร์เขมาจารย์ อ.เมือง วัดช่องลม จ.ราชบุรี
50. พระธรรมวาทีคณาจารย์ อ.เมือง วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม
51. พระครูสังฆวิชัย วัดพระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม
52. พระอาจารย์สำเนียง อ.บางเลน วัดเวทุนาราม จ.นครปฐม
53. พระอาจารย์เต๋ อ.กำแพงแสน วัดสามง่าม จ.นครปฐม
54. พระอาจารย์แปลก อ.เมือง วัดสระบัว จ.ปทุมธานี
55. พระครูปลัดทุ่ง อ.เมือง วัดเทียมถวาย จ.ปทุมธานี
56. พระครูบวรธรรมกิจ อ.เมือง วัดโบสถ จ.ปทุธานี
57. พระครูโสภณสมาจารย์ อ.เมือง วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี
58. พระครูวิสุทธิรังษี อ.เมือง วัดเหนือ จ.กาญจนบุรี
59. พระมุจจรินโมฬี อ.หนองจิก วัดมุจจริน จ.ปัตตานี
60. พระครูรอด อ.เมือง วัดประดู่ จ.นครศรีธรรมราช
61. พระครูวิศิษฐ์อรรถการ อ.ฉวาง วัดสวนขวัญ จ.นครศรีธรรมราช
62. พระครูสิทธิธรรมาจารย์ (พระอาจารย์ลี) อ.เมือง วัดโศกการาม จ.สมุทรปราการ
63. พระอาจารย์บุตร อ.เมือง วัดใหม่บางปลากด จ.สมุทรปราการ
64. พระอาจารย์แสวง อ.พระประแกง วัดกลางสวน จ.สมุทรปราการ
65. พระครูศิริสรคุณ อ.เมือง วัดท้ายหาด จ.สมุทรสงคราม
66. พระครูสมุทรสุนทร อ.เมือง วัดพวงมาลัย จ.สมุทรสงคราม
67. พระสทุธิสารวุฒาจารย์ อ.อัมพวา วัดเสด็จ จ.สมุทรสงคราม
68. พระอาจารย์อ๊วง อ.อันพวา วัดบางคณาทอง จ.สมุทรสงคราม
69. พระครูไพโรจน์วุฒาจารย์ (รุ่ง) อ.กระทุ่มแบน วัดท่ากระบือ จ.สมุทรสาคร
70. พระครูวิเศษสมุทรคุณ อ.กระทุ่มแบน วัดดอนไก่ดี จ.สมุทรสาคร
71. พระครูสักขิตวันมุนี อ.เมือง วัดป่าเลไลย์ จ.สุพรรณบุรี
72. พระอาจาย์แต้ม อ.เมือง วัดพระลอย จ.สุพรรณบุรี
73. พระครูโฆษิตธรรมสาร (ครื้น) อ.เมือง วัดสังโฆ จ.สุพรรณบุรี
74. พระครูวรกิจวินิจฉัย (พริ้ง) อ.เมือง วัดวรจันทร์ จ.สุพรรณบุรี
75. พระครูสำฤทธิ์ (เอี้ยง) อ.เมือง วัดอู่ทอง จ.สุพรรณบุรี
76. พระวรพจน์ปัญญาจารย์ องเมือง วัดอรัญญิการาม จ.ชลบุรี
77. พระครูธรรมาวุฒิคุณ อ.เมือง วัดเสม็ด จ.ชลบุรี
78. พระครูธรรมธร (หลาย) อ.เมือง วัดราศฎร์บำรุง จ.ชลบุรี
79. พระอาจารย์บุญมี อ.บางละมุง วัดโพธิ์สัมพันธ์ จ.ชลบุรี
80. พระพรหมนคราจารย์ อ.พรหมบุรี วัดแจ้งพรหมนคร จ.สิงห์บุรี
81. พระครูศรีพรหมโศกิต (แพ) อ.พรหมบุรี วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี
82. พระชัยนาทมุนี อ.เมือง วัดบรมธาตุ จ.ชัยนาท
83. พระอาจารย์หอม (หลวงพ่อหอม) อ.เมือง วัดชากหมาก จ.ระยอง
84. พระอาจารย์เมือง อ.แม่ทา วัดท่าแพ จ.ลำปาง
85. พระครูอุทัยธรรมธานี อ.เมือง วัดท้าวอุ่ทอง จ.ปราจีนบุรี
86. พระครูวิมลศีลจารย์ อ.ประจันตคาม วัดศรีประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี
87. พระครูสนุทรธรรมประกาศ อ.ปากพลี วัดโพธิ์ปากพลี จ.นครนายก
88. พระครูบาวัง อ.เมือง วัดบ้านเด่น จ.ตาก
89. พระครูสวรรควิริยกิจ อ.เมือง วัดสวรรคนิเวส จ.แพร่
90. พระครูจันทร (อ.ชุมแสง จ.นครสวรรหลวงพ่อจันทร์) วัดคลองระนง ค์
91. พระครูสีลกิติคุณ (อั้น) วัดพระญาติฯ อ.พระนครศรีฯ จ.อยุธยา
92. พระอาจารย์แจ่ม วัดวังแดงเหนือ อ.พระนครศรีฯ จ.อยุธยา
93. พระครูเล็ก วัดบางนมโค อ.เสนา จ.อยุธยา
94. พระอาจารย์มี วัดอินทราราม อ.เสนา จ.อยุธยา
95. พระอาจารย์หวาน วัดดอกไม้ อ.บางปะหัน จ.อยุธยา
96. พระอาจารย์หน่าย วัดบ้านแจ้ง อ.บางปะหัน จ.อยุธยา
97. พระครูประสาทวิทยาคม (นอ) วัดกลาง อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา
98. พระอาจารย์จง (หลวงพ่อจง) วัดหน้าต่างนอก อ.บางไพร จ.อยุธยา
99. พระอธิการเจาะ วัดประตูโลกเชษฐ์ อ.เสนา จ.อยุธยา
100. พระอาจารย์ศรี วัดสระแก อ.พระนครศรีฯ จ.อยุธยา
101. พระสุวรรณมุนี (ชิต) วัดมหาธาตุ อ.เมือง จ.อยุธยา
102. พระครูศุข วัดดตนดหลวง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
103. พระครูพิบูลย์ศีลาจารย์ วัดโพธิ์กรุ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี
104. พระครูทบ (หลวงพ่อทบ) วัดส่วางอรุณ อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์
105. พระสวรรคนายก วัดสุวรรคคาราม อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย
106. พระโบราณวัตถาจารย์ วัดราชธานี จ.สุโขทัย
107. พระครู*** วัดกิ่งลานหอย กิ่ง อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย
108. พระครูวิบูลย์สมุทร วัดเสด็จ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม

วาระที่ 2 วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2500 นำพระเครื่องทั้งหมดเข้าพิธีพุทธาภิเษกอีกครั้งในพระอุโบสถวัดสุทัศนเทพวราราม มี สมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์ วัดบวรนิเวศมหาวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีสมัยนั้น เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมสมเด็จพระราชาคณะเจริญพุทธมนต์ 25 รูป พระเกจิคณาจารย์ชื่อดังจากทั่วประเทศร่วมปลุกเสกบรรจุพุทธาคมครบ 108 รูป รวม 2 วาระ เป็นเวลาทั้งสิ้น 6 วัน 6 คืน
"ในระหว่างพิธีได้มีปรากฏการณ์เหตุน่าอัศจรรย์บังเกิดขึ้นหลายประการ เป็นการแสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่อง 25 ศตวรรษ เช่น ขณะที่ประกอบพิธีเททองหล่อโลหะ ซึ่งบรรดาคณาจารย์มอบให้ใช้ผสมหล่อพระเครื่องอยู่นั้น ได้ปรากฏเหตุอัศจรรย์ คือมีตะกรุดเงินและแผ่นเงินลงยันต์หลายชิ้น ไม่ละลายไปกับความร้อน แม้ช่างจะสุมไฟอยู่เป็นเวลานานกว่า 3 ชั่วโมง นอกจากนั้น ในเวลาใกล้เที่ยงของวันรุ่งขึ้น ได้มีฝนตกลงมาอย่างหนัก เป็นที่น่าอัศจรรย์ บรรดาผู้ที่ไปร่วมงานถือว่าเป็นศุภนิมิตมงคลอย่างยิ่ง"

"พระเครื่อง 25 พุทธศตวรรษ" จึงนับเป็นพระเครื่องที่มีความสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์ ทั้งเจตนาและพิธีกรรมที่ยิ่งใหญ่ องค์พระก็มีพุทธศิลป์ที่อ่อนช้อยงดงามและมีความสง่างามเฉพาะตัว อีกทั้งพุทธานุภาพและปาฏิหาริย์นั้นเรียกว่า "ยอดเยี่ยมสุดๆ" ได้สร้างประสบการณ์แก่ผู้มีไว้ครอบครองเป็นที่เล่าขานสืบมาถึงปัจจุบัน

มีผู้ใหญ่เคยเล่าให้ฟังว่า "มีนักโทษห้าหกคน มีอาวุธครบมือทั้งมีดทั้งปืน แหกคุกออกมายิงใส่ผู้คุมที่ทัด 25 พุทธศตวรรษอยู่หลังหูองค์เดียว ผลปรากฏว่าไม่มีการระคายผิวหนัง"
ด้วยความเป็นเลิศในทุกประการดังกล่าวมา การจัดสร้างที่มีจำนวนมากมายมหาศาล และยังคงหลงเหลือมาถึงปัจจุบันจำนวนมากพอสมควร จึงสามารถนำออกมาให้เช่าบูชาได้ตลอดเวลา เมื่อมีความจำเป็นต้องหาปัจจัยเพื่อทำการบูรณะส่วนใดส่วนหนึ่งของพุทธสถาน

หลวงพ่อขอม วัดโพธาราม (วัดไผ่โรงวัว) เกจิดังแห่งเมืองสุพรรณบุรี        ประวัติของหลวงพ่อขอม เดิมท่านชื่อ เป้า แต่เพื่อนๆ...
14/09/2021

หลวงพ่อขอม วัดโพธาราม (วัดไผ่โรงวัว) เกจิดังแห่งเมืองสุพรรณบุรี
ประวัติของหลวงพ่อขอม เดิมท่านชื่อ เป้า แต่เพื่อนๆ เรียกท่านว่า ขอม เมื่อได้ก้าวเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์แล้ว พระขอม หรือ อนิโชภิกษุ ได้จำพรรษาอยู่ที่ วัดบางสาม ได้ตั้งหน้าตั้งตาศึกษาพระธรรมวินัย ด้วยความเอาใจใส่อย่างยิ่ง และปฏิบัติตนในศีลาจารวัตรเป็นอย่างดี อยู่หลายปี
จนกระทั่งเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงมาถึง ได้มีสำนักสงฆ์สร้างขึ้นใหม่แห่งหนึ่ง มีชื่อเรียกตามความนิยมของชาวบ้านว่า “วัดไผ่โรงวัว”
ด้วยเหตุที่นี่ไม่มีสมภารเจ้าวัด บรรดาชาวบ้านย่านนั้นซึ่งจับตาดูพระขอมมาตั้งแต่ต้น ลงความเห็นพ้องต้องกันว่า ผู้ที่สมควรได้รับตำแหน่งสมภารวัดใหม่นี้ ไม่มีท่านใดเหมาะเท่า พระขอม
เมื่อลงความเห็นดังนี้ ต่างก็พากันกันไปนิมนต์ พระขอม ให้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดไผ่โรงวัว พระขอมซึ่งเคยเป็นที่คุ้นเคยกับพุทธบริษัทที่นั่น ไม่อาจขัดศรัทธาได้ จึงย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดนั้นเป็นเวลา 2 ปี
ชีวิตของท่านในช่วงนี้ หากจะขาดก็คือขาดสถานศึกษาเล่าเรียนพระพุทธศาสนา เพราะวัดไผ่โรงวัวเป็นวัดใหม่ สิ่งนี้ทำให้พระขอมพิจารณาตนเอง และเห็นว่าอันธรรมวินัยของพระศาสดานั้น ท่านยังเข้าไม่ถึงพอที่จะเป็นสมภารเจ้าวัดได้ หากผู้ศรัทธายังประสงค์จะให้ท่านเป็นผู้นำของวัดนี้อยู่ ท่านก็จำต้องเสาะแสวงหาความรู้เพิ่มเติม

ดังนั้นท่านจึงขอย้ายไปจำ พรรษาที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ซึ่งอยู่ในตัวเมืองสุพรรณบุรี แล้วไปศึกษาพระปริยัติธรรมที่ วัดประตูสาร ใกล้ๆ กับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ที่ท่านจำพรรษาอยู่นั่นเอง การศึกษาพระปริยัติธรรมของพระขอมดำเนินไป 3 ปี ก็สอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก อันเป็นความรู้ชั้นเถรภูมิ
คราวนี้ท่านกลับมาสู่วัดไผ่โรงวัวอีกครั้งหนึ่ง อย่างสมภาคภูมิ กลับมาอย่างผู้พร้อมที่จะบริหารภารกิจให้พระศาสนาอย่างเต็มที่ ดังได้กล่าวแล้วว่า วัดไผ่โรงวัวเป็นวัดใหม่ จึงยังไม่ถึงพร้อมในทุกๆ ด้าน คือไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย กุฏิที่อยู่จำพรรษาของพระภิกษุสามเณร ก็เป็นกระต๊อบมุงจากเก่าๆ มีอยู่เพียง 2 หลัง ศาลาการเปรียญที่เป็นที่บำเพ็ญกุศลของทายกทายิกา เป็นเพียงเรือนไม้ไผ่หลังคามุงจาก อาศัยพื้นดินเป็นพื้นของศาลา น่าอนาถใจยิ่ง
ภาระของพระขอม คือต้องปรับปรุงศาสนสถานแห่งนี้ให้น่าพักพิงสมกับเป็นวัดก่อน เพื่อจะได้เป็นหนทางนำไปซึ่งการปรับปรุงจิตใจของชาวบ้านผู้ศรัทธาเป็นชั้น ที่สอง และเนื่องจากบรรดาชาวบ้านต่างมีศรัทธาพระขอมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว งานปรับปรุงก่อสร้างชั้นแรกจึงผ่านไปได้ไม่ยาก เริ่มด้วยการถมดินไม่ให้น้ำท่วมวัดได้ เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นที่ลุ่มมาก ถึงฤดูฝนคราใดน้ำท่วมทุกปี และท่วมมากขนาดเรือยนต์เรือแจวแล่นถึงกุฏิได้
เมื่อ ถมดินเสร็จ ท่านได้จัดการขุดสระน้ำสำหรับเป็นที่สรงน้ำ และน้ำดื่มของพระภิกษุสามเณร และเพื่อชาวบ้านทั้งหลายจะได้อาศัยอาบกินโดยทั่วไป แล้วซ่อมกุฏิที่ชำรุดทรุดโทรม สร้างศาลาการเปรียญ สร้างโบสถ์ จัดสรรให้เหมาะสมเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม สมกับคำว่า “วัด” ทำให้ศรัทธาของชาวบ้านก็เพิ่มมากขึ้น
นับตั้งแต่พระขอมได้บวชเป็นพระสงฆ์ ท่านมีความตั้งใจมั่น ดังที่เรียกว่ามโนปณิธาน เรื่องนี้ท่านกล่าวกับผู้ใกล้ชิดว่า

“... อาตมาได้ฟังพระท่านเทศน์ว่า บุคคลผู้ใดเลื่อมใส ได้สร้างพระพุทธรูป จะเล็กเท่าต้นคาก็ดี โตกว่าต้นคาก็ดี ผู้นั้นจะได้เป็นพรหม เป็นอินทร์ หมื่นชาติแสนชาติ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ หมื่นชาติแสนชาติ ผู้นั้นจะไม่เป็นผู้ตกต่ำเลย จนตราบเท่า เข้าสู่พระนิพพาน ถ้าผู้ใดสร้างพระพุทธรูปด้วยทองคำ ผู้นั้นจะได้เกิดเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า...”

ด้วยมโนปณิธานนี้เอง ทำให้ท่านขอมคิดเริ่มสร้าง พระพุทธโคดม ด้วยทองสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สมเด็จพระพุทธโคดม
พ. ศ. 2500 หลวงพ่อขอมเริ่มบอกบุญแก่ญาติโยม ใช้เวลา 2 ปี กว่าจะเริ่มสร้างได้ เนื่องจากเป็นงานใหญ่นั่นเอง ถึงต้องใช้เวลาสร้าง ทั้งหมด 12 ปี จนแล้วเสร็จ พ.ศ. 2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงยกพระเกตุมาลา
เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2512 จนถึงวันที่ 7 มกราคม 2533เวลา 16:55 หลวงพ่อขอมก็มรณภาพลงด้วยโรคหัวใจล้มเหลว รวมสิริอายุ 88 ปี พรรษา 68 ทำให้นึกถึง

คำปฏิญาณของหลวงพ่อขอม ที่ท่านได้กล่าวไว้ 5 ข้อ คือ
1. ชีวิตของเราที่เหลือ ขอช่วยพระพุทธองค์ไปจนตาย
2.เมื่อมีชีวิตอยู่ ถ้าเรามีเงินส่วนตัวสัก 1 บาท เราจะอายพุทธบริษัทเป็นอย่างยิ่ง
3.เราจะให้รูปพระองค์เกลื่อนไปในพื้นธรณี
4.โอ...โลกนี้ไม่ใช่ของฉัน
5.เราต้องตาย ตายใต้ผ้าเหลืองของเรา

ที่อยู่

สองแคว
Mae Sot
63110

เบอร์โทรศัพท์

+66635734432

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Amulet by.jameผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์



คุณอาจจะชอบ