News Hour News Hour รายการข่าว คุณภาพ เนื้อหาเข้มข้?
(7)

28/06/2024
ก.ตร. ลงมติเอกฉันท์ ชี้คำสั่งให้ 'บิ๊กโจ๊ก' ออกจากราชการ ถูกต้องแล้ว26 มิ.ย.2567 - เมื่อเวลา 17.43 น. หลังใช้เวลาในการปร...
26/06/2024

ก.ตร. ลงมติเอกฉันท์ ชี้คำสั่งให้ 'บิ๊กโจ๊ก' ออกจากราชการ ถูกต้องแล้ว

26 มิ.ย.2567 - เมื่อเวลา 17.43 น. หลังใช้เวลาในการประชุม ก.ตร.กว่า 2 ชั่วโมง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางออกจากห้องประชุม ในขณะที่การประชุมยังไม่เสร็จสิ้น โดยเมื่อเจอผู้สื่อข่าวนายกฯได้โบกมือ พร้อมกับระบุว่าให้เลขาฯ ก.ตร.เป็นคนแถลง

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่านายกฯไม่แถลงข่าวด้วยหรือ นายกรัฐมนตรี กล่าวเพียงว่า “ ไม่ครับให้เลขาฯเป็นคนแถลง เพราะการประชุมยังไม่จบ”

จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ขึ้นรถเดินทางกลับออกไปทันที โดยมีพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินมาส่งถึงรถ จากนั้น ผบ. ตร.และรองผบ. ตร.ได้เดินกลับเข้าไปประชุมต่อ

รายงานข่าวแจ้งว่าที่ประชุมก.ตร.มีมติ 12 ต่อ 0 เห็นว่า คำสั่งให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.ออกจากราชการไว้ก่อน ถูกต้องแล้ว

ระหว่างนี้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ร้องขอความเป็นธรรมจากก.พ.ค.ตร.ไว้แล้ว ซึ่งต้องรอมติอีกครั้ง เพื่อให้คำสั่งสมบูรณ์ ก่อนถึงขั้นตอนขึ้นทูลเกล้าฯ

ทั้งนี้รายงานแจ้งว่า มีการถกเถียงประเด็นดังกล่าว สุดท้ายนายกฯให้โหวตลงความคิดเห็นของ ก.ตร. ปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่ 12 ต่อ 0 ให้ความเห็นชอบคำสั่ง รรท.ผบตร. ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน

"วินัย" ไม่กลัวถูก "โจ๊ก" ฟ้อง บอกเรื่องจิ๊บๆ เชื่อฟ้องดะเพื่อปิดปาก ยันนำผล อนุฯ วินัย เสนอก.ตร.พล.ต.อ.วินัย ไม่กลัวปมถ...
26/06/2024

"วินัย" ไม่กลัวถูก "โจ๊ก" ฟ้อง บอกเรื่องจิ๊บๆ เชื่อฟ้องดะเพื่อปิดปาก ยันนำผล อนุฯ วินัย เสนอก.ตร.

พล.ต.อ.วินัย ไม่กลัวปมถูก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ฟ้อง ชี้เรื่องจิ๊บๆ ยันนำผล อนุฯ ก.ตร.วินัย เสนอ ก.ตร. เห็นชอบคำสั่งให้ "บิ๊กโจ๊ก" ออกจากราชการ ชอบด้วยกฎหมาย เชื่อเจ้าตัวไล่ฟ้องทุกคนเพื่อปิดปากไม่ให้แสดงความเห็น หรือ ออกเสียงใน ก.ตร.

วันนี้ (26 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ผู้ทรงคุณวุฒิ เปิดเผยก่อนประชุม ก.ตร. เกี่ยวกับเรื่องที่ถูก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฟ้องหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ว่า ส่วนตัวแล้วตนเองกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกัน เพราะตั้งแต่สมัยอยู่ บช.ก. ตนเองกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาก็ได้เกื้อหนุนกันมา ซึ่งพล.ต.อ.สุรเชษฐ ก็ยังมาครับพี่ๆ กับตนเองอยู่

โดยช่วงแรกที่เกิดเหตุ ที่มีข้อขัดแย้งกับทนายความท่านหนึ่ง ตนเองก็ยังไปเตือนสติว่าให้ใจเย็นๆ เพราะคำพูดเป็นนายตัวเอง เช่นเรื่องงบลับหรืออะไรต่างๆ ซึ่งถูกจับได้ว่าไม่จริง ดังนั้นการที่ตนเองออกมาแถลงข่าวจึงไม่มีเจตนาเป็นอย่างอื่น

"ผมได้รับเลือกตั้งให้เป็น ก.ตร. อยากเห็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติดีขึ้น โดยทำใน 3 เรื่องคือ ต่อสู้เรียกร้องการโยกย้ายข้าราชการตำรวจที่ไม่สมัครใจและไม่มีความผิดให้ได้รับการเยียวยา เทวดามาเกิดก็ถีบลูกหมาที่ไม่มีเส้นออก 100 กว่าคน ,การต่อสู้เรื่องการซื้อขายตำแหน่งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนปีที่แล้วแทบไม่มีเสียงในการซื้อขายตำแหน่งเลยรวมถึง เรียกร้องให้มีการปฏิรูปตำรวจ โดยเฉพาะสิ่งที่โรงพักขาดแคลน เช่น งบน้ำมัน"พล.ต.อ.วินัย กล่าว

พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า ตนเองได้รับแต่งตั้งให้ ทำหน้าที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย และเป็นประธานคณะอนุกรรมการ ก.ตร.ด้านวินัย ตามที่ ก.ตร.มอบหมาย เพื่อพิจารณาเรื่องที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้ร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อ ก.ตร. กรณีที่รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติใช้อำนาจในการให้ออกจากข้าราชการก่อนไม่ถูกต้อง ซึ่งที่ประชุมคณะอนุกรรมการวินัยที่มีประมาณ 19 คน ได้อภิปรายกันอย่างมากมายซึ่งความเห็นของคณะอนุวินัยฯก็ยังไม่จบ โดยกฎหมายกำหนดให้ คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) เป็นที่สุดท้าย

"เขาก็พูดว่าอย่าไปเปลืองตัวกับเรื่องนี้เลย แต่ผมพูดว่าไม่ได้ เพราะเราเป็นเหมือนที่ปรึกษากฎหมายของ ก.ตร. ไม่ว่าจะ สิบตำรวจโทพันตำรวจตรีหรือพลตำรวจเอกถามมาก็ต้องชี้ผิดชี้ถูก" ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าว

พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า คณะอนุฯ ก.ตร.วินัยมีมติเสียงส่วนใหญ่ โดยงดออกเสียงหนึ่งคนว่า การดำเนินการของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตามมาตรา 131 ถูกต้องตามกฎหมาย สิ่งที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นำไปฟ้องร้องนั้น ก็เพื่อไม่ให้ตนเองเข้ามาพิจารณาเรื่องที่คณะอนุฯก.ตร.วินัยทเสนอเข้าที่ประชุม ก.ตร. ในวันนี้

"ขอขอบคุณหลายสื่อที่เปิดโอกาสให้ตนสามารถนำข้อเท็จจริงที่มีอยู่ทั้งหมด จากการเป็นกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่สอบข้อมูลทุกด้าน เปิดโอกาสตนให้ใช้สิทธิ์ในการป้องกันชื่อเสียงของตัวเอง นำพยานหลักฐานที่มีอยู่ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทั้งเส้นทางการเงินรูปภาพ และอีกหลายอย่างให้สาธารณชนจะได้รับรู้ว่าใครผิดใครถูก ใครทำผิดกฎหมาย ใครทำถูกกฎหมาย เปิดถึงความดีความชั่ว ใครทำดีใครทำชั่ว ใครคนดีใครคนชั่ว เปิดถึงตำรวจอาชีพกับอาชีพตำรวจ มาอาศัยเครื่องแบบในการแสวงหารายได้ เปิดถึงคุณธรรมจริยธรรม ว่าผู้ที่จะเป็นผู้บังคับบัญชา เป็นผู้นำของสำนักงานตำรวจแห่งชาติควรจะประพฤติปฏิบัติอย่างไร"

ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีการพูดกันถึงเทคนิคทางกฎหมายว่ามีอำนาจหรือไม่ มีการดำเนินการฟ้องคนนั้นคนนี้มากมาย และศาลยกฟ้องเกือบหมด ซึ่งตนเองมองว่าก็ดี ตนจะได้นำสิ่งพวกนี้ไปเปิดเผยให้สาธารณชนและเชิญสื่อมวลชนมาในวันที่ผมไปให้การที่ศาล ซึ่งไม่ต้องใช้นักกฎหมาย สามัญชนก็ชี้ได้ว่าใครทำดีใครทำชั่ว

พล.ต.อ.วินัย ยืนยันว่า ตนเองกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังรักกัน ตนเองหวังดีไม่เคยมีจิตคิดร้าย แต่ที่ทำเพราะตำรวจเลือกตนเองมาตนเองอยากเห็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติดีขึ้น อยากเห็นตำรวจเป็นตำรวจของประชาชน

เมื่อถามว่า การที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ฟ้องถือว่าเป็นการฟ้องแก้เกี้ยวหรือไม่ พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า ตนไม่รู้ไม่สามารถไปคิดแทนบิ๊กโจ๊กได้ แต่ที่เขาฟ้องตนก็ถือว่าเป็นการ ให้โอกาสตัวเองป้องกันตัวเองและวงศ์ตระกูล ได้ชี้แจงในวันที่แถลงข่าว ในวันที่แถลงข่าวตนพูดเพียงว่าคณะกรรมการเห็นด้วย ว่าที่ศาลออกหมายจับว่าท่านได้ร่วมกระทำผิด และตนก็ยังพูดอีกว่า การถูกกล่าวหาเป็นสิทธิ์ของท่านให้ท่านได้ต่อสู้

เมื่อถามว่า หลังจากที่ถูกฟ้อง ยังมีสิทธิ์เข้าประชุม คณะกรรมการ ก.ตร. อยู่หรือไม่ พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า ศาลยังไม่ได้ประทับรับฟ้องอะไรเลย แต่ตนจะแสดงตัวในที่ประชุม ว่า เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้แล้ว คณะกรรมการในที่ประชุมเห็นด้วยอย่างไร ซึ่งก็แล้วแต่คณะกรรมการในที่ประชุม ว่า "เห็นผมอยู่ในสภาพร้ายแรงหรือไม่" หากผลออกมาว่า ตนอยู่ในสภาพร้ายแรงก็จะไม่โต้เถียง

เมื่อถามว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินหน้าฟ้อง คนที่อยู่ในที่ประชุมก.ตร. และผู้ที่เกี่ยวข้อง จะทำให้เกิดเดดล็อก ใน ก.ตร.หรือไม่ กล่าวว่า ก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการพิจารณา ต้องใช้เสียง 2 ใน 3 จาก 16 คน ประมาณ 8-9 เสียง แต่วันนี้ก็ขาดไปหลายท่าน ทั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคู่ขัดแย้ง

เมื่อถามว่า ถ้าเข้าประชุมได้ จะสามารถนำเสนอผลการตรวจสอบของคณะกรรมการวินัยได้เต็มที่เลยใช่หรือไม่ และสามารถพิจารณาว่าชอบหรือไม่ชอบได้หรือไม่ พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า คณะกรรมการมีหลายท่านทั้งผู้ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในขณะนี้และผู้ที่เกษียณอายุราชการแล้ว จึงต้องหาความเห็นของทุกคน และคนเหล่านี้ถือว่ามีความรู้ทางด้านของวินัยตำรวจจึงต้องฟัง และที่ผ่านมามีการลงมติมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกมีผลเอกฉันท์ ว่า รักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีอำนาจ​ตามกฎหมาย แต่ครั้งที่ 2 มีควาทเห็นแย้ง เราก็บันทึกไว้

ขั้นตอนหลังจากนี้ ไม่ว่า ผลจะออกมาเป็นอย่างไร จะยืนตามอนุหรือเห็นต่าง และจะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุม ก.พ.ค.ตร.หรือไม่ พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า ตามกฎหมาย กำหนดไว้ว่าการเพิกถอนคำสั่งหรือการอุทธรณ์คำสั่ง เป็นอำนาจของคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม ดังนั้น วันนี้คณะกรรมการ ก.ตร.จะพิจารณา ว่า สิ่งที่รักษาการ ผบ.ตร."
ดำเนินการชอบหรือไม่ชอบ หลังจากที่คณะอนุกรรมการวินัย มีมติเสียงส่วนใหญ่ว่า "บิ๊กต่าย" ใช้อำนาจตามมาตรา 131 ชอบด้วยกฎหมาย แต่ทั้งนี้ มติของ ก.พ.ค.ตร.​ ผลออกมาอย่างไร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องทำตามแย้งไม่ได้เลย และเมื่อบิ๊กโจ๊ก ยื่นร้อง ก.พ.ค.ตร. ไปแล้ว เขาก็น่าจะดึงข้อมูลจากทุกฝ่ายมา

เมื่อถามว่า ส่วนตัวยังยืนยันตามมติของคณะอนุกรรมการวินัย ก.ตร.ใช่หรือไม่ พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า ตนต้องรายงานมติของอนุกรรมการวินัยอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าผลออกมาแบบนี้ มติของคณะกรรมการกฤษฎีกาก็ไม่มีความหมายใช่หรือไม่ พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าความเห็นของกฤษฎีกา ทางศาลปกครองเคยมีคำพิพากษา ว่า ให้อยู่ในดุลยพินิจ​ของหน่วยงาน

เมื่อถามว่ากลัวหรือไม่ที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ฟ้อง พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า ตอนที่ผมเข้ามารับราชการก็ถือว่าขาข้างนึงอยู่ในคุกอยู่แล้ว เรื่องฟ้องเรื่องหมิ่นประมาทเป็นเรื่องจิ๊บๆ ตนไม่ได้สนใจเลย

เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยหรือปรับความเข้าใจกับบิ๊กโจ๊กหรือไม่ หลังจากที่เขาไปฟ้อง พลตำรวจเอกวินัย กล่าวว่า หน้านี้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีความพยายามที่จะคุยกับตน แต่หลังจากที่เขาไปฟ้องก็ยังไม่ได้พูดคุยกัน

“สมชาย” ยิ้มตอบสื่อ กำลังใจสำคัญคือ ”เจ๊แดง“ ปัดตอบถูกวางตัวนั่งประธาน สว. ขอรอคัดเลือกก่อน ตอนนี้พูดอะไรไม่ได้วันนี้(26...
26/06/2024

“สมชาย” ยิ้มตอบสื่อ กำลังใจสำคัญคือ ”เจ๊แดง“ ปัดตอบถูกวางตัวนั่งประธาน สว. ขอรอคัดเลือกก่อน ตอนนี้พูดอะไรไม่ได้

วันนี้(26มิ.ย.)นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเดินทางมาคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศ นายสมชายได้ยิ้มให้สื่อมวลชน หลังถูกถามว่านำสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรติดตัวมาด้วยหรือไม่ โดยตอบเพียงว่าตนเอาความตั้งใจมา

เมื่อถามว่ากลุ่มที่หนึ่งมีการแข่งขันกันสูงมาก นายสมชาย บอกว่า ตนยังพูดอะไรไม่ได้ เพราะเป็นผู้สมัครคนหนึ่ง ที่มารับการคัดเลือก ส่วนที่มีการขับเคี่ยวกันเยอะก็เป็นเรื่องธรรมดา

เมื่อถามว่ามีกำลังใจอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ (ชื่อภรรยา)

ส่วนกระแสข่าวที่มีการวางตัวนายสมชายเป็นประธานวุฒิสภานั้น นายสมชาย ได้โบกมือปฏิเสธ พร้อมกล่าวว่าพร้อมระบุว่าวันนี้มาคัดเลือกตามระเบียบ จะผ่านหรือไม่อยู่ที่ผู้สมัครจะเลือก ตอนนี้ยังไม่คิดอะไร

เมื่อถามว่าหากได้รับเลือกเป็น สว. อยากผลักดันเรื่องอะไร นายสมชายกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้เป็น พูดอะไรไม่ได้ ยังสัมภาษณ์อะไรไม่ได้ ขอให้มีการคัดเลือกก่อน

เมื่อถามว่าเมื่อคืนนี้กินอิ่ม นอนหลับ ดีหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า สบายมากครับ

เมื่อถามว่าได้ขอกำลังใจจาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่มีอะไรครับ

เปิดโปรแกรมทัวร์อีสาน 5 จังหวัดของ 'เศรษฐา''เศรษฐา' บินน่าน ติดตามปัญหายาเสพติด 27 มิ.ย. ก่อนทัวร์อีสาน 'ร้อยเอ็ด-อุบลฯ-...
26/06/2024

เปิดโปรแกรมทัวร์อีสาน 5 จังหวัดของ 'เศรษฐา'

'เศรษฐา' บินน่าน ติดตามปัญหายาเสพติด 27 มิ.ย. ก่อนทัวร์อีสาน 'ร้อยเอ็ด-อุบลฯ-ศรีสะเกษ-สุรินทร์-นครราชสีมา' 28 มิ.ย.- 2 ก.ค. ติดตามปัญหาในพื้นที่ พร้อมประชุม ครม.สัญจร โคราช

26 มิ.ย.2567 - ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ถึงกำหนดการ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการลงพื้นที่ตรวจราชการต่างจังหวัด ระหว่างวันที่ 27 มิ.ย.- 2 ก.ค. 67 โดยวันที่ 27 มิ.ย. นายกฯจะเดินทางไปศึกษาต้นแบบการบูรณาการจัดการปัญหายาเสพติดในพื้นที่ จ.น่าน โดยออกเดินด้วยเครื่องบิน AIRBUS ACJ 320 จากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยัง จ.น่าน จุดแรกเวลา 11.20 น. นายกฯรับฟังปัญหาเรื่องยาเสพติดและให้กำลังใจแก่ข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ ที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดน่าน อ.เมืองน่าน จากนั้นในช่วงบ่ายเวลา 13.30 น. นายกฯจะเดินทางไปดูการศึกษาต้นแบบการบูรณาการจัดการปัญหายาเสพติดในพื้นที่ ที่บ้านอาฮาม หมู่ 3 อ.ท่าวังผา จ.น่าน ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯในช่วงเย็นวันเดียวกัน

ต่อมาวันที่ 28 มิ.ย. - 2 ก.ค. นายกฯจะเดินทางลงพื้นที่ภาคอีสาน โดยวันที่ 28 มิ.ย.ช่วงบ่ายลงพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ดูการศึกษาต้นแบบการบูรณาการจัดการปัญหายาเสพติดในพื้นที่ระดับหมู่บ้าน ที่วัดฝั่งแดง อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด จากนั้นเดินทางไปองค์การบริหารส่วนตำบล อุ่มเม้า อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด เพื่อศึกษาต้นแบบการบูรณาการจัดการปัญหายาเสพติดในพื้นที่ระดับตำบล และในช่วงเย็นเดินทางไปยัง จ.อุบลราชธานี กราบนมัสการพระเจ้าใหญ่อินทร์แปง และชมกรรมวิธีการจัดทำต้นเทียนพรรษา ประเภทติดพิมพ์ ที่วัดมหาวนารามพระอารามหลวง อ.เมืองอุบลราชธานี ก่อนไปพบปะพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่ถนนคนเดินเรียบแม่น้ำมูล เทศบาลนครอุบลราชธานี และพักค้างคืน

ต่อมาวันที่ 29 มิ.ย. ช่วงเช้าเวลา 09.35 น. นายกฯลงพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้างแยกต่างระดับคำน้ำแซบ ที่แยกคำน้ำแซบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี และเดินทางต่อไปติดตามสถานการณ์และสั่งการเตรียมการป้องกันแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัยและพบปะประชาชนที่ห้วยน้ำจาง บ้านผึ้งตก ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี จากนั้นเดินทางไป จ.ศรีสะเกษ เวลา 11.30 น. เป็นประธานการประชุมติดตามประเด็นยาเสพติดและปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ณ ที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ ก่อนช่วงบ่ายเป็นประธานพิธีเปิดโครงการ 72 ล้านต้นพลิกฟื้นผืนป่าและปลูกต้นไม้ และกราบสรีระสังขาร หลวงปู่สรวง ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีหลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ และในช่วงเย็นเวลา 16.30 น. นายกฯติดตามปัญหาแหล่งน้ำและพบปะประชาชนที่วัดสระบานสนวน อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ จากนั้นเดินทางไปเยี่ยมชมการฝึกซ้อมฟุตบลอเยาวชนและพบปะเยาวชน ที่ศูนย์ฝึกกีฬาฟุตบอลสโมสรศรีสะเกษยูไนเต็ด และพักค้างคืน จ.ศรีสะเกษ

และวันที่ 30 มิ.ย.เดินทางลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ เวลา 10.00 น. ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ที่อ่างเก็บน้ำห้วยแก้ว อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ และเป็นประธานการประชุมหารือแผนพัฒนา จ.สุรินทร์ ณ ที่ว่าการอำเภอรัตนบุรี ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯเพื่อมาเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “WORLD PRIDE PaRADE 2024” ที่สนามกีฬาแห่งชาติ (สนามศุภชลาศัย) จากนั้นในช่วงค่ำนายกฯเดินทางกลับมาพักค้างคืนที่ จ.นครราชสีมา ก่อนวันที่ 1 ก.ค. ลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา และ จ.ชัยภูมิ และพักค้างคืนที่ จ.นครราชสีมาอีก 1 คืน และ วันที่ 2 ก.ค. เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) จ.นครราชสีมา และเดินทางกลับกรุงเทพฯในช่วงเย็นวันเดียวกัน

25/06/2024
กกต. ประกาศพร้อมแล้วเลือกสว.ระดับประเทศพรุ่งนี้ "อิทธิพร"ลุยตรวจสถานที่ เผยติดตั้งกล้องเก็บบรรยากาศการเลือกรอบทิศ ยันไม่...
25/06/2024

กกต. ประกาศพร้อมแล้วเลือกสว.ระดับประเทศพรุ่งนี้ "อิทธิพร"ลุยตรวจสถานที่ เผยติดตั้งกล้องเก็บบรรยากาศการเลือกรอบทิศ
ยันไม่เสียใจถูกทัวร์พร้อมรับฟังทุกคำวิจารณ์

วันนี้(25มิ.ย.)นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. พร้อมด้วยนายชาย นครชัย นายปกรณ์ มหรรณพ กกต.ตรวจเยี่ยมความพร้อมการจัดเตรียมสถานที่เลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับประเทศที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้(26มิ.ย.) ที่อาคาร4 อิมแพคฟอรั่ม เมืองทองธานี โดยเจ้าหน้าที่ได้อธิบายถึงวิธีการดำเนินการขั้นตอนการเลือก สว. การจัดเตรียมสถานที่รองรับผู้สมัคร ผู้สังเกตการณ์ รวมถึงสถานที่ทำงานของสื่อมวลชน โดยประธานกกต.
ได้ให้คำแนะนำการปฏิบุติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะเรื่องของการขานคะแนนจะต้องเสียงดังชัดเจน การอำนวยความสะดวกให้กับผู้สมัคร สว. ที่จะเข้าห้องน้ำรวมถึงไปสูบบุหรี่จะต้องมีเจ้าหน้าที่ติดตามไปด้วยตลอดเวลา และการอำนวยความสะดวกให้กับผู้สมัคร สว. ที่เป็นผู้พิการผู้สูงอายุ เพื่อให้การเลือกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

สำหรับการจัดเตรียมสถานที่ในการเลือกสวระดับประเทศที่ โดยบริเวณชั้น 1 ได้จัดเตรียมห้องพักคอยสำหรับผู้สมัคร สว.ที่เดินทางมายังสถานที่เลือกก่อนเวลารายงานตัว ซึ่งสามารถรองรับผู้สมัครได้ประมาณ 200-300 คน เมื่อถึงเวลาให้รายงานตัว ก็จะให้ขึ้นไปยังชั้น 2 เพื่อรายงานตัว และจัดเตรียมห้องสำหรับผู้สังเกตการณ์ต่างประเทศ สามารถรองรับผู้สังเกตการณ์ได้ ประมาณกว่า 100 คน

ส่วนพื้นที่ชั้น 2 ได้แบ่งพื้นที่สองส่วน บริเวณลานด้านนอก เป็นพื้นที่ทำงานของสื่อมวลชนและสำหรับการแถลงข่าวความเคลื่อนไหวในการเลือก สว.รวมถึงจัดเตรียมพื้นที่สำหรับผู้สังเกตการเลือกตั้งที่ได้ลงทะเบียนเข้าสังเกตการณ์เลือก สว.กับ กกต.และสถานที่สำหรับประชาชนทั่วไปที่จะมาสังเกตการณ์การเลือก สว.

สำหรับภายใน impact forum hall 4 ก็จะแบ่งเป็น 2 โซน โซนแรกเป็นพื้นที่สำหรับการเลือก สว.ระดับประเทศรอบแรก มีการแบ่งพื้นที่เป็นล็อก มีแผ่นกั้น (พาร์ติชั่น) ออกเป็น 20 ห้อง ตามกลุ่มอาชีพ 20 กลุ่ม รองรับการเลือก สว.ที่จะมีการเลือกรอบแรก จำนวน 2,995 คน
ส่วนที่ 2 เป็นพื้นที่สำหรับจับสลากแบ่งสายในรอบที่ 2 และเป็นสถานที่เลือกสำหรับการเลือก สว.รอบ 2 หรือรอบไขว้ ก็จะแบ่งพื้นที่เป็น 4 ส่วน ตามการแบ่งสาย 4 สาย สาย ก ข ค และ ง ซึ่งจะมีผู้ที่ผ่านเข้ารอบมารอบนี้ จำนวน 800 คน

นอกจากนี้ก็มีการเตรียมการอำนวยความสะดวกโดยมีอุปกรณ์สำนักงานเครื่องถ่ายเอกสาร คอมพิวเตอร์ รวมถึงสถานที่สำหรับฝ่ายสืบสวนของสำนักงาน กกต. เพื่อติดตามบรรยากาศการเลือก สว.

ทั้งนี้ในแต่ละสถานที่เลือกติดตั้งกล้องรายงานบรรยากาศสดจำนวน 3 ตัว สามารถเคลื่อนย้ายไปเก็บภาพบรรยากาศพื้นทีาต่างๆได้ และกล้องวงจรปิดอีก 96 ตัว เพื่อถ่ายทอดบรรยากาศผ่าน monitor ให้กับผู้สังเกตการณ์ได้ติดตามการเลือกสว. อย่างใกล้ชิด ส่วนช่างภาพสื่อมวลชนที่จะเก็บภาพบรรยากาศภายในสถานที่เลือก จัดเตรียมบริเวณชั้นลอยให้ได้ถ่ายภาพภายในห้องซึ่งจะเป็นภาพมุมกว้างแบบอายวิว จะไม่สามารถมองเห็นหรือเก็บภาพบุคคลดังที่อยู่ในสถานที่เลือกได้เนื่องจาก partition ที่กั้นในแต่ละกลุ่มมีความสูง

ทั้งนี้ในช่วงบ่าย จะมีการซักซ้อม
ขั้นตอนการเลือก สว.ทั้งผู้อำนวยการเลือก สว. กรรมการประจำสถานที่เลือก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยประจำสถานที่เลือกระดับประเทศ และผู้ช่วยเหลือการปฏิบัติงานของผู้อำนวยการการเลือกระดับประเทศ เพื่อซักซ้อมขั้นตอนการปฏิบัติในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ขั้นตอนการรายงานตัว การนับคะแนน การขานคะแนน ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันและเพื่อให้การเลือก สว.เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

นายอิทธิพร ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่าขณะนี้ความพร้อม95% แล้ว เหลือเพียงอุปกรณ์บางอย่างและการซักซ้อมในช่วงบ่าย ซึ่งจะเป็นการซ้อมเสมือนจริง โดยมุ่งเน้นให้การปฏิบัติหน้าที่ราบรื่น และอำนวยความสะดวกให้กับผู้สมัครและย้ำว่าเพื่อความโปร่งใสในกระบวนการเลือกมีการติดตั้งกล้องบันทึกภาพและเสียงเพื่อถ่ายทอดให้บุคคลภายนอกได้ติดตามสังเกตุการณ์ในสถานที่เลือกตามที่กฎหมายกำหนดโดยจะมี 2 จอขนาด 4×3เมตร ส่วนขบวนการเลือกในแต่ละกลุ่มก็จะมีจอถ่ายทอดซึ่งผู้สมัครที่อยู่ด้านหลังก็จะสามารถเห็นการขานคะแนนนับคะแนนได้อย่างชัดเจน ซึ่งต้องการให้เกิดการโปร่งใสมากที่สุด และให้การเลือกเป็นไปตามกฎหมาย และยืนยันว่ากระบวนการดำเนินการที่จัดในที่เดียวกันทุกกลุ่มเสียงจะไม่ดีกัน

ทั้งนี้ ได้นำบทเรียนปัญหาในการเลือกระดับจังหวัด มาปรับปรุงใช้ในระดับประเทศ และยอมรับว่าการเลือกสว.ครั้งนี้เป็นการจัดเต็มรูปแบบตามกฎหมายเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะมีรายละเอียดการปฏิบัติบางอย่างที่จะต้องศึกษาหลายครั้งเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าสิ่งที่ทำถูกต้อง จึงเป็นกระบวนการทำงานที่เป็นความละเอียดรอบคอบเป็นพิเศษ และถือเป็นการปูพื้นการจัดเต็มรูปแบบที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไปในอนาคต

นายอิทธิพร ยืนยันว่าการจัดการเลือกครั้งนี้ไม่ได้หนักใจอะไรเพราะทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ต่างให้ความสำคัญและร่วมมือดำเนินการ และไม่มีความหนักใจ กรณีที่มีผู้สมัครไปรวมตัวกันที่โรงแรม เพราะกกต.ได้ทำตามกฎหมายอย่างเต็มที่ และ แสวงหาความร่วมมือในส่วนต่างๆ จึงได้มีการเชิญชวนประชาชน ร่วมตรวจสอบการเลือกสว.ครั้งนี้ ด้วยการให้เบาะแสการทุจริต ซึ่งมีเงินรางวัลนำจับการทุจริต 1 ล้านบาท และถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะพลเมืองดีด้วย หากประชาชนหวั่นเกรงอิทธิพล กกต.ให้ความมั่นใจว่ามีระบบคุ้มครองพยาน รวมถึงกรณีพยานที่เป็นผู้กระทำผิดแต่ให้การที่เป็นประโยชน์

เมื่อถามว่ารู้สึกเสียกำลังใจหรือไม่ว่ากกต.ถูกทัวร์ลงในการจัดเลือกสว.นายอิทธิพร กล่าวว่า ถ้าทัวร์ลงหมายความว่าที่นั่นน่าไป น่าสนใจ ไม่เคยเสียกำลังใจเพราะเป็นเรื่องที่ต้องทำงานและเป็นหน้าที่ หากใครวิพากษ์วิจารณ์ก็พร้อมรับฟัง เพราะเป็นความเห็นที่เป็นประโยชน์ ให้กกต. นำมาไตร่ตรองปรับปรุง ยืนยันกกต.มุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย ในการวินิจฉัยคำร้องใดๆ

“ปานเทพ” ยกเหตุช่วงคลายล็อก สุดท้ายยากัญชาไม่ถึงมือประชาชน เพราะหมอบางคนมีอคติ ผลประโยชน์ทับซ้อน“ปานเทพ” ยกเหตุช่วงคลายล...
24/06/2024

“ปานเทพ” ยกเหตุช่วงคลายล็อก สุดท้ายยากัญชาไม่ถึงมือประชาชน เพราะหมอบางคนมีอคติ ผลประโยชน์ทับซ้อน

“ปานเทพ” ยกเหตุช่วงคลายล็อก สุดท้ายยากัญชา ไม่ถึงมือประชาชนเพราะหมอบางคนมีอคติ ผลประโยชน์ทับซ้อน แนะควรออก พ.ร.บ.ควบคุม เหมาะสมกว่า

วันนี้ (24 มิ.ย.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออกมหาวิทยาลัยรังสิต ให้ความเห็นต่ออนาคตกัญชาไทยที่มีความพยายามจากบางฝ่าย ในการให้กลับเป็นยาเสพติด ว่า กลุ่มที่ต้องการนำกลับไปเป็นยาเสพติดมักจะให้เหตุผลว่า แม้จะเอากลับไปแล้วก็ยังสามารถใช้ทางการแพทย์ได้ แต่ข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ขอย้ำว่าประเทศไทยได้เคยมีช่วงเวลาในการที่ให้ช่อดอกของกัญชาและกัญชงเป็นยาเสพติดแต่ยังคงใช้ในทางการแพทย์ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วได้ก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ของสังคมไทยตามมา

คือ แพทย์ส่วนใหญ่ไม่จ่ายกัญชาให้ผู้ป่วย ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ได้ใช้กัญชานอกระบบทางการแพทย์ จึงทำให้มีความสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องเดือดร้อนถูกจับกุมไปอยู่ในเรือนจำ

ขอให้ศึกษารายงานของศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติดในผลการศึกษาติดตามสถานการณ์การใช้และการให้บริการกัญชาทางการแพทย์ระยะที่สอง ช่วงปี 2563-2564 ในประเทศไทย ซึ่งศึกษาโดย ศ.ดร.พญ.สาวิตรี อัษณางค์กรชัยและคณะ

โดยการศึกษาดังกล่าว เป็นช่วงเวลาที่กัญชายังเป็นยาเสพติดแต่ใช้ทางการแพทย์ได้ กลับพบว่ามีผู้ป่วยที่ได้รับกัญชานอกระบบของกระทรวงสาธารณสุขมากถึงร้อยละ 84 และมีประชาชนใช้กัญชานอกเหนือข้อบ่งใช้ในโรคต่างๆ นอกเหนือการประกาศของกระทรวงสาธารณสุขมากถึงร้อยละ 84 ทั้งที่ตอนนั้นก็คลายล็อกให้ใช้ทางการแพทย์ได้ แต่กลับมียากัญชาถึงมือประชาชนน้อยเหลือเกิน ทั้งที่กัญชามีประสิทธิภาพในการรักษา เพราะผลการศึกษาเดียวกันนี้พบว่าหลังใช้กัญชา ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นถึงดีขึ้นมากถึงร้อยละ 93 ทั้งผู้ป่วยเบาหวาน แพ้เหงื่อตัวเอง แพ้ความร้อน งูสวัด ก้อนเนื้อที่กระเพาะปัสสาวะ AIDS สะเก็ดเงิน ภูมิแพ้ ก้อนเนื้อที่ต่อมลูกหมาก นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ อัมพาตครึ่งซีก เกาต์ ถุงลมโป่งพอง โรคหัวใจอ่อนๆ เป็นต้น นี่คือประสิทธิภาพของกัญชา ซึ่งประชาชนต้องลอบใช้ แม้ว่าตอนนั้นจะคลายล็อกก็ตาม

เราทราบกันดีว่าที่แพทย์ไม่จ่ายยากัญชาก็เพราะข้ออ้างว่าไม่ได้มีงานวิจัยที่ชัดเจนเป็นที่ประจักษ์ และไม่ได้เป็นข้อบ่งใช้ภายใต้ประกาศของกระทรวงสาธารณสุข หรือมีอคติและความไม่เข้าใจในเรื่องกัญชา แม้กระทั่งมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับยาแผนปัจจุบันอย่างอื่น สุดท้ายแล้ว เพราะสิ่งเหล่านี้ ประชาชนที่ใช้กัญชาเป็นทางเลือกด้านการรักษาสุขภาพก็หมดโอกาสนั้นเพราะหมอไม่สั่งยา นี่คือปัญหาของการนำกัญชากลับเป็นยาเสพติด แล้วให้สิทธิ์เฉพาะกับแพทย์ในการจ่ายยา ก็เหมือนทำลายยากัญชาไปโดยปริยาย

“ดังนั้น อย่ามาอ้างว่าถึงเอากลับเป็นยาเสพติด ประชาชนก็ใช้กัญชาดูแลสุขภาพตัวเองได้ เพราะประสบการณ์มันให้คำตอบไว้หมดแล้ว ขนาดคลายล็อกให้ใช้ ประชาชนยังเข้าไม่ถึง หากเอากลับไปเป็นยาเสพติด ก็อวสานได้เลย”

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ เมื่อนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีก คนที่ใช้กัญชานอกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเพราะแพทย์ไม่จ่ายยาให้ ก็ต้องกลับไปเป็นอาชญากรนำไปติดคุกตะรางนั้น เหมาะสมแล้วหรือไม่ นี่ก็เป็นคำถามที่ต้องตอบให้ได้

ทั้งนี้ หากมีการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดแล้ว สิ่งที่ตามมาคือ การมีข้อกำหนดที่ยุ่งยากและเป็นภาระเกินไปในสถานพยาบาลทุกแห่ง ทำให้แพทย์ส่วนใหญ่ไม่เป็นมิตรกับการจ่ายกัญชาให้คนไข้ แล้วก็เลือกที่จะไม่จ่าย แม้ชาวบ้านจะร้องขอก็ตาม

และในความเป็นจริงในช่วงกัญชาเป็นยาเสพติดแต่อ้างว่าใช้กัญชาทางการแพทย์ได้ ปรากฏว่าผลิตภัณฑ์กัญชาที่รัฐบาลลงทุนผลิตให้โรงพยาบาลต่างๆ จ่ายให้ผู้ป่วย กลับปรากฏว่าแพทย์ส่วนใหญ่ไม่จ่ายกัญชาให้คนไข้และปล่อยให้ผลิตภัณฑ์น้ำมันกัญชาหมดอายุไป ในขณะที่ประชาชนกลับต้องหาน้ำมันกัญชาใต้ดินเพื่อมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์

ณ จุดหนึ่งประชาชนจะหาทางเข้าถึงยากัญชาเอง แล้วจะเกิดเรื่องแบบเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565 ที่คุณยายอายุ 70 ปี ปลูกกัญชาเพื่อต้มกินรักษาโรคเพื่อการพึ่งพาตัวเอง แต่กลับถูกจับกุมและขังคุก เราต้องการให้เหตุการณ์ทำนองนี้กลับมาอีกหรือไม่

“เรื่องของกัญชาจะต้องคำนึงถึง 2 ด้าน คือ เมื่อกัญชา คือ ยา มีสรรพคุณในการรักษา เราต้อง
1. เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยเข้าถึงกัญชาได้มากขึ้นโดยไม่ถูกผูกขาดอยู่กับกลุ่มทุนทางการแพทย์บางกลุ่ม
2. ออกกฎหมายคุ้มครองผู้ที่ไม่ได้ใช้กัญชาอย่างเข้มงวด และผู้ที่ห้ามใช้กัญชาอย่างเคร่งครัด และยังกำหนดให้มีบทลงโทษรุนแรงกว่ายาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ก็ยังได้

และการจะทำเช่นนั้นได้ ไม่สามารถจะแก้ไขปัญหาด้วยการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดโดยอ้างว่าจะยังคงใช้ทางการแพทย์ได้ แต่จะปล่อยให้สถานการณ์ที่ยังไม่มีกฎหมายควบคุมทั้งระบบก็ไม่ได้เช่นกัน

ทางออกเรื่องนี้จึงทำได้เพียงประการเดียวคือ ต้องเร่งตราพระราชบัญญัติในการใช้ประโยชน์และควบคุมกัญชา และกัญชงทั้งระบบ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเอาความจริงมาพูดกันเท่านั้น”

22/06/2024

เชิญชม 🔴 live รายการ “คุยกับเศรษฐา”
เปิดเบื้องหลัง อัพเดทความคืบหน้าการทำงานของรัฐบาล และตอบทุกข้อสงสัยของประชาชน โดย นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน

คลิกเลย https://www.facebook.com/share/p/EW3Ty33MZPhp6XNB/?mibextid=oFDknk


#ไทยคู่ฟ้า

“บิ๊กต่อ” สวมเครื่องแบบเข้ามาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ครั้งแรก หลังนายกฯ มีคำสั่งส่งตัวกลับ มีสีหน้ายิ้มแย้ม ปฏิเสธให้สัมภา...
21/06/2024

“บิ๊กต่อ” สวมเครื่องแบบเข้ามาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ครั้งแรก หลังนายกฯ มีคำสั่งส่งตัวกลับ มีสีหน้ายิ้มแย้ม ปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน

วันนี้ (21 มิ.ย.) เมื่อเวลา 17.09 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เดินทางเข้ามาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วยรถยนต์โตโยต้า Vellfire สีเทา มาจอดบริเวณลานจอดรถอาคาร 1 ตร. โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สวมเครื่องแบบตำรวจเต็มยศ ก่อนจะเดินเข้าในอาคารด้วยท่าทางรีบร้อน โดยผู้สื่อข่าวประจำ ตร.ได้ทักทายก่อนที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะโบกมือว่าไม่ขอให้สัมภาษณ์ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดขึ้นไปยังชั้น 2 พร้อมกับตำรวจติดตาม

ทั้งนี้ การเดินทางเข้ามาสำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกภายหลังนายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งให้พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ไปปฎิบัติหน้าที่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 พร้อมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ กระทั่งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ จะสอบเสร็จสิ้นและรายงานผลการสอบสวนใหันายกรัฐมนตรี รับทราบ ต่อมานายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กลับมาปฎิบัติหน้าที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติในตำแหน่ง ผบ.ตร.ตามเดิม

21/06/2024
ครั้งแรกที่ผมออกมาเล่าให้ฟังเบื้องหลังการคิด การทำงาน และก็ความสำคัญของเรื่องต่าง ๆ ที่เราทำ ผ่านรายการ “คุยกับเศรษฐา” เ...
21/06/2024

ครั้งแรกที่ผมออกมาเล่าให้ฟังเบื้องหลังการคิด การทำงาน และก็ความสำคัญของเรื่องต่าง ๆ ที่เราทำ ผ่านรายการ “คุยกับเศรษฐา” เทปแรก วันเสาร์ที่ 22 มิ.ย. นี้ เวลา 08.00 - 08.30 ทาง NBT - ช่อง 5 สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ทั่วประเทศ / 09.30 - 10.00 น. ทาง ช่อง 9 MCOT และเวลา 18.00 - 18.30 น. ทางวิทยุ อสมท.

รอบนี้ขอเริ่มที่ตึกไทยคู่ฟ้า แต่เปลี่ยนมาดจากนายกเป็นคนทำงาน ครั้งหน้าที่ไหนติดตามชมครับ

เอเจนซีส์/เอพี - ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึน วันพุธ (19 มิ.ย.) ประกาศแสดงการสนับสนุนมอสโกอย่างเต็มที่ในสงครามยูเค...
21/06/2024

เอเจนซีส์/เอพี - ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึน วันพุธ (19 มิ.ย.) ประกาศแสดงการสนับสนุนมอสโกอย่างเต็มที่ในสงครามยูเครน หลังประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน กลายเป็นสารถีขับรถออรัสลีโม (AurusLimo) ให้ผู้นำเกาหลีเหนือระหว่างชมกรุงเปียงยางก่อนมอบให้อย่างเป็นทางการ ทั้ง 2 ฝ่ายลงนามข้อตกลงความมั่นคงพร้อมเงื่อนไขรัสเซียจะส่งกำลังช่วยเกาหลีเหนือหากโดนสหรัฐฯ โจมตี วอชิงตันเย้ยรัสเซียกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อหาตัวช่วยในสงครามยูเครน

สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้รายงานวันนี้ (19 มิ.ย.) ว่า เป็นการเยือนเกาหลีเหนือครั้งแรกในรอบ 25 ปีของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งฝ่ายเปียงยางมีการจัดการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติ

ท่ามกลางความสงสัยของเกาหลีใต้ซึ่งก่อนวันพุธ (19) ที่ผู้นำรัสเซียจะเดินทางมาถึงพบว่ามีทหารเกาหลีเหนือ 30 นายเดินวนเวียนอยู่ที่เส้นแบ่งเขตแดน DMZ

เอพีรายงานว่า ในวันอังคาร (18) กองกำลังเกาหลีใต้ได้กระจายเสียงเตือนพร้อมยิงปืนเพื่อส่งสัญญาณให้ทหารเหล่านั้นถอยกลับเข้าไปที่มีการข้ามล้ำเข้ามาเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 สัปดาห์

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือได้แสดงการสนับสนุนมอสโกอย่างเต็มกำลังต่อการทำสงครามในยูเครนของรัฐบาลรัสเซียที่เรียกว่า เป็นปฏิบัติการพิเศษทางการทหารในยูเครน และแสดงความปรารถนาต้องการทำให้ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์กับมอสโกนั้นแข็งแกร่งมากขึ้นในระหว่างที่คิม จองอึนประชุมซัมมิตกับผู้นำรัสเซียในวันพุธ (19)

อ้างอิงจากสื่อเรดิโอฟรียุโรปของสหรัฐฯ ผู้นำเกาหลีเหนือได้กล่าวตอบต่อปูตินว่า ประเทศของเขาสนับสนุนอย่างเต็มที่และมีความเป็นหนึ่งเดียวกับรัฐบาลรัสเซีย กองทัพ และประชาชนรัสเซียในปฏิบัติการพิเศษทางการทหารในยูเครนเพื่อปกป้องอธิปไตย ผลประโยชน์ทางความมั่นคง และความถูกต้องของดินแดน”

เป็นการออกมาแสดงการตอบรับของฝ่ายเปียงยางหลังผู้นำรัสเซียได้วิพากษ์วิจารณ์ในเชิงตำหนิต่อมาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติที่มีต่อเกาหลีเหนือเป็นผลมาจากโครงการอาวุธนิวเคลียร์เปียงยาง ปูตินชี้ว่าการคว่ำบาตรเหล่านี้ “ไม่ชอบธรรม และมีแรงจูงใจทางการเมือง” อยู่เบื้องหลัง

ยอนฮับรายงานว่า หลังจากการซัมมิตพบว่า ทั้งประธานาธิบดีรัสเซีย และประธานาธิบดีเกาหลีเหนือลงนามสนธิสัญญาความเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์อย่างครอบคลุม (comprehensive strategic partnership treaty)

เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานเพิ่มเติมว่า เนื้อหาสนธิสัญญาที่ทั้ง 2 ฝ่ายลงนามนั้นมีวรรคที่มีเนื้อหาคล้ายมาตรา 5 ของนาโตที่ระบุว่า ประเทศภาคีสามารถส่งมอบความช่วยเหลือระหว่างกันได้หากว่าอีกฝ่ายโดนโจมตี

ซึ่งข้อตกลงนี้บรรลุในวันพุธ (19) หลังการเจรจาต่อรองนานหลายชั่วโมงที่กรุงเปียงยาง และเป็นการซัมมิตร่วมกันระหว่างปูติน-คิมครั้งที่ 2 ในรอบ 9 เดือน

ทั้งนี้ ไม่ได้มีรายละเอียดออกมาระบุชัดถึงความช่วยเหลือตามสนธิสัญญา แต่ทว่าผู้นำรัสเซียในภายหลังได้อธิบายถึงสนธิสัญญาว่า “เกาหลีเหนือมีสิทธิป้องกันตัวเอง” อ้างอิงจากสำนักข่าว TASS ของรัสเซีย

ในการเยือนเกาหลีเหนือเที่ยวนี้ พบว่า ปูตินได้ขับรถออรัสลีโม (AurusLimo) ซึ่งเป็นหนึ่งในของขวัญมอบให้ร่วมกับผู้นำเกาหลีเหนือเพื่อชื่นชมกรุงเปียงยางที่มีการประดับประดาต้อนรับด้วยภาพและข้อความไปตามถนนหนทาง

นอกเหนือจากรถยนต์ลิมูซีนแล้ว ยังมีชุดน้ำชาที่ฝ่ายรัสเซียเตรียมให้ เดอะการ์เดียนรายงานว่า ในขณะเดียวกันประธานาธิบดีคิม จองอึนได้มอบของขวัญล้ำค่าให้ผู้นำรัสเซีย ซึ่งรวมไปถึงรูปปั้น

สหรัฐฯ ได้ออกมาวิจารณ์ในเชิงตำหนิต่อการเยือนเกาหลีเหนือครั้งนี้ว่า เหมือนราวกับว่า รัสเซีย ต้องพยายามอย่างหนัก เพื่อพัฒนาและกระชับความสัมพันธ์กับชาติต่างๆ ที่สามารถให้สิ่งที่ต้องการได้เพื่อทำให้รัสเซียสามารถทำสงครามในยูเครนได้ต่อไป รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน กล่าวที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

และเขาเสริมต่อว่า “เกาหลีเหนือได้ป้อนกระสุนให้จำนวนมากให้รัสเซียและรวมไปถึงอาวุธอื่นๆ เพื่อใช้ในยูเครน อิหร่านได้มอบยุทโธปกรณ์ให้รวมถึงโดรน ที่ใช้โจมตีต่อพลเรือนและสิ่งปลูกสร้างของพลเรือน”

https://mgronline.com/around/detail/9670000052504

วันนี้ (21 มิ.ย.) เฟซบุ๊ก Wipavee Charoenpura ของ กุ้ง-วิภาวี เจริญปุระ พี่สาวของ "ใหม่ เจริญปุระ" โพสต์ระบุว่า "ขอแสดงค...
21/06/2024

วันนี้ (21 มิ.ย.) เฟซบุ๊ก Wipavee Charoenpura ของ กุ้ง-วิภาวี เจริญปุระ พี่สาวของ "ใหม่ เจริญปุระ" โพสต์ระบุว่า "ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวอย่างที่สุด ของ แม่แอ๊ด โฉมฉาย ฉัตรวิไล ขอให้คุณงามความดีของพี่แอ๊ดจงนำทางวิญญาณของพี่แอ๊ดสู่สุขคติ สัมปรายภพ กราบลาพี่แอ๊ด โฉมฉาย ฉัตรวิไลด้วยความรักและอาลัยอย่างยิ่ง"

เช่นเดียวกับ ก้อย-ปาริฉัตร ไพรหิรัญ ผู้จัดละคร โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า "เมื่อวานรู้สึกช็อคไปทั้งวัน แม้ว่าจะพอรู้บ้างว่าแม่ป่วย ขอโทษที่ติดตามข่าวของแม่น้อยไป แม่เป็นคนร่าเริง น่ารัก แจ่มใส เป็นครู เป็นแบบอย่างในหลายๆด้าน เจอแม่ทีไรจะมีอ้อมกอดอุ่นๆให้เสมอ ขอให้แม่ไปอยู่สรวงสวรรค์อยู่ในภพภูมิที่ดี ขอเป็นกำลังใจให้ Arts Panitnart Chatvilai แม่คงหมดห่วงแล้ว ยังไงก็มีพี่ป้าน้าอารายล้อมมอบความรักให้เสมอนะจ๊ะ…. จากครอบครัวไพรหิรัญ"

ทั้งนี้ โฉมฉาย ฉัตรวิไล หรือชื่อจริงว่า แอ๊ด - วัลชุลี ฉัตรวิไล เกิดเมื่อ 31 ตุลาคม 2493 ปัจจุบันอายุ 74 ปี ซึ่งบทบาทที่โดดเด่นและเป็นที่จดจำของผู้ชมชาวไทย คือ "แม่น้อย" คุณแม่ของตัวละครหลักในเรื่อง "บ้านนี้มีรัก" กระทั่งมีผลงานมากมาย เป็นปูชนียบุคคลด้านการแสดงของประเทศไทย

#แอ๊ดโฉมฉาย #โฉมฉายฉัตรวิลัย

21/06/2024
นายกฯเผยรู้หมดแล้วฝีมือใคร ตร.คนไหน อยู่เบื้องหลังปมเรือน้ำมันเถื่อน รับเจ้าของเรือเอี่ยวด้วย หลัง“พล.ต.อ.ไกรบุญ”เข้าราย...
20/06/2024

นายกฯเผยรู้หมดแล้วฝีมือใคร ตร.คนไหน อยู่เบื้องหลังปมเรือน้ำมันเถื่อน รับเจ้าของเรือเอี่ยวด้วย หลัง“พล.ต.อ.ไกรบุญ”เข้ารายงานความคืบหน้า

เมื่อเวลา 16.37 น.วันที่ 20 มิ.ย.ที่รัฐสภา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีร
ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ เข้าพบว่า มาพบเรื่องยาเสพติดและเรื่องการทำงานทั้งหมด เมื่อถามว่า มีแผนและความคืบหน้าที่เราจะดำเนินการหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีครับ แต่ยังเปิดเผยไม่ได้

เมื่อถามว่า พล.ต.อ.ไกรบุญ ได้รายงานความคืบหน้าเรื่องเรือน้ำมันเถื่อนหรือไม่นายกฯ กล่าวว่า มีครับ มีการรายงาน และยังอยู่ในขั้นตอน เมื่อถามว่า เรารู้ตัวแล้วใช่หรือไม่ว่าเป็นฝีมือของใคร ตำรวจคนไหนเกี่ยวข้อง หรือเจ้าหน้าที่คนไหนเกี่ยวข้อง นายกฯกล่าวว่า ทราบหมดแล้วครับ ซึ่งตอนนี้ทราบหมดแล้วและพล.ต.อ.ไกรบุญ ก็ทราบแล้ว ซึ่งท่านก็มีตำแหน่งเป็นจเรตำรวจดูความประพฤติวินัยด้วย

เมื่อถามว่า เจ้าของเรือเชื่อมโยงกับการหายคดีที่เรือหายไปใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ใช่ครับ ถูกต้องครับ และมันก็เกี่ยวโยงกับเรื่องของต่างประเทศด้วยเหมือนกันตรงนี้ มันก็ทำยากเหมือนกัน เมื่อถามย้ำว่า ตัวการใหญ่ที่นายกฯเคยบอกว่าอยู่ต่างประเทศมีการรายงานวันนี้ด้วยหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ตนว่าตรงนี้เป็นเรื่องของความละเอียดอ่อนทางด้านการสืบสวนสอบสวน อย่าให้มาเปิดเผยตอนนี้เลยดีกว่า อย่างที่ตนบอกว่าต้องมีเรื่องติดต่อกับต่างประเทศด้วย ฉะนั้น มันก็ไม่ค่อยง่ายเท่าไหร่

เมื่อถามว่า จะนานหรือไม่ที่จะสามารถเปิดเผยได้ เพราะประชาชนคาใจกับเรื่องนี้ นายกฯกล่าวว่า ตนก็เร่งไปที่พล.ต.อ.ไกรบุญแล้ว เมื่อถามว่า กระทรวงการต่างประเทศต้องเข้ามาช่วยในเรื่องการเจรจาตรงนี้ด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องมีครับ ช่วยครับ

เมื่อถามว่า ตำรวจระดับไหนที่เข้าไปเกี่ยวข้องและเปิดทางให้ นายเศรษฐากล่าวว่า “ผมว่าอย่าเพิ่งไปพูดตรงนั้นก่อนดีกว่า ให้การสอบสวนไปให้ถึงที่สุดก่อน ตอนนี้อย่างที่บอกมีผู้กำกับตำรวจน้ำใช่ไหมครับ เราก็ต้องดูให้มันละเอียด ว่ามันจะสาวไปถึงตรงไหนบ้างหรือเปล่าก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวหาด้วยเหมือนกัน”

ธปท.ออกธนบัตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบนายเศรษฐพุฒิ ...
20/06/2024

ธปท.ออกธนบัตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย แถลงว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดทำธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ตลอดจนให้ประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสแลกธนบัตรไว้เป็นที่ระลึก และมีส่วนร่วมในการแสดงความจงรักภักดี

ธปท. จัดทำธนบัตรที่ระลึกในชนิดราคา 100 บาท จำนวนทั้งสิ้น 10 ล้านฉบับ โดยธนบัตรได้รับการออกแบบเป็นแนวตั้ง เพื่อให้พระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีความโดดเด่น งดงามมีความพิเศษแตกต่างจากธนบัตรหมุนเวียนทั่วไป และได้จัดพิมพ์ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง บนวัสดุพอลิเมอร์เพื่อให้มีความทนทาน รวมทั้งมีลักษณะต่อต้านการปลอมแปลงอย่างครบถ้วน

ธนบัตรที่ระลึกนี้สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย โดยจ่ายแลกในราคาฉบับละ 100 บาทพร้อมกันนี้ ธปท. ได้จัดท าแผ่นพับสำหรับธนบัตรที่ระลึกดังกล่าว จำนวน 2 ล้านชุด เพื่อจำหน่ายในราคาชุดละ 10 บาท โดยรายได้จากการจำหน่ายแผ่นพับทั้งหมดจะนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย

ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจสามารถติดต่อขอแลกธนบัตรที่ระลึกนี้ได้ที่ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และที่ศูนย์การเรียนรู้ ธปท. ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป

https://www.bot.or.th/th/our-roles/banknotes/History-and-Series-of-Banknote-And-Commemorative/banknotes-commerorative/Commemorative_K10_K6th.html

https://youtu.be/qKsTye5afNI

ที่อยู่

102/1 บ้านพระอาทิตย์ ถ. พระอาทิตย์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร
Bangkok
10200

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ News Hourผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง News Hour:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์


เว็บไซต์ข่าวและสื่อ อื่นๆใน Bangkok

แสดงผลทั้งหมด