รีวิวข่าวชาวสกล By สวท.สกลนคร FM 91.25 MHz

รีวิวข่าวชาวสกล By สวท.สกลนคร FM 91.25 MHz FM 91.25 MHz
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดสกลนคร กรมประชาสัมพันธ์

กรมการจัดหางาน ตอบโจทย์มนุษย์ฟรีแลนซ์ เปิดพื้นที่ดีลงาน ผ่านแพลตฟอร์ม “คนทำงาน”
26/04/2024

กรมการจัดหางาน ตอบโจทย์มนุษย์ฟรีแลนซ์ เปิดพื้นที่ดีลงาน ผ่านแพลตฟอร์ม “คนทำงาน”

กรมการจัดหางาน ตอบโจทย์มนุษย์ฟรีแลนซ์ เปิดพื้นที่ดีลงาน ผ่านแพลตฟอร์ม “คนทำงาน”

กรมการจัดหางาน เปิดตัวแหล่งบริการงานอิสระโดยภาครัฐ ปลอดภัย ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ชวนผู้ว่าจ้าง + คนทำงานอิสระ ประกาศหางาน หาคน ที่แพลตฟอร์ม “คนทำงาน”

นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจ สังคม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ และการทำงานของประชาชนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ work life balance หรือการทำงานที่ตอบโจทย์เรื่องความสุขและเวลา จึงทำให้เกิดรูปแบบการทำงานที่สร้างรายได้จากความชอบ ความถนัด ความสามารถเฉพาะตัว หรือการทำงานระยะสั้นๆ รับจ้างจบเป็นครั้ง ๆ มากขึ้น กรมการจัดหางาน จึงพัฒนาแพลตฟอร์ม “คนทำงาน” ขึ้นเพื่อเป็นแหล่งบริการงานอาชีพอิสระ ครอบคลุมทุกอาชีพไว้ใน 10 หมวดงานหลัก ได้แก่ 1.Graphic & Design 2.การตลาดและโฆษณา 3.พิมพ์/เขียน/แปลภาษา 4.ภาพและเสียง 5.Web & Programming 6.ปรึกษาและแนะนำ 7.การให้บริการ 8.รับจัดทำสินค้าและอาหาร 9.งานช่างนอกสถานที่ และ 10.การสอน ให้บริการผ่านเว็บไซต์ คนทํhttp://xn--72c0b5db.doe.go.th/ สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ ผู้ที่ต้องการใช้ทักษะความสามารถหารายได้เสริมมาประกาศรับจ้างทำงาน และสำหรับผู้ว่าจ้างสามารถค้นหาผู้รับงานอิสระที่ตรงตามความต้องการ โดยกรมการจัดหางานไม่มีการเรียกเก็บค่าบริการจากแพลตฟอร์ม มีความปลอดภัยเนื่องจากผู้รับงานอิสระและผู้ว่าจ้างผ่านการลงทะเบียนและยืนยันตัวตน ผ่านระบบ Single Sign-On ของภาครัฐ นอกจากนี้ยังมีทีมงานให้คำปรึกษาครอบคลุมทั่วประเทศ ณ สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 และสำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด

“แพลตฟอร์ม “คนทำงาน” จะเติมเต็มโอกาสการประกอบอาชีพครอบคลุมทุกมิติ ประชาชนที่เป็นแรงงานอิสระจะมีพื้นที่ทำงานถ้วนหน้า ไม่จำกัดทุกช่วงวัย” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว

นายสมชายฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สำหรับคนทำงานอิสระลงประกาศงานง่าย ใน 4 ขั้นตอน ดังนี้
1.ลงทะเบียนเป็นผู้รับงานอิสระ - กรอกข้อมูลส่วนตัว สำหรับยืนยันตัวตนให้ครบถ้วน **หากมีหนังสือผลการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมสามารถแนบเพิ่มได้ และ/หรือยืนยันตัวตนที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด ในพื้นที่ ที่อยู่ปัจจุบันที่ลงทะเบียนไว้ เพิ่มความน่าเชื่อถือให้ผู้ว่าจ้าง
2. นำเสนอตัวเอง - อธิบายตัวตนที่เกี่ยวข้องกับงานให้โดดเด่น เช่น ประวัติการศึกษา ประสบการณ์ทำงาน ทักษะความสามารถ รางวัล ใบประกาศ เพื่อเพิ่มโอกาสการจ้างงาน
3. ลงประกาศงาน - เลือกหมวดหมู่งานหลัก ระบุรายละเอียด อัพโหลดรูปผลงาน ขั้นตอนทำงาน กำหนดราคาและวิธีการส่งงาน ส่งประกาศงานตรวจสอบผ่านระบบ หากตรงตามเงื่อนไข จะอนุมัติประกาศงาน ภายใน 2 วันทำการ
4. ประกาศงานเผยแพร่บนแพลตฟอร์ม "คนทำงาน"

สำหรับผู้ว่าจ้าง จ้างงานง่ายๆ 6 ขั้นตอน ดังนี้
1. ค้นหาผู้รับงานอิสระที่ถูกใจ - พิจารณาจากผลงาน และรีวิว
2. ลงทะเบียนเข้าใช้งาน - กรอกข้อมูลส่วนตัว สำหรับยืนยันตัวตนให้ครบถ้วน **หากมีหนังสือผลการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมสามารถแนบเพิ่มได้ และ/หรือยืนยันตัวตนที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด ในพื้นที่ ที่อยู่ปัจจุบันที่ลงทะเบียนไว้ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
3. สื่อสาร / สอบถามรายละเอียดผ่านช่องทาง chat ของระบบ
4. สร้างใบเสนอราคา – ผู้รับงานอิสระสร้างใบเสนอราคา หากถูกต้องแล้ว กดปุ่ม "อนุมัติใบเสนอราคา"
5. รอผู้รับงานอิสระส่งงาน
6. ให้เรตติ้งและรีวิวงานที่จ้าง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อไป

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถใช้บริการได้ที่ เว็บไซต์ คนทํhttp://xn--72c0b5db.doe.go.th/ หรือหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน 1694

กรมการจัดหางาน เผย อาชีพอิสระกลุ่มใด ยื่นกู้เงินกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้านได้
26/04/2024

กรมการจัดหางาน เผย อาชีพอิสระกลุ่มใด ยื่นกู้เงินกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้านได้

กรมการจัดหางาน เผย อาชีพอิสระกลุ่มใด ยื่นกู้เงินกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้านได้

กรมการจัดหางาน แนะวิธีกู้เงินกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน ดอกเบี้ย 0% นาน 24 เดือน วงเงินสูงสุด 3 แสนบาท ย้ำผู้รับงานไปทำที่บ้านที่จดทะเบียนกับกรมการจัดหางาน สามารถยื่นคำขอภายในวันที่ 30 เม.ย. 67

นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้ให้ความสนใจกู้ยืมเงินกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้านและสอบถามขอกู้ยืมเงินภายใต้เงื่อนไข ดอกเบี้ย 0% เข้ามาเป็นจำนวนมาก กรมการจัดหางานจึงขอประชาสัมพันธ์แนวทางการกู้ยืมเงินเพื่อให้ผู้รับงานไปทำที่บ้านซึ่งเป็นแรงงานอิสระ สามารถกู้ยืมเป็นทุนหมุนเวียนสำหรับไปซื้อวัตถุดิบและอุปกรณ์ในการผลิตหรือขยายการผลิต เพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับผู้รับงานไปทำที่บ้าน ซึ่งผู้ที่ต้องการขึ้นทะเบียนเป็นผู้รับงานไปทำที่บ้านต้องมีสัญชาติไทย อายุ 20 ปีขึ้นไป มีสถานที่ที่รับงานไปทำที่บ้านเป็นหลักแหล่ง กรณีเป็นกลุ่มบุคคลต้องมีสมาชิกกลุ่มไม่น้อยกว่า 5 คน (มีผู้นำกลุ่ม) และต้องไม่เป็นสมาชิกกลุ่มผู้รับงานฯกลุ่มอื่น โดยสามารถเตรียมเอกสารหลักฐานสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ติดต่อได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ
สำหรับคุณสมบัติผู้กู้กองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน มีดังนี้
1.เป็นผู้รับงานไปทำที่บ้านที่จดทะเบียนไว้กับกรมการจัดหางาน
2.มีผลการดำเนินการและมีรายได้จากการรับงานไปทำที่บ้าน หรือมีหลักฐานการรับงานไปทำที่บ้านจากผู้จ้างงาน
3. ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
4.ไม่เป็นผู้ถูกดำเนินคดีหรืออยู่ในระหว่างดำเนินคดีเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินกองทุน

กรณีประเภทบุคคล ต้องมีทรัพย์สินหรือเงินทุนไม่น้อยกว่า 5,000 บาท วงเงินกู้ไม่เกิน 50,000 บาท ระยะเวลาชำระคืนภายใน 2 ปี
กรณีประเภทกลุ่มบุคคล ต้องมีผู้นำกลุ่มและสมาชิกกลุ่มกู้ร่วมกันไม่น้อยกว่า 5 คน มีทรัพย์สินหรือเงินทุนในการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มรวมกันไม่น้อยกว่า 10,000 บาท วงเงินกู้สูงสุด 300,000 บาท ระยะเวลาชำระคืนภายใน 5 ปี (เฉพาะกู้วงเงิน 300,000 บาท ต้องมีสมาชิก 6 คนขึ้นไป)

นายสมชาย กล่าวว่า ในปีนี้กรมการจัดหางาน มีความตั้งใจมอบของขวัญปีใหม่ เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่พี่น้องผู้ใช้แรงงาน โดยมอบของขวัญสำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งเป็นผู้รับงานไปทำที่บ้าน ที่ยื่นกู้ภายในวันที่ 30 เมษายน 2567 ด้วยการลดดอกเบี้ยจากเดิมอัตราดอกเบี้ยกู้ยืม ร้อยละ 3 ต่อปี เป็น 0% นาน 24 งวด มีเงื่อนไขเพิ่มเติมคือกลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้าน ที่กู้เงินไปแล้ว ต้องชำระหนี้ครบถ้วนตามระยะเวลาที่กำหนดในงวดที่ 1 - 12 หากยื่นกู้หลังจากระยะเวลาที่กำหนดยังคงสามารถยื่นได้ แต่จะคิดดอกเบี้ยเท่าเดิม ในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัด ในท้องที่ที่ผู้รับงานไปทำที่บ้านได้จดทะเบียนไว้กับกรมการจัดหางาน หรือที่กองส่งเสริมการมีงานทำ กรมการจัดหางาน โทร. 02 245 1317 หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน และสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694

วันสุดท้าย รับสมัครบุคคลไปทำงานที่มาเก๊า โดย กรมการจัดหางาน
18/04/2024

วันสุดท้าย รับสมัครบุคคลไปทำงานที่มาเก๊า โดย กรมการจัดหางาน

รายงานสถานการณ์ด้านแรงงานจังหวัดสกลนคร ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2567
28/03/2024

รายงานสถานการณ์ด้านแรงงานจังหวัดสกลนคร ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2567

Info Graphic รายงานสถานการณ์ด้านแรงงานจังหวัดสกลนคร ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2567

องค์ความรู้สนับสนุนแรงงาน ด้านความปลอดภัยในการทำงาน จาก สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสกลนคร
28/03/2024

องค์ความรู้สนับสนุนแรงงาน ด้านความปลอดภัยในการทำงาน จาก สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสกลนคร

องค์ความรู้ด้านความปลอดภัย การใช้มือในการทำงาน จาก สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสกลนคร
28/03/2024

องค์ความรู้ด้านความปลอดภัย การใช้มือในการทำงาน จาก สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสกลนคร

นางสาวชนกานต์​ บุญ​ราศรี​ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานสกลนคร มอบหมายให้ฝ่ายมาตรฐาน​ฝีมือ​แรงงาน​และรับรองความรู้​...
28/03/2024

นางสาวชนกานต์​ บุญ​ราศรี​ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานสกลนคร มอบหมายให้ฝ่ายมาตรฐาน​ฝีมือ​แรงงาน​และรับรองความรู้​ความสามารถ​ ดำเนินการประเมินเพื่อออกหนังสือรับรองความรู้​ความสามารถ​ สาขาอาชีพช่างไฟฟ้า​ อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์​ สาขาช่างไฟฟ้าภายในอาคาร ระดับ​ 1​ โดยมีผู้สมัคร​เข้ารับการประเมินฯ​ จำนวน​ 18 คน​ ผ่านการประเมินและได้รับหนังสือรับรองความรู้​ความสามารถ​ จำนวน​ 18 คน ณ ศูนย์ประเมินความรู้​ความสามารถ​กลาง สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานสกลนคร

28/03/2024

กรมพัฒนาฝีมือแรงงานมีความร่วมมือกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ในการดำเนินโครงการ Green Cooling Initiative (GCI) III และได้ดำเนินกิจกรรมสร้างสื่อภาพกราฟิกเคลื่อนไหว (Motion Graphic) เพื่อเป็นการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสารทำความเย็นธรรมชาติ และผลกระทบของสารทำความเย็นกลุ่ม HCFC ซึ่งทำลายชั้นบรรยากาศโลก และวาระที่ประเทศไทยจะเลิกการใช้สารทำความเย็นกลุ่ม HCFC ภายในปี พ.ศ. 2573

สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานสกลนคร ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร ได้ดำเนินงานตามโครงการฝึกอบรมทักษะอาชีพ หัตถบำบัด ...
28/03/2024

สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานสกลนคร ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร
ได้ดำเนินงานตามโครงการฝึกอบรมทักษะอาชีพ หัตถบำบัด (รุ่นที่ 2) ประจำปีงบประมาณ 2567

11/03/2024

📢📣 ฝังเข็ม ครอบแก้ว กัวซา แพทย์แผนจีนรักษาโรค 📢📣

วันเวลาราชการ
จันทร์ - ศุกร์ 08:00 น. - 16:00 น.
เฉพาะ วันพุธ 08:00 น. - 12:00 น.

นอกเวลาราชการ
จันทร์ - ศุกร์ 16:00 น. - 20:00 น.
เสาร์ 08:00 น. - 12:00 น.

หยุดทุกวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์

โทร. 042 – 711 141
แผนกแพทย์ทางเลือก 097 - 062 2340

เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว
แนะนำให้โทรสอบถามหรือจองคิวก่อนเข้ารับบริการ

#ฝังเข็ม #ครอบแก้ว #สกลนคร #สกลซิตี้ #แพทย์ทางเลือก #แพทย์แผนจีน #ฝังเข็มสกลนคร

บุหรี่ไฟฟ้า อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม ข่าวสาร : ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างเสริมสุขภาวะที่ดี กับ  #สวทสกลนคร FM 91.25 MHZ
27/02/2024

บุหรี่ไฟฟ้า อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม
ข่าวสาร : ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างเสริมสุขภาวะที่ดี กับ #สวทสกลนคร FM 91.25 MHZ

วิธีคลายเครียดจากการเสพข่าวข่าวสาร : ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างเสริมสุขภาวะที่ดี กับ  #สวทสกลนคร FM 91.25 MHZ
27/02/2024

วิธีคลายเครียดจากการเสพข่าว
ข่าวสาร : ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างเสริมสุขภาวะที่ดี กับ #สวทสกลนคร FM 91.25 MHZ

สัญญาณเตือนเสพข่าวมากเกินไปข่าวสาร : ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างเสริมสุขภาวะที่ดี กับ  #สวทสกลนคร FM 91.25 MHZ
27/02/2024

สัญญาณเตือนเสพข่าวมากเกินไป
ข่าวสาร : ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างเสริมสุขภาวะที่ดี กับ #สวทสกลนคร FM 91.25 MHZ

อาหารต้านโรค ยิ่งกินยิ่งแข็งแรงข่าวสาร : ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างเสริมสุขภาวะที่ดี กับ  #สวทสกลนคร FM 91.25 MHZ
27/02/2024

อาหารต้านโรค ยิ่งกินยิ่งแข็งแรง
ข่าวสาร : ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างเสริมสุขภาวะที่ดี กับ #สวทสกลนคร FM 91.25 MHZ

เทคนิคพัฒนาไอคิวและอีคิวข่าวสาร : ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างเสริมสุขภาวะที่ดี กับ  #สวทสกลนคร FM 91.25 MHZ
27/02/2024

เทคนิคพัฒนาไอคิวและอีคิว
ข่าวสาร : ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างเสริมสุขภาวะที่ดี กับ #สวทสกลนคร FM 91.25 MHZ

พวงเพ็ชร - DE เตรียมปิด 1,300 ร้านออนไลน์ขาย “บุหรี่ไฟฟ้า” หลังพบเด็กเยาวชน แห่ซื้อเพียบ วันนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2567) เวล...
22/02/2024

พวงเพ็ชร - DE เตรียมปิด 1,300 ร้านออนไลน์ขาย “บุหรี่ไฟฟ้า” หลังพบเด็กเยาวชน แห่ซื้อเพียบ

วันนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2567) เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ครั้งที่ 2/2567 โดยมี นายวราวุธ ยันต์เจริญ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายกฤช เอื้อวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมด้วย

ดร.พวงเพ็ชร มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ที่พบว่ามีกลุ่มผู้เสพเป็นเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ซึ่งจากการลงพื้นที่ติดตามการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าด้วยตนเอง เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 พบว่ารูปแบบของบุหรี่ไฟฟ้า มีลักษณะดึงดูดกลุ่มเด็กและเยาวชน ทั้งรูปลักษณ์ที่เป็นลายการ์ตูน สีสันสดใส มีการดัดแปลงกลิ่นผลไม้หลากหลาย ขณะที่มีการวางจำหน่ายในที่ชุมชน หาซื้อได้ง่าย และยังพบว่ามีการซื้อขายผ่านระบบออนไลน์เป็นจำนวนมาก จึงได้สั่งการให้ สคบ. เร่งดำเนินการตรวจสอบ และหารือที่ประชุมเพื่อหาแนวทางการป้องกันการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน

“นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้กำจัดและป้องกันการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน เพราะจะส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมองและระบบทางเดินหายใจ ยิ่งปัจจุบันหาซื้อได้ง่ายผ่านออนไลน์หลายแพลตฟอร์ม ดิฉันจึงได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะเร่งปิดช่องทางการลักลอบค้าบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ ที่เราตรวจสอบเบื้องต้นได้ประมาณ 1,300 บัญชี จาก ทุกแพลตฟอร์ม ขณะเดียวกันจะมีการลงพื้นที่เชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้เด็กและเยาวชนตกเป็นเหยื่อของบุหรี่ไฟฟ้าต่อไป“ ดร.พวงเพ็ชร กล่าว

ทั้งนี้ บุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นสินค้าผิดกฎหมายในประเทศไทย โดยมีกฎหมายควบคุม ประกอบด้วย 1) ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่ และบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร 2) คำสั่งของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า “บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า” 3) พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 มาตรา 4 เพราะน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ามีนิโคตินเป็นส่วนประกอบ หากสูบในพื้นที่ห้ามสูบตามกฎหมาย ตามมาตรา 67 จะมีฐานความผิดการห้ามสูบในที่สาธารณะ

ขอเชิญรับชม Thailand Vision วิสัยทัศน์ประเทศไทย โดย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 09.00 น.📺...
21/02/2024

ขอเชิญรับชม Thailand Vision วิสัยทัศน์ประเทศไทย โดย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 09.00 น.
📺 โทรทัศน์
ช่อง 2 NBT2HD และ NBT11
📱ช่องทางออนไลน์
FACEBOOK และ YOUTUBE: Live NBT2HD
FACEBOOK: เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin
FACEBOOK: ไทยคู่ฟ้า
#อนาคตประเทศไทย

“ผลิดอก ออกผล” 150 วัน  #ผลงานรัฐบาลเศรษฐา🔴ลดรายจ่าย• ปรับลดภาษีน้ำมันดีเซล 1 บาทต่อลิตร นาน 3 เดือน เริ่ม 20 ม.ค. – 19 ...
20/02/2024

“ผลิดอก ออกผล” 150 วัน #ผลงานรัฐบาลเศรษฐา
🔴ลดรายจ่าย
• ปรับลดภาษีน้ำมันดีเซล 1 บาทต่อลิตร นาน 3 เดือน
เริ่ม 20 ม.ค. – 19 เม.ย. 67
• แก้หนี้ทั้งระบบ ไกล่เกลี่ยสำเร็จกว่า 57% มูลหนี้ลดลงกว่า 670 ล้านบาท
🔴เพิ่มรายได้
• Visa Free ยอดนักท่องเที่ยวสะสมเดือนมกราคม 2.7 ล้านคน สูงกว่าปีก่อน 27.8%
- Visa Free ไทย – จีน ถาวร เริ่ม 1 มีนาคม 67
• ราคายางพาราปรับตัวสูงขึ้นรอบ 16 เดือน ปราบปรามการนำเข้ายางพาราผิดกฎหมาย เพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศ
🔴ขยายโอกาส
• ร่วมประชุม WEF 2024
- เดินหน้า FTA ไทย – อียู
- ยกระดับหนังสือเดินทางไทยเข้ายุโรป
- สานต่อความร่วมมือด้านพลังงานสะอาด
- ดึง 14 ภาคธุรกิจชั้นนำระดับโลกร่วมลงทุนในไทย
• ลงนาม FTA ไทย-ศรีลังกา
- ยกระดับความร่วมมือการเดินอากาศ
- พัฒนาอัญมณี กระตุ้นการค้า การลงทุน
- เชื่อมโยงการท่องเที่ยว และการขนส่งในอนาคต
🔴ปฏิรูปโครงสร้าง
• ยกระดับทำสงครามยาเสพติด
- ประกาศกฎกระทรวงกำหนดปริมาณการครอบครองยาเสพติดให้โทษ
- บูรณาการหน่วยงานรัฐ ป้องกัน ปราบปรามยาเสพติดที่ต้นตอ
- เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย
• แก้ฝุ่น
- จับมือกัมพูชาแก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดน
- ตั้งคณะกรรมการแห่งชาติ ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า การเผาในที่โล่ง หมอกควัน และฝุ่นละออง
- ยกเชียงใหม่โมเดลแก้ฝุ่น กำหนดมาตรการให้เข้มข้น เป็นรูปธรรม
• มาตรการรับมือภัยแล้ง ปี 66/67
- เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ รองรับภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง
- บูรณาการทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์
ข้อมูล : ส่วนปฏิบัติการและบริหารข้อมูลข่าวสาร สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์

“คารม” ย้ำเตือนผู้ประกอบการนำแรงงาน 4 สัญชาติ ตามมติ ครม. 5 ก.ค. 65 ที่ใบอนุญาตทำงานจะหมดอายุ ภายในวันที่ 13 ก.พ. 67 เร่...
12/02/2024

“คารม” ย้ำเตือนผู้ประกอบการนำแรงงาน 4 สัญชาติ ตามมติ ครม. 5 ก.ค. 65 ที่ใบอนุญาตทำงานจะหมดอายุ ภายในวันที่ 13 ก.พ. 67 เร่งต่ออายุใบอนุญาตทำงาน ที่เว็บไซต์ e-workpermit.doe.go.th ก่อนใบอนุญาตทำงานสิ้นอายุ
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 เห็นชอบให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อทำงานถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แล้ว อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานต่อไปได้ ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 หรือวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ตามแต่ละกรณีนั้น
นายคารม กล่าวว่า สำหรับแรงงานต่างด้าวที่ใบอนุญาตทำงานจะหมดอายุในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 หากประสงค์จะทำงานต่อไปถึง 13 กุมภาพันธ์ 68 สามารถทำได้ โดยต้องยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตทำงาน ที่เว็บไซต์ e-workpermit.doe.go.th พร้อมเอกสารหลักฐานตามที่ระบุไว้ในแบบคำขอ (บต. 50 อ. 5) และชำระค่าธรรมเนียมค่ายื่นคำขอ ฉบับละ 100 บาท และค่าธรรมเนียมต่ออายุใบอนุญาตทำงาน ฉบับละ 900 บาท ภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 หลังจากดำเนินการครบถ้วนแล้ว ให้ยื่นหลักฐานการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรฯ (Visa) ไม่น้อยกว่าวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 และหลักฐานการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตน หรือการทำประกันสุขภาพกับกระทรวงสาธารณสุข แล้วแต่กรณี ต่อกรมการจัดหางาน
.
“กรมการจัดหางาน ยืนยันว่าไม่มีการขยายระยะเวลา หากต้องการให้แรงงานของท่านทำงานต่อไปถึงวันที่ 13 ก.พ. 2568 ให้เร่งดำเนินการยื่นเอกสารต่ออายุใบอนุญาตภายในกำหนด มิฉะนั้นการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานจะเป็นอันสิ้นสุดแรงงานต่างด้าวต้องเดินทางกลับประเทศต้นทางและหากประสงค์จะกลับเข้ามาทำงาน ในประเทศไทย ต้องดำเนินการตามกระบวนการนำเข้า MOU
ทั้งนี้ หากติดปัญหาไม่สามารถดำเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ด้วยตนเองได้ สามารถติดต่อขอรับบริการจากเจ้าหน้าที่ได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 10 ในท้องที่ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานที่ทำงานของคนต่างด้าว หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694” นายคารม ย้ำ
#ข่าวจริงประเทศไทย #กรมการจัดหางาน #แรงงาน #ต่างด้าว #กระทรวงแรงงาน

“คารม” ย้ำเตือนผู้ประกอบการนำแรงงาน 4 สัญชาติ ตามมติ ครม. 5 ก.ค. 65 ที่ใบอนุญาตทำงานจะหมดอายุ ภายในวันที่ 13 ก.พ. 67 เร่งต่ออายุใบอนุญาตทำงาน ที่เว็บไซต์ e-workpermit.doe.go.th ก่อนใบอนุญาตทำงานสิ้นอายุ
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 เห็นชอบให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อทำงานถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แล้ว อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานต่อไปได้ ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 หรือวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ตามแต่ละกรณีนั้น
นายคารม กล่าวว่า สำหรับแรงงานต่างด้าวที่ใบอนุญาตทำงานจะหมดอายุในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 หากประสงค์จะทำงานต่อไปถึง 13 กุมภาพันธ์ 68 สามารถทำได้ โดยต้องยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตทำงาน ที่เว็บไซต์ e-workpermit.doe.go.th พร้อมเอกสารหลักฐานตามที่ระบุไว้ในแบบคำขอ (บต. 50 อ. 5) และชำระค่าธรรมเนียมค่ายื่นคำขอ ฉบับละ 100 บาท และค่าธรรมเนียมต่ออายุใบอนุญาตทำงาน ฉบับละ 900 บาท ภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 หลังจากดำเนินการครบถ้วนแล้ว ให้ยื่นหลักฐานการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรฯ (Visa) ไม่น้อยกว่าวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 และหลักฐานการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตน หรือการทำประกันสุขภาพกับกระทรวงสาธารณสุข แล้วแต่กรณี ต่อกรมการจัดหางาน
.
“กรมการจัดหางาน ยืนยันว่าไม่มีการขยายระยะเวลา หากต้องการให้แรงงานของท่านทำงานต่อไปถึงวันที่ 13 ก.พ. 2568 ให้เร่งดำเนินการยื่นเอกสารต่ออายุใบอนุญาตภายในกำหนด มิฉะนั้นการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานจะเป็นอันสิ้นสุดแรงงานต่างด้าวต้องเดินทางกลับประเทศต้นทางและหากประสงค์จะกลับเข้ามาทำงาน ในประเทศไทย ต้องดำเนินการตามกระบวนการนำเข้า MOU
ทั้งนี้ หากติดปัญหาไม่สามารถดำเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ด้วยตนเองได้ สามารถติดต่อขอรับบริการจากเจ้าหน้าที่ได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 10 ในท้องที่ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานที่ทำงานของคนต่างด้าว หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694” นายคารม ย้ำ

#ข่าวจริงประเทศไทย #กรมการจัดหางาน #แรงงาน #ต่างด้าว #กระทรวงแรงงาน

เรื่องใกล้ตัวที่ควรรู้ !  แก้ไขดัดแปลงไฟหน้า โคมไฟท้ายรถ มีความผิด การดัดแปลงแก้ไขไฟหน้าและไฟท้ายรถให้มีความสว่างจ้าเกิน...
12/02/2024

เรื่องใกล้ตัวที่ควรรู้ ! แก้ไขดัดแปลงไฟหน้า โคมไฟท้ายรถ มีความผิด
การดัดแปลงแก้ไขไฟหน้าและไฟท้ายรถให้มีความสว่างจ้าเกินกว่าปกติ หรือมีสีสันที่แปลกตานั้น ผิดกฎหมาย!! เจ้าของรถยนต์ต้องแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเลี่ยงความไม่ปลอดภัยอันตรายบนท้องถนน และยังเป็นการรบกวนสายตาผู้ร่วมทางอีกด้วย
รายละเอียดเกี่ยวกับโคมไฟหน้า - ท้ายรถที่ถูกต้อง ตามประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดระบบการทำงาน ประสิทธิภาพการทำงาน การติดตั้ง ขนาด หรือจำนวนของอุปกรณ์ส่องสว่างและอุปกรณ์แสงสัญญาณของรถ พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดไว้ดังนี้
- โคมไฟแสงพุ่งต่ำได้ไม่เกิน 2 ดวง และมีโคมไฟแสงพุ่งไกลได้ไม่เกิน 2 ดวง
- มีแสงขาวหรือเหลืองอ่อน ไม่สว่างจ้าจนเกินไป
- อยู่ในระดับเดียวกันที่หน้ารถด้านซ้ายและขวา
- สูงจากผิวทางไม่น้อยกว่า 40 เซนติเมตร แต่ไม่เกิน 1.35 เมตร
- มีทิศทางการส่องสว่างไปด้านหน้า โดยจะต้องไม่เบี่ยงเบนไปทางด้านขวาหรือส่องขึ้นสูงเกินไป จนทำให้รบกวนสายตาผู้อื่น
โคมไฟหยุดต้องเป็นสีแดง
- สม่ำเสมอคงที่ไม่กระพริบ
- ติดตั้งที่ด้านท้าย จำนวน 2 หรือ 4 ดวง
โคมไฟส่องป้ายทะเบียนเป็นแสงขาว
- จำนวน 1 หรือ 2 ดวง ติดตั้งที่ป้ายทะเบียน
โคมไฟเลี้ยว
- แสงสัญญาณกระพริบสีอำพัน
- ติดที่ด้านหน้า 2 ดวง ด้านท้าย 2 หรือ 4 ดวง
การดัดแปลงไฟหน้าและไฟท้าย นอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฐานใช้รถที่มีอุปกรณ์ส่วนควบไม่ถูกต้องตามที่กำหนด ต้องชำระค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท และเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 71 ประกอบมาตรา 148 ต้องชำระค่าปรับไม่เกิน 50,000 บาท และอาจถูกสั่งระงับการใช้รถจนกว่าจะถูกให้แก้ไขจนแล้วเสร็จ
ℹ ข้อมูลจาก : -ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดระบบการทำงานประสิทธิภาพการทำงาน การติดตั้ง ขนาด หรือจำนวนของอุปกรณ์ส่องสว่างและอุปกรณ์แสงสัญญาณของรถ พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
- พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 12 มาตรา 60
- พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 71 มาตรา 148
- พระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 มาตรา 39
#ข่าวจริงประเทศไทย #กระทรวงยุติธรรม #กฎหมาย #ดัดแปลง #ไฟหน้า #โคมไฟท้ายรถ

เรื่องใกล้ตัวที่ควรรู้ ! แก้ไขดัดแปลงไฟหน้า โคมไฟท้ายรถ มีความผิด

การดัดแปลงแก้ไขไฟหน้าและไฟท้ายรถให้มีความสว่างจ้าเกินกว่าปกติ หรือมีสีสันที่แปลกตานั้น ผิดกฎหมาย!! เจ้าของรถยนต์ต้องแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเลี่ยงความไม่ปลอดภัยอันตรายบนท้องถนน และยังเป็นการรบกวนสายตาผู้ร่วมทางอีกด้วย
รายละเอียดเกี่ยวกับโคมไฟหน้า - ท้ายรถที่ถูกต้อง ตามประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดระบบการทำงาน ประสิทธิภาพการทำงาน การติดตั้ง ขนาด หรือจำนวนของอุปกรณ์ส่องสว่างและอุปกรณ์แสงสัญญาณของรถ พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดไว้ดังนี้

- โคมไฟแสงพุ่งต่ำได้ไม่เกิน 2 ดวง และมีโคมไฟแสงพุ่งไกลได้ไม่เกิน 2 ดวง
- มีแสงขาวหรือเหลืองอ่อน ไม่สว่างจ้าจนเกินไป
- อยู่ในระดับเดียวกันที่หน้ารถด้านซ้ายและขวา
- สูงจากผิวทางไม่น้อยกว่า 40 เซนติเมตร แต่ไม่เกิน 1.35 เมตร
- มีทิศทางการส่องสว่างไปด้านหน้า โดยจะต้องไม่เบี่ยงเบนไปทางด้านขวาหรือส่องขึ้นสูงเกินไป จนทำให้รบกวนสายตาผู้อื่น

โคมไฟหยุดต้องเป็นสีแดง
- สม่ำเสมอคงที่ไม่กระพริบ
- ติดตั้งที่ด้านท้าย จำนวน 2 หรือ 4 ดวง

โคมไฟส่องป้ายทะเบียนเป็นแสงขาว
- จำนวน 1 หรือ 2 ดวง ติดตั้งที่ป้ายทะเบียน

โคมไฟเลี้ยว
- แสงสัญญาณกระพริบสีอำพัน
- ติดที่ด้านหน้า 2 ดวง ด้านท้าย 2 หรือ 4 ดวง
การดัดแปลงไฟหน้าและไฟท้าย นอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนด จะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฐานใช้รถที่มีอุปกรณ์ส่วนควบไม่ถูกต้องตามที่กำหนด ต้องชำระค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท และเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 71 ประกอบมาตรา 148 ต้องชำระค่าปรับไม่เกิน 50,000 บาท และอาจถูกสั่งระงับการใช้รถจนกว่าจะถูกให้แก้ไขจนแล้วเสร็จ

ℹ ข้อมูลจาก : -ประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดระบบการทำงานประสิทธิภาพการทำงาน การติดตั้ง ขนาด หรือจำนวนของอุปกรณ์ส่องสว่างและอุปกรณ์แสงสัญญาณของรถ พ.ศ. 2552 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
- พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 12 มาตรา 60
- พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 71 มาตรา 148
- พระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 มาตรา 39

#ข่าวจริงประเทศไทย #กระทรวงยุติธรรม #กฎหมาย #ดัดแปลง #ไฟหน้า #โคมไฟท้ายรถ

09/02/2024

นายกฯ นุ่งโจงใส่ผ้าไทย เปิดงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ครั้งที่ 36 พร้อมชมขบวนนบพระ ไฮไลท์สำคัญของงานทุกปี มีผู้ร่วมขบวนกว่า 1,000 คน ด้านจ.ลพบุรีคาด ตลอดการจัดงาน 10 วัน สร้างรายได้ให้ผู้คนพื้นที่กว่า 330 ล้านบาท

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ครั้งที่ 36 ณ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จ.ลพบุรี งานใหญ่ประจำปีที่จัดขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนารายณ์มหาราชและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา รวมถึงเพื่อส่งเสริมการศึกษาเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และการท่องเที่ยวของจ.ลพบุรี

ขณะที่ก่อนเปิดงาน นายกฯ ได้เดินทางมายังเทวสถานปรางค์แขก เพื่อชมขบวนแห่ประวัติศาสตร์ (ขบวนนบพระ) ที่มีผู้ร่วมขบวนกว่า 1,000 คน ซึ่งถือเป็นไฮไลท์สำคัญของงาน จากนั้นชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ตลอดจนชมการแสดงและบูธกิจกรรมต่างๆ ภายในงาน อาทิ บ้านวิถีไทย การแสดงละครลิงและตลาดย้อนยุค เป็นต้น

นายเศรษฐา กล่าวว่า ลพบุรีเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานและมีความสำคัญตั้งแต่สมัยโบราณเปรียบเสมือนราชธานีแห่งที่สอง ตนขอชื่นชมชาวลพบุรีทุกคนที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ร่วมกันสืบสานงานประเพณีที่สำคัญนี้มาจนถึงปัจจุบัน และขอขอบคุณทุกภาคส่วนในจังหวัดที่ร่วมกันจัดงานให้มีความยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติ ซึ่งเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีไทย เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน รวมถึงส่งเสริมผ้าพื้นเมืองของจังหวัด ซึ่งเป็นการผลักดันนโยบาย Soft Power ดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ

ด้านนายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี กล่าวว่า งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ถือเป็นเทศกาลประจำปีของจังหวัดลพบุรีที่มีชื่อเสียง จัดต่อเนื่องมาเป็นเวลา 36 ปี โดยในปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-18 ก.พ.2567 ภายใต้ธีมงาน “นุ่งโจง ห่มสไบ แต่งไทย ทั้งเมือง" ขณะเดียวกันในวันที่ 16 ก.พ.67 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จะมีการรำบวงสรวงโดยนางรำกว่า 5,000 คน เพื่อถวายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ณ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราชด้วย ซึ่งจ.ลพบุรีคาดว่าตลอดการจัดงานทั้ง 10 วัน จะมีผู้ชมงานกว่า 3 แสนคน สร้างรายได้ให้จังหวัดกว่า 330 ล้านบาท

09/02/2024

ชาวบ้าน ตำบลบัวชุม อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี รอรับนายกรัฐมนตรี

09/02/2024

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมเกษตรกรกลุ่มบริหารผู้ใช้น้ำชลประทาน เกษตรพัฒนาลุ่มน้ำป่าสัก หมู่ที่ 3 ต.หนองยาว อ.เมือง จ.สระบุรี เพื่อแก้ปัญหาค่าไฟฟ้าโรงสูบน้ำ

🔸สถาบันฝึกอบรมการดำเนินคดีชั้นสูง สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการจัดอบรม "หลักสูตรการฝึกอบรมการปฏิบัติภารกิจตามกฎหมายป้อง...
07/02/2024

🔸สถาบันฝึกอบรมการดำเนินคดีชั้นสูง สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการจัดอบรม "หลักสูตรการฝึกอบรมการปฏิบัติภารกิจตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย" ณ จังหวัดขอนแก่น
7 กุมภาพันธ์ 2567 นายพงษ์ศักดิ์ รัตนะพิสิฐ อธิบดีอัยการภาค ๔ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการฝึกอบรม "หลักสูตรการฝึกอบรมการปฏิบัติภารกิจตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย" จัดโดยสถาบันฝึกอบรมการดำเนินคดีชั้นสูง สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการ มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจและ พัฒนาทักษะให้กับข้าราชการฝ่ายอัยการ ในเรื่องเกี่ยวกับหลักการ วัตถุประสงค์ของกฎหมาย และกรอบอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานอัยการตามที่กฎหมาย การป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ระเบียบและแนวทางในการปฏิบัติตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดกำหนด การคุ้มครองสิทธิของประชาชนและช่วยเหลือผู้ถูกควบคุมตัวได้อย่างปลอดภัย รวดเร็ว และชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งประเด็นการทำงานร่วมกันและการประสานงานภายในหน่วยงานและองค์กรอื่นในการร่วมกันปฏิบัติภารกิจตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย โดยหลักสูตรนี้มีข้าราชการฝ่ายอัยการเข้าร่วมการฝึกอบรมจำนวน ๘๐ คน โดยกำหนดฝึกอบรมระหว่างวันที่ 7- 9 กุมภาพันธ์ 2567 ที่อวานี ขอนแก่น โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จ.ขอนแก่น

ขอนแก่น รมช.มท.เกรียงฯ ตามภัยแล้งและอุบัติเหตุ    รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยลงพื้นที่จ.ขอนแก่นติดตามการรับมือภัยแล...
07/02/2024

ขอนแก่น รมช.มท.เกรียงฯ ตามภัยแล้งและอุบัติเหตุ

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยลงพื้นที่จ.ขอนแก่นติดตามการรับมือภัยแล้งและอุบัติเหตุ เน้นย้ำงานป้องกันเป็นหลักเพราะหากไม่ป้องกันจะทำให้มีงานเพิ่มขึ้นทุกปี กำชับผู้ว่าฯ เดินหน้าป้องกันอุบัติเหตุเห้นด้วย “จับมากตายน้อย จับน้อยตายมาก”

ที่ห้องประชุมศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 6 ขอนแก่น นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย โดยมี นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ผู้บริหารท้องถิ่น ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นและหน่วยรับผิดชอบได้นำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยเฉพาะมีการจัดทำฝายชะลอน้ำ 341 จุดเก็บน้ำได้ 4 ล้านลูกบาศก์เมตรและฝายแกนดินซิเมนต์ 64 ฝายเก็บน้ำได้น 2 ล้านลูกบาศก์เมตรซึ่งในปี 2567 ตั้งเป้าไว้จะสร้างฝายแกนดินซิเมนต์ให้ครบ 73 สายเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้ง รวมถึงการป้องกันอุบัติเหตุในพื้นที่ จากนั้น ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 6 นำเสนอการเตรียมความพร้อมรับมือสาธารณภัยและเครื่องมือเครื่องจักร
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยกล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลให้ติดตามการเตรียมความพร้อมรับภัยแล้งและการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งได้เน้นย้ำให้จังหวัดเฝ้าระวังและติดตามประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่องไม่ให้ประชาชนต้องขาดน้ำในการอุปโภคบริโภคและในภาคการเกษตรและต้องเตรียมกำลังคนและเครื่องจักรกลให้มีความพร้อมที่จะเข้าช่วยเหลือประชาชนทันท่วงที โดยขอชื่นชมโครงการสร้างฝายแกนดินซีเมนต์ที่จังหวัดร่วมกับชาวบ้านทำแนวเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ใช้งบประมาณของทางราชการ แต่ขอให้หารือกับโยธาธิการจังหวัดคำนวนความแข็งแรงของฝายแกนดินซีเมนต์ในการกั้นลำน้ำที่กว้างขึ้น ส่วนการป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยให้เน้นเรื่องของงานป้องกันเป็นหลักเพราะหากไม่ป้องกัน งานก็จะเพิ่มขึ้นในทุกปี
จังหวัดขอนแก่นมีปริมาณน้ำเข้ามาในพื้นที่แต่ละปีประมาณ 6,700 ล้านลูกบาศก์เมตรแต่สามารถกับเก็บได้เพียง 2900 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่เหลือไหลลงแม่น้ำชีและแม่น้ำโขงต่อไป ซึ่งปีที่ผ่านมาจังหวัดได้จัดทำฝายชะลอน้ำจำนวน 341 จุดเก็บน้ำได้ 4 ล้านลูกบาศก์เมตรและฝายแกนดินซิเมนต์ 64 ฝายเก็บน้ำได้จำนวน 2 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งในปี 2567 ตั้งเป้าไว้จะสร้างฝายแกนดินซิเมนต์ให้ครบ 73 สายเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้ง ขณะที่น้ำในเขื่อนอุบลรัตน์ปัจจุบันมีปริมาณอยู่ที่ร้อยละ 70 ซึ่งในช่วงหน้าแล้งปียร้คาดว่าระบบประปาไม่มีปัญหา

06/02/2024

กองทัพบกบกจัดงานยิ่งใหญ่ “มหัศจรรย์ วันมวยไทย ดังไกลสู่ชาวโลก” ประจำปี 2567 Amazing MuayThai World Festival 2024
วันนี้ (6 กุมภาพันธ์ 2567) เวลา 17.45 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ให้เกียรติเป็นประธานจัดงานอย่างเป็นทางการในชื่อ “มหัศจรรย์ วันมวยไทย ดังไกลสู่ชาวโลก” ประจำปี 2567 พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้เกียรติร่วมงาน โดยมี พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วยผู้บังคับบัญชาชั้นสูงให้การต้อนรับ กิจกรรมประกอบด้วย การวางพานพุ่มดอกไม้สดถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์, ถวายราชสักการะพระบรมรูปสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) และถวายราชสักการะพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 รับมงคลจากพานพุ่ม มอบมงคลให้ครูมวยอาวุโส จากนั้น เข้าสู่การแสดง 3 ชุด ได้แก่ ชุดที่ 1 “มหัศจรรย์มวยไทย จากรากเหง้าแห่งสยาม ศิลปะการต่อสู้มรดกไทยสู่ชาวโลก”, ชุดที่ 2 “จารีตวิถีโบราณ การมอบตัวเป็นศิษย์ การขึ้นครูและการครอบครู มนต์ขลังวัฒนธรรมมวยไทย” และชุดที่ 3 “สืบศิลป์การไหว้ครูร่ายรำ แม่ไม้มวยไทย สู่โดรนแปรอักษร แสงสีสุดตระการตา” ซึ่งมีกำลังพลของกองทัพบกเข้าร่วมพิธีไหว้ครู กว่า 3,000 นาย ร่วมกับนักมวยจากสมาคมมวยพระเจ้าเสือและประชาชน รวมแล้วกว่า 5000 คน พร้อมด้วยการแปรอักษรโดยใช้โดรนแปรอักษร กว่า 700 ตัว และการแสดงพลุเพื่อแสดงถึงความสำคัญและความยิ่งใหญ่ของงาน นอกจากนี้ภายในงานยังมีการแข่งขันชกมวยท้องถิ่น กิจกรรมบูธของผู้สนับสนุน และการขายสินค้า OTOP และของที่ระลึกของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Amazing MuayThai Festival
ตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้วันที่ 6 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็น “วันมวยไทย” ซึ่งตรงกับวันเสวยราชสมบัติของสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 หรือ “พระเจ้าเสือ” พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถทางด้านมวยไทย เพื่อเป็นการสืบทอดศิลปะแม่ไม้มวยไทยไปยังคนรุ่นหลัง อีกทั้งยังเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของชาติไทยตราบมาจนถึงปัจจุบัน กองทัพบกจึงเห็นความสำคัญว่าแม่ไม้มวยไทยมิใช่เพียงศิลปะการต่อสู้ แต่หากเป็นการแสดงออกถึงศิลปะวัฒนธรรมจารีตประเพณีอัตลักษณ์ความเป็นชาติไทย จึงได้ดำเนินการร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), กระทรวงวัฒนธรรม, หน่วยงานภาครัฐ, หน่วยงานภาคเอกชน และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกันจัดงาน “มหัศจรรย์ วันมวยไทย ดังไกลสู่ชาวโลก” ประจำปี 2567 “Amazing MuayThai World Festival 2024” จัดขึ้นตั้งแต่ วันที่ 4 - 6 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 1600 - 2200 ของทุกวัน ณ อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อส่งเสริมให้มวยไทยเป็นกีฬาประจำชาติ และมรดกของชาติไทย เผยแพร่ประวัติศาสตร์ จารึกประเพณีวัฒนธรรมอันงดงามและเป็นสากล เพื่อให้กีฬามวยไทยให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก และเพื่อต่อยอดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมโดยให้มวยไทยเป็นสื่อกลาง ให้อุทยานราชภักดิ์เป็นบ้านของมวยไทยที่คนไทยและนักท่องเที่ยวต้องมา

06/02/2024

กรมสรรพากรเผยหลักเกณฑ์มาตรการ “Easy E-Receipt” ลดหย่อนสูงสุด 50,000 บาท เริ่ม 1 มกราคม 2567 ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2567 เฉพาะที่ได้รับ e-Tax Invoice หรือ e-Receipt เท่านั้น
#เศรษฐาทวีสิน #นายกคนที่30 #นายกรัฐมนตรี #รัฐบาล #ทำงาน #สปข1 #ลดหย่อนภาษี #สวทสกลนคร #สปข1 #กรมประชาสัมพันธ์

💥💥 5 วิธี ป้องกันฝุ่น PM2.5~ หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง~ สวมใส่หน้ากากอนามัย~ ลดปัญหาการเกิดฝุ่น~ กลุ่มเสี่ยงงดออกจากบ้าน...
06/02/2024

💥💥 5 วิธี ป้องกันฝุ่น PM2.5
~ หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง
~ สวมใส่หน้ากากอนามัย
~ ลดปัญหาการเกิดฝุ่น
~ กลุ่มเสี่ยงงดออกจากบ้าน
~ หากมีอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์

ข้อมูลจาก : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

#สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #ฝุ่นPM25

ที่อยู่

1878/12 (สวท. สกลนคร) ศูนย์ราชการสกลนคร
Sakhon Nakhon
47000

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ รีวิวข่าวชาวสกล By สวท.สกลนคร FM 91.25 MHzผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

วิดีโอทั้งหมด

แชร์


บริษัทด้านสื่อ/ข่าวสาร อื่นๆใน Sakhon Nakhon

แสดงผลทั้งหมด