เครือข่ายบ้านดิน (Natural Building Network Thailand)

  • Home
  • เครือข่ายบ้านดิน (Natural Building Network Thailand)

เครือข่ายบ้านดิน (Natural Building Network Thailand) รณรงค์เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับบ้านดิน
(30)

12/11/2024

พูดคุยกับฉัน

=การเจริญเมตตา คือ อะไร?=คือ การแผ่ความรักไปยังทุกๆ ชีวิตในจักรวาล เหมือนมารดารักลูกน้อยคุณสามารถสร้างความรู้สึกนี้ได้ง่...
09/07/2024

=การเจริญเมตตา คือ อะไร?=

คือ การแผ่ความรักไปยังทุกๆ ชีวิตในจักรวาล เหมือนมารดารักลูกน้อย

คุณสามารถสร้างความรู้สึกนี้ได้ง่าย ๆ ด้วยการมองภาพทารกพร้อมกับคิดปรารถนาให้หนูน้อยมีความสุขกายสบายใจ จากนั้นให้มองไปที่ภาพจักรวาลเบื้องหลังพร้อมกับแผ่ความรู้สึกเมตตาออกไปอย่างไม่มีประมาณ
(คุณสามารถดาวน์โหลดภาพนี้ไปทำวอลเปเปอร์ ได้ ที่ comment )
.
.
.

"มารดาถนอมบุตรคนเดียวผู้เกิดในตน แม้ด้วยการยอมสละชีวิตได้ ฉันใด กุลบุตรผู้ฉลาดในประโยชน์ พึงเจริญเมตตามีในใจไม่มีประมาณในสัตว์ทั้งปวง แม้ฉันนั้น "

พุทธภาษิต

08/07/2024

เคล็ดลับชาวสวน

08/07/2024

พระอมโรภิกขุ ศิษย์ของหลวงพ่อชา สุภัทโท เคยพูดถึงเรื่องการทำสมาธิว่า เมื่อเริ่มทำสมาธิ ก็เหมือนเปิดวิทยุพร้อมกันทีเดียว 3-4 สถานี เสียงแห่งความคิดตีกันวุ่นวาย

พระอมโรภิกขุกล่าวว่า ถ้างั้นจะดีกว่าไหมหากเราปิดสถานีทั้งหมด? หมายความว่าหยุดคิด เราจะได้เข้าสู่สภาวะสงบใจ คำตอบคือไม่ใช่ เพราะคนส่วนใหญ่เชื่อว่า ‘การปิดสถานี’ โดยการทำสมาธิคือการกำจัดความคิดทั้งหลายออกไปให้พ้นตัว แต่สมองมนุษย์นั้นหยุดคิดไม่ได้ อีกทั้งการทำสมาธิจิตก็ไม่ใช่การหนี

เพราะการมีความคิดก็อาจมีประโยชน์เช่นกัน

การวางความคิดไว้ในตำแหน่งเหมาะสมสามารถช่วยลดความวุ่นวายได้

แต่การทำสมาธิอาจช่วยลดการคิดได้ในระดับหนึ่ง ทำให้ใจสงบ

เวลาคนเรามองหรือฟัง จะพยายามคิดไปด้วย นี่อาจ ‘จำกัด’ การมองการฟัง

เรามีนิสัยต้องมองให้ชัด ฟังให้ชัด จดจ่อตั้งใจ และพยายามหาความหมายในสิ่งที่เห็นและฟังเมื่อเราไม่มองความคิด หรือฟุ้งซ่าน ความคิดก็ไหลไปเรื่อย ๆ

สมาธิทำให้เรากลับคืนสู่โลกของความจริง

ยุติความโกลาหลที่ประดังเข้าไปในหัวตัวเอง ปล่อยให้การพูดกับตัวเองยุติ และเข้าสู่ความนิ่งสงบ ซึ่งไม่จำเป็นต้องนั่งท่าขัดสมาธิ เราทำได้แม้ขณะเดิน หรือนั่งหรือนอนในอ่างอาบน้ำหรือนอนบนเตียงก่อนหลับ เพียงแค่ปล่อยให้จิตอยู่ของมันเอง อย่าไปรบกวนมัน และหยุดพยายามที่จะหาความหมายของโลก เพราะมีบางสิ่งที่น่าคิดมากกว่าความคิดในตัวมันเอง

ดังนั้นโดยผ่านการทำสมาธิ เราจะไปถึงความสงบสันติที่ลึกซึ้งซึ่งปรากฏบนพระพักตร์ของพระพุทธรูป

การทำสมาธิก็สามารถใช้หลักอู๋เหวยของเต๋า นั่นคือไม่ฝืน

ไม่ต้องใช้ความพยายาม ไม่ใช้กำลังต่อสู้กับอะไร

ในการร้องเพลง สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออย่าพยายามร้องเพลง แค่ฟังทำนองแล้วให้เพลงมันร้องเอง

เวลาทำสมาธิ อย่าพยายามทำสมาธิ ให้มันเป็นเอง

เวลาหายใจ ให้มันหายใจของมันเอง อย่าพยายามหายใจ ให้ความคิดไปของมันเอง อย่าไปห้ามความคิด ให้ตามองที่มันเห็น ให้หูฟังสิ่งที่มากระทบ

ในโลกที่เคลื่อนไหววุ่นวายตลอดเวลา จิตคิดตลอดไม่ได้ บางช่วงเราก็ต้องหยุด การทำสมาธิเป็นการหยุดพักเหนื่อยทางจิต เตือนให้เราหวนกลับคืนสู่ปัจจุบันขณะ

ปรัชญาทางอินเดีย จีน และญี่ปุ่นสอนให้หาเวลาบางส่วนในแต่วันหยุดคิดสักพัก

แล้วมองเงียบ ๆ เพื่อสัมผัสกับโลกของความจริง

ขอให้ผู้อ่านทุกคนรักษาความสงบทางจิตตลอดวัน และตลอดสัปดาห์ใหม่นี้ให้ได้ครับ

จากหนังสือ ตัวสุขอยู่ในหัวใจ / วินทร์ เลียววาริณ
8-7-24
...........

โปรโมชั่น Shopee https://shope.ee/2VUCymbmSh?share_channel_code=6

สั่งจากเว็บ https://www.winbookclub.com/store/detail/213/%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%202%20%E0%B9%81%E0%B8%96%E0%B8%A1%202

=ข้อคิด ในการใช้ชีวิตในยุคข่าวสารข้อมูล=ในโลกอินเทอร์เน็ต หากคุณได้อ่านหรือฟังอะไรแล้วเกิดความไม่ถูกใจให้ตั้งสติถามตัวเอ...
08/07/2024

=ข้อคิด ในการใช้ชีวิตในยุคข่าวสารข้อมูล=

ในโลกอินเทอร์เน็ต หากคุณได้อ่านหรือฟังอะไรแล้วเกิดความไม่ถูกใจ
ให้ตั้งสติถามตัวเองว่า " ตรงนี้เราได้อะไร?"
แล้วกลไกของสมองจะป้อนคำตอบที่สร้างสรรค์ให้แก่คุณทันที
บทความ/ภาพ : บ้านสายรุ้ง

07/07/2024

แบบนี้สร้างเป็นบ้านดินได้นะครับ ..จะมีความเย็นสบายยิ่งขึ้น(ใช้ปูนขาวไฮเดร็ตไลม์ฉาบสีขาว)
บ้านดินควรสร้างแบบฉาบโปะโครงไม้ เพราะจะมีน้ำหนักผนังที่เบามาก และถ้าสร้างเป็นผนังดินสองชั้น
จะรักษาความเย็นในบ้านได้ดีเท่ากับบ้านดินแบบก้อนอิฐ

07/07/2024

มาเป็นรู
สถาปนิกชาวอินเดียผุดไอเดียสุดบรรเจิดในการคลายร้อนให้กับบ้านและอาคาร โดยไม่ต้องพึ่งพาไฟฟ้าหรือสารเคมีใด ๆ ด้วยเทคนิคการออกแบบที่ทันสมัยผสานกับภูมิปัญญาการคลายร้อนแบบดั้งเดิมอย่าง "การระเหยของน้ำ"
การคลายร้อนด้วยการระเหยของน้ำ เป็นเทคนิคที่ใช้กันมาตั้งแต่สมัยอียิปต์และโรมัน โดยชาวอียิปต์จะพัดโถน้ำที่มีรูพรุนเพื่อสร้างอากาศเย็น ส่วนชาวโรมันใช้วิธีแขวนผ้าชุบน้ำบนประตูบ้านและเต็นท์
หลักการคือ กระบวนการที่น้ำเปลี่ยนสถานะจากของเหลวไปเป็นไอ (ก๊าซ) จะดูดซับความร้อนจากสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ทำให้อุณหภูมิลดลง เกิดความรู้สึกเย็นสบาย ยกตัวอย่างเช่น ชาวญี่ปุ่นได้แนะนำเทคนิคลดความร้อน โดยเอาขวดน้ำแช่แข็งวางไว้กลางบ้าน ซึ่งมันจะดูดซับความร้อนโดยรอบและทำให้ห้องเย็นลงนั่นเอง
สำหรับสถาปนิกรายนี้ เขาได้ออกออกแบบอุปกรณ์ทรงกลมคล้ายกับโถที่มีรูทั้งสองด้าน เพื่อทำให้อากาศผ่านได้ง่าย และโถนี้ ยังสร้างจากดินเผา ทำให้มันไม่มีมลพิษ
เขาได้โถจำนวนมาก ไปใส่ไว้ในโครงกำแพงเหล็กคล้ายกับรังผึ้ง และราดน้ำลงไป โถดินเผาจะดูดซับน้ำเข้าไป และเมื่อเจอความร้อน น้ำจะระเหยกลายเป็นไอ และดูดซับความร้อนเข้าไปครับ
นอกจากนี้ กำแพงรังผึ้งยังช่วยลดมลพิษทางอากาศจากผลพลอยได้ของการระเหย ซึ่งมันจะเกิดเป็นฟิล์มชีวภาพบนหม้อดินเผา ช่วยกรองอากาศให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นได้อีกด้วย ออกแบบดี ๆ เอาไว้กลางบ้าน เป็นงานศิลปะได้ด้วยนะเนี่ย เจ๋งไม่ใช่เล่น ..
การฟื้นฟูเทคนิคนี้ในรูปแบบกำแพงรังผึ้งแสดงให้เห็นว่าภูมิปัญญาโบราณ ยังสามารถนำมาปรับใช้แก้ปัญหาในยุคปัจจุบันได้ แม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปมาก แต่ระบบทำความเย็นสมัยใหม่ก็ยังคงต้องพึ่งพาไฟฟ้าและสารเคมี ซึ่งส่งผลกระทบต่อมลภาวะทางอากาศ นอกจากนี้กำแพงรังผึ้ง ยังช่วยอนุรักษ์เทคนิคการทำเครื่องปั้นดินเผา ที่กำลังจะหายไปด้วยเช่นกัน
ที่มา
https://bgr.com/science/this-company-designed-walls-that-can-cool-a-house-without-any-electricity/
#กำแพงเย็นได้ #การระหายของน้ำ
——————
⭐️ ติดตามอัปเดตข่าวไอที How To , Tips เทคนิคใหม่ ๆ ได้ทุกวัน
ค้นหาข่าวที่อยู่ในความสนใจได้ที่ >> www.techhub.in.th
มีข้อสงสัยทัก LINE Techhub : https://lin.ee/Sietmnt

= วิธีทดสอบคนที่บอกว่าตนบรรลุธรรม ="สักแต่ว่า ๆ.. เช่นนั้นเอง ๆ..ปล่อยวางๆ...อ๊ากกก.ก !!!!"=คำอธิบาย=ผู้ที่เข้าถึงธรรมอย...
05/07/2024

= วิธีทดสอบคนที่บอกว่าตนบรรลุธรรม =

"สักแต่ว่า ๆ.. เช่นนั้นเอง ๆ..ปล่อยวางๆ...อ๊ากกก.ก !!!!"
=คำอธิบาย=

ผู้ที่เข้าถึงธรรมอย่างแท้จริง จะปราศจากความกลัว
ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต

การมองโลกด้วยอารมณ์ขันเป็นทักษะที่สามารถฝึกกันได้ เรื่องร้ายๆ จะกลายเป็นเรื่องขำ ๆ เมื่อเราเข้าใจในข้อบกพร่องของตัวเอง แ...
05/07/2024

การมองโลกด้วยอารมณ์ขัน
เป็นทักษะที่สามารถฝึกกันได้ เรื่องร้ายๆ จะกลายเป็นเรื่องขำ ๆ เมื่อเราเข้าใจในข้อบกพร่องของตัวเอง และ เห็นใจในข้อผิดพลาดของคนอื่น ๆ

ความมีอารมณ์ดีเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการสร้างรอยยิ้มบนใบหน้าเมื่อลุกจากที่นอนทุกๆ เช้า

03/07/2024

ผู้ลิขิตชีวิตโลก ใน ๕๐๐ ปีมานี้
500 ปีมานี้ คนเรามาได้ไกลมาก
ประชากรในปี ค.ศ. 1500 มีประมาณ 500 ล้านคน ในปี ค.ศ. 2000 มี 7,000 ล้านคน เพิ่ม 14 เท่า
ผลผลิตเพิ่ม 240 เท่า พลังงานที่บริโภคเพิ่มขึ้น 115 เท่า
คอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องสมัยนี้ เก็บหนังสือได้หมดห้องสมุดยุคกลางของยุโรป
ปี ค.ศ. 1522 แล่นเรือรอบโลกใช้เวลาสามปี ปี ค.ศ.​ 1969 เราไปโลกพระจันทร์
ค.ศ.​1674 เราเพิ่งรู้จัก microorganismผ่านกล้องจุลทรรศน์
ค.ศ.​ 1945 ทดลองปรมาณูลูกแรกในมลรัฐนิวเม็กซิโก แล้วทิ้งจริงในเดือนกรกฎาคม ปีนั้นเอง และผ่านมาจนวันนี้ มีปรมาณูเพียงพอจะจบประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติได้เลย

โฟกัสที่ยุโรป
ย้อนไปไกลกว่าปี ๑๕๐๐ ยุโรปเหนือในสมัยโรมันเป็นป่า มีแร่ธาตุอุดม
ยุโรปเมื่อ ๕๐๐ ปีก่อน เว้นแต่คนจำนวนน้อยที่เป็นอยู่โอ่อ่า บริบูรณ์ คนส่วนมากอยู่ปริ่ม ๆ กับความไม่มี ผู้คนทำอาชีพเกษตรเป็นหลัก การเพาะปลูกขึ้นกับดินฟ้าอากาศ เมื่อใดที่ฝนฟ้าไม่อำนวย ก็อดอยากขาดแคลน
การสาธารณสุขมีน้อย​ มีโรคระบาดร้ายแรง คือกาฬโรค ที่ทำให้เมืองกลายเป็นเมืองร้าง
เมื่อ ๕๐๐ ปีที่แล้ว ส่วนมากของดินแดนเป็นกลุ่มชนที่ยึดโยงกันด้วยภาษา หรือศาสนา แคว้นน้อยใหญ่ ทำสงครามกันบ้าง เป็นพันธมิตรกันบ้าง
ในช่วง ๕๐๐ ปีที่ผ่านมา วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีซึ่งเกิดขึ้นในโลกของยุโรปเป็นหลัก มีส่วนสำคัญที่เปลี่ยนโลก และทำให้ความเป็นอยู่ของคนในโลกมีช่องว่างที่ถ่างกว้างขึ้น

Renaissance
เริ่มในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ ๑๔ นครรัฐต่าง ๆ ในคาบสมุทรที่เป็นประเทศอิตาลีในปัจจุบัน ก้าวพ้นยุคกลาง (Medieval time) เข้าสู่ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยา (Renaissance) งานด้าน​จิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรมสมัยนั้น เป็นสิ่งตกทอดมาให้ชาวโลกชื่นชมจนทุกวันนี้
ความสนใจหาความรู้ และการศึกษาเล่าเรียน ค่อยๆ กระจายไปทั่วยุโรป
นักสังคมศาสตร์กล่าวว่ายุคนี้ (renaissance) คนจำนวนหนึ่งเริ่มหันมามองตนเองในฐานะบุคคลมากกว่าสมัยก่อนหน้า (คือสมัยกลาง) ที่เชื่อศาสนา เกรงกลัวธรรมชาติ และนับถือผีและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ร่วมกันไป
การศึกษาขยายไปสู่คนกลุ่มต่าง ๆ มากขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะวงของศาสนจักร
คนเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับตนเอง และกับโลกรอบ ๆ ตัว
นักประวัติศาสตร์รายหนึ่ง (Harari) กล่าวว่า ความคิดของนิวตัน (mathematic principle of natural philosophy ค.ศ. 1687) ซึ่งใช้ภาษาคณิตศาสตร์ (หรือภาษาขนาด) วัดและคำนวณความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงของโลกกายภาพ เปิดมิติความคิดด้านวิทยาศาสตร์ให้รุดหน้าอย่างรวดเร็ว

เมื่อก้าวพ้นร่มเงาของความเชื่อทางศาสนาในสมัยนั้นที่ครอบงำชีวิตและวิถีความคิด สิ่งที่ถูกปลดปล่อยออกมาด้วยคือ ความใคร่รู้ ความทะนงตน การแข่งกันมีอำนาจ ซึ่งมีผลทั้งบวกและลบต่อชาวโลกทั้งมวลในเวลาต่อมา
ยุคตื่นขึ้นมาศึกษาศิลปวิทยาการกันอีกครั้งนี้ จบลงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 (ค.ศ. 1600 กว่า ๆ)

ดินแดนโพ้นทะเล
ค.ศ.​ 1500 ถึงราวๆ ค.ศ.​ 1750 เป็นยุครุ่งเรืองของยุโรปทั้งทางด้านการทหาร การเมือง การค้า และการส่งต่อความเชื่อของตนไปสู่ต่างแดน
จากเดิมที่ติดต่อค้าขายกันทางบกในทวีปยูเรเซียด้วยกัน มีอาหรับและจีนที่ค้าขายกันทางเรือบ้างในตะวันออกไกล การเดินเรือของคนยุโรปเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการค้าและการแผ่อำนาจ
แสนยานุภาพทางทะเลคือใบเบิกทางให้ออกเดินทางจากดินแดนอันคับแคบของตน สำรวจไปทั่วแล้วเข้าครอบครองดินแดนโพ้นทะเล สเปนข้ามไปครองทวีปอเมริกาใต้ ตามมาด้วยดัทช์และอังกฤษ ในศตวรรษต่อ ๆ มา ที่แผ่ขยายอิทธิพลไปทั่วโลก
ตรงนี้ผิดกับจักรวรรดิในเอเชียที่ไม่สนใจการครอบครองดินแดนห่างไกล ไม่ว่าจะเป็น ทวีปอเมริกาหรือดินแดนอื่น ๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิค
ในขณะที่เดินทางออกสำรวจ ยึดครอง และค้าขาย คนขาวก็กระจายตัวไปทั่วดินแดนใหม่ พร้อมๆ กับนำคริสต์ศาสนาไปเผยแผ่ด้วย
ผลพลอยได้ที่ไม่คาดก็คือ ชาวโลกมีพืชพันธุ์ธัญญาหารที่หลากหลายขึ้น จนอาจจะเรียกได้ว่า เป็นโลกาภิวัตน์แบบหนึ่ง ​
สงครามปลดแอก
ตลอดประวัติศาสตร์ของคน ความต้องการมีชีวิตรอด ความโลภ ความต้องการควบคุม ผู้อื่น เป็นพลังขับเคลื่อนที่ทำให้คนด้วยกันจับอาวุธฆ่าฟันกันเอง โดยในบางเวลาและบางพื้นที่ อาจจะมีการกล่าวถึงเหตุผลจำเพาะ เช่น ในยุโรป ศตวรรษที่ ๑๕ - ๑๖ เป็นการปะทะกันเพราะความเชื่อที่แตกต่างกัน แม้ว่าจะเป็นคริสต์ศาสนาด้วยกัน
สมัยนั้นคริสต์ศาสนาเป็นความเชื่อที่ครอบคลุมทุกด้านของชีวิตของผู้นับถือ และความยึดมั่นมากมายนำไปสู่ความรุนแรงได้ เช่น ในสเปน เคยมีช่วงเวลาที่เผาคนทั้งเป็นเพื่อกำจัด คนที่ถูกกล่าวหาว่า นอกคอก ทำให้คริสต์ศาสนาผิดเพี้ยนไป
ยุโรปในศตวรรษที่ 16 เกิดขบวนการปฏิรูปคริสต์ศาสนา (reformation) (1521) โดยฝ่ายโปรเตสแตนต์ แยกตัวออกมาจากหลักเดิมที่เป็นโรมันคาธอลิก นักประวัติศาสตร์คนหนึ่งตั้งข้ออธิบายย้อนหลังว่า ความคิดแบบโปรเตสแตนต์เอื้อต่อเศรษฐกิจแบบทุนนิยมมากกว่า จึงได้ผู้ศรัทธาในระยะแรกและเติบโตในยุโรปเหนือ
ความคิดเดิมคือ การงานและชีวิตประสบความสำเร็จต้องขึ้นอยู่กับพระเจ้าอวยพระพรให้ มุมนี้เน้นการสวดมนต์ภาวนาขอพร และการเป็นคนดีตามหลักศาสนา
ความคิดใหม่กลับข้างกับหลักคิดเดิมคือ ชีวิตที่ประสบความสำเร็จเป็นประจักษ์พยานว่า ตนเป็นคนที่พระเจ้าประทานพรให้ จึงเน้นความบากบั่นทำงานเพื่อพิสูจน์ตน
แน่นอนที่ว่า ศาสนจักรที่มีอำนาจอยู่ย่อมไม่พอใจ ไม่ว่าจะเป็นวิธีคิดหรือว่าอำนาจที่จะลดลง เพราะในสมัยก่อนนั้นพระสันตปาปามีอำนาจยิ่งล้น เป็นทั้งผู้แต่งตั้งกษัตริย์ และถึงขนาดปลดกษัตริย์ได้ด้วย
ส่วนศาสนิกเองก็มีกลุ่มที่ยึดมั่นในความเชื่อเดิม และต่อต้านความคิดใหม่รุนแรง

ยุโรปตอนเหนือ เกิดสงคราม ๒ สงครามซ้อนกัน คือ
- สงคราม 80 ปี (1568 - 1648) พวกดัทช์กบถต่อรัฐบาลสเปน (เรื่องศาสนา การถูกปกครองอย่างเข้มงวดจากสเปน และการถูกเก็บภาษีสูง)
- สงคราม 30 ปี (1618 - 1648) เป็นสงครามศาสนา รบกันในยุโรปเหนือ (ส่วนในฝรั่งเศส มีการสังหารหมู่ด้วยเหตุแบบเดียวกัน)
เมื่อสงครามยุติลง ดัทช์ได้เป็นประเทศเอกราช ตอนนั้นพลเมืองในดินแดนต่างๆ ในยุโรปเหนือ ส่วนที่เรียกรวมๆ กับว่าเป็นเยอรมนี หายไปครึ่งหนึ่ง (ทั้งตาย ทั้งอพยพลี้ภัย)
สมัยต่อมา ชาวคริสต์ผู้ศรัทธาหันไปมุ่งเผยแผ่ศาสนาของตนไปทั่วโลก ด้วยกลยุทธ์สารพัดอย่าง รวมทั้งกีดกันคนศาสนาหรือความเชื่ออื่นด้วย [รื่องนี้อีกยาว]
แอกของความเชื่อเป็นแอกที่ปลดยากยิ่ง เพราะราวกับจะผสานเป็นเนื้อเดียวกับคน
หลังจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจระบบตลาดมีพลังมากขึ้น Harari สรุปในหนังสือ Sapiens ของเขาว่า ความอยากครอบครองเกิดจาก “ทุนนิยม”

ยุคอุตสาหกรรม
ช่วงร้อยปี ระหว่าง 1760 - 1850 ขอเรียกรวม ๆ ว่า เป็นยุคปฏิวัติ
หลังจากที่การศึกษาแพร่หลาย นวัตกรรมต่างๆ ก็ผลิบาน เพื่อแก้ปัญหาปากท้อง เพิ่มศักยภาพของคน เพื่อควบคุมพลังในธรรมชาติ มีการปฏิวัติสีเขียว (ด้านการเกษตร และเลี้ยงสัตว์) ปฎิวัติอุตสาหกรรม (นำเครื่องจักรไอน้ำ และเครื่องจักรพลังงานไฟฟ้ามาช่วยแรงคน ทำให้คนมีศักยภาพสูงกว่าความสามารถของร่างกายตามธรรมชาติ)
ด้านการเมือง เกิดเป็นประเทศอันเป็นหน่วยปกครองที่ใหญ่กว่าแว่นแคว้นของเดิม
ด้านการปกครอง จัดวางความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน และคนกับรัฐ
ด้านธุรกิจ จัดระบบความสัมพันธ์ระหว่างคน แรงงาน และเงินทุน “เงินทุน” กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งที่สร้างอำนาจให้คนที่มีทุน​
ค.ศ. 1775 ทวีปเอเชียมีระดับเศรษฐกิจ 80% ของเศรษฐกิจโลก อินเดียและจีนร่วมกันผลิตสินค้าได้สองในสามของโลก ต่อจากนั้นมา ก็กลายเป็นยุคของคนขาวในยุโรปและอเมริกาเหนือที่มาแรง จนกระทั่งปี ค.ศ. 1950 ยุโรปตะวันตกและอเมริกามีผลผลิตรวมกันมากกว่าครึ่งหนึ่งของการผลิตของทั้งโลก ในขณะที่การผลิตของจีนเหลือแค่ 5%

ยุคเย้ยฟ้า ท้าธรรมชาติ 1850 - ปัจจุบัน
หลังจากได้เครื่องเล่น ๒ ชิ้นเก่งคือวิทยาศาสตร์และทุนนิยมมา คนเราก็ทำตัวเก่งขึ้นเป็นลำดับ ดำน้ำได้ เหาะเหินเดินอากาศได้ ออกไปท่องอวกาศก็ได้ สร้างพันธุ์ใหม่ของพืชและสัตว์โดยการดัดแปลงพันธุกรรมก็ได้ สร้างปัญญาประดิษฐ์ก็ได้
สิ่งที่สร้างได้ มีทั้งที่เป็นคุณ ทั้งที่เป็นโทษ ต่อตน และต่อผู้อื่น และผลในระยะยาวมีทั้งที่เป็นดังที่คาดหวัง และที่คาดไม่ถึง
เราจึงมีไวรัสที่คนประดิษฐ์
มีสัตว์อีกหลายชนิดที่คนสร้างให้มีคุณสมบัติสนองความต้องการของคน
มีขยะท่วมโลก
มีมหาอำนาจที่คิดว่า ตนคุมได้ “ทุกอย่าง”
เมื่อมีปัญหาใด ก็คิดเทคโนโลยีใหม่มาแก้ ซึ่งไม่แน่ว่าแก้ได้เบ็ดเสร็จหรือไม่ หรือว่าแก้แล้วมีผลทางลบใดอีก โดยไม่คิดควบคุมความต้องการของตนให้อยู่ในขอบเขตที่ไปได้กับโลกกายภาพหรือธรรมชาติ
แต่คนเราคุมได้ทุกอย่าง แน่หรือ

ขอจบวันนี้ด้วยข้อความจาก “มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐด้วยการฝึก” พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต)
“โลกทั้งโลกนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยมโนกรรม” คือเจตจำนง แรงจูงใจ มาจากแนวความคิด ความเชื่อความยึดถือในค่านิยม หลักการ อุดมการณ์ (ทิฏฐิ) ต่อไปก็แสดงออกทางกาย ทางวาจา “ตัวการสำคัญคืออุตสาหกรรมเพื่อแก้ปัญหาความขาดแคลน แต่กลายเป็นวัตถุนิยม ฐานความคิดใหญ่ของฝรั่งคือความมุ่งหมายที่จะพิชิตธรรมชาติ … สวรรค์บนดินจะเกิดขึ้น เมื่อมนุษย์พิชิตธรรมชาติได้สำเร็จ จะพรั่งพร้อมสุขสมบูรณ์ วิทยาศาสตร์ + เทคโนโลยี คืออารยธรรมปัจจุบันของตะวันตก จึงเกิดเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน

จะทำอย่างไรจึงจะทำให้ “คน” เห็นว่าชีวิตคือการอยู่ร่วมกัน
Living is sharing

#ประวัติศาสตร์ฉบับย่อ #มหาอำนาจ #ปฏิวัติอุตสาหกรรม #เรื่องของคน

= ฝึกคิดสร้างสรรค์=ปัญหา : ฉันเป็นคนขี้เกียจตื่นเช้า นาฬิกาปลุกทุกยี่ห้อใช้ไม่ได้ผล เพราะมีเสียงปลุกเมื่อไหร่ ฉันจะงัวเง...
03/07/2024

= ฝึกคิดสร้างสรรค์=

ปัญหา : ฉันเป็นคนขี้เกียจตื่นเช้า นาฬิกาปลุกทุกยี่ห้อใช้ไม่ได้ผล เพราะมีเสียงปลุกเมื่อไหร่ ฉันจะงัวเงียขึ้นมากด snooze แล้วนอนต่อไปเรื่อยๆ จนเที่ยง
โจทย์ : จงผลิตนวตกรรมนาฬิกาปลุก ที่สามารถทำให้ฉันรู้สึกขยันแต่เช้า ต้องรีบลุกขึ้นมาจากที่นอน

คำตอบ : ... ดูภาพนี้แล้วช่วยอธิบายการทำงานของนาฬิกาปลุก
เรื่อง /ภาพ : บ้านสายรุ้ง

02/07/2024

ได้เวลาออกเดินทาง ‘พาใจกลับบ้าน’ ชาร์จแบตใจในพื้นที่ใหม่ ฮีลใจกว่าที่เคย ตั้งแต่ 12 ก.ค. 67 ที่ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์
ในเมืองที่เต็มไปด้วยความรีบเร่ง การมีเวลาได้หยุดพักสักนิดเพื่อสำรวจจิตใจอันแสนยุ่งเหยิงทีละน้อย ก็ช่วยให้เราจัดระเบียบความคิดและกลับมารักตัวเองมากขึ้นได้
‘พาใจกลับบ้าน’ คือนิทรรศการศิลปะเชิงประสบการณ์และ Therapeutic Space (พื้นที่เชิงบำบัด) ชื่อคุ้น โดยผู้จัด ‘Eyedropper Fill’ ที่เป็นเหมือนตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้เราฟังเสียงหัวใจได้ชัดขึ้น
ครั้งนี้ พาใจกลับบ้าน กลับมาพร้อมการร่วมมือใหม่กับ ‘MMAD - MunMun Art Destination’ ที่จะชวนทุกคนไปชาร์จแบตและฮีลใจอย่างเต็มรูปแบบและอบอุ่นกว่าที่เคย หลังได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลามจนสร้างสถิติผู้เข้าชมทะลุกว่า 40,000+ คน ภายใน 30 วัน ติดเทรนด์โซเชียลจนกลายเป็นกระแสไวรัล ด้วยยอดวิวรวมสูงกว่า 10 ล้านครั้ง ไปเมื่อปีที่ผ่านมา
ภายในนิทรรศการ เราจะได้พบกับ 5 ห้อง ได้แก่
1) ห้อง ‘สำรวจ’ ที่ให้ทุกคนได้นั่งทบทวนความรู้สึกของตัวเอง
2) ห้อง ‘โอบรับ’ ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนก้าวอย่างช้าๆ เอื้อมมือเข้าไปหาความรู้สึกในใจ
3) ห้อง ‘เฝ้าดู’ ที่ให้ผู้เข้าร่วมชมงานได้เอนกายนอนหลับตาลงช้าๆ เพื่อซึมซับกับบรรยากาศ ทบทวน เฝ้าดู รับรู้ความคิดที่ไหลผ่านตัวเรา
4) ห้อง ‘ข้ามผ่าน’ ห้องที่มีเสียงสะท้อนแผ่วเบาดังอยู่รอบตัว พื้นที่เปิดกว้างให้ผู้ร่วมงานรับฟังเรื่องราวของคนอื่น ในขณะที่ตั้งใจฟังเสียงในใจตัวเองไปพร้อมกัน
5) ห้อง ‘ตกผลึก’ ที่เปิดให้ผู้เข้าชมเขียน 1 คำที่เปิดเผยให้เห็นถึงเสียงภายในอันหนักแน่นและเป็นจริงลงบนหิน
นิทรรศการ ‘พาใจกลับบ้าน’ Homecoming Therapeutic Space By Eyedropper Fill at MunMun Art Destination (MMAD) จะเปิดให้เข้าชมวันแรกวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 11.00 - 20.00 น. (ไม่มีแบ่งรอบและไม่จำกัดเวลาในการเข้า โดยเปิดให้เข้าชมรอบสุดท้ายไม่เกิน 19.30 น.)
ใครอยากไปสำรวจจิตใจเพื่อเติมไฟและฮีลใจให้มากกว่าที่เคย ซื้อบัตรเข้าชมในราคา 200 บาท ได้ที่ www.eventpop.me/e/27319/homecoming
อ่านในรูปแบบเว็บไซต์ที่ : urbancreature.co/homecoming-2024

#พาใจกลับบ้าน

=ถามดีๆ ตอบกวนๆ =ถาม : คนเราตายไปแล้วสูญหรือว่าไปเกิดใหม่?ตอบ : เมื่อเดือนที่แล้วโทรศัพท์มือถือผมพัง เลยไปซื้อเครื่องใหม...
28/06/2024

=ถามดีๆ ตอบกวนๆ =

ถาม : คนเราตายไปแล้วสูญหรือว่าไปเกิดใหม่?

ตอบ : เมื่อเดือนที่แล้วโทรศัพท์มือถือผมพัง เลยไปซื้อเครื่องใหม่ โชคดีที่ข้อมูลทั้งหมดของผมฝากไว้ที่คลาว์น (Cloud Storage) ผมก็โหลดข้อมูลมาลง
เครื่องที่ซื้อใหม่ ทำงานได้ต่อ... ส่วนเครื่องเก่าก็ทิ้งไป

แปล"ฉันจะต้องไปแคร์อะไรกะอีแค่ถ้าสัตว์เล็กสัตว์น้อยมันจะสูญพันธุ์ไปบ้าง"
27/06/2024

แปล

"ฉันจะต้องไปแคร์อะไรกะอีแค่ถ้าสัตว์เล็กสัตว์น้อยมันจะสูญพันธุ์ไปบ้าง"

Address

14 Truong Chinh
Ho Chi Minh City
700000

Website

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when เครือข่ายบ้านดิน (Natural Building Network Thailand) posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

Contact The Business

Send a message to เครือข่ายบ้านดิน (Natural Building Network Thailand):

Shortcuts

  • Address
  • Alerts
  • Contact The Business
  • Claim ownership or report listing
  • Want your business to be the top-listed Media Company?

Share

Nearby media companies