The Police Magazine Thailand

The Police Magazine Thailand รักตำรวจ เกลียดตำรวจ เป็นครอบครัวตำรวจ ต้องอ่านThe Police Magazine รู้ลึก รู้ทัน ตำรวจทั่วไทย
(2)

นิตยสาร เผยแพร่กิจกรรมและผลงานตำรวจทั่วไทย ด้วยเชื่อมั่นว่า... "ตำรวจดีดี มีมากกว่าตำรวจเลว" ขอเป็นสื่อให้ตำรวจดีดี ได้มีที่ยืน ได้ภาคภูมิใจในอาชีพ และองค์กรของตน "รักตำรวจ หรือ เกลียดตำรวจ ต้องอ่าน THE POLICE Magazine"

🎯เปิดบ้านที่ดิน 3 หลัง 68 ล้าน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ปปง.ยึดลอตเดียว‘เหลียน เซิง’ เปิดข้อมูล 3 บ.เจ้าของโฉนดพร้อมสิ่งปลูก...
20/11/2024

🎯เปิดบ้านที่ดิน 3 หลัง 68 ล้าน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ปปง.ยึดลอตเดียว‘เหลียน เซิง’

เปิดข้อมูล 3 บ.เจ้าของโฉนดพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 3 แปลง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ถูก ปปง.สั่งยึดลอตเดียว ‘เหลียน เซิง’สนามบินน้ำ พบอยู่หมู่บ้านเดียวกัน ชาวจีน-เตอร์กิซ เป็น กก. หุ้นใหญ่ล่าสุด

กรณีสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) มีคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย.193/2567 ลงวันที่ 18 กันยายน 2567 ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว ราย นายสฤษฏ์ อดุลย์พิจิตร กับพวก จำนวน 52 รายการ รวมราคาประเมิน 2,561,188,503.70 บาท มีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกง อันเนื่องมาจากชักชวนร่วมลงทุนเทรดเงินเหรียญดิจิทัลอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนกำไรคืนเป็นเงินสกุสดอลลาร์สหรัฐ

ในจำนวนนี้ ทรัพย์สินที่ ปปง.ยึดและอายัด 13 รายการ รวมมูลค่า 1,601.7 ล้านบาท มีชื่อ บริษัท เหลียนเซิง จำกัด เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์/ผู้ครอบครอง ได้แก่...
*ที่ดิน 11 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้างในโครงการบ้านหรูย่านถนนสนามบินน้ำ อ.เมือง จ.นนทบุรี ราคาประเมิน 1,450 ล้านบาท (ใกล้กระทรวงพาณิย์) (แปลงที่ 1-11 ) และ บัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย สาขาสีลม จำนวน 2 บัญชี 151.7 ล้านบาท

**1 รายการ เป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ในต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เนื้อที่ 2 งาน 88.8 ตารางวามูลค่า 65 ล้านบาท มีชื่อ บริษัท เพอร์เฟค ซันเดย์ จำกัด ผู้ถือกรรมสิทธิ์/ผู้ครอบครอง (แปลงที่ 12) ตามที่ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานแล้ว

***ยังมีที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างใน จ.นนทบุรี อีก 3 แปลง รวม 68 ล้านบาท ถูก ปปง.ยึดตามคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย.193/2567ลงวันที่ 18 กันยายน 2567 ลอตเดียวกับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของชื่อ บริษัท เหลียนเซิง จำกัด ได้แก่

1. ที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 110776 เลขที่ดิน 519 ต.บางตะไนย์ อ.ปากเกร็ด จ.นนบุรี เนื้อที่ 1 งาน 15 เศษ 2 ส่วน 10 ตารางวา พร้อมสิ่งปลูกสร้าง บริษัท ดับเบิ้ล วิน เรียลเอสเตท จำกัด ผู้ถือกรรมสิทธิ์/ผู้ครอบครอง ราคา 25 ล้านบาท (รายการที่ 13) จากการตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งของโฉนดที่ดินดังกล่าวจากเว็บไซต์ของกรมที่ดินพบว่าอยู่ในหมู่บ้านดังใกล้โรงเรียนนานาชาติ (ดูภาพ)

2. ที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 110777 เลขที่ดิน 520 ต.บางตะไนย์ อ.ปากเกร็ด จ.นนบุรี เนื้อที่ 1 งาน 06 เศษ 5 ส่วน 10 ตารางวา พร้อมสิ่งปลูกสร้าง บริษัท ยัน ยู พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้ถือกรรมสิทธิ์/ผู้ครอบครอง ราคา 23 ล้านบาท (รายการที่ 14) จากการตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งของโฉนดที่ดินดังกล่าวจากเว็บไซต์ของกรมที่ดินพบว่าอยู่ในหมู่บ้านดังพื้นที่ติดกับแปลงของบริษัท ดับเบิ้ล วิน เรียลเอสเตท จำกัด (ดูภาพ)

3. ที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 110778 เลขที่ดิน 521 ต.บางตะไนย์ อ.ปากเกร็ด จ.นนบุรี เนื้อที่ 91 ตารางวา พร้อมสิ่งปลูกสร้าง บริษัท 67 พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้ถือกรรมสิทธิ์/ผู้ครอบครอง ราคา 20 ล้านบาท (รายการที่ 15) จากการตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งของโฉนดที่ดินดังกล่าวจากเว็บไซต์ของกรมที่ดินพบว่าอยู่ในหมู่บ้านดังพื้นที่ติดกับแปลงของบริษัท ยัน ยู พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด โดย ทั้ง 3 แปลงอยู่ติดต่อกัน (ดูภาพ)

สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า นิติบุคคลทั้ง 3 รายจดทะเบียนจัดตั้งในปลายปี 2565 ทุนจดทะเบียนแห่งละ 4 ล้านบาท มีบุคคลสัญชาติจีนและเตอร์กิซ/เติร์ก เป็นกรรมการและถือหุ้นใหญ่ล่าสุด

Cr.สำนักข่าวอิศรา

20/11/2024

อีกดอก🤫🤫🤫

20/11/2024

ดีเด็ด...ตำรวจพระ✅️🧡

💥 #เตือนอย่างเป็นทางการทางการมาเลเซียแจ้งเตือนห้ามเดินทางเข้าออกประเทศอย่างผิดกฎหมาย เริ่ม 1 ธ.ค.67 นี้พล.ต.ท. ดาโต๊ะ มู...
20/11/2024

💥 #เตือนอย่างเป็นทางการ
ทางการมาเลเซียแจ้งเตือนห้ามเดินทางเข้าออกประเทศอย่างผิดกฎหมาย เริ่ม 1 ธ.ค.67 นี้

พล.ต.ท. ดาโต๊ะ มูฮัมหมัดยูโซฟ บิน มามะ ผู้บัญชาการตำรวจรัฐกลันตันประเทศมาเลเซียแถลงการณ์การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดสำหรับการเดินทางเข้า-ออก ไทย-มาเลเซีย อย่างผิดกฎหมาย ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 นี้

ทั้งนี้ได้ระบุว่าตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 ทางการมาเลเซียจะมีมาตรการตรวจสอบเส้นทางตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ตามชายแดนต้องเข้มงวด ทั้งชาวมาเลเซียและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวมาเลเซียที่เดินทางเข้าไปประเทศไทย ที่ข้ามไป-มา ตามท่าเรืออย่างผิดกฎหมาย เมื่อข้ามไปแล้วกลับเข้ามา หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบให้จับกุมทันที

ในการเดินทางเข้า-ออก ประเทศไทย-มาเลเซีย ขอให้ใช้บอเดอร์พาสหรือพาสปอร์ตเท่านั้น
เพราะสามารถตรวจค้นบุคคล และสัมภาระ ตามพิธีการตรวจคนเข้าเมือง เพื่อหลีกเลี่ยงการนำสิ่งเสพติดหรืออาวุธต่างๆ กลับไปยังประเทศมาเลเซีย ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้

ดังนั้นขอเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดนเข้มงวดในการปฏิบัติหน้าที่ และให้เป็นไปตามกฎหมาย โดยจะปฏิบัติการตรวจสอบการเดินทางเข้าออกของชาวมาเลเซียและชาวต่างชาติตามช่องทางธรรมชาติอย่างเข้มงวดหากพบจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้น

ขณะที่ผู้ประกอบการในพื้นที่อำเภอสุไหงโก-ลก ต่างรู้สึกกังวลกับแนวทางปฏิบัติดังกล่าวเนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการอนุโลมให้ประชาชนเดินทางโดยใช้จุดผ่อนปรนท่าข้ามริมฝั่งแม่น้ำโก-ลกในการเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศ โดยฝั่งไทยได้เปิดจุดผ่อนปรนให้เดินทางเข้า-ออก มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงตรวจสอบและควบคุมการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในจุดที่กำหนด ซึ่งหากมีการเข้มงวดในเรื่องนี้จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างกับผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมร้านอาหาร และงานบริการด้านต่างๆในภาพรวมทั้งระบบ เพราะวิถีชีวิตเมืองชายแดนส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านจะเดินทางมากิน เที่ยว และจับจ่ายซื้อสินค้าแบบเช้าไปเย็นกลับ หรือ นอนค้างแรม1-2 คืนแล้วกลับ ขณะที่คนไทยจะใช้เส้นทางจุดผ่อนปรนสำหรับการเดินทางไปเรียนหนังสือ และ เยี่ยมญาติ
Cr.ประยุทธ์ สิวายะวิโรจน์

 #วันนี้สมัครวันสุดท้าย✅️🧡
20/11/2024

#วันนี้สมัครวันสุดท้าย✅️🧡

ประชาสัมพันธ์ข่าวการเปิดรับสมัครและคัดเลือกบุคคลภายนอก เพื่อบรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวน ประจำปี พ.ศ.2566 และประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 (จำนวน 6,321 อัตราโดยจะเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 21-29 พ.ศ.67

💥ศึกชิงเก้าอี้ แม่ทัพนครบาล ‘นพศิลป์-นัยวัฒน์’ ลุ้นกันโค้งสุดท้าย✅️"นายกฯ อิ๊งค์" ถือฤกษ์จัดทัพสีกากี ถก ก.ตร. 20 พ.ย.นี...
18/11/2024

💥ศึกชิงเก้าอี้ แม่ทัพนครบาล ‘นพศิลป์-นัยวัฒน์’ ลุ้นกันโค้งสุดท้าย✅️

"นายกฯ อิ๊งค์" ถือฤกษ์จัดทัพสีกากี ถก ก.ตร. 20 พ.ย.นี้ เปิดโผ “นายพลใหญ่” จับตา "เก้าอี้แม่ทัพนครบาล" นพศิลป์-นัยวัฒน์ คู่ชิงคุมเมืองหลวง “ไตรรงค์” น้องชาย เสธ.หิ โยกคุม ปส. "วีรชน" จ่อคุมหน่วยตำรวจป่า "กฤษฎา" ผบช.ภ.3 "กฤตธาพล-กิติศักดิ์ -ปิยะวัฒน์" อยู่ที่เดิม

จับตาแต่งตั้ง “นายพลสีกากี” นายกฯ อิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร นัดประชุมแต่งตั้ง รอง ผบ.ตร.-ผบช. วาระประจำปี 2567 วันที่ 20 พ.ย.นี้ ใช้กฎเหล็กตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ครั้งแรก แบ่งการแต่งตั้งเป็น 2 ขยัก ตามสูตร “นายพลใหญ่” กับ “นายพลเล็ก”

โดยปีนี้ รอง ผบ.ตร. ว่าง 4 ตำแหน่ง,
ผู้ช่วย ผบ.ตร. ว่าง 7 ตำแหน่ง,
ผบช. ว่าง 14 ตำแหน่ง,
รอง ผบช. ว่าง 41 ตำแหน่ง และ
ผบก. ว่าง 71 ตำแหน่ง
ไม่นับรวมโยกสลับระนาบเดียวกันกว่า 200 ตำแหน่ง

✅️ระดับ รองผบ.ตร.-ผู้ช่วยผบ.ตร. ไม่มีปัญหา วางตัวเรียงตามอาวุโส โดย รองผบ.ตร. 4 ตำแหน่ง มีการเสนอชื่อ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขึ้น รอง ผบ.ตร. มี
👍“บิ๊กจวบ” พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข นรต.รุ่น 39 เกษียณอายุราชการ ปี 2568,
👍“บิ๊กไมค์” พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี นรต.รุ่น 43 เกษียณอายุราชการ ปี 2571,
👍“เดอะแจง” พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง นรต.รุ่น 41 เกษียณอายุราชการ ปี 2569 และ “ดอกเตอร์หวาน”
👍พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. เกษียณอายุราชการ ปี 2570 และหากเป็นเช่นนี้เท่ากับว่า หลัง “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ เกษียณอายุราชการในปี 2569 แคนนิเดต “ผบ.ตร.” คนที่ 16 จะมีชื่อ “ด็อกเตอร์หวาน” พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. เกษียณอายุราชการ ปี 2570 และ “บิ๊กไมค์” พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี นรต.รุ่น 43 เกษียณอายุราชการ ปี 2571 เนื่องจาก รองผบ.ตร.ท่านอื่นเกษียณอายุราชการไป รวมถึงในอนาคตจะมี ผู้ช่วยผบ.ตร. 3-4 คน ที่จะขยับขึ้นมาเป็น รองผบ.ตร. ทดแทนผู้เกษียณราชการหลังปี 2569

ระนาบ ผบช. ขึ้น ผู้ช่วย ผบ.ตร. 7 ตำแหน่ง มี 👍“บิ๊กเสือ” พล.ต.ท.ธนพล ศรีโสภา จรต.(หน.จต.) นรต.รุ่น 44,
👍“บิ๊กจ้าว” พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. นรต.รุ่น 40,
👍พล.ต.ท.อภิชาติ เพชรประสิทธิ์ ผบช.ส. นรต.รุ่น 40,
👍พล.ต.ท.กฤษฎา สุรเชษฐพงษ์ ผบช.สกบ. นรต.รุ่น 42,
👍พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. นรต.รุ่น 43,
👍พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2 นรต.รุ่น 42 และ
👍พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 นรต.รุ่น 41

ขณะที่เก้าอี้ “ผบช.” ที่ปีนี้ลุ้นกันมัน ว่าง 14 ตำแหน่ง เก้าอี้ทำเลทองต่างถูกจับจ้องกันตาเป็นมัน อีกทั้งจับตากลุ่มอาวุโส รองผบช. ที่ได้สิทธิติด พล.ต.ท. มี
👍พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รองผบช.ภ.6 (นรต.41),
👍พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษณ์ รองผบช.สตม.(นรต.41),
👍พล.ต.ต.วราวุธ สกลธนารักษ์ รองผบช.สตส.,
👍พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รองผบช.ภ.2 (นรต.42),
👍พล.ต.ต.อาทิชา เปาอินทร์ รองผบช.ภ.7 (นรต.44),
👍พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รองผบช.ภ.5 (นรต.43) และ
👍พล.ต.ต.สุรจิต ชิงนวรรณ์ รองผบช.ภ.2 (นรต.43) ที่พร้อมจะสอดแทรกมาชิงตำแหน่งหลัก หากได้แรงหนุนจากขั้วการเมือง

โดยระดับ ผบช. โฟกัสไปที่ “เก้าอี้แม่ทัพเมืองหลวง” เนื่องจาก “บิ๊กจ้าว” พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. นรต.รุ่น 40 จำต้องขยับขึ้น ผู้ช่วยผบ.ตร. เดิมมีชื่อ “เดอะเม่น” พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย จเรตำรวจ (นรต.48) จ่อสไลด์คุมเมืองหลวง โดยมี “จารย์นพ” พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น.(นรต.46) เป็นตัวสอดแทรก นอกจากนี้ยังจับตาอาจมีชื่อ “บิ๊กตุ้ย” พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 (นรต.40) สายตรงพรรคเพื่อไทยที่ “นายใหญ่” ส่งตรงมาคุมเมืองหลวง อาจเป็นม้ามืดโยกคืนถิ่นเก่า แม้เจ้าตัวจะปฏิเสธก่อนหน้าก็ตาม

ในส่วนของตำแหน่ง ผบช. อื่นๆ นั้น เก้าอี้ “เอราวัณ1” ตัวเต็ง พล.ต.ท.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ จเรตำรวจ (จตร.) จ่อโยกมา ผบช.ภาค 1 ถิ่นเก่า โดยมี พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบช.ภาค 6 (นรต.41) สายตรง “เนติบริกร” นายวิษณุ เครืองาม ส่งเข้าประกวด

ในส่วนตำรวจภูธรภาค 2 คาดว่าจะมีการเสนอชื่อ “บิ๊กปิ่น” พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.(นรต.47) ดูทำเลภาคตะวันออก แต่ต้องวัดพลังกับ “เจ้าถิ่น” อย่าง พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภาค 2 ด้านภูธรภาค 3 ปรากฏชื่อ พล.ต.ท.กฤษฎา กาญจนอลงกรณ์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. (นรต.47) มาตั้งแต่ไก่โห่แรงหนุนดีจากขั้วการเมืองสายสีน้ำเงินแบเบอร์มาแบบชนิดเต็งจ๋า

ขณะที่ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. (นรต.41) ได้แรงส่งดีไปขึ้นภาค 4 ดูพื้นที่อีสานตอนบน โดยมีคู่ชิง คือ “เดอะโต้ง” พล.ต.ต.พิทักษ์ อุทัยธรรม รอง ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.(นรต.48) ด้าน “บิ๊กตุ้ย” พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภาค 5 (นรต.42) สายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับขั้วรัฐบาล แรงหนุนดีได้รับความไว้ใจให้อยู่ที่เดิม เช่นเดียวกับ “บิ๊กกบ” พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผบช.ภาค 6 (นรต.41) ที่ยังคงได้รับความไว้ใจอยู่ที่เดิมเช่นกัน

ภูธรภาค 8 เจ้าของเก้าอี้เก่าอย่าง “เดอะพงษ์” พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 (นรต.42) ยังคงได้แรงหนุนจากการเป็นสายตรง “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีตผบ.ตร. ไว้ใจให้อยู่ที่เดิม แต่มี “เดอะเม่น” พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย จตร.(นรต.48) เป็นตัวสอดแทรก หากพลาดเก้าอี้แม่ทัพนครบาล ขณะที่ พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภาค 9 (นรต.42) ได้รับความไว้ใจให้อยู่ที่เดิมดูแลพื้นที่ปลายด้ามขวาน

ขณะเดียวกันแม่ทัพไซเบอร์ วัดพลังระหว่าง “บิ๊กเบิร์ด” พล.ต.ต.มณฑล บัวจีบ รอง ผบช.ส.(นรต.43) และ พล.ต.ต.มนเทียร พันธ์อิ่ม รองผบช.สอท. (นรต.41) แม่ทัพข่าวกรองขับเคี่ยวกันสนุกระหว่าง พล.ต.ต.วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์ รอง ผบช.ส. และ พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบช.ก. ซึ่งรายหลังนั้นครองตำแหน่งแค่ 2 ปี แต่ฝีไม้ลายมือไม่ต้องพูดถึงได้รับมอบหมายทำภารกิจสำคัญบ่อยครั้ง คาดว่าอาจฝ่าด่านอรหันต์ติดยศ พล.ต.ท.

ขณะที่แม่ทัพด่านตรวจคนเข้าเมือง “เดอะแรก” พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบช.สกพ.(นรต.41) สายตรงขั้วการเมืองก๊วนสระแก้วส่งเข้าประกวด คาดโยกมา ผบช.สตม. โดยมี พล.ต.ท.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.(นรต.42) และ “เดอะปู” พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษณ์ รองผบช.สตม. (นรต.41) เป็นตัวสอดแทรก เช่นเดียวกับ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร.(นรต.46) น้องชาย เสธ.หิ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ คาดโยกมา บช.ปส. ดูแลงานยาเสพติด หากอกหักก็มีเก้าอี้ จรต.(หน.จต.) ปลอบใจ ขณะที่หน่วยนักรบป่าชั่วโมงนี้ชื่อของ พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5 (นรต.41) แรงไม่ตก แต่ก็ประมาทไม่ได้ เพราะคู่ต่อกรมี “เดอะบุ้ง” พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รองผบช.ตชด. (นรต.48) ที่หมายมั่นตำแหน่งนี้เช่นเดียวกัน

ขณะที่ พล.ต.ท.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบช.รร.นรต.(นรต.40) อาจจะขยับออกจากรั้วสามพราน พลันส่งสัญญาณคัดตัวเก้าอี้ “ครูใหญ่” คนใหม่ให้ผู้แสดงวิสัยทัศน์เพื่อเข้ารับการพิจารณาเป็นผู้สมควรดำรงตำแหน่ง โดยปีนี้มีผู้ท้าชิง 3 ราย มี รศ.พล.ต.ต.กิตติ์ธนทัต เลอวงศ์รัตน์ รองผบช.ศ.(นรต. 40) พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รองผบช.สอท.(นรต.46) พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รองผบช.ภ.6 (นรต.41) โดยนัดแสดงวิสัยทัศน์วันที่ 19 พ.ย.นี้

และเป็นที่น่าสังเกตเก้าอี้สำคัญๆ ส่วนใหญ่เป็นคนสนิทของกลุ่มการเมืองฝั่งรัฐบาลเป็นหลัก แวดวงการสีกากีต่างรู้ดีว่า ชั่วโมงนี้ถนนทุกสายมุ่งสู่ “ไชนิ่งมูน” ซึ่งว่ากันว่าไม่เพียงแต่ส่งตั๋วเท่านั้น หากใครถูกเรียกดูตัวย่อมมีสิทธิสมหวัง อีกอึดใจเดียวจะได้เห็นโฉมหน้าแม่ทัพหน่วย ในยุค “บิ๊กต่าย” กุมบังเหียนใต้ร่มเงารัฐบาลเพื่อไทย.

Dailynews - เดลินิวส์ออนไลน์

 #จริงใจหรือไก่กา???ตาชั่งพันดาว : ทักษิณ-บิ๊กต่าย ลั่น แต่งตั้งตำรวจไม่เสียเงิน หมดยุคกินเลือดกินเนื้อกันเอง✅️🧡⦁…“ผู้คน...
18/11/2024

#จริงใจหรือไก่กา???
ตาชั่งพันดาว : ทักษิณ-บิ๊กต่าย ลั่น แต่งตั้งตำรวจไม่เสียเงิน หมดยุคกินเลือดกินเนื้อกันเอง✅️🧡

⦁…“ผู้คนจะยอมรับความเป็นผู้นำของคุณก็ต่อเมื่อคุณรู้จักยกย่องความสำเร็จของคนที่อยู่เบื้องหลัง และพร้อมรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้น” คำคม เนลสัน แมนเดลา ประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของแอฟริกาใต้

⦁…ดีเลย์ ฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจปีนี้ล่าช้า เพราะรอให้กฎ ก.ตร.ครบ 180 วัน เก้าอี้ ผบ.ตร.คนที่ 15 กว่าจะได้ปาไปวันที่ 7 ตุลาคม แล้ว ปกติปลายกรกฎาคมได้เบอร์ 1 เรียบร้อยแล้ว คิวต่อไป “นายพลใหญ่” 20 พฤศจิกายน ที่ประชุม ก.ตร.เคาะบัญชี และขยักต่อไปเป็น “นายพลเล็ก” ต้นเดือนธันวาคม

⦁…ประกาศิต “คุณพ่อประธาน ก.ตร.” ทักษิณ ชินวัตร ประกาศกลางเวทีหาเสียงชิงนายก อบจ.อุดรธานีว่า ยุค นายกฯแพทองธาร ต่อไปนี้จะไม่มีการใช้เงินในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ที่ผ่านมา 17 ปี ตอนที่ตัวเองไม่อยู่เมืองไทยเหล่าบรรดาสีกากีต้องเสียเงิน ถือเป็นเรื่องเลวร้ายในสังคมไทยสงสารตำรวจ และเมื่อไม่ใช้เงินซื้อตำแหน่งแล้ว ยาเสพติดจะหายไปไม่ยาก

⦁…หลักเดียวกัน สิ้นคำพูด “อดีตนายกฯทักษิณ” ปรากฏว่าผู้นำอาณาจักรโล่เงิน บิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ บอกทันทีว่าหลักคิดของตัวเอง แม้ไม่มีใครพูดเรื่องซื้อขายเก้าอี้ ในเส้นทางที่เติบโตมา จะไม่ให้มีการเสียเงินเสียทอง ไม่ให้มีการกินเลือดกินเนื้อกันเอง พร้อมประกาศว่า ถ้าใครทำ เอาเรื่องแน่นอน การแต่งตั้งต้องไม่ให้มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นคำประกาศจาก “พิทักษ์ 1”

Advertisement

⦁…ส่งโผล่วงหน้า พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ฉายา “กูรู ก.ตร.” ยกหลักธรรม “พุทธทาสภิกขุ” ถ้าวันนี้ถูกต้อง ก็ไม่ต้องกลัวพรุ่งนี้ ร่อนหนังสือถึง พล.ต.ท.อนุชา รมยะนันทน์ เลขาฯก.ตร. ให้ส่งบัญชีแต่งตั้ง “นายพล” พร้อมประวัติ และเหตุผลประกอบการพิจารณา มาให้ ก.ตร.ก่อนวันประชุม เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ, พ.ร.บ.ตำรวจใหม่ และกฎ ก.ตร. ที่ต้องมีธรรมาภิบาล ความโปร่งใส งานนี้หลายคนแอบถอนหายใจ ไม่เคยมีธรรมเนียม แต่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กลัวโผหลุด แล้ววิ่งกันต่อไม่เลิก ป่วนแน่

⦁…พ่อไมโครเวฟ “สารวัตรแจ๊ะ” พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. หนึ่งในตัวตึง โครงการ Cyber Booster # สร้างภูมิสู้ภัยไซเบอร์ ให้ความรู้สร้างภูมิคุ้มกันโจรออนไลน์ มุขหลอกใหม่ “ฟีลแฟน” ในโปรไฟล์สาวสวยหนุ่มหล่อ ทำดีสารพัดหล่อเลี้ยงหัวใจด้วยความรักให้ชุ่มชื่น 2 สัปดาห์แล้วเข้าสู่กระบวนการหลอกลงทุน สารวัตรเล่าลื่นจนโดนแซวไหนบอกว่าพูดไม่เก่ง ถือเป็นตำรวจอินฟลูเอนเซอร์ตัวจริงตามนโยบาย “บิ๊กต่าย” ขนาดคนซึมเศร้ายังบอก พ่อฮีลใจได้ ขอเป็นแฟนตัวยง กลัวฆ่าตัวตายไปแล้ว ไม่ได้ดูคลิปสารวัตรแจ๊ะซะงั้น

⦁…ห้ามอม “บิ๊กต่าย” เซ็นคำสั่งด่วนที่สุด ปรับเพิ่มเบี้ยเลี้ยงในงบปี’68 ทั้งค่าน้ำมันให้เพียงพอกับปฏิบัติงาน ค่าเบี้ยเลี้ยง ที่พัก และพาหนะ ระดับรอง ผกก.-ผบ.หมู่ กำชับเบิกจ่ายให้ถึงผู้ปฏิบัติโดยตรง อย่าให้เกิดร้องเรียนว่าไม่ได้รับเงินอย่างเด็ดขาด

⦁…อาลัยตำรวจกล้า ส.ต.ต.สิทธิพงศ์ กันตา ผบ.หมู่ (ป.) สภ.สะเอียบ จ.แพร่ เสียชีวิตจากตามจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่กระโดดหนีลงแม่น้ำผาอิง ได้กระโดดลงน้ำทั้งเครื่องแบบแล้วว่ายน้ำตามจับกุมตัว จนจมน้ำเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ถือว่ากล้าหาญ เป็นวีรกรรมที่น่ายกย่อง ผบ.ตร.ปูนบำเหน็จขอเลื่อนเงินเดือนให้ 3 ขั้น เลื่อนยศเป็น จ.ส.ต. รวมทั้งการบรรจุทายาทตามสิทธิ และมีเงินช่วยเหลือเกือบ 1 ล้านบาท

⦁…ประเดิม ทนายตั้ม อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ตกเป็นผู้ต้องหา โดน เจ๊อ้อย แจ้งความดำเนินคดี ปมเงิน 71 ล้านบาท มีคำร้องฝากขัง พนักงานสอบสวนบรรยายตอนหนึ่งว่า การกระทำทนายดัง เป็นความผิดฐานฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ด้วยนั้นอัยการท่านหนึ่งเลคเชอร์ให้ฟังว่า เป็นคดีแรกที่เคยเห็น ไม่ค่อยพบใครถูกแจ้งข้อหานี้ “ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ” นำกฎหมาย 2 ฉบับผสมกัน กล่าวคือ ข้อหาฉ้อโกง เป็นความผิดที่อยู่ในกฎหมายอาญา โดยมีแต่เฉพาะการฉ้อโกงบุคคลทั่วไปมาตรา 341 กับการฉ้อโกงประชาชนตามมาตรา 343 โดยคำว่า การฉ้อโกงเป็นปกติธุระ อยู่ในกฎหมายฟอกเงิน เป็นมาตรการดำเนินคดีกับผู้โอน รับโอน ทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด และการยึดอายัดทรัพย์สิน “ปกติธุระ” อาจมีความหมายว่า เป็นบุคคลผู้มีหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการมรดกหรือผู้จัดการทรัพย์สิน แล้วกระทำการ ฉ้อโกง โดยหลอกลวง แล้วเอาไปซึ่งทรัพย์สินของบุคคลอื่นไปจำนวนหลายครั้งเป็นอาจิณ

⦁…จนมุม “ผู้การจ๋อ” พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สั่งทีมสืบนครบาล รวบ ปวิชญา ไทยสมบูรณ์สุข หรือ “ครู NEWtsbs” ติวเตอร์ชื่อดังย่านสีลม ได้ที่หน้าคอนโดฯ แห่งหนึ่งใน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ได้หลอกร่วมลงทุนเปิดโรงเรียนติว อีกทั้งอ้างช่วยหาข้อสอบ SAT ให้เด็กติวเข้าเรียนมหาลัยดังก่อนหลบหนี เสียหายกว่า 2 ล้านบาท ตรวจสอบประวัติอาชญากรรม พบเคยถูกดำเนินคดีในฐานข้อมูล 4 คดี ปี’58 ถูกจับกุมข้อหาปลอมเอกสารสิทธิ เอกสารราชการ ท้องที่ สภ.คลองหลวง ภ.จว.ปทุมธานี และมีหมายจับ3 หมาย ศาลแขวงพระนครใต้…⦁
Cr.matichon online

🎯ผู้การตรัง เผยสำนวนคดี ฟิล์ม-พี่ชาย ถูกแจ้งความหลอกลงทุน สูญ 62 ล้าน 4 ปีก่อนจากกรณีเหตุการณ์ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนแรง...
16/11/2024

🎯ผู้การตรัง เผยสำนวนคดี ฟิล์ม-พี่ชาย ถูกแจ้งความหลอกลงทุน สูญ 62 ล้าน 4 ปีก่อน

จากกรณีเหตุการณ์ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงในขณะนี้ ในกรณีคลิปเสียงนักร้องหนุ่มรีดเงิน 20 ล้าน จากบอสดิไอคอนกรุ๊ป ที่ ฟิล์ม รัฐภูมิ นักร้องชื่อดัง ออกมายอมรับว่าเป็นเสียงของตัวเองจริง นอกจากนี้ อี้ แทนคุณ ประธานชมรมสันติประชาธรรม ยังได้ออกมาแฉเพิ่มอีกว่า นอกจากประเด็น 20 ล้านบาทแล้ว ยังมีอีกประเด็นคือ การหลอกลงทุนชาวจังหวัดตรัง มูลค่าความเสียหายกว่า 60 ล้านบาท แต่ประเด็นดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีดิไอคอนกรุ๊ป พร้อมกับเผยว่านักตบทรัพย์ชายรายนี้มีพฤติกรรมหลอกลวงให้คนลงทุน โดยผู้เสียหายได้มีการเข้าแจ้งความเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น

กระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ฟิล์ม รัฐภูมิ ได้เปิดใจผ่านรายการลุยชนข่าว ของช่อง 8 ถึงประเด็นปมเงิน 60 ล้าน ว่าไม่เกี่ยวข้องกับตน โดยเป็นธุรกิจที่พี่ชายของนายฟิล์ม รัฐภูมิ ไปทำกันเองแล้วโดนเพื่อนโกง ซึ่งพี่ชายก็รับภาระหนี้มาในส่วนส่วนหนึ่ง จากนั้นคดีก็ถูกส่งไปที่พนักงานสอบสวนและมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง จากนั้นพอไปถึงชั้นอัยการก็มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องเช่นกัน

ล่าสุด พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ให้สัมภาษณ์ว่า จากกรณีที่มีข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับคุณฟิล์ม รัฐภูมิ ที่มีกระแสดังอยู่ในขณะนี้ ปรากฏว่ามีผู้เสียหายเป็นหญิงชาวพื้นที่จังหวัดตรังเพียงคนเดียวที่มาแจ้งความ เป็นเคสที่เกิดตั้งแต่ปี 2563 ก่อนที่ตนเองจะมารับตำแหน่ง ซึ่งหลังจากปรากฏเป็นข่าว ตนได้ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดคดีนี้...

ปรากฏว่าได้มีผู้เสียหายเป็นหญิงชาวจังหวัดตรังมาแจ้งความร้องทุกข์ มอบคดีกับพนักงานสอบสวนของ สภ.เมืองตรัง ไว้เมื่อเดือนมกราคม ปี 2563 เพื่อให้ดำเนินคดีผู้ถูกกล่าวหามีจำนวน 6 คน ในจำนวน 6 คนนี้มีพี่ชายของนายฟิล์ม รัฐภูมิ และตัวฟิล์ม รัฐภูมิด้วย ซึ่งพนักงานสอบสวนในขณะนั้นได้รับคำร้องทุกข์ไว้ดำเนินคดี มีการสอบสวนปากคำไปเรียบร้อย

สำหรับมูลค่าความเสียหายที่ผู้เสียหายแจ้งว่าได้ถูกฉ้อโกงไปประมาณ 62 ล้านบาทเศษ โดยลักษณะของการหลอกให้ลงทุนสกุลเงินสกุลหนึ่ง โดยจะได้รับผลตอบแทนที่มีมูลค่าสูงหลายเท่า แต่หลังจากที่ลงทุนไปแล้วปรากฏว่าไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คุยกันไว้ ก็เลยมาร้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวน

พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์กล่าวอีกว่า ที่พนักงานสอบสวนได้สอบสวนปากคำไปตามลำดับก็ได้มีการออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 6 รายมารับทราบข้อกล่าวหา แต่ในจำนวน 6 รายที่ถูกกล่าวหา มีเพียง 1 รายที่มาพบพนักงานสอบสวนและได้รับทราบข้อกล่าวหา คือพี่ชายของนายฟิล์ม โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาเป็นเรื่องฉ้อโกง หลังจากนั้นก็มีการผัดฟ้อง ซึ่งคดีฉ้อโกงจะต้องมีการผัดฟ้อง มีกรอบระยะเวลาในการดำเนินการอยู่ ฟ้องไปจนกระทั่งใกล้จะครบระยะเวลาในการผัดฟ้องแล้ว ซึ่งผู้ถูกกล่าวหารายอื่นก็ยังไม่มาพบ ด้วยเงื่อนเวลาที่จำกัดพนักงานสอบสวนเลยมีความเห็นทางคดีสั่งฟ้อง เฉพาะผู้ต้องหารายแรก คือพี่ชายนายฟิล์มที่มารับทราบข้อหาไปก่อน และส่งสำนวนคดีให้อัยการเมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม 2563

ตำรวจเร่งทำคดีในปีเดียวกัน หลังจากที่ส่งสำนวนให้อัยการไปไม่นาน ไม่เกิน 1 เดือน อัยการก็ส่งสำนวนคืนกลับมาให้พนักงานสอบสวนพิจารณามีความเห็นในส่วนของผู้ถูกกล่าวหารายอื่นให้ครบถ้วนไปในคราวเดียวกันด้วย หมายความว่า ที่ผู้เสียหายแจ้งความมอบคดีไว้ประมาณ 6 คน ตอนนี้พนักงานสอบสวนสั่งฟ้องไปเพียงแค่รายเดียว ก็ให้พนักงานสอบสวนมาพิจารณามีความเห็นทั้ง 6 คนเลยว่าจะสั่งฟ้องหรือจะอย่างไร

พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์กล่าวว่า หลังจากได้สำนวนจากทางอัยการคืน พี่ชายนายฟิล์มที่ถูกสั่งฟ้องไปแล้วได้ให้ทนายความมายื่นพยานหลักฐาน โดยเป็นพยานหลักฐานระบุการที่ผู้เสียหายได้มีการมอบหมายบุคคลหนึ่งไปพูดคุยติดตามทวงเงินคืนจากกลุ่มผู้ถูกกล่าวหา โดยผู้เสียหายมอบหมายให้บุคคลคนนี้ไปทวงเงินมาก่อนและเกิดขึ้นเมื่อประมาณเดือนตุลาคม 2562 และอ้างว่าผู้เสียหายรับทราบเรื่องนี้มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ดังนั้นผู้เสียหายมาร้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวนในเดือนมกราคม 2563 ทนายฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาจึงแย้งว่าถือว่าเกินระยะเวลาในการร้องทุกข์มอบคดี เป็นเหตุให้คดีขาดอายุความในการร้องทุกข์ตั้งแต่แรก เนื่องจากอายุความร้องทุกข์ฐานถูกฉ้อโกงตามหลักกฎหมายจะต้องแจ้งความดําเนินคดีภายใน 3 เดือนนับตั้งแต่ทราบเรื่องและรู้ตัวผู้หลอก เมื่อมีหลักฐานปรากฏดังกล่าวตำรวจก็เลยทำการสอบสวนในประเด็นนี้ โดยได้เรียกพยานในการทวงเงินดังกล่าว พบว่าได้มีการพูดคุยเจรจากัน ก็เป็นที่มาที่ผู้เสียหายทราบเรื่องนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว และได้มีการสอบสวนปากคำผู้เสียหายเพิ่มเติม

“สุดท้ายพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวน และมีความเห็นทางคดี 6 รายที่ถูกกล่าวหา โดยเห็นว่าคดีขาดอายุความในการร้องทุกข์ ประกอบกับในระหว่างนั้นผู้เสียหายเองก็ได้มาถอนคำร้องทุกข์ในบางราย โดยมาถอนไป 3 ราย ซึ่งเป็นในระดับโปรแกรมเมอร์เขียนระบบในการเทรด และอ้างว่าได้รับการชดใช้ในบางส่วนแล้วจากผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 รายแล้ว มีเจตนาที่จะรับผิดชอบ พอเห็นว่าเงินที่พี่ชายคุณฟิล์มไปพูดคุยและได้เงินมา ไม่ได้นำมาลงทุน หรือมาทำโปรแกรมอะไรนี้จริงๆ ทางโปรแกรมเมอร์ก็คืนเงินเท่าที่สามารถคืนได้ ทำให้ผู้เสียหายพอใจ ก็เลยถอนคำร้องทุกข์ใน 3 รายนี้ แต่ยังดำเนินคดีเพียงแค่ 3 รายเท่านั้น คือพี่ชายนายฟิล์มและตัวนายฟิล์ม แต่ในสำนวนสุดท้ายสรุปสำนวนสั่งไม่ฟ้อง โดยอ้างเหตุขาดอายุความ จากนั้นตำรวจได้ส่งเรื่องกลับไปให้กับพนักงานอัยการภาค 9 พิจารณาต่อว่าเห็นควรหรือจะสั่งเพิ่มเติมมาอย่างไร นับตั้งแต่นั้นสำนวนก็ไปอยู่ที่พนักงานอัยการ ปัจจุบันยังก็ไม่มีคำสั่งจากพนักงานอัยการมาว่าจะให้สอบเพิ่มเติม หรือมีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง หรือไม่อย่างไร” พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์กล่าว

พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์กล่าวว่า ในประเด็นของการขาดอายุความในการร้องทุกข์มอบคดี เนื่องจากว่าคดีฉ้อโกงเป็นคดีต่อส่วนตัว ซึ่งตามกฎหมายกำหนดอายุความในการร้องทุกข์มอบคดีให้กับพนักงานสอบสวนไปดำเนินคดีจะต้องไม่เกินระยะเวลา 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องของการทำกระทำความผิดนี้ ดังนั้นถ้าหากว่ากรณีนี้ ผู้เสียหายทราบเรื่องการกระทำความผิดนี้ตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2562 ก็ควรจะต้องมาร้องทุกข์มอบคดีให้กับพนักงานสอบสวนดำเนินคดีไม่เกินสิ้นปี 2562 หรือไม่เกินระยะเวลา 3 เดือนนับแต่วันที่รู้เรื่องของการกระทำความผิดเกิดขึ้น เมื่อปรากฏว่ามาร้องทุกข์ในเดือนมกราคมปี 2563 ทำให้เกินระยะเวลาในการร้องทุกข์ คือเกินระยะเวลา 3 เดือน เป็นเหตุให้คดีนี้ขาดอายุความ ไม่สามารถที่จะดำเนินคดีได้ตามข้อกฎหมาย

พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์กล่าวว่า ทั้งนี้ปัจจุบันยังไม่ปรากฏว่ามีผู้เสียหายรายอื่นเกี่ยวกับคดีนี้ มีเพียงแค่รายนี้รายเดียวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งลักษณะเหมือนกับว่าผู้เสียหายรายนี้ได้ไประดมทุนจากคนอื่นๆ มา เหมือนกับหุ้นกันร่วมกัน แล้วรวมกันเป็นก้อน ได้เงินจำนวน 62 ล้านบาท แล้วนำมาลงทุน แล้วผู้เสียหายรายอื่นที่ถูกระดมทุนก็ยังไม่มีเข้ามาแจ้งความแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังทราบอีกว่าผู้เสียหายเคยมีประวัติเป็นผู้ต้องหาในคดีลักษณะเดียวกันมาก่อน โดยเมื่อปลายปี 2562 เคยมีบุคคลอื่นมาแจ้งความกล่าวโทษว่าผู้เสียหายในรายนี้ได้เคยไปฉ้อโกงประชาชนระดมเงินผู้อื่นมาลงทุนกับตัวเองเหมือนกัน ได้มีบุคคลที่อ้างว่าถูกหลอกมาแจ้งความดำเนินคดีกับตัวผู้เสียหายเองเช่นกันก่อนหน้าที่ผู้เสียหายมาแจ้งความกล่าวหาพี่ชายนายฟิล์มฉ้อโกง 62 ล้านบาทในปี 2563 ซึ่งถือว่าอยู่ในช่วงใกล้เคียงกันทั้ง 2 เหตุการณ์ ผู้เสียหายเลยโวยวายว่าที่ตัวเองถูกดำเนินคดีในเรื่องก่อนนั้น เพราะตัวเองก็ถูกหลอกมาจากกลุ่มของพี่ชายนายฟิล์มเหมือนกัน เหมือนหลอกกันไปหลอกกันมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหญิงสาวชาวตรังผู้เสียหายที่มาแจ้งความกล่าวโทษพี่ชายนายฟิล์มและตัวนายฟิล์ม รวมถึงพวกรวม 6 คน มูลค่าความเสียหายสูงถึง 62 ล้านบาท เมื่อเดือนมกราคม 2563 นั้น ชื่อนางสาววัชรี (สงวนนามสกุล) ชาวอำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง มีดีกรีเป็นเจ้ามือแชร์รายใหญ่ในพื้นที่อันดามัน ตรัง-กระบี่ ยอดแชร์วงละหลายล้านบาท มีการระดมทุนจากเครือข่ายจำนวนมากในโลกออนไลน์

นอกจากนี้ยังขึ้นชื่อเป็นนักระดมทุนเพื่อลงทุนเทรดเงินสกุลดิจิทัล “วันคอยน์” อีกด้วย ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อใหม่ และยังคงดำเนินธุรกิจระดมทุนเพื่อนำไปลงทุนจัดสรรผลกำไรต่อไป ทั้งนี้ในวงการลงทุนแชร์เมืองตรัง ให้ข้อมูลว่า เครือข่ายพี่ชายนายฟิล์มมีบทบาทในการเข้ามาชักชวนลงทุนเทรดหุ้นออนไลน์ต่างประเทศในพื้นที่จังหวัดตรังเป็นอย่างมาก ในช่วงปี 2562-2563 โดยมีเครือข่ายนายหน้าชักชวนผู้คน หรือดาวน์ไลน์อย่างเป็นระบบ โดยมีทั้งข้าราชการและประชาชนหลงเชื่อร่วมลงทุนเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่หลักพันถึงหลักล้าน โดยมีการระดมทุนผ่านแม่ข่ายหรือดาวน์ไลน์ที่บางคนเป็นข้าราชการใหญ่ในจังหวัด ก่อนจะส่งเงินที่รวบรวมได้ไปยังเครือข่ายพี่ชายนายฟิล์มในขั้นสุดท้าย

อย่างไรก็ตาม แม้จะถือว่าขาดอายุความการกล่าวโทษในฐานฉ้อโกงไปแล้ว แต่ขณะนี้ขึ้นกับการพิจารณาของพนักงานอัยการภาค 9 ว่าเห็นควรดำเนินการต่อไปหรือไม่อย่างไร

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ราวเดือนมีนาคม 2562 นายฟิล์ม รัฐภูมิ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งโฆษกพรรคการเมืองหนึ่ง และได้ลงพื้นที่จังหวัดตรังด้วยตัวเองบ่อยครั้ง โดยนายฟิล์มเป็นโต้โผหลักร่วมลงพื้นที่หาเสียงให้กับผู้สมัคร ส.ส.ตรังจากพรรคการเมืองหนึ่งอย่างต่อเนื่อง ทั้ง 3 เขตเลือกตั้งที่พรรคส่งผู้สมัคร ก่อนวันเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 24 มีนาคม 2562 โดยมีชาวบ้านผู้ชื่นชอบดารานักร้องมาร่วมพบปะถ่ายภาพจำนวนมาก พร้อมให้การต้อนรับนายฟิล์ม
Cr.Matichon online
The Police Magazine Thailand

16/11/2024

📣 เช็กเลย!!
เริ่ม 21 พ.ย. นี้
รับสมัครตำรวจ 6,321 อัตรา ตรวจสเปก รายละเอียด คลิกอ่าน
https://policeadmission.thaijobjob.com

🎯พังงา-ตำรวจ สภ.เขาหลักจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยววันลอยกระทงปี67และพร้อมปฎิบัติตามนโยบายของ ผบ...
15/11/2024

🎯พังงา-ตำรวจ สภ.เขาหลักจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยววันลอยกระทงปี67และพร้อมปฎิบัติตามนโยบายของ ผบ.ตร. ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวไทย-ต่างชาติร่วมลอยกระทงอย่างคึกคัก
เมื่อวันที่ 15 พ.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในวันลอยกระทง67 ที่บริเวณเรือ ต.813 แหล่งท่องเที่ยวเขาหลัก ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา พ.ต.อ.จิระวัฒน์ สาระรัมย์ ผกก.สภ.เขาหลัก ได้มอบนโยบายการปฎิบัติภารกิจเพื่ออำนวยความสะดวกปล อดภัยแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ย่านเขาหลัก โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองผู้นำหมู่บ้าน อาสาสมัคร ร่วมกันปฎิบัติภารกิจ
โดยมีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ แห่เที่ยวงานลอยกระทงกันเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก เพื่อร่วมกันขอขมาพระแม่คงคา ความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว ขณะที่ห้องพักตามโรงแรมถูกจองกว่า 70 - 80 % ซึ่งเทศบาลตำบลคึกคักได้จัดสถานที่ ลำคลอง บริเวณอนุสรณ์สถาน เรือ ต. 813 ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมกันนำกระทงมาลอยช่วงเทศกาลวันลอยกระทง ปีนี้พบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจมาร่วมลอยกระทงมากเป็นพิเศษ ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมประเพณีลอยกระทงต่างจะมีความเชื่อว่า เป็นการขอขมาพระแม่คงคา เพราะได้อาศัยน้ำดื่มและใช้ บ้างก็เพื่อลอยทุกข์โศกโรคภัย และสิ่งไม่ดี ซึ่งคล้ายกับพิธีลอยบาปของพราหมณ์ รวมทั้งเชื่อว่าเป็นการลอยเคราะห์ อีกด้วย
ทั้งนี้ พ.ต.อ.จิระวัฒน์ สาระรัมย์ ผกก.สภ.เขาหลัก ยังได้เน้นย้ำนโยบายตามผู้บังคับบัญชา พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปีนี้ห้ามมีการขาย จุดโคมลอย ห้ามยิงปืนขึ้นฟ้า ห้ามเล่นการพนัน ทุกชนิด ตรวจสถานประกอบการห้ามจำหน่ายแอลกอฮอร์แก่เด็กอายุต่ำกว่า 18 หากพบผู้กระทำความผิดจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดเพื่อสร้างความมั่นใจ ความปลอดภัย ความสงบสุขแก่ผู้ร่วมกิจกรรมในวันลอยกระทงปีนี้อย่างเต็มที่.......................
ศักดิ์สิทธิ์ ประทีป/พังงา รายงาน

15/11/2024

✅️🧡

15/11/2024

ตำรวจเป็นพระเอก🧡🧡🧡

🎯 #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขานรับนโยบายรัฐบาล แถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมในช่วงเทศกาล  #วันลอยกระทง ประจำปี พ.ศ.2567เมื...
15/11/2024

🎯 #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขานรับนโยบายรัฐบาล แถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมในช่วงเทศกาล #วันลอยกระทง ประจำปี พ.ศ.2567
เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร. ) แถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมในช่วงเทศกาลวันลอยกระทง ประจำปี พ.ศ.2567 ณ ห้องประชุม ศปก.ตร.ชั้น 20 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วมแถลง
เนื่องด้วยวันนี้ 15 พฤศจิกายน 2567 เป็นวันลอยกระทง ประจำปี พ.ศ.2567 และรัฐบาลกำหนดแนวทางการจัดงาน “ลอยกระทง วิถีไทย ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” ซึ่งเป็นงานเทศกาลที่จะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยภาพรวมการจัดงานทั่วประเทศมี 3,592 แห่ง (กรุงเทพมหานคร 121 แห่ง และจังหวัดอื่น ๆ 3,471 แห่ง) แบ่งเป็นพื้นที่การจัดงานขนาดใหญ่จำนวน 74 แห่ง ใช้กำลังตำรวจกว่า 30,000 นาย ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กำหนดมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม มาตรการป้องกันและบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับพลุ ประทัด และดอกไม้เพลิง มาตรการคุ้มครองเด็ก การรักษาความสงบเรียบร้อย การบริหารจัดการพื้นที่ ตรวจตราท่าน้ำ ท่าเรือต่าง ๆ และมาตรการอำนวยความสะดวกการจราจร ในช่วงวันลอยกระทง โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ห้างสรรพสินค้า สถานีขนส่งต่าง ๆ จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย และระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศร่วมกันกวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภท ในห้วงวันที่ 8-14 พฤศจิกายน 2567 ผลการดำเนินการ ดังนี้
1. อาชญากรรมทั่วไป ✅️
- ความผิดเกี่ยวกับการพนัน ยาเสพติด คนเข้าเมือง และสถานบริการ : รวมจับกุม 26,392 คดี ผู้ต้องหา 27,284 คน มูลค่าตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินในคดี 61,466,470 บาท ในส่วนคดียาเสพติด สามารถตรวจยึดของกลาง ยาบ้า 62,895,138 เม็ด ,ไอซ์ 461,292 กรัม , เคตามีน 570,469 กรัม , เฮโรอีน 115.33 กิโลกรัม , ฝิ่น 135 กรัม , ยาอี 1,663 เม็ด , โคเคน 13 กรัม , กัญชา 4.4 กิโลกรัม และน้ำกระท่อม 144,000 มิลลิลิตร
- ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน : รวมจับกุม 1,446 คดี ผู้ต้องหา 1,405 คน ของกลางอาวุธปืนสงคราม 2 กระบอก อาวุธปืนไม่มีทะเบียน 920 กระบอก อาวุธปืนมีทะเบียน 197 กระบอก วัตถุระเบิด 35 ลูก พลุ/ดอกไม้ไฟ 4,174 ดอก เครื่องกระสุนปืน 6,292 นัด รวมมูลค่า 2,442,231 บาท
2. อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ✅️
- ความผิดเกี่ยวกับการหลอกลวงออนไลน์ด้านการเงิน หลอกลวงจำหน่ายสินค้าออนไลน์และสินค้าผิดกฎหมาย เผยแพร่ข่าวปลอม ล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก และพนันออนไลน์ : รวมจับกุม 2,362 คดี ผู้ต้องหา 2,350 คน มูลค่าตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินในคดี 18,924,237 บาท

- ความผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 รวมจับกุม 295 คดี ผู้ต้องหา 277 คน มูลค่าตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินในคดี 3,968,083 บาท
.
3. จับกุมบุคคลตามหมายจับ รวม 3,080 หมายจับ ✅️

สำนักงานตำรวจแห่งชาติยืนยันมีความพร้อมในทุกพื้นที่ ติดตามสถานการณ์ และการจัดงานเทศกาลลอยกระทง เข้มงวดกวดขัน ปราบปราม แก้ไขปัญหาอาชญากรรมอย่างจริงจัง ทั้งนี้ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวในการป้องกันอาชญากรรมหรืออันตรายที่จะเกิดขึ้นในช่วงวันลอยกระทง หากต้องการความช่วยเหลือ หรือมีเบาะแส เรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับอาชญากรรมต่าง ๆ สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 191 หรือสายด่วน 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

#ลอยกระทง
#ลอยกระทง2567
#สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

The Police Magazine Thailand

15/11/2024

🎯 #เชิญเทศบาลนครหาดใหญ่ ศึกษาดูงานเทศบาลเมืองคอหงส์ครับ🤣🤣🤣

ผบ.ตร.ไม่ขอก้าวล่วงคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ชี้เป็นการดำเนินการทางวินัยตำรวจทุกนายต้องปฏิบัติภายใต้กฎ ก.ตร. เตรียมตั้งรองผบ...
15/11/2024

ผบ.ตร.ไม่ขอก้าวล่วงคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ชี้เป็นการดำเนินการทางวินัยตำรวจทุกนายต้องปฏิบัติภายใต้กฎ ก.ตร. เตรียมตั้งรองผบ.ตร. สอบวินัยร้ายแรง “บิ๊กโจ๊ก”

#ข่าวหน้า1 #หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ #ไทยรัฐออนไลน์

https://www.thairath.co.th/news/local/2825685

💥‘บิ๊กต่าย’ แถลง ‘บช.ปส.’ สกัดจับยาบ้า 41 ล้านเม็ด ตามยึดทรัพย์กว่า 270 ล้าน✅️🧡พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. แถลงผ...
15/11/2024

💥‘บิ๊กต่าย’ แถลง ‘บช.ปส.’ สกัดจับยาบ้า 41 ล้านเม็ด ตามยึดทรัพย์กว่า 270 ล้าน✅️🧡

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. แถลงผลงาน ตำรวจ ปส. สกัดกั้นเครือข่ายค้ายาเสพติดล็อตใหญ่ ยึดยาบ้ากว่า 41 ล้านเม็ด ยึดทรัพย์อีกกว่า 270 ล้านบาท

เมื่อ 14 พ.ย.67 ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. แถลงผลการจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญของ บช.ปส. จำนวน 5 คดี ยึดยาบ้า 41 ล้านเม็ด และ ไอซ์ 17 กก. ยึดทรัพย์กว่า 270 ล้านบาท

✅️โดยคดีแรก เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 นำกำลังเข้าสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดของเครือข่าย ซึ่งมีพฤติการณ์ลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่แนวชายแดน ด้าน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เพื่อนำไปส่งต่อให้กับกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่ตอนในของประเทศ กระทั่งเวลาประมาณ 20.20 น. ตำรวจจพบความเคลื่อนไหวรถของกลุ่มเครือข่าย 2 คัน ในลักษณะขับนำและตามกันออกมา ทิ้งระยะห่างประมาณ 5 กม. ผ่านเทศบาลตำบลทุ่งข้าวพวง ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และพบว่าบริเวณท้ายกระบะมีสิ่งของบรรทุกอยู่เต็มคันคลุมด้วยผ้าพลาสติกสีเขียวลักษณะผิดปกติ

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำรถยนต์ปิดกั้นเส้นทางบริเวณถนนหมายเลข 1178 หน้ากองร้อยตำรวจตะเวนชายแดนที่ 335 ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ต่อเนื่องบริเวณริมถนนขนบท ชม.3024 ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และบริเวณริมถนนหมายเลข 1249 ก่อนถึงจุดตรวจสามแยกดอยอ่างขาง ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.ชียงใหม่ พร้อมส่งสัญญาณให้หยุดรถ เพื่อแสดงตัวขอตรวจค้นรถกระบะติดโครงเหล็กทั้ง 2 คัน พบคนขับ และผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 3 คน ตรวจค้นพบยาบ้า 8,999,800 เม็ต และ ไอซ์ 17 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในท้ายกระบะรถยนต์ จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

✅️คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ตำรวจ กก.1 บก.ปส.3 ร่วมกับ ตำรวจ บก.ขส. และเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทางทหาร ร่วมกันสืบสวนเครือข่ายผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนด้าน จ.หนองคาย เข้าสู่พื้นที่ตอนใน เวลาประมาณ 00.40 น. พบความเคลื่อนไหวของรถในเครือข่ายซึ่งไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านหลัง ขับขี่อยู่บนถนมิตรภาพ มุ่งหน้าพื้นที่ตอนใน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดตาม เพื่อสกัดกั้นรถคันดังกล่าว

เมื่อรถขับไปถึงบริเวณ หมู่ที่ 3 ต.โพธิ์สาม อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นทางโค้งประกอบกับไม่มีไฟทาง ทำให้รถยนต์คันกล่าวเสียหลักพลิกคว่ำตกลงไหล่ทาง ก่อนที่ตำรวจจะเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ 2 คน จากการตรวจค้นรถพบยาบ้า 5,034,000 เม็ด บรรจุในกระเป้าซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะเพื่ออำพราง ด้วยการทำทีว่าเป็นรถส่งน้ำแข็ง เพื่อเลี่ยง การตรวจสอบ ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

✅️คดีที่ 3 ตำรวจ กก.2 บก.สกส. ได้เฝ้าติดตามสืบสวนกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญของ นายชัดเจนกับพวกพบว่า มีพฤติการณ์ลักลอบนำยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดน อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย นำมาส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ปริมณฑล กระทั่งวันที่ 10 พ.ย.67 เวลาประมาณ 22.50 น. พบเคลื่อนไหวของเครือข่ายโดยพบมีการใช้รถยนต์ 3 คัน ขับขี่ในลักษณะคาราวาน และใช้เส้นทางหลบเลี่ยงด่านตรวจ ผ่านจ.เชียงราย,พะเยา,ลำปาง,แพร่สุโขทัย,พิจิตร มุ่งหน้าพื้นที่ จ.นครสวรค์ จนเมื่อใกล้ถึงด่านตรวจยานพาหนะพยุทะคีรี จ.นครสวรรค์ รถหมายต้องสัยได้เลี้ยวเข้านั้นน้ำมันน้ำมันปตท. เขาเขียว ถ.พหลโยธิน ต.นครสวรค์ออก อ.เมือง จ.นครสวรค์

กำลังตำรวจจึงเข้าตรวจสอบทันทีพบ นายสุพจน์ เป็นคนขับรถ ตรวจสอบภายในรถพบกระสอบต้องสงสัย 32 กระสอบ ภายในบรรจุยาบ้าจำนวน 8,000,000 เม็ด ถูกซุกซ่อนภายในท้ายกระบะแครี่บอย และภายในห้องโดยสารด้านหน้าของรถ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 2 ชุด สามารถจับกุม นายบำรุงศักดิ์ ได้ภายในปั้ม ปตท.เขาทอง ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ซึ่งทำหน้าที่ขับรถนำทางและคุ้มกัมกันรถลำเลียงยาเสพติด และ นายชัดเจบ จับกุมได้บริเวณด่านตรวจยานพาหนะพยุหะศรี หลังขับรถคอยสำรวจเส้นทาง ก่อนจะคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย พร้อมของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

✅️คดีที่ 4 ตำรวจ กก.3 บก.สกส.สืบทราบว่าจะมีเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือ ด้าน อ.เชียงแสน เพื่อส่งให้ลูกค้าตามสั่งการของผู้ว่าใบพื้นพื้นที่ราคกลาง และปริมเฑล จำนวนมากโดยจะใช้รถยนต์ 2 คันในการลำเลียง ใช้เส้นทางจากพื้นที่ชายแดน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย – จ.พะเยา – จ.แพร่ -จ.สุโขทัย และวันที่ 8 พ.ย.67 พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มรถยนต์ดังกล่าว ขับเข้าไปจอดภายในหนองบัวรีสอร์ท ต.ป่าสัก อ.เชียงแสน จว.เชียงราย ชุดจับกุมจึงเข้าตรวจสอบ และตรวจค้นรถยนต์ทั้งสองคัน จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 2 คน ทำหน้าที่ขับรถนำทาง ส่วนอีก 2 คนที่ขับรถยนต์ซุกช่อนยาเสพติด อาศัยความมืดหลบหนีไปได้ ผลการตรวจค้นรถพบยาบ้า 1,299 มัด รวมประมาณ 2,598,000 เม็ด วางอยู่ภายในห้องโดยสารด้านหลังคนขับและที่เก็บสัมภาระท้ายรถยนต์ และอยู่ระหว่างการประสานหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ต่อไป

ทั้งนี้ยังมีการการขยายผลจากการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ซึ่งผู้ต้องหารายนี้ได้ลักลอบส่งยาเสพติดโดยบรรจุในกล่องกระดาษส่งทางพัสดุภัณฑ์ผ่านระบบ Logistics เพื่อส่งต่อลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ โดยนำข้อมูลคดีมาทำการวิเคราะห์ ในทุกมิติพร้อมขยายผลหาเครือข่ายที่ยังมีความเคลื่อนไหวอยู่อย่างต่อเนื่องกระทั่งสามารถจับกุมเครือข่ายได้เพิ่ม

✅️คดีสุดท้าย สืบเนื่องเมื่อวันที่15 กย. 67 ตำรวจจับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางไอซ์ 2 กก. ก่อนจะขยายผลจับกุมบุคคลในเครือช่ายเพิ่ม 3 คน พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 6 ล้านเม็ด และ ไอซ์ 191 กก.ในพื้นที่ บก.น9 จากนั้น ตำรวจ บก.ชส. และ กก.4 บก.สกส. ได้ทำการสืบสวนขยายผลเพิ่มจมจนทราบว่ายังมีกลุ่มบุคคลในเครือข่ายนี้ พยายามลักลอบลำเสียงยาเสพติดจากพื้นที่กทม. ลงไปในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยใช้บริษัทขนส่งเอกชนในพื้นที่แสมดำ เขตบางทุนเทียนลำเสียงของกลาง

ตำรวจจึงจัดชุดเฝ้าติดตาม จนสามารถตรวจยึดยาบ้าได้ 1,200,000 เม็ด เมื่อวันที่ 26 ต.ค.67 ที่ผ่านมา ก่อนจะสืบสวนขยายผล จนสามารถจับกุม 3 ผู้ต้องหา ซึ่งทำหน้าที่รับยาเสพติดของกลาง ในพื้นที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และควบคุมตัวไปตรวจค้นบ้านเช่า พบยาบ้าอีก 900,000 เม็ดในพื้นที่ อ.พรหมศรี จ.นครศรีรรรมราช ซึ่งเป็นหนึ่งในบ้านเช่าของผู้ต้องหา คุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

✅️🧡สำหรับการปราบปรามยาเสพติดของ บช.ปส. ตั้งแต่ 1 ต.ค.67 – 13 พ.ย.67 สามารถจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดทุกคดีได้ 125 คดี ผู้ต้องหา 141 คน ของกลางยาเสพติด คือ ยาบ้า 41,615,738 เม็ด, ไอซ์ 1,704 กก, เฮโรอีน 28 กก., คีตามึน 190 กก. และ ยึดอายัดทรัพย์ผู้ค้ายาเสพติด 264,096,353 ล้านบาท

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ภายใต้นโยบายนายกรัฐมนตรี ประกาศเมื่อ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา เน้นไปที่การปราบปรามยาเสพติดให้หมดสิ้นไป ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการดำเนินการอย่างเป็นระยะ ในรอบเดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นมามีการจับกุมได้รวม 5 คดีและวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา สามารถจับกุมได้มากถึง 9 ล้านเม็ด โดยทั้ง 5 คดี ยืนยันลักลอบมาจากประเทศเพื่อนบ้านทั้งสิ้น

ส่วนที่ว่ามีการจับกุมเยอะแสดงว่าแพร่ระบาดมีเยอะด้วยหรือไม่นั้น ส่วนนี้ อยากให้เปลี่ยนความคิดที่ว่าถ้าจับมากแสดงว่ามันเยอะขึ้น แต่อยากให้มองว่า ยาเสพติดนั้น วงจรของมันคือการลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งพื้นที่ที่ติดแนวชายแดนเป็นระยะทางยาว มีช่องทางธรรมชาติจำนวนมาก การลักลอบนั้น ผู้ผลิตนอกประเทศมีความพยายามจะใช้ประเทศไทยเป็นที่พัก หรือเป็นที่ผ่านอยู่แล้ว แต่เมื่อมีข้อมูลด้านการข่าว ตำรวจก็ต้องมีการประสานงานบูรณาการเพื่อปราบปรามจับกุม แต่หากหลุดรอดมาได้ ก็ต้องมีการสกัดจับทุกช่องทาง ทั้งทางน้ำ ทางอากาศทางบก มีการประสานงานกันตามยุทธวิธีทุกกระบวนการ.

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบ.ตร.ยังเปิดเผยถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้ออกมาประกาศสงครามกับยาเสพติดขณะลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ว่า ที่ผ่านมาตำรวจได้ระดมกำลังกวาดล้างยาเสพติดซึ่งถือเป็นนโยบายหลักของนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว ส่วนคำพูดของนายทักษิณจะเป็นการส่งสัญญาณหรือส่งนัยยะหรือไม่ ส่วนตัวไม่ขอวิเคราะห์หรือวิจารณ์ เพราะเป็นคำพูดบุคคลใดบุคคลหนึ่งเพียงเท่านั้น แต่ตำรวจจะขอปฏิบัติตามหน้าที่เพื่อป้องกันปราบปรามตามนโยบายของรัฐบาล รวมถึงนโยบายที่ตัวเองเคยประกาศไว้ภายใต้หลักคิด ยาเสพติดต้องหมดไป ส่วนกรณีที่ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากพบยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดใด ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนั้น ๆ จะต้องถูกลงโทษ

ผบ.ตร.ยืนยันว่า ที่ผ่านมาตำรวจมีตัวชี้วัดคือผลงานการจับกุมยาเสพติดและดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง กว่า 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งผลการปฏิบัติการดังกล่าวถือว่ามีผลสัมฤทธิ์และประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่หาก พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนรู้เห็นหรือเรียกรับผลประโยชน์ก็จะดำเนินการทางวินัยและทางปกครองตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าการจับกุมได้มากไม่ได้หมายถึงการที่ประเทศไทยมีฐานการผลิต แต่ยาเสพติดดังกล่าวเป็นยาเสพติดที่พบถูกลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักรตามแนวชายแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ ซึ่ง ที่ผ่านมาตำรวจได้ประสานงานร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อให้ทำการสกัดกั้นทุกช่องทางตามยุทธวิธี และเร็ว ๆ นี้ #ตำรวจจะเปิดปฏิบัติการทลายผู้ค้ารายย่อย_ซึ่งแฝงตัวอยู่ตามชุมชนหมู่บ้านต่อไป

Cr.dailynews online
The Police Magazine Thailand

ที่อยู่

140/19 Vipavadee20/4, Jatujak
Bangkok
10900

เบอร์โทรศัพท์

+66646972962

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ The Police Magazine Thailandผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง The Police Magazine Thailand:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์

Our Story

นิตยสาร เผยแพร่กิจกรรมและผลงานตำรวจทั่วไทย ด้วยเชื่อมั่นว่า... "ตำรวจดีดี มีมากกว่าตำรวจเลว" ขอเป็นสื่อให้ตำรวจดีดี ได้มีที่ยืน ได้ภาคภูมิใจในอาชีพ และองค์กรของตน "รักตำรวจ หรือ เกลียดตำรวจ ต้องติดตาม The POLICE Magazine"


บริษัทด้านสื่อ/ข่าวสาร อื่นๆใน Bangkok

แสดงผลทั้งหมด