เป็นกำลังใจ

เป็นกำลังใจ นำเสนอ เรื่องราวดีๆ ที่ให้แง่คิด เตือนสติ สอนใจ รับลงโฆษณา สนใจติดต่อ Inbox
(38)

09/12/2024

วิธีการดูแลลูก มีอนาคต พ่อแม่ควรรู้

บางคนกลับมานอนด้วยกัน โดยที่ไม่รู้เลยว่าอารมณ์ตอนจูบมันเปลี่ยนไปบางคนไปกินข้าวกัน โดยที่ไม่รู้เลยว่ามันเหมือนเป็นธรรมเนี...
09/12/2024

บางคนกลับมานอนด้วยกัน โดยที่ไม่รู้เลยว่าอารมณ์ตอนจูบมันเปลี่ยนไป
บางคนไปกินข้าวกัน โดยที่ไม่รู้เลยว่ามันเหมือนเป็นธรรมเนียม
บางคนไปดูหนังกัน เพียงเพราะแค่อยากจะดูหนัง
บางคนกลับมาบอกรักกัน โดยไม่เอะใจเลยว่า มันกระดากปากไม่เหมือนแรกๆ

มันก็ไม่ได้แย่เท่าไรหรอก อย่างน้อยก็หันมาถามตัวเองนิดนึงว่า
ที่ขาดเขาไม่ได้เนี่ย มันเพราะว่าเรารักเขามาก หรือป่าว ?
หรือที่ยังอยู่เพราะ ขี้เกียจไปเรียนรู้กับใครใหม่ ใช่ไหม ?

นอนๆไปเถอะ กอดๆหอมๆจูบๆไปเถอะ ไหนๆก็ใช้ชีวิตด้วยกันมาแล้ว
ให้อภัยไปเหอะ เดี๋ยวก็คงดีเอง เดี๋ยวสุดท้ายเขาก็จะเหลือเราคนเดียว
ถ้าคุณมีความสุข กับอะไรเดิมๆ ..." คุณไม่ผิด "

แต่ถ้าทุกครั้งที่คุณรู้สึกทรมานจนรู้สึกทนไม่ไหว
ลองตั้งสติถามตัวเองดีๆนะ
ครั้งนี้จะผ่านมันไปเพราะ ...ความรักของเราสองคน
หรือเพียงเพราะแค่เรา...." เ ส พ ย์ติดความเคยชิน

09/12/2024

ความผิดพลาด ที่พ่อแม่รักลูกแบบผิดๆ ทำร้ า ยลูกโดยไม่รู้ตัว

คู่ชีวิต....5 สิ่งที่ผู้ชายอยากได้จากคู่ชีวิต1. ความเข้าใจ2. ความไว้ใจ3. การสนับสนุน4. การเห็นด้วย5. ความเคารพ3 สิ่งที่ผ...
09/12/2024

คู่ชีวิต....
5 สิ่งที่ผู้ชายอยากได้จากคู่ชีวิต
1. ความเข้าใจ
2. ความไว้ใจ
3. การสนับสนุน
4. การเห็นด้วย
5. ความเคารพ

3 สิ่งที่ผู้หญิงอยากได้จากคู่ชีวิต
1. ความปลอดภัย
2. ความโรแมนติก
3. ความรักและความเอาใจ

3 ปัญหาใหญ่ในชีวิตคู่
1. การเงิน
2. การนอกใจ
3.การสื่อสาร

3 เพิ่ม 3 ลด ในการใช้ชีวิตคู่
1. เพิ่มการใส่ใจความเปลี่ยนไปของฝ่ายตรงข้าม
2. เพิ่มการมองข้อดีของฝ่ายตรงข้าม
3. เพิ่มการพูดในด้านบวกของฝ่ายตรงข้าม
4. ลดการเปรียบเทียบกับคู่ชีวิตของคนอื่น
5. ลดการตำหนิหรือด่าทอ
6. ลดการคาดเดาเพราะทำให้เกิดการเข้าใจผิด

4 มาก ในชีวิตคู่
1. คิดถึงข้อดีของอีกฝ่ายให้มาก
2. ชื่นชมข้อเด่นของอีกฝ่ายให้มาก
3. เข้าใจความลำบากใจของอีกฝ่ายให้มาก
4. ให้อภัยข้อเสียของอีกฝ่ายให้มาก

4 ประโยคที่พึงพูดอยู่เสมอ
1. ขอโทษนะ ผม/ฉันผิดไปแล้ว
2. ผม/ฉันเชื่อใจคุณ
3. ผม/ฉันภูมิใจในตัวคุณ
4. ผม/ฉันรักคุณ..
ฉันอยากบอกเธอทั้งหลายว่า เรื่องครอบครัวนั้นไม่มีอะไรถูกอะไรผิดดอก มีก็แต่รักและหวังดีต่อกันหรือเปล่า?
คนในเรือนหากรวมใจกัน ไฉนการงานจะไม่เจริญ ไฉนคนในเรือนจะไม่เป็นสุข
เพราะเรือนนั้นเป็นที่รักหาใช่ที่ร้างห่างกัน

09/12/2024

ลักษณะของแม่ที่ดี ที่ลูกอยากได้มาเป็นแบบอย่าง

ตะเกียบบอกนิสัย!บ่ายวันหนึ่งผมนัดเพื่อนไปกินข้าว บังเอิญว่าคุณพ่อแวะมาหาที่บริษัท ผมก็เลยพาพ่อไปกินข้าวด้วย ตั้งแต่เข้าม...
09/12/2024

ตะเกียบบอกนิสัย!

บ่ายวันหนึ่งผมนัดเพื่อนไปกินข้าว บังเอิญว่าคุณพ่อแวะมาหาที่บริษัท ผมก็เลยพาพ่อไปกินข้าวด้วย ตั้งแต่เข้ามานั่งกินข้าว พ่อก็เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จา ได้แต่ฟังผมกับเพื่อนคุยกัน

ตอนขับรถกลับบริษัท พ่อเอ่ยขึ้นว่า
“เพื่อนของแกคนนี้ไม่ธรรมดา คบหาแบบสนิทใจไม่ได้นะ!”
ผมได้ฟังก็ตกใจ เพราะเพื่อนคนนี้ผมรู้จักก็ด้วยเหตุผลทางธุรกิจ เราค้าขายกันหลายครั้ง ผมเองก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง

พ่อบอกกับผมต่อ
“แค่การกินข้าว ก็บอกลักษณะนิสัยของคนได้ ตอนกินข้าวเขามีลักษณะซ้ำ ๆ กัน เช่น เขามักใช้ตะเกียบคุ้ยผักจากด้านล่างขึ้นมาข้างบน จากนั้นก็เกลี่ยไปมา ถึงคีบใส่ถ้วย และยิ่งเป็นจานที่เขาชอบกิน เขาจะตักแต่จานนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ”

“โธ่ป๊า นิสัยการกินของคนเรามันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว บางคนชอบเคี้ยวเอื้อง บางคนไม่ทันเคี้ยวก็กลืนลงท้องแล้ว!”

“หากคน ๆ นั้นฐานะครอบครัวไม่สู้ดี พอเจออาหารอร่อยแล้วกินมุมมามนั่นมันก็สมเหตุผล แต่เพื่อนของแกคนนี้เป็นนักธุรกิจ เขาไม่ใช่คนยากจน ลักษณะการกินอาหารอย่างนี้ของเขา บ่งบอกว่าเขาเป็นคนเห็นแก่ตัว เป็นคนใจแคบ แค่อาหารเขายังไม่แคร์เลยว่าแกจะรู้สึกยังไง เขาเอาแต่คุ้ยกินและตักแต่ของที่เขาชอบ หากวันหนึ่งเกิดมีเรื่องราวของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ป๊าเชื่อว่าเขาจะต้องหาทางตักตวงเอาจากแกให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้”

จากนั้นพ่อก็เล่าเรื่องสมัยตอนที่พ่อยังเด็กว่า ปู่ของผมเสียตั้งแต่พ่ออายุได้ 5 ขวบ ชีวิตช่วงนั้นของพ่อและย่าลำบากมาก อดมื้อกินมื้อบางมือก็เอาน้ำลูบท้องประทังความหิว บางครั้งบ้านของญาติ ๆ มีงานสังสรรค์ เชิญพ่อกับย่าไปเป็นแขก ย่ามักจะกำชับพ่อก่อนออกจากบ้านอยู่เสมอว่า

“ลูกเอ๋ย เวลากินข้าวเจ้าจะต้องใส่ใจลักษณะของตัวเองให้ดี อย่าเอาแต่ตักกินอาหารที่ลูกชอบ เดี๋ยวคนอื่นจะหัวเราะเยาะเอาว่าตายอดตายอยากมาจากไหน บ้านเราจนก็จริง แต่อย่าเสียมารยาทนะลูก”

คำพูดของย่ายังก้องอยู่ในหัวของพ่อเสมอมา ต่อให้อาหารโอชะเต็มโต๊ะ พ่อก็ไม่เคยเสียจริยา คำพูดของย่าคอยช่วยคุมใจพ่อ สุดท้ายพ่อก็ตบบ่าและบอกกับผมว่า

“อย่าดูแคลนตะเกียบนะลูก จากเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยนี้ มันบ่งบอกถึงนิสัยใจคอของคนถือได้”

จากนั้นไม่นาน คำพูดของพ่อก็เป็นจริงตามที่ท่านบอกผม เพราะผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย เพื่อนคนนี้ก็เปลี่ยนจากผมไปซบกับบริษัทอื่น

จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ผมก็จำคำสอนของพ่ออยู่เสมอ ชีวิตคนเราอยู่ได้เพราะเขาเราอยู่ได้ ต่อให้มีอะไรมาเย้ายวนเพียงใด จะต้องกำหราบความโลภอยากในจิตใจให้ได้ เวลามีของดี ๆ อย่าโลภที่จะครอบครองไว้คนเดียว แบ่งปันให้กับผู้อื่น ผู้อื่นย่อมแบ่งปันกลับมาหาเรา

Cr : นุสนธิ์บุคส์

09/12/2024

คนที่ไม่มีเงินออม บั้นปลายชีวิตมันเสี่ยงกว่าที่คิด

"ไม่ถาม ไม่พูด ไม่อธิบาย"เจ้าของบ้านออกไปล่าสัตว์ ทิ้งหมาอยู่บ้านไว้เพื่อคอยดูแลลูกน้อยเมื่อเขากลับมาจากล่าสัตว์ ก็เห็นร...
08/12/2024

"ไม่ถาม ไม่พูด ไม่อธิบาย"

เจ้าของบ้านออกไปล่าสัตว์ ทิ้งหมาอยู่บ้านไว้เพื่อคอย
ดูแลลูกน้อย

เมื่อเขากลับมาจากล่าสัตว์ ก็เห็นรอยเลือดเต็มพื้นไป
หมด ลูกของเขาไปไหน? แล้วหมาล่ะ!

ที่ปากของหมาเต็มไปด้วยเลือด เมื่อมันเห็นเจ้าของ
กลับมา มันวิ่งเข้ามาหาแกว่งหางมองเจ้าของอย่างดีใจ
เจ้าของโมโหสุดขีด จึงฆ่าหมาของตัวเองทิ้ง

เสียงหมาร้องโหยหวน ปลุกเด็กน้อยที่นอนหลับอยู่ใน
บ้านตื่นขึ้นมาร้องไห้จ้า เมื่อเขาเดินเข้าไปในบ้าน จึง
เห็นซากของหมาป่าโดนกัดตายอยู่ที่ห้องโถง!

เรื่องราวมากมายที่เราเห็นกับตาได้ยินกับหู ไม่แน่เสมอ
ไปว่าจะเป็นจริงตามนั้น

จงให้โอกาสผู้อื่นได้อธิบาย
จงรู้อดทนอธิบายให้ผู้อื่นได้เข้าใจ
ทำได้ดังนี้ เรื่องที่น่าเสียใจ เรื่องที่ไม่น่าให้อภัยก็จะลด
น้อยลงไป

ไม่ถาม ไม่พูด ไม่อธิบาย
คือความไม่ยุติธรรมและ
ไม่รับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น

ฉันไม่ถาม + คุณไม่พูด = ห่างเหิน
ฉันถามแล้ว + คุณไม่พูด = ช่องว่าง
ฉันถามแล้ว + คุณพูด = เคารพ
ฉันอยากพูด + คุณอยากถาม = รู้ใจ
ฉันไม่ถาม + แต่คุณพูด = ไว้ใจ

หากใจชิดสนิทกัน คำพูดการกระทำย่อมพรั่งพรูดั่งสาย
ธารแสดงออกมาเป็นธรรมชาติ

หากใจไกลไม่สนิท คำพูดการกระทำย่อมห่างเหินดั่ง
ต้นไม้ในหน้าแล้งเหี่ยวแห้งซบเซา

ไม่กลัวหากตัวไกลแต่ใจชิด
ที่กลัวคือ กายสนิทใจไม่ชิดดั่งอยู่ห่างไกล
ขอจงระลึกไว้ สื่อสาร คือสิ่งสำคัญ

ที่มาจาก นุสนธิ์บุคส์

08/12/2024

เก็บเงินให้มีใช้ในยามจำเป็น แม้เงินเดือนแค่หลักหมื่น

"เงิน 1,000 บาท เลี้ยงหัวใจแม่"อาจารย์ของผมท่านได้ให้เงินเดือนพ่อและแม่เดือนละ 1,000 บาท เป็นประจำทุกเดือนผมสงสัยทำไมต้อ...
08/12/2024

"เงิน 1,000 บาท เลี้ยงหัวใจแม่"

อาจารย์ของผมท่านได้ให้เงินเดือนพ่อและแม่เดือนละ 1,000 บาท เป็นประจำทุกเดือน

ผมสงสัยทำไมต้องให้เงิน พ่อแม่เดือนละ 1,000 บาท? ในเมื่อแม่ก็อยู่บ้านหลังเดียวกับอาจารย์อยู่แล้ว ค่าใช้จ่ายสำหรับท่าน อาจารย์ก็จัดการทั้งหมดอยู่แล้ว

วันหนึ่งสบโอกาสผมจึงตัดสินใจ ถามอาจารย์ว่า "อาจารย์กำลังทำอะไรครับ?"

อาจารย์ตอบว่า "ผมกำลังตัดรายจ่ายอยู่...ผมต้องจ่ายค่าแม่ครัว คนขับรถ คนสวน ค่าใช้จ่ายในบ้าน และให้แม่อีกเดือนละ 1,000 บาท...ตอนนี้รายได้กับรายจ่ายมันไม่ค่อยสัมพันธ์กัน ต้องตัดรายจ่ายลงบ้าง"

ผมเลยบอกว่า "เงินเดือนที่ให้แม่ 1,000 ตัดได้นี่ครับ...อาหาร 3 มื้อ อาจารย์ก็จัดให้ท่านเรียบร้อย เสื้อผ้าก็ซื้อให้ใหม่ปีละ 3 ชุด ไม่สบาย อาจารย์ก็พาหมอมาฉีดยาให้ คุณแม่ตาบอดไม่ได้ไปไหน ฉะนั้นเงินเดือน 1,000 นี่ ตัดได้ครับ"

อาจารย์บอกว่า "ตัดไม่ได้เด็ดขาด...1,000 บาทนี่สำคัญที่สุด เพราะเป็นเงินสำหรับเลี้ยง "หัวใจแม่!"

ผมฟังแล้วสะอึก! "เงินเลี้ยงหัวใจแม่"...พวกเราเคยได้ยินไหมครับ?

อาจารย์บอกต่อ "หัวใจต้องการอาหารที่มาหล่อเลี้ยงให้เอิบอิ่ม เบิกบาน เป็นสุข คุณลองนึกดู...คนที่ไม่มีเงินอยู่ในตัวเลยนี่เป็นยังไง? หัวใจมันแฟบ หัวใจมันเหี่ยวเฉา เหมือนดอกไม้ยามเย็น ใครที่เป็นมนุษย์เงินเดือนจะรู้ พอเลยวันที่ 25 ไปแล้วนี่ มันเหี่ยวๆ ยังไงชอบกล ไม่มีเงินค่ารถ ค่าอาหาร ซื้อข้าวสาร มันเหี่ยวไปจนถึงสิ้นเดือน แม่อยู่กับเราก็จริง แต่ถ้าแม่ไม่มีเงินอยู่ในมือนี่ หัวใจท่านเหี่ยว พอถึงวันเงินเดือนออก ทุกคนหน้าบานเหมือนดอกไม้ยามเช้า จิตใจสดชื่นเบิกบาน มีความสุข รับเงินเดือนมาใหม่ๆ หน้าสดใส สั่งกาแฟยังเสียงดัง ฟังชัด ทุกสิ้นเดือนพอเงินเดือนออก ผมเข้าไปสวัสดีแม่ บอกแม่ว่าวันนี้เงินเดือนออกครับ ผมเอาเงินใส่่มือแม่ 1,000 บาท แม่ก็ให้พร เเล้วเก็บเงินไว้ใต้หมอนไว้อย่างมีความสุข"
1,000 บาท เลี้ยงหัวใจแม่อย่างไร?

วันหนึ่งน้องของอาจารย์พาภรรยาไปคลอดลูก คุณแม่ก็ซื้อทองให้หลานด้วยเงิน 1,000 บาท ที่เก็บสะสมไว้ ท่านกอดหลานสาว...สวมสร้อยให้พร้อมให้พร

พอเด็กคนนี้โตพอพูดได้ มีคนถามว่าสายสร้อยนี้ใครซื้อให้ เด็กก็จะตอบว่า "คุณย่าซื้อให้" ชี้มือไปที่คนตาบอด คนที่ใหญ่ที่สุดในบ้านคือคุณย่า ไม่ใช่พ่อแม่

เพราะเงิน 1,000 บาท นี่ทำให้คนตาบอดดูน่าเกรงขราม ถ้าคุณแม่ไม่มีเงิน จะรับขวัญหลานได้อย่างไร? เห็นไหมครับ?

ไม่ใช่ว่าพอโตขึ้น มีคนถามว่าคนนี้เป็นใคร เด็กบอกว่ายายแก่ตาบอดที่มาอาศัยพ่อแม่ฉันอยู่ เห็นหรือยังคุณว่าเงินเดือน 1,000 บาทนี่ทำให้คนแก่ตาบอดมีคุณค่าขึ้นมาได้

วันดีคืนดี แม่ครัวล้างชามเสร็จ คุณแม่ก็บอกให้มานวดขาให้แม่ครัวหน้ามุ่ยทำงานเหนื่อยยังต้องมานวดให้อีก นั่งขยำๆ คว่ำหน้า พอนวดเสร็จคุณย่าหยิบเงินให้ 100 บาท แม่ครัวยิ้มหน้าบาน ยกมือไหว้ ขอบคุณค่ะ

วันรุ่งขึ้นพอล้างจานเสร็จรีบวิ่งมานั่งใกล้ๆ....วันนี้นวดอีกไหมคะคุณย่า?

เห็นไหมเงินเดือน 1,000 บาท ที่เราให้แม่ของเรามีฤทธิ์ขึ้นมาได้มีคนมายกมือไหว้ มีคนมาปรนนิบัติ มีคนมานวดให้ ถ้าไม่มีเงินเดือน 1,000 บาท นี้แม่เราจะมีฤทธิ์ได้อย่างไร?
..........................

บันไดไปสวรรค์ด้วยเงิน 1,000 บาท

วันหนึ่ง กำนันมาที่บ้านอาจารย์ หารือจะปรับปรุงห้องน้ำวัดที่ชำรุดทรุดโทรม แม่อาจารย์ได้ยินกวักมือเรียกอาจารย์ แล้วคุณแม่ยกหมอนขึ้น นับเงินมา 5,000 บาท บอกเอาไปให้กำนันปรับปรุงห้องน้ำ

เห็นมั๊ยว่าเงินเดือน 1,000 ที่เราให้เป็นบันไดพาแม่ไปสวรรค์...นี่ถ้าแม่ไม่มีเงินในมือแม่ จะได้ทำบุญไหม?

พอกำนันรับเงินเสร็จ ก็เดินผ่านไปบ้านถัดไป ลุงแก่ๆ บ้านโน้นกำลังเก็บผ้าอยู่ในบ้าน กำนันตะโกนข้ามรั้ว ทำบุญสร้างส้วมไหมลุง?

ลุงข้างบ้านตอบ "ลุงไม่มีเงินหรอก ลุงอาศัยลูกสาวเขาอยู่ เดี๋ยวเผื่อลูกสาวเขากลับมาทัน จะขอเงินเขาทำบุญ" เพราะลูกเค้าไม่ได้ให้เงินเดือนลุง ลุงคนนี้เป็นเพียงแค่คนเก็บผ้าของ ลูกๆ ลุงคนนี้ไม่มีเงิน เพราะลูกเอามาเลี้ยง เอาไว้คอยเก็บผ้า!

เป็นยังไงบ้างครับ...เห็นอิทธิฤทธิ์ของเงิน 1,000 บาท..."เงินเลี้ยงหัวใจแม่" แล้วหรือยังครับ

วันนี้เราให้ "เงินเลี้ยงหัวใจแม่" แล้วหรือยัง?

ตอนเด็กๆ ข้าพเจ้าเป็นคนเห็นแก่ตัวมากเจออะไรดีๆ จะอยากเอามาเป็นของตัวเองให้ได้โดยไม่ใสใจว่าคนอื่นเขาคิดอย่างไรนานเข้าเพื่...
08/12/2024

ตอนเด็กๆ ข้าพเจ้าเป็นคนเห็นแก่ตัวมาก
เจออะไรดีๆ จะอยากเอามาเป็นของตัวเองให้ได้
โดยไม่ใสใจว่าคนอื่นเขาคิดอย่างไร

นานเข้าเพื่อนๆ หายไปทีละคนสองคน
มีเพื่อนน้อยลงไปเรื่อยๆ ข้าพเจ้ากลัดกลุ้ม
และหงุดหงิดใจมาก

นอกจากเห็นแก่ตัวแล้ว
ข้าพเจ้ายังเป็นคนชอบวิพากษ์วิจารณ์
คนลับหลัง

มีอยู่คืนหนึ่ง คุณพ่อทำบะหมี่สองชาม
ชามหนึ่งมีไข่ไก่ฟองหนึ่งบนบะหมี่
อีกชามดูไม่มีอะไร มีแต่บะหมี่

คุณพ่อถามข้าพเจ้าว่าจะทานชามไหน
ตอนนั้นไข่ไก่เป็นของหายากมาก
ต้องตรุษจีนหรือวันเกิด
ถึงมีโอกาสทานไข่ไก่

ก็แหง๋อยู่แล้ว
ข้าพเจ้าก็เลือกทานชามที่มีไข่โปะอยู่ข้างบน
ความจริงข้าพเจ้าเลือกผิดนะครับ

ตอนที่ทานอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น
เห็นคุณพ่อทานถึงก้นชามแล้ว
ในก้นชามถึงกับมีไข่สองฟอง

ข้าพเจ้ารู้สึกเสียใจ
ที่ตนใจร้อนไม่ได้คิดให้ดี
คุณพ่อเห็นท่าก็ยิ้มแล้วพูดกับข้าพเจ้าว่า

“ลูกเอ๊ย เจ้าจงจำไว้ที่ตาเห็นนั้นอาจไม่ใช่
ของแท้ คิดจะเอาเปรียบคนอื่น
กลับขาดทุนใหญ่หลวงได้นะลูก”

ในคืนที่สอง คุณพ่อก็ทำบะหม่อีกสองชาม
ดูแล้วเหมือนของคืนก่อนไม่มีผิด

ชามหนึ่งมีไข่โปะอยู่ฟองหนึ่ง
อีกชามหนึ่งคล้ายมีแต่มะหมี่

คุณพ่อให้ข้าพเจ้าเลือก
ข้าพเจ้าเสียค่าโง่ไปทีแล้ว
ข้าพเจ้าเลือกเอาชามที่ไม่มีไข่
คุณพ่อมองข้าพเจ้าโดยไม่ได้ปริปาก

ข้าพเจ้าจับตะเกียบรีบโกยบะหมีเข้าปาก
ด้วยคิดจะทานไข่ในก้นชามไวๆ
แต่หารู้ไม่ว่า
นอกจากบะหมี่และซุบแล้วไม่มีอะไรเลย

และแล้วคุณพ่อกับกล่าวกับข้าพเจ้าว่า
ลูก เจ้าจงจำไว้ให้ดีนะลูกนะ

"อย่าให้ความสำคัญหรือเชื่อในประสบการณ์มากเกินไป
เพราะการดำรงชีวิตมีการพลิกเพลง
หลอกเราได้ แต่ลูกก็ไม่ต้องท้อแท้
ไม่ต้องเสียใจ ถือว่าเป็นการลิ้มลอง
เป็นประสบการณ์ ก็แล้วกันนะลูก
ภูมิปัญญาเหล่านี้หาอ่านจากตำราไม่ได้นะ"

ในคืนที่สาม
คุณพ่อก็ทำมะหมี่สองชามอีก
ดูเป็นแบบเดียวกัน ชามหนึ่งมีไข่ฟองหนึ่ง
อีกชามไม่มีไข่

คราวนี้ข้าพเจ้าให้คุณพ่อเลือกก่อน
ไม่หุนหันเหมือนสองคืนที่ผ่านมา
ข้าพเจ้าพูดกับคุณพ่อ ด้วยความเคารพว่า

คุณพ่อครับ ท่านเป็นผู้ใหญ่ท่านเหน็ดเหนื่อยกับการดูแลครอบครัวเรามามากแล้ว คุณพ่อเลือกก่อนเถอะครับ

คุณพ่อเลือกเอาชามที่มีไข่หนึ่งฟอง
ส่วนข้าพเจ้าก็ทานชามที่ไม่เห็นมีไข่
แต่ผิดคาดนะครับ
ในก้นชามมีไข่อยู่สองฟอง

คุณพ่อเงยหน้าขึ้น
พูดกับข้าพเจ้าด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน
และครุ่นคิด แต่ก็พูดแบบเนิบๆ ว่า

“ลูกต้องจำไว้ให้ดีนะ
เมื่อลูกคิดและทำเพื่อคนอื่นแล้ว
ความโชคดีก็บังเกิดกับเราได้นะ”

คำพูดของคุณพ่อ
ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกละอายใจในตัวเองเป็นอย่างมาก

นับแต่นั้นมา ข้าพเจ้าก็จดจำสามประโยคของคุณพ่อไว้มิรู้ลืม
ยึดเป็นสรณะในการดำรงชีวิต

ไม่ว่าเป็นการวางตัวหรือปฏิบัติหน้าที่
ก็มักจะคำนึงถึงประโยชน์ของคนอื่นก่อน
ผลก็เป็นอย่างที่คุณพ่อได้สอนสั่งไว้จริงๆ

ความโชคดีมาเยือนมิได้ขาด
และหน้าที่การงานของตัวเอง
ก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ
งานบางอย่างก็ไปแบบก้าว
กระโดดเลยทีเดียว

...“ แม้นมี, วาสนา ”...ขอแค่...“ บ้านแสนสงบสุข ”..... ไม่หวัง, อัครสถานหลังโตมั่นคงหากแต่...“ แข็งแรงอบอุ่น, ด้วยความรัก...
08/12/2024

...“ แม้นมี, วาสนา ”...
ขอแค่...“ บ้านแสนสงบสุข ”...
.. ไม่หวัง, อัครสถานหลังโตมั่นคง
หากแต่...“ แข็งแรงอบอุ่น, ด้วยความรักใคร่กลมเกลียว ”
.. ไม่หวัง, บ้านสวยงามเลิศหรู
หากแต่...“ งามหมดจรดด้วยจิตใจ, ของครอบครัว
ที่... ปรารถนาดีต่อกัน ”
.. ไม่หวัง, พร้อมสรรพสิ่งแวดล้อม แห่งสวนสวรรค์
หากแต่... เป็นสังคมเอื้อเฟื้อ รายล้อมด้วย, เพื่อนบ้านเป็นมิตร
.. ขอแค่มี “ งานที่รัก, เป็นเสาหลักรายได้ ”...
.. ไม่หวัง, งานที่มีหน้ามีตาอวดใครๆ
หากแต่... เป็นงานที่, ทำแล้ว
มี...“ ความสุข นายดี เพื่อนดี ลูกน้องดี ”...
.. ไม่หวัง, รายได้มหาศาล
หากแต่... สมความสามารถติดตัว เลี้ยงดู, ครอบครัวได้...
“ สำคัญ ” คือ... ไม่มีหนี้สิน, จากสินทรัพย์เสื่อมราคา
เพื่อ... รักษาหน้าตา, ในสังคม ...
.. ขอแค่มี “ คู่ชีวิต ” ที่เข้าใจกัน ...
.. ไม่หวัง, ว่าต้องดีที่สุด
หากแต่... ดีสมกัน, ศีลเสมอกัน ...
.. ไม่หวัง, ว่าสวย-หล่อลากดิน
หากแต่... เดินไปด้วยกัน, แล้ว “ ส่งเสริม ”
.. ไม่หวัง, เป็นช้างเท้าหน้า-เท้าหลัง
หากแต่... เดินเคียงกันไป, ในทุกวันดี-ร้ายด้วยรอยยิ้ม
.. ขอแค่ “ ลูกเป็นคนดี ” ของสังคม ...
.. ไม่หวัง, ยัดเยียดให้ลูก เป็นที่หนึ่งในทุกด้าน
หากแต่... มี “ ปัญญาเอาตัวรอด ” เลี้ยงดูตัวเองได้
.. ไม่หวัง, ให้ลูกโดดเด่นนำสมัย
หากแต่... อ่อนน้อมถ่อมตน รู้กาลเทศะ มีมารยาท
จนใครๆ ที่ได้รู้จัก...“ เมตตาเอ็นดู ”

และ “ สำคัญ ” คือ... มีปัญญา, แยกแยะชั่ว-ดี
อย่าให้ใคร... ด่ามาถึงพ่อแม่ว่า..“ ไม่สั่งสอน ”
.. ขอแค่บั้นปลาย, แห่งชีวิตที่สุขภาพดี ...
.. ไม่หวัง, บั้นปลายประสบความสำเร็จ เป็นตำนาน
หากแต่... มี “ สุขภาพที่ดี, ตามวัย ”
ไม่มี... โรคภัยไข้เจ็บทรมานตัวเอง, และคนรอบข้าง
.. ไม่หวัง, ลูกหลานคลานหมอบ “ รอรับมรดกสมบัติเอาหน้า ”
หากแต่... ลูกหลานรักรู้คุณ น้อมรับมรดก
แห่ง...“ วาสนา ” ต่อไป... เป็นมรดกล้ำค่า
.. สุดท้าย, หากยังเหลือ “ วาสนา ”
.. ไม่หวัง, งานศพแห่ง “ เกียรติยศ ”
หากแต่... ลมหายใจ, สุดท้ายที่สงบ
พร้อมหน้า ... ลูกหลานร่ำลา ...

ขอบคุณบทความดีๆ จาก : คุณเสก มดงาน บ้านรอยยิ้ม

ช่วงปิดเทอมปีที่ผ่านมา เพื่อนชาวจีนคนหนึ่งได้ส่งลูกชายวัย13ขวบของเขาไปอยู่กับแมรี่เพื่อนชาวออสเตรเลีย เขาบอกกับแม่รี่ว่า...
08/12/2024

ช่วงปิดเทอมปีที่ผ่านมา เพื่อนชาวจีนคนหนึ่งได้ส่งลูกชายวัย13ขวบของเขาไปอยู่กับแมรี่เพื่อนชาวออสเตรเลีย เขาบอกกับแม่รี่ว่า
“ผมอยากให้ลูกชายได้เรียนรู้โลกกว้าง คุณช่วยดูแลลูกชายของผมด้วยนะ”
แม่รี่จึงบอกแก่เพื่อนว่า
“โอเค เดี๋ยวฉันจะดูแลลูกชายของคุณให้นะ ไม่ต้องห่วง”

หลังจากไปรับเด็กหนุ่มกลับมาจากสนามบิน แมรี่ก็ได้พูดคุยเด็กหนุ่มว่า
“ฉันเป็นเพื่อนของพ่อเธอ เธอมาใช้ชีวิตที่ออสเตรเลียเป็นเวลา1เดือน พ่อของเธอขอร้องให้ฉันช่วยดูแลเธอ แต่ฉันอยากจะบอกกับเธอว่า ฉันดูแลเธอได้แต่ไม่ใช่รับผิดชอบชีวิตของเธอทั้งหมด เพราะฉันไม่ได้เป็นหนี้พ่อของเธอ เขาก็ไม่ได้เป็นหนี้อะไรฉัน ดังนั้นเราจึงเสมอภาคและทัดเทียมกัน
เธออายุ13ปีแล้ว เธอโตพอที่จะรับผิดชอบชีวิตของเธอได้แล้ว เพราะฉะนั้น ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เธอต้องตื่นนอนเอง ฉันไม่รับผิดชอบเป็นคนปลุกเธอ เมื่อเธอตื่นแล้ว เธอต้องทำอาหารเช้าเอง เพราะฉันต้องไปทำงาน ดังนั้นฉันไม่สามารถทำอาหารเช้าให้เธอได้ และเมื่อเธอทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว เธอต้องเป็นคนล้างถ้วยล้างชามและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย เพราะฉันจะไม่รับผิดชอบล้างถ้วยชามแทนเธอ เพราะว่านั่นไม่ใช่หน้าที่ของฉัน ห้องซักรีดอยู่ตรงนั้น เธอต้องซักเสื้อผ้าของเธอเอง นอกจากนี้ นี่คือแผนที่เส้นทางการเดินรถของที่นี่ ทั้งรถเมล์และก็รถไฟ มีทั้งเส้นทางเดินรถ ตารางเวลา เธอต้องศึกษาให้ดีว่าเธอต้อการไปเที่ยวที่ไหน หากฉันมีเวลาฉันอาจพาเธอไปได้บ้าง แต่หากฉันไม่ว่างเธอก็ต้องไปคนเดียว เพราะฉะนั้น ช่วงเวลาที่เธออยู่ที่นี่ เธอต้องวางแผนการดำเนินชีวิตของเธอเอง เพราะฉันมีงานที่ฉันต้องทำ ฉันหวังว่าการมาของเธอจะไม่เป็นภาระและทำให้ฉันต้องหนักใจ”

เด็กหนุ่มยืนจ้องหน้าผู้ที่ไม่ยอมให้เขาเรียกเธอว่าน้าแมรี่พูดด้วยความตระหนก เพราะชีวิตที่บ้านในกรุงปักกิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับพ่อแม่ของเขาเป็นคนตัดสินให้ทั้งนั้น
แมรี่เห็นดังนั้น จึงถามย้ำเด็กหนุ่มอีกครั้งว่า
“เธอเข้าใจที่ฉันพูดไหม?”
“เข้าใจครับ!” เด็กหนุ่มตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่ดังและฟังชัด
“ต้องอย่างนี้สิ อาเหว่ย”

………………………….
“ฉันไม่ได้ติดหนี้พ่อของเธอ และก็ไม่ได้เป็นหนี้เธอด้วย”
หลักการคิดนี้ ไม่มีอะไรผิดหรือถูก มันอยู่ที่ว่า ใช้กับใคร ใช้ที่ไหน
ดั่งเรื่องเล่าที่ว่า เด็กอเมริกันถามพ่อของเขาว่า
“บ้านเรารวยใช่ไหมครับพ่อ?”
“ใช่ แต่นั่นมันเป็นเงินของพ่อ ไม่ใช่เงินของลูก”
เด็กอเมริกันจึงต้องมานะพยายามหาเลี้ยงตนเอง ทั้งเรียนรู้และฝึกฝน เป็นทั้งลูกน้องเป็นทั้งลูกจ้าง วันหนึ่งเมื่อพ่อแม่ตายจาก จึงสืบทอดกิจการที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้เจริญได้ต่อไป

เด็กชาวจีนถามพ่อว่า
“บ้านเรารวยใช่ไหมครับพ่อ?”
“ใช่แล้วลูก บ้านเรารวยมาก วันใดที่พ่อตายไป เงินทองเหล่านี้จะเป็นของลูก”
เด็กชาวจีนจึงถูกเลี้ยงแบบตามใจ พ่อแม่ยังไม่ตาย พวกเขาก็เริ่มผลาญเงินทองของพ่อแม่ วันๆไม่ทำอะไร เอาแต่กินดื่มเที่ยวเตร่ และวันใดที่พ่อแม่ตายจาก มรดกทั้งทรัพย์สินเงินทองบริษัทห้างร้านจึงล่มสลายไปในพริบตา ดังคำกว่าที่ว่า “รวยไม่เกินสามรุ่น”

ที่มา นุสนธิ์บุคส์

08/12/2024

ถ้ายังมีแม่อยู่ ทำดีกับแม่ให้มากนะ

ชายผู้หนึ่งได้เสียชีวิตลง ในตอนที่เขารู้สึกตัวว่าได้ตายไปแล้ว เขาก็เห็นเทพองค์หนึ่งเดินถือกระเป๋าเข้ามาหาเขาแล้วพระองค์ไ...
08/12/2024

ชายผู้หนึ่งได้เสียชีวิตลง ในตอนที่เขารู้สึกตัวว่าได้ตายไปแล้ว เขาก็เห็นเทพองค์หนึ่งเดินถือกระเป๋าเข้ามาหาเขา
แล้วพระองค์ได้เอ่ยขึ้นว่า

เทพ : เรียบร้อยแล้วหนุ่มน้อย ถึงเวลาไปแล้ว!
ชายหนุ่ม : ทำไมเร็วนักละครับ? ผมยังมีเรื่องราวที่ต้องทำอีกมากมาย....
เทพ : ขอโทษด้วย เวลาของเธอหมดแล้ว!

ชายหนุ่ม : ในกระเป๋าของท่านคืออะไรครับ?
เทพ : นี่คือของๆเธอ!

ชายหนุ่ม : ของๆผม! คืออะไรครับ? เป็นทรัพย์สิน เสื้อผ้า หรือว่าเงินครับ?
เทพ : สิ่งที่เธอพูดมา มันไม่ใช่ของเธอตั้งแต่แรกแล้วหนุ่มเอ๋ย นั่นมันเป็นสมบัติของในโลก!

ชายหนุ่ม : ถ้าอย่างนั้นมันก็คงเป็นความทรงจำของผมสินะ!
เทพ : ความทรงจำเป็นสมบัติของกาลเวลา

ชายหนุ่ม : ถ้าอย่างนั้นคงเป็นความสามารถของผม!
เทพ : ความสามารถเป็นสมบัติของโลกอีกเช่นกัน

ชายหนุ่ม : หรือจะเป็นญาติมิตรของผม?
เทพ : ไม่ใช่ เขาเหล่านั้นเป็นเพียงผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเธอเท่านั้นเอง

ชายหนุ่ม : หรือเป็นลูกเมียของผม?
เทพ : ไม่ ลูกเมียเป็นเพียงแค่ความระลึกของเธอเท่านั้น

ชายหนุ่ม : ถ้าอย่างนั้นคงเป็นร่างของผมแน่ๆ
เทพ : ไม่ใช่ ร่างของเธอนั้นเป็นสมบัติของดิน

ชายหนุ่ม : ถ้าอย่างนั้น มันคงเป็นจิตญาณของผมสินะ
เทพ : น่าเวทนา เด็กหนุ่มเอ๋ย เธอเข้าใจผิดแล้ว จิตญาณของเธอนั้นเป็นของเบื้องบน

ชายหนุ่มรู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง เขารับกระเป๋ามาด้วยมืออันสั่นเทา เมื่อเขาเปิดแระเป๋าออกมา ข้างในกระเป๋าใบนั้นกลับมีแต่ความว่างเปล่า...
เขาถามเทพด้วยความหมดอาลัยตายอยาก

ชายหนุ่ม : ทุกสิ่งที่ผมเคยมี มันไม่เคยเป็นของผมเลยหรือ?
เทพ : ใช่แล้ว เธอเข้าใจถูกแล้ว ทุกสิ่งในโลกที่เธอหามา ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของเธอเลย

ชายหนุ่ม : แล้วอะไรที่เป็นของผม?
เทพ : ลมหายใจเป็นของเธอ! นั่นคือสิ่งเดียวที่เป็นของเธอในตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่!

…………………………..
ชีวิตคนเรา แค่ชั่วพริบตา
รักษาทุกขณะเวลาที่คุณยังมีลมหายใจอยู่
จงรักชีวิตและถนอมชีวิต.....

ที่มา นุสนธิ์บุคส์

08/12/2024

วิธีออมเงินแบบง่ายๆ สำหรับคนที่ ออมเงินไม่เก่ง

เขาคุกเข่ายื่นดอกกุหลาบให้กับเธอ“แต่งงานกับผมนะ ชีวิตผมขาดคุณไม่ได้”เธอรู้สึกตื้นตัน ตอบตกลงแต่งกับเขาในทันที“พ่อจ๋าแม่จ...
08/12/2024

เขาคุกเข่ายื่นดอกกุหลาบให้กับเธอ
“แต่งงานกับผมนะ ชีวิตผมขาดคุณไม่ได้”
เธอรู้สึกตื้นตัน ตอบตกลงแต่งกับเขาในทันที
“พ่อจ๋าแม่จ๋า ลูกตัดสินใจถูกแล้วใช่ไหมคะ?”
เธอแหงนหน้ามองขึ้นฟ้า เอ่ยบอกวิญญาณพ่อแม่ในใจ
ณ เวลานั้น เธออายุเพียง23ปี เป็นสาวงามที่สุดในตำบล

หลังจากแต่งงาน เธอย้ายเข้าไปอยู่บ้านสามีซึ่งมีเพียงแม่สามีอยู่ด้วย พ่อสามีเสียชีวิตไปนานแล้วเช่นกัน
แม่สามีไม่ค่อยชอบเธอมากนัก จึงตำหนิและต่อว่าเธออยู่เสมอ
“แม่เลี้ยงผมมาจนโต คุณทำดีต่อแม่ผมไม่ได้เหรอ? ท่านเป็นแม่ของผมนะ!”
สามีของเธอบอกกับเธอ เมื่อเธออธิบายเรื่องที่แม่ตำหนิเธอเมื่อหัวค่ำ
เธอได้แต่ก้มหน้ายอมรับในความอดสูใจ

สามีของเธอทำงานในตัวเมืองและชอบเข้าบ่อน กว่าจะกลับก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนตีหนึ่ง
เธอทำงานบ้านตามที่แม่สามีบอกอย่างไม่มีปากเสียง เหนื่อยสายใจแทบขาด ใบหน้าของเด็กสาวกลายเป็นซีดเผือด วันหยุดหรือวันใดที่สามีของเธออยู่ติดบ้าน เธอจึงขอให้เขาช่วยแบ่งเบางานของเธอบ้าง กลับถูกแม่สามีเอ็ดเอาว่า
“ลูกชายชั้น ชั้นเลี้ยงเขามาตั้งแต่เล็กจนโต เขาเหนื่อยกับงานของเขาอยู่แล้ว วันหยุดต้องให้เขาพักผ่อน ไม่ใช่ให้เขามาทำงานบ้านแทนเธอ! เธอนี่เป็นเมียประสาอะไร!”

หลังจากอยู่กินกันได้ 1ปี เธอก็ตั้งครรภ์ แม่สามีเห็นท้องเธอแหลม ก็เที่ยวป่าวประกาศว่านางจะได้หลานชาย
สามีของเธอยังคงทำตัวเป็นปกติ ออกไปทำงานแต่เช้า กลับเข้าบ้านก็ดึกดื่นเที่ยงคืน
พอเขาเข้าห้องมา ก็ตรงมาลูบที่ท้องของเธอ
“เป็นเด็กดีนะลูก!”
จากนั้นก็ล้มหัวลงนอน

เธอแพ้ท้องหนักมาก ทำให้กินไม่ได้นอนไม่หลับเป็นเวลาเกือบครึ่งปี บนใบหน้า ณ ตอนนี้ซีดเผือดไม่มีสีเลือดเลย ไม่หลงเหลือร่องรอยของเด็กสาววัยสดใสก่อนหน้านั้นเลย

ในวันคลอด คุณหมอบอกเธอว่าเธอได้ลูกสาว เด็กน้อยแก้มแดงสดใส
เธอยิ้มทั้งน้ำตา “ลูกแม่ช่างน่าชังอะไรเช่นนี้”

“อะไรนะ? เด็กผู้หญิง! เป็นไปไม่ได้! บ้านเราสามรุ่นแล้วที่มีแต่ลูกชาย ลูกสะใภ้ของชั้นท้องแหลมขนาดนั้น จะเป็นเด็กผู้หญิงได้ยังไงกัน ฉันไม่เชื่อหรอก!”
เสียงของแม่สามีดังขึ้นหลังจากคุณหมอบอกนางว่าได้หลานสาว นางไม่ยอมรับ และรับไม่ได้ที่เธอคลอดลูกเป็นเด็กผู้หญิง เดินหัวเสียออกจากห้องไป
“เธอท้องประสาอะไร! ทำไมไม่เป็นลูกชาย?”
สามีของเธอโยนร ะ เ บิ ด ลูกที่สองมาให้เธอ
เธออุ้มลูกสาวแนบไว้กับอก น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
คุณหมอและนางพยาบาลต่างมองเธอด้วยความสงสาร

สามีของเธอยิ่งมายิ่งเล่นหนัก คืนๆหนึ่งหมดไปเป็นหมื่นๆ จนต้องบากหน้าไปกู้ยืมเงินจากเพื่อนบ้านมาเล่น
เธอเห็นท่าไม่ดี เย็นนั้นจึงเอ่ยท้วงผู้เป็นสามี
“พี่อย่าไปเล่นอีกเลย หยุดเถอะพี่!”
“เพี๊ยะ!”
เสียงฝ่ามือของผู้เป็นสามีกระทบลงบนใบ้หน้าของเธอจนทำให้เธอล้มลงก้นกระแทกกับพื้น แล้วสามีก็เดินออกจากบ้านไป
แม่สามีเข้ามาตำหนิเธอว่า
“ผัวเพียงคนเดียวเธอยังเอาไม่อยู่ แถมลูกก็มาเป็นผู้หญิงอีก วันหลังก็เก็บผ้าเตรียมตัวออกจากบ้านชั้นไปได้เลย”

สองวันแล้วที่สามีของเธอไม่กลับเข้าบ้าน
ดึกของคืนนั้น สามีของเธอก็ถูกชายสองคนหิ้วปีกกลับมาที่บ้าน
“ผัวของเธอเสียพนัน แถมยืมเงินของพวกเราไปเป็นแสน หากไม่หามาคืนภายในหนึ่งเดือน อย่าหาว่าใจร้ายนะ!”
พูดเสร็จ ชายทั้งสองก็เก็บกวาดเอาทรัพย์สินที่มีค่าไป
“เธอนี่มันกาลกิณีจริงๆ ตั้งแต่แต่งเธอเข้าบ้าน ชั้นก็ทำมาหากินฝืดเคือง เล่นไม่เคยได้เหมือนเมื่อก่อน แถมยังมาท้องลูกผู้หญิงให้บ้านชั้นอีก มานี่ซิ! ”
เขาจับแขนของเธอแล้วก็ลงมือทุบตีและด่าทอ แม่สามีได้แต่ร้องไห้สงสารในโชคชะตาของลูกชาย โดยไม่ยอมช่วยปกป้องเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
“ไป๊ ออกจากบ้านชั้นไปเลย ไปทั้งแม่ทั้งลูกนั่นแหละ นังตัวซวย!”
เธอมองหน้าสามีอย่างไม่เชื่อในสายตา ฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดสะบั้นลงแล้ว
เธอเดินเข้าห้อง เก็บเสื้อผ้าและสิ่งของที่จำเป็น จากนั้นก็เดินอุ้มลูกออกจากบ้านไป
ไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว เธอเดินฝ่าความมืดไปบ้านของน้าสาวที่อยู่ไม่ไกลนัก
เด็กสาวอายุเพียง 25ปีก็ต้องมาเป็นหม้าย จะบอกว่าเธอเลิกกับสามีก็ไม่ถูก ที่ถูกก็คือเธอถูกสามีไล่ออกจากบ้านต่างหาก

เช้าวันรุ่งขึ้น คนทั้งตำบลก็พากันเล่าความสืบข่าว คนกลุ่มหนึ่งนึกสงสารในโชคชะตาของเธอ คนกลุ่มหนึ่งก็บอกสมควรแล้ว เพราะเธอไม่คลอดลูกผู้ชายให้บ้านสามี ทำให้ครอบครัวของสามีตกต่ำ เธอรู้ว่าข่าวนี้มันแพร่สะบัดมาจากไหน แต่ก็ช่างเถอะ หลุดออกมาจากบ้านหลังนั้นได้ก็ถือว่าบุญแล้ว
ต่อไปเธอจะทำยังไง? ลูกของเธอจะอยู่กินยังไง? นี่ต่างหากที่เธอต้องขบคิด!

เช้าวันหนึ่ง เธอเดินเข้าไปของานทำในร้านขายน้ำเต้าหู้ตอนเช้าของป้าคนหนึ่ง
เธอบอกกับป้าเจ้าของร้านว่า เธอเพิ่งเลิกกับสามีและมีลูกน้อยติดมาด้วย
“หากคุณป้าเมตตารับหนูเข้าทำงาน หนูขอเอาลูกมาอยู่ด้วยได้ไหมค่ะ?”
“ฉันก็พอได้ยินเรื่องราวของเธอมาบ้าง เดิมทีฉันทำกันสองคนแม่ลูกก็พอไหวอยู่ แต่เอาเถอะ เรามันผู้หญิงเหมือนกัน มีเธอเข้ามาอยู่ด้วยอีก2คน บ้านจะได้ครึกครื้น!”
เธอก้มลงกราบคุณป้าเจ้าของร้านด้วยความซาบซึ้งใจ

เธอช่วยทำงานทุกอย่างในบ้านด้วยความขยัน อีกทั้งฝีมือการทำปาท่องโก๋ของเธอที่ถูกปากลูกค้า ทำให้ใครต่อใครต่างก็ช่วยกันโฆษณาให้ร้านน้ำเต้าหู้ที่เธอทำอยู่ จึงทำให้กิจการของบ้านนี้ดีวันดีคืน
ลูกชายเจ้าของบ้านเป็นคนซื่อ กลับถูกชะตาเธอเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนป้าเจ้าของร้านก็ถูกอกถูกใจเธอเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน นางคิดในใจ
“นี่หรือหญิงกาลกิณีที่ใครๆเขาเล่าลือกัน ตั้งแต่มีเธอเข้ามาอยู่ในบ้าน กิจการก็ดีเอาๆ แถมลูกชายของเราก็พลอยมีชีวิตชีวาไปด้วย เราจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว!”

เช้าวันหนึ่ง หลังจากขายน้ำเต้าหู้จนหมดเกลี้ยงแล้ว ลูกชายคนซื่อของนาง ก็ได้นำน้ำเต้าหู้แก้วหนึ่งคุกเข่าลงต่อหน้าหญิงสาว
“แต่งงานกับผมนะ ผมไม่ค่อยฉลาดทันคนเขาเท่าไหร่นัก ผมไม่ค่อยมีเงินเหมือนคนอื่น แต่สาบานได้ว่าความรักของผมที่มีต่อคุณและลูกสู้ใครคนอื่นได้ขาดลอยก็แล้วกัน”
เธอมองหน้าชายหนุ่มคนซื่อที่ตอนนี้กำลังคุกเข่ายื่นน้ำเต้าหู้แก้วนั้นให้กับเธอ จากนั้นก็หันไปมองหน้าแม่ของเขาที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก นางพยักหน้ารับและบอกเป็นนัยๆว่าให้ตอบตกลง
เธอรับแก้วน้ำเต้าหู้มาทั้งน้ำตา ชายคนนี้และหญิงบ้านนี้นี่แหละที่ทำให้เธอรู้สึกภูมิใจและรู้สึกมีคุณค่าตั้งแต่ได้ก้าวเข้ามาพักอาศัย
“ตกลงค่ะ ฉันของฝากชีวิตของฉันและลูกสาวไว้กับคุณด้วยนะคะ”
เสียงปรบมือของเจ้าของบ้านวัยเกือบชราดังขึ้น พร้อมกับชายหนุ่มที่ลุกขึ้นโอบกอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน
เธอเงยหน้าขึ้นมองฟ้าอีกครั้ง
“พ่อคะแม่คะ ลูกขอให้การตัดสินใจครั้งนี้ขอลูกเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดนะคะ”

การแต่งงานครั้งแรกของเธอ สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นก็คือดอกกุหลาบช่อใหญ่ช่อนั้น และคำพูดหวานหูที่ทำให้เธอยิ้มได้ทั้งวัน
แต่การแต่งงานครั้งนี้ของเธอ ไม่มีดอกกุหลาบ ไม่มีคำหวานหู ไม่มีความโรแมนติก มีเพียงน้ำเต้าหู้ธรรมดาๆเพียงหนึ่งแก้ว กับผู้ชายธรรมดาซื่อๆ คนหนึ่ง กับคำสัญญาที่เขาให้ไว้กับเธอ “ผมจะไม่ทำให้คุณและลูกหิวเป็นอันขาด” สิ่งเหล่านี้ ทำให้เธอซาบซึ้งใจ

หลังจากแต่งงานกัน เธอและสามียิ่งขยันขันแข็งในการทำงาน เธอขอร้องให้ป้าเจ้าของร้านที่ตอนนี้เลื่อนฐานะมาเป็นแม่สามีให้พักผ่อนให้มากขึ้น
แม่สามีก็ไม่ขัดน้ำใจลูกสะใภ้ จึงขันอาสารับหน้าทีดูแลหลานสาวตัวน้อยให้แทน นางไม่คิดรังเกียจลูกที่ติดลูกสะใภ้มาเลย หนำซ้ำยังรักและเอ็นดูเธอมากเป็นพิเศษอีกต่างหาก
สามีทำงานเก่ง เธอเก็บเงินและทำงานบ้านเก่ง แขกไปใครมาจึงได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากบ้านหลังนี้เป็นระยะเสมอ
จากร้านน้ำเต้าหู้เล็กๆ บัดนี้ได้ขยายกิจการไปอีกหลายร้านและมีลูกน้องมากมาย
ไม่ถึงสองปี เขาก็เปิดโรงงานทำน้ำเต้าหู้บรรจุขวดขนาดย่อม ส่วนเธอ ก็ได้ให้กำเนิดลูกชายให้เขาและแม่ได้ชื่นชม

เย็นวันหนึ่ง อดีตแม่สามีของเธอได้เจอกับแม่สามีคนปัจจุบันของเธอโดยบังเอิญที่สวนสาธารณะ
“ลูกชายของคุณนี่ช่างมีวาสนานะ ทำงานก็เก่ง ตอนนี้กิจการใหญ่โตเชียว ฉันละดีใจแทนคุณจริงๆ”
อดีตแม่สามีเป็นคนเอ่ยขึ้นก่อน
“ไม่ใช่ลูกชายของฉันหรอก ลูกสะใภ้ต่างหากล่ะที่เก่ง ตั้งแต่แต่งเธอเข้าบ้านมา เธอก็ช่วยเป็นธุระอะไรแทนฉันและลูกชายได้ทุกอย่าง ลูกชายของฉันนะมันมีแต่ความขยันเพียงอย่างเดียว ที่พอลืมตาอ้าปากได้ก็เพราะลูกสะใภ้นั่นแหละที่เป็นคนเก็บเงินเก่ง!”
“อะไรนะ ลูกชายคุณเป็นคนทำงาน ส่วนเงินให้ลูกสะใภ้เก็บเหรอ? คุณยอมให้ลูกเธอลำบากได้ยังไงเนี่ย!”
อดีตแม่สามีไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่นางได้ยิน
“ฉันเลี้ยงลูกชายชั้นมาตั้งแต่มันยังเล็ก วันหนึ่งมีคนมาช่วยดูแลมันแทนฉัน ฉันก็สบายใจ อีกอย่าง เด็กผู้ชายทำงานหนักหน่อยไม่เป็นไรหรอก เขาเป็นหัวหน้าครอบครัว หากทนงานหนักไม่ได้แล้วจะเป็นเจ้าคนนานคนได้ยังไง อีกอย่าง ลูกสะใภ้ของฉันก็เป็นคนดีจริงๆ เป็นแม่บ้านแม่ศรีเรือน ฉันละภูมิใจนัก”
อดีตแม่สามีได้แต่อ้าปากค้าง ไม่รู้จะพูดอะไรดี จึงหันไปหยอกเด็กน้อยในรถเข็นเด็ก
“หลานชายของคุณน่ารักน่าชังเชียว นี่ชั้นจะบอกให้ ตอนที่อยู่บ้านชั้นเธอกลับคลอดลูกสาวนะ ทำให้ครอบครัวของเราตกต่ำย่ำแย่ไปนานเลย”
“แต่หลานสาวที่บ้านของชั้นเป็นเด็กดีและน่ารักมากๆ เพราะหลาวสาวเป็นเด็กดีบ้านเราก็เลยได้หลานชายมาเพิ่มอีกคนหนึ่ง ถ้าไม่เพราะหลานสาวเราก็คงไม่ได้หลานชาย”
ได้ยินอดีตแม่ผัวของลูกสะใภ้กล่าวหาหลานสาวคนดีของนางว่าทำให้บ้านโน้นตกต่ำ นางจึงรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง มีอย่างที่ไหนมาว่าหลานรักของนาง นางจึงจัดไปชุดใหญ่

“แม่ครับ/ค่ะ กลับบ้านได้แล้วค่ะ”
เสียงลูกชายลูกสะใภ้ดังขึ้นพร้อมกัน
เมื่ออดีตแม่สามีหันไปมอง ก็เห็นชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งกำลังจูงลูกสาวเดินตรงเข้ามา
ใบหน้าของหญิงสาวที่สวยผุดผ่อง กลับคืนสู่ใบหน้าที่สดใสสมวัยอีกครั้งของอดีตลูกสะใภ้
“ตั้งแต่แต่งเข้าบ้านคนมีเงิน ดูเธอสวยกว่าเมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้านชั้นเยอะเลยนะ”
อดีตแม่สามีเอ่ยขึ้น เมื่อทั้งสามคนเดินเข้ามาสวัสดีเธอ
“ชั้นจะบอกเธอให้เอาบุญนะ ผู้ชายนะเป็นดิน ผู้หญิงนะเป็นดอกไม้ ผู้หญิงคนใดแต่งงานกับผู้ชายเลวๆ ก็เหมือนกับตกนรกทั้งเป็น ต้นไม้ที่ออกดอกงดงามรังแต่จะถูกเผาให้วายวอด อย่าเอาแต่กล่าวโทษลูกสะใภ้ว่าไร้วาสนา ต่อให้ไฉซิ้งเอี้ยที่ประทานเงินทองเก่งแค่ไหน ก็คงอยู่กับบ้านคนเลวๆไม่ได้หรอก ”
พูดเสร็จ นางก็หันไปอุ้มหลานสาว จากนั้นก็บอกให้ลูกชายเข็นรถหลานชายตามไป
“กลับบ้านเถอะลูก ฝนใกล้จะตกแล้ว”
นางเอื้อมมือไปแตะบ่าลูกสะใภ้ จากนั้นก็พากันเดินไปที่รถเพื่อกลับบ้าน ทิ้งให้อดีตแม่สามีของเธอทั้งอายและทั้งเคืองอยู่ตรงนั้นคนเดียว

………………………………….
ผู้ชายคือคราด ผู้หญิงคือตู้เซฟ
ผู้ชายทำงาน ไถคราดเอาเงินทองเข้าบ้าน
ผู้หญิงดูแลบ้าน ดูแลทรัพย์สิน ไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย
ผู้ชายคือดิน ผู้หญิงคือดอกไม้
ผู้หญิงต้องการการดูแลจากผู้ชาย ผู้ชายต้องการความภาคภูมิใจในตัวของผู้หญิง
ผู้ชายเลวๆ ก็ไม่ต่างอะไรจากทราย ลมพัดทีก็ปลิวว่อน
คำหวานหูจะมีประโยชน์สาระอะไร ต่อให้เป็นพันธุ์ไม้งามเพียงใด ปลูกลงไปก็รังแต่จะเหี่ยวเฉาและแห้งตาย
ผู้ชายดีๆ ก็เหมือนกับดินดำ หนักแน่น
ดูไปเหมือนไร้คุณค่า แต่ทำอะไรจริงจังสัตย์ซื่อ เขาอาจไม่ได้พูดว่า “ผมรักคุณ” แต่เขามีรับผิดชอบต่อครอบครัว ต่อให้เป็นพันธุ์ไม้ที่ไม่สมบูรณ์ แต่เพราะถูกปลูกในดินที่ดี ย่อมผลิดอกเบ่งบานให้ชื่นชมได้ในที่สุด
อย่าได้ผลักความไม่เจริญในครอบครัวไปที่ผู้หญิงแต่เพียงฝ่ายเดียว อะไรคือหญิงกาลกิณี? อะไรคือหญิงที่ทำให้ชายตกต่ำ?
ชายที่ไม่รักภรรยานั่นแหละคือกากเดน อย่าได้แต่โทษว่าภรรยาเป็นตัวซวยอีกเลย.......

ที่มา นุสนธิ์บุคส์

08/12/2024

สัญญาณอันตราย ต้องรีบแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ที่อยู่

เทศบาลเมืองศรีราชา
Si Racha
20110

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ เป็นกำลังใจผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

วิดีโอทั้งหมด

แชร์


ครีเอเตอร์วิดีโอ อื่นๆใน Si Racha

แสดงผลทั้งหมด