
30/10/2024
สเปนคือประเทศที่ผลิตกองกลางระดับโลกมาทุกยุคสมัย ตั้งแต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, ชาบี เอร์นันเดซ, อันเดรส อิเนียสต้า ไปจนถึง ชาบี อลอนโซ่ อย่างไรก็ตาม ไม่มีแม้แต่คนเดียว ที่จะก้าวไปถึง รางวัลสูงสุดของโลกฟุตบอล อย่างบัลลงดอร์ได้
ก่อนหน้านี้ ประเทศสเปนเคยมีนักฟุตบอลที่ได้บัลลงดอร์แค่ 2 คนเท่านั้น ได้แก่ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ (เกิดอาร์เจนติน่าแต่โอนสัญชาติ) ได้สองสมัย ในปี 1957 และ 1959 กับอีกคนคือ หลุยส์ ซัวเรส ในปี 1960
จากนั้นมา ก็ไม่มีผู้เล่นสเปน เคยไปถึงบัลลงดอร์อีกเลย คนที่ใกล้เคียงที่สุดคือ ราอูล กอนซาเลซ (อันดับสอง ปี 2001) และ อันเดรส อิเนียสต้า (อันดับสอง ปี 2010)
ในที่สุด การรอคอย 64 ปีของวงการฟุตบอลสเปนก็สิ้นสุดลง เมื่อมีนักเตะคนหนึ่งคว้าบัลลงดอร์จนได้ เขาคนนั้นคือ "โรดรี้" คีย์แมนของแมนเชสเตอร์ ซิตี้
ก่อนจะมีการประกาศรางวัล มีแคนดิเดทสองคน ที่ขับเคี่ยวอย่างเข้มข้น ได้แก่ วินิซิอุส จูเนียร์ กับ โรดรี้
สำหรับวิธีการโหวตของบัลลงดอร์นั้น จะให้นักข่าวฟุตบอล 100 คน จาก 100 ชาติ ที่มีฟีฟ่าเวิลด์แรงกิ้งสูงสุด เป็นคนร่วมโหวต โดยจะนับผลงานของนักเตะเฉพาะแค่ในฤดูกาล 2023-24 เท่านั้น
เอาจริงๆ สองคนนี้สูสีมาก วินิซิอุสได้แชมป์ลาลีกา, แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และคว้ารางวัลเอ็มวีพี ของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
ส่วนโรดรี้ ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน เขาได้แชมป์พรีเมียร์ลีก, แชมป์ยูโร 2024 และคว้ารางวัลเอ็มวีพี ของศึกยูโรด้วย
ในมุมของนักข่าวที่ได้สิทธิ์โหวต ก็ต้องชั่งใจว่า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ของวินิซิอุส กับ ยูโร 2024 ของโรดรี้ รายการไหนมีพลังมากกว่า
และสุดท้าย คำตอบที่เราเห็นกันไปแล้ว ก็คือนักข่าวเทคะแนนให้โรดรี้เป็นผู้ชนะ
สำหรับดราม่าก่อนประกาศบัลลงดอร์ เกิดขึ้นเมื่อฝั่งเรอัล มาดริด พอรู้ว่าวินิซิอุสจะไม่ได้รางวัล พวกเขาตัดสินใจบอยคอตต์ ไม่ยอมมาร่วมพิธี ที่โรงละครชาเตเลต์ ในกรุงปารีส
วินิซิอุส, จู๊ด เบลลิงแฮม, คาร์โล อันเชล็อตติ, ดานี่ การ์บาฆาล,อันเดรีย ลูนิน และ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ไม่มีใครมาร่วมงานแม้แต่คนเดียว
เรอัล มาดริด อธิบายว่า ถ้าเกิดวินิซิอุสไม่ได้รางวัล คนที่ควรได้บัลลงดอร์ คือดานี่ การ์บาฆาล เพราะกวาดมาหมดทุกรายการ ทั้งสโมสรและทีมชาติ แต่สุดท้าย นักข่าวที่ทำการโหวต กลับไปเทคะแนนให้โรดรี้กันหมดเลย
ฝั่งเรอัล มาดริดมองว่า ยูฟ่า รวมถึงนักข่าว ล้วนมีอคติกับทีมราชันชุดขาว ก็เลยไประดมโหวตให้คนอื่นแทน ดังนั้นสโมสรจึงขอแสดงออกถึงจุดยืน ด้วยการบอยคอตต์ ไม่มาร่วมงาน
แน่นอน นักเตะมาดริดก็ต้องออกมาซัพพอร์ทวินิซิอุส อย่างเอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า กองกลางของทีม ทวีตว่า "การเมืองในฟุตบอล วินิ คุณคือนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก ต่อให้ไม่ได้รางวัลก็ไม่สำคัญ"
จริงอยู่ว่าเรอัล มาดริด สามารถทำอะไรก็ได้ที่ตัวเองต้องการ มาก็ได้ ไม่มาก็ได้ ใครจะไปห้ามคุณได้
แต่เมื่อพวกเขาเลือกจะบอยคอตต์กะทันหันแบบนี้ จึงโดนแฟนบอลทั่วไปด่าว่า "Classless" หรือ ไร้คลาส เพราะเวลาตัวเองได้บัลลงดอร์ นักเตะทีมอื่นก็ไปร่วมยินดีด้วย ทั้งๆ ที่ใจอาจจะไม่ยอมรับก็ได้ แต่พอฝั่งตัวเองไม่ได้รางวัลขึ้นมาปั๊บ ก็ตอบโต้ด้วยวิธีนี้ คือเหมือนว่าต้องชนะอย่างเดียวว่างั้นเถอะ เป็นผู้แพ้ไม่ได้
ในเคสนี้ ก็จริงว่าการ์บาฆาล หรือ วินิซิอุส มีผลงานดีมาก แต่โรดรี้ ไม่ได้เป็นชอยส์ที่ค้านสายตา เขาก็เล่นได้ดีตลอดฤดูกาล และมีโทรฟี่ในมือด้วย ก็ดูคู่ควรกับรางวัลเช่นกัน
เมื่อเราพูดถึงโรดรี้ ตอนนี้เขามีปัญหาสภาพร่างกาย เพราะบาดเจ็บหนัก เอ็นเข่าไขว้หน้าฉีกขาด จนไม่สามารถลงเล่นได้ตลอดฤดูกาล แต่อย่างที่บอกไว้คือ ผลงานที่จะตัดสินว่าใครได้บัลลงดอร์ จะนับเฉพาะในฤดูกาลที่แล้ว 2023-24 เท่านั้น ผลงานใดๆ ในซีซั่นปัจจุบันจะไม่ถูกนับมารวมด้วย
เมื่อจอร์จ เวอาห์ อ่านชื่อว่า โรดรี้ เป็นผู้ชนะบัลลงดอร์ปี 2024 สีหน้าโรดรี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขใจ เขาค่อยๆ เดินขึ้นเวทีโดยใช้ไม้ค้ำ และกล่าวสปีชขอบคุณ
ไม่แฮปปี้ก็แปลกแล้ว เพราะเขาคือนักเตะสเปนคนแรกในรอบ 64 ปีที่ได้บัลลงดอร์ แถมยังเป็นนักเตะคนแรกของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ได้บัลลงดอร์อีกด้วย (ในขณะที่ยังเล่นอยู่กับสโมสร)
แฟนบอลเรือใบสีฟ้ารู้สึกภูมิใจมาก ก่อนหน้านี้ ในเมืองแมนเชสเตอร์ เคยมีนักเตะบัลลงดอร์หลายคน แต่อยู่ฝั่งสีแดงทั้งสิ้น ในที่สุดฝั่งสีฟ้า ก็มีกับเขาบ้าง เริ่มต้นเป็นคนแรก
โรดรี้กล่าวว่า "ขอขอบคุณ คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผม นั่นคือภรรยา ลอร่า วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงาน 8 ปีของเรา ถ้าไม่มีคุณ เส้นทางชีวิตของผมไม่มีวันเหมือนเดิม"
"ขอบคุณครอบครัวของผมที่หล่อหลอมมาอย่างดี ทำให้ผมก้าวเดินไปอย่างถูกต้องตั้งแต่เด็ก และ ขอขอบคุณเอเยนต์ของผม ปาโบล กับความรักไร้เงื่อนไขที่มอบให้เสมอมา"
"ผมเชื่อเสมอว่าฟุตบอล ไม่ใช่กีฬาที่คุณจะเล่นคนเดียวได้ มันเป็นกีฬาประเภททีม ดังนั้นอยากขอบคุณแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทั้งสตาฟฟ์ ทั้งนักเตะ ทุกคนเป็นคนพิเศษมาก ถ้าไม่มีพวกคุณ ผมคงมาถึงตรงนี้ไม่ได้"
สำหรับแบ็กกราวน์ของโรดรี้ เขาเกิดที่เมืองมาดริด ในครอบครัวที่อบอุ่น และมีฐานะดี
ตอนอายุ 14 เขาเคยไปเข้าค่ายซัมเมอร์แคมป์ ที่รัฐคอนเน็คติคัท ในสหรัฐอเมริกา จนสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ตั้งแต่เป็นเยาวชน
ช่วงที่อยู่ในซัมเมอร์แคมป์ คือเดือนกรกฎาคมปี 2010 ซึ่งตรงกับฟุตบอลโลกที่แอฟริกาใต้พอดี ในวันนั้นเขาได้เห็นอันเดรส อิเนียสต้า ซัดประตูชัยในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกผ่านทางจอคอมพิวเตอร์เล็กๆ
และวันนั้นเมื่อสเปนได้แชมป์โลก เขาร้องไห้ออกมา จนคนอเมริกันถามเขาใหญ่เลยว่า "เฮ้ย นายร้องไห้ เพราะซอคเกอร์เนี่ยนะ"
โรดรี้ อธิบายว่า "คนที่มาแซวผม เขาไม่เข้าใจหรอกว่าฟุตบอลมีความหมายแค่ไหนกับผม บางคนอาจจะคิดว่าผมบ้า ซึ่งก็ใช่นะ ผมอาจจะบ้าจริงๆ ก็ได้"
โรดรี้แจ้งเกิดในวงการฟุตบอลครั้งแรก ในปี 2015 ด้วยการเล่นกับสโมสรบียาร์เรอัล (อายุ 19) เขาได้เข้าใจว่าฟุตบอลอาชีพนั้นเล่นกันยังไง แค่ใจรักอย่างเดียวไม่พอ แต่คุณต้องทำงานหนักมาก ถ้าอยากอยู่ในวงการนี้ไปได้นานๆ
จากนั้นในปี 2018 (อายุ 22) เขาย้ายมาอยู่แอตเลติโก้ มาดริด และได้เรียนรู้ศาสตร์วิชาใหม่จากดีเอโก้ ซิมิโอเน่ นั่นคือการเล่นเกมรับอันดุดัน
โรดรี้เล่าว่า "ซิมิโอเน่ สอนให้ผมรู้ว่า การรับบทเป็นคนไม่ดี ต้องทำอย่างไร การเสียบแบบดับเครื่องชนจริงๆ ต้องทำแบบไหน วิธีทำให้คู่แข่งทรมานตลอด 90 นาที ต้องใช้วิธีอะไร ในช่วงหนึ่งปีที่เล่นกับทีมชุดใหญ่ของแอตเลติโก้ มาดริด คือจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญมากในชีวิตของผม"
ฤดูกาล 2018-19 โรดรี้เป็นนักเตะที่มีสถิติการเสียบสกัดแย่งบอล มากที่สุด อันดับหนึ่งในลาลีกา ตอนนั้นเป็นสายเกมรับขนานแท้
ในช่วงซัมเมอร์ปี 2019 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตัดสินใจทุ่มเงิน 62.6 ล้านปอนด์ เป็นค่าฉีกสัญญาจากแอตเลติโก้ มาดริด ดึงตัวโรดรี้มาร่วมทัพด้วย โดยโรดรี้ เป็นคนที่เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เจาะจงว่าอยากได้คนนี้ มาอยู่กับทีม
ตอนเซ็นสัญญา เป๊ปบอกว่า "โรดรี้จะเป็นแกนหลักของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปอีก 10 ปี" ณ เวลานั้น ผู้คนก็แปลกใจเหมือนกันว่า เป๊ปมั่นใจขนาดนั้นเลยหรือ?
สำหรับโรดรี้ ก่อนที่เขาจะตอบตกลงย้ายไปแมนฯ ซิตี้ เขาไปปรึกษากับรุ่นพี่ทีมชาติ เซร์คิโอ บุสเกตต์ ที่เคยร่วมงานกับเป๊ปมาก่อนที่บาร์เซโลน่า ซึ่งบุสเกตต์บอกโรดรี้ให้ทำใจไว้เลย
บุสเกตต์บอกว่า "เป๊ป เขาคือคนที่จะทำให้นายเป็นนักเตะที่ดีขึ้น แต่จำไว้เลย ว่าเป๊ปไม่เคยพอใจ เขาจะผลักดันนายให้เก่งขึ้นไปเรื่อยๆ"
เมื่อโรดรี้ย้ายไปร่วมทีม ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ คือเป๊ปพัฒนาให้เขาเป็นผู้เล่นคนใหม่
อธิบายคือ เป๊ปไม่คิดจะใช้งานเขาเป็นตัวบู๊ ตัวเสียบ เหมือนตอนเล่นกับแอตเลติโก้ มาดริด แต่สิ่งที่เป๊ปชอบในตัวโรดรี้ คือความเยือกเย็นในสนาม และ การจ่ายบอลสั้นได้ดี ดังนั้นเขาจึงปรับบทบาทของโรดรี้ใหม่ ให้มีความหลากหลายกว่าเดิม
โรดรี้เล่าให้ฟังว่า การย้ายมาอยู่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำให้เขาได้เรียนรู้สิ่งสำคัญ 2 อย่าง นั่นคือ "ทักษะการอ่านเกม" และ "เซนส์ในการเล่นฟุตบอล"
"เป๊ปเพิ่มจิ๊กซอว์ 2 ชิ้นสุดท้ายในอาชีพของผม อย่างแรกคือการอ่านเกม เขาทำให้ผมมองภาพในสนามได้กว้างขึ้น อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน"
"ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ เช่นเรื่องการส่งบอล คือคนเล่นกองกลางตัวรับจะรู้ดีว่า เมื่อได้รับบอลมาจากเพื่อน เราก็ต้องแปะต่อไป ให้คนอื่นเอาไปสร้างเกมรุกต่อ แต่เป๊ปจะสอนว่า ถ้าจะส่งบอล ต้องมองให้รอบด้าน ต้องคิดตามด้วย ว่าจะส่งไปให้ใคร แล้วเขาจะขึ้นเกมได้อย่างไร ไม่ใช่ส่งไปมั่วๆ"
"และอย่างที่สองคือ ผมเรียนรู้เรื่องเซนส์ เวลาไหนจะดันไปข้างหน้า เวลาไหนจะถอยลงต่ำ จะเพรสซิ่งเมื่อไหร่ จะถอนเพรสเมื่อไหร่"
พอย้ายมาอยู่แมนฯ ซิตี้ โรดรี้แปลงร่างจากมิดฟิลด์สายบู๊ ที่แย่งบอลได้เยอะ กลายเป็นมิดฟิลด์ประเภท All Around ครบเครื่องทั้งรับและรุก ซึ่งหาไม่ง่าย ที่จะมีนักเตะสักคนมีส่วนผสมที่ดีในตัวคนเดียว
อย่างแรกคือ เรื่องเกมรับ เขามีรูปร่างสูงใหญ่ (190 ซม.) แย่งโหม่งกลางอากาศได้ ชนกระแทกได้ เสียบหนักๆ ได้ อะไรที่กองกลางตัวรับทั่วไปทำได้ เขาก็ทำได้ในระดับที่ยอดเยี่ยมทั้งหมด
และอย่างที่สอง คือ ทักษะเกมรุก เขามีสกิลการจ่ายบอลที่แม่นยำมาก ในฤดูกาล 2021-22 โรดรี้คือผู้เล่นที่จ่ายบอลเข้าเป้า มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก
นอกจากนั้นยังสร้างเพลย์ที่คาดไม่ถึงให้เห็น เช่น การดันขึ้นสูงไปช่วยเกมรุกถึงในเขตโทษของคู่ต่อสู้ หนึ่งในนั้นทุกคนคงจำได้ดี คือการบุกไปยิงประตูอินเตอร์ มิลาน ในนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ปี 2023
เมื่อได้มาทำงานกับเป๊ป โรดรี้จึงได้เข้าใจว่า ขีดความสามารถของเขามีมากกว่านั้น ใครกันนะที่บอกว่ามิดฟิลด์ตัวรับ ต้องปักหลักหน้าแผงแบ็กโฟร์ตลอดเวลา
โรดรี้เล่าว่า "เมื่อก่อนผมก็เป็นกองกลางแบบดั้งเดิมนั่นแหละ แต่ผมอยากจะเก่งกว่านี้มากๆ ก็เลยฝึกหนักเพื่อพัฒนาตัวเองขึ้นมา"
"ผมเชื่อว่ามิดฟิลด์ตัวรับในยุคใหม่ คุณจะคอยมาตั้งรับเหมือนเดิมมันไม่เวิร์กแล้ว คุณต้องกล้าที่จะมีส่วนร่วมกับทีมด้วยในเกมบุก และถ้าวันไหน คุณมีโอกาสได้ยิงประตู ก็ต้องยิงมันให้คม เหมือนกับกองหน้าไปเลย"
การเล่นในสนามที่สวยงาม มีความสง่างาม หนักแน่นแต่แฟร์ ไม่เคยตุกติกนอกเกม หรือคิดทำร้ายคู่แข่ง ทำให้ผู้คนชื่นชอบในความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ใช่แค่เรื่องในสนาม แต่ลักษณะนิสัยส่วนตัวของโรดรี้ ก็ทำให้ใครๆ ก็รู้สึกดี นั่นเพราะเขาเป็นคนเรียบง่ายมาก ไม่เคยมีปัญหากับใคร ไม่เคยสร้างดราม่า สนใจแต่เรื่องฟุตบอลอย่างเดียว
เขาใช้ชีวิตแบบโลว์โพรไฟล์ มีความสุขกับภรรยา ที่มีอาชีพเป็นคุณหมอ
เขาไม่เล่นโซเชียลมีเดีย ไม่หลงใหลไปกับชื่อเสียงหวือหวา เขาแค่อยากเก่งขึ้น และคว้าแชมป์ให้มากขึ้นแค่นั้นเอง
ในโลกยุคนี้ ที่ใครๆ แม้แต่นักบอลก็โหยหายอดไลค์ ยอดแชร์ และความเป็นอินฟลูเอนเซอร์ แต่โรดรี้ไม่สนใจพวกนั้นเลย หัวของเขามีแต่ฟุตบอล ฟุตบอล และ ฟุตบอลเพียงแค่นั้น
โรดรี้ อยู่ในเบื้องหลังความสำเร็จของแมนฯ ซิตี้ อย่างไรก็ตาม ช่วง 2 ซีซั่นหลังสุด เขาเริ่มออกมาปิดทองหน้าพระบ้างแล้ว ผู้คนเริ่มเข้าใจว่าเขามีความหมายอย่างไรกับทีม
ฤดูกาล 2022-23 เป็นคนยิงประตูชัยให้แมนฯ ซิตี้ ชนะ อินเตอร์ มิลาน คว้าแชมป์ยุโรปได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของสโมสร
ฤดูกาล 2023-24 เขามีส่วนร่วมกับประตูมากถึง 22 ลูก (ยิง 9 แอสซิสต์ 13) ซึ่งเป็นตัวเลขที่สุดยอดมาก สำหรับคนยืนตำแหน่งนี้
ซีซั่นที่แล้ว ตอนฟุตบอลสโมสรสิ้นสุดลง ผู้คนประเมินว่าโรดรี้ มีโอกาสได้บัลลงดอร์ราวๆ เต็ง 5 แต่พอเอาผลงานทีมชาติไปรวมด้วย เมื่อสเปนได้แชมป์ยูโร คราวนี้โรดรี้จึงพุ่งมายืนหนึ่ง ในฐานะตัวเต็งคู่กับวินิซิอุส ก่อนสุดท้ายจะแซงเข้าป้ายในที่สุด
บรรยากาศในโลกออนไลน์ มีแต่ผู้คนยินดีกับโรดรี้ นี่คือการได้รางวัลที่พิเศษอย่างยิ่ง นั่นเพราะคนที่ได้รางวัลนี้คือ "มิดฟิลด์ตัวรับ"
ผู้เล่นตัวรับ คนสุดท้ายที่ได้บัลลงดอร์ คือฟาบิโอ คันนาวาโร่ ในปี 2006 แต่จากนั้นมา ไม่เคยมีใครได้รางวัลนี้อีกเลย
ริคาร์โด้ กาก้า, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ลีโอเนล เมสซี่, ลูก้า โมดริช และ คาริม เบนเซม่า ทั้งหมดเป็นกองหน้า หรือกองกลางตัวรุก ส่วนโรดรี้คือมิดฟิลด์ตัวรับขนานแท้
มันพิเศษ เพราะในที่สุด ผู้เล่นตำแหน่งอื่นๆ ที่ไม่ใช่ตัวรุกก็ถูกยอมรับกับเขาบ้าง และมีโอกาสได้รางวัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกฟุตบอล
มันพิเศษ เพราะนักเตะที่สนใจแต่ฟุตบอล ใช้ชีวิตเงียบๆ ไม่หวือหวา ก็สามารถเอาชนะคนที่มีแฟนคลับมหาศาลได้
จากนี้ไปโรดรี้จะกลับไปรักษาตัวอย่างเต็มที่ เพื่อกลับมาแข่งขันให้ได้ในฤดูกาลหน้า โชคดีในโชคร้าย คือเขาจะหายทัน ก่อนที่ฟุตบอลโลก 2026 จะเริ่มขึ้นอย่างแน่นอน คือถ้านักเตะอย่างโรดรี้ ไม่ได้เล่นบอลโลก คงเป็นอะไรที่น่าเสียดายมาก
สำหรับในประเทศสเปน โรดรี้ คือความภูมิใจของแฟนบอลในประเทศ สื่อมวลชนสดุดีเขาทั้งวันไม่มีหยุด
หนังสือพิมพ์มาร์ก้า สรุปเรื่องนี้เอาไว้ว่า "โรดริโก้ เอร์นันเดซ หรือที่เราเรียกว่าโรดรี้ เขาคือนักเตะในสไตล์ยุคโบราณ นั่นคือไม่มีรอยสัก ไม่เล่นโซเชียลมีเดีย แถมชอบยัดเสื้อใส่เข้าไปในกางเกงตอนเตะบอล ดูเรียบร้อยมาก"
"เขาคือคนที่ดูธรรมดา ไม่โดดเด่น ไม่หวือหวา แต่ใครจะไปเชื่อว่า โรดรี้จะเป็นนักเตะสเปนคนแรกในรอบ 64 ปี ที่ได้บัลลงดอร์"
"เขาคือนักกีฬาตัวอย่าง เป็นคนที่มีวินัย สนใจแต่ฟุตบอล ไม่เคยสร้างดราม่า เป็นนักเตะที่แม้แต่นักเตะด้วยกันยังหลงรัก"
"ในกีฬาฟุตบอลที่ผู้คนให้ความสำคัญกับการยิงประตู แต่โรดรี้ ที่เป็นมิดฟิลด์ตัวรับ ยังทำงานหนักของเขาอย่างตั้งใจ เขาแย่งบอล เขาคุมจังหวะ เขาจ่ายบอลให้เพื่อน แม้จะไม่โดดเด่น แต่ก็ทำหน้าที่ของตัวเองไปเรื่อยๆ ในทุกวัน"
"และในวันนี้ คนที่ดูธรรมดาที่สุด กลับสร้างความภูมิใจให้วงการฟุตบอลสเปนอย่างที่สุด โรดริโก้ เอร์นันเดซ กัสกันเต้ คุณคือผู้ชนะอย่างสมบูรณ์"
---------------------------
ปิดท้ายด้วย สินค้าคุณภาพ ที่สนับสนุนวิเคราะห์บอลจริงจังมายาวนาน นั่นคือ ลามิน่า ฟิล์มครับ ฟิล์มกรองแสงระดับเบอร์หนึ่ง ลูกบอลทองคำ ยังไงก็ต้องนึกถึงลามิน่าครับผม
ตอนนี้ โปรดักต์ที่เขาภูมิใจนำเสนอคือ ฟิล์มดิจิทัลเซรามิค ชื่อ IRIS Boost ครับ นี่คือ ฟิล์มเซรามิคหนึ่งเดียว ที่มี 3 นวัตกรรมที่ดีที่สุด ที่จะทำให้คุณ Feel Good
- AntiSolar+ นวัตกรรมกันร้อนกันยูวีสูง
- DigitalBoost นวัตกรรมรองรับสัญญาณดิจิทัล AI ในรถยุคใหม่
- NanoClear นวัตกรรมเนื้อฟิล์มใหม่ เข้มนอก เคลียร์ใน
ฟิล์มลามิน่าทุกรุ่นผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน ISO9001, ASTM, IWFA, AIMCAL และ ASHRAE รับประกันคุณภาพ 7 ปีเต็มนะครับ
ของดีที่สุด ในราคาไม่ได้สูงกว่าตลาดเยอะ ไม่มีอะไรต้องคิดมากครับ ถ้าเลือกฟิล์มติดรถยนต์ เลือกลามิน่านะครับผม
#ฟิล์มรถยนต์ #ฟิล์มกรองแสง #ฟิล์มเซรามิค #รถยนต์