Brand Buffet Business Marketing Creativity
อ่านเพลินๆ http://www.brandbuffet.in.th/
Call +66971494428 +66896666228
(131)

ส่งหมายงานแถลงข่าว / ติดต่อโฆษณา >> [email protected]
Tel : 097-149-4428

26/08/2024

‘หลานม่า’
ฉายในจีน 4 วัน
โกยรายได้แล้ว 170 ล้าน
หลังจากก่อนหน้านี้
ทำเงิน 1,200 ล้าน

รับตลาดสะดวกซัก APAC โต “อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้” ทุ่ม 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายโรงงานไทยอัลไลแอนซ์ ลอนดรี้ (ALS) เผยทิศทางตลา...
26/08/2024

รับตลาดสะดวกซัก APAC โต “อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้” ทุ่ม 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายโรงงานไทย
อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้ (ALS) เผยทิศทางตลาดร้านสะดวกซักในเอเชียแปซิฟิกโตเพิ่มตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใช้บริการมากขึ้น ประกาศลงทุนกว่า 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 152 ล้านบาท) ขยายโรงงานในประเทศไทย หวังเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด และตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 เครื่องซัก-อบผ้าอุตสาหกรรมระดับโลก
ทิศทางการเติบโตของเครื่องซัก-อบผ้าอุตสาหกรรมยังโตต่อเนื่อง โดยคุณเบนจามิน ลีโอ ดอบส์ กรรมการผู้จัดการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้ ซิสเต็มส์ แอลแอลซี (Alliance Laundry Systems LLC) หรือ ALS เผยว่า ตลาดเอเชียแปซิฟิก (APAC) นับว่าเป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพสูง มีการเติบโตในหลายประเทศ อาทิ ประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ที่มีการขยายตัวของจำนวนร้านสะดวกซักเพิ่มมากขึ้น โดยส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงหันมาใช้บริการร้านสะดวกซักกันเป็นจำนวนมาก หรือแม้แต่ในประเทศไทยก็เช่นเดียวกันที่ผู้บริโภคต่างหันมาใช้บริการกันมากขึ้น เพราะเล็งเห็นถึงความสะดวกสบาย อีกทั้งช่วยประหยัดเวลา จึงส่งผลให้ผู้ประกอบการในไทยทำการขยายทั้งขนาดของร้านรวมถึงจำนวนเครื่อง
“ในปี 2568 เราคาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดร้านสะดวกซักยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายรวมของตลาด APAC ในปี 2567 นี้ จำนวน 4,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะบุกตลาดทั้งในประเทศเวียดนาม, กัมพูชา, ลาว, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งนับเป็นกลุ่มตลาดใหม่ และเพื่อรองรับต่อการเติบโตของ ALS บริษัทฯ ได้ทุ่มงบประมาณกว่า 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับขยายห้องปฏิบัติการใหม่ในโรงงานประเทศไทย เพื่อขยายขีดความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมสร้างสรรค์สินค้าใหม่ ๆ และบริการที่ดีที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด”
คาดปี 2567 โต 9%

ด้านคุณสุกรี กีไร ผู้อำนวยการฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้ ซิสเต็มส์ แอลแอลซี กล่าวว่า สำหรับในประเทศไทย ALS นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีร้านสะดวกซักที่ใช้เครื่องของ ALS ทั่วประเทศอยู่ที่ประมาณ 3,489 ร้าน และคาดว่าเพิ่มขึ้นอีก 9% ภายในสิ้นปี 2567 โดย ALS สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 70% ของจำนวนร้านสะดวกซักทั้งหมด 5,007 ร้าน ของมูลค่าตลาดรวมประมาณ 13,500 ล้านบาท

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.brandbuffet.in.th/2024/08/alliance-laundry-invests-152-million-to-expand-thai-factory/

#ร้านสะดวกซัก #โรงงาน

26/08/2024

นักอ่านไทย
เปลี่ยนจากกระดาษ
อ่านอีบุ๊ก 42%
มูลค่าตลาด 5,700 ล้าน

แฟนคลับ 'สายเปย์' ดันมิวสิคเฟสติวัล-คอนเสิร์ต พุ่ง 600 งาน GMM Show ส่ง 4 ทีมโชว์บิซโกยรายได้ 'พันล้าน'ธุรกิจโชว์บิซ-มิว...
26/08/2024

แฟนคลับ 'สายเปย์' ดันมิวสิคเฟสติวัล-คอนเสิร์ต พุ่ง 600 งาน GMM Show ส่ง 4 ทีมโชว์บิซโกยรายได้ 'พันล้าน'
ธุรกิจโชว์บิซ-มิวสิค เฟสติวัล ในประเทศไทยกลับมาฟื้นตัวหลังโควิด เข้าสู่จุดพีคตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ที่มีจำนวนรวม 600 งาน ทั้งไทยและต่างประเทศ มาปี 2567 ตลาดนี้ยังพีคได้อีก โดยเฉพาะศิลปิน-ไอดอลเกาหลี ที่มีงานคอนเสิร์ต แฟนมีต แฟนคอน ต่อเนื่องแทบทุกสัปดาห์
หากดูสถิติปี 2566 คนไทยซื้อบัตรดูมิวสิค อีเวนท์ เฉลี่ย 3 ครั้งต่อปีต่อคน การใช้จ่ายเงินแต่ละกลุ่มแตกต่างกัน อย่าง มิวสิค เฟสติวัล (เอาท์ดอร์) ค่าบัตรเฉลี่ย 1,000 บาท หากเป็นคอนเสิร์ต ศิลปินเกาหลี ราคาบัตรสูงสุด 6,500 บาท ถือเป็นเรื่องปกติ (หากเป็น VIP ที่มีเบเนฟิตด้วยราคาก็จะสูงกว่านั้น)
สรุปปี 2566 ธุรกิจมิวสิค อีเวนต์ มีมูลค่า 9,000 ล้านบาท แบ่งเป็น มิวสิค เฟสติวัล 2,000 ล้านบาท คอนเสิร์ต 7,000 ล้านบาท และโชว์บิซ อื่นๆ 1,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นศิลปินต่างชาติกว่า 50%
ปีนี้แนวโน้มมิวสิค อีเวนต์ทุกประเภทเพิ่มจำนวนมากกว่าปีก่อน ที่เห็นได้ชัด "มูลค่า" สูงขึ้น จากราคาบัตรแพงขึ้น ปัจจัยหลักมาจากการแข่งขันประมูลจัดงานคอนเสิร์ต แฟนมีต แฟนคอน ของไอดอลเกาหลี มีต้นทุนเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% ทำให้ราคาตั๋วต้องปรับขึ้นไปด้วย
เห็นได้ว่า ตั๋ว VIP ศิลปินเกาหลีและฝั่งตะวันตก ใบละ 10,000 บาท เป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้ยังมีการจ้างกดบัตรและรีเซลบัตร ในคอนเสิร์ตของศิลปินเบอร์ใหญ่ๆ เพราะมีผู้ชมจากต่างประเทศมาดูด้วย ทำให้มีดีมานด์สูง
#แฟนด้อมสายเปย์
ป๋าเต็ด ยุทธนา บุญอ้อม Senior Executive Vice President - Showbiz GMM SHOW บริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่าธุรกิจโชว์ยังเป็นตลาดที่เติบโตได้ต่อเนื่อง เพราะไม่ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร "งบประมาณ" สำหรับความบันเทิง โดยเฉพาะการดูคอนเสิร์ตจะถูกกันไว้ต่างหาก เป็นสิ่งที่ทุกกลุ่มมองเป็นของจำเป็นต้องจ่าย เพราะเสน่ห์ของโชว์บิซ ไม่สามารถแทนที่ด้วยอย่างอื่น
พฤติกรรมของแฟนด้อมศิลปิน เรียกว่าเป็น "สายเปย์ทุกกลุ่ม" ไม่ว่าจะเป็นไอดอลเกาหลี ที-ป็อป ลูกทุ่ง การเปย์ คือ การแสดงออกถึงความรักต่อศิลปิน นอกจากซื้อบัตรคอนเสิร์ต ที่ตั๋ว VIP แพงสุดหมดก่อนเสมอ ยังซื้อเมอร์เชนไดซ์ ทำป้ายโปรโมต ส่งฟู้ดซัพพอร์ตอีกด้วย
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะยุคนี้ Physical Product ของศิลปินน้อยลง การสนับสนุนในยุคก่อนคือการซื้อเทป ซีดี เมื่อเปลี่ยนปกใหม่ก็ซื้อใหม่ แต่ยุคนี้เป็นการซื้อตั๋วคอนเสิร์ต พอศิลปินทำเมอร์เชนไดซ์ก็สนับสนุนซื้อทุกอย่าง ศิลปินมีงานก็ส่งฟู้ดซัพพอร์ต เลี้ยงทีมงาน เป็นการดูแลทางใจ เป็นการแสดงออกถึงความรักอีกรูปแบบ พฤติกรรมสายเปย์เกิดขึ้นกับศิลปินทุกกลุ่ม เพราะมีฐานแฟนของตัวเอง
"มิวสิค อีเวนต์" ถือเป็นความบันเทิงที่คนทุกวัยชื่นชอบ ทั้งคอนเสิร์ตและมิวสิค เฟสติวัลจึงมีกลุ่มเป้าหมายทุกวัย ขึ้นอยู่กับศิลปินและธีมการจัดงาน และทุกกลุ่มมีกำลังซื้อ เพราะมองว่าเป็นการใช้จ่ายเพื่อความบันเทิงของแต่ละวัย
กลุ่มวัยรุ่น ชื่นชอบงานเฟสติวัล เอาท์ดอร์ แต่เป็นกลุ่มที่หากจัดงานต้องบอกล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 เดือน เพื่อมีเวลาเก็บเงิน และเป็นกลุ่มที่มักใช้บริการผ่อนจ่ายค่าบัตร 3 เดือน

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.brandbuffet.in.th/2024/08/gmm-show-set-target-revenue-of-bt-1billion-in-2024/

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE : https://lin.ee/jv1JAk4
Youtube : https://www.youtube.com/brandbuffet
X : https://twitter.com/brandbuffet

McDonald’s ลงทุนเพิ่ม 1 พันล้านยูโร ผุดร้านแนวใหม่ “Drive To” 200 แห่งMcDonald’s เปิดแผนใหญ่มูลค่า 1 พันล้านเหรียญยูโร ผ...
25/08/2024

McDonald’s ลงทุนเพิ่ม 1 พันล้านยูโร ผุดร้านแนวใหม่ “Drive To” 200 แห่ง
McDonald’s เปิดแผนใหญ่มูลค่า 1 พันล้านเหรียญยูโร ผุดร้านสไตล์ใหม่ “Drive to” กว่า 200 แห่ง เจาะตลาดสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์
เรียกว่าต้องหาช่องทางเติบโตต่อไป สำหรับ McDonald’s ในฐานะแบรนด์สัญชาติอเมริกันที่มักถูกความวุ่นวายทางการเมืองเข้ามากระทบยอดขาย โดยการประกาศลงทุนครั้งใหม่นี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทต้องถอนตัวออกจากรัสเซีย และยูเครน และทำให้ยอดขายหายไปบางส่วน การกลับมาขยายสาขาเพิ่มจึงอาจเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า McDonald’s ยังพอมีช่องทางเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ การลงทุนเพิ่มสาขาใหม่กว่า 200 แห่ง ด้วยแนวคิด Drive to นั้น พบว่า เป็นการออกแบบร้านที่มาพร้อมที่จอดรถ และมีพื้นที่นั่งรับประทานเล็กลง นอกจากนี้ ร้านในลักษณะดังกล่าวจะไม่มีบริการ Drive-Through ด้วย
บริษัทบอกด้วยว่าจะมีการลงทุนสร้างร้านที่มีขนาดเล็กเพิ่มเติม แต่ยังไม่ได้ระบุว่า เป็นร้านรูปแบบใด
ส่วนหนึ่งของการพัฒนาร้านสาขาในลักษณะดังกล่าว รวมถึงการเปิดตัวที่มากถึง 200 แห่ง (ภายใน 4 ปี) นี้ มาจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำในสหราชอาณาจักร และมีร้านจำนวนมากปิดตัวลง ซึ่งทำให้ McDonald’s ได้พื้นที่เหล่านั้นมาในราคาที่ประหยัดขึ้นนั่นเอง โดย McDonald’s บอกว่า การลงทุนใหม่รอบนี้คาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มราว 24,000 ตำแหน่ง

https://www.brandbuffet.in.th/2024/08/mcdonalds-open-200-drive-to-new-styled-restaurants/

#แมคโดนัลด์

ถึงเวลา GU บุก USA เปิด Flagship Store ใจกลางนิวยอร์ก 19 กันยายนนี้ปล่อยแบรนด์พี่ไปบุกตลาดสหรัฐอเมริกามานานหลายปี ถึงเวล...
25/08/2024

ถึงเวลา GU บุก USA เปิด Flagship Store ใจกลางนิวยอร์ก 19 กันยายนนี้
ปล่อยแบรนด์พี่ไปบุกตลาดสหรัฐอเมริกามานานหลายปี ถึงเวลาที่แบรนด์น้องของ Uniqlo อย่าง GU จะได้ฤกษ์ออกบุกตลาดสหรัฐอเมริกาแล้ว โดยมีรายงานว่า ห้างระดับ Flagship Store ของ GU จะเปิดให้บริการในย่านโซโหของนิวยอร์กวันที่ 19 กันยายนนี้
สำหรับที่ตั้งของห้างพบว่าอยู่ที่ Prince Street โดยเป็นห้างขนาดสองชั้น พื้นที่รวม 10,225 ตารางฟุต ภายในมีสินค้าทั้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า และเครื่องประดับอื่น ๆ ทั้งของผู้ชายและผู้หญิงวางจำหน่าย
ทาง GU ระบุด้วยว่า ในวันเปิดร้าน จะมีของที่ระลึกให้กับลูกค้า 300 คนแรกด้วย โดยเป็นกระเป๋า Tote ผลงานการออกแบบของ Shantell Martin รวมถึงบัตรส่วนลดต่าง ๆ นอกจากนั้น เพื่อให้การบุกตลาดสหรัฐอเมริกาครบเครื่องมากขึ้น ทางบริษัทได้เปิดตัวเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน GU รองรับพฤติกรรมการช้อปออนไลน์ด้วย
ส่วนแบรนด์พี่อย่าง Uniqlo นั้น พบว่าเปิดร้านครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาที่ย่าน Menlo Park เมื่อปี 2005 และปัจจุบันมีร้าน Uniqlo ในสหรัฐอเมริกาแล้วกว่า 50 แห่ง ใน 12 รัฐ

https://www.brandbuffet.in.th/2024/08/gu-opens-flagship-store-in-newyork/

อ่วมต้นทุน “ฟูจิชะ” สุดอั้น ร้านค้าส่ง ปรับเพิ่มราคา 1 บาท/ขวด มีผล 1 ก.ย. 67 ปรับขึ้นราคาไปอีกหนึ่ง  สำหรับชาเขียว “ฟูจ...
24/08/2024

อ่วมต้นทุน “ฟูจิชะ” สุดอั้น ร้านค้าส่ง ปรับเพิ่มราคา 1 บาท/ขวด มีผล 1 ก.ย. 67
ปรับขึ้นราคาไปอีกหนึ่ง สำหรับชาเขียว “ฟูจิชะ” หลังร้านค้าส่งรายใหญ่ทยอยประกาศปรับขึ้นราคาจำหน่าย 24 บาทต่อลัง หรือเฉลี่ย 1 บาทต่อขวด มีผล 1 ก.ย. 67 ขณะที่ร้านโมเดิร์นเทรดต้องจับตาหลังจากนี้
แหล่งข่าวร้านค้าส่งรายใหญ่แห่งหนึ่ง ออกมาระบุว่า การปรับขึ้นราคาดังกล่าวเนื่องมาจากสถานการณ์ต้นทุนสินค้าและค่าขนส่งที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ทำให้ไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นได้ หลังบริษัทในฐานะตัวแทนจำหน่ายสินค้าชาเขียวฟูจิชะได้พยายามตรึงราคาเดิมไว้มาตลอด
ดังนั้นจึงขอเรียนให้ทราบว่าทางบริษัทมีความจำเป็นต้องปรับราคาสินค้าชาเขียวฟูจิชะสูตรหวาน (Tasty) และ สูตรธรรมชาติ (Natural) โดยราคาใหม่เป็นลังบรรจุ 24 ขวด ปรับขึ้นเป็น 624 บาทต่อลัง หรือเฉลี่ยราคาขวดละ 26 บาท จากเดิมที่จำหน่ายลังละบรรจุ 24 ขวด จำหน่ายลังละ 600 บาท และมีราคาเฉลี่ยขวดละ 25 บาท
โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2567 เป็นต้นไป
ขณะที่ในช่องทางโมเดิร์นเทรดทั่วไป พบว่า ฟูจิชะ ชาเขียวพร้อมดื่ม 500 มล. ยังคงวางจำหน่ายในราคา 30 บาทต่อขวดเช่นเดิม นอกจากนี้ในช่องทางเซเว่น อีเลฟเว่น ยังจำหน่ายแบบลังละบรรจุ 24 ขวด ที่ 660 บาทต่อลัง ขณะที่ช่องอื่นๆ อาทิ Lazada จำหน่ายเฉลี่ย 715 -769 ต่อลัง หรือราาจำหน่ายเฉลี่ย 33 บาทต่อขวด
อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นราคาจากผู้ค้าดังกล่าว นับเป็นการประกาศปรับขึ้นอย่างเป็นทางการรายแรกๆ หลังที่ผ่านมา ขนส่ง เซลล์ หลายประเภทสินค้า โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มเริ่มมีการปรับขึ้นราคาจากผู้ขนส่ง หรือซัพพลายเออร์แทนเนื่องจากแบกรับต้นทุนไม่ไหว โดยบางรายมีการปรับขึ้นค่าขนส่ง (จากเซลล์ที่จำหน่ายสินค้าไปยังร้านค้า) มาบางแล้วตั้งแต่เดือน ก.ค. 67 ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มอัดลม เป็นต้น
“ที่ผ่านมาเราไม่มีการประกาศปรับอย่างเป็นทางการ และบริษัทที่เป็นเจ้าของแบรนด์ก็ยังไม่ประกาศปรับ ยังคงตรึงราคาและมีการยื้อราคาเดิมมายาวนาน แต่เป็นซัพพลายเออร์หลายๆเจ้าที่เป็นรายเล็กๆ ที่รับสินค้าต่อจากรายใหญ่ (ตัวแทนเขต) อย่างเรา ก็จะมีการอนุญาตให้ปรับขึ้นราคาเล็กน้อย โดยไม่กระทบต่อราคาขายปลีกปลายทาง และซัพพลายเออร์ก็ต้องอยู่ได้” แหล่งข่าวค้าส่งรายใหญ่ย่านดอนเมืองกล่าวกับ BrandBuffet
น่าจับตาสถานการณ์ราคาสินค้าในไทยต่อจากนี้ว่าจะเป็นอย่างไร หลังผู้ประกอบการรายย่อยเริ่มมีการปรับขึ้นราคาจำหน่ายสินค้าบางส่วนบ้างแล้ว หลังต้องทนแบกรับต้นทุนหลายอย่างที่ปรับขึ้นราคา ส่วนแบรนด์ไหนหรือเซกเมต์ใดจะเป็นรายต่อไปต้องติดตาม

#ราคาสินค้า #ชา #ชาเขียว

ครั้งแรก SF x BAMBAM ร่วมทำ Combo Set 'BAMESIS' ให้แฟนคลับสะสมโรงภาพยนตร์ในเครือ SF ชวนเหล่า "อากาเซ่" และ "แบมมี่" ต้อน...
24/08/2024

ครั้งแรก SF x BAMBAM ร่วมทำ Combo Set 'BAMESIS' ให้แฟนคลับสะสม
โรงภาพยนตร์ในเครือ SF ชวนเหล่า "อากาเซ่" และ "แบมมี่" ต้อนรับการคัมแบคมินิอัลบั้มที่ 3 "BAMESIS" ของ "แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล" ศิลปินสายเลือดไทยชื่อดังระดับโลก ด้วย SF x BAMBAM EXCLUSIVE COMBO SET ชุดคอมโบลิขสิทธิ์แท้ ดีไซน์พิเศษ เปิดจำหน่ายให้แฟนคลับได้สะสม เริ่ม 24 สิงหาคมนี้ เฉพาะที่ SF เท่านั้น
“SF x BAMBAM EXCLUSIVE COMBO SET” ถือเป็นครั้งแรกของโลกกับชุดคอมโบลิขสิทธิ์แท้ ที่ได้แรงบันดาลใจจากมินิอัลบั้มล่าสุดของ "แบมแบม" มีให้สะสม 2 แบบ ในราคา 699 บาท แต่ละชุดประกอบด้วย SUPER GIANT BUCKETถังป๊อปคอร์นไซซ์ยักษ์ขนาด 380 ออนซ์ พร้อมป๊อปคอร์น, DOUBLE WALL CUP แก้วน้ำขนาด 22 ออนซ์ พร้อมเครื่องดื่ม และ SF COLLECTIBLE TICKET
โดยเปิดจำหน่ายในวันที่ 24 สิงหาคม 2567 ที่โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ ซีเนม่า สาขาเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ เปิดจำหน่ายผ่าน Facebook SF Shop ตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2567 หลังจากนั้นวางจำหน่ายที่โรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ สาขาที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม เป็นต้นไป
คุณมิ้นท์ พิมสิริ ทองร่มโพธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการทำแคมเปญ SF x BAMBAM เป็นการร่วมฉลองให้กับมินิอัลบั้มที่ 3 ของ "แบมแบม" ในฐานะศิลปินคนไทยที่ประสบความสำเร็จในระดับโลก
"ถือเป็นครั้งแรกที่ แบมแบม ได้ทำคอมโบเซ็ตลิขสิทธิ์แท้ออกมาให้แฟนๆ ได้สะสม"
ที่ผ่านมา SF มีการทำคอมโบเซ็ตของศิลปินต่างชาติระดับโลกมาแล้วหลายราย เช่น Seventeen, NCT DREAM, Treasure และอยากทำงานร่วมกับศิลปินที่เป็นคนไทยด้วย
"การได้ร่วมงานกับ แบมแบม เป็นเรื่องน่าประทับใจ แบมแบม เป็นคนที่น่ารักมาก เต็มไปด้วยพลังบวก และมีแฟนๆ ที่รักแบมแบมเยอะมาก"

https://www.brandbuffet.in.th/2024/08/sf-x-bambam-exclusive-combo-set/

#뱀뱀 #แบมแบม

23/08/2024

ลาแล้วเมืองไทย
Food Republic
เตรียมปิดสาขาสุดท้าย เซ็นทรัล พระราม 9
วันที่ 22 พ.ย.67 นี้
ปิดฉาก 12 ปี ฟู้ดคอร์ทชาวกรุงฯ

Trip.com เปิด 5 จุดเด่น นักท่องเที่ยวจีนมองหาจาก “ประเทศไทย”Trip.com Group ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวยักษ์ใหญ่ เจ้าขอ...
23/08/2024

Trip.com เปิด 5 จุดเด่น นักท่องเที่ยวจีนมองหาจาก “ประเทศไทย”
Trip.com Group ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวยักษ์ใหญ่ เจ้าของบริการ Trip.com, CTrip.com, Skyscanner และ Qunar เปิดอินไซต์สื่งที่นักท่องเที่ยวจีนมองหาจากการท่องเที่ยว พบ 5 พฤติกรรมหลัก “ชอปปิง-ชิมอาหาร-สัมผัสวัฒนธรรม-กิจกรรมกลางแจ้ง-ถ่ายภาพ“ คือเป้าหมายหลักในการเที่ยวไทย
สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยที่กำลังคาดหวังการใช้จ่ายจากแดนมังกรมาพลิกฟื้นธุรกิจ ข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพบว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศ ประมาณ 3.44 ล้านคน ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ที่มีประมาณ 1.44 ล้านคน

ทั้งนี้ ในด้านความสนใจของนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเที่ยวเมืองไทยนั้น เมื่อเจาะลึกลงไปแล้วพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมท้องถิ่นอยู่พอสมควร โดยข้อมูลจาก Trip.com Group ระบุว่า สิ่งที่นักท่องเที่ยวจีนมองหาจากประเทศไทยนั้นประกอบด้วย 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ “ชอปปิง-ชิมอาหาร-สัมผัสวัฒนธรรม-กิจกรรมกลางแจ้ง-ถ่ายภาพ“ ซึ่งในแง่ของการชอปปิง นักท่องเที่ยวจีนมักชอบซื้อสินค้าท้องถิ่นและแบรนด์ต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้าความงามและแฟชั่น และสนใจเข้าชมวัดหรือสถานที่ทางประวัติศาสตร์ เช่น วัดพระแก้ว วัดอรุณ ตลอดจนย่านเมืองเก่าในเชียงใหม่
ในส่วนของอาหาร พบว่าเมนูที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมคือ ต้มยำกุ้ง และผัดไทย โดยพวกเขาชอบไปรับประทานตามร้านอาหารที่มีชื่อเสียง รวมถึงร้านอาหารท้องถิ่นชื่อดังด้วย
ส่วนกิจกรรมกลางแจ้ง ที่นักท่องเที่ยวจีนสนใจคือการไปเที่ยวชายหาดหรือทำกิจกรรมทางน้ำ เช่น ดำน้ำหรือเล่นน้ำที่เกาะภูเก็ต และสุดท้ายคือการถ่ายภาพเพื่อแชร์ในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะในสถานที่สวยงามและแลนด์มาร์คต่าง ๆ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.brandbuffet.in.th/2024/08/trip-com-reveals-5-highlights-chinese-tourists-look-for-in-thailand/

#นักท่องเที่ยว #จีน

23/08/2024

ปิดตำนาน
น้ำตบแพลงตอน ในไทย? Biotherm
แจ้งปิดเคาน์เตอร์ 1 ต.ค.
ขายผ่านออนไลน์ถึงสิ้นปี

The Kia EV5 “ไม่กล้า ไม่เกิด – Make A Bold Move” แคมเปญใหม่จาก “Kia” ที่ดึง “เจฟ ซาเตอร์” ถ่ายทอดความกล้าจากไลฟ์สไตล์จริ...
23/08/2024

The Kia EV5 “ไม่กล้า ไม่เกิด – Make A Bold Move” แคมเปญใหม่จาก “Kia” ที่ดึง “เจฟ ซาเตอร์” ถ่ายทอดความกล้าจากไลฟ์สไตล์จริง ผ่านบทเพลงและหนังวิดีโอ ตั้งเป้าดันแบรนด์ติด Top 5 ในใจคนรุ่นใหม่ ติดตามข้อมูลข่าวสารและกิจกรรมต่างๆ ของแคมเปญ “ไม่กล้า ไม่เกิด - Make A Bold Move” ได้ที่ https://kia-th.com/46T6NCS
อ่านบทความเพิ่มเติม : https://www.brandbuffet.in.th/2024/08/the-kia-ev5-make-a-bold-move/
#ไม่กล้าไม่เกิด

ส่องความสำเร็จ OR ปั้นโครงการพัฒนาการปลูกกาแฟยั่งยืน 'เชียงราย' ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ สร้างโอกาสเพื่อคนตัวเล็ก ชูต้นแบ...
22/08/2024

ส่องความสำเร็จ OR ปั้นโครงการพัฒนาการปลูกกาแฟยั่งยืน 'เชียงราย' ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ สร้างโอกาสเพื่อคนตัวเล็ก ชูต้นแบบขยายสู่พื้นที่อื่น
#โออาร์ #โออาร์โอกาสเพื่อสังคมสะอาด

ด้วยความเชื่อว่าธุรกิจแห่งอนาคต คือ ธุรกิจที่ผู้คนและสิ่งแวดล้อมจะเติบโตไปด้วยกัน บริษัท ปตท. น้ำมันและก...

หัวเว่ยจับมือซีพี ใช้คลาวด์-AI-IoT ช่วยวัดความสุก “ทุเรียน” แม่นยำขึ้น 91%หัวเว่ยคลาวด์ โชว์ความสามารถผ่าน 4 ผลงานที่ประ...
22/08/2024

หัวเว่ยจับมือซีพี ใช้คลาวด์-AI-IoT ช่วยวัดความสุก “ทุเรียน” แม่นยำขึ้น 91%
หัวเว่ยคลาวด์ โชว์ความสามารถผ่าน 4 ผลงานที่ประยุกต์ใช้จริง ทั้งจับมือซีพี นำ AI วัดความสุกของทุเรียนแม่นยำถึง 91% โดยไม่ทำให้เนื้อทุเรียนเสียหาย – สอนโมเดล Pangu คาดการณ์สภาพอากาศล่วงหน้า ลดเสี่ยงชาวประมงในมาดากัสการ์กว่า 600,000 ชีวิต – ติดตั้งเซนเซอร์เสียงในป่ารัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย ช่วยรักษาชีวิตนกเงือก – แจ้งเตือนตัดไม้ผิดกฎหมาย
ความสามารถของหัวเว่ยคลาวด์ที่กล่าวข้างต้นถูกนำมาบอกเล่าผ่านงาน Huawei Cloud Summit Thailand 2024 โดยคุณอาคา ได (Aka Dai) ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด หัวเว่ย คลาวด์ (Huawei Cloud) ระบุว่า “ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในเรื่องผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียน ในอดีตชาวสวนมักใช้ประสบการณ์ของตนในการตรวจสอบความสุกของทุเรียนโดยใช้วิธีการเคาะ ฟัง และดมกลิ่น แต่วิธีเหล่านี้ไม่ใช่วิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และทำให้เกิดความร่วมมือกันระหว่าง กลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ในประเทศไทย หัวเว่ย คลาวด์ และอีกหลายบริษัท นำเทคโนโลยี NIR (Near Infrared) และความสามารถ AI ของหัวเว่ย คลาวด์ ร่วมกับอุปกรณ์ IoT อัจฉริยะ เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการทำนายความสุกของทุเรียนจาก 50% เป็น 91% ได้ โดยไม่ทำลายเนื้อทุเรียน และทำให้การคัดแยกมีประสิทธิภาพมากขึ้นและคุณภาพสูงขึ้น”

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.brandbuffet.in.th/2024/08/huawei-partners-cp-use-cloud-ai-iot-measure-durian-ripeness/

#ทุเรียน

22/08/2024

ลาแล้วจริงๆ รอบนี้
Hot Pot Buffet ประกาศ
ขอปิดตำนาน
แต่เพียงเท่านี้

เอ็มจี เปิดตัว ALL NEW MG3 HYBRID+ เริ่มต้น 559,900 บาท (เฉพาะ 1,000 คันแรก)เอ็มจี เปิดตัว ALL NEW MG3 HYBRID+ พร้อมโชว์...
22/08/2024

เอ็มจี เปิดตัว ALL NEW MG3 HYBRID+ เริ่มต้น 559,900 บาท (เฉพาะ 1,000 คันแรก)
เอ็มจี เปิดตัว ALL NEW MG3 HYBRID+ พร้อมโชว์ราคาเริ่มต้น 559,900 บาท (เฉพาะ 1,000 คันแรก) หวังดึงดูดกลุ่มผู้ใช้รถที่ต้องการราคาจับต้องได้ คาดไตรมาส 4 มีสัญญาณบวก – ตลาดฟื้นตัว
การส่งรถรุ่นล่าสุด ALL NEW MG3 HYBRID+ บุกตลาด B-Segment ของบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังมาพร้อมจุดแข็งหลายด้าน เช่น อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 26.2 Km/L เทคโนโลยีไฮบริดใหม่ มาตรฐาน Global Model และพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง 293 ลิตร และขยายได้สูงสุดถึง 1,037 ลิตร
ไม่เพียงเท่านั้น การเปิดตัว ALL NEW MG3 HYBRID+ ในประเทศไทย เอ็มจี ยังเปิดโอกาสให้ผู้สนใจลงทะเบียนทดลองขับรถรุ่นใหม่นี้ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 4 ภาคทั่วไทย และมีการจัดงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ อาทิ ภาคเหนือ ที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ ศูนย์การค้าเดอะมอลล์โคราช และภาคใต้ ที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล หาดใหญ่ โดยมีกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ (งานจัดขึ้นที่สยามสแควร์วัน)
นอกจากนั้น ทางค่ายยังได้จัดทดสอบขับจริงบนท้องถนนด้วยกิจกรรม “กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ ด้วยน้ำมันถังเดียว” ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของรถเมื่อขับขี่บนถนนจริง สามารถวิ่งได้ไกลถึง 800 กิโลเมตร ต่อน้ำมันหนึ่งถังมาแล้วด้วย

สำหรับราคาอย่างเป็นทางการ

– MG 3 Hybrid+ D 559,900 บาท (ราคาขายจริง 579,900 บาท)
– MG 3 Hybrid+ X 599,900 บาท (ราคาขายจริง 619,900 บาท)

ส่วนการรับประกันคุณภาพตัวรถ มีดังนี้
– รับประกันคุณภาพตัวรถ Warranty นาน 5 ปี/120,000 km.
– รับประกันแบตเตอร์รี่ไฮบริด นาน 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
– บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ตลอด 24 ชั่วโมง
– ฟรี ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี

https://www.brandbuffet.in.th/2024/08/mg-all-new-mg3-hybrid-plus-launched-559900-baht/

#เอ็มจี

เซ็น กรุ๊ป ลุยแฟรนไชส์ ส่ง 3 แบรนด์ในเครือ “เขียง- On the Table-ลาวญวน”  บุก สปป.ลาว 5 สาขา ภายในปี 68กางแผน เซ็น กรุ๊ป ...
21/08/2024

เซ็น กรุ๊ป ลุยแฟรนไชส์ ส่ง 3 แบรนด์ในเครือ “เขียง- On the Table-ลาวญวน” บุก สปป.ลาว 5 สาขา ภายในปี 68
กางแผน เซ็น กรุ๊ป ส่ง 3 แบรนด์เรือธง “เขียง- On the Table-ลาวญวน” บุกสปป.ลาว นำร่องร้านเขียง สาขาแรก เดือนกันยายนนี้ ที่ Kolao Tower นครหลวงเวียงจันทน์ ก่อนส่ง ร้าน On the Table และ ลาวญวน ขยายเพิ่มปีหน้า วางเป้า 5 สาขาในปี 2568
ธุรกิจอาหารยังคงเป็นธุรกิจหลักของเซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป ด้วยสัดส่วนเกินกว่า 70% ของธุรกิจทั้งหมด โดยในครึ่งปีแรกของปี 2567 ที่ผ่านมา เซ็น กรุ๊ป มีรายได้รวม 2,037 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 8% จากครึ่งปีแรกของปี 2566 การเติบโตดังกล่าวทำให้ทางค่ายเริ่มมีการเปิดแผนงานในส่วนของธุรกิจร้านอาหารในเครือมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ
คืบหน้าล่าสุด เซ็น กรุ๊ป ได้ขยายการเติบโตออกไปนอกประเทศเพื่อสร้างโอกาสและการเติบโตเพิ่มมากขึ้น อีหทั้งยังเป็นการมองหาน่านน้ำใหม่ๆ ให้แก่แบรนด์ได้ขยายสาขาสร้างการเติบโตเพิ่มมากขึ้น
คุณศิรุวัฒน์ ชัชวาลย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจแบรนด์ไทย ได้ร่วมลงการลงนามเซ็นสัญญาให้สิทธิเปิดสาขาแฟรนไชส์ของเครือเซ็น กรุ๊ป ที่ประเทศลาว แก่ Kok Kok M ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง ขื่อดัง ใน สปป.ลาว ทั้ง Supermarket, Mega Mall, Convenience Store และธุรกิจอื่น ๆ ในเครืออีกมากมาย ซึ่งการร่วมมือดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายเพื่อสร้างการเติบโตระยะยาวของ เซ็น กรุ๊ป โดยเฉพาะการขยายโมเดลแฟรนไชส์ไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี ที่มีศักยภาพในการเติบโต
#“เขียง- On the Table-ลาวญวน” 3 แบรนด์เรือธงบุก สปป.ลาว
โดยจะเป็นการนำ 3 แบรนด์เรือธวงอย่าง ร้านเขียง เชนร้านอาหารตามสั่งที่หยิบเอาเสน่ห์สตรีทฟู้ดส์แบบไทยๆ มาไว้ภายในร้าน , ร้าน On the Table ร้านอาหารในสไตล์คาเฟ่ที่ให้บรรยากาศอบอุ่น สบายตา เสิร์ฟเมนูอิตาเลียน ญี่ปุ่น สไตล์โฮมเมด และร้านลาวญวน ร้านอาหารสไตล์อินโดจีน เข้าไปทำตลาดในรูปแบบแฟรนไชส์ โดยมี Kok Kok M เป็นผู้ได้รับสิทธิ์
สำหรับแฟรนไชส์ เซ็น กรุ๊ป สาขาแรก ในสปป.ลาวนั้นจะเป็นแฟรนไชส์ร้านเขียง ที่จะเปิดให้บริการสาขาแรก เดือนกันยายนนี้ ที่ Kolao Tower นครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งเป็รศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญ และใกล้สถานที่ท่องเที่ยวอย่าง Pratuxai (ประตูไซ) เจาะกลุ่มพนักงานออฟฟิศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไหลเวียนเข้ามาในประเทศ มาพร้อมคอนเซปต์ Thai Street Food มีการปรับโลโก้ชื่อแบรนด์เป็นภาษาลาว และครีเอทเมนูซิกเนเจอร์พิเศษอย่าง ‘ข้าวผัดเวียงจันทน์’ เอาใจชาวลาวโดยเฉพาะ
ก่อนที่ในช่วงต้นปี 68 ทาง Kok Kok M จะเตรียมเตรียมเปิดตัว Mega Mall โปรเจกต์ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ พร้อมยกทัพแบรนด์จากเครือ เซ็น กรุ๊ป ทั้ง On the Table, ลาวญวน, เขียง (สาขา 2) เข้าไปร่วมด้วย จากนั้นจะเป็นการขยายร้านเขียง สาขาที่ 3 ที่พรศรีนวล นครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งจะทำให้นับจากนี้ไป จนถึงปี 2568 เซ็นกรุ๊ป มีแฟรนไชส์ใน สปป.ลาวทั้งสิ้น 3 แบรนด์ 5 สาขา
อย่างไรก็ตามปัจจุบัน เซ็น กรุ๊ป มีสาขาร้านอาหารทั้งสิ้น 331 สาขา (ณ 30 มิถุนายน 2567) แบ่งเป็นสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของเอง 184 สาขา สาขาแฟรนไชส์ในประเทศ 135 สาขา และสาขาแฟรนไชส์ต่างประเทศ 12 สาขา

#แฟรนไชส์ #ลาว

21/08/2024

กลโกง-ภัยออนไลน์
คนไทยเสียหาย
65,000 ล้านบาทต่อปี
ช่องทาง Facebook สูงสุด

21/08/2024

Hyatt ควักเงิน 1.12 หมื่นล้าน
ซื้อโรงแรมในเครือ
The Standard
จาก ‘แสนสิริ’

20/08/2024

พลัง ‘มิโซ’ ดันยอดขายพุ่ง
โอสถสภา ทุ่ม ‘พันล้าน’
ขยายไลน์ผลิตเครื่องดื่ม
บรรจุกระป๋อง
300 ล้านกระป๋อง : ปี
จับกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่

จีนโชว์ศักยภาพเทคโนโลยี 5.5G เปิดใช้ Robotaxi แล้วกว่าหมื่นคันใน 20 เมืองใหญ่จีนโชว์ศักยภาพเทคโนโลยี 5.5G หรือ 5G Advanc...
20/08/2024

จีนโชว์ศักยภาพเทคโนโลยี 5.5G เปิดใช้ Robotaxi แล้วกว่าหมื่นคันใน 20 เมืองใหญ่
จีนโชว์ศักยภาพเทคโนโลยี 5.5G หรือ 5G Advance พร้อมเผยโฉม 20 เมืองใหญ่ให้บริการ Robotaxi แล้ว ไม่ว่าจะเป็นอู่ฮั่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว และเฉิงตู เป็นต้น โดยแต่ละเมืองพบว่ามีรถ Robotaxi ให้บริการมากกว่า 1,000 คัน และด้วยเทคโนโลยี 5.5G ทำให้สามารถควบคุมรถเหล่านั้นได้จากระยะไกล ในกรณีที่รถมีปัญหา ก็สามารถบังคับรถให้กลับเข้าจุดซ่อมได้เองอีกด้วย
สำหรับคนไทยหลายคนที่คุ้นเคยกับชื่อเทคโนโลยีเครือข่าย 5G วันนี้อาจกล่าวได้ว่า มีหลายประเทศทั่วโลกได้เริ่มอัปเกรดไปสู่เทคโนโลยี 5.5G หรือ 5G Advance กันแล้ว เช่น ประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง ฯลฯ โดยข้อมูลจากงาน Asia-Pacific ICT Summit 2024 พบว่า มีการนำเทคโนโลยีเครือข่าย 5.5G ไปสร้างธุรกิจใหม่ได้มากมาย หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การให้บริการ Robotaxi ในจีนแผ่นดินใหญ่ ที่กำลังกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผ่านผู้ให้บริการในจีนที่เราคุ้นชื่อกันดี เช่น Baidu, Tencent, Alibaba, DiDi, Pony.ai ฯลฯ
สำหรับจุดเด่นของบริการ Robotaxi ที่นำมาจัดแสดง คือสามารถให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง เส้นทางการวิ่งที่ครอบคลุมพื้นที่ในหัวเมืองใหญ่ต่าง ๆ แล้วถึง 50% และสามารถเรียกใช้ได้ในหลายรูปแบบ เช่น เรียกรถจากสนามบิน เรียกรถเพื่อไปส่งยังชอปปิงมอลล์ต่าง ๆ รวมถึงโรงพยาบาล และที่พักอาศัย ซึ่งข้อมูลจาก Huawei ระบุด้วยว่า การมีบริการ Robotaxi สามารถลดการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนลงได้ 10 เท่า
ทั้งนี้ ตามกฎหมายของจีน รถประเภท Robotaxi สามารถวิ่งบนถนนสาธารณะด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และบนทางด่วนด้วยความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ปัจจุบัน รถยนต์ประเภทดังกล่าวมีการรับส่งผู้โดยสารเฉลี่ย 20 รายต่อวัน (ต่อหนึ่งคัน) ซึ่งในภาพรวมมีการเรียกใช้ประมาณ 6 ล้านครั้งต่อวัน คิดเป็นระยะทางในการวิ่งรับส่ง 100 ล้านกิโลเมตรเลยทีเดียว โดยค่าใช่จ่ายที่ลดลงไปจากการมาถึงของรถแท็กซี่อัจฉริยะก็คือเงินเดือนของคนขับรถ (จากเดิมบริษัทรถแท็กซี่จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 5,300 – 7,000 หยวนต่อเดือนต่อคน)
ส่วนในมุมของผู้ใช้บริการ ก็พบว่าประหยัดได้มากขึ้นเช่นกัน โดยบริการ Robotaxi คิดค่าบริการเฉลี่ยกิโลเมตรละ 0.67 หยวน ซึ่งถูกกว่าการเรียกรถแท็กซี่ผ่านระบบออนไลน์ที่มีค่าบริการฉลี่ยเอยู่ที่ 1.4 – 1.6 หยวนต่อกิโลเมตร

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.brandbuffet.in.th/2024/08/china-5-5g-robotaxi-new-busines/

#จีน

ซีพีแรม ลงทุน 2,000 ล้าน เปิดโรงงานผลิต “ขนมปัง” แห่งใหม่ที่ จ.ชลบุรี รับดีมานด์ตลาดเบเกอรี่โตพุ่ง ตั้งเป้าชิงแชร์ 1 ใน ...
20/08/2024

ซีพีแรม ลงทุน 2,000 ล้าน เปิดโรงงานผลิต “ขนมปัง” แห่งใหม่ที่ จ.ชลบุรี รับดีมานด์ตลาดเบเกอรี่โตพุ่ง ตั้งเป้าชิงแชร์ 1 ใน 5 ของตลาด 4 หมื่นล้าน
ระอุไม่แพ้ตลาดสินค้าประเภทอื่นๆเลยทีเดียว สำหรับตลาดเบเกอรี่มูลค่ากว่า 40,000 ล้านบาทของไทยที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยสำคัญของการเติบโต เนื่องมาจากบริโภคหันมานิยมรับประทานผลิตภัณฑ์กลุ่มขนมปังมากขึ้น เพราะสอดคล้องกับวิถีชีวิตในปัจจุบันที่ต้องการอาหารที่หาซื้อง่าย รับประทานได้สะดวกรวดเร็ว
ปัจจัยข้างต้นทำให้แบรนด์เบเกอรี่หลายรายเริ่มจัดทัพครั้งใหญ่ เพื่อรองรับการเติบโตที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับ บริษัท ซีพีแรม จำกัด หรือ “CPRAM” ที่เริ่มพัฒนาโปรดักต์ภายใต้แบรนด์ “เลอแปง” ออกมาทำตลาด ผ่านสินค้า นวัตกรรม เทคโนโลยีในการผลิตมากยิ่งขึ้น ทำให้ “กลุ่มผลิตภัณฑ์เบเกอรี่” กลายมาเป็น หนึ่งในจิ๊กซอว์สำคัญที่ทำให้ Ecosystem อาณาจักรอาหารของซีพีแรมมีความสมบูรณ์ จากเดิมที่มีผลิตอาหารพร้อมรับประทาน (Reedy to Eat) เป็นเรือธงหลักในการทำตลาดอยู่แล้ว
หลังพา “แซนด์วิชกระเป๋า” แบรนด์ “เลอแปง” ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ที่ขายดีที่สุดในเครือกับยอดการผลิตกว่า 400,000 ชิ้นต่อวันแล้ว ซีพีแรมยังเดินหน้าบุกตลาดเบเกอรี่ต่อด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “ขนมปังแถว” เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยเข้าไปวางจำหน่ายในเชนค้าปลีก และธุรกิจบริการอาหาร (Food Service) ในเครือซีพี เช่น เซเว่น อีเลฟเว่น (7-Eleven), แม็คโคร (Makro) และเชนร้านอาหารในเครือ
ลงทุน 2,000 ล้าน เปิดโรงงานผลิตใหม่ จ.ชลบุรี เพิ่มกำลังการผลิตเบเกอรี่ 2.4 ล้านแผ่น/วัน

แม้ปัจจุบันยอดขายของ “ซีพีแรม”จะคิดเป็นสัดส่วนจากกลุ่มสินค้าพร้อมทาน 70% และเบเกอรี่เพียง 30% ทว่าแนวโน้มการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ที่เติบโตสูงขึ้น บวกกับดีมานด์ในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้โรงงานเบเกอรี่ของซีพีแรมเริ่มพัฒนาโปรดักต์เกี่ยวกับเบเกอรี่ที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งนอกจากผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ที่มีอยู่แล้ว ในอนาคตทางซีพีแรมยังมีแผนเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมปังเพื่อสุขภาพออกมารับเทรนด์เพิ่มเติมอีกด้วย
แน่นอนเพื่อเป็นการรองรับแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภค ซีพีแรม ได้ใช้งบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท ลงทุนโรงงงานเบเกอรี่แห่งใหม่ (โรงงานแห่งที่ 16 ของซีพีแรม) ในจังหวัดชลบุรี บนพื้นที่ 45 ไร่ เพื่อขยายกำลังการผลิตเบเกอรี่มีกำลังผลิต 2.4 ล้านแผ่นต่อวัน โดยจะเน้นการผลิตไปยังขนมปังแผ่นแบบ “ขนมปังแถว” เพื่อป้อนตลาด อีกทั้งขยายขีดความสามารถในการผลิตสินค้าเบเกอรี่ และส่งเสริมการจัดจำหน่ายสินค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.brandbuffet.in.th/2024/08/cpram-new-bread-factory-in-chonburi-2024/

#ขนมปัง #ชลบุรี

19/08/2024

ดีลใหญ่แห่งปี
ยักษ์ใหญ่แคนาดาเสนอซื้อกิจการ Seven & i
บริษัทแม่ 7-eleven ญี่ปุ่น

ยกเครื่อง “Mobile App” ภารกิจแรกของ Brian Niccol (ว่าที่) ซีอีโอใหม่ Starbucks หลัง Howard Schultz เห็นตรงกัน “แอป” คือป...
19/08/2024

ยกเครื่อง “Mobile App” ภารกิจแรกของ Brian Niccol (ว่าที่) ซีอีโอใหม่ Starbucks หลัง Howard Schultz เห็นตรงกัน “แอป” คือปัญหา
แม้จะยังไม่ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่ว่าที่ซีอีโอคนใหม่ของสตาร์บักส์ (Starbucks) อย่าง Brian Niccol ก็เริ่มกำหนดแผนงานที่จะต้องทำแล้ว โดยปัญหาแรกที่เขาจะลงไปแก้ก็คือ ประสบการณ์ที่ลูกค้าควรจะได้รับจาก “Mobile App” หลังจากพบว่า มีการออกแบบบางประการที่นำไปสู่ประสบการณ์ที่ไม่ดีต่อลูกค้า และทำให้บรรยากาศของร้านแย่ลงนั่นเอง
เหตุที่กล่าวเช่นนั้น เพราะตั้งแต่ Starbucks สามารถสั่งเครื่องดื่มได้ผ่านแอปพลิเคชัน ทำให้หลาย ๆ สาขาเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เนื่องจากลูกค้าจำนวนมากเดินเข้ามาในร้านพร้อม ๆ กัน และคาดหวังว่าจะได้รับเครื่องดื่มของตนเอง ส่วนพนักงานก็เหนื่อยเกินไปกับการรับมือออเดอร์ทั้งจากหน้าร้านและจากออนไลน์
อดีตซีอีโอ Howard Schultz เห็นตรงกัน “แอป” คือปัญหา

ไม่เฉพาะ Brian Niccol ที่มองเห็นว่า Mobile App คือปัญหาของ Starbucks ที่ทำให้ผลประกอบการลดลง แต่อดีตซีอีโอของ Starbucks อย่าง Howard Schultz ก็มองเห็นเช่นกัน โดยเขาเคยกล่าวถึงปัญหานี้เอาไว้ในพ็อดแคสต์ตอนหนึ่งด้วยว่า เขาเคยไปที่ร้าน Starbucks สาขาหนึ่งในชิคาโก และพบว่ามีลูกค้าจำนวนมากเข้ามาพร้อม ๆ กันตอน 8.00 น. ทุกคนต่างโชว์โทรศัพท์มือถือของตัวเอง และหวังว่าจะได้รับเครื่องดื่มที่สั่งเอาไว้
Howard Schultz บอกด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ต่างจากวิสัยทัศน์ของ Starbucks ที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ที่ต้องการเป็น The Third Place หรือพื้นที่กึ่งกลางระหว่างบ้านกับที่ทำงานสำหรับผู้คน และเมื่อมีแอปพลิเคชัน ลูกค้าก็หันไปสั่งผ่านแอปพลิเคชันกันมากขึ้น เพราะมองว่ามันสะดวกสบาย แต่นั่นทำให้ลูกค้าไม่อยากใช้เวลาในร้านของ Starbucks อีกต่อไป และเขายังพบว่า ฟีเจอร์อื่น ๆ ในแอป เช่น การเพิ่มไซรัป ฯลฯ กลับเป็นการเพิ่มงานของบาริสต้า และนำไปสู่บริการในร้านที่ด้อยลงไปด้วย
อย่างไรก็ดี ยอดขายจากแอปพลิเคชันคิดเป็น 1 ใน 3 ของยอดขายทั้งหมดในปัจจุบันของ Starbucks
ด้านความเห็นจาก Robert Byrne ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมผู้บริโภคจาก Technomic ได้มองประเด็นดังกล่าวไว้ว่า สิ่งที่ทำให้ยอดขาย Starbucks ตกต่ำในวันนี้มาจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นภายในร้าน การจะดูแต่ Data เพียงอย่างเดียว อาจทำให้ประเมินภาพรวมของธุรกิจผิดไปได้นั่นเอง

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.brandbuffet.in.th/2024/08/brian-niccol-first-mission-for-starbucks-fixing-mobile-app/

#สตาร์บัคส์

ท็อปส์ ทุ่ม 1.6 พันล้านบาท ชูกลยุทธ์ T-O-P-S รุกตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตเมืองไทย ตั้งเป้า 1,000 สาขาในปี 2570 กางแผน “ท็อปส์”...
19/08/2024

ท็อปส์ ทุ่ม 1.6 พันล้านบาท ชูกลยุทธ์ T-O-P-S รุกตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตเมืองไทย ตั้งเป้า 1,000 สาขาในปี 2570
กางแผน “ท็อปส์” เดินหน้ารุกตลาด Food Retail เดินหน้าลงทุน 1.6 พันล้านบาท ชูกลยุทธ์ T-O-P-S ตอกย้ำทิศทางการเติบโตของธุรกิจสู่การเป็น Truly World-Class Omni-Channel Lifestyle Food Retail
ทั้งหมดเพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจโดยภายใน 4 ปี(2567-2570)ธุรกิจจะต้องเติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปี (CAGR) โดยมีคีย์สำคัญใน 4 กลยุทธ์ T-O-P-S ได้แก่

T - Truly World Class: เดินหน้ายกระดับประสบการณ์ลูกค้า ด้วยสินค้าคุณภาพ ทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมกว่า 80 ประเทศ ทั่วโลก โดยคัดเลือกสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักทั่วโลกมากกว่า 210 แบรนด์
O - Omni-Channel: สร้างประสบการณ์ช้อปสะดวกแบบไร้รอยต่อ แบบ Whenever, Wherever ผ่านช่องทางออมนิแชแนลที่เหนือระดับ สะดวก ครบ จบได้ในทุกช่องทาง ทั้งในรูปแบบร้านค้าแบบมี หน้าร้าน ที่เปิดให้บริการทั่วประเทศใน 46 จังหวัด รวมกว่า 700 แห่ง
P - Pleasure: สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งสินค้าที่ดีที่สุดกับ 14 กลุ่มสินค้า (14 Wonders) อาทิ สินค้าผักและผลไม้ (Fruits & Vegs) คุณภาพดี มีให้เลือกหลากชนิด, ขนมขบเคี้ยว (Snackers) หลากหลายรายการ มีจำหน่ายเฉพาะที่ท็อปส์เท่านั้น, ไวน์และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ (Wine & Spirits) นำเข้าตรงจากแหล่งผลิต รวมไปถึงสินค้า Own Brand และ เอ็กซ์คลูซีฟไอเท็ม Only at Tops รวมกว่า 300 รายการ
S - Sustainability: ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนในทุกๆ มิติ เดินหน้าสานต่อโครงการ “Small Acts Together” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ของท็อปส์ที่จะบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน เพื่อลด การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) สอดคล้องกับกลยุทธ์ “ReNEW” ของเซ็นทรัล รีเทล ที่มุ่งสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงสะท้อนปรัชญาในการดำเนินธุรกิจ “CRC Care” คนอ่านได้
เบื้องต้นในสิ้นปีนี้ ท็อปส์ จะมีสาขาเปิดให้บริการครอบคลุมในทุกฟอร์แมตรวมกว่า 730 สาขา ได้แก่
ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ 20 สาขา
ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต กว่า 150 สาขา
ท็อปส์ เดลี่ กว่า 520 สาขา
ท็อปส์ ไวน์ เซลล่าร์ กว่า 10 สาขา
มัทสึคิโยะ 25 สาขา
อีกทั้งยังวางแผนขยายและอัปเกรดสาขาอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยมากกว่า 100 สาขาต่อปี โดยในปี 2570 จะมีสาขามากกว่า 1,000 แห่ง
อย่างไรก็ดีในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ที่ผ่านมา ท็อปส์ มีปริมาณการใช้บริการที่ร้าน (Ticket Counts) เพิ่มขึ้น 11% และมีจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ไม่ว่าประเทศชาติบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ก็ไม่สามารถที่จะทำลายโอกาสของพวกเรา ที่จะสร้างฐานะให้กับตนเ...
18/08/2024

ไม่ว่าประเทศชาติบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ก็ไม่สามารถที่จะทำลายโอกาสของพวกเรา ที่จะสร้างฐานะให้กับตนเองและครอบครัว รวมทั้งการที่จะอุทิศตนเพื่อทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ขอแต่ให้มีความมุ่งมั่น โอกาสมีอยู่เสมอ โอกาสจะซ่อนอยู่หลังเป้าหมาย ดังนั้นจงตั้งเป้าหมายและไปหามัน แต่ถ้ายังหาโอกาสไม่เจอ ก็ต้องสร้างมันขึ้นมา

คุณเสถียร เสถียรธรรมะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “กลุ่มคาราบาว” กล่าวในงานรับเพื่อนใหม่ ม.ธรรมศาสตร์

https://www.brandbuffet.in.th/2024/08/satien-exclusive-talk-at-thammasat-university/

#คาราบาว

ที่อยู่

Bangkok
10400

เบอร์โทรศัพท์

+66971494428

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Brand Buffetผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Brand Buffet:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์


เว็บไซต์ข่าวและสื่อ อื่นๆใน Bangkok

แสดงผลทั้งหมด

คุณอาจจะชอบ