เพื่อนบ้านอารีย์

เพื่อนบ้านอารีย์ ฟังเรื่องเล่าจากชาวอารีย์ ที่เกี่ยวกับมนุษย์ทุกคน

เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาเราทำ Walking Tour แบบเต็มสูตรเป็นครั้งแรกที่ว่าเต็มสูตรก็คือ ใช้ความรู้ทั้งหมดที่มี ที่ได้มาจากการ...
24/07/2024

เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาเราทำ Walking Tour แบบเต็มสูตรเป็นครั้งแรก

ที่ว่าเต็มสูตรก็คือ ใช้ความรู้ทั้งหมดที่มี ที่ได้มาจากการสัมภาษณ์คนในย่าน การอ่านค้นคว้า และการอนุมานเอาเอง 🤣 มาประกอบเป็นการบรรยายประวัติศาสตร์ของทุ่งพญาไท แบบสบาย ๆ แต่เล่าปะติดปะต่อตั้งแต่สมัยที่แถวนี้ไม่มีอะไรเลยนอกจากควาย มาจนถึงความเป็นย่านเก๋ในปัจจุบัน

อยากบันทึกไว้ว่าเป็นสองวันที่ประหม่ามาก แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาเกินคาดสุด ๆ มีคนสมัครมาถึง 50 คน 20 คนที่พวกเราเลือกมานั้นก็ลงเอยด้วยการใช้ครึ่งวันสุดสัปดาห์อันแสนมีค่า ไปกับการวิ่งฝ่าฝนเฉอะแฉะ สนุกสนานไปด้วยกัน เดินซื้อชมไข่มุก ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ พูดคุยเรื่องย่านบางคนอินมาก อินน้อย แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน

ดีที่เห็นว่าความเนิร์ดของเรามันสามารถต่อยอดเป็นความรู้ที่ส่งต่อไปให้คนอื่นเป็นทอด ๆ ได้ หวังว่าจะได้ทำอีกบ่อย ๆ ใครสนใจอยากเป็นเจ้าภาพก็บอกได้นะ 🤣🤣
#ทีมอารีย์ #เพื่อนบ้านอารีย์

วันอาทิตย์นี้ 1 ทุ่มที่สวนกรมประชาสัมพันธ์ มีหนังสารคดีฉายนะ เราเคยดูแหละ เป็นหนังที่ดูจบแล้วรู้สึกอยากเป็นนักออกแบบเมือ...
18/07/2024

วันอาทิตย์นี้ 1 ทุ่มที่สวนกรมประชาสัมพันธ์ มีหนังสารคดีฉายนะ

เราเคยดูแหละ เป็นหนังที่ดูจบแล้วรู้สึกอยากเป็นนักออกแบบเมืองเลย แนะนำๆ

ขอบคุณ AriAround และ The Daily Mix Project ที่ช่วยกันทำให้แถวบ้านเรามีอะไรมากขึ้นนะ

🌳✨ ชวนดูหนังกลางแจ้งที่สวนสาธารณะกรมประชาสัมพันธ์ ✨🌳
🎥 The Human Scale กำกับโดย Andreas Dalsgaard 🎥

ครึ่งหนึ่งของประชากรโลกอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ และภายในปี 2050 ตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 80% ชีวิตในมหานครเต็มไปด้วยความน่าหลงใหลและปัญหามากมาย เราต้องเผชิญกับปัญหาน้ำมันขาดแคลน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความเหงา และปัญหาสุขภาพรุนแรง แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้?

สถาปนิกและศาสตราจารย์ชาวเดนมาร์ก Jan Gehl ได้ศึกษาพฤติกรรมมนุษย์ในเมืองมานานถึงสี่ทศวรรษ เขาได้บันทึกว่าเมืองสมัยใหม่ขัดขวางการมีปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ และเสนอว่าการออกแบบเมืองสามารถคำนึงถึงความต้องการของมนุษย์ในการรวมกลุ่มและความใกล้ชิดได้อย่างไร

The Human Scale พาเราพบกับนักคิด สถาปนิก และนักวางผังเมืองจากทั่วโลก สะท้อนให้เห็นถึงการตั้งคำถามกับความเชื่อเกี่ยวกับความทันสมัย และสำรวจสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเราวางผู้คนเป็นศูนย์กลางของการวางแผนเมือง

🔹 ทำไมถึงไม่ควรพลาด? 🔹
- เรียนรู้การพัฒนาเมืองที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับผู้คน
- เข้าใจผลกระทบของการออกแบบเมืองต่อสุขภาพและความเป็นอยู่
- มาแลกเปลี่ยนแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลงชุมชนและเมืองให้ดีขึ้น
- โอกาสพบปะและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้คนที่สนใจร่วมกัน

นำเสื่อ หมอน ขนม มานั่งพักผ่อนและชมภาพยนตร์ไปพร้อมกันในบรรยากาศสบาย ๆ ภายในสวน หวังว่าจะได้พบทุกคนในงานนะคะ!

วันและเวลา:
🗓️ วันที่ 21 กรกฎาคม 2567
🕖 19.00 - 20.30 น.
สถานที่:
🏞️ สวนสาธารณะกรมประชาสัมพันธ์
https://maps.app.goo.gl/yykfqpwTStjYR2TJ6

งานนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม workshop สำรวจอัตลักษณ์ของย่านอารีย์ Discover Ari's Identity ที่ AriAround จัดร่วมกับ The Daily Mix Project

🌐 ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่: https://forms.gle/NXJUZ2JZgfUX1xKGA

อย่าลืมแชร์โพสนี้ให้เพื่อน ๆ และครอบครัวเพื่อมาร่วมสัมผัสประสบการณ์และหาคำตอบของเมืองที่ดีสำหรับทุกคนไปด้วยกัน! 🌟

ขอขอบคุณ Documentary Club สำหรับการสนับสนุนการฉายภาพยนตร์ในชุมชนของเราด้วยค่ะ 🙏🏼💕

#มองอารีย์ผ่านผู้คน #ค้นหาอัตลักษณ์ #ร่วมออกแบบอนาคตย่าน #สวนสาธารณะกรมประชาสัมพันธ์

✨ The Gentrification of Soi Ari ✨คนชอบบอกว่า ซอยอารีย์ นี่เป็นออริจนัล “ดงผู้ดี” มาแต่ไหนแต่ไร จะกลายเป็นเหยื่อของ Gentr...
17/07/2024

✨ The Gentrification of Soi Ari ✨

คนชอบบอกว่า ซอยอารีย์ นี่เป็นออริจนัล “ดงผู้ดี” มาแต่ไหนแต่ไร จะกลายเป็นเหยื่อของ Gentrification หรือปรากฏการณ์ “การเปลี่ยนชนชั้นของพื้นที่” ที่กำลังเกิดขึ้นในเมืองใหญ่ทั่วโลกได้อย่างไร เจ้าของบ้านหลังใหญ่เริ่มขายบ้านไปอยู่ที่อื่น เพราะมันชักจะแออัดจอแจเกินไปไม่เหมือนแต่ก่อน สิ่งนี้เกิดขึ้นจริงไหม อย่างไร จะเล่าให้ฟัง

ก่อนอื่น ขอเล่าความหมายของ Gentrification แบบง่าย ๆ ก่อน สมมุติว่ามีชุมชนอยู่แห่งหนึ่ง แล้วจู่ ๆ ก็เกิดอะไรซักอย่างที่ดึงดูดให้ใคร ๆ ก็อยากจะย้ายมาอยู่ หรือมาทำธุรกิจที่ชุมชนแห่งนี้พร้อมกันขึ้นมา เช่น อยู่ ๆ ก็มีสถานีรถไฟฟ้ามาลง มีคนมาถ่ายหนังกลายเป็นย่านดังขึ้นมา มีสำนักงานขนาดใหญ่มาตั้งทำให้เดินทางง่าย หรือมีคนค้นพบอัตลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครของพื้นที่นั้น ๆ ทำให้คนที่มีรายได้มากกว่าย้ายเข้ามาอยู่จำนวนมาก ทำให้เกิดกิจการร้านค้าใหม่ ๆ แพง ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับคนกลุ่มใหม่ที่มีรายได้มากกว่าเหล่านี้มากขึ้น จนทำให้คนที่อยู่เก่ารับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นไม่ไหว จนต้องย้ายออกไป

แต่เหตุการณ์แบบนี้มักเกิดขึ้นในทำนอง คนรวยไล่ที่คนจน มิใช่หรือ ผู้อ่านหลายคนคงทราบอยู่แล้ว ว่าผู้ที่มาตั้งรกรากอยู่ในซอยอารีย์เป็นกลุ่มแรก คือข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และนักการเมือง ที่เติบโตมาในยุคหลัง พ.ศ. 2490 แต่ไม่ใช่ข้าราชการระดับที่อยู่ในบ้านพักข้าราชการ หรือแฟลตตำรวจ เป็นบ้านหลังใหญ่หลายหลังติดกันเป็นซอย ทำให้ยุคหนึ่งพื้นที่ตรงนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับ “หมู่บ้านจัดสรรระดับไฮแอนด์” ในแถบปริมณฑลมากนัก มันมีความเงียบสงบ ประชากรน้อย แต่ละบ้านก็จะรู้จักว่าลูกใครเป็นลูกใคร เป็นที่พักอาศัยที่ไม่มีธุรกิจอะไรเกิดขึ้นมากนัก

การขยายตัวของกรุงเทพฯ ทำให้พื้นที่แห่งนี้ไม่ได้เป็นชานเมืองอีกต่อไป ความเปลี่ยนแปลงจริง ๆ มาเริ่มเกิดหลังจากที่หน่วยงานระดับประเทศ กรม กระทรวง ต่าง ๆ เริ่มย้ายกันมาจับจองพื้นที่หนองน้ำท้ายซอยอารีย์ ที่เดิมเป็นของกรมธนารักษ์ เพิ่มขึ้นทีละหน่วยงาน ทำให้ที่นี่เริ่มเปลี่ยนสภาพเป็นที่ทำงานมากขึ้น ที่ทำงานเริ่มมาพร้อมกับการ Commute หรือการเดินทาง ไป-กลับ ซึ่งสามารถดึงดูดร้านอาหารราคาย่อมเยาว์ ร้านกาแฟ ต่าง ๆ ให้มาเปิดเพื่อรองรับพนักงานที่ทำงานที่นี่ – ในขณะเดียวกัน บนถนนพหลโยธินก็เริ่มเปลี่ยนเส้นทางหลักของกรุงเทพฯ ฝั่งเหนือ เริ่มมีตึกสำนักงานเอกชนมาตั้งมากขึ้น

“สถานี BTS อารีย์” เป็นหนึ่งในสถานีรถไฟฟ้าเซ็ตแรกของกรุงเทพฯ ราว ๆ ปี พ.ศ. 2542 ทำให้จู่ ๆ ที่นี่ก็กลายเป็นซอยที่เดินทางสะดวก ถ้ามาซื้อคอนโดอยู่ที่นี่ ก็จะสามารถขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงานที่่เพลินจิต สุขุมวิท สาธร ได้อย่างสบาย ๆ จึงมีคนกลุ่มใหม่ย้ายเข้ามาอยู่มากขึ้น นั่นหมายความว่าพนักงานออฟฟิศเริ่มมาจับจองคอนโดกัน ยิ่งคอนโดขายดีมาก ก็ยิ่งมีคอนโดใหม่ผุดขึ้นเรื่อย ๆ

คนกลุ่มใหม่ ก็มาพร้อมกับความต้องการใหม่ ร้านเสริมสวยป้ายไฟหมุน ๆ ธรรมดาก็เริ่มจะไม่พอ ต้องมีร้านศัลยกรรมด้วย ร้านอาหารตามสั่งจะขายไปทำไม ในเมื่อขายอาหารในราคาสองสามเท่าได้ ร้านกาแฟ ร้านอาหารรวมกันก็เริ่มทำให้อารีย์กลายเป็นย่านท่องเที่ยวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจมากขึ้น ต้องการที่จอดรถมากขึ้น

เจ้าของบ้านแถบนี้ หลายท่านอายุมากแล้ว หลายครอบครัวพาตระกูลหนีรถติดไปสร้างบ้านที่ยังมีความเป็นชนบทอยู่ หลังจากอารียืเปลี่ยนสภาพเป็นกึ่งสถานที่ท่องเที่ยว ทำให้ทุกตารางนิ้วของที่นี่กลายเป็นที่ต้องการของคนที่อยากเข้ามาทำธุรกิจคาเฟ่ - ร้านอาหาร ส่งผลให้ค่าเช่าสูงลิบลิ่ว บ้านเล็กบ้านใหญ่ต่างพากันเฉือนพื้นที่หน้าบ้านตัวเองให้เช่า ทำให้เกิดย่านที่หน้าตายูนีคไม่เหมือนที่ไหน หน้าบ้านเป็นร้านอาหาร หลังร้านเป็นบ้านคนซ่อนตัวอยู่

ปัจจุบันเราเริ่มเห็นบริษัทร้านอาหารเชนที่เจาะลูกค้า upper-middle class มาเปิดสาขาที่นี่มากขึ้น ทำให้เห็นว่าตลาดกำลังมองอารีย์เป็นแหล่งกินเที่ยวไลฟ์สไตล์ ชิค ๆ คูล ๆ มากขึ้น

Gentrification เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกสำหรับเมืองที่กำลังขยายตัว พยายามยับยั้งไปก็เสียเวลาเปล่า ข้อดีคือ คนที่ย้ายเข้ามาใหม่ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นผู้รายเสมอไป ลองไปถามบริษัทคอนโดแต่ละเจ้าจะรู้ว่าเจ้าของบ้านแถวนี้นั้นดุใช่ย่อย สิ่งที่ต้องทำจริง ๆ คือมองให้เห็นภาพเดียวกันให้ได้ก่อนว่าอนาคตเราอยากจะไปทางไหน เพื่อที่จะสื่อสารไปหาผู้เล่นรายใหม่ให้เขาสามารถเข้ามาสนับสนุน และทำอะไรร่วมกันได้

ถ้าเราเห็นภาพไม่ตรงกัน ไม่รู้จักกัน ไปกันคนละทิศละทาง อีกหน่อยกลัวจะกลายเป็นไม่ต่างอะไรกับห้างไม่ติดแอร์อีกแห่งหนึ่งไปเสียก่อน

ช่วงนี้เบื่อถอดเสียงสัมภาษณ์แล้ว อยากเปลี่ยนมาเขียนเล่าถึง  #ชาวอารีย์ แบบตรง ๆ ดูบ้างนี่คือเพื่อนบ้านคนหนึ่งในย่านเรา ค...
15/07/2024

ช่วงนี้เบื่อถอดเสียงสัมภาษณ์แล้ว อยากเปลี่ยนมาเขียนเล่าถึง #ชาวอารีย์ แบบตรง ๆ ดูบ้าง

นี่คือเพื่อนบ้านคนหนึ่งในย่านเรา คุณบาเชียร์ Bashir Ahmad อดีตนักมวย MMA ที่มีชื่อเสียงจากอเมริกา ที่ย้ายมาอยู่อารีย์เมื่อไม่กี่ปีมานี้ เราเคยสัมภาษณ์คุณบาเชียร์เมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นจำได้ว่าจู่ ๆ ก็เห็นพี่เขาโพสต์หางานสอนมวยแบบถี่มาก เห็นความขยันจนรู้สึกได้คนนี้ต้องมีอะไรแน่ ๆ เราฝ่าความประหม่าไปสัมภาษณ์เขาถึงที่บ้าน เราได้ฟังเรื่องราวของเขาในฐานะทหารมุสลิมอเมริกัน เชื้อชาติปากีสถาน ที่ถูกส่งไปรบที่อิรัก และเหตุการณ์ถูกวางระเบิดในค่าย เป็นเรื่องที่หาฟังไม่ได้จากการคุยกับทั่วไป เป็นสัมภาษณ์ที่ได้ลงไปแล้วรู้สึกภูมิใจในตัวเองมาก ๆ

คุณบาเชียร์ เป็นตัวอย่างหนึ่งของคนหนึ่งที่มีดีในตัว และเติบโตได้จากการสนับสนุนจากย่าน เขาโชคดีที่ย้ายเข้ามาอยู่ในอพาร์ทเม้นต์ที่ลูกบ้านทุกคนรู้จักกัน ทำให้มีโอกาสได้ผนวกตัวเองรวมเข้ากับยิมเล็ก ๆ ในซอย 3 มีโอกาสได้สอนมวยให้กับเด็ก ๆ ก่อนที่จะพัฒนาฐานลูกค้าของตัวเองมาจากจุดนั้น อย่างน้อยก็มีหน้าบ้านให้แสดงผลงาน และรู้จักชาวย่านคนใหม่ ๆ ที่อาจจะช่วยส่งเสริมกันในอนาคตได้

เมื่อปีที่แล้วคุณบาเชียร์ติดต่อมาว่าเขาวางแผนจะออกจากงานประจำในฐานะโค้ชมวยค่ายใหญ่แห่งหนึ่ง แล้วมาเปิดยิมเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง โดยมุ่งเป้าว่าเขาจะสอนเด็ก ๆ ให้รู้จักใช้สมาธิและไหวพริบในชีวิต และได้เรียนรู้ไปพร้อมกับการสัมผัสธรรมชาติ และฝึกนักกีฬาขึ้นมาเป็น "ทีมอารีย์" ไปแข่งกับที่อื่น เราได้ยินอย่างนั้นคนรักย่านอย่างเรามีหรือจะไม่อยากช่วย -- การช่วยหาที่เช่า ทำให้เห็นว่าอารีย์นั้นแพงขนาดไหน และทุกตารางนิ้วที่นี่กำลังถูกแย่งชิง จับจองไปทำร้านอาหารเกือบหมดแล้ว

ตัดมาปัจจุบัน คุณบาเชียร์ ได้ที่เปิดยิมของตัวเองในที่สุด เขาได้เปิด Tiger Eye Martial Arts ในพื้นที่ของสนามพิกเกิ้ลบอลประจำย่าน ในซอยเจริญพร 1 คุณบาเชียร์เล่าให้ฟังว่า ลูกค้า 80% เป็นคนในย่าน ที่พาลูกพาหลาน พาตัวเอง มาฝึกศิลปะการต่อสู้กันที่นี่ และเริ่มส่งนักมวยตัวน้อยไปแข่งตามที่ต่าง ๆ

ลองคิดดูนะ ถ้าเราเป็นคุณบาเชียร์ และเราอยู่ในย่านที่ทุกคนตัดขาดออกจากกัน ไม่มีความสัมพันธ์กับพื้นที่ ไม่รู้จักใคร ต่อให้ขยันขนาดไหน การสนับสนุนจะเข้มข้นขนาดนี้ไหม ผลลัพธ์จะออกมาดีขนาดนี้ไหม ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ

ใครอ่านมาถึงตรงนี้ ทิ้งคอมเม้นต์ไว้หน่อยนะ จะได้เขียนเล่าให้ฟังอีกบ่อย ๆ

(อ้อ! คุณบาเชียร์ฝากบอกว่า ถ้าเป็นคนแถวนี้ สามารถเข้ามาทดลองได้เลยฟรี แถมยังมีอีเว้นต์สอนป้องกันตัวของผู้หญิง และอีเว้นต์ต่าง ๆ อีกเพียบเลยนะ) Tiger Eye Martial Arts

ใครที่ติดตามมานาน อาจเห็นเราชวนผู้อ่านมาเดินเล่นกันบ่อย ๆ แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่ตั้งใจจริงจังเท่าครั้งนี้! ครั้งนี้อยากจ...
13/07/2024

ใครที่ติดตามมานาน อาจเห็นเราชวนผู้อ่านมาเดินเล่นกันบ่อย ๆ
แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่ตั้งใจจริงจังเท่าครั้งนี้!

ครั้งนี้อยากจะชวนผู้อ่านมาเดินทัวร์อารีย์กัน
โดยเฉพาะคนที่ย้ายมาอยู่อารีย์ใหม่ ๆ และมีความอยากรู้อยากเห็น 🔍
ก่อนเดิน เราจะเอาแผนที่มากางกัน
เราจะชี้ชวนกัน ว่าเดินไปตรงนี้จะเจออะไรน่าสนใจ
เราจะเล่าประวัติศาสตร์ของย่าน จากปากคำของผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคยสัมภาษณ์

เราจะพาเดินเส้นทางเดิม ๆ นี่แหละ
แต่ครั้งนี้จะมีเพื่อนใหม่ที่พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้ด้วย
เราจะชี้ชวนให้ดูบางอย่างที่เราสังเกตมาตลอด
เราจะชวนให้ตั้งคำถาม และมาหาคำตอบ ร่วมต่อยอดกัน

เป็นการเดินที่จริงจัง และเนิร์ดมาก ๆ ครั้งหนึ่งเลยแหละ
เสร็จแล้วแล้วจะเข้าใจชาวอารีย์ขึ้นเป็นกองเลย

🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀🍀

📌✨ ลงทะเบียนได้แล้ววันนี้ - วันอาทิตย์ที่ 14 กค 67 : https://bit.ly/3YetwHh
กิจกรรมมี 2 รอบ
- วันเสาร์ที่ 20 กค 67 เวลา 14.00-18.00
- วันอาทิตย์ที่ 21 กค 67 เวลา 14.00-18.00
รับจำกัดเพียงรอบละ 10 ท่านเท่านั้น

ขอบคุณ The Daily Mix Project ที่ชวนทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้น และขอบคุณโครงการ #ย่านสร้างสรรค์ ของกทม. ด้วย หวังว่าการเดินครั้งนี้จะเกิดความสร้างสรรค์ขึ้นในย่านเรานะ

เรากำลังจะมีกิจกรรมเดินสำรวจย่านอารีย์กันนะทุกคน !วันที่ 20-21 กรกฏาคมนี้ วันละ 10 คนเท่านั้น ดูรายละเอียดได้ตามนี้เลยแล...
11/07/2024

เรากำลังจะมีกิจกรรมเดินสำรวจย่านอารีย์กันนะทุกคน !

วันที่ 20-21 กรกฏาคมนี้ วันละ 10 คนเท่านั้น ดูรายละเอียดได้ตามนี้เลย

และขอฝาก The Daily Mix Project ด้วยนะ เป็นโปรเจ็คของน้อง ๆ ในย่านสองคนที่พัฒนามาจากโครงการ #ย่านสร้างสรรค์ ของกทม และทำงานร่วมกับเขตพญาไท ออกมาเป็นกิจกรรมต่าง ๆ มากมายหลายอย่างเลย เข้าไปติดตามกันได้ครับ

“ตั้งแต่เด็กก็ฝันอยากเป็นนักร้องนักแสดง อยากได้อยู่บนเวทีแบบเด็กทั่วไปค่ะ ตอนนี้เตยผ่านมาหลายอย่างทั้งเล่นละครมิวสิคัล ล...
10/07/2024

“ตั้งแต่เด็กก็ฝันอยากเป็นนักร้องนักแสดง อยากได้อยู่บนเวทีแบบเด็กทั่วไปค่ะ ตอนนี้เตยผ่านมาหลายอย่างทั้งเล่นละครมิวสิคัล ละครโทรทัศน์ ร้องเพลง เคยเป็นเกิร์ลกรุ๊ปอยู่พักหนึ่ง ก็พยายามมาตลอดนะ แต่งานลักษณะนี้ มันจะมาพร้อมกับความคาดหวังว่าจะได้หรือไม่ได้ ความฝันเราขึ้นอยู่กับปัจจัยคนอื่นตลอด ทำให้กดดัน และเจอเรื่องผิดหวังเยอะ

แต่อย่างหนึ่งที่เตยไม่เคยทิ้งเลย คืองานการแสดงสำหรับเด็กค่ะ แม่เตยเป็นหมอ ระหว่างที่รอแม่ทำงาน ก็จะไปช่วยดูแลน้อง ๆ ที่ศูนย์เลี้ยงเด็กในโรงพยาบาลมาตลอด อยู่ค่ายกิจกรรมช่วงปิดเทอม ทำให้มีคลังเพลงสันทนาการตั้งแต่ตอนนั้น ได้มีโอกาสทำละครสำหรับเด็กอยู่ตลอด ตั้งแต่สมัยเรียน มาถึงปัจจุบันที่มีคณะละครปู๊นปู๊น และล้านนาอารีย์เธียเตอร์

คุณยายกรุณามอบพื้นที่ส่วนหนึ่งในการสร้างเป็นโรงละครแห่งนี้ สมัยก่อนที่ตรงนี้เคยเป็นเรือนไทยเรือนเล็ก ๆ พ่อเตยเป็นวิศวกร เขาชอบบ้านทรงไทยมากๆ เขายกบ้านเรือนไทยสองหลังมาจากเชียงใหม่ และมาตั้งที่นี่แทนเรือนเล็ก แล้วก็มาเชื่อมต่อกัน และตั้งชื่อว่า "ล้านนาอารีย์" เขาตั้งใจทำเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ และให้เตยจัดการทำให้เป็นโรงละครสำหรับเด็กค่ะ
ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ น้องสาวและญาติผู้ใหญ่ทุกท่าน ที่สนับสนุน ให้คำแนะนำ ให้แรงบันดาลใจ ทำให้เตยสามารถทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้ เพราะพวกท่าน จึงมีเตยในวันนี้

เตยค้นพบว่าการทำโรงละครเป็นของตัวเอง เราไม่จำเป็นจะต้องเอาตัวเองไปอยู่ในฐานะของผู้ที่ถูกเลือกอีกต่อไป เพราะที่นี่เราถูกเลือกอยู่ตลอด เด็ก ๆ เป็นคนเลือก และเขาเลือกที่จะมาดูพวกเรา ไม่ต้องไปหาที่ไหนเลยเขาอยู่ตรงหน้าแล้ว ทุกวันนี้เตยมีความสุขขึ้นมาก พี่ ๆ หลายคนที่อยู่ในวงการการแสดงก็มาช่วยเหลือ ให้ความรู้ ได้เจอเพื่อน ๆ นั่งทำพร็อพด้วยกัน เปลี่ยนกันเป็นคนแสดงบ้าง เป็นเบื้องหลังบ้าง ได้ทำละครด้วยกัน แบบเจอกันตลอด ไม่ต้องแยกย้ายกันทีหลัง

เตย นักจัดละครสำหรับเด็ก คณะละครปู๊นปู๊น และ ล้านนาอารีย์เธียเตอร์

เป็นอีกหนึ่งในสถานที่ในอารีย์ที่เราแนะนำให้ไปสัมผัสเสมอ 💚💚💚
01/07/2024

เป็นอีกหนึ่งในสถานที่ในอารีย์ที่เราแนะนำให้ไปสัมผัสเสมอ 💚💚💚

Dip Garden Onsen & Ice Bath บ่อน้ำร้อน-น้ำเย็น ห้องสตีม ซาวน่า ในสวนหลังบ้านชุณหะวัณ โดยชาวออสซี่ที่ตกหลุมรักอารีย์

26/06/2024

"ผมจบ ม. 6 แล้วครับ แต่ตอนนี้พักไว้ก่อน เพื่อที่จะหาเงินไปเรียนต่อครับ อยากเข้าวิทยาลัยนาฏศิลป์ หรือไม่ก็ดุริงยางคศิลป์ มหิดล แล้วแต่ว่าจะหาเงินได้แค่ไหนครับ อนาคตผมอยากสังกัดกรมดุริยางค์ทหารบก เพราะมันมีสวัสดิการมั่นคง ให้ปู่กับย่าด้วย ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะได้เล่นดนตรีไปถึงเมื่อไหร่

เท่าที่จำความได้ก็ได้ยินเสียงดนตรีแล้วครับ สมัยก่อนที่บ้านผมที่ลพบุรี เขาเปิดร้านอาหาร ก็จะจำเสียงเพลงที่วงเล่นได้ ตอนนั้นยังไม่ 5 ขวบเลย ผมชอบวาดรูป ชอบเล่นดนตรี เป็นเด็กสายศิลป์เลย ตอนแรกก็เล่นกีตาร์ จนกระทั่งที่โรงเรียนมีครูย้ายมาจากกาฬสิน เขาก็แนะนำให้ลองเล่นพิณอีสาน ก็เลยเล่นมาตลอด บางทีคนเห็นเล่นพิณก็นึกว่าเป็นคนอีสาน จริง ๆ เป็นเด็กลพบุรีครับ

ผมมาเปิดหมวกที่นี่ตั้งแต่เดือนเมษา ก็เอาบัตรประจำตัวผู้มีความสามารถไปยื่นเรื่องที่เขตพญาไท บอกว่าเราต้องการจะมาเล่นวันไหนเวลาไหนบ้าง ไม่ได้กังวลอะไรมากครับ ผมก็จะเริ่มตั้งแต่บ่ายสี่โมง จนถึงสามทุ่ม เล่นวันนึงก็เกือบร้อยเพลงเลย เล่นไปแกะเพลงใหม่ไปด้วย หาเงินได้วันนึงประมาณพันบาท ก็ดีนะครับที่ได้ช่วยปู่กับย่า แล้วก็ได้เก็บเงินเรียนด้วย

ผมก็หวังว่าคนแถวนี้จะชอบเสียงเพลงที่ผมเล่นครับ"

ไอซ์ นักดนตรี

คอร์สจับคู่คราฟท์เบียร์ไทยกับอาหารเหนือ น่าสนใจ เหลืออีกสองที่ ทักไปบ้านดอกแก้วเลยจ้า
24/06/2024

คอร์สจับคู่คราฟท์เบียร์ไทยกับอาหารเหนือ
น่าสนใจ เหลืออีกสองที่ ทักไปบ้านดอกแก้วเลยจ้า

"สะพานควายนี่เรียกว่าขึ้นชื่อมาพร้อมกับสีลมเลยนะในเรื่องอิสรภาพทางเพศ สมัยเด็ก ๆ พี่เข้ามาทำงานกรุงเทพฯ ก็ทำงานผับบาร์ พ...
19/06/2024

"สะพานควายนี่เรียกว่าขึ้นชื่อมาพร้อมกับสีลมเลยนะในเรื่องอิสรภาพทางเพศ สมัยเด็ก ๆ พี่เข้ามาทำงานกรุงเทพฯ ก็ทำงานผับบาร์ พี่ก็ป้วนเปี้ยนอยู่แถวสะพานควาย-ประดิพัทธ์นี่แหละ มันจะต่างกับสีลมตรงที่มันไม่มีลูกค้าต่างชาติ ไม่มีอะโกโก้อะไรแบบนั้น ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนไทย เป็นพื้นที่นัดพบ มีบาร์สังสรรค์อะไรมากมายของคนกลุ่มเกย์ ปัจจุบันนี้ล้มหายตายจากกันไปเยอะ เรียกว่าแทบจะไม่หลงเหลือเค้าเดิมแล้ว ในขณะที่ทางฝั่งสีลมยังเป็นสถานทีท่องเที่ยวดังที่มีคนมาจากทั่วโลกอยู่

ต้องบอกก่อนว่า ซัก 30 ปีที่แล้วเนี่ยมันเป็นยุคเฟื่องฟูของการค้าบริการทางเพศ และการเที่ยวกลางคืนเลยแหละ ถ้าเป็นฝั่งชาย-หญิง ก็จะอยู่แถวสุทธิสาร มาจนถึงอินทามระ ก็จะมีผับบาร์เด็กนั่งดริ๊งค์ทั่วไป แล้วมันก็จะมีบ้านที่ มีไฟสี ๆ อยู่ พี่ก็ถามเพื่อนว่ามันคืออะไร ก็เลยรู้ว่าถ้ามีไฟสี ๆ แบบนี้เป็นสัญลักษณ์สามารถเข้าไปซื้อบริการได้ ทางฝั่งชายหญิงเขามีอะไร ทางฝั่งสะพานควาย ก็มีเหมือนกันเลย แต่ก็จะมีผับ บาร์เกย์ ซาวน่า กระจายอยู่ทั่ว ๆ แต่ก็จะกระจุกตัวอยู่ที่ซอยกอเตย (ประดิพัทธ์ 20) ที่เรียกว่าเป็นสีลมซอยสี่แห่งสะพานควายเลย สมัยนี้ก็ยังมีหลงเหลืออยู่นะ แต่หลังจากช่วงที่ประเทศไทยมีสิ่งที่เรียกว่า "การจัดระเบียบสังคม" มีการกวาดล้าง ผับบาร์ก็ปิดตัวไปเยอะ รวมถึงโรงหนังด้วย

พี่ว่ายุคสมัยมมันเปลี่ยนไปเยอะ พี่ก่อตั้งบางกอกเรนโบว์ ต่อสู้เรื่องนี้มา เพิ่งเห็นความก้าวหน้า ความเข้าใจและการยอมรับเมื่อไหม่นานนี้เอง เมื่อก่อนเราทำกันเองหมด ไม่มีแบ็ค เอาเงินตัวเองออก ทำกิจกรรมในช่วงหยุดงานเสาร์อาทิตย์ ดูแลกลุ่มหลากหลายทางเพศและเซ็กซ์เวิร์กเกอร์ ตอนนั้นพอบอกว่าเป็นชายรักชายไม่มีใครอยากคบค้าด้วยนะ คนที่มาร่วมรณรงค์ยังถามว่าจะถูกตำรวจจับไหมเลย ตอนนี้ความหลากหลายมันถูกนำเสนอผ่านสื่อเยอะขึ้น แต่ที่สำคัญจะทำอะไรมันต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงทางกฏหมาย ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีเอฟเฟคอะไรครับ"

คุณอ๋อ ผู้ก่อตั้งองค์กร Bangkok Rainbow

สวัสดีชาวอารีย์ ไม่ได้โพสต์อะไรใหม่ ๆ เลยมาหลายเดือน ตั้งแต่ก่อนสงกรานต์ ต้องขออภัยคนที่ติดตามด้วยนะครับ พอจะเริ่มทำคอนเ...
16/06/2024

สวัสดีชาวอารีย์

ไม่ได้โพสต์อะไรใหม่ ๆ เลยมาหลายเดือน ตั้งแต่ก่อนสงกรานต์ ต้องขออภัยคนที่ติดตามด้วยนะครับ พอจะเริ่มทำคอนเทนต์ใหม่ ก็จะคิดอยู่บ่อย ๆ ว่า มันจำเจไปไหม มีแต่ตัวหนังสือจะมีคนอ่านไหม สมัยนี้ต้องทำวีดีโอแล้วหรือเปล่า ทำไปแล้วจะได้ตังค์ไหม สุดท้ายคิดแล้วก็ล้มเลิก ไปทำอย่างอื่นทุกที

ตั้งแต่โควิด สัมภาษณ์คนในอารีย์มาได้เกือบ 200 คนแล้ว ยังไม่รู้สึกหายกังวลเวลาเดินเข้าไปขอคุยกับคนเลย เราได้อะไรเยอะมาก พอเห็นว่าเพจนี้มันสร้างประโยชน์ให้กับชาวอารีย์ยังไง เลยตอบตัวเองได้ว่า ทำไปเหอะ ทำไปอย่างที่ทำนี่แหละ เป็นคนชอบเล่าเรื่องไง ชอบแบบไหนก็ทำแบบนั้น

พักหลัง ๆ เราเริ่มรู้สึกว่า ถอดบทสัมภาษณ์ที่ยาวเป็นชั่วโมงลงเป็นตัวหนังสือไม่กี่ย่อหน้า มันยากมากที่ทำให้คนได้ประสบการณ์แบบเรา บางทีมันมีเหตุการณ์ บรรยากาศ อารมณ์ หรือหลายเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน ระหว่าง และหลังคุย ก็เลยอยากจะบอกว่า ต่อไปนี้เราจะเริ่มเขียนในฐานะของตัวเองมากขึ้น เหมือนมาเล่าสู่กันฟังมากกว่า อาจจะมีความคิดเห็น คำถาม และประสบการณ์ส่วนตัวของเราใส่ลงไปด้วย

นอกจากนี้ เราจะพยายามเขียนเกี่ยวกับย่านให้มากขึ้น อยากพูดถึงประเด็น ปัญหาต่าง ๆ หรือสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง สิ่งที่สังเกตจากคนระหว่างเดินในอารีย์แต่ละวัน รวมไปถึงโปรเจ็ค กิจกรรมที่อยากจัดด้วย -- สรปว่า หลังจากนี้ จะมีการเขียนในฐานะเจ้าของเพจมากขึ้นนะ

โพสต์รูปตัวเรา (สมัยทำเพจใหม่ ๆ เมื่อสามปีที่แล้ว) ไปด้วยเลย เผื่อใครเจอในย่านจะได้ทักกัน
ขอบคุณมากเลยที่ยังติดตามกันจ้า

ฮามิช

15/06/2024

ช่วยแนะนำสถานที่ในอารีย์-ประดิพัทธ์ ที่ไม่ใช่ร้านอาหาร-คาเฟ่ หน่อย 🫡 อะไรก็ได้

“พูดได้เต็มปากเลยว่าเราเป็นเด็กเรียนดีมาตลอด เข้ามหา'ลัยก็ได้ทุนเรียนฟรี จบมาด้วยเกรด 3.9 อันดับหนึ่งของรุ่น โดยที่ไม่ต้...
12/06/2024

“พูดได้เต็มปากเลยว่าเราเป็นเด็กเรียนดีมาตลอด เข้ามหา'ลัยก็ได้ทุนเรียนฟรี จบมาด้วยเกรด 3.9 อันดับหนึ่งของรุ่น โดยที่ไม่ต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือเหมือนคนอื่นก็ A ตลอด เราโตมากับคำพูดว่า ‘คุณเก่งมากเลยนราวัลลภ์ ภาษาอังกฤษคุณดีมาก คุณต้องเป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้ดีแน่ ๆ ’ เวลาที่มีคนบอกเราแบบนั้นบ่อย ๆ ก็ทำให้เรามีอีโก้ประมาณหนึ่ง เราเลือกเส้นทางชีวิตตามสิ่งที่คนชื่นชมเรา โดยไม่เคยหยุดคิดเลยว่า เราชอบอะไร หรือทำอะไรได้บ้างในเส้นทางชีวิตอื่นๆ

เราได้ทุนไปเรียนต่อโทที่อังกฤษ ช่วงแรกก็ยังสนุกกับการได้ใช้ชีวิตในต่างประเทศแบบที่เราฝันไว้ จนกระทั่งผลการเรียนออกมาด้วยคะแนนที่ธรรมดาค่อนไปทางน้อยเลย ตกใจเพราะเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเรามาก่อน จากเด็กเรียนดี ในจุดนั้นเรากลายเป็นนักเรียนธรรมดาคนหนึ่ง จนกระทั่งกลับไปเรียนปริญญาเอก คราวนี้การเรียนไม่เหมือนที่เราเคยเจอมาก่อน อยากทำหัวข้อวิจัยยาก ๆ ให้คนว้าว แต่พยายามเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ อาจารย์ที่ปรึกษาถึงกับบอกว่า อย่าเรียนเอกเลย ไอว่ายูเรียนไม่ไหวหรอก ตอนนั้นตัวตนเพียงอย่างเดียวที่คนเคยบอกว่าเราเป็นเด็กเก่ง มันแตกสลาย เหมือนเราไม่มีตัวตนหลงเหลือเลย

ถึงจุดหนึ่งเราไม่ได้คิดเลยว่าเราจะเอาด็อกเตอร์ไปเพื่ออะไร ทำไปแค่ไม่อยากกลับบ้านมาอย่างน่าอาย ท่าดีทีเหลว ได้ทุนแต่เรียนไม่จบ นานวันเข้าทุกอย่างก็สะสมไปเรื่อยๆ เริ่มมีอาการซึมเศร้า นอนไม่หลับ ตื่นมาแล้วก็นอนมองเพดานเฉยๆ อยู่เป็นชั่วโมง รู้สึกว่าเราเป็นคนล้มเหลว ไร้ค่า ไม่มีความสุขเลย ดีที่ทางมหาวิทยาลัยมีนักจิตบำบัดคอยช่วยเหลือ มีอาจารย์ที่ปรึกษาที่ยังไม่ทิ้งเรา และมีที่บ้านคอยให้กำลังใจ เราก็ค่อย ๆ สร้างตัวเองคนใหม่ขึ้นมา และเปลี่ยนหัวข้อวิจัยเป็นสิ่งที่เราสนุกกับมัน จนในที่สุดมันก็มีโมเมนต์แบบ เฮ้ย วันนี้เขียนได้ตั้ง 500 คำ ก็ไม่เลวนะ

กว่าจะจบก็ใช้เวลาถึง 6 ปีแทนที่จะเป็น 4 ปี ถ้าเราไม่ผ่านความทุกข์และโรคซึมเศร้าในวันนั้นมา เราคงไม่สามารถเห็นคุณค่าของตัวเอง และมีความเห็นอกเห็นใจคนอื่นได้มากเท่าวันนี้ สิ่งที่เราบอกกับนักศึกษาเสมอ คือ การเป็นเด็กผลการเรียนดี ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต โลกนี้ยังมีอะไรอีกมาก และที่สำคัญ อย่าลืมใช้ชีวิตให้มีความสุขกับสิ่งที่เราชอบวันนี้เลย”

นรา อาจารย์มหาวิทยาลัย

“แต่ก่อนผมทำงานสายโฆษณา อยู่ Leo Burnett พอมาทำร้านก็เลยได้นำความรู้เรื่องการสร้างแบรนด์มาใช้ด้วย ตอนแรกผมกับเพื่อน ๆ ก็...
02/05/2024

“แต่ก่อนผมทำงานสายโฆษณา อยู่ Leo Burnett พอมาทำร้านก็เลยได้นำความรู้เรื่องการสร้างแบรนด์มาใช้ด้วย ตอนแรกผมกับเพื่อน ๆ ก็ร่วมทำร้านกันเพราะชอบคราฟท์เบียร์เหมือนกัน ทำกันเป็นงานอดิเรก แบบใครว่างก็มาเปิดร้าน สลับ ๆ กันไป จนถึงจุดนึงเพื่อน ๆ ก็แยกย้ายกันไปเติบโต ทำร้านของตัวเอง ผมก็อยากจะทำให้ที่นี่มันเป็นร้านที่จริงจังขึ้น สามารถยืดหยัดอยู่เป็น Craft Bar คู่อารีย์ได้ยาว ๆ ก็ตัดสินใจลาออกจากงานมาทำร้านแบบมีระบบระเบียบเต็มตัวครับ

จริง ๆ แล้วคราฟท์เบียร์ไทย ชนะรางวัลระดับโลกมาหลายเวทีแล้วนะครับ แล้วชนะบ่อยด้วย กวาดรางวัลกลับมาได้ทุกปี วงการคราฟท์เบียร์บ้านเรามันเป็นที่สนใจในมุมมองต่างประเทศเพราะคราฟท์เบียร์ไทยมันเป็นของไทยจริง ๆ คนไทยทำ วัตถุดิบไทย เพื่อนบ้านในเอเชียส่วนใหญ่เป็นฝรั่งมาทำขายนักท่องเที่ยว เลยพูดได้ไม่เต็มปากว่าเป็น Local beer แต่ของไทยเรามีวัตถุดิบมากมาย สามารถสร้างเบียร์ได้อย่างมีเอกลักษณ์และหลากหลาย การใช้วัตถุดิบในการสร้างรสชาติของเรามันละเอียดมาก จะเอาเปรี้ยวแบบไหน หวานแบบไหน มีบ้านเรามีหมด เรื่องเมาเราสู้ได้

ตั้งแต่มีการผลักดัน พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า กฏหมายก็ค่อนข้างผ่อนคลายขึ้น มีโรงเบียร์ที่ผลิตเบียร์เองขายในร้านมากขึ้น แต่จะบรรจุกระป๋องขายเองนั้นต้องสเกลใหญ่มาก ทำให้มีผู้เล่นรายย่อยในตลาดน้อย เขายังมองว่าเบียร์เป็นอบายมุข เป็นภัยต่อสุขภาพ ทั้งที่กินชานมไข่มุกทุกวันก็อันตรายพอกัน แต่เราถูกรีดภาษีบาปแบบอันลิมิเต็ด ห้ามขายวันทางศาสนา ห้ามโฆษณาอยู่เหมือนเดิมครับ

ในตอนแรกลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนดื่มคราฟท์เบียร์สายแข็ง ไม่มีวอล์คอินเพราะมันไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่ แต่ที่อยู่มาได้นานขนาดนี้ โดยไม่มีที่จอดรถ ไม่มีแอร์ เพราะเราทำที่นี่ให้เป็นบ้าน ก่อนอื่นมันต้องเป็นบ้านของเราเองก่อน เราแนะนำเบียร์ให้ลูกค้าเหมือนเพื่อนนักดื่ม คนที่นี่ก็มาเหมือนมาบ้าน หาน้ำ ตักน้ำแข็งเองได้ฟรี บางคนเป็นหมอเป็นอะไร มากมายหลายอาชีพ มันเป็นจุดหมายสุดท้ายของวันของเขา หลังจากที่เขาทำงานมาหนัก เขาได้เป็นตัวของตัวเอง ก็เลยได้ลูกค้ากว้างขึ้นกว่านักดื่มคราฟท์เบียร์อย่างเดียวครับ”

เบย์ เจ้าของร้าน บ้านดอกแก้ว บ้านดอกแก้ว Dok Kaew House Bar

“สงกรานต์นี้ไม่ได้กลับบ้านค่ะ ส้มไม่ได้กลับพม่ามา 5 ปีแล้ว โดยเฉพาะช่วงนี้ยิ่งลำบากเพราะเขายิงกันอยู่ บ้านของส้มอยู่ที่เ...
11/04/2024

“สงกรานต์นี้ไม่ได้กลับบ้านค่ะ ส้มไม่ได้กลับพม่ามา 5 ปีแล้ว โดยเฉพาะช่วงนี้ยิ่งลำบากเพราะเขายิงกันอยู่ บ้านของส้มอยู่ที่เมียวดี ใกล้ ๆ กับอำเภอแม่สอด ที่ตอนนี้กำลังเป็นข่าวเรื่องการต่อสู้ระหว่างกองทัพรัฐบาลกับกองกำลังกะเหรี่ยง KNU อยู่น่ะค่ะ คนกลัวและย้ายออกกันมาก ยิ่งตอนนี้ผู้ชายที่อายุถึงเกณฑ์ทุกคน เขาจับไปเป็นทหารหมดเลย ทำให้คนหนีออกนอกประเทศกันมาก ถ้าไม่อยากหนีก็ไปเข้ากับกองกำลังต่อต้านไปสู้กับทหารกัน

พ่อกับแม่ส้มอยู่ที่นั่น ส้มย้ายมาทำงานในไทยได้ประมาณ 8 ปีแล้ว มาเย็บเสื้อผ้าโหล วันนึงได้มากสุดสองสามร้อยชิ้น ได้เงินเท่าไหร่ก็เก็บไว้กินสองสามพัน ที่เหลือก็ส่งไปให้พ่อแม่ อยากให้พ่อกับแม่มีบ้านอยู่เพราะเขาอายุมากทำงานไม่ไหว และบ้านที่เคยอยู่เจ้าของเค้าจะรื้อทิ้งแล้ว

ทำงานเย็บผ้าได้สองปี ญาติก็ชวนให้มาทำความสะอาดที่ซอยราชครู อยู่ที่โฮสเทลชื่อ LAF พี่เจ้าของเขาใจดีมาก ๆ ดูแล ไปกินข้าวด้วยกันประจำ เขาก็แนะนำให้มาทำงานเพิ่มเป็นแม่บ้านที่ บ้านดอกแก้ว ไปล้างแก้วล้างจาน ทำความสะอาดที่นั่นด้วย ช่วงแรกส้มก็ขอพี่เขาทำสองที่ แต่พอที่โฮสเทลได้พ่อบ้านประจำ ก็เลยย้ายมาทำที่บ้านดอกแก้วเต็มตัวจนถึงปัจจุบัน เป็นแม่บ้านด้วย เป็นแม่ครัวที่ร้านด้วย เขามีที่นอนให้ที่นั่นเลย มีแมวน่ารักด้วย

ตอนนี้ส้มเก็บเงินสร้างบ้านให้พ่อแม่ได้แล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปเจอ ที่พม่ามันไม่ปลอดภัย ไม่รู้ว่าจะรบกันถึงเมื่อไหร่ ข่าวก็เชื่อไม่ได้ เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฝ่ายไหนชนะแล้วจะมีอะไรดีขึ้นไหม – วันนึงส้มอยากกลับไปเปิดร้านอาหารไทยแบบที่กินที่นี่ในเมียวดี แล้วก็อยากกลับไปกินขนมจีนน้ำยาปลาแบบพม่าด้วยค่ะ”

ส้ม แม่บ้าน/แม่ครัว บ้านดอกแก้ว Dok Kaew House Bar

“ยุคนึงอารีย์มีพวกศิลปินอยู่เยอะ นักดนตรี นักออกแบบรุ่น ๆ เราอะ พวกนี้ชอบที่อยู่หอสามนาง ซอยศาสนา แล้วก็คอนโดตรงข้ามสำนั...
10/04/2024

“ยุคนึงอารีย์มีพวกศิลปินอยู่เยอะ นักดนตรี นักออกแบบรุ่น ๆ เราอะ พวกนี้ชอบที่อยู่หอสามนาง ซอยศาสนา แล้วก็คอนโดตรงข้ามสำนักงานเขตฯ ไม่ใช่อะไรหรอก มันถูก พวกนี้มันไม่มีตังค์ แล้วสมบัติบ้ามันเยอะ ต้องการที่เก็บของที่ใช้ทำงานเสร็จแล้วเต็มไปหมด สมัยนั้นค่าเช่าเดือน 6,000 บาทได้ห้องเบ้อเริ่ม แถมมีห้องนอนแยกอีก แต่ก่อนมันยังไม่ได้เป็นย่านฮิป ๆ แบบนี้ไง สมัยนี้เป็นไปไม่ได้แล้ว

ก่อนปี 2010 วันไหนเงินเดือนออกก็จะเดินไปกินเหล้าที่สระว่ายน้ำโรงแรม Reflection ที่เข้าไปแล้วแต่ละห้องจะตกแต่งไม่เหมือนกัน บางห้องมีขาหยั่งแบบคลินิกตรวจภายใน บางห้องก็สีชมพูแปร๋น บางห้องเป็นกราฟิตี้ เป็นโรงแรมที่เก๋มากยุคนั้น คล้าย ๆ Josh Hotel แต่ไม่เนี้ยบเท่า วันไหนไม่มีตังค์ก็ข้ามถนนไปกินเหล้าที่ อารีบาร์บาร์

มันมาเริ่มเจริญจริง ๆ ตอนมีคอนโดโนเบิลเข้ามา เขามาซื้อโรงแรมนี้ แล้วสร้างเป็น noble reflect เป็นตำนานเลยตอนนั้น ซื้อขายใบจองกัน เปิดจองแปดโมง คนเข้าแถวตั้งแต่สามทุ่มยาวทะลุไปถึงซอย 2 ยุคนี้อารีย์รุ่งเรืองแล้ว พวกนิตยสารต่างประเทศ ชอบมาสัมภาษณ์เรา และฝรั่งชอบบอกว่าเหมือนบรูคลิน นี่ก็ว่ามันเหมือนตรงไหนวะ เห็นฝรั่งฮิปสเตอร์มาเดินตากแดดกะว่าจะมาถ่ายรูปเท่ ๆ แล้วสงสาร”

โน๊ต ศิลปิน นักเขียน Dudesweet

เรื่องตลกในอารีย์วันนี้เนื่องจากช่วงนี้มีชาวติ๊กต่อกถาโถมกันมาถ่ายรูปกับเฟื่องฟ้าซอย 5 กันเป็นจำนวนมาก วันเสาร์อาทิตย์เย...
09/04/2024

เรื่องตลกในอารีย์วันนี้

เนื่องจากช่วงนี้มีชาวติ๊กต่อกถาโถมกันมาถ่ายรูปกับเฟื่องฟ้าซอย 5 กันเป็นจำนวนมาก วันเสาร์อาทิตย์เย็น ๆ ช่วงคนพีค ๆ จะเห็นคุณพี่คนนี้เขามาตั้งโต๊ะขายอะไรก็ไม่รู้ จนชาวติ๊กต่อกเตือนภัยบอกต่อ ๆ กันว่า เขาคือ มิจฉาชีพบ้าง มาเก็บค่าถ่ายรูปบ้าง!

ใจเย็นนะทุกคน 🤣

พี่คนนี้คือพี่โน๊ต พงษ์สรวง หรือโน๊ต Dudesweet แกคือตำนานคนนึงของเด็กแนวชาวอารีย์เลยนะ และที่สำคัญ แกอยู่บ้านติดกันกับบ้านดอกเฟื่องฟ้านี่แหละ และเขาตั้งแผงหน้าบ้านตัวเองจ้า

ต้องบอกก่อนว่า พี่โน๊ตเป็นผู้บุกเบิกวงการปาร์ตี้แห่งต้นยุค 2000s อยู่ที่นี่ตั้งแต่สมัยอารีย์เป็นแหล่งของสิ่งที่พี่เขาเรียกว่า "ศิลปินไส้แห้ง" ที่ตอนนี้มีหน้าที่งานเป็นที่รู้จักในวงการ creative กันหมดแล้ว -- ปัจจุบันหลายคนอาจจะรู้จักเขาในฐานะของ เจ้าของบาร์ที่ข้าวสารที่ชื่อ "Mischa Cheap" (ซึ่งตอนนี้ได้เป็นสมใจแล้ว)

แกมีวีรกรรมทีทำกับย่านหลายอย่าง เช่นเปิดบาร์ยาดองป็อปอัพ หน้าซอย Josh Hotel จัดแฟชั่นโชว์ริมถนน ฉายโปรเจ็คเตอร์ขนาดใหญ่เป็นคำต่าง ๆ ในใส่ตึกในช่วงโควิด ฝากป้าขายข้าวแกงขายน้ำหอมชื่อ Pr******te เปลี่ยนมอเตอร์ไซค์วินเป็นอินฟลู ฯลฯ เอาเป็นว่า เป็นคนนึงที่ทำให้ย่านนี้มันหายน่าเบื่อไปได้เยอะเลยแหละ

ช่วงนี้พี่โน๊ตเขียนหนังสือเล่มใหม่ เป็นรวมเรื่องสั้นแบบพิมพ์เองขายเอง ด้วยความที่มีจริตสนุกกับการเสียดสีไม่เว้นแต่ละวันแบบนี้ เลยเกิดความคิดสร้างสรรค์ มาตั้งแผงขายหนังสือแข่งกับดอกเฟื่องฟ้าไปเลย !

เพราะฉะนั้นใครเดินไปผ่านไปแล้วเจอ ไม่ต้องไปแจ้งตำรวจจับเขานะ เขาไม่ได้เป็นมิจฉาชีพจ้า

โอ้โห ขอบคุณ Localry มากๆ ที่ไปสัมภาษณ์เจ้าของบ้านมาให้ ทางนี้เดินผ่านก็สงสัยตลอดว่าเจ้าของบ้านเขาจะคิดยังไง แต่ก็เคยกล้...
06/04/2024

โอ้โห ขอบคุณ Localry มากๆ ที่ไปสัมภาษณ์เจ้าของบ้านมาให้ ทางนี้เดินผ่านก็สงสัยตลอดว่าเจ้าของบ้านเขาจะคิดยังไง แต่ก็เคยกล้าติดต่อไปขอเขาคุยซักที (จริงๆ ย่านนี้มีเฟื้องฟ้าที่พุ่มใหญ่อลังการกว่านี้อีกหลายที่เลยนะ แต่ขอไม่บอกแล้วกัน กลัวจะกลายเป็นจุดเช็คอินเพิ่ม)

LOCALRY: “คงเอกลักษณ์ที่มีความเก่าผสมความใหม่”
เอมมี่ เจ้าของ ‘บ้านเฟื่องฟ้า’ ผู้คลุกคลีกับอารีย์ตั้งแต่วันที่เงียบสงบถึงวันที่มีชีวิตชีวา
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘อารีย์’ (และอารีย์สัมพันธ์) คือหนึ่งในย่านขวัญใจคนรุ่นใหม่ และคนต่างชาติมากมายที่เลือกเข้ามาเยือน เพราะด้วยเสน่ห์แห่งสีสัน ความคึกคักของเหล่าบรรดาคาเฟ่ รวมถึงร้านอาหารมากมาย และแน่นอนว่า หากใครเคยตบเท้าเดินลัดเลาะแต่ละซอกซอยของอารีย์ คงไม่พลาดที่จะไปเยือน ‘บ้านเฟื่องฟ้า’ ที่อยู่ภายในอารีย์ซอย 5 แหล่งปักหมุดเช็กอิน ที่ผู้คนมักจะต้องมาถ่ายรูปบริเวณหน้าบ้านที่เห็นพุ่มต้นเฟื่องฟ้าขนาดใหญ่ติดชิดริมรั้ว
แต่กว่าจะมาเป็นย่านที่มีกลิ่นอายความคิดสร้างสรรค์ ผสมผสานความร่วมสมัยที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาซ่อนอยู่ ทั้งชุมชน รวมไปถึงอาคารสถานที่ ตลอดจนร้านเก่าแก่ของ ‘อารีย์’ นั้นเป็นอย่างไร ‘คุณเอมมี่’ เจ้าของ ‘บ้านเฟื่องฟ้า’ หนึ่งในแหล่งฮอตสปอตของย่านที่ผู้คนจำนวนมากเดินผ่านกันไม่ขาดสาย และยังถือเป็นผู้อยู่อาศัยที่อยู่มาตั้งแต่ ‘วันที่อารีย์เงียบสงบ ถึงวันที่อารีย์มีชีวิตชีวา’ จะมาเล่าให้เราฟัง
“เราอาศัยอยู่บ้านหลังนี้ ในอารีย์ซอย 5 นี้มานานเกือบ 30 ปี ตั้งแต่รุ่นคุณปู่ที่ทำงานราชการ แล้วมีเพื่อนชักชวนกันให้มามาซื้อที่ดิน จนย้ายมาอาศัยอยู่ที่นี่ รวมๆ ก็น่าจะประมาณ 50 กว่าปีได้แล้ว เมื่อก่อนตรงนี้เป็นเหมือนกับทุ่งนา ที่เขาเอาไว้เพาะปลูกกัน ในอดีตถ้าพูดถึงอารีย์ จะนึกถึงย่านที่เงียบๆ ไม่ค่อยมีคน หรือใครรู้จักเท่าไหร่นัก ตอนเราเกิดมาก็ยังเงียบอยู่ ถนนยังไม่ดีเท่าตอนนี้ คนส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนทำงานมากกว่า ยังไม่ค่อยมีวัยรุ่น
“เวลาเปลี่ยนแต่อารีย์ยังคงมีความเป็นแบบเดิมอยู่ ยังคงเอกลักษณ์แบบเดิมไว้ เราเลยรู้สึกเหมือนมีทั้งความเก่าและความใหม่ผสมอยู่ด้วยกัน อย่างความเก่าก็คงเป็นตัวบ้าน ที่หลายๆ หลังก็ยังคงดีไซน์รูปทรง หรือคอนเซ็ปต์แบบสมัยก่อนเอาไว้ อาจจะมีแค่ทาสีใหม่เฉยๆ แถมบ้านแต่ละหลังก็มักจะอยู่กันเป็นแบบครอบครัวใหญ่เหมือนเดิม
“ส่วนความใหม่คือ อารีย์ตอนนี้มีความเป็นคอมมูนิตีมากขึ้น มีทั้งคาเฟ่ ร้านอาหารเกิดใหม่เยอะมากๆ หรืออย่างการถ่ายรูปหน้าบ้านตรงพุ่มเฟื่องฟ้า ที่ปัจจุบันกลายเป็นจุดถ่ายรูปไปแล้ว แต่ก่อนคุณย่าก็จะตกใจว่า “ถ่ายอะไร” พอตอนนี้ ผ่านมาเรื่อยๆ เขาก็เข้าใจมากขึ้น เพราะช่วยทำให้ซอยนี้มีสีสัน (ยิ้ม) แต่ละซอยก็จะมีคนเดินเข้าออกตลอดเวลา
“ต้องยอมรับว่าผู้ใหญ่เขาไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงมีการมาถ่ายรูป ต้นไม้ก็ปลูกไว้ตั้งนานแล้ว แต่ตอนแรกรู้สึกเหมือนผลจะไม่ดีเลย เพราะขยะเยอะมาก มีคนมาทิ้งขยะหน้าบ้าน เสาป้ายห้ามก็เคยล้ม เราก็ต้องซ่อม หรือต้นเฟื่องฟ้าเองก็เคยมีคนมาถ่าย จนพุ่มไม้จมหายไปเลย แล้วกว่ามันจะฟื้นจนออกดอกก็นานอยู่ แต่ตอนหลังพวกเขาก็เข้าใจมากขึ้น เห็นรูปตามโซเชียล ก็จะแบบ เอ้า นี่มันหน้าบ้านเรานี่
“จริงๆ พ่อชอบนะ ถ้าถามเรา เรารู้สึกดีใจแทนพ่อ ที่เห็นต้นไม้ที่ปลูกมีคนมาสนใจถ่ายรูป เพราะเป็นต้นที่เขารักมาก ตอนแรกมีอยู่ฝั่งเดียว แต่พอเวลาผ่านไปไม่กี่ปี พ่อเขาก็ปลูกยาวตลอดริมกำแพงบ้านสองฝั่งเลย
“แล้วในแง่การใช้ชีวิตเราก็เปลี่ยนไป พอย่านอารีย์มีความเจริญขึ้นเรื่อยๆ การเดินทางก็สะดวกสบายมากขึ้นกับคนที่ใช้ขนส่งสาธารณะ แต่สำหรับคนใช้รถยนต์ ถึงเมื่อก่อนถนนไม่ค่อยดีก็จริง แต่มันยังไม่ติดขนาดนี้ ยิ่งคนเข้ามาใหม่ๆ เขาไม่รู้ว่าบางซอยวิ่งรถทางเดียว การจราจรก็ยิ่งแย่มากขึ้น
“ในวันที่อารีย์เปลี่ยนไปแบบนี้ เรารู้สึกดีนะ เพราะมันดีกว่าแต่ก่อนเยอะมาก อารีย์ยังไม่เคยเป็นที่รู้จัก แต่ตอนนี้พอพูดถึงอารีย์กลายเป็นเราหรือเปล่าที่ไม่รู้จัก อย่างเพื่อนบอกอารีย์มีร้านนี้อยู่ เราก็หือ… มีด้วยเหรอ (หัวเราะ) ถึงจะเป็นคนพื้นที่ อาศัยอยู่อารีย์ แต่ร้านมันผุดเกิดขึ้นใหม่ทุกวันจริงๆ
“อนาคตอารีย์มันก็คงจะถูกพัฒนาให้มีตึกเพิ่มมากขึ้น เพราะอย่างในอารีย์ซอย 3 เอง ก็เริ่มมีสร้างบ้างแล้ว เหมือนตอนนี้นิยมสร้างกันแบบคอมมูนิตีเล็กๆ เป็นบ้านสัก 3-4 หลัง มารวมๆ กัน ซึ่งเราเลยคิดว่าในอนาคตคงจะสร้างแบบนั้นกันเยอะ แต่ส่วนตัวไม่อยากให้เป็นแบบนั้นนะ เราไม่อยากให้มันกลายเป็นตึก เป็นคอนโดไปหมด รูปแบบบ้านเก่าๆ ก็จะเหลือน้อยลงทุกที เราอยากให้คงเสน่ห์เก่าๆ ตรงนี้ไว้อยู่”
- เอมมี่
เจ้าของบ้านเฟื่องฟ้า อารีย์ซอย 5


#อารีย์ #เฟื่องฟ้า #เฟื่องฟ้าอารีย์

“หลังจากเรียนจบ มาเจอประกาศงานที่โฮสเทล The Yard เขาเขียนว่า “เหมาะกับคนที่สนใจเรื่องสังคมและสิ่งแวดล้อม ชอบช่วยเหลือผู้...
31/03/2024

“หลังจากเรียนจบ มาเจอประกาศงานที่โฮสเทล The Yard เขาเขียนว่า “เหมาะกับคนที่สนใจเรื่องสังคมและสิ่งแวดล้อม ชอบช่วยเหลือผู้คน ทำงานสี่วัน หยุดสี่วัน หยุดวันเกิด สวัสดิการให้ไปเที่ยวทุก 6 เดือน มีที่พัก มีอาหารให้” หนูก็แบบ อุ้ย! น่าสนใจ ก็เลยคลิกเข้าไปดู ใบสมัครเขามันไม่เหมือนที่อื่นเลยอ่ะพี่ เขาขอรูปเราตอนยิ้มกว้างที่สุด แบบฟอร์มถามว่า 'หนังสือที่ชอบที่สุดคืออะไร' 'เพลงไทยที่ชอบที่สุดคือเพลงอะไร' ให้เขียนว่า The Yard ในความหมายของเราคืออะไร เหมือนเป็นคำถาม personality อะไรสักอย่างที่มันสนุกมาก หนูก็เขียนอยู่นานเลย ตอนนั้นไม่รู้เลยค่ะว่ามีคนสมัครหลายร้อยคน ทุกวันนี้หนูก็ยังไม่รู้เลยพี่ว่าเขาเลือกหนูเพราะอะไร

หนูเป็นคนชอบคุยกับคนนะ เป็น extrovert นิด ๆ แต่ช่วงเรียนหนูโดนต้องเรียนออนไลน์อยู่ 2 ปีเต็ม ๆ มันทำลายสุขภาพจิตมากเลยนะ เป็นสองปีที่หนูเครียดตลอด ตื่นมานั่งหน้าคอมตั้งแต่หกโมงเช้า จนถึงสี่ทุ่มทุกวัน ไม่ได้เจอใคร เครียดจนนั่งตัดผมตัวเองเล่น มันประหม่า มันหมดอาลัยตายอยากไปหมดเลยอ่ะพี่ จนกลายเป็นกลัวประหม่าผู้คนไป ความมั่นใจก็หาย ทำให้ไม่กล้าไปสมัครงานที่ต้องเจอผู้คนแบบที่เราอยากทำอยู่พักใหญ่เลย

พอมาได้งานที่่ The Yard เขาให้ทำงาน 4 วัน กิน-นอนที่นี่ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางจากบ้าน ไม่ต้องเสียเงินเช่าหอ มีเวลาดูแลแขกมากขึ้น แล้วอีก 4 วัน หนูก็เอาไปพักผ่อนให้เต็มที่เลยพี่ แล้วพอมีเวลาจัดตารางทำงานเพิ่มอีกงาน ที่นี่่เขาก็จะจ้าง 4 คน สลับกัน 2 ชุดค่ะ

แขกที่นี่เกิน 80% เป็นฝรั่งแบ็กแพ็ก เห็นเขาเดินทางทั่วโลก อยู่กับคน คุยกับคน หนูก็แต่งตัวแบบนี้ตลอดทั้งวัน ก็ได้รับฟังเรื่องราวของคนจาทั่วโลก แต่ตัวหนูเองไม่เคยได้ไปไหนแบบนั้นเลยนะ ก่อนหน้านี้ใช้ชีวิตคุยกับเพื่อนอยู่ใน discord ได้มาเดินทางคนเดียวครั้งแรก ก็เพราะที่นี่พี่เขาจะมีเงินสนับสนุนเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เราได้ไปเที่ยวด้วยตัวเอง ทริปแรกลองไปเที่ยวเมืองกาญฯ คนเดียวดู และหลังจากนี้ก็จะแพลนเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ โดยเริ่มจากภาคใต้ของเราก่อนค่ะ”

แพน ทำงานที่ The Yard Bangkok

27/03/2024

ถ้าใช้ขีวิตอยู่ย่านอารีย์ แบบไม่ลำบาก 1 เดือน คุณคิดว่าต้องมีรายได้ประมาณเท่าไหร่
(รวมสายลม-ประดิพัทธ์ด้วย)

ที่อยู่

Bangkok

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ เพื่อนบ้านอารีย์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง เพื่อนบ้านอารีย์:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์

ประเภท

ตำแหน่งใกล้เคียง บริษัท สื่อ


นิตยสาร อื่นๆใน Bangkok

แสดงผลทั้งหมด

คุณอาจจะชอบ