กาคาบข่าว ออนไลน์

21/08/2024

รรท.รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่สมุทรสาคร หารือแนวทางป้องกันค้ามนุษย์ภาคประมง หวังยกระดับไทยขึ้น TIER1
วันที่ 21 ส.ค. 2567 พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทน รอง ผบ.ตร. ผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการป้องกันการค้ามนุษย์รูปแบบแรงงานประมงในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ร่วมกับหน่วยราชการและผู้ประกอบการประมงในพื้นที่ เพื่อยกระดับให้ประเทศไทยอยู่ในระดับ TIER1 โดยมี พล.ต.ท.สรไกร พูลเพิ่ม ที่ปรึกษาศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ต.พิพัฒน์ ชุ่มมณีกูล รอง ผบช.ภ.7, พต.ต.ต.สุระพรรณ นาทวรทัต ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร, พร้อมด้วยคณะทำงาน ปลัดจังหวัดสมุทรสาคร นาก อบจ.สมุทรสาคร สมาคมประมงแห่งประเทศไทย หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการประมงในพื้นที่ เข้าร่วม ณ ห้องประชุมสาครบุรี ชั้น 4 องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร
พล.ต.ท. ประจวบ วงศ์สุข กล่าวว่า ด้วยปัจจุบันประเทศไทยเผชิญกับปัญหาการค้ามนุษย์หลายรูปแบบ ทั้งการค้าประเวณี การหลอกลวงไปทำงาน การนำคนไปขอทาน การผลิตสื่อลามกอนาจาร การละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ต ตลอดจนการบังคับใช้แรงงานในภาคประมง โดยรัฐบาลได้ยกระดับปัญหาการค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ ที่ทุกหน่วยราชการภาคเอกชน และประชาชน ต้องร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา เพื่อให้ประเทศไทยอยู่ในระดับ TIER 1 ให้ได้ ซึ่งจะส่งผลดีทั้งด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศในภาพรวม
โดยในวันนี้ได้มาประชุมที่จังหวัดสมุทรสาคร เพราะเป็นจังหวัดที่มีการใช้แรงงานต่างด้าวจำนวนมากในอุตสาหกรรมการประมง เพื่อมารับทราบสถานการณ์ มาตรการป้องกัน และข้อเสนอแนะ จากหน่วยงานราชการและผู้ประกอบการประมงในพื้นที่ เพื่อจะได้ร่วมกันปฏิบัติให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป
หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานราชการ ได้ลงเรือตำรวจน้ำที่ท่าเรือเทศบาลเมืองสมุทรสาคร เดินทางไปตรวจแรงงานยังท่าเทียบเรือองค์การสะพานปลา เพื่อตรวจความเป็นอยู่และบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะของทางการสหรัฐอเมริกา เพื่อยกระดับให้ประเทศไทยไปสู่ TIER1 ต่อไป

21/08/2024

ทางหลวงชนบท เปิดรับฟังความเห็น โครงการศึกษาความเหมาะสมโครงข่ายทาง แก้ปัญหาจราจร อ.เมืองสมุทรสาคร
วันที่ 21 ส.ค.67 ที่ห้องประชุมแกรนด์นรสิงห์ โรงแรมแกรนด์อินเตอร์ ต.โคกขาม อ.เมืองสมุทรสาคร นายชัยวัฒน์ ตุนทกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 โครงการศึกษาความเหมาะสมโครงข่ายทางเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรในพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร เพื่อนำเสนอรูปแบบการสร้างทางลัด ทางเชื่อม พัฒนาเส้นทาง ผังเมือง เส้นทางขนส่งคมนาคม แก้ไขปัญหาจราจรบริเวณจุดตัดทางแยก จุดเสี่ยง อันตรายต่างๆ ให้ทุกฝ่ายได้ร่วมพิจารณาและร่วมเสนอความคิดเห็นต่างๆ โดยมี สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดสมุทรสาคร นายก อบจ.สมุทรสาคร นายกเทศมนตรีนครสมุทรสาคร ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชน ผู้สนใจโครงการ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนมาก
ดร.แก่นวิทย์ วงศ์ชูศิริ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทสมุทรสาคร กล่าวว่า ปัจจุบันอำเภอเมืองสมุทรสาคร มีการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ ภาคการเกษตรกรรม อุดสาหกรรมและการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มสูงขึ้นในอนาคต เป็นเหตุทำให้เขตชุมชนเมือง ที่เป็นย่านการค้าและที่พักอาศัย เกิดการขยายตัวเพิ่มขึ้น และเกิดปัญหาการจราจรติดขัดหลายแห่ง สาเหตุจากเส้นทางคมนาคมขนส่งที่มีอยู่รองรับไม่เพียงพอ ทำให้เกิดความไม่สะดวกและความล่าช้าในการเดินทาง คณะกรรมาธิการคมนาคม คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดสมุทรสาคร หรือ กรอ.สมุทรสาคร หอการค้าสมุทรสาคร และหน่วยงานต่างๆ ภายในจังหวัดสมุทรสาคร ได้เล็งเห็นปัญหาดังกล่าว จึงมอบหมายให้กรมทางหลวงชนบท ดำเนินการแก้ไขปัญหาจราจร ด้วยการสร้างทางลัด ทางเชื่อม พัฒนาเส้นทางผังเมือง เส้นทางขนส่งคมนาคม แก้ไขปัญหาจราจรบริเวณจุดดัดทางแยก จุดเสี่ยงอันตรายต่างๆ
สำหรับการศึกษาความเหมาะสมโครงข่ายทางเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรในเขตอำเภอเมืองสมุทรสาคร ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์หลักในการศึกษาและคัดเลือกแนวสายทางและรูปแบบโครงการที่เหมาะสม ศึกษาผลกระทบด้านสังคม การใช้ประโยชน์ที่ดินและสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น และเพื่อประชาสัมพันธ์โครงการ รับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่มีส่วนได้เสียต่อการดำเนินโครงการ เพื่อออกแบบเชิงหลักการ และประมาณราคาเบื้องต้น รวมทั้งเพื่อศึกษาและวิเคราะห์ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจและการลงทุนของโครงการ เพื่อนำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ที่เกี่ยวข้องมาปรับปรุงในโครงการศึกษาฯ ให้มีความสมบูรณ์และนำไปใช้ประโยชน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป

21/08/2024

อบจ.สมุทรสาคร ส่งเสริมเครือข่ายด้านสาธารณสุข เฝ้าระวังและป้องกันโรคติดต่อ
วันที่ 21 ส.ค.67 ที่ห้องประชุมภัตตาคารนิวรสทิพย์ ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ นายก อบจ.สมุทรสาคร เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมสุขภาพร่างกายและเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคติดต่อ โรคระบาดและกาวะฉุกเฉินเกี่ยวกับการสาธารณสุข ประจำปิงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมี คณะผู้บริหาร สมาชิกสภา อบจ.สมุทรสาคร หัวหน้าส่วนราชการ เครือข่ายด้านสาธารณสุข และผู้เข้ารับการอบรม เข้าร่วม
เนื่องด้วยจังหวัดสมุทรสาคร เป็นแหล่งโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งมีทั้งประชากรที่อยู่อาศัยจริง จำนวน 591,255คน ประชากรแฝง จำนวน 305,302 คน และแรงงานต่างด้าว จำนวน 334,295 คน เมื่อเกิดการระบาดของโรคติดต่อต่างๆ ทำให้มีโอกาสเกิดความรุนแรง และแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว เหมือนเมื่อครั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้เกิดผลกระทบมากมายต่อพี่น้องประชาชนในจังหวัด
องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ได้ตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญ
ของการส่งเสริมสุขภาพและเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค จึงได้จัดโครงการฯ
เพื่อป้องกันและลดความรุนแรงหากเกิดการระบาดของโรคในอนาคต โดยมีผู้เข้ารับการอบรมฯ จำนวนทั้งสิ้น 90 คน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถดำเนินการป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดต่อต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร รวมทั้งสามารถให้บริการงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ

20/08/2024

จังหวัดสมุทรสาคร ขอเชิญเที่ยวงาน
สมุทรสาคร EXPO 2024
ณ ลานกิจกรรม เซ็นทรัลมหาชัย
ระหว่าง วันที่ 26 ส.ค.- 1 ก.ย.67
พบบูธสินค้ากว่า 200 บูธ
จากผู้ประกอบการอุตสาหกรรม
สินค้า SME และสินค้า OTOP
เลือกซื้อสินค้าราคาถูก สินค้าส่งออก
อาหารทะเลแปรรูป สินค้ามากมายจากโรงงาน
เพลิดเพลินกับศิลปินนักร้องชื่อดัง
และอาหารอร่อยๆภายในงาน
ห้ามพลาด เด็ดขาด !!

20/08/2024

ผู้ว่าฯเปิดอบรมหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์เครือข่ายความมั่นคงระดับผู้บริหารจังหวัด รุ่นที่ 1
วันที่ 20 ส.ค.67 ที่ห้องธนภาคิน โรงแรมเซ็นทรัลเพลส ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานเปิดการอบรมหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์เครือข่ายความมั่นคงระดับผู้บริหาร รุ่นที่ 1 โดยมี พันเอกธารา เจนตลอด รอง ผอ.รมน.จังหวัดสมุทรสาคร นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ นายก อบจ.สมุทรสาคร หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารองค์กรภาคเอกชน ผู้ประกอบการในจังหวัด คณะชุดตรวจ สมท.กอ.รมน. และสื่อมวลชน เข้าร่วม
พันเอกหญิงณัฏฐ์ภัทร์ตา สงเคราะห์ราษฎร์ หัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานบุคคล กล่าวว่า กอ.รมน.จังหวัดสมุทรสาคร ดำเนินการจัดการอบรมหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์เครือข่ายความมั่นคงระดับผู้บริหารจังหวัดสมุทรสาคร รุ่นที่ 1 ระหว่างวันที่ 20 ,22 ,27 สิงหาคม วันที่ 3 และ 5 กันยายน 2567 ผู้เข้ารับการอบรมประกอบด้วย ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าของธุรกิจในภาคเอกชน และสื่อมวลชน จำนวน 80 คน
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาความสัมพันธ์อันดีกับผู้นำองค์กรของทุกภาคส่วน และให้ผู้เจ้ารับการอบรมมีความตระหนักรู้ ในความสำคัญของสถาบันหลักของชาติ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การสร้างความรักความความสามัคคีของคนในชาติ รวมทั้งเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ ในต้านการรักษาความมั่นคงภายในราชอามาจักร เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีส่วนร่วมในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยใช้กลไกการแก้ปัญหาแบบบูรณาการของทุกภาคส่วน
ด้าน นายผล ดำธรรม กล่าวว่า การศึกษาอบรมหลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์เครือข่ายความมั่นคงระดับผู้บริหารจังหวัดสมุทรสาคร รุ่นที่ 1 ผู้เข้ารับการอบรมจะได้ความรู้ความเข้าใจ ยุทธศาสตร์ชาติด้านความมั่นคง สถานการณ์ภัยคุกคามด้านความมั่นคง ในรูปแบบต่าง ๆ บทบาทและหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ศาสตร์พระราชา และปรัชญาของเศรษฐกิจ รวมทั้งการพัฒนาสัมพันธ์เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือของผู้นำองค์กรทุกภาคส่วน ในการเตรียมความพร้อมและรับมือกับภัยคุกคามและภัยด้านความมั่นคงในทุกมิติ

19/08/2024

ประมงสมุทรสาคร “ลงแขกลงคลอง “ กำจัดปลาหมอคางดำ 21 สิงหาคม 2567
🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟 🐟🐟🐟
19 สิงหาคม 2567 ณ สำนักงานประมงจังหวัดสมุทรสาคร อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร
🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟 🐟🐟🐟
นายเผดิม รอดอินทร์ ประมงจังหวัดสมุทรสาคร เผยว่าได้รับแจ้งจากพี่น้องประชาชนว่าในพื้นที่ว่าพบปลาหมอคางดำอาศัยอยู่บริเวณประตูระบายน้ำหน้าวัดบางน้ำวน อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร จำนวนมากต้องการให้สำนักงานประมงจังหวัดไปจับ หลังได้รับแจ้งสำนักงานประมงจังหวัดสมุทรสาครได้หารือกับ FC สมุทรสาคร พันธมิตร ทั่งภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงกำหนดวัน “ลงแขกลงคลอง” ณ ประตูระบายน้ำหน้าวัดบางน้ำวน อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ในวันที่ 21 สิงหาคม 2567 เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป และขอเชิญชวนทุกท่านไปช่วยกัน “ลงแขกลงคลอง” ช่วยกันจับปลาหมอคางดำในวันดังกล่าว

ภายในงานท่านจะได้พบกับกิจกรรมมากมาย เช่น
- ร่วมลงแขกลงคลองช่วยกันจับปลาหมอคางดำด้วยวิธีต่างๆ ด้วยเครื่องมือตามแต่ที่ทุกท่านถนัด
- ชมและชิมการสาธิตเมนูอาหารที่ทำจากปลาหมอคางดำ
- รับอาหารทำจากปลาหมอคางดำกลับไปฝากคนที่คุณรักให้ได้ลองชิม
- ร่วมปล่อยปลานักล่า 5,000 ตัว เพื่อคุมพื้นที่ไม่ให้ปลาหมอคางดำระบาด
- สัมผัสคนดัง นักล่าปลาหมอคางดำ และคนดังอื่นๆ อีกหลายท่านที่จะมาร่วมงาน
- กิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย รับรองท่านต้องชอบแน่นอน

ท้ายที่สุดนี้ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน หน่วยงานต่างๆ ช่วยกันรณรงค์และทำกิจกรรมกำจัดปลาหมอคางดำในพื้นที่พบการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในทุกพื้นที่เพื่อเร่งกำจัดปลาหมอคางดำให้หมดไปคืนความสมดุลให้กับระบบนิเวศบ้านเรา ส่งต่อให้ลูกหลานอย่างยังยืนสืบไป

🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟 🐟🐟🐟
#นายเผดิม รอดอินทร์
#ประมงจังหวัดสมุทรสาคร
#ลงแขกลงคลอง
#กำจัดปลาหมอคางดำ
#ปลาหมอคางดำ

18/08/2024

ขอเชิญเที่ยวงาน สมุทรสาคร EXPO 2024
ระหว่างวันที่ 26 ส.ค.- 1 ก.ย.67
ณ ลานกิจกรรม เซ็นทรัลมหาชัย
เวลา 14:00น-21:00น
#สมุทรสาคร #ลานหน้าศูนย์ #เซ็นทรัลมหาชัย

18/08/2024

สลด..แม่ลูกถูกยิงเสียชีวิตคาบ้าน หลาน 2 ขวบโดนลูกหลงเจ็บ
สองแม่ลูกถูกยิงตายคาบ้านริมบ่อเลี้ยงกุ้ง หลาน 2 ขวบโดนลูกหลง ก่อนเสียชีวิตแม่ได้ต่อว่าหลานและเพื่อนหลาน ที่เข้ามายิงปืนในบ่อเลี้ยงกุ้ง เพื่อนหลานโมโหถูกต่อว่า เอาปืนจ่อหัวแม่ จนต้องไปแจ้งความ ก่อนมีการโทรมาเคลียให้ถอนแจ้งความ ตกตอนค่ำพบถูกยิงเสียชีวิต
วันที่ 17 ส.ค.67 เวลาประมาณ 20.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.ท. ศุภชัย เมตตามิตรพงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.บางโทรัด พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และแพทย์ชันสูตร ได้ร่วมตรวจสอบเหตุฆาตกรรม ที่บริเวณบ้านไม่มีเลขที่ ริมบ่อกุ้ง ม.2 ต.บางโทรัด อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นแม่ลูกกัน ทราบชื่อคือ นางบุปผา อายุ 62 ปี (แม่) และ น.ส.อริษรา อายุ 22 ปี (ลูก) นอกจากนี้ยังมี เด็กหญิงอายุ 2 ปี ลูกสาวของนางอริษราฯ ถูกลูกหลงกระสุนเฉี่ยวเข้าร่างกายได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลสมุทรสาคร
เจ้าหน้าที่ได้ชันสูตรพลิกศพและตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่า นางบุปผาฯ ถูกคมกระสุนรวม 4 นัด ที่บริเวณ หน้าอก ไหปลาร้า ใต้ราวนม และจมูก ส่วน นางอริษราฯ ถูกคมกระสุน 3 นัด ที่บริเวณด้านหลังศีรษะ ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.ตกอยู่จำนวนหนึ่ง
สอบถาม น.ส.จุฑามาศ อายุ 35 ปี ลูกสาวคนโตของผู้ตาย เล่าว่า ทั้งแม่และน้องสาวไม่เคยมีเรื่องหรือมีปัญหากับใคร โดยพ่อและแม่เช่าที่ดินบริเวณนี้เพื่อเอาไว้ทำบ่อเลี้ยงกุ้งมานานเป็น 10 ปีแล้ว ช่วงกลางวันก่อนเกิดเหตุ ตนเองได้พาแม่ไปแจ้งความที่ สภ.บางโทรัด เนื่องจากหลานชาย (ลูกพี่สาวแม่) และเพื่อนหลาน ได้เข้ามายิงปืนเล่นภายในบ่อเลี้ยงกุ้ง แม่ของตนจึงได้ว่ากล่าวตักเตือน เนื่องจากที่บ้านมีเด็กเล็กเกรงจะเกิดเหตุอันตราย ทำให้เพื่อนของหลานชายไม่พอใจ เอาปืนมาจ่อที่หน้าอกและศีรษะของแม่ ทำให้เกิดความหวาดกลัวจึงได้ไปแจ้งความ ต่อมาญาติทางฝั่งแม่ได้โทรมาเคลียขอให้ถอนแจ้งความ แต่แม่ไม่ยอมถอนแจ้งความ
น.ส.จุฑามาศ ทองอำไพ เล่าอีกว่า กระทั่งช่วงค่ำประมาณ 19.00 น. พ่อของตนเอง (นายบุญมา) ซึ่งอยู่ในบ้านอีกหลังใกล้ๆกันได้ยินเสียงปืน จึงได้เดินดูมาพบแม่และน้องสาวถูกยิงเสียชีวิตจึงได้โทรแจ้งตำรวจ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ พร้อมสอบพยานแวดล้อม เพื่อเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

17/08/2024

>> 🎁 ดีลเด็ด Exclusive Deal 🎁 เริ่มเพียง 1.2x ล้าน* เริ่มเพียง 1.2x ล้าน*

17/08/2024

ประมงสมุทรสาครสรุปผลการกำจัดปลาหมอคางดำ ประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2567
🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟 🐟🐟🐟
16 สิงหาคม 2567 ณ สำนักงานประมงจังหวัดสมุทรสาคร อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร
🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟 🐟🐟🐟
นายเผดิม รอดอินทร์ ประมงจังหวัดสมุทรสาคร เผยถึงความสำเร็จในการกำจัดปลาหมอคางดำที่จังหวัดสมุทรสาครดำเนินการ โดยพิจารณาได้จากข้อมูลน้ำหนักปลาหมอคางดำที่ชาวประมง เกษตรกรและประชาชนช่วยกันกำจัดและนำมาจำหน่ายให้กับแพในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ณ วันที่ 16 สิงหาคม 2567 มียอดน้ำหนักทั้งหมด จำนวน 940,443 กิโลกรัม มีรายละเอียดดังนี้
1. น้ำหนักปลาหมอคางดำที่กำจัดได้ในระหว่างวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ถึง 31 กรกฎาคม 2567 รวมจำนวน 616,810 กิโลกรัม

2. น้ำหนักปลาหมอคางดำที่กำจัดได้ในระหว่างวันที่ 1 ถึง 16 สิงหาคม 2567 รวมจำนวน 323,633 กิโลกรัม

3. น้ำหนักปลาหมอคางดำที่กำจัดได้ในวันที่ 16 สิงหาคม 2567 จำนวน 46,679 กิโลกรัม

ทั้งนี้ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำในจังหวัดสมุทรสาคร โดยนายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ประธานคณะกรรมการ ได้มอบหมายให้สำนักงานประมงจังหวัดสมุทรสาครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ดำเนินการตามมาตรการ 5 มาตรการ ตามที่คณะกรรมการกำหนดอย่างต่อเนื่อง เพื่อกำจัดปลาหมอคางดำออกจากระบบนิเวศเพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศในจังหวัดสมุทรสาครต่อไป

🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟 🐟🐟🐟
📡ติดตามข่าวสารประมงจังหวัดสมุทรสาคร https://www.facebook.com/fpo.samutsakhon?mibextid=LQQJ4d
🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟 🐟🐟🐟
เพลงปลาหมอคางดำ https://youtu.be/yW3FagRypVc?si=mInge0edkKMH-kLC
🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟 🐟🐟🐟
#นายเผดิมรอดอินทร์
#ประมงจังหวัดสมุทรสาคร
#กรมประมง
#ปลาหมอคางดำ
#เจอ #แจ้ง #จับ #จบ

16/08/2024

ตม.สมุทรสาคร ทลายโกดังทุนจีนปลอมเครื่องสำอางแบรนด์ดัง มูลค่ากว่า 4 ล้าน
#สมุทรสาคร #ตรวจคนเข้าเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท…

16/08/2024

ตม.สมุทรสาคร ทลายโกดังทุนจีนปลอมเครื่องสำอางแบรนด์ดัง มูลค่ากว่า 4 ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3,พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3 พ.ต.อ.ปกฉัตร ชัยสุกวัฒน์ ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร, พ.ต.ท. ปิยะพงษ์ องอาจ รอง ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร ,กก.สส.บก.ตม.3, สภ.เมืองสมุทรสาคร,เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร, สำนักงานจัดหางานจังหวัดสมุทรสาคร และฝ่ายปกครองอำเภอเมืองสมุทรสาคร ร่วมแถลงผลการปฏิบัติการกรณี ทลายโกดังทุนจีนขายเครื่องสำอางปลอม และเครื่องสำอางเถื่อน โดยขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ตรวจยึดของกลาง 8 รายการ จำนวนกว่า 6,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดเผยว่า ก่อนการจับกุมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากสายลับว่าที่โกดัง เลขที่ 137 หมู่ที่ 8 ต.ท่าทราย อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร มีคนต่างด้าวสัญชาติจีนลักลอบทำงานขายสินค้าประเภทเครื่องสำอางที่ผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้สั่งการให้เข้าทำการตรวจสอบ
ต่อมาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้เข้าตรวจสอบ พบคนต่างด้าวสัญชาติจีน จำนวน 5 คน กำลังนั่งทำงาน แพ็คของ ยกของ เรียงสินค้า อยู่ภายในโกดัง โดยมี นางยูฯ (สงวนนามสกุล) สัญชาติจีน แสดงตัวเป็นผู้ดูแลโกดัง และพบว่าโกดังดังกล่าวเป็นสถานที่จัดเก็บและกระจายสินค้าซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีเลขที่จดแจ้ง และไม่แสดงฉลากภาษาไทย จึงได้ตรวจยึดและอายัดของกลางรวม 8 รายการ จำนวน 6,000 ชิ้น มูลค่า 3,739,300 บาท โดยเป็นเครื่องสำอางต้องสงสัยว่าเป็นเครื่องสำอางปลอมและเป็นเครื่องสำอางไม่มีเลขที่ใบรับจดแจ้ง และเครื่องสำอางไม่แสดงฉลากภาษาไทย จำนวน 8 รายการ
จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า โกดังเก็บสินค้าดังกล่าว มีการบริหารจัดการในลักษณะ “เก็บ แพ็ค ส่ง” หรือ Fulfillment โดย พนักงาน แจ้งว่า สถานที่ดังกล่าวเป็นโกดังกระจายสินค้า โดยกลุ่มนายทุนชาวจีนดังกล่าวจะเปิดร้านค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อใช้โฆษณาสินค้าเป็นจำนวนมาก เพื่อกระจายการโฆษณา จากนั้นจะส่งออเดอร์-ที่อยู่การจัดส่งผ่านระบบโปรแกรมบริหารคลังสินค้า แล้วให้พนักงานทำการแพ็คบรรจุ และส่งให้กับลูกค้าชาวไทย โดยมียอดการส่งสินค้ากว่า 1,000 ชิ้น/วัน
พ.ต.อ.ปกฉัตร ชัยสุกวัฒน์ ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร ได้เตือนให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทางสื่อออนไลน์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีราคาถูกกว่าปกติ หรือโฆษณาโปรโมชั่นการตลาดที่ราคาลดลงจนไม่น่าเป็นไปได้ และขอเรียนให้ประชาชนทราบว่า ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสมุทรสาคร มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสมุทรสาคร โทร 034-867666

16/08/2024

กรมทางหลวง จัดปฐมนิเทศโครงการสร้างทางคู่ขนาน 14.5 ก.ม. ช่วง บ.วังน้ำวน - บ.นาโคก
วันที่ 16 สิงหาคม 2567 กรมทางหลวงจัดประชุมปฐมนิเทศโครงการ (สัมมนา ครั้งที่ 1) โครงการจ้างวิศวกรที่ปรึกษาสำรวจและออกแบบปรับปรุงและแก้ไขปัญหาการจราจร บนทางหลวงหมายเลข 35 ตอน บ.วังน้ำวน - บ.นาโคก หรือการสร้างทางคู่ขนานระยะ 14.5 กิโลเมตร โดยมี นายชัยวัฒน์ ตุนทกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานเปิดการประชุม พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เข้าร่วมจำนวนมาก
ปัจจุบันทางหลวงหมายเลข 35 ที่พาดผ่านจังหวัดสมุทรสาคร ช่วงกิโลเมตรที่ 39+300 ถึง กิโลเมตรที่ 53+870 หรือบริเวณดูโฮมถึงด่านชั่งน้ำหนักนาโคก ในบางช่วงยังไม่มีทางคู่ขนาน เกิดปัญหาการจราจรติดขัด โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วนและช่วงเทศกาลต่าง ๆ เนื่องจากสองข้างทางมีชุมชน โรงงาน และสถานประกอบการ หนาแน่น ส่งผลให้มีรถบรรทุกขนาดใหญ่เดินทางขนส่งสินค้าผ่านถนนสายนี้อย่างไม่ขาดสาย
การประชุมปฐมนิเทศโครงการครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโครงการ ความเป็นมา วัตถุประสงค์ของการศึกษา ขอบเขตการศึกษา การตรวจสอบข้อจำกัดและเงื่อนไขด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปพิจารณาประกอบการศึกษาให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ต่อไป

16/08/2024

ทสจ.สมุทรสาคร อบรมนักเรียนปลูกผังแนวคิดลดโลกร้อน
#สมุทรสาคร #ลดโลกร้อน #คุ้งน้ำรีสอร์ท

วันที่ 16 สิงหาคม 2567 สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแ…

16/08/2024

ทสจ.สมุทรสาคร อบรมนักเรียนปลูกผังแนวคิดลดโลกร้อน
วันที่ 16 สิงหาคม 2567 สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสาคร จัดกิจกรรม “เยาวชนสมุทรสาคร รักษ์สิ่งแวดล้อม ลดโลกร้อน” โดยมี นายวัฒนา พรประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานเปิดกิจกรรม พร้อมด้วย นางสุภาพ ศรีจันทร์ ผู้อำนวยการส่วนสิ่งแวดล้อมฯ คณะครู นักเรียน จาก 10 โรงเรียน และผู้เกี่ยวข้อง จำนวน 100 คน เข้าร่วม ณ บ้านคุ้งน้ำรีสอร์ท ต.บ้านบ่อ อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร
การจัดกิจกรรม เยาวชนสมุทรสาคร รักษ์สิ่งแวดล้อม ลดโลกร้อน มีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการลดก๊าซเรือนกระจก ส่งเสริมและสร้างความตระหนักให้เยาวชน ได้มีส่วนร่วมในการลดก๊าซเรือนกระจกและเตรียมพร้อมรับมือจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
โดยมีกิจกรรมการบรรยายให้ความรู้ภาคทฤษฏี การเรียนรู้และฝึกปฏิบัติผ่านฐานเรียนรู้ 3 ฐาน ประกอบด้วย ฐานจัดการขยะเพื่อลดโลกร้อน ฐานอนุรักษ์และเฝ้าระวังคุณภาพน้ำ และฐานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จากนั้นเป็นการแบ่งกลุ่มระดมความคิดเห็นพร้อมนำเสนอแผนลดปัญหาสิ่งแวดล้อม/ลดก๊าซเรือนกระจก โดยวิทยากรจากมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต สถาบันเทคโนโลยีแห่งสุวรรณภูมิ และศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน
นายวัฒนา พรประเสริฐ กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้เป็นกิจกรรมที่ดีและมีประโยชน์ต่อนักเรียน ที่จะได้รับความรู้ทั้งในภาคทฤษฏี รวมถึงจะได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมและฝึกปฏิบัติจากฐานเรียนรู้ทั้ง 3 ฐาน ที่เก็บเกี่ยวองค์ความรู้ในเรื่องที่มีความสำคัญระดับโลก และเมื่อนักเรียนกลับไปที่โรงเรียน ที่บ้าน หรือในชุมชนแล้ว ก็จะนำความรู้ที่ได้จากกิจกรรม ไปประยุกต์ใช้และบอกต่อคนใกล้ชิด ให้ช่วยกันในการดูแล ปกป้อง และรักษาสิ่งแวดล้อมต่อไป

15/08/2024

ทำแผนหึงโหดรัว 5 นัด ดับหนุ่มใหญ่คาลานจอดรถวัดโกรกกรากใน
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 ส.ค.67 เวลาประมาณ 21.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.เมืองสมุทรสาคร ว่ามีเหตุคนถูกอาวุธปืนยิงเสียชีวิตที่บริเวณหน้าวัดโกรกกรากใน ม.3 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบนายชวัล อายุ 40 ปี ถูกยิงเสียชีวิตอยู่ภายในรถยนต์กระบะยี่ห้อ Mitsubishi รุ่น TRITON สีเทา จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด .22 LR จำนวน 5 ปลอก ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงได้ร่วมกันสืบสวนเพื่อหาตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ระหว่างสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุ นายภัทรพล อายุ 33 ปี ได้เดินทางเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร และได้แจ้งว่าเป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายชวัล เสียชีวิตที่บริเวณหน้าวัดโกรกกรากใน เนื่องจากหึงหวงที่นายชวัลฯมาติดพันภรรยาของนายภัทรพลฯ พร้อมนำ อาวุธปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด .22 LR ยี่ห้อTAURUS สีดำ จำนวน 1 กระบอก ซองบรรจุกระสุน จำนวน 1 อัน และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ YAMAHA รุ่น Grand Filano สีน้ำเงิน จำนวน 1 คัน มามอบให้ เจ้าหน้าที่
ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึดไว้ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมตัวนายภัทรพลฯ ในความผิดฐาน "ฆ่าผู้อื่น ,มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ,พาอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่มีเหตุอันควร" พร้อมทั้งแจ้งสิทธิของผู้ต้องหาให้นายภัทรพลฯ ทราบ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ล่าสุดวันนี้ 15 ส.ค.67 พ.ต.อ.ธีระเดช อธิภัคกุล รอง ผบก.ภ.จว. สมุทรสาคร พร้อมด้วย พ.ต.อ.พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้นำตัวผู้ต้องหามาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ทั้งนี้นายภัทรพล กล่าวกับสื่อมวลชนว่า รู้สึกผิดที่ทำแบบนี้ แต่ได้มีการเตือนผู้ตายหลายครั้งแล้วว่าไม่ให้มายุ่งกับแฟนของตน ซึ่งผู้ตายชอบที่จะมาพัวพันกับแฟนของตนเอง ทั้งแฟนคนเก่าและแฟนคนใหม่ ส่วนวันเกิดเหตุได้มีการนัดมาพูดคุยกันกับคนตายที่บริเวณจุดเกิดเหตุ เนื่องเป็นละแวกบ้านของตน ซึ่งขณะกำลังพูดคุยกันนั้น ผู้ตายได้ใช้คำพูดที่ว่า แล้วมึงจะทำไม ทำให้ตนเองเหลืออดจึงได้ใช้ปืนยิงผู้ตาย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกเสียใจหรือไม่ นายภัทรพลไม่ตอบ พูดแต่เพียงว่าเสียเวลามากกว่า ที่ต้องเข้าไปอยู่ในคุก ซึ่งนายภัทรพล เคยมีประวัติติดคุกในข้อหายาเสพติดและเพิ่งจะพ้นโทษออกมาได้เพียงไม่นาน

15/08/2024

ขอเชิญเที่ยวงาน สมุทรสาคร EXPO 2024
ระหว่างวันที่ 26 ส.ค.- 1 ก.ย.67
ณ ลานกิจกรรม เซ็นทรัลมหาชัย
#สมุทรสาคร #เซ็นทรัลมหาชัย

15/08/2024

อบจ.สมุทรสาคร ผ่านร่างงบประมาณรายจ่ายปี 68 หนึ่งพันหนึ่งร้อยล้าน
วันที่ 14 ส.ค.67 ที่ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร นายฐิติพงษ์ เตละวาณิชย์ ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานการประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร สมัยสามัญ สมัยที่ 2 ครั้งที่ 1 ประจำปี 2567 โดยมี นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร สมาชิกฯ หัวส่วนราชการในสังกัด อบจ.สมุทรสาคร และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ซึ่งมีญัตติที่สำคัญคือการเสนอร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568
ทั้งนี้คณะผู้บริหารฯได้ชี้แจงถึงสถานะการคลัง ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด ต่อประธานสภาฯและสมาชิก โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ณ วันที่ 30 มิ.ย.67 อบจ.สมุทรสาคร มีเงินฝากธนาคาร 4,412,328,131.54 บาท (สี่พันสี่ร้อยสิบสองล้านสามแสนสองหมื่นแปดพันหนึ่งร้อยสามสิบเอ็ดบาท ห้าสิบสี่สตางค์) เงินสะสมจำนวน 3,429,041,275.41 บาท (สามพันสองร้อยสี่สิบเก้าล้านสี่หมื่นหนึ่งพันสองร้อยเจ็ดสิบห้าบาท สี่สิบเอ็ดสตางค์​)
ในปีงบประมาณ พ.ศ.2568 องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ได้ประมาณการรายรับ จำนวน 1,100,000,000 บาท เพื่อนำไปตั้งจ่ายสำหรับดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และภารกิจถ่ายโอน โดยแยกเป็นแผนงานดังนี้ แผนงานบริหารงานทั่วไป 153,785,200 บาท แผนงานการรักษาความสงบภายใน 2,180,000 บาท แผนงานการศึกษา 207,544,400 บาท แผนงานสาธารณสุข 175,223,700 บาท แผนงานสังคมสงเคราะห์ 5,000,000 บาท
แผนงานเคหะและชุมชน 1,700,000 บาท แผนงานสร้างความเข้มแข็งของชุมชน 4,200,000 บาท แผนงานการศาสนาวัฒนธรรมและนันทนาการ 90,410,000 บาท แผนงานอุตสาหกรรมและการโยธา 411,450,500 บาท แผนงานการเกษตร 4,204,000 บาท แผนงานงบกลาง 44,302,200 บาท
โดยที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบในร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 พร้อมกับมีมติ เลือกสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร เป็นคณะกรรมการแปรญัตติร่างข้อบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำนวน 5 คน ดังนี้ 1.นางขนิษฐา พรเกียรติกุล 2.นายประสิทธิ์ จุ่นขจร 3.นายธนพันธ์ พังจุนันท์ 4.นายยุทธนา จันจู และ 5.นายสุธา ทรัพย์ศรี

14/08/2024

คณะกรรมการผังเมืองรวมสมุทรสาคร ยืนตามมติเดิม แก้ไขผังเมือง ต.กาหลง รับนิคมอุตสาหกรรม
#สมุทรสาคร

คณะกรรมการผังเมืองฯ ยืนตามมติเดิมให้แก้ไขกฏกระทรวง เปลี…

14/08/2024

คณะกรรมการผังเมืองรวมสมุทรสาคร ยืนตามมติเดิม แก้ไขผังเมือง ต.กาหลง รับนิคมอุตสาหกรรม
คณะกรรมการผังเมืองฯ ยืนตามมติเดิมให้แก้ไขกฏกระทรวง เปลี่ยนแปลงผังเมืองรวมสมุทรสาคร จากสีขาวแทยงเขียวเป็นสีม่วง รองรับนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ โดยเปิดให้กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบยื่นคัดค้านในขั้นตอนการปิดประกาศ 30 วัน
วันที่ 13 ส.ค.2567 ที่ห้องประชุมพันท้ายนรสิงห์ (401) ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร นายชัยวัฒน์ ตุนทกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาผังเมืองรวมจังหวัดสมุทรสาคร ครั้งที่ 1/2567 ซึ่งมีวาระการประชุมที่น่าสนใจคือ การเปิดให้ผู้ได้รับผลกระทบและผู้บริหารโครงการนิคมอุตสาหกรรมทรัพย์สาคร ได้เข้าชี้แจงจากกรณีที่มีการยื่นหนังสือคัดค้านการเปลี่ยนแปลงผังเมืองรวมของโครงการนิคมอุตสาหกรรมทรัพย์สาคร จากที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม (สีขาวทแยงเขียว) เป็นที่ดินประเภทอุตสาหกรรมและคลังสินค้า (สีม่วง)
การประชุมครั้งนี้เปิดโอกาสให้ผู้ที่คัดค้านและผู้บริหารโครงการนิคมอุตสาหกรรมทรัพย์สาคร ชี้แจงและตอบข้อซักถามของคณะกรรมการและผู้เข้าร่วมประชุม จากนั้นจึงได้เชิญผู้ชี้แจงทั้งสองฝ่ายออกจากห้องประชุม เพื่อให้คณะกรรมการได้พิจารณาในประเด็นดังกล่าว โดยคณะกรรมการมีมติ เห็นควรให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน ตามมติเดิมจากการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 3/2566
ทั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้ผู้ได้รับผลกระทบสามารถยื่นคัดค้าน ในขั้นตอนของการปิดประกาศ 30 วัน
สำหรับมติการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาผังเมืองจังหวัดสมุทรสาคร ครั้งที่ 3/2566 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 ระบุว่า เห็นควรให้แก้ไขกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสมุทรสาครพ.ศ.2560 โดยให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม (สีเขียว) บริเวณหมายเลข 3.3 (บางส่วน) และที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรม (สีขาวมีกรอบและเส้นทแยงสีเขียว) บริเวณหมายเลข 4.1 (บางส่วน) ในท้องที่ตำบลกาหลง อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร จำนวนพื้นที่ 4,131- 3 - 35.03 ไร่ เป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอุตสาหกรรมและคลังสินค้า (สีม่วง) โดยให้นำความเห็น และข้อสังเกตของคณะกรรมการฯไปดำเนินการต่อไป

13/08/2024

“นคร- สุรพงษ์ หาญไกรวิไลย์” รับมอบป้ายทะเบียนเลขสวย กง สมุทรสาคร หลังร่วมประมูลกว่า 5 ล้านบาท
วันที่ 13 ส.ค.2567 ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดสมุทรสาคร นายนคร หาญไกรวิไลย์ รองประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ หาญไกรวิไลย์ กรรมการ บริษัท ไทยรอแยลฟรอเซ๊นฟู้ด จำกัด พร้อมผู้เกี่ยวข้อง ร่วมรับมอบแผ่นป้ายทะเบียนเลขสวย จากการประมูลป้ายทะเบียนรถยนต์ หมวด กง สมุทรสาคร ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ส.ค.67 ณ โรงแรมเซนทรัลเพลส อ.เมืองสมุทรสาคร โดยมี นางทัตพร คงเพชร ขนส่งจังหวัดสมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่ขนส่ง ร่วมต้อนรับและส่งมอบป้ายทะเบียนเลขสวย
การรับมอบป้ายทะเบียนจากการประมูลในครั้งนี้ ครอบครัวหาญไกรวิไลย์ ได้ประมูลแข่งขันเพื่อเสนอราคากับผู้เข้าร่วมประมูลคนอื่นๆ โดยประมูลได้แผ่นป้ายทะเบียนทั้งหมด 10 กว่าแผ่นป้าย รวมเงินที่ต้องชำระให้กับขนส่ง จำนวน กว่า 5,000,000 บาท ซึ่งแผ่นป้ายทะเบียนที่มีการประมูลแข่งขันราคาสูงสุด คือ กง 9999 สมุทรสาคร โดยมีการประมูลราคาถึง 3,050,000 บาท
ส่วนป้ายทะเบียนที่ครอบครัวหาญไกรวิไลย์ มารับมอบในวันนี้คือ กง 2222 สมุทรสาคร กง 6666 สมุทรสาคร กง 3333 สมุทรสาคร และ กง 9999 สมุทรสาคร
นายสุรพงษ์ หาญไกรวิไลย์ เปิดเผยว่า ครั้งนี้ร่วมประมูลได้มา 10 กว่าป้าย เป็นป้ายทะเบียนหลักๆ 4 ป้าย ซึ่งรู้สึกภูมิใจที่ได้มีโอกาสช่วยเหลือสังคม เพราะตนเองเป็นคนสมุทรสาคร เติบโตและทำมาหากินที่จังหวัดสมุทรสาคร จริงๆแล้วถ้าตนเองไปซื้อป้ายทะเบียนกรุงเทพมหานครมาใช้ จะได้ราคาที่ถูกว่านี้มากแต่มันไม่เกิดความภาคภูมิใจ
ด้าน นายนคร หาญไกรวิไลย์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจและภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการประมูล แผ่นป้ายทะเบียนของจังหวัดสมุทรสาคร ถือว่าเป็นการร่วมทำบุญและนำรายได้ส่วนหนึ่งกลับคืนสู่จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งรถที่บ้านใช้ทะเบียนสมุทรสาครทุกคัน และอยากเชิญชวนให้ชาวสมุทรสาคร หันมาใช้ป้ายทะเบียนจังหวัดสมุทรสาครกันมากๆ เพื่อที่รายได้จากการต่อภาษีจะคืนกลับมาพัฒนาจังหวัดของเรา

12/08/2024

ตำรวจ บก.ปทส. ขยายผลค้นโรงงาน ย่าน ต.บางกระเจ้า ลักลอบหลอมอลูมิเนียมดรอส
เมื่อวันที่ 11 ส.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ ผกก.5 บก.ปทส. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปทส. เจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรม และตำรวจทางหลวงนครปฐม ได้นำหมายค้นจากศาลจังหวัดสมุทรสาคร เข้าตรวจค้น โรงหลอมอลูมิเนียมแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม. 7 ต.บางกระเจ้า อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นขยายผลจากการที่ตำรวจทางหลวงนครปฐม ได้จับกุมรถบรรทุกกึ่งพ่วง 22 ล้อ บรรทุกถุงบิ๊กแบ็คภายในบรรจุกากตะกรัน อลูมิเนียมดรอส สารวัตถุอันตราย
ผลการตรวจค้นพบกากตะกรัน อลูมิเนียมดรอส จำนวน 1,400 ถุง น้ำหนักประมาณ 2,100 ตัน โดยขณะตรวจค้นไม่มีผู้ใดรับเป็นเจ้าของโรงงาน มีเพียง น.ส.หญิง ไม่ทราบชื่อสกุลจริง แจ้งทางโทรศัพท์ว่า ช่วงนี้เป็นวันหยุดโรงงานปิด และตนเองอยู่ต่างจังหวัด โดยยินยอมให้เข้าตรวจในโรงงานได้ แล้วจะมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้งเพื่อชี้แจงรายละเอียดทั้งหมด
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จากกรมโรงงาน ได้ทำการตรวจเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจพิสูจน์อีกครั้ง พร้อมทั้งอายัดกากดังกล่าวไว้ และจะได้ร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน บก.ปทส
เจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2567 ตำรวจทางหลวงนครปฐม ได้พบรถบรรทุกกึ่งพ่วง 22 ล้อ บรรทุกถุงบิ๊กแบ็คจำนวนมากผ่านมา ลักษณะต้องสงสัยจะเป็นวัตถุอันตรายจึงได้ขอตรวจสอบ ทราบชื่อคนขับรถคือ นายปรเมศวร์ อายุ 42 ปี เมื่อตรวจสอบพบลักษณะเป็นผงสีเทาคล้ายกากอุตสาหกรรมโรงงาน จึงได้ประสานอุตสาหกรรมจังหวัดนครปฐมมาตรวจสอบ เบื้องต้นยืนยันว่าเป็นฝุ่นจากหน้าเตาหลอมอลูมิเนียมดรอส สารวัตถุอันตราย 100097HA ซึ่งไม่ปรากฏหลักฐานการขนส่งจากต้นทางและปลายทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจยึดไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินการตามกฎหมาย
เบื้องต้นนายปรเมศวร์ ให้การว่า ตนได้เห็นประกาศในเฟสบุ๊กว่า โรงหลอมอลูมิเนียม ในพื้นที่ ต.บางกระเจ้า อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ประกาศรับสมัครคนรับงานขนส่ง จึงติดต่อไปและได้ตกลงรับงาน โดยทราบว่าจะต้องบรรทุก อลูมิเนียมก้อนใส่ถุงบิ๊กแบ็ค โดยในวันดังกล่าว ตนได้ขับรถบรรทุกกึ่งพ่วงไปรับฝุ่นอลูมิเนียมดรอส จากโรงงานแห่งหนึ่งใน ต.โพรงมะเดื่อ อ.เมือง จ.นครปฐม เพื่อไปส่งที่ โรงหลอมอลูมิเนียม ใน จ.สมุทรสาคร จนมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงเรียกตรวจสอบ
ต่อมาในวันเดียวกัน อุตสาหกรรมจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย ตำรวจทางหลวงนครปฐม และตำรวจ กก.5 บก.ปทส. ได้ทำการตรวจค้นโรงงานต้นทางของวัตถุอันตราย ในพื้นที่ ต.โพรงมะเดื่อ อ.เมือง จ.นครปฐม ผลการตรวจค้น พบมีการประกอบกิจการโรงงานคัดแยกเศษขี้เตาจากการหลอมเศษลูมิเนียม โดยไม่ได้รับอนุญาต และมีฝุ่นผงสีดำบรรจุอยู่ในถุงบิ๊กแบ็กจำนวน 8,258 ถุง น้ำหนักรวม 12,327 ตัน โดยวัตถุดิบเศษขี้เตาจากการหลอม มีกลุ่มนายทุนชาวจีนนำวัตถุดิบมาจากกลุ่มโรงหลอมในจังหวัดสมุทรสาคร เฉลี่ยวันละ 2 เที่ยวรถสิบล้อ (ครั้งละประมาณ 10 ตัน) เพื่อมาทำการคัดแยกและหลอมเป็นอลูมิเนียมเพื่อจำหน่ายต่อไป
เบื้องต้นโรงหลอมอลูมิเนียม พื้นที่ ม.7 ต.บางกระเจ้า อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เป็นโรงงานที่ขออนุญาตในประเภท 60 ไม่สามารถเก็บหรือหลอมอลูเมียมดรอสได้ จึงมีความผิดตามมาตรา 50 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 ตั้งโรงงานโดยไม่มีใบอนุญาตตามมาตรา 12 วรรคสอง โทษจําคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และประกอบกิจการโรงงานโดยไม่มีใบอนุญาต ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับ ไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
รวมทั้งเข้าข่ายมีความผิดข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดข้อหาฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การจัดการสิ่งปฏิกูลฯ 2566
หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปทส. จะได้ออกหมายเรียก เจ้าของโรงหลอมอลูมิเนียม ในพื้นที่ ม.7 ต.บางกระเจ้า อ.เมือง จ.สมทุรสาคร มารับทราบข้อกล่าวหา และดำเนินการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมต่อไป