โลกและจักรวาล All Dimensions of the World and the Universe

09/12/2024

ชาวโคลวิส (Clovis) เป็นชนพื้นเมืองที่ไม่ค่อยคุ้นหูคนไทยมากนัก แต่พวกเขาเป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในภูมิภาคอเมริกาเหนือเมื่อประมาณ 23,000 ปีก่อน
ตามรายงานใหม่ที่เผยแพร่บนวารสาร Science Advances เผยให้เห็นว่าพวกเขาคือนักล่าแมมมอธตัวยง และดูเหมือนว่าพวกเขาจะชื่นชอบเนื้อแมมมอธมากกว่าสัตว์ตัวเล็กอื่น ๆ
ในการศึกษาใหม่นี้ ทีมวิจัยได้ทำการวิเคราะห์ทางเคมีของกระดูกเด็กชายวัย 18 เดือนที่มีชื่อว่า Anzick-1 โดยเขามีชีวิตอยู่เมื่อประมาณ 13,000 ปีก่อน โดยมุ่งเน้นไปที่การศึกษาไอโซโทปของธาตุคาร์บอนและไนโตรเจนบางชนิดที่เกิดจากการกระสมตัวของอาหารในกระดูก
และเนื่องจากเด็กชายยังอยู่ในวัยที่ดื่มนมแม่ ดังนั้นค่าไอโซโทปดังกล่าว จึงสะท้อนถึงวิถีการกินอาหารของแม่ นักวิทยาศาสตร์เปรียบเทียบผลที่ได้กับแหล่งอาหารต่าง ๆ ซึ่งเผยให้เห็นอาหารชนิดหนึ่งที่ชัดเจนมากนั่นคือ ‘แมมมอธ’ ซึ่งมีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 40 จากอาหารทั้งหมดมากกว่ากวางเอลก์ ไบซัน และอูฐที่สูญพันธุ์ไปแล้วอย่าง ‘คาเมลโลป’ เสียอีก
อ่านเรื่องราวทั้งหมดได้ที่ https://ngthai.com/history/75500/colvis-love-to-eat-mammoth/
#มนุษย์โบราณ #แมมมอธ

09/07/2024

13/05/2024

ดวงอาทิตย์ให้ความร้อนกับโลก แต่ทำไมอวกาศถึงเย็น? หนึ่งในคำถามที่ยอดเยี่ยมจากผู้คนทั่วไป ซึ่งต้องใช้คำตอบที่ค่อนข้างซับซ้อน แต่เข้าใจได้ไม่ยาก
เราทุกคนคงเคยเห็นภาพ “มุกตลก” เกี่ยวกับฤดูร้อนในประเทศไทย ที่ล้อเลียนไปทำนองที่ว่าอากาศร้อนจนดูเหมือนว่าไทยเป็นประเทศที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด
แต่หากเราคิดต่อไปว่า เมื่อดวงอาทิตย์ให้ความร้อนกับโลก และสร้างฤดูร้อนที่อุณหภูมิสูงจนร่างกายแทบจะรู้สึกละลายได้ แต่ทำไมเราถึงได้รับคำเตือนว่า “อวกาศ” นั้นหนาวเย็นจนแช่แข็งร่างกายได้เลย?
ดวงอาทิตย์ที่ร้อนจัด กับโลกที่ได้รับความร้อน ทว่า อวกาศที่อยู่ตรงกลางของทั้งสองกลับเย็นยะเยือก สิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไร?
คำตอบสั้น ๆ ก็คือปรากฎการณ์นี้ไม่ใช่การนำพาความร้อนโดยตรง แต่เป็นผลจากการแผ่รังสีที่ดวงอาทิตย์ปล่อยออกมา มีปฎิสัมพันธ์กับอนุภาคบนโลก

13/05/2024

ความสำเร็จครั้งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย
หากหูดไม่เกิดบนตัวมัมมี่

“ราชินีไทเย” (Queen Tiye) เธอเป็นมารดาของฟาโรห์อาเคนาเตน (Akhenaten) (ย่าของฟาโรห์ตุตันคามุน นั่นเอง)

ซึ่งร่างแห้งขนาดนี้ เค้าเก็บ DNA มาได้ไง ?

ปี 2010 ผอ. สถาบันศึกษามัมมี่ มาดริด สังเกตเห็น “หูด” ที่โตขึ้นบริเวณใต้ตาบนตัวมัมมี่ จึงเสนอให้มีการตรวจเก็บ DNA และก็เก็บได้จริง

โดย 'หูด' ที่โตขึ้นนี้เกิดจากเชื้อไวรัส Papilloma (HPV) ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่พบเกิดบนซากมัมมี่แก่กว่า 3,000 ปี

จนนำมาสู่การร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญสร้างใบหน้าด้วยเทคนิค CT scan นี่คือข้อดีของการทำมัมมี่ เพราะช่วยรักษาสภาพได้ดีสุด ๆ แม้จะผ่านมาแล้วหลายพันปีก็ตาม (แต่ยังต้องใช้เวลานานกว่า 10 ปีเลยล่ะ)

รู้จัก “ราชินีไทเย” (Tiye) มากขึ้นอีกนิด - เธอคือราชินีของกษัตริย์เอเมนโฮเทปที่ 3 (Amenhotep III) มีอนุสรณ์สถานรวมถึงรูปปั้นมากมายปรากฏขึ้นอยู่ตามสถานที่สำคัญ ๆ ทั่วอียิปต์

ซึ่งเชื่อว่า เธอมีบทบาททางการทูตในการติดต่อกับอาณาจักรอื่น ๆ เพื่อสานสัมพันธไมตรี รวมถึงยังเป็นผู้สำเร็จราชการแทนฟาโรห์อาเคนาเตน (Akhenaten - ลูกชาย) ก่อนจะขึ้นครองราชเต็มตัว

จากหลักฐานระบุว่า เธอเสียชีวิตราว 1,300 ปีก่อน ในช่วงกลางการครองราชย์ของลูกชาย

Cr: Jumpp

12/05/2024

ใครเห็นบ้าง ? ชาวยุโรป-อเมริกา อวดภาพ "แสงเหนือ-แสงใต้" หรือ #ออโรรา (Aurora) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์การเกิดแนวแสงสว่างสีต่าง ๆ บนท้องฟ้ายามค่ำคืน ผลพวง "พายุสุริยะ" ระดับ G5 รุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี เยือนโลกสัปดาห์นี้
วานนี้ (11 พ.ค. 67) สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) ซึ่งเป็นหน่วยงานของสหรัฐฯ ที่ทำหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังพายุสุริยะ ได้รายงานการค้นพบพายุสุริยะระดับ G5 ซึ่งเป็นพายุสุริยะที่รุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี กำลังจะมาเยือนโลกในช่วงสุดสัปดาห์นี้
เบื้องต้นเตือนถึงผลกระทบที่อาจจะส่งผลต่อดาวเทียม และกริดไฟฟ้าในประเทศแถบขั้วโลก แต่ไม่ส่งผลต่อสุขภาพของมนุษย์แต่อย่างใด ผู้สังเกตในแถบละติจูดสูงเตรียมพบกับแสงออโรราได้ตลอดสุดสัปดาห์นี้

ข้อมูลระบุว่า ในวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมาได้แจ้งเตือนถึงการตรวจพบพายุสุริยะที่มีความรุนแรงระดับ G4 ต่อมาได้ยกระดับพายุขึ้นเป็นระดับ G5 ซึ่งเป็นระดับความรุนแรงของพายุสุริยะที่สูงที่สุด
อ่านต่อ : www.thaipbs.or.th/news/content/339896 , www.thaipbs.or.th/news/content/339889
#ข่าวไทยพีบีเอส #ข่าวที่คุณวางใจ

09/05/2024

หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญชั้นนำระดับโลก ในการศึกษามโนภาพและความฝันของผู้คนที่กำลังใกล้จะถึงจุดจบของชีวิต
เขาบอกว่าประสบการณ์เหล่านี้มักจะเริ่มต้นในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนการเสียชีวิต และเพิ่มความถี่มากขึ้นเมื่อใกล้ถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต
ก่อนตายพวกเขาเห็นภาพอะไรบ้าง อ่านต่อที่ https://bbc.in/3JOxCgK

04/05/2024

เอลนีโญใกล้จบ ลานีญามาแน่ ไทยจะเย็นลงบ้างไหม

สภาพอากาศที่ร้อนจัดจากปรากฏการณ์เอลนีโญใกล้สิ้นสุดแล้ว ขณะที่ลานีญาเตรียมเข้ามาแทนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งโดยปกติแล้วลานีญาจะทำให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงไทย มีฝนตกหนักและอุณหภูมิลดลง นั่นแปลว่าไทยจะหายร้อนแล้วใช่หรือไม่ และเราจะต้องเตรียมรับมือกับน้ำท่วมใหญ่อีกหรือเปล่า ฟังคำตอบได้ใน Global Focus EP.71

26/04/2024

ปรากฏการณ์เอลนีโญที่เริ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อนปี 2023 จนส่งผลให้อุณหภูมิโลกพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์สิ้นสุดลงแล้ว ตามรายงานจากสำนักอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลีย

อ่านเพิ่มเติม https://bbc.in/44iKFAz

24/04/2024

AI ขับเครื่องบินรบ F-16 สู้กับคนเป็นครั้งแรกของโลก !

ดาร์ปา (DARPA) สำนักงานโครงการวิจัยขั้นสูงทางความมั่นคงของกองทัพสหรัฐฯ เริ่มการทดสอบใช้ปัญญาประดิษฐ์ AI มาใช้บิน เอกซ์ ซิกซ์ตีทูเอ (X-62A) เครื่องบินทดลองที่มีพื้นฐานมาจากเครื่องบินขับไล่แบบเอฟ 16 บล็อก ดี (F-16 Block D) เพื่อทำการบินสู้รบระยะประชิด (Dogfight) กับนักบินของกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา (USAF) เป็นครั้งแรกของโลก

โครงการทดสอบในครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากการที่ X-62A หรืออีกชื่อว่าวิสตา (VISTA: Variable In-flight Simulation Test Aircraft) ซึ่งควบคุมด้วย AI สามารถขึ้นบินได้ต่อเนื่องถึง 17 ชั่วโมง เป็นครั้งแรกของโลก เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่ผ่านมา และในการทดสอบครั้งนี้ เป็นการทำการซ้อมรบระยะประชิด หรือด็อกไฟต์ (Dogfight) ร่วมกับนักบินเป็นครั้งแรกของโลกเช่นกัน

การทดสอบในครั้งนี้ ทีมนักพัฒนาได้ใส่เงื่อนไขการบินให้ครอบคลุมมากที่สุดตามสถิติการบินจริง เช่น การหักเลี้ยว การไต่ระดับ และปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งต้องอยู่บนพื้นฐานหลักวิชาฟิสิกส์ เพื่อให้ AI สามารถนำมาบังคับเครื่องบินจริงได้ และต้องทำการบินที่ระดับความสูง 2,000 ฟุต หรือประมาณ 600 เมตร เหนือพื้นดิน พร้อมทำความเร็ว 1,900 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยเริ่มการทดสอบตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา และจะทดสอบบินจริงแบบระยะประชิดตลอดทั้งปี 2024

ทั้งนี้ ความท้าทายที่สำคัญคือการสร้างเชื่อมั่นระหว่างนักบินกับ AI เพราะสภาพการบินในโลกความเป็นจริงแตกต่างจากการจำลองเป็นอย่างมาก แม้ว่า AI จะผ่านการจำลองเส้นทางการบินกว่า 100,000 เส้นทาง กับการทดสอบบินเสมือนในระบบซอฟต์แวร์กว่า 21 ครั้ง ก็ตาม และเพื่อให้นักบินสามารถเชื่อใจ AI ได้ ข้อมูลการบินจะถูกนำไปปรับปรุงระบบและความสามารถในการตัดสินใจของ AI ต่อไป

การทดสอบในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่ชื่อว่า เอซ (ACE: Air Combat Evolution) ที่มีเป้าหมายในการทำให้ AI สามารถทำการบินรบในสถานการณ์จริงได้เทียบเท่านักบิน เพื่อลดภาระที่นักบินต้องรับผิดชอบในปฏิบัติการทางอากาศและให้นักบินจดจ่อกับการวิเคราะห์ข้อมูลและเซนเซอร์จากระยะไกล เพื่อยกระดับมิติการรบทางอากาศในอนาคต

ข้อมูลจาก https://tnnthailand.com/news/tech/165016/
ภาพจาก Lockheed Martin/Background partially generated by AI

#เครื่องบิน #นักบิน #อเมริกา #บินโดรน #กองทัพอากาศ #แคลิฟอร์เนีย ่อง16 #ซิงเกิลอิมเมจ

21/04/2024

นักวิทย์จีนผลิต ‘เพชร’ จาก ‘ดอกโบตั๋น’ เม็ดแรกของโลก-น้ำหนัก 3 กะรัต

นักวิทยาศาสตร์จีนโชว์ผลงานผลิต “เพชร” โดยใช้องค์ประกอบคาร์บอนที่สกัดจากดอกโบตั๋นสีแดง (red peonies) ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก

เพชรขนาด 3 กะรัตซึ่งสร้างขึ้นจากดอกโบตั๋นสีแดงนี้ถูกเปิดตัวที่เมืองลั่วหยาง มณฑลเหอหนาน โดยทางบริษัท Luoyang Time Promise Co. ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตเพชรเทียมได้บริจาคมันให้สวนดอกโบตั๋นแห่งชาติลั่วหยาง (Luoyang National Peony Garden) หลังจากเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ทางสวนได้ส่งมอบดอกโบตั๋นให้แก่บริษัทเพื่อนำไปใช้สกัดคาร์บอนจนได้เป็นเพชรเม็ดนี้ขึ้นมา ในจำนวนนั้นรวมถึงดอกโบตั๋นที่อายุเกือบ 50 ปี

“เพชรเม็ดนี้มีมูลค่า 300,000 หยวน และสร้างขึ้นจากดอกโบตั๋นด้วยเทคโนโลยีสกัดคาร์บอนทางชีวภาพของเรา ซึ่งต้องผ่านความร้อนและแรงดันสูงจนกระทั่งได้เป็นเพชรออกมา” หวัง จิง (Wang Jing) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Luoyang Time Promise Co. ระบุ

แม้เทคโนโลยีการแปลงคาร์บอนจากดอกโบตั๋นให้กลายเป็นเพชรนั้นจะเป็นกระบวนการที่ยุ่งยากซับซ้อนไม่น้อย แต่ทางบริษัทเผยว่ายังมีองค์ประกอบคาร์บอนที่ได้จากแหล่งอื่นๆ เช่น เส้นผม กระดูก หรือแม้กระทั่งดอกไม้ ถูกนำมาสกัดด้วยเครื่องมือเฉพาะของทางบริษัทเพื่อแยกพันธะเคมีระหว่างอะตอมคาร์บอนที่ถูกสกัดออกมา หลังจากนั้นจึงนำองค์ประกอบที่ได้มารวมกันใหม่จนเกิดเป็นเพชร

ที่มา : odditycentral

11/04/2024

Peter Higgs ผู้ค้นพบ “อนุภาคพระเจ้า” เสียชีวิตแล้วในวัย 94 ปี มีความสำคัญอย่างไรต่อโลกใบนี้ ?

ปีเตอร์ ฮิกส์ (Peter Higgs) เป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎีชาวอังกฤษที่มีคุณูปการต่อวงการฟิสิกส์ทั่วโลก จากการทำนายการมีอยู่ของอนุภาค (Particle) แบบใหม่ ที่เรียกว่าฮิกส์ โบซอน (Higgs Boson) ซึ่งตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา และมีชื่อเล่นในวงการสื่อว่า "อนุภาคพระเจ้า" ได้เสียชีวิตเมื่อคืนวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ในวัย 94 ปี สร้างความเศร้าโศกต่อการสูญเสียมันสมองสำคัญของวงการฟิสิกส์ทั่วโลก

อนุภาค Higgs Boson กับการอธิบายเอกภพ
อนุภาค Higgs Boson มีบทบาทสำคัญในการอธิบายต้นกำเนิดของอนุภาค แรง และปรากฏการณ์ต่าง ๆ ทางฟิสิกส์ รวมไปถึงใช้การอธิบายกระบวนการต่าง ๆ ในเอกภพที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในปัจจุบัน หรือที่เรียกว่าแบบจำลองมาตรฐาน (Standard Model)

Standard Model เป็นความพยายามของนักฟิสิกส์จากทั่วโลกที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 1960 ในการอธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ โดยอาศัยความสัมพันธ์จากสิ่งที่เรียกว่าอนุภาคมูลฐาน (Elementary particle) หรืออนุภาคที่เล็กและไม่สามารถแยกย่อยได้อีกรวม 61 ประเภท

อนุภาคมูลฐานตาม Standard Model จะก่อให้อันตรกิริยามูลฐาน (Elementary Interaction) 4 รูปแบบ ได้แก่ อันตรกิริยาแบบเข้ม (Strong Interaction) แม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic) อันตรกิริยาแบบอ่อน (Weak Interaction) และความโน้มถ่วง (Gravitation)

หรือโดยพื้นฐานแล้ว Standard Model คือความพยายามในการนำเอาทฤษฎีทางฟิสิกส์ต่าง ๆ ที่หลายคนรู้จัก เช่น กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน ทฤษฎีโน้มถ่วงทั่วไปของไอน์สไตน์ (General Relativity: GR) แรงทางไฟฟ้า แรงแม่เหล็ก รวมไปถึงควอนตัมฟิสิกส์ มารวบรวมให้เป็นเนื้อเดียวกัน ภายใต้หลักการว่าทั้งหมดมาจากอนุภาคมูลฐานที่ทำอันตรกิริยาต่อกัน

จากทฤษฎี Higgs Boson สู่การพัฒนาเทคโนโลยีครั้งใหญ่ของโลก
ย้อนกลับไปในปี 1963 - 1964 Peter Higgs ได้เสนอการมีอยู่ของอนุภาคที่ภายหลังได้ชื่อว่า Higgs Boson ซึ่งถ้า Higgs Boson มีอยู่จริง จะสามารถอธิบายได้ว่าทำไมอนุภาคถึงมีมวล หรือทำไมโฟตอน (Photon) อนุภาคที่เป็นส่วนประกอบของอะตอม (Atom) หรืออนุภาคที่เล็กที่สุดตามหลักวิชาเคมี ถึงไม่มีมวล รวมถึงอธิบายกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับแม่เหล็กไฟฟ้า การสลายตัวทางนิวเคลียร์ เป็นต้น

ด้วยเหตุนี้ Higgs Boson จึงกลายเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่ผลักดันให้ เซิร์น (CERN: Conseil Européen pour la Recherche Nucléaire - European Organization for Nuclear Research) หนึ่งในหน่วยงานวิจัยด้านนิวเคลียร์และอนุภาคที่สำคัญที่สุดในโลก สร้าง LHC (Large Hadron Collider) เครื่องเร่งอนุภาคที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อพิสูจน์ว่า Higgs Boson มีอยู่จริง

และในปี 2012 การทดลองโดยเครื่อง LHC ก็สามารถสร้างอันตรกิริยาและบันทึกเหตุการณ์การทดลอง รวมถึงพลังงานจากอันตรกิริยาที่สอดคล้องกับทฤษฎีของ Peter Higgs ได้สำเร็จ หรือหมายความว่า Higgs Boson มีอยู่จริง ทำให้นักฟิสิกส์ทั่วโลกสามารถพัฒนาทฤษฎีการอธิบายธรรมชาติในทางที่สอดคล้องกับ Standard Model ได้มากขึ้น รวมถึงคำถามที่ว่ามนุษยชาติและเอกภพนี้เกิดขึ้นได้ด้วยเช่นกัน

โดย Peter Higgs ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ (Nobel Prize in Physics) ในปี 2013 หลังจากที่ LHC ค้นพบ Higgs Boson ได้ 1 ปีให้หลัง

Higgs Boson กับความหมายที่แท้จริงของ "อนุภาคพระเจ้า"
ทั้งนี้ Higgs Boson ได้รับการตั้งชื่อเล่นว่า อนุภาคพระเจ้า (The god particle) ในปี 1993 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างการจดจำโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ในการพยายามผลักดันการสร้างเครื่องเร่งอนุภาคแบบเดียวกับ LHC ในสหรัฐอเมริกา และเป็นชื่อที่สื่อทั่วโลกมักหยิบมาใช้ แต่ก็ได้รับการติติงจากเหล่านักวิทยาศาสตร์ว่าทำให้ผู้ที่ติดตามเข้าใจผิดทั้งในเชิงศาสนาและความสำคัญของเนื้อหา

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า Higgs Boson ได้พลิกวิธีที่นักฟิสิกส์มองเอกภพและธรรมชาติอย่างมาก เหมือนดั่ง "เทพ" ที่มาโปรดนักฟิสิกส์ในจังหวะที่ Standard Model ยังเป็นเพียงสิ่งที่ดูห่างไกลจากความเป็นไปได้ในตอนนั้น สู่เส้นทางการวิจัยที่สำคัญที่สุดเส้นทางหนึ่งของโลกในวันนี้

ข้อมูลจาก https://tnnthailand.com/news/tech/164443/
ภาพจาก CERN

#ฟิสิกส์ #จักรวาล #เอกภพ #วิทยาศาสตร์ #อังกฤษ #ทฤษฎี #วิจัย ่อง16 #ซิงเกิลอิมเมจ
————

10/04/2024

สุริยุปราคาเต็มดวง 8 เม.ย. 2567 จากเมือง Broken bow รัฐโอคลาโฮมา สหรัฐอเมริกา

ขอบคุณวิดีโอจาก
นายวิษณุ เอื้อชูเกียรติ
เหรัญญิกสมาคมดาราศาสตร์ไทย

08/04/2024

หลานสาวของประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์กล่าวว่าอาหารมังสวิรัติสามารถดึงดูดสิ่งมีชีวิตนอกโลกได้

เราได้ยินมาว่า "อาหารมังสวิรัติอาจดีต่อโลก" แต่สิ่งที่เรากินเข้าไปมีอิทธิพลต่อทั้งจักรวาลหรือไม่?

ลอร่า แม็กดาลีน ไอเซนฮาวร์ นักบำบัดทางจิตวิญญาณและผู้มีญาณทิพย์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นหลานสาวของประธานาธิบดีดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์ กล่าวว่าอาหารและเครื่องดื่มบนโลกใบนี้อาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงว่าเราเคยสัมผัสกับ “สิ่งมีชีวิตในท้องฟ้า” หรือไม่

ในการให้สัมภาษณ์กับVice Newsไอเซนฮาวร์อธิบายว่า “สิ่งมีชีวิตบนท้องฟ้า” สามารถเป็นอะไรก็ได้ตั้งแต่มนุษย์ต่างดาว ไปจนถึงยูเอฟโอ นางฟ้า มัคคุเทศก์ เอลฟ์ หรือแม้แต่เทวดา เนื่องจากผู้คนต่างกัน วิธีที่เรารับรู้ถึงชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์จึงแตกต่างกันไป

“เราต้องเข้าใจว่าเราเป็นสิ่งมีชีวิตหลายมิติ และตามความถี่ การรับรู้ และระดับการสั่นสะเทือนที่เราใช้ทำงาน เราจะเห็นสิ่งต่าง ๆ ไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นสามารถมองเห็นได้เสมอไป” ไอเซนฮาวร์อธิบาย

ผู้มีญาณทิพย์มืออาชีพกล่าวว่าเธอสนใจเสมอว่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนกับอาหารส่งผลต่อการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร อย่างไรก็ตาม ไอเซนยังดำเนินธุรกิจจัดส่งอาหารออร์แกนิกเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้กับผู้ที่อ่อนไหวต่อสารเคมีมากจนไม่สามารถออกจากบ้านได้

“สิ่งที่ค้นพบคือมีหลายปัจจัย เช่น ปฏิกิริยาทางอารมณ์ ร่างกาย และจิตใจของคุณ และเรากำลังได้รับผลกระทบจากทุกระดับ ไม่ใช่แค่การดูแลอาหารของคุณเท่านั้น” Eisenhowever กล่าว

Eisenhower กล่าวว่า ในบรรดาปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อความไวต่อรูปแบบชีวิตของมนุษย์ต่างดาวคืออาหารของคุณ แม้ว่าอาหารที่เลี้ยงตามอัตภาพอาจมี “พลังงานที่เป็นพิษ” ที่สามารถ “เชื่อมโยงกับระบบปัญญาประดิษฐ์” มังสวิรัติและมังสวิรัติผลิต “พลังงานที่สะอาดและบริสุทธิ์กว่า”

“เมื่อคุณจัดการกับการกินสัตว์ การประมวลผลในร่างกายของเรามีความหนาแน่นที่หนักกว่า” เธออธิบาย เมื่อเรากินผัก เราจะเบาลง จึงสามารถเชื่อมต่อกับสิ่งมีชีวิตที่สูงกว่าได้ง่ายขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องเป็นมังสวิรัติหรือวีแก้นเพื่อสัมผัสสิ่งมีชีวิตบนท้องฟ้า แต่มันเหมาะกับผู้คนมากกว่ามาก”

ไอเซนฮาวร์ไม่ได้ปฏิบัติตามอาหารมังสวิรัติอย่างเคร่งครัด ยอมรับว่ากินไข่ และแม้ว่าเธอไม่ชอบบอกคนอื่นว่าพวกเขากินอะไรได้และกินไม่ได้ แต่ไอเซนก็บอกว่าการให้พรมื้ออาหารของคุณเป็นสิ่งสำคัญไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะมันช่วยให้คุณให้เกียรติ “พลังงานศักดิ์สิทธิ์ของอาหาร” หากคุณต้องการเปิดใจเหมือนฝึกอ่านไพ่ยิปซี ดื่มน้ำอัลคาไลน์มาก ๆ ก็จะทำให้ระบบย่อยอาหารของคุณไหลเวียนดีขึ้น หรือลองใช้ขมิ้นและกินดิบๆถ้ามีโอกาส

ทฤษฎีของไอเซนฮาวร์อาจไม่ได้รับการพิสูจน์ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะสืบทอดมรดกจากปู่ทวดซึ่งเป็นประธานาธิบดีของเธอ

ในวงการทฤษฎีสมคบคิดของมนุษย์ต่างดาว มีข่าวลือว่าประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ลงนามในสนธิสัญญากับมนุษย์ต่างดาวในปี 1953

31/03/2024

ยานสลิม (SLIM) ยังไม่ตาย ! ตื่นจากจำศีลและส่งข้อมูลต่างๆ กลับมายังโลก

วันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ยานอวกาศสลิม (SLIM) ของญี่ปุ่นส่งภาพถ่ายล่าสุดบนพื้นผิวดวงจันทร์กลับมายังโลก ภายหลังจากยานรอดพ้นช่วงเวลากลางคืนอันหนาวเย็นบนพื้นผิวดวงจันทร์มาได้เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งอาจมีอุณหภูมิบนพื้นผิวติดลบได้มากถึง -130 องศาเซลเซียส โดยระยะเวลาบนดวงจันทร์ 1 วัน เทียบเท่ากับเวลาบนโลกประมาณ 14 วัน

ยานอวกาศสลิม (SLIM) หรือ Smart Lander for Investigating Moon ถูกส่งขึ้นจากโลกในช่วงเดือนกันยายนปี 2023 ก่อนลงจดบนดวงจันทร์ในวันที่ 19 มกราคม 2024 แม้จะเป็นการลงจอดแบบผิดท่าทางที่ได้มีการวางแผนเอาไว้ จนทำให้ตัวยานอยู่ในลักษณะหัวปักลงกับพื้น แต่ก็ยังส่งภาพถ่ายและข้อมูลกลับมายังโลกได้สำเร็จ ส่งผลให้ญี่ปุ่นกลายเป็นชาติที่ 5 ของโลกที่นำยานอวกาศลงจอดบนดวงจันทร์ได้สำเร็จต่อจาก สหภาพโซเวียต สหรัฐอเมริกา จีน และอินเดีย

ย้อนไปวันที่ 20 มกราคม ยานสลิม (SLIM) ได้รับคำสั่งให้เข้าสู่ภาวะจำศีล เพื่อรักษาพลังงานที่มีอยู่อย่างจำกัด รวมไปถึงตรวจสอบระบบต่างๆ ที่ได้รับความเสียหายจากการลงจอดที่ผิดท่าทาง

วันที่ 28 มกราคม ยานสลิม (SLIM) ตื่นขึ้นมาเป็นครั้งที่ 1 หลังการจำศีล และเริ่มส่งข้อมูลต่างๆ กลับมายังโลก ก่อนทีมงานจะส่งคำสั่งให้ยานจำศีลอีกครั้งในอีก 2-3 วันต่อมา เพื่อรับมือกับช่วงเวลากลางคืนบนดวงจันทร์

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ องค์การอวกาศญี่ปุ่นได้รับสัญญาณจากยานอวกาศสลิม (SLIM) ว่ายานสามารถรักษาระบบสื่อสารส่งสัญญาณเอาไว้ได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอุณหภูมิของระบบสื่อสารที่สูงผิดปกติทีมงานจึงยุติระบบการติดต่อสื่อเอาไว้ชั่วคราว

และในวันที่ 28 มีนาคม ยานอวกาศสลิม (SLIM) ได้ตื่นขึ้นมาเป็นครั้งที่ 2 หลังการจำศีล และส่งข้อมูลต่างๆ กลับมายังโลก โดยในครั้งนี้ยานได้ส่งข้อมูลภาพถ่ายภาพล่าสุดของพื้นผิวดวงจันทร์กลับมายังโลก

สำหรับภารกิจยานอวกาศสลิม (SLIM) ถูกยืนยันความสำเร็จโดยองค์การอวกาศญี่ปุ่น โดยยานอวกาศ SLIM ได้บรรลุวัตถุประสงค์หลัก คือ การลงจอดที่แม่นยำตรงตามที่กำหนดไว้ ยานสามารถส่งยานสำรวจขนาดเล็กอีก 2 ลำ คือ LEV-1 และ LEV-2 แยกตัวออกไปจากยานได้สำเร็จ เพื่อทำการเก็บข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ต่างๆ

ที่มาของข้อมูล https://www.space.com/japan-slim-moon-lander-survives-second-lunar-night

่อง16 #ซิงเกิลอิมเมจ

28/03/2024

The alien god who controlled all of Egypt

27/03/2024

สมอง คนเชื่อ "ทฤษฎีสมคบคิด" นั้นต่างจากคนทั่วไป และมี “ความต้องการอยู่เหนือผู้อื่น”
ตั้งแต่เรื่องโลกแบน การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และไดโนเสาร์ไม่ใช่เรื่องจริง ไปจนถึงความหวาดระแวงว่ากำลังถูก “องค์กรต่างประเทศ” ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมืองลักลอบสอดแนมและเก็บข้อมูลอยู่
ปรากฎการณ์เหล่านี้ทำให้เราเห็นได้ว่า "ทฤษฎีสมคบคิด" หรือแนวคิดความเชื่อที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่เรื่องจริงนั้นแพร่หลายได้ง่ายขนาดไหน โดยมีผู้คนกลุ่มหนึ่งที่พร้อมจะเชื่ออยู่เสมอ
ผู้คนที่เชื่อในทฤษฏีสมคบคิดนั้นมีแนวโน้มที่จะมีความไม่มั่นคงทางอารมณ์ หวาดระแวงในระดับสูง อารมณ์แปรปรวน หุนหันพลันแล่น ขี้สงสัย เก็บตัว
ชอบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง มีความต้องการที่จะต่อต้านกับผู้อื่นมากกว่าปกติ รวมไปถึงความต้องการที่จะอยู่เหนือผู้อื่น
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีงานวิจัยจำนวนกว่า 170 ชิ้นที่สำรวจผู้คนมากกว่า 158,000 ในประเทศต่าง ๆ ได้ศึกษาว่าเหตุใดคนบางคนถึงเชื่อในแนวคิดที่ไม่มีมูลความจริงอยู่
โดยชี้ให้เห็นว่าผู้ที่เชื่อในทฤษฏีสมคบคิด ไม่จำเป็นต้องมีความผิดปกติทางจิตเวช
[อ่านต่อที่ https://ngthai.com/science/62948/the-brains-of-conspiracy ]
#ทฤษฎีสมคบคิด #เหนือกว่า #โลกแบน