KIM PAPA DEFI

KIM PAPA DEFI Real estate
(1)

…
18/02/2022

ผู้พิพากษาศาลนิวยอร์กสั่งให้ Terraform Labs และนาย Do Kwon CEO ของ Terra

อันนี้น่าสนใจ …
15/02/2022

อันนี้น่าสนใจ …

ความรู้ดีๆ น่าอ่าน …
13/01/2022

ความรู้ดีๆ น่าอ่าน …

Asset Class ในโลก Crypto 😎
ผมเคยพูดในรายการคุณอิก เรื่องเกี่ยวกับ Asset Class ในโลก DeFi เลยอยากจะขยายความเพิ่มเติม
ผมมองสินทรัพย์คริปโตฯ บน DeFi เป็นหลาย Asset Class
1. Crypto ที่เหมือนกับธุรกิจ
ในกรณีนี้คือ Crypto ที่เป็น Governance Token ของ DeFi protocol ที่เหมือนกับธุรกิจเช่น Banking, Dex, Asset Management ในกรณีแบบนี้ เราสามารถประเมินมูลค่าของ Crypto นี้ได้ในรูปแบบเดียวกับการประเมินมูลค่าธุรกิจในโลก Traditional เช่น ผมหา P/E ของ Crypto กลุ่มนี้ด้วย Market Cap / Net Profit ตัวอย่างเหรียญกลุ่มนี้ เช่น MKR, MIR, ANC, COMP, UNI, AAVE
2. Crypto ที่เหมือนทองคำ
ในกรณีนี้คือ Bitcoin ที่ไม่ได้สร้าง Productivity ใด ๆ ให้กับระบบเศรษฐกิจ แต่เป็นสินทรัพย์ที่ใช้เป็น Store of Value เพื่อให้เรา Hedge กับเงินเฟ้อ มีจำนวนจำกัด และได้รับความเชื่อถือสูง โดยผมจะประเมินมูลค่า จากการเทียบการ Growth ของ Bitcoin กับ Growth ของ World total money supply คือเมื่อไหร่ก็ตามที่ธนาคารกลางโลกยังอัดฉีด QE เข้าระบบเศรษฐกิจ Crypto อย่าง Bitcoin ก็ควรมีราคาวิ่งเป็นขาขึ้นตามปริมาณเงินบนโลกที่เพิ่มขึ้น เหมือนที่หลาย ๆ คนบอกว่า "Bitcoin ไม่ได้แพงขึ้นหรอก แต่ค่าเงินบนโลกมันถูกลงต่างหาก"
รวมถึงบางคนอาจจะประเมินมูลค่า Crypto ประเภทนี้ด้วยต้นทุนการผลิต เช่น ต้นทุนการขุด 1 BTC เป็นเงินเท่าไหร่ เหมือนกับต้นทุนหน้าเหมืองของทองคำ เมื่อไหร่ก็ตามที่ราคาร่วงลงมาใกล้กับต้นทุนการผลิต เมื่อนั้น Supply จะเริ่มลดลง และราคาจะปรับตัวให้เหมาะสมกับ Supply ที่ลดลงในที่สุด (ต้นทุนการขุดปัจจุบันของ BTC อยู่แถว ๆ $8,000-$11,000 ในขณะที่ต้นทุนหน้าเหมืองของทองคำอยู่แถว ๆ $900-$1,300)
3. Crypto ที่เหมือนกับ Commodity
Crypto กลุ่มนี้ผมมองถึงกลุ่ม Blockchain Infrastructure เช่น ETH, BNB, LUNA, DOT, SOL, ADA เหรียญกลุ่มนี้ไม่ได้เหมือนกลุ่มที่เป็นธุรกิจ แต่เหรียญกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เป็นวัตถุดิบสำหรับ Dapps (Decentralized applications) ที่ต้องการรันบน Blockchain เช่น MKR, COMP, AAVE เปิดธนาคารบน Ethereum Blockchain ก็จำเป็นต้องใช้ ETH เป็นน้ำมันในการขับเคลื่อน, Mirror เปิด Exchange บน Terra ก็ต้องใช้ Luna ในการขับเคลื่อน, หรือ Pancake เปิด Dex บน BSC ก็ต้องใช้ BNB เป็นวัตถุดิบ
เหมือนในโลกจริงที่ธุรกิจ Logistics ก็ต้องใช้น้ำมันเป็นโภคภัณฑ์หลักในการทำธุรกิจ, ธุรกิจขนมก็ต้องใช้ข้าวโพดและน้ำตาล, อสังหาริมทรัพย์ก็ใช้เหล็ก หรืออิเล็กทรอนิกส์ใช้ทองแดง
ดังนั้นราคาของโภคภัณฑ์จึงขึ้นกับ Demand / Supply เป็นหลัก ราคาเหรียญกลุ่มนี้จึงขึ้นอยู่กับการเติบโตและความต้องการใช้งาน Decentralized Finance ของแต่ละ Platform ในรายการคุณอิกผมพูดแค่นี้ แต่จริง ๆ ผมคิดว่ามีอีกหลาย Asset Class ที่น่าพูดถึง
4. Crypto ที่เหมือนกับ Money
กลุ่มนี้เป็นตัวแทน Fiat money อย่างเช่น USDT, USDC, UST, DAI, BUSD อันนี้ไม่ต้องประเมินมูลค่าอะไรเพราะราคาตรึงกับค่าเงินดอลลาร์อยู่แล้ว แต่ต้องประเมินความเสี่ยงในกรณีที่มันไม่สามารถ Peg กับดอลลาร์ได้
5. Crypto ที่เป็นตัวแทนงานศิลป์ อย่าง NFT ซึ่งกลไกการประเมินมูลค่า ทำได้ยากมาก
มูลค่าของ Asset Class แต่ละแบบก็มีกลไกการประเมินที่แตกต่างกันไป การเหมารวม Crypto ทุกประเภทว่าประเมินมูลค่าไม่ได้ และไม่มี Intrinsic Value จึงเป็นเรื่องที่ผิดพลาดของนักลงทุนในโลกยุคเดิม
ในโลกคริปโตนั้น มีทั้งเหรียญดีและไม่ดี
ไม่มีใครจะทำให้เหรียญทุกเหรียญเป็นเหรียญดีได้ทั้งหมด
การทำให้โลก DeFi มีความปรกติสุขเรียบร้อย
จึงมิใช่การทำให้ทุกเหรียญเป็นเหรียญดี
หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมเหรียญดี
ให้เหรียญดีได้ครองโลก DeFi
และควบคุมเหรียญไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ
ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้
นิรันดร์ ประวิทย์ธนา Co-Founder & CEO AVA Advisory Group และ CEO Avareum Limited
________________________________

ไม่พลาด! ทุกความรู้ที่จะให้คุณค่ามากกว่าสินทรัพย์
กดติดตาม Techtoro ได้ที่ 👉🏻
FB : https://techtoro.me/fb-web
LINE@ : https://techtoro.me/fb-line
Youtube : https://techtoro.me/fb-yt
IG : https://techtoro.me/fb-ig
Twitter : https://techtoro.me/fb-tw
TikTok : https://techtoro.me/fb-tt
Blockdit : https://techtoro.me/fb-bd
Email : [email protected]

#มากกว่าสินทรัพย์คือความรู้

โอเค นโยบายอันนี้ชอบ … ข้าในฐานะผู้นำเกาหลีเหนือสูงสุด … ขอย้ายสัญชาติ มาหย่อนบัตรเลือกตั้งโหวตให้ … ยกนิ้วให้หลายๆครั้ง...
10/01/2022

โอเค นโยบายอันนี้ชอบ … ข้าในฐานะผู้นำเกาหลีเหนือสูงสุด … ขอย้ายสัญชาติ มาหย่อนบัตรเลือกตั้งโหวตให้ … ยกนิ้วให้หลายๆครั้งเลย + เอาคะแนนเสียงรอบสมัยหน้า ของข้าและประชาชนชาวเกาหลีเหนือไปได้เลย …

ไทยสร้างไทยค้านการ #เก็บภาษีคริปโต ที่ไม่เป็นธรรม แนวทางปฏิบัติเป็นภาระกับประชาชน เป็นการทำลายโอกาสของคนรุ่นใหม่ที่จะสร้างรายได้จาก Digital Asset

ภาษีคริปโตสะท้อนการไม่เข้าใจโอกาสสร้างรายได้เข้าประเทศจาก Digital Asset ที่เป็น New Economy ของรัฐบาล เป็นการปิดกั้นโอกาสในการหารายได้ของคนรุ่นใหม่

การที่รัฐมีนโยบายจะเก็บภาษีจากรายได้ของผู้ทำกำไรจาก Digital Asset คงไม่มีใครว่า ถ้าเก็บอย่างเป็นธรรม ไม่เอาเปรียบผู้เสียภาษี ในทางตรงข้ามรัฐควรต้องส่งเสริมให้เกิดการใช้โอกาสในการสร้างรายได้จาก Digital Asset มากกว่า

ตามที่มีข่าวออกมาว่ารัฐจะเก็บภาษีคริปโต 2 ขั้นคือ

1.เก็บภาษีหัก ณ ที่จ่ายหรือ Withholding Tax 15% ซึ่งผู้ซื้อคริปโตต้องเป็นผู้ทำการหักและนำส่งจากกำไรของผู้ขาย เป็นราย Transaction ซึ่งปฏิบัติได้ยาก ไม่ Practical เพราะเวลาซื้อขายซึ่งมักเกิดจากการทำธุรกรรมผ่านระบบ Exchange และ DeFi ทำเราไม่สามารถรู้ได้ว่าผู้ซื้อหรือผู้ขายอีกฝั่งคือใคร การออกหนังสือรับรองแก่ผู้ขายจึงแทบเป็นไปไม่ได้ และนักลงทุนที่เป็น Day Trade ซื้อขายหลายรายการต่อวัน หากต้องคำนวนและหักภาษีนำส่งเป็นราย Transaction แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่บุคคลธรรมดาจะทำได้ถูกต้องทุก Transaction ตลอดปีภาษี เพราะไม่มีแผนกบัญชีเหมือนการทำในรูปแบบบริษัทมาคอยช่วยตรวจสอบแบ่งเบาภาระ หากในอนาคตเก็บภาษีจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แบบเดียวกันนี้ เชื่อว่านักลงทุนในตลาดหุ้นส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถปฏิบัติตามได้เช่นกัน

2. เก็บภาษีเงินได้ประจำปีตามอัตราก้าวหน้า (0-35%) ซึ่งก็คิดเฉพาะจาก Transaction ที่กำไรเช่นกัน ดังนั้นถึงแม้ลงทุนรวมแล้วทั้งปีจะขาดทุน แต่หากมี Transaction ใดที่กำไร ก็ต้องเสียภาษีอีก ซึ่งอย่างนี้ผิดหลักการ Capital Gain Tax ที่ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกไม่ทำกันแบบนี้ เพราะการเก็บ Capital Gain Tax จะต้องรวมกำไร ขาดทุนทั้งปี หักลบกลบหนี้แล้วกำไรเท่าไหร่ค่อยเสียภาษี จึงจะเป็นธรรมกับประชาชน ทั้งนี้การที่เสีย Witholding Tax 15% ไปแล้ว ก็ไม่มีสิทธิเลือกเลยว่าจะปล่อยให้หักไปเลยแล้วไม่ต้องยื่นประจำปี แต่กลับให้ต้องมาเสียเพิ่มหรือเคลมคืนเมื่อสิ้นปีเอง เป็นการสร้างภาระซ้ำซ้อนอีก

ซึ่งทันทีที่มีการประกาศการเก็บภาษีแบบนี้ ปริมาณการเทรดใน Exchange ไทยลดลงทันทีถึง 25-45% แสดงให้เห็นว่าหากรัฐดึงดันจะใช้แนวปฏิบัตินี้ต่อไป ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะให้ Exchange ไทยเป็นผู้เก็บภาษีแทนอีกด้วย จะส่งผลให้นักลงทุนย้ายไปใช้ Platform ของต่างประเทศเพื่อที่จะไม่ต้องเสียภาษีแน่นอน ซึ่งจะเกิดความเสียหายกับธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทยที่หลายธุรกิจได้ลงทุนจนได้ใบอนุญาตไปแล้ว และสุดท้ายรัฐก็จะไม่สามารถเก็บได้แม้กระทั่ง VAT หรือภาษีเงินได้นิติบุคคลจากธุรกิจไทย

- พรรคไทยสร้างไทยจึงขอคัดค้านการเก็บ Withholding Tax 15% ซึ่งสร้างภาระให้ประชาชน และถ้าจะเก็บจาก Capital Gain Tax ควรเก็บหลังจากหักลบกำไรขาดทุนในแต่ละปีตามหลักสากล

- พรรคไทยสร้างไทย เห็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของโลกยุคใหม่ เราจึงมีนโยบายที่จะสร้างประเทศไทย ให้เป็น “ศูนย์กลางการลงทุนของสินทรัพย์ดิจิทัล” หรือ “Digital Asset Hub” ของโลก เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) ให้มาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีรายได้เข้ามามากมาย และยังเป็นการพัฒนาบุคคลากรของไทยเราให้เก่งยิ่งขึ้น

โดยการทำให้ไทยเป็น Digital Asset Hub ไม่ใช่เรื่องยากหรือไกลเกินฝัน เพียงรัฐเข้าใจ มีวิสัยทัศน์ สนับสนุนส่งเสริม ปลดล็อคกฎเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรคขวางกั้นความสามารถของคนรุ่นใหม่ แทนการมองเป็นทาสที่ต้องออกกฎควบคุมบังคับและจ้องรีดภาษีเท่านั้น พรรคไทยสร้างไทย เห็นว่าการไม่เก็บภาษีคริปโตสำหรับการเทรดบน Exchange ที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทยเหมือนการเทรดหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ (หรือในอนาคตควรเพิ่มการลดหย่อนจากการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นระยะเวลา 10 ปีเหมือนการซื้อ SSF เป็นบันไดขั้นต่อไป) เป็นการส่งเสริมให้ไทยเป็น Digital Asset Hub จะสร้างรายได้ให้รัฐมากมายกว่าการออกนโยบายเก็บภาษีคริปโต ที่ทำให้คนส่วนใหญ่จะหันไปเทรด Exchange ต่างประเทศ ในที่สุดประเทศไทยก็จะไม่ได้ประโยชน์ใดๆ และไทยจะเป็นประเทศที่ตกยุค ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

- พรรคไทยสร้างไทย มีเป้าหมาย “สนับสนุนให้คนไทยทุกคนได้มีโอกาสทำมาหากินให้ได้ง่ายที่สุดให้ทุกคนร่ำรวยอย่างยั่งยืน” รัฐจึงจะเก็บภาษีได้ ไม่ต้องกู้มาใช้อย่างทุกวันนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่านโยบายเศรษฐกิจและการคลังดำเนินการมาอย่างผิดพลาดแบบนี้ตลอด 7 ปี

ดังนั้นในทุกนโยบายของพรรคไทยสร้างไทย เราจึงมุ่งเน้นการปลดปล่อย (Liberate) ประชาชนจากรัฐราชการรวมศูนย์ กฎหมาย ระเบียบที่เป็นอุปสรรคขวางกั้นการทำมาหากินของประชาชน การสร้างพลัง (Empower) ให้ประชาชนมีช่องทางและเครื่องมือสร้างรายได้ในโลกยุคใหม่ให้มากที่สุด

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
ประธานพรรคไทยสร้างไทย

#พรรคไทยสร้างไทย
#สร้างโอกาสและอนาคตให้คนไทย

ข้อมูลนี้ น่าสนใจ
10/01/2022

ข้อมูลนี้ น่าสนใจ

⚫️Changpeng Zhao หรือ CZ
🔸ผู้ก่อตั้ง Binance กระดานคริปโตอันดับ 1 ของโลก
คือบุคคลที่มีทรัพย์สินอันดับ 1 ในโลกคริปโต
-ด้วยมูลค่าประมาณ 95,800 ล้านเหรียญสหรัฐ
-หรือประมาณกว่า 3 ล้านล้านบาท(โดยประมาณ)

🔵โดยรายงานจาก Bloomberg
หลังจากก่อนหน้านี้ประเมินมูลค่า Top Richest Crypto
-Sam Bankman ผู้ก่อตั้ง FTX ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลก
-แซงหน้า Brian Armstrong - CEO Coinbase

จงอภิปราย .. และสรรเสริญเยินยอ เหล่าผู้ออกกฎ เหล่านั้น …. คิดมาได้ยังไง … Capital gain tax แต่ไม่หักลบ loss จากการเทรด …...
06/01/2022

จงอภิปราย .. และสรรเสริญเยินยอ เหล่าผู้ออกกฎ เหล่านั้น …. คิดมาได้ยังไง … Capital gain tax แต่ไม่หักลบ loss จากการเทรด … คงจะมีที่เดียวในโลกนี้ คือ ที่นี่ …
ปล Bitkub เตรียมหนาว … ส่วน SCB ที่ไปเทคเค้ามา หนาวกว่า …

#สรรพากรแจง #ภาษีคริปโตคิดเป็นรายtransaction

เมื่อเช้านั่งฟังรายการ Morning Wealth ซึ่งเชิญทางโฆษกของกรมสรรพากรมาอธิบายเรื่องภาษีจากการเทรดคริปโตว่าจะคิดยังไง

สรุปง่าย ๆ คือ ให้คิดกำไร ขาดทุน แยกเป็น transaction นะครับ

ตัวอย่างเช่น

รอบแรก เราซื้อ BTC มา 1.5 ล้าน ขายออกไป 1.6 ล้าน ได้กำไรมา 1 แสนบาท

ต่อมาซื้อ BTC 1.9 ล้าน ขายออกไป 1.85 ล้าน ขาดทุน 5 หมื่น

เราไม่สามารถเอาส่วนที่ขาดทุน 5 หมื่นนี้ ไปหักลบออกจากกำไร 1 แสน

เราจะต้องนำเอากำไร 1 แสนบาท ไปยื่นเป็นเงินได้ของเราในปีภาษีนี้

หรือพูดง่าย ๆ คือ กำไรจากทุกไม้จะต้องนำมายื่นภาษี ส่วนขาดทุนไม่ต้อง (และไม่สามารถเอาส่วนขาดทุนมาหักกลบได้ด้วย)

ฟังแล้วรู้สึกว่า ใครเทรดบ่อย ๆ จะมีภาระในการจดบันทึกราย transaction มากครับ เทรด 1,000 ครั้ง ก็ต้องมาคอยดูว่าแต่ละครั้งกำไรหรือขาดทุน

จะเอาแบบเหมารวมทั้งปี มาหักกลบกันว่ากำไรหรือขาดทุนแบบนี้ไม่ได้

ใครอยากฟังแบบเต็ม ๆ ลองดูในคลิปตั้งแต่นาทีที่ 33 เป็นต้นไปนะครับ
https://m.youtube.com/watch?fbclid=IwAR2M6xLl3MjJmJqyqbTbbNMpD38riCVprDlSY1-RTAEy06jNVdpsEQFHOBU&v=aKzHlLMjj2I&feature=youtu.be

เดี๋ยวนี้ Dev ปิดเกมกันไว …
29/12/2021

เดี๋ยวนี้ Dev ปิดเกมกันไว …

"Crab Master กับตำนานบทใหม่ ขายเหรียญ 1 ชั่วโมง แล้ว Rug เลย"

ไม่รู้จะต้องอธิบายอะไรครับ ก็ง่ายๆเมื่อเช้าตอนตีสองเปิดขายเหรียญ โดยมีการให้เลขแอดเดรสไว้ก่อนแบบงงๆ

จากนั้นก็อย่างที่เห็นครับ ปิด Social ทุกอย่าง กราฟดิ่ง

อยู่ดีๆก็หายไลน์ไม่ตอบ ...

อันนี้เลข Address: 0x6521f741db59bff3e685c35baf064441e82a1cc3

"Not Financial Advice"

#แอดแว่นเกมฟาย

#บิทดอย

🤖 ลิงค์สมัครเป็นสมาชิกกับเพจบิทดอย: https://facebook.com/becomesupporter/bitdroidth/
🤖 สิ่งที่จะได้จากการเป็นสมาชิก: https://www.facebook.com/bitdroidth/posts/316066620531995

พิเศษสุด !! สำหรับชาวบิทดอยทุกท่าน
ทาง Future Skill x Bitdroid ยินดีมอบส่วนลดให้เพื่อนๆทุกคน
ลดถึง 50% !!! โปรโมชั่นแบบ 1 ผ่อน 0% นาน ถึง 4 เดือน !!
🔺 ลิงค์สมัคร: https://page.futureskill.co/fsxbd

🔺 ติดต่องานและโฆษณา: [email protected]
⚛️ เพจหลัก: https://www.facebook.com/bitdroidth
⚛️ NFT&Game: https://www.facebook.com/NFTdroidth/
⚛️ Youtube: https://bit.ly/3mpgi7p
⚛️ Group: https://bit.ly/3mi8uCk
⚛️ Twitter: https://bit.ly/3ujGh0P

ไหวมั้ยบ้านเรา …
27/12/2021

ไหวมั้ยบ้านเรา …

เป็นยังไงกันบ้าง … อาการดูทรงไม่ค่อยดี น่าเป็นห่วงมาก ...
23/12/2021

เป็นยังไงกันบ้าง … อาการดูทรงไม่ค่อยดี น่าเป็นห่วงมาก ...

SCB ของเรา ไปตั้งสำนักงานใน Sandbox กะเค้าด้วย … แบ้งชาติ จะว่ายังไงทีนี้ …
14/12/2021

SCB ของเรา ไปตั้งสำนักงานใน Sandbox กะเค้าด้วย … แบ้งชาติ จะว่ายังไงทีนี้ …

UPDATE: SCB 10X บุกโลก Metaverse เล็งตั้งสำนักงานใหญ่ใน The Sandbox แพลตฟอร์มเกมชื่อดังภายในปีหน้า
SCB 10X บริษัทในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ เตรียมบุกโลก Metaverse ด้วยการเข้าไปเปิดสำนักงานใหญ่ (Headquarter) ในแพลตฟอร์มเกมโลกเสมือนชื่อดังที่พัฒนาบนเทคโนโลยีบล็อกเชนอย่าง The Sandbox ซึ่งเปิดให้ผู้เล่นสามารถสร้าง เป็นเจ้าของ และสร้างรายได้จากสินทรัพย์ต่างๆ ภายในเกมได้
มุขยา พานิช Chief Venture and Investment Officer ของ SCB 10X เปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH ว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างออกแบบ คิดธีมและวางคอนเซปต์ของ Headquarter (HQ) ที่จะเข้าไปเปิดใน The Sandbox ซึ่งคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จในปีหน้า เนื่องจากขั้นตอนการวางแผนต่างๆ จะใกล้เคียงกับการสร้างตึกจริงๆ ที่ต้องเริ่มตั้งแต่การหาที่ดิน การพูดคุยกันระหว่างสถาปนิกและวิศวกร การตกแต่งภายนอก ภายใน การเลือกวัสดุ เลือกสี ฯลฯ
“ข้อแตกต่างอาจจะอยู่ที่ใน Metaverse เราไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยเพราะมันไม่ถล่มอยู่แล้ว ทำให้จินตนาการได้กว้างขึ้น ตอนนี้ทีมของเรามีการประชุมกันเรื่องนี้ทุกสัปดาห์ ซึ่งคอนเซปต์เบื้องต้นเราก็อยากให้มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยอยู่ เป็นศูนย์รวมของ Thai Community ใน The Sandbox” มุขยากล่าว
อย่างไรก็ดี ในแง่ของการถือครองที่ดินในโลกเสมือนนั้น เนื่องจาก SCB 10X อยู่ภายใต้ธนาคาร จึงไม่สามารถเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลได้ เนื่องจากหน่วยงานกำกับยังไม่อนุญาต ทำให้บริษัทอาจต้องหันไปใช้วิธีเช่าที่ดินในโลกเสมือนแทน
มุขยากล่าวว่า เมื่อสร้างเสร็จแล้ว HQ ของบริษัทใน The Sandbox จะถูกนำไปใช้ได้อย่างหลากหลาย เช่น จัดอีเวนต์เกี่ยวกับบล็อกเชน DeFi ซึ่งผู้ที่ต้องการรับชมหรือฟังสามารถสร้าง Avatar ขึ้นมาเพื่อร่วมงานได้ ขณะเดียวกัน ก็สามารถจัดงานแถลงข่าวหรือเปิดให้คนมาพบกับซีอีโอของแบงก์ในโลกเสมือนได้ ซึ่งปัจจุบันทางทีมได้สร้าง Avatar สำหรับบอร์ดบริหารขึ้นมาแล้ว
นอกจากนี้ ด้วยความเป็นบริษัทลูกของธนาคารก็อาจมีการตั้งสาขาธนาคารในโลกเสมือนขึ้นใน HQ บน The Sandbox เพื่อให้บริการธุรกรรม เช่น Asset Management หรือรับฝากเงินในโลกเสมือนเพื่อแลกกับผลตอบแทนรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง โดยบริษัทในเครือไทยพาณิชย์อื่นๆ ก็สามารถเข้ามาใช้ HQ ของ 10X ได้ เช่น AlphaX อาจนำรถหรูเข้ามาจัดแสดงในโลกเสมือน
“แต่สิ่งหนึ่งที่เราตั้งใจว่าจะทำใน The Sandbox คือ การเปิดแกลเลอรีแสดงผลงาน NFT ของศิลปินไทยโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อเผยแพร่ให้โลกรู้ว่าเรามีศิลปินเก่งๆ ด้านนี้เยอะมาก ทำให้ผลงานของคนไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ซึ่งที่ผ่านมาก็มีศิลปินไทยที่ได้รางวัลจากการประกวดออกแบบใน Metaverse หลายคนแล้ว” มุขยากล่าว
สำหรับงบประมาณสำหรับโปรเจกต์การสร้าง HQ ใน The Sandbox มุขยากล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปออกมาเป็นรายละเอียด แต่เบื้องต้นคงจะมีค่าใช้จ่ายจากการเช่าที่ดินในโลกเสมือนและการจ้าง Outsource นักออกแบบคนไทยบางส่วนที่จะเข้ามาช่วยเสริมทีมที่ SCB 10X มีอยู่แล้ว เพราะโปรเจกต์นี้ต้องใช้คนเยอะพอสมควร โดยเฉพาะกราฟิกดีไซเนอร์
“เราเชื่อว่าโลก Metaverse ที่เป็น Web 3.0 ซึ่งเปิดให้คนสามารถสร้าง เป็นเจ้าของและหารายได้จากสินทรัพย์ดิจิทัลบนแพลตฟอร์มได้แบบ The Sandbox จะเป็นอะไรที่เติบโตได้อย่างมาก และมีโอกาสที่สินทรัพย์ต่างๆ จะโอนข้ามแพลตฟอร์มระหว่างกันได้ด้วย ใน The Sandbox ตอนนี้ก็เริ่มมีศิลปินดังอย่าง Snoop Dogg เข้ามาร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ มีการถือครองที่ดิน และเร็วๆ นี้น่าจะมีการจัดคอนเสิร์ตใน Metaverse ซึ่งจะดึงดูดคนให้เข้ามาสู่โลกใหม่นี้ได้มากขึ้น” มุขยากล่าว
มุขยากล่าวอีกว่า นอกจาก The Sandbox แล้ว ในอนาคต SCB 10X ยังมีแผนจะเข้าไปลงทุนในโลก Metaverse บนแพลตฟอร์มอื่นๆ เนื่องจากบริษัทมีนโยบายให้ความสำคัญกับการลงทุนใน Disruptive Technologies โดยล่าสุด บริษัทยังได้รับงบลงทุนในกลุ่มบล็อกเชนและ DeFi เพิ่มจาก 50 ล้านดอลลาร์ เป็น 110 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ดี การลงทุนจะโฟกัสไปที่เทคโนโลยีที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/wealth/


———————————————

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

ทุกคน ควรอ่าน …
13/12/2021

ทุกคน ควรอ่าน …

อันนี้เรื่องจริงของหลายๆเหรียญในเวลานี้ ข้าแนะนำอย่างรุนแรงให้ทุกคน … “ควรอ่านหลายๆครั้ง” … (แต่เหรียญดีๆ ก็มีนะ แต่เป็น...
10/12/2021

อันนี้เรื่องจริงของหลายๆเหรียญในเวลานี้ ข้าแนะนำอย่างรุนแรงให้ทุกคน … “ควรอ่านหลายๆครั้ง” … (แต่เหรียญดีๆ ก็มีนะ แต่เป็นส่วนน้อย) …
ปล วันก่อนมีโปรแกรมเมอร์คนเก่ง เค้าออกมาเตือนว่า เหรียญเกม หลายๆ อันตอนนี้ มันเป็นแชร์ลูกโซ่ที่พัฒนารูปแบบแล้วซะส่วนใหญ่ ..พอหวังดี พูดความจริง … ก็ดันเจอไปโดน เซเลปคนดังในวงการไปถากถาง ด่าเค้าซะอีก … สังคมเรา มันเตะตัดขากันเก่ง …
คนที่ความรู้ดีๆ ส่วนมาก ก็เลยขี้เกียจออกมาพูด มาเตือนกัน …

beartai แบไต๋ เอาผมไปทำคลิปแล้วดูที่ >> https://youtu.be/hW8N1tesi9w
วันนี้มีคนโทรมาปรึกษาเพราะหมดตัวไปอีกคน เลยคิดว่าถึงเวลาสักที
บทความนี้น่าจะยาวมาก โหดมาก และ บาดใจมาก
เพราะผมเองก็อยู่มาจนครบวงจร ลูกโซ่ทั้งในชีวิตจริงและใน defi มาแล้ว
และนี่คือบทเรียนมูลค่าน่าจะรวมๆ สี่ล้านบาทที่ผมโดนมากับตัว

แชร์ลูกโซ่ / ponzi คืออะไร
มันคือการสร้างระบบที่อยู่ได้ด้วยการเอาเงินเข้ามาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเงินจากคนใหม่ เงินจากคนเก่า หรือ เงินของเจ้าของแชร์ เพื่อให้ระบบอยู่ได้

ทำไมแชร์ลูกโซ่ถึงดูดี
เพราะมันดูเหมือนทำงานได้ง่ายครับ แค่ฝาก หรือเข้าระบบ หรือ ซื้อลงทุนอะไรบางอย่าง ก็มีเงินเข้า และใช้คำว่า passive income เข้ามาเพื่อให้คนคิดว่า "มันคือการลงทุน" แทนที่ "มันคือการเข้าวงแชร์" ก็ใครบ้างละครับที่จะไม่ชอบเรื่องนี้ แถมดูดีอีก นั่งเฉยๆ ก็ได้เงินปันผลวันละ xx%

วิธีการดูแชร์ลูกโซ่ในโลก defi (ขอเป็นdefi นะตอนนี้เงินอยู่ตรงนี้)

เราจะต้องลงทุนกับบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการ ซื้อเหรียญของเขา การทำตัวเป็น LP (liquidity provider) การซื้อNFT เพื่อความหวังที่จะได้ Passive income

ทาง platform จะมีการจ่ายผลตอบแทนออกมาส่วนใหญ่จะเป็นเหรียญของตัวเองที่ mint ได้เรื่อยๆ หรือมี reward pool มหาศาลที่สร้างขึ้นมาจากการเสกของในอากาศ โดยที่มีเงินตั้งติดแค่นิดเดียว หรือพูดง่ายๆ มันคือเหรียญขยะที่ไม่ได้มีค่าอะไรแต่มีค่าเพราะเงินที่คนเติมกันเข้าไปในเกมกันเอง เอาไปทำอะไรก็ไม่ค่อยได้ นอกจากวนในระบบ ไม่ก็แค่ขายทิ้ง

คนส่วนใหญ่ที่มา "เล่น" เกมนี้ มักจะใช้คำว่า "คืนทุนในกี่วัน" หรือเข้ามาเพื่อหาเงินเพิ่มไม่ได้เข้ามาตั้งใจจะเล่นเอาสนุก หรือ เอามันส์ หรือเข้ามา "เอาเงิน" มากกว่า "เล่นเกม"

มีการให้ APR ที่สูงจนเวอร์ 500% - 10,000% ซึ่งทางตัวเกมอาจมีการตั้งกฎอะไรบางอย่างออกมาเพื่อกันให้คนไม่ขายเพื่อพยุงราคา เช่นมี tax มีล้อควัน มีขั้นต่ำ มีเอาไปใช้ในเกมให้มันหมุนไปเรื่อยๆ กันคนขาย

ระดับความเสี่ยงของแชร์ใน DEFI

แบบสร้าง LP Token หรือ ซื้อเหรียญฟาร์ม- แบบนี้เสี่ยงไม่มาก เพราะคุณสามารถถอด LP และขายทิ้งได้ตราบใดที่ยังมี liquidity เหลืออยู่ในระบบ ถ้าราคาเริ่มร่วง หรือ ท่าไม่ดี ก็ถอนทิ้งได้ในสองสามนาที

แบบซื้อ NFT = แบบนี้เสี่ยงสูง เนื่องจากมูลค่าของมันจะอยู่กับความสามารถในการทำกำไรและความเชื่อมั่นใน เกม หรือ platform นั้นๆ ในช่วงที่คนเชื่อเยอะ ราคาก็จะพุ่งสูงมาก แต่พอหมดความเชื่อ ราคาก็จะตกไวมาก และขายยากมากเพราะคนไม่เอา ดูจากราคายาน CMine และ เลื่อย รถ ใน FarmerWorld

แบบ defi 2.0 (Bonding period) แบบนี้จะคล้ายๆข้อ 1 แต่ความน่ากลัวคือถ้าเจ้าของ เขาถอด LP ออกหมดคุณก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะ platform เป็นเจ้าของ LP

วิธีการขาดทุนกับแชร์ลูกโซ่

เข้าตอนแชร์กำลังบูม - การเข้าตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับการต่อชีวิตให้คนที่เข้าก่อนหน้า คนพวกนี้มีกำไรหมดแล้ว เขาไม่จำเป็นจะต้องถือ เขาคืนทุนครบ เขาก็ขาย และคุณก็เป็นแค่คนที่เขาใช้ในการทำกำไรในเกมนี้

เข้าตอนแชร์ล่ม - แชร์ยืนได้เพราะความเชื่อในระบบ น้อยมากที่จะกลับมาได้อย่าง sushi หรือ cake หรือ apeswap เพราะงั้นถ้าช้า อย่ารับ

reinvest reinvest reinvest - คุณกำลังเปลี่ยนตัวเองจากคนที่ลดความเสี่ยง เป็นเพิ่มความเสี่ยง เพราะเงินไม่ออกจากระบบ และคนที่เขาเล่นเป็น ก็ทำกำไรจากเงินของคุณที่คุณยังปล่อยมันค้างไว้ในระบบ

วิธีทำกำไรกับแชร์ลูกโซ่

----------- ช่วงเริ่มต้น ----------------

ขั้นที่ 1 - เข้าช่วงแรกที่ยังไม่บูม
พยายามหาเกม วงแชร์ หรือ ฟาร์มอะไรก็ได้ ที่ยังไม่ค่อยมีคนเข้า เพื่อให้คุณได้เป็นต้นน้ำ เป็นคนที่ซื้อของในราคาที่ถูกที่สุด ความเสี่ยงเดียวที่คุณจะมี คือความเสี่ยงของเงินต้นที่คุณลง แต่ถ้าคุณเป็นนักพนันมืออาชีพ คุณก็จะรู้อยู่แล้วว่าคุณจะเอาเงินที่เสียได้เท่านั้นมาลง

ขั้นที่ 2 - ซื้อสิ่งที่ดีที่สุดในเกม หรือ เป็นวาฬในวงแชร์ให้ได้ตั้งแต่วันแรก
ราคาในช่วงแรกจะถูกมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปวงมันจะใหญ่ขึ้น สิ่งที่คุณถือจะมีมูลค่ามากขึ้นอย่ามหาศาลในไม่กี่วันหรือเดือน เพราะงั้นจงลงทุนกับสิ่งที่จะทำให้คุณดึงเงินออกจากระบบได้มากที่สุดในช่วงต้น และคุณเอาเงินที่คุณเสียได้มาลงอยู่แล้ว เพราะงั้นยังไงคุณก็ไม่ต้องแคร์ ถ้าจะเสีย เช่น หายานลำที่ดีที่สุด รถที่แรงที่สุด เบ็ดคันที่ดีที่สุด ตัวละครที่ราคากับการทำเงินทำได้คุ้มค่าที่สุด

ขั้นที่ 3 - เงินที่ได้ ขายให้หมด อย่าโลภ
เกมลูกโซ่คือเกมที่ให้รางวัลกับคนที่เล่นแชร์เป็นจากเงินของคนโง่ที่คิดว่าตัวเองเล่นเป็น เพราะงั้น คุณจะต้องลดความเสี่ยงให้ไวทีสุด คำนวนวันที่จะต้องคืนทุนให้ไว และ ขายทุกอย่างที่ได้มา และห้ามนำกลับไป reinvest จนกว่าคุณจะได้เงินต้นคืน หลังจากนั้นคุณจะทำอะไรก็เรื่องของคุณ เพราะคุณไม่มีความเสี่ยงแล้ว

--------- ช่วงเก็บเกี่ยว -------------

ขั้นที่ 4 - จงใช้ชีวิตให้คนอื่นอิจฉา และ จงเล่าถึง "ความสำเร็จ" ของคุณทุกวัน
หลังจากที่คุณคืนทุนครบแล้ว ถึงเวลาที่คุณจะเอาคืน เงินทั้งหมดที่คุณได้ คุณจะต้องเอาไปซื้อของดีๆ แพงๆ รวยๆ ใช้ชีวิตอู้ฟู่ หรือ คุณจะเฟคเอาก็ได้ ไม่ต่างกัน แต่คุณจะต้องทำยังไงก็ได้เพื่อให้คุณเป็นคนที่ทุกคนจับตามอง เพื่อให้คนอื่นเข้ามาในวงแชร์วงนี้ของคุณ
ทุกโพสที่คุณโพส จะต้องพูดว่า "เงินมันหาง่าย" "เงินมันมาทุกวัน" "มันมั่นคง" "มันคือการลงทุนที่ดีและฉลาดที่สุด" "ผมตัดสินใจถูกต้องที่สุด" และ "มันง่ายกว่านั่งทำงานโง่ๆ" อย่าลืมเพิ่มความน่าเชื่อถือด้วยการใส่คำว่า "การลงทุนมีความเสี่ยง" หรือ "DYOR" เพื่อทำให้คุณดูฉลาดเข้าไปอีก

การทำแบบนี้ทำเพื่อให้มีเงินคนโง่และโลภ ไหลเข้ามาในระบบมากขึ้น เพื่อให้ของที่คุณถือ มีราคามากขึ้นไปอีก และคุณคืนทุนครบหมดแล้ว คุณจะ reinvest หรือ อะไรก็เรื่องของคุณ ตอนนี้เก็บกินยาวๆ คุณอาจจะขาย nft บางส่วนให้คนที่โลภทิ่งในราคาแพงๆก็ได้ แต่ถ้ามันยังไม่ถึงจุดพีค ยังไม่ต้อง

ขั้นที่ 5 - หาเพื่อน หรือ ทีมที่ลงเงินเยอะๆ แล้วใช้ผลประโยชน์จากพวกเขา
แน่นอน คุณไม่ควรทำงานคนเดียว ให้คนจับกลุ่มคนที่ลงเงินเยอะๆ และเชื่อกับเกมนี้ หรือ ไม่ต้องเชื่อก็ได้ (คนแบบเดียวกับคุณที่เล่นเป็น) คุณต้องการใช้คนกลุ่มนี้ด้วยเหตุผลเดียว คือ สร้างความน่าเชื่อถือให้กับเกม ว่าพวกเราคือคนที่สำเร็จ และ พวกเราไม่ออกจากเกมนี้ง่ายแล้วคุณก็แค่กล่อมให้ทุกคน ทำข้อ 4 ทุกวัน เท่านั้น คุณก็จะได้สร้างทีมที่โลกสวย น่าเชื่อถือ และ ล่อเงินของคนโง่เข้ามาได้เรื่อยๆ

แน่นอน คุณก็ควรจะพูดให้คนพวกนี้ reinvest มากขึ้นเรื่อยๆด้วย แล้วคุณหน่ะหรอ ก็ขายทิ้งทุกวันหน่ะซิ หรือจะ reinvest หลอกๆ หรือจริงๆไปก็ได้ เพื่อให้พวกเขาเชื่อคุณ และ ลงให้หนักกว่าเดิม

---------- ช่วงยืดระยะเวลาเกม ------------

ช่วงนี้จะเริ่มมีการสวืงของราคา ทุกอย่างจะเริ่มเข้าจุดสูง เงินของคนโง่จะวิ่งเข้าอย่างมหาศาล ราคาจะเริ่มสวิง จะมีการออกมาบ่น มาโวยวาย จะเริ่มมีคนขาดทุน

ขั้นที่ 6 - ใช้ทีมของคุณสร้างความมั่นใจ ในขณะที่คุณเริ่มทยอยขายในช่วงที่ราคาดีที่สุด
ช่วงนี้ทีมที่คุณลงกันมาเยอะๆ จะเริ่มตั้งคำถามว่าจะเอาไงดี หน้าที่ของคุณคือ การสร้างความเชื่อมั่น จงใช้คำพูดเช่น "ทีม dev ดี มีของใหม่มาให้เรา" "คนที่กล้าจะชนะคนที่ไม่กล้า" "ขายเลยผมกล้าซื้อทุกราคา" หรือ "เกมนี้จะเป็นแชร์หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ผมได้เงินจริงๆ ทุกวัน ไว้ให้พ่อแม่ เสมอ" หรือ คุณอาจจะแกล้งทำเป็นซื้อของจากคนอื่นต่อมาก็ได้ โอนให้กันจริงๆ แล้วก็แค่สลับ metamask กัน มีเลข บช โชว์โอนเงินจริง แล้วค่อยโอนกลับก็ยังได้

ใช้ระบบ blockchain หลอกคนโง่กว่าคุณให้เป็นประโยชน์ เพื่อทำยังไงก็ได้ ให้เกมไปต่อให้นานที่สุด แล้วคุณก็ทยอยขายทรัพย์สินของคุณออกให้คนโง่ที่พร้อมจะซื้อต่อจากคุณ

ในตอนนี้คุณควรทำกำไรให้มากที่สุด แต่คุณจะไม่ทำก็ได้ หากคุณได้รับเงินมาพอแล้ว เพื่อที่คุณจะพูดได้เต็มปากว่า "ผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้เสียหาย" แบบเนียนๆ

ในตอนนี้คุณควรเริ่มหาเกมใหม่ ที่น่าจะทำกำไรได้ และเริ่มย้ายการลงทุนอย่างเงียบๆ

ขั้นที่ 7 - ราคาเริ่มร่วง เริ่มกู้กลับไม่อยู่ dev เริ่มปล่อยจอย คนเริ่มฉลาด เริ่มทยอยเทขาย
ช่วงนี้ หากคุณขายหมดแล้ว ไม่ต้องทำอะไรมาก ขายทิ้งให้หมด แต่คุณก็ควรจะบอกเพื่อนของคุณว่า อย่าขาย ต้องเชื่อมั่นในเดฟ ยิ่งถ้า "เพื่อน" พวกนี้เป็นคนที่คุณไม่ได้รู้จัก หรือ แคร์จริงๆ คนพวกนี้ก็เป็นแค่เกมในการพยุงราคาเท่านั้น เพื่อให้คุณทำกำไรต่อ

เกมที่คุณเลือกมาใหม่ ถ้าคุณกระจายลง อาจจะมีสักตัวสองตัวที่เริ่มทำกำไรแล้ว เก็บไว้ก่อน รอให้คืนทุน

------------- จุดจบ ----------------
ขั้นที่ 8 - ราคาร่วงยับ ทุกคนหนีตาย
ถ้าคุณทำตามข้อ 6 ไว้และมีของเหลืออยู่ ให้คุณรวมหัวกับคนที่เสียหายในคอมมูเพื่อเรียกร้องอะไรบางอย่าง คุณก็อาจจะได้รับสิทธิพิเศษจากทีม dev ทั้งๆที่คุณไม่ได้เสียหายอะไร เพราะคุณกำไรตั้งแต่แรก เรียกว่าได้ทั้งขึ้นทั้งร่อง แถมคุณยังจะดูเป็น hero ที่ช่วยทุกคนที่เสียหายอีก คุณจะดูดี ดูทำเพื่อคอมมู เพื่อคนในเกมนี้อย่างแท้จริง
คุณอาจจะตั้งกลุ่มอะไรบางอย่างขึ้น รวมคนเสียหายจากเกม หรือ กลุ่มคนหมดตัวจากเกม หรือ กลุ่มคนเล่นเกม### yyy ก็ได้ เพื่อดึงคนที่มาอารมณ์ร่วมเข้ามา

แล้วคุณก็ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่บอกว่าคุณคุยกับเดฟอยู่ ต่อรองให้อยู่ เพื่อสร้างภาพความน่าเชื่อถือไปวันๆ

ขั้นที่ 9 - "มีแต่คนกล้าเท่านั้นที่จะได้เงิน"
คุณสร้างภาพมาครบแล้ว เงินคุณก็ได้ คุณไม่มีความเสี่ยง ถึงตอนนี้คุณก็โพสเรื่องการลงทุน ความเสี่ยง แนวคิด คำสอนทั้งหลาย ที่คุณได้เรียนรู้เพื่อเป็นการตอกย้ำ และอย่าลืมพูดว่าคุณเองก็พลาดพลังไปกับเกมนี้ เพื่อให้คนได้รู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับคุณ ไหนๆก็จะเป็น hero แล้ว ก็ควรเป็น hero ที่มีบาดแผลให้คนได้ซาบซึ้งและเชื่อคุณมากกว่าเดิม

ถึงตอนนี้ เกมใหม่ทื่คุณหาไว้ก็น่าจะคืนทุนไปแล้ว

----------- จุดเริ่มต้นใหม่ -----------

ขั้นที่ 0 ยินดีด้วย ในตอนนี้คุณได้เตรียมพร้อมทุกอย่างครบแล้ว
คุณเป็นคนที่น่าเชื่อถือ มีคนติดตาม พร้อมจะลากเงินใหม่เข้าเกมใหม่ของคุณที่คุณเล่นไว้เรียบร้อย จากนี้คุณก็โพสเรียกให้คนในคอมมูของคุณ เข้าไปยังเกมที่คุณได้วางเบ็ดไว้ ด้วยการเล่าเรื่องความสำเร็จของคุณ และคุณก็ทำแบบเดิม

มันอาจจะเปลี่ยนรูปแบบเป็นฟาร์ม เป็นเกม เป็นอย่างอื่น แต่ตราบใดที่ยังมีคนโลภอยู่
คุณก็น่าจะรู้ว่า การใช้ประโยชน์จากคนพวกนี้ ด้วยเงินก้อนที่คุณเสียได้แบบไม่ต้องแคร์นั้น ไม่ได้ยากเลย แถมเงินก้อนนี้ก็จะใหญ่ขึ้นแบบทวีคูณด้วย

และคุณจะแคร์อะไรถ้าจะเสียมันไป เพราะมันเสียได้ตั้งแต่แรก

สุดท้ายคุณก็จะเป็นผู้ชนะเพราะคุณไม่โลภ

----------------------------------------

หลายคน เมื่ออ่านถึงตรงนี้ก็คงจะบอกว่า ผมเป็นคนที่โหด และเหี้ยมมากกับการใช้ผลประโยชน์ของคนอื่น

เกลียดผมได้เลยครับ แต่นี่คือเกมของการเล่นแชร์ ที่คนที่ไม่โลภ ชนะคนที่โลภเสมอ
ถ้าผมทำให้คุณเลิกโลภและเข้าใจมันได้
ผมยินดีให้คุณเกลียดผม เพราะอย่างน้อย ผมก็ทำให้คุณไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม

คุณสามารถนำสิ่งที่ผมเขียนนี้ไปใช้กับ ธุรกิจขายตรง mlm ระบบตัวแทน แชร์ คริปโต defi การลงทุน ฟอเร็ก และอื่นๅได้ทั้งหมด เพราะทุกอันทำเหมือนกัน นั่นคือเล่นกับความโลภอันไม่สิ้นสุดของคนที่ขี้เกียจทำงานแบบสุจริตและตรงไปตรงมา

"จงเล่นแชร์ด้วยเงินอย่างนักพนันมืออาชีพ ด้วย mindset ของคนที่เข้าใจแชร์ลูกโซ่อย่างถ่องแท้นะครับ"

ขอให้มีสติกับการลงทุนเสมอ
อย่าโลภนะครับ
และ อย่าทำเลยครับ

Nampla Crypto
Varut Rintanalert

ปล. หากคุณขาดทุนแล้วมืดแปดด้าน ทักมาหาผมได้นะครับ ผมไม่รู้จะช่วยได้ขนาดไหน แต่มาคุยกันดีกว่าเก็บความเครียดไว้คนเดียวนะ หลายๆคนที่มาเรียนกับผมก็จะรู้ว่า ไม่ต้องเรียนคอร์สผมมาก่อน ผมก็ยินดีช่วยทุกคน เพราะสุดท้าย ผมแค่อยากให้คุณไม่เสียเงินเหมือนที่ผมเสีย

รออยู่นะ มาคุยกันครับ
-----
อยากศึกษาเพิ่ม ลองอ่าน ประวัติของ charles ponzi ดูนะครับ

กลต เขามาสั่งห้ามละ … ต่อไป เผลอๆ ถ้าข้า คิดจะเขียนวิเคราะห์ แสดงความเห็น เหรียญอะไร ก็คงจะหมดสิทธิ์  ... ถ้า อยากจะเติม...
07/12/2021

กลต เขามาสั่งห้ามละ … ต่อไป เผลอๆ ถ้าข้า คิดจะเขียนวิเคราะห์ แสดงความเห็น เหรียญอะไร ก็คงจะหมดสิทธิ์ ... ถ้า อยากจะเติมกง เติมกาว ก็คงจะไม่ได้ ละสินะ …
ไม่แน่ว่า รวมไปถึง ขับฮ้ง ขับเฮ้า กะเค้าด้วยมั้ย ..

UPDATE: ก.ล.ต. เล็งสกัดแพลตฟอร์ม DeFi เปิดเฮียริ่งห้ามนำสินทรัพย์ลูกค้าไปลงทุน รวมทั้งห้ามจัดทำบทวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้อง
ก.ล.ต. เปิดรับฟังความคิดเห็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ในส่วนของการให้บริการแก่ลูกค้าของผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลและที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัล ที่เกี่ยวกับการทำธุรกรรมบน Decentralized Finance Platform (แพลตฟอร์ม DeFi) ให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการชักชวนให้ประชาชนมาใช้บริการในวงกว้าง เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง มีกรณีที่เป็นการหลอกลวงและการโจรกรรมทางไซเบอร์ ทำให้เสียหายและอาจไม่มีโอกาสในการดำเนินคดีหรือติดตามทวงคืน
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ​ระบุว่า ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการให้บริการทางการเงินรูปแบบ Decentralized Finance (DeFi) ซึ่งเป็นบริการทางการเงินรูปแบบกระจายศูนย์ ไม่พึ่งพาตัวกลาง โดยใช้กลไกควบคุมการดำเนินการต่างๆ ให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดผ่านสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ซึ่งที่ผ่านมามีผู้สนใจให้บริการให้คำแนะนำ หรือจัดการนำเงินทุนหรือสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าไปแสวงหาประโยชน์ผ่านการทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์ม DeFi เช่น การให้ยืมและยืมสินทรัพย์ดิจิทัล การนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปเพิ่มสภาพคล่องเพื่อหาผลตอบแทนจากดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม เป็นต้น
สำนักงาน ก.ล.ต. เห็นว่า การทำธุรกรรมดังกล่าวยังเป็นเรื่องใหม่ มีรูปแบบและลักษณะของบริการที่หลากหลาย รวมทั้งอาจจะอยู่ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ และส่วนใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศยังอยู่ระหว่างพิจารณาว่าการให้บริการดังกล่าวจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานใด
รวมทั้งมีความเสี่ยงสูง และที่ผ่านมามีกรณีที่เป็นการหลอกลวง มีการโจรกรรมทางไซเบอร์ ทำให้ผู้ลงทุนเสียหาย และอาจไม่มีโอกาสติดตามทวงคืน เนื่องจากอำนาจในการเข้าถึงและควบคุมทรัพย์สินเป็นของผู้พัฒนาแพลตฟอร์มแต่เพียงผู้เดียว
ก.ล.ต. จึงมีแนวคิดที่จะปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการให้บริการแก่ลูกค้าของผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลและที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัลให้มีความชัดเจน ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต. ครั้งที่ 15/2564 เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2564 ดังนี้
1. ห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลนำสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าไปทำธุรกรรมใดๆ บนแพลตฟอร์ม DeFi
2. ห้ามมิให้ที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัลให้คำแนะนำแก่ลูกค้า หรือจัดทำบทวิเคราะห์เกี่ยวกับ DeFi เพื่อป้องกันการชักชวนให้ประชาชนมาใช้บริการดังกล่าวในวงกว้าง
ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวไว้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. www.sec.or.th/TH/Pages/PB_Detail.aspx?SECID=772 ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจสามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ หรือทางอีเมล: [email protected] [email protected] และ
[email protected] จนถึงวันที่ 7 มกราคม 2565
สำหรับประชาชนที่สนใจทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์ม DeFi ควรศึกษาข้อมูลโครงการ DeFi ให้รอบด้าน ทั้งในทางเทคนิคด้านความปลอดภัย รวมถึงข้อกำหนด เงื่อนไข และฟังก์ชันการทำงานต่างๆ ที่เขียนขึ้นบนระบบ รวมทั้งความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง และหากพบเบาะแสหรือพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ สามารถแจ้งหรือร้องเรียนได้ที่ ‘ศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต.’ เบอร์โทรศัพท์ 1207 หรือผ่านช่องทางเฟซบุ๊กเพจ ‘สำนักงาน ก.ล.ต.’ หรือ SEC Live Chat ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต.
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/wealth/

ผู้เขียนโพสนี้คือ คุณสุมาอี้ มือเก๋าในสายตลาดหุ้น ประสบการณ์ลงทุนยาวนานไม่ธรรมดา / ลองอ่านกันดูได้ …
04/12/2021

ผู้เขียนโพสนี้คือ คุณสุมาอี้ มือเก๋าในสายตลาดหุ้น ประสบการณ์ลงทุนยาวนานไม่ธรรมดา / ลองอ่านกันดูได้ …

หนึ่งในโปรเจ็ค DeFi 2.0 ที่เป็นที่ฮือฮา คือโปรเจ็คที่มีชื่อว่า Olympus Dao ซึ่งให้ผลตอบแทนแก่ผู้ที่นำเหรียญ Ohm มา stake ในร...

เหรียญไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก … สบายดีรึเปล่า ข่าวคราวถึงเงียบหาย …
30/11/2021

เหรียญไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก …
สบายดีรึเปล่า ข่าวคราวถึงเงียบหาย …

ช่วงนี้ เหรียญนี้กำลังเป็นกระแส อินเทรน … ขึ้นรถทันกันมั้ย …
22/11/2021

ช่วงนี้ เหรียญนี้กำลังเป็นกระแส อินเทรน … ขึ้นรถทันกันมั้ย …

11/11/2021

ช่วงนี้ได้ไปพบปะ ผู้คนในแวดวงนักลงทุน เก๋าๆ ของประเทศเราหลายๆกลุ่ม .. สิ่งหนึ่งที่ข้าพบเจอคือ .. นลท vi เก่งๆ หลายคน .. บางส่วนเริ่มๆ เข้ามาศึกษา มาลงทุนในเหรียญคริปโต และ Defi กันบ้างแล้ว ถึงแม้จะยังเป็นสัดส่วนเงินไม่เยอะ .. แต่เป็นจุดเริ่มต้น ที่น่ายินดีมากๆ ของวงการ …
หวังว่าต่อๆไป .. เรา ๆ คงจะได้อ่านบทความวิเคราะห์ที่ค่อนข้างมี Quality / น่าจะเริ่มๆ มีออกมา ให้ได้อ่านกันเพิ่มขึ้นๆ จากคนในแวดวง นลท ตัวจริง .. ซึ่งทุกๆคนคงจะได้ประโยชน์ …

เค้ามาละ ของเค้าแรง …
05/11/2021

เค้ามาละ ของเค้าแรง …

ขึ้นรถทันกันมั้ย …
28/10/2021

ขึ้นรถทันกันมั้ย …

คนนี้ไม่ธรรมดา …
28/10/2021

คนนี้ไม่ธรรมดา …

UPDATE: เมื่อ ‘VI’ บุกตลาดคริปโตฯ ฟัง ‘เซียนฮง’ แชร์ประสบการณ์ครั้งแรก กับเคล็ด (ไม่) ลับ ในการเลือกเหรียญลงทุน
ปีนี้เรียกได้ว่าเป็นปีทองของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีอย่างแท้จริง เพราะนอกจากมูลค่าของสินทรัพย์จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดแล้ว ยังมีนักลงทุนหน้าใหม่ก้าวเข้าสู่ตลาดดังกล่าวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้แต่นักลงทุนสถาบันระดับโลกก็เริ่มใส่เงินเข้ามาในตลาดนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับประเทศไทย ถ้าดูมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของตลาดคริปโตฯ พบว่า เฉพาะครึ่งแรกของปี 2564 เติบโตกว่า 1,100% โดยข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 ตลาดคริปโตฯ ในไทยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 2,894 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2563 ที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่แค่เพียง 240 ล้านบาทเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์เหล่านี้ถือว่าผันผวนในขั้นรุนแรง ทำให้นักลงทุนสาย VI หรือ Value Investment จำนวนมากปฏิเสธที่จะก้าวเข้าสู่ตลาดดังกล่าว
แต่นั่นไม่ใช่สำหรับ เซียนฮง-สถาพร งามเรืองพงศ์ นักลงทุนสาย VI รุ่นใหม่ที่ลงทุนในตลาดหุ้นมากว่า 17 ปี
ฮงให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว THE STANDARD WEALTH ถึงสาเหตุที่ตัดสินใจเข้าลงทุนในตลาดคริปโตฯ ว่า “อยากเข้าใจไอเดียเกี่ยวกับคริปโตฯ ว่าหากเราจะลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้ควรต้องวิเคราะห์อย่างไร”
จุดเริ่มต้นของการสัมภาษณ์ครั้งนี้สืบเนื่องจากทีมข่าวอยากสอบถามถึงสาเหตุที่เซียนฮงลดพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้น แต่เจ้าตัวปฏิเสธที่จะพูดถึงเรื่องดังกล่าว เพราะเกรงว่าจะเป็นการชี้นำตลาดหรือชี้นำผู้ลงทุน
ฮงยอมรับว่า นอกจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยแล้ว ปัจจุบันเริ่มศึกษาตลาดคริปโตฯ และหุ้นต่างประเทศบ้าง เพียงแต่สัดส่วนการลงทุนยัง ‘น้อยมาก’ เมื่อเทียบกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
“โชคดีที่เหรียญคริปโตฯ หนึ่งซึ่งผมเข้าไปลงทุน ราคาขึ้นมาเป็นเท่าตัว ตอนนี้ก็ขายออกไปหมดแล้ว ขายไปที่ราคา 36 ดอลลาร์ ตอนเดือนกันยายน จากราคาที่เข้าไปซื้อราวๆ 17 ดอลลาร์ ตอนเดือนเมษายน”
ฮงเล่าว่า สาเหตุที่เลือกลงทุนในเหรียญที่ว่านี้ (ไม่ขอเอ่ยชื่อ) เพราะเห็นว่ามีระบบโทเคน และที่สำคัญซัพพลายของเหรียญยังสามารถแปลงไปเป็น StableCoin (เหรียญที่มีสินทรัพย์หนุนหลัง) ได้ ซึ่งเท่าที่ลองศึกษาพบว่า เจ้า StableCoin ของเหรียญนี้คนนิยมนำไปใช้สำหรับการฟาร์มเพื่อรับผลตอบแทนกันค่อนข้างมาก
กลไกการฟาร์มเหรียญเหล่านี้ฮงยกตัวอย่างว่า คนที่อยากซื้อหุ้น Apple หรือ Tesla ซึ่งไม่จำเป็นต้องเข้าไปซื้อหุ้นนั้นจริงๆ ก็สามารถเข้าไปลงทุนในระบบที่ราคาเหรียญผูกกับราคาหุ้นเหล่านั้นได้ พอซื้อเสร็จก็เอาเหรียญเหล่านี้มาฟาร์ม แล้วรอรับผลตอบแทนที่คล้ายกับการกินดอกเบี้ยแต่มีอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่า
นอกจากนี้แพลตฟอร์มของเหรียญดังกล่าวยังมีระบบที่สามารถนำ StableCoin ไปฝาก ซึ่งคล้ายกับการฝากเงินในธนาคาร แล้วรอรับผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยที่สูงถึง 20% เขาจึงค่อนข้างมั่นใจว่าด้วยระบบต่างๆ ที่กล่าวมา น่าจะทำให้ความต้องการใช้เหรียญเหล่านี้มีจำนวนมากขึ้น
เกือบถอดใจตัดขาดทุนกว่า 70%
อย่างไรก็ตามฮงยอมรับว่า การเข้าลงทุนในตลาดนี้ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถทำกำไรได้ทันที เพราะในช่วงแรกหลังจากที่เข้าลงทุนในเหรียญดังกล่าว ปรากฏว่าราคาของเหรียญอยู่ๆ ก็ร่วงลงรุนแรง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ตลาดคริปโตฯ เริ่มปรับฐานลงมาแรงในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ทำให้ราคาเหรียญที่เขาถืออยู่ร่วงลงตามไปด้วย
ฮงเล่าว่า ราคาเหรียญร่วงลงมาเหลือเพียง 5 ดอลลาร์ จากต้นทุนที่ 17 ดอลลาร์ ถ้าขายออกไปในช่วงนั้นจะขาดทุนมากถึง 70%
“ช่วงที่ตลาดแตก (ราคาเหรียญหล่นไปแรงๆ) ก็แอบคิดเหมือนกันว่า สิ่งที่เราวิเคราะห์มาทั้งหมดมันใช่หรือไม่ มันเป็นไปอย่างที่เราคิดไว้หรือเปล่า เรามั่วหรือเปล่า เรียกว่าราคาร่วงหนักมากๆ จนเสียความมั่นใจ ตอนนั้นก็ถามตัวเองว่า ถ้าเราจะขายจะขายด้วยเหตุผลอะไร สุดท้ายตัดสินใจถือต่อ กระทั่งราคาเหรียญเด้งขึ้นมา”
ฮงบอกว่า ช่วงแรกที่ราคาเหรียญเริ่มรีบาวด์ ตอนนั้นคิดในใจว่า ถ้าได้ทุนคืนก็หรูแล้ว ซึ่งไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้กำไรเป็นเท่าตัว
เคล็ดลับการเลือกเหรียญลงทุนสไตล์ VI
สำหรับราคาเหรียญที่เด้งขึ้นมาฮงบอกว่า ส่วนหนึ่งต้องชมเจ้าของเหรียญที่เก่งด้วย โดยพยายามหารูปแบบบริการใหม่ๆ มาดึงดูดให้นักลงทุนมีความต้องการใช้เหรียญมากขึ้น ซึ่งข้อนี้ถือเป็นคุณสมบัติหลักที่เขาใช้สำหรับการคัดเลือกเหรียญคริปโตฯ ในการลงทุน
“ถ้าจะลงในเหรียญไหน ผมต้องดูว่าเจ้าของเก่งหรือไม่ อยากเห็นคนที่สร้างเหรียญเป็นคนหนุ่มไฟแรง มีหัวคิดล้ำๆ เพราะโลกของคริปโตฯ เป็นโลกของคนรุ่นใหม่ ต้องปรับตัวได้เร็ว ปรับตัวได้เก่ง ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นล้าหลังคนอื่น ดังนั้นคนพัฒนาเหรียญก็ต้องตีโจทย์นี้ให้แตกว่าจะหารายได้อย่างไร มีค่าธรรมเนียมจากช่องทางไหนได้บ้าง แล้วทำอย่างไรจึงจะตอบโจทย์ผู้ลงทุนเพื่อดึงเขามาใช้เหรียญมากขึ้น”
สำหรับ Bitcoin ฮงยอมรับว่า ไม่เคยเข้าไปลงทุน เพราะ ‘ประเมินมูลค่า’ ไม่ออก ซึ่งในความเข้าใจของเขา Bitcoin เป็นเรื่องความเชื่อที่คนมองกันว่าจะเป็นตัวแทนของทองคำในโลกดิจิทัล แต่สำหรับฮงแล้ว แม้แต่ทองคำเอง เขาก็ไม่รู้ว่ามูลค่าที่แท้จริงเป็นเท่าไรกันแน่
“คนซื้อ Bitcoin ในความเห็นผม เขาคงอยากรักษาเสถียรภาพของค่าเงินเอาไว้ เช่น ในเวเนซุเอลาที่เงินด้อยค่า คนในประเทศก็เอาเงินมาถือเป็น Bitcoin เพื่อจะรักษามูลค่าของเงิน จึงเชื่อว่าคนที่ลงทุนใน Bitcoin ส่วนหนึ่งน่าจะมีแนวคิดแบบนี้”
อย่างไรก็ตามฮงย้ำว่า ทั้งหมดนี้ยังเป็นเพียงการเริ่มต้นในตลาดคริปโตฯ โดยถือเป็นช่วงเวลาของการลองผิดลองถูก เป็นช่วงของการศึกษาเพื่อให้รู้ว่ารูปแบบการวิเคราะห์ต้องเป็นแบบใดจึงจะสามารถอยู่รอดและมีกำไรได้ในตลาดนี้
นอกจากนี้เขายอมรับด้วยว่า อยู่ระหว่างมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งเท่าที่ศึกษาในตอนนี้พบว่า หากหาเหรียญที่น่าสนใจได้ ก็พอจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีได้อยู่ เพียงแต่การลงทุนในตลาดนี้มีความเสี่ยงมากกว่าตลาดหุ้นค่อนข้างมาก ดังนั้นผู้ลงทุนจำเป็นต้องรับความเสี่ยงได้สูง
จะเห็นว่าฮงใช้หลักการลงทุนในตลาดคริปโตฯ ผ่านการ ‘ประเมินมูลค่า’ ของตัวเหรียญ โดยวิเคราะห์ดูว่าในอนาคตเหรียญนั้นจะมีรูปแบบหรือเครื่องมือใดที่ดึงดูดให้ผู้คนหันมาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหลักการที่ว่านี้ไม่ต่างไปจากการประเมินมูลค่าของตัวหุ้นที่นักลงทุน VI นำมาใช้กัน
เผย ‘3 หุ้น’ ต่างประเทศ ‘เซียนฮง’ ถืออยู่
สำหรับการลงทุนในหุ้นต่างประเทศนั้นฮงเล่าว่า ปัจจุบันมีถือลงทุนอยู่ประมาณ 2-3 บริษัท คือ หุ้น Sea Group และ Disney ที่เพิ่งเข้าไปลงทุนได้เมื่อไม่นานมานี้ ส่วนอีกบริษัทคือ Facebook ถือลงทุนมาได้ระยะหนึ่งแล้ว
สาเหตุที่เลือกหุ้น Sea เพราะเขาเป็นเจ้าของ Shopee แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ที่เติบโตเร็วมาก และยังมีธุรกิจเกมซึ่งเป็นอันดับ 1 ของโลก สร้างกระแสเงิสด (Cash Flow) จำนวนมาก ทำให้เขามีเงินสดไปลุยธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ทั้งปัจจุบันยังเจาะตลาดใหม่เพิ่มไปเรื่อยๆ ที่สำคัญเป้าหมายรายได้ที่ผู้บริหารให้เอาไว้ก็สามารถทำได้ตามที่พูดด้วย
“ที่เลือกหุ้น Sea เพราะอยากรู้มายด์เซ็ตในการทำธุรกิจ คืออยากรู้ว่าธุรกิจที่โตมากๆ แม้จะยังไม่มีกำไร แต่ถ้าเขามีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็อยากรู้ว่าราคาหุ้นจะตอบรับอย่างไร ถามว่ามั่นใจหรือไม่ ยอมรับตรงๆ ว่ายังไม่มั่นใจขนาดนั้น เป็นการลองผิดลองถูกมากกว่า แต่ผลลัพธ์ที่ได้นับว่าโอเคอยู่”
ส่วนหุ้น Disney เข้าซื้อในช่วงที่โดนผลกระทบจากพิษโควิดจนต้องปิดสวนสนุก แต่เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วเมื่อสถานการณ์กลับมาดีขึ้น เขาก็ต้องกลับมาเปิดอยู่ดี และคนส่วนใหญ่ก็ให้คุณค่ากับแบรนด์ของ Disney ค่อนข้างมากด้วย อย่างเช่น กรณีการเปิดตัว Disney+ ทางบริษัทก็ถือว่าเจาะกลุ่มลูกค้าได้เร็ว มียอด Subscribe เพิ่มเร็วมากเมื่อเทียบกับ Netflix ที่เปิดตัวในช่วงแรกๆ อีกทั้งหนังที่ Disney ผลิตออกมาก็มีคุณภาพ ผู้คนให้ความนิยมสูง
สำหรับหุ้น Facebook เขาบอกว่าลงทุนไว้นานหลายปีแล้ว สาเหตุที่เลือกลงทุนหุ้นตัวนี้เพราะมองว่า Facebook ยังมีช่องทางหารายได้จากค่าโฆษณาอีกจำนวนมาก โดยที่ตัวบริษัทไม่จำเป็นต้องลงทุนอะไรเพิ่มเติมมากนัก
“ทั้งการลงทุนในคริปโตฯ และหุ้นต่างประเทศ ยังเป็นสัดส่วนที่น้อยมากๆ เพราะเป็นช่วงที่กำลังศึกษา ลองผิดลองถูก แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังไม่ได้ทิ้งโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพราะถ้าหุ้นไทยปรับฐานลงมามากๆ ก็น่าจะเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน อย่างน้อยก็เป็นตลาดที่เราคุ้นเคยมากกว่า”ฮงกล่าวทิ้งท้าย
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/wealth/

Address

Singapore

Website

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when KIM PAPA DEFI posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Share


Other Digital creator in Singapore

Show All

You may also like