หนังสือพิมพ์สังคมข่าว.๓๑

หนังสือพิมพ์สังคมข่าว.๓๑ ร่วมแจ้งและแชร์ข่าวสารให้กับสังคมสังคม แจ้งเรื่องร้องทุกข์ ร้องเรียน และช่วยเหลือสังคม หน่วยงานต่างๆ
(2)

เตือน แก๊งโจรออนไลน์ทักแจ้งเบาะแสคนโพสต์รถหาย หลอกโอนเงินค่าไถ่ถอน ก่อนปิดเฟซหนี ‘ตร.หาดใหญ่’ เตือน แก๊งโจรออนไลน์ทักแจ้...
05/08/2024

เตือน แก๊งโจรออนไลน์ทักแจ้งเบาะแสคนโพสต์รถหาย หลอกโอนเงินค่าไถ่ถอน ก่อนปิดเฟซหนี

‘ตร.หาดใหญ่’ เตือน แก๊งโจรออนไลน์ทักแจ้งเบาะแสคนโพสต์รถหาย หลอกโอนเงินค่าไถ่ถอน ก่อนปิดเฟซหนีทันที

วันที่ 5 สิงหาคม 67 ที่จ.สงขลา ตำรวจแจ้งเตือนหลอกลวงทางออนไลน์ของกลุ่มมิจฉาชีพรูปแบบใหม่ขอให้ประชาชนระวังกัน เป็นเรื่องของคนที่้ถูกขโมยรถจักรยานยนต์แล้วนำไปโพสต์แจ้งข่าวผ่านทางเฟซบุ๊กหรือทางสื่อโซเชียลเพื่อให้สายสืบโซเชียลหรือคนที่อาจจะพบเห็นรถช่วยแจ้งเบาะแส แต่กลายเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพซ้ำสอง รถหายแล้วยังต้องเสียเงินฟรีด้วย

โดยตำรวจชุดปราบปรามการโจรกรรมรถของ สภ.หาดใหญ่ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีแก๊งมิจฉาชีพที่จะคอยจ้องหลอกเงินคนที่โพสต์แจ้งรถหายผ่านทางโซเชียล ซึ่งมีเจ้าของรถโดนหลอกแล้วหลายราย

“วิธีคือโจรออนไลน์จะแชตมาหาเจ้าของรถที่โพสต์รถหายว่าเจอรถแล้ว ถูกเอาไปจำนำไว้บ้าง รับซื้อรถไว้บ้าง หรือบอกว่าตอนนี้รู้ว่ารถอยู่ที่ใคร แล้วเรียกเงินกับเจ้าของรถเป็นค่าไถ่ถอนจำนำบ้าง หรือค่าเสียเวลาบ้าง บางรายอ้างเป็นตำรวจว่าพบรถที่แจ้งหายแล้วแต่ขอค่าเดินทางค่าเสียเวลาในการไปตามรถคืนบ้าง แล้วขอเงิน 2,000-3,000 บาท ซึ่งเจ้าของรถหลงเชื่อโอนเงินไปให้หลังจากนั้นก็จะถูกบล็อกหรือปิดเฟสทันที” ตำรวจชุดปราบปรามโจรกรรมรถ สภ.หาดใหญ่ กล่าว

นอกจากนี้ ตำรวจชุดปราบปรามโจรกรรมรถ สภ.หาดใหญ่ เตือนว่า กรณีที่โพสต์เรื่องรถหายแล้วมีคนหรือผู้ที่อ้างตัวเป็นตำรวจทักมาหาอ้างว่าพบรถแล้วและให้โอนให้ไปให้ก่อนนั้น ขอให้เชื่อไว้ก่อนเลยว่าเป็นมิจฉาชีพแน่นอน เพราะร้อยทั้งร้อยที่เจอแบบนี้เสียเงินฟรี ถ้าเป็นตำรวจจริงจะไม่มีการเรียกรับเงินหรือให้โอนเงินให้ก่อน หรือถ้าเป็นพลเมืองดีจริงที่ช่วยแจ้งเบาะแสส่วนใหญ่จะไม่เรียกเงิน ถ้าโพสต์เรื่องรถหายหรือโพสต์กรณีอื่นๆแล้วมีคนทักมาแจ้งเบาะแสและให้โอนเงินไปให้มิจฉาชีพแน่นอน

“มีเจ้าของรถหลายคนหลงเชื่อโอนเงินไปให้รถก็ไม่ได้คืนแถมยังเสียเงินไปฟรีๆ หรือถ้าสงสัยว่าจริงหรือไม่ก็ควรให้อีกฝ่ายส่งรูปรถที่เป็นปัจจุบันมาให้ดูก่อนว่ามีอยู่จริงหรือไม่” ตำรวจชุดปราบปรามโจรกรรมรถ สภ.หาดใหญ่ กล่าวทิ้งท้าย

ที่มา : มติชนออนไลน์

https://www.matichon.co.th/region/news_4718494

"กัน จอมพลัง" พาพี่สาว แจ้งความ ล่า "13 เดนทรชน" ลวงน้องสาววัย 12 ย่ำยีพี่สาววัย20 ร้อง "กัน จอมพลัง" น้องสาววัย 12 ปี ถ...
04/08/2024

"กัน จอมพลัง" พาพี่สาว แจ้งความ ล่า "13 เดนทรชน" ลวงน้องสาววัย 12 ย่ำยี

พี่สาววัย20 ร้อง "กัน จอมพลัง" น้องสาววัย 12 ปี ถูก "13 เดนทรชน" ลวงกระทำชำเราหลายครั้ง อ้างพาไปกินโรตี อึ้ง เพือนสนิทน้องชายร่วมก่อเหตุด้วย

4ส.ค. 2567 นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ได้พาเด็กหญิงวัย 12 ปี และพี่สาวอายุ 20 ปี พร้อมนางวาริน วีระสุนทร หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนนทบุรี เดินทางมาแจ้งความ ที่สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี หลังได้รับเรื่องร้องเรียน จากพี่สาวว่าน้องสาวอายุ 12 ปี ถูก 13 ทรชน กระทำชำเรา

โดยก่อเหตุในพื้นที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ทำให้พี่สาวที่อยู่จังหวัดนนทบุรี ต้องพาน้องสาวหลบหนีผู้ก่อเหตุ มาอยู่ด้วยเพื่อร้องให้กัน จอมพลังช่วยเหลือ

น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี เผยว่าน้องสาวอายุ 12 ปี ถูกกระทำอนาจาร จาก 13 ทรชนในหมู่บ้าน แห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส โดยพี่สาวเผยว่าตนเพิ่งมาทราบเรื่อง หลังเห็นว่าน้องมีลักษณะผิดปกติไปจากเดิม ไม่ค่อยพูดคุย เก็บตัว จึงได้ ดูโทรศัพท์มือถือของน้อง ก็พบแชทจากกลุ่มผู้ก่อเหตุมาข่มขู่ล่อลวงออกไปทำอนาจาร

เกิดเหตุตั้งแต่เดือนพฤษภาคม จนปัจจุบันรวมก่อเหตุ 3 ครั้ง มีผู้ก่อเหตุทั้งหมด 13 คน พี่สาวผู้เสียหายยังบอกอีกว่าที่น่าเศร้าคือ ใน 13 คน มีคนที่เป็นเพื่อนสนิทน้องชาย บางคนเป็นเครือญาติกันด้วย เสียใจมากที่ทำกับน้องสาวแบบนี้

จึงพาน้องสาวหลบหนีพวกผู้ก่อเหตุ มาอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี และขอความช่วยเหลือจากคุณกัน จอมพลัง และที่ตัดสินใจพามาขอความช่วยเหลือจากกัน จอมพลัง เพราะว่ากลัว ว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุจะใช้อิทธิพลเคลียร์เรื่อง ให้จบหรือมาข่มขู่ทางครอบครัวตน

ด้านกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง เผยว่าน้อง 12 ปี หนีจากตากใบ จังหวัดนราธิวาส มาขอให้ช่วยเหลือ โดยน้องถูกเดนทรชน 13 คน หลอกว่าจะพาไปกินโรตีแต่กลับพาไปเข้าโรงแรมรุมโทรม

โดยพฤติการณ์คือมีวัยรุ่นที่เป็นเพื่อนของพี่ชายน้อง อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันทักชวนน้องบอกไปกินโรตีกัน แต่ว่าจู่ๆก็พาเข้าโรงแรม น้องก็ถามว่านี่หรอโรตี

จากนั้นก็ชวนเพื่อนชายมากระทำน้อง โดยทราบจากน้องเริ่มทำน้องตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และก่อเหตุมาแล้วทั้งหมด 3 ครั้ง รวมแล้วมีผู้ก่อเหตุทั้งหมด 13 คนหรือ 13 เดนทรชน บางคนมีลูกมีเมียแล้ว บางคนเป็นชายตาบอดทั้งสองข้าง มีอายุตั้งแต่ 16 จนถึง 20 กว่าปี หลังก่อเหตุเสร็จก็ข่มขู่น้องว่าห้ามบอกใคร ไม่เช่นนั้นจะนำเรื่องไปประจาน

น้องก็กลัวไม่กล้าบอกใคร จนพี่สาวมารู้เรื่องจึงมาขอให้ ช่วยเหลือเหมือนคนหนีร้อนมาพึ่งเย็น เพราะกลุ่มที่ก่อเหตุกระทำน้อง ทราบว่ามีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเป็นพวกอิทธิพลเถื่อน พบข้อมูลเป็นรูปภาพมีการโพสต์ขายยาเสพติดกันจำนวนมาก รวมถึงเมื่อคืนนี้กลุ่มผู้ก่อเหตุมีการโทรศัพท์มาหาแม่ของเด็กผู้เสียหายเพื่อขอไกล่เกลี่ย แต่จะไม่ขอไกล่เกลี่ยทางโทรศัพท์ จะให้ครอบครัวผู้เสียหายเดินทางกลับลงไปที่ อำเภอตากใบ พร้อมบอกกับผู้เสียหายหากอยากแจ้งความก็ให้แจ้งไป เดี๋ยวจะรวบรวมพรรคพวกไปที่สภ.ทั้งหมดเอง

โดย กัน จอมพลัง ได้เปิดคลิปเสียงสนทนาที่กลุ่มผู้ก่อเหตุ ส่งมาให้เด็กผู้เสียหาย ในเชิงข่มขู่ เป็นภาษามาลายู โดยคลิปแรกผู้ก่อเหตุ บอกให้เด็กออกมาจากบ้านเงียบๆ ห้ามบอกใคร ถ้าเชื่อฟังก็จะกลับมาส่งบ้านดีๆ

หลังจากนี้ก็จะมีการประสานกับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมบอกว่าพฤติกรรมของกลุ่มผู้ก่อเหตุกลุ่มนี้ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย รวมถึงไม่มีความเป็นมนุษย์และอยากจะให้ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการให้ถึงที่สุด

และจากการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ตากใบก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีโดยจะเดินทางมาที่สภ.รัตนาธิเบศร์ เพื่อรับเรื่องนำไปดำเนินคดีกับ กลุ่มทรชนด้วย ซึ่งต้องขอบคุณ ตำรวจในพื้นที่ตากใบ และต้องขอบคุณ ตำรวจสภ.รัตนาธิเบศร์ด้วย ที่ช่วยรับเรื่อง ร้องเรียนนี้ให้ทั้งที่ พื้นที่เกิดเหตุไม่ได้เกิดที่นี่เลย แต่ก็ยังช่วยประสานงานดำเนินการให้

ส่วนกลุ่มทรชนที่มีการท้าทาย ไม่เกรงกลัวกฎหมายจะไกล่เกลี่ย ให้จบเรื่องอย่างเดียว กัน จอมพลัง กล่าวในสไตล์ของกัน จอมพลัง เลยว่าชอบมากเลยแบบนี้ อยากเจอมากๆ และหวังว่าจะได้ เจอกัน
ด้านนางวาริน วีระสุนทร หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนนทบุรี เปิดเผยว่า ได้รับการประสานมาจาก กัน จอมพลัง จึงลงมาช่วยในวันนี้ ตอนนี้ให้นักสังคมสงเคราะห์ พูดคุยกับน้อง 12 ปี ตามขั้นตอนและกระบวนการหลังจากดำเนินการกับตำรวจเสร็จแล้วจะพาน้องไปตรวจร่างกาย เเละดูแลสภาพจิตใจน้อง เพื่อเข้ารับการคุ้มครองที่บ้านพักเด็ก ส่วนเรื่องเรียนหนังสือ จะประสานไปที่บ้านพักเด็กที่นราธิวาส เพื่อดูว่าจะสามารถส่งเด็กกลับไปเรียนที่เดิมได้ไหม ถ้ากลับไม่ได้ จะต้องหาเเนวทางช่วยเหลือต่อไป

ที่มา : คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/crime/581858?fbclid

เลียนแบบหนัง? รวบ เจมส์ บางบอนด์ สะกดรอยตามสารวัตร ย่องเบาขึ้นคอนโดรวบ ‘เจมส์ บางบอนด์’ สะกดรอยตามสารวัตร 10 วัน ใช้คีย์...
04/08/2024

เลียนแบบหนัง? รวบ เจมส์ บางบอนด์ สะกดรอยตามสารวัตร ย่องเบาขึ้นคอนโด

รวบ ‘เจมส์ บางบอนด์’ สะกดรอยตามสารวัตร 10 วัน ใช้คีย์การ์ดสำรอง เข้าห้อง 8 ครั้ง มึนรู้ห้องได้ยังไง ในห้องมีทรัพย์สิน แต่ไม่ขโมย หวั่นมีเจตนาแอบแฝงกว่านั้น

เมื่อวันที่ 4 ส.ค.67 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.ธิติพงษ์ สียา ผกก.สส.บก.น.9 พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้ว สว.ฝอ.บก.สส.บช.น. ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายมนัสวิน หรือ “เจมส์ บางบอนด์” อายุ 25 ปี

ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ 647/2567 ลงวันที่ 25 ก.ค.67 ข้อหา “ลักทรัพย์ของผู้อื่นในเวลากลางคืนในเคหะสถาน และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต่างกรรมต่างวาระ” จับกุมตัวได้ที่ ริมป่าข้างคลอง แนวรอยต่อระหว่าง จ.ฉะเชิงเทรา-สมุทรปราการ ต.หอมศีล อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 3 ส.ค.67 เวลา 16.15 น.ที่ผ่านมา

จากการตรวจสอบพบประวัติเคยก่อคดีอาญา 4 คดีคือ วันที่ 9 ส.ค.62 ถูกจับกุมข้อหา “มียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองฯ” พื้นที่ สน.หลักสอง, วันที่ 8 ธ.ค. 66 ก่อเหตุ “ลักทรัพย์ฯ” ขโมยซองผ้าป่า พื้นที่ สน.ท่าข้าม, วันที่ 23 พ.ค. 67 ก่อเหตุ “ลักทรัพย์ฯ” ขโมยนาฬิกาในห้างสรรพสินค้า พื้นที่ สน.ภาษีเจริญ

วันที่ 17, 19, 20, 21, 22, 24, 26, 27 มิ.ย. 67 (8 วัน) ก่อเหตุ “ลักทรัพย์ของผู้อื่นในเวลากลางคืนในเคหะสถานฯ” ซุ่มดูเหยื่อก่อนแอบขโมยคีย์การ์ดขึ้นไปลักของบนห้องพัก พื้นที่ สน.เพชรเกษม

สืบเนื่องจากเมื่อมีคนร้ายรายหนึ่งวางแผนกระทำการบางอย่างกับนายตำรวจระดับ “สารวัตร” สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยนายตำรวจผู้เสียหายถูกคนร้ายสะกดรอยมาเป็นเวลานานกว่า 10 วัน และยังถูกแอบเข้าไปรื้อค้นในห้องพักกว่า 8 ครั้ง

เรื่องราวซับซ้อนนี้แดงขึ้นเมื่อคืนวันที่ 27 มิ.ย. 67 เวลาประมาณ 21.00 น. เมื่อนายตำรวจผู้เสียหายกลับเข้ามาที่ห้องพักในคอนโดชื่อดังย่านบางแค แล้วพบว่าข้าวของบางอย่างถูกขยับเขยื้อนและเมื่อตรวจสอบในห้องโดยละเอียดทำให้ทราบว่ามีสิ่งของบางอย่างหายไป จึงลงมือสืบสวนเบื้องต้นด้วยตัวเอง แล้วพบว่ามีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น “บุกเดี่ยว” เข้ามาในห้องพักของตนเองกว่า 5 นาที ก่อนหลบหนีออกไป

ซึ่งหลังทราบเรื่องนายตำรวจผู้เสียหายจึงรีบเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีในทันที ซึ่งแรกเริ่มเหมือนจะเป็นคดีลักทรัพย์ทั่วไป แต่ที่สร้างความฉงนใจคือ “คนร้ายขึ้นคอนโดไปได้อย่างไร” ทั้งที่ภายในคอนโดมีระบบความปลอดภัยที่หนาแน่น ชุดสืบสวนจึงเริ่มสืบสวนโดยละเอียดไล่ไทมไลน์ย้อนหลังไปจนได้ข้อมูลที่ทำเอาขนลุก

เพราะนายตำรวจผู้เสียหายถูกคนร้ายสะกดรอยเฝ้าดูพฤติกรรมมาเป็นเวลากว่า 10 วันแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นคนร้ายยังแอบย่องเข้าไปในห้องของนายตำรวจผู้เสียหายมาแล้วกว่า 7 ครั้ง ก่อนที่จะลงมือก่อเหตุในครั้งที่ 8 โดยคนร้ายสะกดรอยจนทราบที่เก็บ “คีย์การ์ดสำรอง” ของนายตำรวจผู้เสียหายที่ถูกเก็บไว้ใน Mail Box (ช่องตู้ไปร์ษณีย์) ที่อยู่ชั้นล่างของอาคารคอนโด

และใช้จังหวะเมื่อนายตำรวจผู้เสียหายเดินทางออกไปทำงานหรือไม่อยู่ที่ห้องพัก คนร้ายจะแอบไปหยิบคีย์การ์ดสำรองดังกล่าว ทำให้สามารถขึ้นตึกและเข้าไปสอดแนมภายในห้องพักได้ แล้วเมื่อเสร็จภารกิจลับก็จะนำคีย์การ์ดนั้นมาเก็บไว้ที่เดิม เสมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

ที่น่าสงสัยให้กับนายตำรวจผู้เสียหายที่สุดคือ “คนร้ายทราบชั้นห้องพัก” ได้อย่างไร เสมือนคนร้ายทราบข้อมูลของนายตำรวจผู้เสียหายอย่างละเอียดยิบ อีกทั้งทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากภายในห้องพักกลับไม่ถูกขโมยไป เสมือนคนร้ายไม่ได้ประสงค์ต่อทรัพย์ แต่อาจมีเจตนาแอบแฝงที่ร้ายมากไปกว่านั้น

ชุดสืบสวน บก.สส.บช.น. และ กก.สส.บก.น. 9 ร่วมกันเร่งสืบสวนใช้เวลากว่า 1 เดือนสืบสวนติดตามคนร้ายรายนี้ เพราะพฤติกรรมสุดจะซับซ้อน เสมือนเลียนแบบมาจากภาพยนตร์ กระทั่งสืบสวนจนทราบตัวคนร้ายและออกหมายจับ ซึ่งก็คือ นายมนัสวิน หรือ “เจมส์-บางบอนด์” โดยพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สั่งทีมไล่ล่าติดตามจับกุมตัวคนร้าย

โดยการสืบสวนติดตามพบว่าหลังจากก่อเหตุในวันสุดท้าย (27 มิ.ย. 67) คนร้ายหายตัวไปเป็นคนไร้ตัวตน ต่อมาสืบทราบว่าคนร้ายร่อนเร่พเนจรไปนอนตามป้ายรถเมล์ ปั๊มน้ำมัน ซึ่งชุดสืบสวนติดตามไล่ล่าตีล้อมวงจนคนร้ายไปจนมุมที่ ริมป่าข้างคลอง แนวรอยต่อระหว่าง จ.ฉะเชิงเทรา-สมุทรปราการ ต.หอมศีล อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

ในชั้นจับกุม นายมนัสวิน หรือ “เจมส์-บางบอนด์” ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองจบการศึกษาชั้น ม.6 และต่อ ปวช.สายช่างก่อสร้าง แต่เรียนไม่จบ ในปัจจุบันเป็นคนตกงานและไม่เป็นที่ยอมรับของครอบครัว จึงชอบร่อนเร่ไปพักอาศัยตามที่ต่างๆไปเรื่อย

ส่วนทางคดีตนไม่ได้หวังปองร้าย ไม่ได้รับงานใครมา ตนเองแค่มานั่งสังเกตการณ์บริเวณใต้อาคารคอนโดที่เกิดเหตุบ่อยๆ แล้วเห็นว่าห้องของนายตำรวจผู้เสียหายมักซ่อนกุญแจและคีย์การ์ดสำรองไว้ในช่อง Mail Box ตนเป็นคนตกงานและทางบ้านของภรรยาไม่ค่อยยอมรับ จึงตั้งใจจะขึ้นไปนอนบนห้องของผู้เสียหาย ขณะที่เขาไม่อยู่เท่านั้น ไม่ได้คิดจะสอดแนมหรือปองร้ายใดๆ ทั้งสิ้น

ส่วนที่มาถูกจับกุมที่นี่ไม่ได้หลบหนีมา แต่ได้งานทำใหม่ที่นี่ ส่วนที่ไม่ได้อยู่ละแวกบางบอนเช่นเดิมนั้น เพราะหลังก่อเหตุตนเองมีความรู้สึกว่าเหยื่อน่าจะรู้ตัว และมีเจ้าหน้าที่บางส่วนมาติดตาม จึงออกร่อนเร่เดินเท้าไปอย่างไร้จุดหมายและมาถูกจับกุม” หลังจับกุมขยายผลได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม ดำเนินคดีต่อไป

ที่มา : ข่าวสด

https://www.khaosod.co.th/crime/news_9344213

วิสามัญฯ หนุ่มคลั่งควงสปาต้าไล่ฟัน ถืออาวุธคล้ายปืน วิ่งเข้าใส่ ตร. เจอยิงสวนดับวิสามัญฯ หนุ่มคลั่งควงสปาต้าไล่ฟัน ถืออา...
04/08/2024

วิสามัญฯ หนุ่มคลั่งควงสปาต้าไล่ฟัน ถืออาวุธคล้ายปืน วิ่งเข้าใส่ ตร. เจอยิงสวนดับ

วิสามัญฯ หนุ่มคลั่งควงสปาต้าไล่ฟัน ถืออาวุธคล้ายปืน วิ่งเข้าใ่ส่ ตร. เจอยิงสวนดับ ชาวบ้านเผยสุดเอือมระอา คลุ้มคลั่งถืออาวุธเป็นประจำ

เมื่อเวลา 15.50 น. วันที่ 4 ส.ค. 2567 พ.ต.ท.พร้อมศักดิ์ รัตนภักดี รอง ผกก.ป.สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งเหตุตำรวจเข้าระงับเหตุยิงชายคุ้มคลั่งได้รับบาดเจ็บ ที่ริมรั้วข้างกำแพงวัดน้อยโพธิ์คำ (วัดพระใหญ่) ชุมชนน้อยใต้ ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม จ.นครพนม จึงรายงาน พ.ต.อ.ภาคภูมิ เดชะเรืองศิลป์ ผกก.สภ.เมืองนครพนม ก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อม ร.ต.อ.สุระชัย นครคำสิงห์ รอง สวป. รถกู้ชีพ 1669 รพ.นครพนม ตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และแพทย์เวร รพ.นครพนม

ที่เกิดเหตุพบศพชายนายสิงห์ คำดี อายุ 40 ปี อาชีพเก็บของเก่า ชาวลาว สภาพศพนอนหงายสวมเสื้อสีน้ำเงิน กางเกงขาสั้นสีดำ มีบาดแผลถูกยิงที่หน้าท้อง ถัดจากมือซ้าย 1 เมตรพบมีดดาบสปาต้ายาว 2 ฟุต ใกล้มือขวาพบอาวุธปืนไม่ทราบชนิดตกอยู่

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงแจ้งเหตุบุกรุกและคลุ้มคลั่ง ตำรวจสายตรวจรถจักรยานยนต์ 2 นาย จึงขับรถไปตรวจสอบ และโทรเรียกกำลังเสริม ก่อนที่คนร้ายจะคว้ามีดดาบสปาต้าไล่ฟันและเล็งอาวุธปืนมาทางเจ้าหน้าที่

เจ้าหน้าที่จึงวิ่งหนีไปคนละทิศทาง ขณะถึงใต้ต้นมะเดื่อ คนร้ายวิ่งเข้ามาชาร์จระยะประชิด และจะใช้มีดดาบฟัน ตำรวจจึงชักอาวุธปืนยิงสวนไป 3-4 นัด เพื่อป้องกันตัวตามยุทธวิธี ทำให้คนร้ายล้มแน่นิ่ง เมื่อเข้าไปตรวจสอบพบยังมีชีพจรและหายใจรวยริน จึงรีบโทรแจ้งรถกู้ชีพมารับตัวไปส่งรักษาที่ รพ.นครพนม แต่ไม่ทัน ทำให้นายสิงห์เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

ด้านพี่เขยผู้ตาย อายุ 50 ปี กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุนายสิงห์ขับรถสามล้อสกายแล็บเข้ามาจอดหน้าบ้าน จู่ๆ เกิดคลุ้มคลั่งโวยวายเสียงดังอาละวาด ซึ่งเป็นมานานหลายปีแล้ว เนื่องจากชอบเสพยา ทำให้ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงเอือมระอา จึงแจ้งตำรวจสายตรวจให้มาระงับเหตุ

พี่เขยผู้ตาย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นายสิงห์เคยตีลูกชายตนจนสลบเย็บ 10 เข็ม จึงแจ้งตำรวจมาระงับเหตุ ตำรวจเคยมาจับกุมตัว 2-3 ครั้งในข้อหาลักขโมยเหล็ก และมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง เคยติดคุกมา 1 ปี อาการสงบลง แต่หลังจากนั้น 4-5 เดือน ก็กลับมาคลุ้มคลั่งตลอด ถ้าไม่สู้กับตำรวจก็คงไม่เกิดเรื่องเช่นนี

นางดาว จันทะลา อายุ 75 ปี ชาวลาว แม่ผู้ตายร้องห่มร้องไห้ยืนพิงผนังปูนบ้าน ปิ่มจะขาดใจนานกว่าครึ่งชั่วโมง อยากจะขอดูศพลูกชาย กล่าวว่า ตนไม่เห็นตอนลูกชายเอามีดไล่ฟันตำรวจ เพราะนั่งอยู่ในบ้าน ส่วนปืนที่อยู่ในมือลูกชายเป็นปืนปลอม จนได้ยินเสียงปืนดัง 4-5 นัด จึงรีบวิ่งออกมาดู พบลูกหายใจรวยริน ก่อนเสียชีวิต

ขณะที่เพื่อนบ้าน กล่าวว่า นายสิงห์คิดจะต่อสู้กับตำรวจ มือซ้ายถืออาวุธมีดดาบ ส่วนมือขวาถืออาวุธปืนลักษณะคล้ายขึ้นลำ ที่ผ่านมามักจะถือมีดและถือปืนเอะอะโวยวาย จนเพื่อนบ้านเอือมระอา จึงแจ้งตำรวจให้มาระงับเหตุ

ด้าน พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวว่า ขณะตำรวจสายตรวจ 2 นาย ขับรถจักรยานยนต์เข้ามาตรวจสอบ ผู้ตายเข้าไปในบ้านและถือมีดดาบยาว 2 ฟุต พร้อมอาวุธคล้ายปืนสีเทามีแม็กกาซีน ออกมาจะฟันและจะยิงตำรวจ เจ้าหน้าที่จึงหนีไปคนละทิศทาง แต่เมื่อเห็นคนร้ายตรงเข้ามาใกล้และจะทำร้าย จึงยิงป้องกันตัว

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานอัยการ แพทย์เวร และฝ่ายปกครอง มาร่วมชันสูตรพลิกศพ เนื่องจากเป็นเหตุวิสามัญฆาตกรรม เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป..

ที่มา : ข่าวสด

https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9344911

พ่อทาสยาเสพติด สร้างตราบาปให้ลูก ขืนใจมาราธอน 5 ปี ความแตกจากเรียงความ ครูช่วยพ้นนรก วันที่ 3 ส.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงาน น...
03/08/2024

พ่อทาสยาเสพติด สร้างตราบาปให้ลูก ขืนใจมาราธอน 5 ปี ความแตกจากเรียงความ ครูช่วยพ้นนรก

วันที่ 3 ส.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงาน นายสมชาย (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี โพสต์ภาพจับคนร้ายล่วงละเมิดทางเพศเด็ก ครอบครองยาไอซ์ และ ยาบ้า โดยมีตำรวจ สภ.นาดี, เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ต.สำพันตา, ชุด ชรบ.บ้านหนองแหน, เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ (ขญ.9) เข้าจับกุม

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยทราบว่า ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุข่มขืนลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง คือ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเด็กหญิงถูกพ่อล่วงละเมิดทางเพศตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ป.3 และถูกพ่อข่มขู่ไม่ให้นำเรื่องนี้ไปบอกกับใคร ไม่เช่นนั้นจะฆ่าให้ตาย เด็กหญิงจึงต้องทนทุกข์เก็บเป็นความลับมาตลอด

กระทั่งเรื่องมาแดงขึ้นเนื่องจาก ครูให้นักเรียนเขียนเรียงความสภาพความเป็นอยู่ของบ้าน เพื่อเป็นข้อมูลก่อนทำกิจกรรมเยี่ยมบ้านนักเรียน เด็กหญิงจึงเขียนเรื่องของตัวเองให้ครูประจำชั้น จนทราบเรื่องก่อนนำเรื่องดังกล่าวรายงานผู้บังคับบัญชา แล้วประสานผู้นำหมู่บ้านให้เข้าช่วยเหลือ

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่สืบสวนจนทราบว่า เด็กหญิงถูกพ่อแท้ๆ ข่มขืนมาตั้งแต่อยู่ชั้น ป.3 จนถึงปัจจุบัน และถูกขู่ฆ่าจึงไม่กล้านำเรื่องไปบอกใคร รวมทั้งไม่กล้าบอกแม่ด้วย ซึ่งผู้เป็นแม่ก็เพิ่งทราบเรื่องหลังจากโรงเรียนประสานมา

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าจับกุมตัวพ่อแท้ๆ ได้พร้อมยาไอซ์ และยาบ้า จำนวนหนึ่ง โดยผู้ต้องหายอมรับสารภาพทั้งเรื่องข่มขืนลูกและเสพยาเสพติดด้วย หลังจากนั้นจึงนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ที่มา: ข่าวสด
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9343779

ตำรวจปราบปรามยาเสพติด จับเครือข่ายค้ายาเสพติด จนมุมขณะนั่งล้อมวงกินหมูกระทะ ย่านปทุมธานี ยึดยาบ้าเฉียด 6 ล้านเม็ด ไอซ์ 3...
03/08/2024

ตำรวจปราบปรามยาเสพติด จับเครือข่ายค้ายาเสพติด จนมุมขณะนั่งล้อมวงกินหมูกระทะ ย่านปทุมธานี ยึดยาบ้าเฉียด 6 ล้านเม็ด ไอซ์ 365 กก.

ตามนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติดภายใต้การอำนวยการของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. /ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. /รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด โดย พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.วิทัศน์ บริรักษ์ ผู้บังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด นำกำลังสืบสวนจับกุมต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2567 เวลาประมาณ 20.20 น. ต่อเนื่อง วันที่ 2 สิงหาคม 2567 เวลา 04.00 น. ตำรวจ กก.3 บก.สกส.บช.ปส.ร่วมกันจับกุมเครือข่ายค้ายาเสพติด รวม 10 คน หลัง ตำรวจ กก.3 บก.สกส.บช.ปส. สืบสวนทราบว่าเครือข่ายยาเสพติดจะลักลอบลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก จากพื้นที่ภาคเหนือ ด้าน อ.แม่ฟ้าหลวง , อ.แม่จัน จว.เชียงราย ส่งให้ลูกค้าตามสั่งการของผู้ว่าจ้างในพื้นที่ภาคกลาง และปริมณฑล โดยจะใช้รถ 3 คัน และใช้เส้นทางจากพื้นที่ชายแดน จว.เชียงราย ผ่าน จว.พะเยา - จว.แพร่ - จว.อุตรดิตถ์ - จว.สุโขทัย

กระทั่งเวลาประมาณ 15.50 น. วันที่ 1 ส.ค.67พบรถทั้ง 3 คัน ขับมาในลักษณะเป็นขบวน มีรถนำ/สำรวจเส้นทาง และรถตาม ผ่านจุดตรวจทัพหลวง อ.หนองหญ้า จว.สุพรรณบุรี ทิศทางมุ่งหน้า ถนน บางบัวทอง - บางพูน ตำบล บ้านใหม่ อำเภอเมืองปทุมธานี จว.ปทุมธานี ชุดปฏิบัติจึงได้สะกดรอยติดตาม จนเวลาประมาณ 20.20 น. รถยนต์เป้าหมายทั้ง 3 คัน ได้จอดบริเวณริมถนน บางบัวทอง - บางพูน ต.บ้านใหม่ อ.เมืองปทุมธานี จว.ปทุมธานี ก่อนจะเข้าไปนั่งรับประทานอาหารร้่นหมูกระทะ ตำรวจชุดปฏิบัติการ จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น พบผู้ต้องหา 6 ราย คือ 1. นายสดายุ 2. นายสยามพิน 3. นายทนงศักดิ์ 4. นายเฉลิมพล 5. น.ส.กฤษสุดา 6. น.ส.มณฑกานต์ พร้อมเชิญบุคคลทั้งหมด มาตรวจค้นรถยยนต์ ทั้ง 3 คัน เบื้องต้นพบยาเสพติดจำนวนมากถูกซุกซ่อนกระบะบรรทุก ยี่ห้อ HINO สีขาว ทะเบียน 71 3### ฉะเชิงเทรา โดยมีเหล็กกล่องขนาดต่าง ๆ วางทับมาจำนวนมากเพื่ออำพรางสายตา จากการตรวจสอบพบกระสอบต้องสงสัย 60 กระสอบ เป็นยาบ้าจำนวน 5,874,000 เม็ด และไอซ์ 365 กิโลกรัม

จากนั้น ได้ขยายผลพบว่าจะมีการนัดพบเพื่อส่งยาบ้าและไอซ์ จำนวน 15 กระสอบ โดย น.ส.กฤษสุดาฯ ผู้ต้องหาที่จับกุมได้โทรศัพท์นัดหมายให้มาส่งที่ สถานีบริการน้ำมัน ปตท.ติวานนท์ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี ตำรวจจึงวางกำลังจนกระทั่งเครือข่ายได้ขับรถขนยาเสพติดมาที่จุดนัดหมาย ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุม ได้ผู้ต้องหาเพิ่มเติม จำนวน 4 คน คือ 1. นายสิรวิชญ์ 2.นายกฤษฎา 3.น.ส.ณิชาดา และ 4. เยาวชน 1 ราย ทั้งนี้ได้ตรวจยึด รถบรรทุก ทะเบียน 2ฒก 94xx กรุงเทพมหานคร และรถบรรทุก ยี่ห้อ TOYOTA สีดำ ทะเบียน ฒภ 6xx กรุงเทพมหานคร ที่ใช้ก่อเหตุ

ทั้งนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มุ่งมั่นปราบปรามยาเสพติดทุกรูปแบบอย่างเด็ดขาด เพื่อสร้างชุมชนปลอดภัยอย่างยั่งยืน

#ปราบปรามยาเสพติด
#สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ตร.ตรวจเหตุรถชนเสาไฟฟ้า อึ้ง เจอยาบ้าซุกพงหญ้า กว่า 500,000 เม็ดตำรวจโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ตรวจที่เกิดเหตุรถชนเสาไฟฟ้า ...
01/08/2024

ตร.ตรวจเหตุรถชนเสาไฟฟ้า อึ้ง เจอยาบ้าซุกพงหญ้า กว่า 500,000 เม็ด

ตำรวจโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ตรวจที่เกิดเหตุรถชนเสาไฟฟ้า อึ้ง พบยาบ้าเอากิ่งไม้ทับไว้ ข้างทางในหมู่บ้านวังขอนขว้าง จำนวน 3 กระสอบ บรรจุกว่า 500,000 เม็ด

เมื่อเวลา 09.30 น. ของวันที่ 1 สิงหาคม 2567 พันตำรวจโทพายัพ รุ่งหัวไผ่ พนักงานสอบสวนสภโคกสำโรง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีรถชนเสาไฟฟ้าหักโค่น ขอให้ออกไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งหลังรับแจ้งเหตุจึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งระหว่างตรวจสอบเสาไฟฟ้าที่หักโค่นอยู่ได้เดินไป พบกระสอบต้องสงสัยจำนวน 3 กระสอบ อยู่ข้างทางหมู่ที่ 3 ตำบลวังขอนกว้าง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ต้องสงสัยว่าในกระสอบนั้นอาจจะเป็นยาบ้า จึงได้ขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจลงมาช่วยตรวจสอบ พบกระสอบจำนวน 3 กระสอบ อยู่ข้างทางในหมู่บ้านหมู่ที่ 3 โดยเอากิ่งไม้ทับกระสอบไว้ ไม่ห่างทางมากนัก จึงทำการตรวจสอบกระสอบทั้งหมด 3 ใบ พบว่าในกระสอบบรรจุยาบ้าทั้ง 3 ใบ จึงนำ ไปยังสถานีตำรวจภูธรโคกสำโรง ทำการแกะมาตรวจสอบ เมื่อทำการตรวจสอบแล้วพบว่ายาบ้า ในกระสอบมีจำนวน ทั้งสิ้น 250 มัด จำนวนยาบ้ากว่า 5 แสนเม็ดเศษ

ในเวลาต่อมาจึงได้ให้เจ้าหน้าทีตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจหาหลักฐานและพิสูจน์ว่าเป็นยาบ้า เพื่อที่จะทำการสอบสวนหา เจ้าของยาบ้าจำนวนดังกล่าวต่อไป

ด้านพันตรวจเอกภูการวิก โชติกเสถียร รอง ผบก.ภ.จว.ลพบุรี เปิดเผยว่า ยาบ้าที่จับได้ในครั้งนี้เกิดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีเหตุรถชนเสาไฟฟ้าหักโค่น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ จึงพบกระสอบต้องสงสัยและตรวจสอบพบเป็นยาบ้าจำนวนกว่า 5แสนเม็ดดังกล่าว แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะเชื่อมโยงกับอุบัติเหตุหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบหาข้อมูลหลักฐานอยู่ หรืออาจจะมีการขนยาบ้ามาแล้วกลัวด่านจึงนำแอบซุกไว้ข้างทางเพื่อรอลูกค้ามารับช่วงต่อไป แต่อย่างใดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งสอบสวนจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว

https://ch3plus.com/news/crime/ch3onlinenews/410865

สลด! อดีตตำรวจ ทะเลาะวิวาท อดีตภรรยา ลั่นไกเจาะอก ก่อนจบชีวิตตัวเอง1 ส.ค. 2567 เมื่อเวลา 13.00 น. ตำรวจ สภ.ย่านตาขาว รับ...
01/08/2024

สลด! อดีตตำรวจ ทะเลาะวิวาท อดีตภรรยา ลั่นไกเจาะอก ก่อนจบชีวิตตัวเอง

1 ส.ค. 2567 เมื่อเวลา 13.00 น. ตำรวจ สภ.ย่านตาขาว รับแจ้งมีเหตุทะเลาะวิวาท และยิงกันเสียชีวิตภายในบ้านพัก ต.ทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง จึงรายงานผู้บังคับบัญชารับทราบ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ เดินทางไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว จากการสอบถามทราบว่า ร.ต.ท.โชค ข้าราชการบำนาญ ใช้อาวุธปืนยิงภรรยาเสียชีวิต เจ้าหน้าที่จึงใช้โทรโข่ง พยายามเกลี้ยกล่อมให้ ร.ต.ท.โชค มอบตัว แต่กลับได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก 1 นัด เจ้าหน้าที่จึงพังประตูเข้าไปตรวจสอบ พบร่าง ร.ต.ท.โชค และนางสมคิด อายุ 70 ปี เสียชีวิตไปแล้ว

เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ ให้ข้อมูลว่า นางสมคิด เสียชีวิตอยู่ภายในห้องนอน พบบาดแผลถูกยิงเข้ากลางหน้าอก 2 นัด และราวนมซ้าย 1 นัด ส่วน ร.ต.ท.โชค เสียชีวิตนอกห้อง มีบาดแผลถูกยิงเข้าขมับขวา 1 นัด มีอาวุธปืนตกอยู่ข้างกาย

จากการสอบถามทราบว่า ร.ต.ท.โชค มีปัญหาทะเลาะวิวาทกับภรรยามายาวนาน จนกระทั่งภรรยาได้กลับไปบ้านญาติที่ จ.นครศรีธรรมราช และกลับมาบ้านหลังนี้ได้เพียง 3 วัน พอ ร.ต.ท.โชค ทราบข่าว ก็ขี่ จยย. มาเจอเพื่อเคลียร์ปัญหา แต่ไม่สำเร็จ จึงชักอาวุธปืนที่พกติดตัวมา ยิงภรรยาจนเสียชีวิต ก่อนโทรบอกญาติและเพื่อนที่เป็นอดีตตำรวจด้วยกัน ว่ายิงภรรยาแล้ว และให้มารับศพตัวเอง ญาติและเพื่อนๆ จึงโทรแจ้งตำรวจให้มาระงับเหตุ แต่ไม่ทันการณ์

ร.ต.ท.อำนวย เพื่อนสนิทผู้เสียชีวิต เล่าว่า ผู้ตายเป็นข้าราชการบำนาญ ส่วนภรรยาทำธุรกิจส่วนตัว และมีปัญหาเรื่องหย่าร้าง เกี่ยวกับเรื่องแบ่งแยกทรัพย์สิน ก่อนหน้านี้ผู้ตายเคยเล่าให้ตนเองฟังว่า ได้ไปขอเงินนางสมคิด จำนวน 5,000 บาท แต่ภรรยาไม่ให้ เลยทะเลาะกัน จึงถึงขั้นไปหย่าที่อำเภอ ได้ประมาณ 2-3 เดือน จากนั้นภรรยาก็หนีออกจากบ้าน ไปอยู่ที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช

ตอนที่หย่าได้เรียกเงินภรรยาไป 350,000 บาท แต่ภรรยาให้เงินสดไป 200,000 บาท และให้ ร.ต.ท.โชค ไปเอาอีก 100,000 บาท ที่กองบังคับคดี และยังให้เงินสดไปอีก 50,000 บาท ส่วนจะให้ครบหรือไม่ ตนไม่ทราบรายละเอียด และทราบว่าวันไปเซ็นใบหย่า ก็ไปทะเลาะกันที่อำเภอ และไปแจ้งความจนเป็นคดี ให้ตนเองและผู้กำกับ สภ.ย่านตาขาว มาช่วยเคลียร์ ก่อนแยกย้ายกันไป

ล่าสุด เวลาประมาณ 11.26 น. ผู้เสียชีวิตโทรเข้ามาหา แต่ตนไม่ได้รับสาย เลยไม่ทราบปัญหาวันนี้ ส่วนผู้ตายมีนิสัยส่วนตัวชอบพกปืนอยู่ตลอดเวลา และเคยพูดไว้ว่าถ้าพบภรรยาตรงไหนก็จะยิงทั้งเมียและตนเอง

ที่มา:คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/crime/581591

 #สถานีตำรวจภูธรกบินทร์บุรีวันที่ 1 ส.ค.67 พ.ต.อ.ศิวัชณัฏฐ์ คุ้มทรัพย์ ผกก.สภ.กบินทร์บุรี สั่งการให้ ร.ต.อ.ธีรพงษ์ เดชอำ...
01/08/2024

#สถานีตำรวจภูธรกบินทร์บุรี
วันที่ 1 ส.ค.67 พ.ต.อ.ศิวัชณัฏฐ์ คุ้มทรัพย์ ผกก.สภ.กบินทร์บุรี สั่งการให้ ร.ต.อ.ธีรพงษ์ เดชอำพรภิญโญ รอง สวป.สภ.กบินทร์บุรี พร้อมกำลัง ส.ต.ท.เวชพิสิฐ แจ้งไข่ ,ส.ต.ต.วรเดช ไชยรบ และ ส.ต.ต.จุฑาธร ถนอมพงษ์ ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ยาเสพติด อาวุธปืน และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย

1. นายวานิตย์ หรือเบิร์ด อายุ 44 ปี พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวน 5 เม็ด
กระทำความผิดฐาน "มียาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า)ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต" และ "เสพยาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า) โดยไม่ได้รับอนุญาต"

2. น.ส.วันวิสา หรืออร อายุ 27 ปี กระทำความผิดฐาน "เสพยาเสพติดให้โทษประเภท1(เมทแอมเฟสตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต"

พฤติการณ์ในการจับกุม
บุคคลทั้งสองเป็นบุคคลเป้าหมาย คดีลักทรัพย์รถจักรยานยนต์หลายท้องที่ คืนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้สังเกตุเห็นเสื้อ มาแต่ไกล เลยรอจังหวะให้บุคคลทั้งสองเข้าไปในเซเว่นฯ(ตรอกปลาไหล)ก่อน เมื่อเห็นตำรวจฯ เป้าหมายทั้งคู่ได้แสดงอาการมีพิรุธอย่างเห็นได้ชัดจึงได้ทำการตรวจฯ และทำการจับกุมดังกล่าวฯลฯ และจะขยายผลเคสลักทรัพย์ อีกหลายเคส(อย่างน้อย2จังหวัด) ต่อไป

นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.กบินทร์บุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

#สถานีตำรวจภูธรกบินทร์บุรี #ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม #ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนยาเสพติดและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง #งานป้องกันปราบปรามกบินทร์บุรี
#หากพบเห็นหรือมีเบาะแสการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด #การลักลอบเล่นการพนันผิดกฎหมาย #การแข่งรถในทาง #เหตุด่วนเหตุร้าย #สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 037-280227 ตลอด 24 ชั่วโมง

คนร้ายข้อหาพยายามฆ่า หนีกบดานที่พิจิตร ชักมีดแทง สว.สืบฯ บาดเจ็บสาหัสผู้ต้องหาตามหมายจับพยายามฆ่าที่อุทัยธานี หนีมากบดาน...
01/08/2024

คนร้ายข้อหาพยายามฆ่า หนีกบดานที่พิจิตร ชักมีดแทง สว.สืบฯ บาดเจ็บสาหัส

ผู้ต้องหาตามหมายจับพยายามฆ่าที่อุทัยธานี หนีมากบดานที่พิจิตร สว.สืบจังหวัดพร้อมพวกไปล้อมจับ โดนแทงด้วยมีดยาว 8 นิ้ว ถูกเหนือราวนมด้านขวาทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่หนีไม่รอด ตำรวจรุมจับตัวไว้ได้

เวลา 14.00 น. วันที่ 1 ส.ค. 67 ร.ต.อ.(หญิง) ศิริรัตน์ บุญอ่อน รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิจิตร ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.เมืองพิจิตร มีเหตุผู้ต้องหาตามหมายจับใช้อาวุธมีดแทงเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่บริเวณบ้านเลขที่ 149/4 หมู่ 8 ต.ท่าหลวง อ.เมืองพิจิตร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้ จึงรายงาน พ.ต.อ.อนุพันธ์ สุสม ผกก.สภ.เมืองพิจิตร จากนั้นเดินทางไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ

จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ พ.ต.ท.ไพรัช เสนามาตย์ สว.กก.สืบสวน ภ.จว.พิจิตร กับพวกเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.พิจิตร ได้สืบทราบว่า นายมานิตย์ ฉิมทอง อายุ 40 ปี บ้านอยู่หมู่ 8 ต.ท่าหลวง อ.เมือง จ.พิจิตร เป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดอุทัยธานีที่ จ.119/2566 ลงวันที่ 13 มิ.ย. 2566 ความผิดฐาน “พยายามฆ่าผู้อื่น” ได้หลบหนีมาอยู่ที่บ้านพักเลขที่ 149/4 หมู่ 8 ต.ท่าหลวง อ.เมืองพิจิตร พ.ต.ท.ไพรัช กับพวก จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ

พบผู้ต้องหานอนอยู่ภายในบ้าน จึงได้แสดงตัว แต่ผู้ต้องหาได้ใช้อาวุธมีดพกปลายแหลม ความยาวด้ามพร้อมตัวมีดยาวประมาณ 8 นิ้ว แทงใส่ พ.ต.ท.ไพรัช ถูกที่บริเวณเหนือราวนมด้านขวาทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้ และได้ช่วยกันนำตัว พ.ต.ท.ไพรัช ส่ง รพ.พิจิตร เพื่อให้แพทย์ทำการรักษา ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว ส่วนผู้ต้องหาได้นำตัวมาดำเนินคดีต่อไป

ที่มา:ไทยรัฐออนไลน์

https://www.thairath.co.th/news/crime/2804878

 #มุกดาหาร  #ขนไอซ์ ปส.รวบ 4 วัยรุ่นสร้างตัวขนไอซ์ 400 กก. จอดส่งของหน้าศาลากลาง4 วัยรุ่นสร้างตัว ขนไอซ์ 400 กก. จาก อ.ห...
01/08/2024

#มุกดาหาร #ขนไอซ์ ปส.รวบ 4 วัยรุ่นสร้างตัวขนไอซ์ 400 กก. จอดส่งของหน้าศาลากลาง

4 วัยรุ่นสร้างตัว ขนไอซ์ 400 กก. จาก อ.หว้านใหญ่ มาจอดรถรอส่งต่อที่ลานจอดหน้าศาลากลาง จ.มุกดาหาร ตำรวจ บก.ปส.2 สืบรู้ตามจับคาของกลาง

วันที่ 1 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.มุกดาหาร ว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 20.05 น. วันที่ 31 กรกฎาคม 2567 เจ้าหน้าตำรวจปราบปรามยาเสพติด กก.2 บก.ปส.2 ปส. สืบทราบว่าจะมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดเข้ามาส่งมอบกันที่บริเวณลานจอดรถหน้าศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร เพื่อเตรียมจะส่งต่อไปยังพื้นที่ภาคกลาง จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบบริเวณลานจอดรถหน้าศาลากลางจังหวัดมุกดาหารตามที่ได้รับแจ้ง

พบรถยนต์ต้องสงสัยเชฟโรเลต รุ่น เทรลเบลเซอร์ ทะเบียน 3ขญ 3467 กรุงเทพมหานคร และรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน สีขาว ทะเบียน กต 6070 ยโสธร จอดอยู่ที่หน้าศาลากลาง โดยมีนายเกรียงศักดิ์ อายุ 34 ปี นายธีระศักดิ์ โทนฉัน อายุ 24 ปี นายจักรกฤษ เนาคำแพง อายุ 23 ปี และนายธนภัทร อายุ 19 ปี อยู่ที่บริเวณรถ จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่และขอทำการตรวจค้นรถยนต์ ปรากฏว่าเมื่อเปิดท้ายรถยนต์เชฟโรเลต พบยาเสพติด ประเภท 1 (ไอซ์) 400 กิโลกรัม วางอัดแน่นอยู่ที่ท้ายรถ

ทั้ง 4 คน ให้การรับสารภาพว่า ขับรถยนต์ไปรับไอซ์มาจากบ้านป่งขาม และบ้านหว้านใหญ่ อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร และนำมาที่ลานจอดรถหน้าศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร โดยจะมีผู้มารับไปส่งต่อปลายทางที่ จ.อ่างทอง เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัว 4 คน นำไปสอบสวนขยายผลติดตามจับกลุ่มเครือข่าย มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ที่มา:ไทยรัฐออนไลน์

https://www.thairath.co.th/news/crime/2804768

ล้างบาง แก๊งเงินกู้นอกระบบ เครือข่าย บอย หลังเขา ดอกโหด 506% ต่อปี เงินหมุนเวียน 50 ล้าน ตำรวจ ปอศ. ลุยค้น 6 จังหวัด ล้า...
01/08/2024

ล้างบาง แก๊งเงินกู้นอกระบบ เครือข่าย บอย หลังเขา ดอกโหด 506% ต่อปี เงินหมุนเวียน 50 ล้าน

ตำรวจ ปอศ. ลุยค้น 6 จังหวัด ล้างบางแก๊งเงินกู้นอกระบบ ดอกเบี้ยโหด รวบเครือข่าย “บอย หลังเขา” เช็คเส้นเงินพบหมุนเวียนกว่า 50 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. สั่งการ พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ. นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.5 บก.ปอศ. เปิดปฏิบัติการบุกทลายเครือข่ายเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยโหด เข้าตรวจค้นเป้าหมายหลายจุดในพื้นที่ 6 จังหวัด ประกอบด้วย จันทบุรี สระแก้ว ชลบุรี นนทบุรี สิงห์บุรี และ ประจวบคีรีขันธ์ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาระดับนายทุนได้ รวมจำนวน 5 ราย จากเครือข่ายเงินกู้ทั้งหมด 5 เครือข่าย พร้อมตรวจยึดของกลางจำนวนมาก

โดยจุดสำคัญของปฏิบัติการครั้งนี้ คือการนำกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมาย ในพื้นที่ จ.จันทบุรี และ จ.สระแก้ว เพื่อปิดล้อมจับกุม เครือข่ายเงินกู้นอกระบบ “บอย หลังเขา” ที่มีพฤติการณ์ ปล่อยกู้ดอกเบี้ยโหด กว่าร้อยละ 506.94 ต่อปี และ หากลูกหนี้รายใดไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้หรือส่งดอกได้ทัน ก็จะถูกข่มขู่ทำร้ายร่างกาย หรือ ทำลายสิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้าน

จากการเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายยุทธพงค์ (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี พร้อมพวกอีก 2 คน ที่เป็นกลุ่มนายทุนเงินกู้เครือข่ายดังกล่าว พร้อมตรวจยึดเอกสารจำพวกสมุดบัญชี และ สมุดบันทึกรายชื่อลูกหนี้ได้จำนวนมาก ทั้งนี้จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบ เครือข่ายดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนกว่า 50 ล้านบาท

https://www.matichon.co.th/local/news_4712094

 #กบินทร์บุรี  #น้ำท่วมแควหนุมานล้น ท่วมแล้ว ตลาดเก่ากบินทร์บุรี เด็กๆ ลุยน้ำไปเรียนน้ำแควหนุมาน มาเจอกับน้ำจากอ่างเก็บน...
31/07/2024

#กบินทร์บุรี #น้ำท่วม
แควหนุมานล้น ท่วมแล้ว ตลาดเก่ากบินทร์บุรี เด็กๆ ลุยน้ำไปเรียน

น้ำแควหนุมาน มาเจอกับน้ำจากอ่างเก็บน้ำพระปรง เอ่อล้นตลิ่งหลากเข้าท่วมตลาดเก่ากบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ระดับสูง 50-70 ซม. ชาวบ้านเร่งขนย้ายสิ่งของขึ้นไปไว้ชั้นบนบ้าน เด็กๆ ไปโรงเรียนต้องเดินลุยน้ำออกมา เปลี่ยนชุดนักเรียนกันข้างนอก

วันที่ 31 ก.ค. 67 หลังจากที่น้ำป่าจากเขาใหญ่ได้เข้าท่วมบริเวณแก่งหินเพิง ต.สำพันตา อ.นาดี ก่อนไหลเข้าท่วมพื้นที่เกษตรกรรม 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลสะพานหิน ตำบลนาดี ตำบลสำพันตา ตำบลบุพราหมณ์ รวม 10 หมู่บ้าน ในวันนี้มวลน้ำได้ไหลลงสู่แควหนุมานทางด้าน อ.กบินทร์บุรี ประกอบกับมวลน้ำจากอ่างเก็บน้ำพระปรง จ.สระแก้ว ไหลลงมาสมทบที่บริเวณชุมชนตลาดเก่ากบินทร์บุรี ทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่ง ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรในพื้นที่ตั้งแต่กลางดึกที่ผ่านมา

พบถนนในชุมชนตลาดเก่าถูกน้ำท่วมสูง 50 ซม. ในช่วงกลางตลาด ส่วนบริเวณท้ายตลาดมีระดับสูงถึง 70 ซม. ทำให้ชาวบ้านต้องขนย้ายสิ่งของขึ้นไปไว้บริเวณชั้นบนบ้าน ซึ่งในช่วงเช้าที่ผ่านมา นักเรียนที่อาศัยในชุมชนตลาดเก่าต้องเดินลุยน้ำออกมา และมาเปลี่ยนชุดนักเรียนที่ด้านนอก รวมทั้งยังมีผู้ป่วยแขนขาอ่อนแรง ให้เพื่อนบ้านพยุงออกมา เพื่อเดินทางออกจากบ้านในชุมชนตลาดเก่า ไปอาศัยอยู่บ้านญาติ

นายพรประเสริฐ พินิจชอบ ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า น้ำเริ่มขึ้นเมื่อตอนเที่ยงคืนเกือบตี 1 น้ำ เริ่มเอ่อขึ้นเรื่อยๆ จนถึงเย็น และค่ำก็ขึ้นมาขนาดนี้ ตอนนี้น้ำยังขยับขึ้นเรื่อยๆ เมื่อวานก็มีเจ้าหน้าที่เทศบาลมาช่วยยกของขึ้นที่สูง การสัญจรเข้าออกค่อนข้างลำบาก ผู้ป่วยต้องอพยพกันออกไปข้างนอก น้ำก็ไม่รู้ว่าจะขึ้นอีกหรือเปล่า คิดว่าน้ำปีนี้จะมากกว่าปีที่แล้ว เพราะน้ำมาเร็วเหลือเกิน

ที่มา:ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/news/local/central/2804387

29/07/2024
เพื่อนบ้านผวา "เบิร์ดตัวตึง" ทาสยาอาละวาด เผยแม่พาซื้อเสพอ้างลูกจะได้สงบชาวบ้านที่สุพรรณบุรี อยู่กันอย่างหวาดผวา เพื่อนบ...
29/07/2024

เพื่อนบ้านผวา "เบิร์ดตัวตึง" ทาสยาอาละวาด เผยแม่พาซื้อเสพอ้างลูกจะได้สงบ

ชาวบ้านที่สุพรรณบุรี อยู่กันอย่างหวาดผวา เพื่อนบ้านคลั่งยา ทุบบ้านพรุน รื้อหมดทั้งประตู หน้าต่าง โถส้วม รถ จยย.เหลือแต่ซาก เผยแม่พาซื้อเสพเอง อ้างลูกจะได้สงบ แต่แม่หนีไปอยู่ที่อื่น กรรมเลยตกอยู่กับชาวบ้าน ล่าสุดบุกประชิดตัวผู้หญิงขอเงิน แทงคนที่ไปช่วยบาดเจ็บ แจ้งตำรวจก็อ้างเป็นวันหยุด ชาวบ้านต้องช่วยกันจับตัวส่งโรงพัก วอนส่งไปบำบัดนานๆ จนหาย ค่อยปล่อยออกมา

วันที่ 29 ก.ค. 67 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านหัวป่าน้อย ต.พิหารแดง อ.เมืองสุพรรณบุรี ว่าเพื่อนบ้านเสพยาหลอน ทุบบ้านจนพัง ฝาบ้านมีรอยถูกฟันเป็นรูพรุน บางวันจุดไฟเผาบ้านตัวเอง ต้องอยู่กันหวาดระแวง ล่าสุดบุกขอเงินสาวข้างบ้าน ไม่มีให้ บุกประชิดตัว ต้องตะโกนร้องให้คนช่วย พอชาวบ้านมาช่วยกลับใช้มีดแทงได้รับบาดเจ็บ ไปแจ้งความก็ไม่มีตำรวจมา บอกวันหยุด จนชาวบ้านพบเดินควงมีดกลางถนนในหมู่บ้านต้องล้อมจับส่งตำรวจ วิงวอนหน่วยงานช่วยจัดการนำไปบำบัดให้หาย ชาวบ้านจะได้อยู่อย่างปกติสุข

โดยเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับผู้ใหญ่บ้าน ได้พาขึ้นไปดูที่บ้านผู้ก่อเหตุ ชื่อ นายเบิร์ด อายุ 35 ปี ซึ่งโดนจับไปที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรีแล้ว เป็นบ้าน 2 ชั้น ฝาบ้านถูกทุบพังมีรอยถูกของแหลมของมีคมฟัน ที่ฝาบ้านสังกะสีจนรูพรุน พื้นบ้านชั้นบนเป็นไม้ มีรอยถูกเผา บางจุดถูกฟันเป็นรู ปลั๊กไฟฟ้าระโยงระยาง มีอุปกรณ์เสพยาบ้า และถุงที่คาดว่ามีเศษยาบ้าหลงเหลืออยู่ ส่วนที่ชั้นล่าง ประตูห้องต่างๆ พังหมด โถส้วมถูกทุบ มีซากรถ จยย. อยู่ 1 คัน ตู้เย็นก็โดนทุบจนประตูพัง

จากนั้นได้ไปพบกับ นายบุญลือ อายุ 43 ปี ผู้บาดเจ็บถูกแทง หลังเข้าไปช่วยเหลือ นางสาววรรณิษา อายุ 32 ปี ที่ถูกนายเบิร์ดเมายาบุกเข้ามาที่บ้าน ข่มขู่ ขอเงิน พอบอกไม่มี นายเบิร์ด ได้ประชิดตัวจะทำร้าย จึงเรียกให้คนช่วย นายบุญลือจึงมาตะโกนไล่ นายเบิร์ดหลบหนีไปที่สวนหลังบ้าน นายบุญลือและนางสาววรรณิษาได้ตามหา เจอหลบอยู่ใต้ต้นพริก นายเบิร์ดชักมีดแทงนายบุญลือเข้าที่แขน ได้รับบาดเจ็บ นายเบิร์ดหนีมาเจอ น.ส.วรรณิษา วัย 15 ปี ลูกสาวนายบุญลือ จะทำร้าย ต้องตะโกนห้ามจนหลบหนีไป

หลังเกิดเหตุ นายบุญลือ ได้ไปแจ้งความตำรวจลงบันทึกไว้ แต่ตำรวจไม่ได้มาดูที่เกิดเหตุ หรือมาจับกุมคนร้ายแต่อย่างใด จนต้องนอนกันแบบหวาดผวา ซึ่งจุดที่พาผู้สื่อข่าวไปดู ยังพบมีดที่นายเบิร์ดดัดแปลงติดกับท่อ PVC ซุกอยู่ในต้นพริก พร้อมรองเท้าและหมวกตกอยู่ในสวนหลังบ้าน

ขณะที่นางชื่นจิตร ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ ได้รับความเดือดร้อน นำวัตถุปลายแหลมของนายเบิร์ดมาให้ดู กล่าวว่านายเบิร์ดเอามาฝากร้านค้า บอกว่าจะเอาไปให้เทวดา ซึ่งชาวบ้านทุกคนหวาดผวากับพฤติกรรมของนายเบิร์ดมาก คลุ้มคลั่งตลอด จนกระทั่งทำร้ายชาวบ้าน

"เมื่อคืนที่ผ่านมา ชาวบ้านพบนายเบิร์ดเดินออกมาตามถนนพร้อมถือมีด จึงไล่จับตัวเอาไว้ได้ แล้วแจ้งตำรวจมารับตัวไปดำเนินคดี อยากให้จัดการให้เด็ดขาด ไม่อยากให้กลับมาสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านอีก ซึ่งทุกวันแม่ของนายเบิร์ดจะนำข้าวมาส่ง และขับรถพ่วงข้างนายเบิร์ดออกไป คาดว่าน่าจะพาไปซื้อยาให้เสพ เพราะแม่บอกว่าจะได้ไม่เดือดร้อนชาวบ้าน แต่ปรากฏว่าพอยิ่งเสพ ก็ยิ่งสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านหนักขึ้นไปอีก"

ด้านนายศุภกิจ มั่นคงดี ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า นายเบิร์ดมีพฤติกรรมเสพยาบ้ามาหลายปี มีอาการหลอนทุบบ้าน และทำร้ายชาวบ้าน สร้างความเดือดร้อนให้ชุมชนเป็นอย่างมาก ตนเคยประสานฝ่ายปกครองมาจับส่งบำบัด เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ส่ง รพ.ได้ 3 วัน ก็ปล่อยมาอีก เคยเผาบ้านจนต้องขึ้นไปดับ ชาวบ้านที่งมแห้วก็เดือดร้อน โดนก่อกวน อยากให้หน่วยงานพาไปบำบัดยาวๆ อย่างต่อเนื่องแล้วค่อยปล่อยออกมา ตอนนี้อยากให้กฎหมายรุนแรง เพราะโทษมันน้อย แต่ฤทธิ์ยามันแรง ขนาดแม่และน้องของนายเบิร์ดยังต้องหนีไปอยู่ที่อื่น ชาวบ้านต้องอยู่อย่างหวาดระแวง อยากให้รักษาอาการให้ดีค่อยปล่อยออกมา ตอนนี้ตนได้ให้นางสาววรรณิษา ผู้เสียหาย เตรียมไปแจ้งความข้อหาบุกรุกยามวิกาล และข่มขู่คุกคามเพิ่มเติม

https://www.thairath.co.th/news/crime/2804032

ที่อยู่

Prachin Buri
25000

เบอร์โทรศัพท์

+66843456759

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ หนังสือพิมพ์สังคมข่าว.๓๑ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

วิดีโอทั้งหมด

แชร์

Our Story

ร้องเรียน/ร้องทุกข์/ติดตามตรวจสอบข้อเท็จริง


บริษัทด้านสื่อ/ข่าวสาร อื่นๆใน Prachin Buri

แสดงผลทั้งหมด