เครือข่ายวิศวกร เพื่อประชาธิปไตย - TEND

เครือข่ายวิศวกร เพื่อประชาธิปไตย - TEND THAI ENGINEER'S NETWORK FOR DEMOCRACY - TEND

20/02/2024

ศาลปกครองสูงสุดยกเลิกคำสั่งห้ามฉายหนัง #เชคสเปียร์ต้องตาย ของกองเซ็นเซอร์และยังสั่งให้จ่ายค่าเสียหาย 5 แสนบาทพร้อมดอกเบี้ยแก่ผู้สร้างหนัง “มานิต” สะท้อนสู้คดีกันนานกว่า 11 ปีทำให้เสียโอกาสที่หนังจะได้ฉาย นักแสดงไม่ได้รับโอกาสที่ควรได้ แต่คำพิพากษานี้ยังคงสำคัญต่อวงการหนังไทยเพราะกองเซ็นเซอร์จะต้องใช้ดุลพินิจระมัดระวังกว่านี้ในอนาคต

อ่านต่อ https://prachatai.com/journal/2024/02/108144
อ่านสรุปคำพิพากษาได้ที่ https://prachatai.com/journal/2024/02/108160

20/02/2024
20/02/2024

ปลัด มท. แจ้งผู้ว่าฯ - อธิบดี - รัฐวิสาหกิจ มท. ขอความร่วมมือข้าราชการ-บุคลากรในสังกัด และ อปท. ทั่วประเทศ ร่วมแต่งกายเสื้อผ้าไทยสีเหลืองทุกวันจันทร์ เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

วันนี้ (18 ก.พ. 67) สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2567 เห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอขอความร่วมมือให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐขอความร่วมมือให้บุคลากรของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐทุกแห่งแต่งกายด้วยเสื้อสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 แทนการแต่งกายปกติในทุกวันจันทร์ที่เป็นวันทำการ รวมทั้งในวันหรือในโอกาสอื่นที่เหมาะสม โดยให้เริ่มตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป พร้อมทั้งขอความร่วมมือและเชิญชวนให้องค์กร หน่วยงาน ภาคเอกชน รวมทั้งประชาชนทุกภาคส่วนร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและแสดงความจงรักภักดีด้วยการแต่งกายด้วยเสื้อสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติฯ ให้เหมาะสม ถูกต้อง โดยพร้อมเพรียงกันด้วย

สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมุ่งมั่นในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ด้วยการสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธานทั้งปวงของพระบาทสมเด็จพระบรมธชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ยังผลทำให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่า ได้มีความอยู่ดีกินดี ดำรงชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง พึ่งพาตนเองได้อย่างมีความสุข มีงาน มีอาชีพ มีรายได้ที่มั่นคง ส่งผลให้ประเทศชาติมีความมั่นคง ประชาชนมีความสุขอย่างยั่งยืน

อ่านที่ https://www.voicetv.co.th/read/2rJPJl0-t

20/02/2024

WORLD: รู้ไหม ลักเซมเบิร์กเป็นประเทศแรกในโลก
ที่การขนส่งมวลชนสาธารณะฟรีทั้งหมด
ไม่ว่าจะรถเมล์ รถราง หรือรถไฟ
เชื่อว่าผู้อยู่อาศัยใน กทม. จำนวนมากน่าจะประสบกับปัญหาราคาค่าเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะในหลายรูปแบบที่มีต้นทุนสูงกว่ารายได้ ซึ่งอันที่จริง ในโลกนี้โดยทั่วไปแล้วรัฐมักจะอุดหนุนค่าเดินทางเพื่อรักษาระดับค่าโดยสารขนส่งมวลชนให้ต่ำ เพื่อให้อยู่ในระดับที่คนทั่วไปจ่ายไหว
แต่สิ่งที่เราอยากจะเล่าวันนี้คือ 'ขั้นกว่า' ของปรากฏการณ์ที่ว่านี้ คือการที่รัฐไม่ใช่แค่สนับสนุนช่วยเหลือค่าขนส่งมวลชนให้ต่ำเท่านั้น แต่เรียกได้ว่าทำให้การชนส่งมวลชนในประเทศฟรีทั้งหมด ไม่วาจะรถชัตเติลบัสจากสนามบิน รถรางในเมือง หรือรถไฟชานเมือง
ประเทศนั้นก็คือ ‘ลักเซมเบิร์ก’ โดยเขาทำให้การขนส่งสาธารณะฟรีมาตั้งแต่ปี 2020 แล้ว และฟรีทั้งหมดไม่ว่าจะสำหรับคนในประเทศหรือนักท่องเที่ยว หรือถ้าใครมีแพลนไปเที่ยวตอนนี้ก็ยังขึ้นได้ฟรี
แล้วทำไมเขาทำอย่างนี้ได้?
อย่างแรกก็คือลักเซมเบิร์กเป็นประเทศเล็กๆ ขนาดแค่ประมาณกรุงเทพฯ รวมกับนนทบุรีเท่านั้น โดยเป็นประเทศที่อยู่ตรงรอยต่อของฝรั่งเศส เยอรมนี และเบลเยียม มีประชากรเพียงราว 600,000 เท่านั้น
และประเทศที่มีประชากรราวๆ 600,000 คนนี้ ก็สามารถจ่ายภาษีให้รถเมล์และรถไฟทั้งประเทศฟรีได้
อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำแบบนั้นได้ก็เป็นเพราะว่าประเทศนี้ 'รวยมาก'
ลักเซมเบิร์กเป็นประเทศที่รายได้หลักของประเทศมาจากเป็นศูนย์กลางทางการเงิน เรียกได้ว่ามีประชากรราวครึ่งล้าน แต่มีธนาคารเป็นร้อย คือในอดีตนั้นเป็นประเทศที่คนเอาไว้ 'หลบเลี่ยงภาษี' แบบเอาไว้ตั้งบริษัทเพื่อรับเงินจากประเทศอื่น ซึ่งประเทศทรงๆ นี้ยังไงก็รวย และรัฐก็สนับสนุนกิจการพวกนี้เต็มที่มาตลอด รายได้เกิน 1 ใน 3 ของทั้งประเทศมาจากภาคการเงิน และถึงแม้ว่าทุกวันนี้ทุกอย่างจะถูก 'ทำให้ถูกต้อง' แล้ว แต่ความเป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาคยุโรปตะวันตกก็ยังคงอยู่และสร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างมหาศาล
ตั้งแต่ก่อตั้งสหภาพยุโรปในปี 1993 ทำให้คนในสหภาพฯ สามารถข้ามพรมแดนได้อย่างอิสระ ซึ่งลักเซมเบิร์กก็เป็นหนึ่งในสมาชิกสหภาพยุโรป จึงไม่แปลกที่คนจากประเทศอื่นๆ จะหลั่งไหลมาทำงานในลักเซมเบิร์กเพราะประเทศโคตรรวยประเทศนี้มี 'ค่าแรงสูง' คนจำนวนมากก็เลือกจะอยู่ที่แถบๆ ชายแดนฝรั่งเศส เยอรมนี และเบลเยียม ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่า ราคาที่พักแถวนั้นถูกกว่าในลักเซมเบิร์ก และที่โหดกว่านั้นก็คือ เนื่องจากประเทศมันเล็ก ต่อให้ขับรถเข้ามาทำงานแบบข้ามประเทศครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว คนที่ทำงานในประเทศนี้ ณ ปัจจุบันจึงอาจไม่ได้อยู่ในประเทศนี้ แต่ขับรถยนต์มาทำงานจากประเทศเพื่อนบ้าน
แต่ผลที่ตามมาก็คือ มันทำให้ประเทศเล็กๆ นี้มีรถยนต์เยอะมาก ระดับเกือบ 7 คันต่อประชากร 10 คน ซึ่งนี่คือความหนาแน่นของรถยนต์ต่อประชากรที่มากสุดในสหภาพยุโรป และคนที่ไปเที่ยวก็จะรู้สึกกันทุกคนว่าประเทศนี้รถยนต์เยอะมากๆ มีจอดข้างทางเต็มไปหมดจนเป็นปกติ ซึ่งแม้ว่าในไทยเองเราจะเห็นภาพนี้กันเป็นปกติ แต่พอมันเกิดขึ้นในยุโรปมันก็ดูเป็นเรื่องแปลกตาไป
พอรถยนต์เยอะ อากาศเสียก็มาก ในยุคของโลกร้อน รัฐจึงต้องหามาตรการอะไรสักอย่าง และมาตรการที่ว่าก็คือ ประกาศให้มีระบบขนส่งมวลชนฟรีทั้งหมด โดยเป้าหมายเพื่อให้คนใช้รถยนต์น้อยลง..ซึ่งก็เดาไม่ยากว่า คนที่เห็นภาพใหญ่จะมองว่านี่เป็นแค่การประชาสัมพันธ์ราคาถูกๆ ของรัฐเท่านั้น มันไม่ได้ไปแก้ปัญหาถึงต้นตอจริงๆ
เพราะอย่างที่บอกว่ารถยนต์มันเยอะเพราะคนต้องขับมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นต่อให้ขนส่งมวลชนในประเทศฟรีก็ไม่มีประโยชน์อะไร แรงงานครึ่งหนึ่งของประเทศก็ยังต้องขับรถมาจากประเทศเพื่อนบ้านอยู่ดี และนี่ก็ยังไม่ต้องพูดถึงข้อเท็จจริงว่า ที่ลักเซมเบิร์กมีภาษีน้ำมันที่ต่ำ ทำให้คนประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่มีธุระอะไร สามารถขับรถเข้ามาประเทศนี้เพื่อเติมน้ำมันในราคาถูกกว่าประเทศตัวเองได้ด้วยซ้ำ
และที่บอกว่า 'ราคาถูก' เพราะก่อนจะมีมาตรการขนส่งมวลชนฟรี จริงๆ รัฐนั้นอุดหนุนต้นทุนระบบขนส่งมวลชนอยู่แล้ว คือระบบขนส่งมวลชนปีหนึ่งต้องใช้เงิน 500 ล้านยูโรในการดำเนินการ แต่เก็บค่าตั๋วได้ปีๆ หนึ่งไม่ถึง 50 ล้านยูโร ซึ่งนั่นคือรัฐให้เงินอุดหนุนระบบขนส่งมวลชนเกิน 90 เปอร์เซ็นต์อยู่แล้วในแต่ละปี และการจะทำให้ระบบขนส่งมวลชนฟรีก็แปลว่ารัฐอุดหนุนเพิ่มอีกนิดเดียวเท่านั้น คือเพิ่มมาไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์
ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดกระแสต่อต้านจากผู้เชี่ยวชาญพอสมควร เพราะความจริงมันไร้สาระมาก ปัญหาจริงๆ มันคือเรื่องที่พักอาศัยแพง คนเลยต้องไปอยู่อาศัยในประเทศเพื่อนบ้านแล้วขับรถมาทำงาน ซึ่งการทำให้ขนส่งมวลชนในประเทศฟรีนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลย มาตรการที่น่าจะทำให้คน 'ใช้รถยนต์น้อยลง' มันน่าจะเป็นการเพิ่มภาษีน้ำมัน ควบคุมค่าเช่า ไปจนถึงการสนับสนุนให้ผู้คนหันมาใช้จักรยานกันมากกว่า

#พื้นที่สร้างสรรค์เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า

20/02/2024
20/02/2024

📌 โกงกันทั้งประเทศแล้ว! 'ธำรงศักดิ์โพล’ เปิดผลสำรวจ Gen Z ชี้ นร. ไม่ชอบกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมในโรงเรียน

วานนี้ (18 ก.พ.67) รศ.ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ ผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาโทรัฐศาสตรมหาบัณฑิต คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต ได้เปิดผลสำรวจงานวิจัยส่วนบุคคล หรือ ‘อาจารย์ธำรงศักดิ์โพล’ ในหัวข้อ วิชาหรือกิจกรรมใดที่ไม่ชอบหรือไม่อยากเรียน โดยผลสำรวจพบว่า นักเรียน Gen Z ชั้นมัธยมปลาย ไม่ชอบและไม่อยากเรียนกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมและวรรณคดีไทยมากที่สุด ไม่ใช่วิชาประวัติศาสตร์ โดยมีรายละเอียดดังนี้

จากการเก็บข้อมูลแบบสอบถาม คน Gen Z (ช่วงอายุ 15-19 ปี) ที่กำลังศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 504 คน (13 พฤศจิกายน ถึง 1 ธันวาคม 2566)

● ข้อคำถามว่า 'วิชาหรือกิจกรรมใดที่ท่านรู้สึกไม่ชอบหรือไม่อยากเรียน (เลือกได้ไม่เกิน 4 ตัวเลือก)'

ผลการวิจัยพบว่า คน Gen Z มัธยมปลาย ไม่ชอบหรือไม่อยากเรียน

1. กิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม ร้อยละ 40.8 (204)
2. วรรณคดี ร้อยละ 40.2 (201)
3. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ ร้อยละ 24.6 (123)
4. งานฝีมือ หรือการงานอาชีพ ร้อยละ 19.8 (99)
5. ประวัติศาสตร์ ร้อยละ 16.4 (82)
6. ภาษาไทย ร้อยละ 15.6 (78)
7. สุขศึกษาและพละศึกษา ร้อยละ 10.0 (50)
8. ภาษาอังกฤษ ร้อยละ 9.0 (45)
9. สังคมศึกษา ร้อยละ 8.2 (41)

คำอธิบาย คน Gen Z มัธยมปลายที่ไม่ชอบหรือไม่อยากเรียน (สามลำดับแรก) พบว่า

> กิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม เช่น วิชาที่บังคับทำกิจกรรมก็ไม่เรียกว่าส่งเสริมคุณธรรมแล้วละ, ส่งเสริมคุณธรรมต้องเรี่ยไรเงินบริจาคของนักเรียนด้วยรึ, ทำไมต้องนั่งสมาธิ ไม่อยากทำ, ครูในวิชาบางคนช่างพูดจาร้าย, โตไปไม่โกง ก็โกงกันทั้งประเทศแล้ว, กิจกรรมที่ไม่มีความจริงใจ, ไม่ทำไม่ได้คะแนน

> ส่วนวิชาวรรณคดี เช่น ให้เป็นวิชาเลือกของคนสนใจดีกว่า, ไม่สอดคล้องกับยุคสมัย, เยอะเกิ๊น, จะจำจะสอบไปทำไม, อ่านนิยายสมัยใหม่ดีกว่า

> กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ เช่น จิตสาธารณะต้องบังคับใช้แรงงานกันหรอ, ทำเพื่อคะแนนไม่ใช่จิตสาธารณะ, ครูทำได้เงินเดือน พวกหนูเสียเวลา, ต้องจดลงสมุดทำความดี ก็สอนให้โกหกแล้ว

● ข้อคำถามว่า 'วิชาศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ยังต้องมี หรือควรยกเลิก หรือควรย่นย่อไปรวมกับวิชาอื่น'

ผลการวิจัยพบว่า

คน Gen Z มัธยมปลาย เห็นว่ายังต้องมี ร้อยละ 14.8 (74 คน) ควรยกเลิก ร้อยละ 12.6 (63 คน) ควรย่นย่อไปรวมกับวิชาอื่น ร้อยละ 65.1 (325 คน) ไม่แสดงความเห็น ร้อยละ 7.4 (37 คน)

● ข้อมูลพื้นฐาน Gen Z มัธยมปลาย เก็บข้อมูลแบบสอบถามจากโรงเรียนมัธยมปลายในเขตกรุงเทพฯและจังหวัดปริมณฑล สมุทรปราการ นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาคร รวม 6 จังหวัด มีผู้ตอบคำถามทั้งสองข้อนี้ข้อละ 501 คน

เพศ : หญิง 235 คน (46.6%) ชาย 232 คน (46.0%) เพศหลากหลาย 37 คน (7.4%)

โรงเรียนมัธยมปลาย: กรุงเทพฯ 109 คน (21.6%) สมุทรปราการ 160 คน (31.7%) นครปฐม 90 คน (17.9%) ปทุมธานี 117 คน (23.2%) นนทบุรี 20 คน (4.0%) สมุทรสาคร 8 คน (1.6%)

(หมายเหตุ: ปี 2566 โรงเรียนมัธยมปลายทั้งประเทศ มี 2505 โรง มีนักเรียน 1,073,311 คน)

อายุ : อายุ 15 ปี 104 คน (20.6%) อายุ 16 ปี 136 คน (27.0%) อายุ 17 ปี 130 คน (25.8%) อายุ 18 ปี 95 คน (18.8%) อายุ 19 ปี 39 คน (7.8%)

ระดับชั้นการศึกษา : ม.4 จำนวน 182 คน (36.9%) ม.5 จำนวน 129 คน (26.2%) ม.6 จำนวน 182 คน (36.9%) (ระบุข้อนี้ 493 คน)

โดยงานวิจัยนี้เป็นการวิจัยส่วนบุคคล ทัศนะจากงานวิจัยไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันการศึกษาใดๆ ทั้งสิ้น และขอบคุณเพื่อนอาจารย์และนักเรียนนักศึกษาทุกสถาบันเป็นอย่างสูงที่ช่วยเหลือในการวิจัยครั้งนี้

18/02/2024

“เจ๊จวง” แม่ค้าบะหมี่หมูกรอบเจ้าดังย่านบางนา โดนคดี ม.112 จาก สน.ยานนาวา โดยมีสมาชิก ศปปส.เป็นผู้กล่าวหา คาดเหตุปราศรัยเรียกร้องสิทธิประกันตัว หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้

เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2567 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รานฃยงานว่า “แบม อรวรรณ” เปิดเผยว่า “แม่จวง” ประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองและประกอบอาชีพขายหมูกรอบ ได้รับหมายเรียกคดี ม.112 ของสน.ยานนาวา โดยคดีมีระพีพงษ์ ชัยยารัตน์ กลุ่ม ศปปส. เป็นผู้กล่าวหา ก่อนหน้านี้ทราบว่าผู้ถูกออกหมายเรียก เคยถูกปรับจากตร.สน.เดียวกันนี้ กรณีใช้เครื่องขยายเสียงร่วมปราศรัยที่หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อช่วงเดือนก.ค. 65 จึงคาดว่าเป็นการดำเนินคดีจากเหตุดังกล่าวเพิ่มเติม

#สำนักข่าวราษฎร #มาตรา112 #ม112 #ยานนาวา #ศปปส

Before & After
18/02/2024

Before & After

ใจเย็น ไหนๆ ก็เคยเป่านกหวีด shut down bangkok มาด้วยกัน
17/02/2024

ใจเย็น ไหนๆ ก็เคยเป่านกหวีด shut down bangkok มาด้วยกัน

 #ม่วงมหากาฬ
17/02/2024

#ม่วงมหากาฬ

รู้หรือไม่ว่า สโมสรฟุตบอลฟิออเรนติน่าของกาเบรียล บาติสตูต้า จริงๆ นั้นตายไปแล้ว แต่กลับฟื้นทะยานขึ้นมาได้เหมือนนกฟีนิกซ์

นี่เป็นเกร็ดประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ และทำให้เห็นว่า ทีมที่ยิ่งใหญ่ ถ้าเจอคนไม่ดี เข้ามาบริหารก็ล่มจมได้เหมือนกัน

เอซี ฟิออเรนติน่า (AC Fiorentina) คือสโมสรเก่าแก่ของอิตาลี ก่อตั้งมายาวนาน และมีจุดเด่นคือ เสื้อสีม่วงอันสดใส มันเป็นเอกลักษณ์ที่สโมสรอื่นไม่มี พวกเขาใส่เสื้อสีม่วงมาตั้งแต่ปี 1929 จึงได้รับฉายาในประเทศไทยว่า "ทีมม่วงมหากาฬ"

ในปี 1993 เกิดความเปลี่ยนแปลงสำคัญ เมื่อประธานสโมสร มาริโอ เช็คคี กอรี่ เสียชีวิตอย่างกะทันหัน ทำให้ลูกชายชื่อ วิตตอริโอ เช็คคี กอรี่ วัย 51 ปี ที่ทำธุรกิจภาพยนตร์ เข้ามารับตำแหน่งประธานต่อจากพ่อ

การมาของวิตตอริโอ เช็คคี เขาเปย์เงินหนักเอาเรื่อง ซื้อนักเตะดังๆ เข้ามาหลายคน เช่น รุย คอสต้า (1994), อันเดร แคนเชลสกี้ (1997), เอ็ดมุนโด้ (1998), เปแดร็ก มิยาโตวิช (1999), เอ็นริโก้ เคียซ่า (1999) ยิ่งมารวมกับ ตัวดังๆ อย่างกาเบรียล บาติสตูต้า ที่ซื้อมาในยุคพ่อ ทำให้ฟิออเรนติน่าเป็นทีมที่ดีขึ้น แกร่งขึ้น

สมัยนั้นเป็นช่วงที่แฟนฟิออเรนติน่า เชียร์บอลอย่างมีความสุขมาก พวกเขาได้แชมป์โคปปา อิตาเลีย 2 สมัย และสร้างผลงานมาสเตอร์พีซหลายครั้ง เช่น การบุกไปชนะอาร์เซน่อล ที่เวมบลีย์ 1-0 ในแชมเปี้ยนส์ลีก ปี 1999 จากการยิงประตูแสกหน้าเดวิด ซีแมนของบาติสตูต้า รวมถึง ชัยชนะเหนือแมนฯ ยูไนเต็ด 2-0 ในปีเดียวกัน ทั้งๆ ที่ทีมปีศาจแดงของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เพิ่งได้แชมป์ยุโรปมาแท้ๆ

ฟิออเรนติน่า มีฐานแฟนบอลหนาแน่นมาก คนดูเข้าชมเต็มตลอด แต่ประเด็นคือ พวกเขากลับไม่สามารถต่อยอดได้

แฟนบอลสงสัยว่า สโมสรเอาเงินไปทำอะไรหมด ทำไมสนามซ้อมต่างๆ ไม่มีการพัฒนา ระบบอะคาเดมี่ก็ปั้นนักเตะไม่เยอะเหมือนทีมอื่น

สุดท้าย ความจริงก็แดงขึ้นมา ว่าประธานสโมสร วิตตอริโอ เอาเงินรายได้ของสโมสร ยักยอกออกไปทำธุรกิจของตัวเอง

มีการเปิดเผยภายหลังว่า วิตตอริโอ เอาเงินออกจากสโมสร 32 ล้านดอลลาร์ เพื่อเอาไปเป็นทุนสร้างหนัง โดยหนึ่งในนั้น คือเรื่อง Life is Beautiful ที่ได้สามรางวัลออสการ์

นอกจากนั้น วิตตอริโอ พยายามจะสร้างอาณาจักรสื่อขึ้นมา เพื่อเตรียมตัวสร้างฐานที่มั่น สำหรับการเล่นการเมืองในอนาคต

ถ้าฟิออเรนติน่า ฟอร์มดีในสนาม ได้เล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกอย่างต่อเนื่อง อาจจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ปัญหาคือ ในปี 2000 ฟิออเรนติน่าจบอันดับ 7 ของตาราง หลุดจากพื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีก นั่นทำให้รายได้ของสโมสรร่อยหรอ แถมทุนสำรองก็ถูกถอนออกไปทำธุรกิจอื่นหมดแล้ว

สโมสรอยู่ในภาวะถังแตก ต้องขายตัวหลัก เพื่อความอยู่รอด เช่น บาติสตูต้าและอาเบล บัลโบ้ ไปโรม่า (2000), ยอร์ก ไฮน์ริชไปดอร์ทมุนด์ (2000), ปาสกวาเล่ ปาดาลิโน่ ไปโบโลญญ่า (2000), รุย คอสต้า ไปเอซี มิลาน (2001) และ ฟรานเชสโก้ ตอลโด้ ไปอินเตอร์ (2001)

การเสียนักเตะตัวหลัก และไม่มีเงินซื้อใครทั้งนั้น ทำให้ทีมเละเทะ ในฤดูกาล 2001-02 ฟิออเรนติน่า หมดสภาพอย่างแท้จริง แพ้แทบทุกนัด ต้องมาดิ้นรนหนีตาย

ยิ่งไปกว่านั้น เพราะสโมสรไม่เหลือเงินอีกแล้ว ทำให้ไม่มีเงินจ่ายค่าเหนื่อยนักเตะเป็นเวลา 5 เดือนเต็ม รวมถึงไม่มีเงินชำระหนี้สินธนาคารจำนวน 50 ล้านดอลลาร์

ฤดูกาล 2001-02 จบลง ฟิออเรนติน่า จบอันดับ 17 ของตาราง ร่วงตกชั้นเรียบร้อย แต่สหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี ลงโทษซ้ำไปอีก โทษฐานไม่สามารถรักษากฎการเงินได้ และไม่ชำระค่าจ้างผู้เล่น สหพันธ์ฯ จึงไม่อนุญาตให้เล่นเซเรียบีด้วยเช่นกัน

วิตตอริโอโดนตำรวจแจ้งความข้อหาฟอกเงิน และครอบครองโคเคน ชีวิตของเขาตกต่ำมาก จึงตั้งใจจะไม่ทำทีมฟุตบอลอีกต่อไปแล้ว เพราะมันไม่ใช่ธุรกิจที่เขาสนใจแต่แรก

ดังนั้นก็แปลว่า นับจากนี้ สโมสรเอซี ฟิออเรนติน่า จะล่มสลายไปเลย เมืองฟลอเรนซ์จะไม่มีทีมฟุตบอลอีกต่อไป

เมื่อจบฤดูกาล 2001-02 นักเตะทุกคนของเอซี ฟิออเรนติน่า ได้รับอนุญาตจากฟีฟ่าให้ย้ายทีมได้ฟรี เพราะพวกเขาไม่ได้ค่าจ้างจากสโมสร

นูโน่ โกเมสย้ายไปเบนฟิก้า, เอ็นริโก้ เคียซ่า ไปลาซิโอ, เปแดรก มิยาโตวิช ไปเลบันเต้ ฯลฯ

เอซี ฟิออเรนติน่า ไม่เหลือนักเตะ ไม่มีโค้ช เพราะไม่มีเงินจ่ายใคร ดังนั้นจึงลงแข่งฟุตบอลไม่ได้อีก ทีมจบสิ้นไปอย่างเงียบๆ

เรื่องนี้ ทำให้แฟนบอลเมืองฟลอเรนซ์ปวดร้าวมาก สโมสรที่พวกเขาคอยตามซัพพอร์ทมาหลายสิบปี อยู่ๆ ก็หายไปดื้อๆ ทุกคนเคว้งคว้างหมดไม่รู้จะเอายังไงต่อ

อย่างไรก็ตาม เมืองที่มีแพสชั่นในฟุตบอลอย่างแรงกล้า ไม่มีทางปล่อยให้ทุกอย่างจบสิ้นลงไปอย่างนี้

ลีโอนาร์โด้ โดเมนิซี่ นายกเทศมนตรีเมืองฟลอเรนซ์ ตัดสินใจสร้างสโมสรแห่งใหม่ขึ้นมา และโดยแจ้งสหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี ว่าคนเมืองฟลอเรนซ์ ไม่ควรต้องแยกทางกับฟุตบอล เพียงเพราะการกระทำของอาชญากรเพียงคนเดียว ดังนั้นจึงขอสร้างทีมใหม่ เพื่อลงเล่นในฐานะตัวแทนของเมืองฟลอเรนซ์

สหพันธ์ฟุตบอลอิตาลีอนุญาต นั่นทำให้ในฤดูกาล 2002-03 "ทีมใหม่" จะได้เริ่มต้นในระดับต่ำสุดของฟุตบอลอาชีพ นั่นคือ เซเรีย ซี2 หรือระดับดิวิชั่น 4 นั่นเอง

แต่สหพันธ์มีเงื่อนไขคือ สโมสรใหม่ ห้ามใช้ชื่อว่า "เอซี ฟิออเรนติน่า" และ "สีม่วง" เพราะทางทฤษฎี ทีมเดิมของวิตตอริโอ ยังไม่ได้ยุบ ยังถือครองชื่อนั้นอยู่ ถ้ามาใช้ชื่อหรือสีเดียวกัน มันจะทำให้เกิดความสับสนได้

นั่นทำให้นายกเทศมนตรีโดเมนิซี่ ต้องใช้ชื่อสโมสรใหม่ว่า "ฟลอเรนเทีย วิโอล่า" ส่วนเสื้อก็เลือกใช้สีขาวเป็นเสื้อทีมเหย้า แต่มีขลิบสีม่วงเล็กน้อยที่แขนเสื้อเท่านั้น

จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการหานักเตะ ด้วยความที่เป็นสโมสรตั้งใหม่ และอยู่ในดิวิชั่น 4 ย่อมไม่มีสตาร์คนไหนอยากมาเล่นด้วย

ดังนั้นฟลอเรนเทีย วิโอล่า ต้องนับหนึ่งใหม่แต่แรก โดยไปควานหานักเตะช้างเผือกในท้องถิ่น หรือ ปั้นเด็กอะคาเดมี่ขึ้นมา

นักเตะจากทีมฟิออเรนติน่าเดิม ที่ย้ายมาเล่นกับ ฟลอเรนเทีย วิโอล่า มีเพียงแค่ 1 คนเท่านั้น คืออังเจโล่ ดิ ลิวิโอ ดาวเตะทีมชาติอิตาลี โดยเขากล่าวว่า "Io resto qui" (ผมจะอยู่ที่นี่ต่อ) คือยอมลดค่าเหนื่อยจากเดิม 80% เพื่อให้ได้เล่นในเมืองฟลอเรนซ์ต่อไป

นี่เป็นเหตุการณ์คลาสสิค ที่ทำให้แฟนบอลรู้สึกประทับใจว่า มีนักเตะสักคนเหมือนกันนะ ที่พร้อมจะล่มหัวจมท้าย ยอมปฏิเสธสโมสรอื่น ทั้งๆ ที่การันตีว่าจะได้ค่าเหนื่อยแพงๆ แน่ๆ แต่พร้อมลงสู้ด้วยกันต่อ ในระดับดิวิชั่น 4

แน่นอน การยอมถอยลงไปเล่นในดิวิชั่น 4 แปลว่า ดิ ลิวิโอ ยอมทิ้งโอกาสจากทีมชาติ นับจากเขาเลือกเล่นในลีกล่าง ก็ไม่เคยถูกเรียกตัวติดทีมชาติอิตาลีอีกเลยแม้แต่นัดเดียว

สำหรับแฟนบอล ก็เปลี่ยนจากเอซี ฟิออเรนติน่า มาเชียร์ ฟลอเรนเทีย วิโอล่ากันยกเมือง ทุกคนก็ผิดหวังที่ต้องนับหนึ่งใหม่ตั้งแต่ดิวิชั่น 4 แต่มันไม่มีทางเลือกแล้ว

ฤดูกาล 2002-03 เริ่มต้นขึ้น สิ่งที่ฟลอเรนเทีย วิโอล่า ได้เปรียบกว่าทีมอื่นๆ ในดิวิชั่น 4 อย่างมาก คือ "จำนวนแฟนบอล" ตามปกติลีกรองแบบนี้ มีกองเชียร์ถึง 1 พันคนก็เก่งแล้ว แต่ฟลอเรนเทีย วิโอล่า มีคนเข้ามาดูเกม ขั้นต่ำคือ 30,000 คน คือก็เป็นชาวเมืองฟลอเรนซ์เดิม ที่ปกติเชียร์ เอซี ฟิออเรนติน่า นั่นแหละ แถมใช้สนามอาร์เตมิโอ ฟรังคี่ เหมือนเอซี ฟิออเรนติน่า อีกต่างหาก เพราะก็เช่าสภาเมืองเหมือนกัน

นอกจากนั้น พอเริ่มฤดูกาลใหม่ได้ไม่นาน นายกเทศมนตรี ขายสโมสรต่อให้กับ ดีเอโก้ เดลล่า วัลเล่ นักธุรกิจเจ้าของรองเท้าแบรนด์ Tod's ซึ่งพอมีเจ้าของใหม่ที่พอจะมีทุน ทำให้สโมสรก็มีงบประมาณพอสมควร ไปดึงพวกนักเตะจากเซเรียบี มาเสริมทัพได้ จนสภาพทีมโดยรวมแกร่งกว่าคู่แข่งร่วมลีก

และเพียงแค่ 1 ฤดูกาลเท่านั้น ฟลอเรนเทีย วิโอล่า ก็เลื่อนชั้นจากเซเรีย ซี 2 ได้สำเร็จ ขึ้นมาสู่ เซเรีย ซี 1 หรือ ระดับดิวิชั่น 3

แต่ฟลอเรนเทีย วิโอล่า โชคดีสองเด้ง เพราะสโมสรในเซเรีย บี ชื่อ โคเซนซ่า โดนไล่ออกจากลีก ทำให้สหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี เชิญฟลอเรนเทีย วิโอล่า พาสชั้น จากเซเรีย ซี 1 (ดิวิชั่น 3) ขึ้นมาเซเรีย บี (ดิวิชั่น 2) เลย เพราะที่อิตาลีจะมีระบบชื่อ "Sporting Merit" คือถ้ามีทีมไหนถูกยุบ หรือไล่ออกจากลีก กะทันหัน จนมีสล็อตว่าง จะพิจารณาทีมเก่าแก่ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ให้เลื่อนชั้นก่อน

ก่อนเริ่มฤดูกาล 2003-04 เดลล่า วัลเล่ ติดต่อไปที่สโมสรเดิม เอซี ฟิออเรนติน่า ยื่นเงินขอซื้อ สิทธิ์การใช้ชื่อคำว่าฟิออเรนติน่า, ตราสโมสรเดิม และ สีม่วง

เจ้าของเดิม วิตตอริโอ ตอนนี้ก็ไม่เอาอะไรแล้ว แค่เอาตัวรอดยังลำบาก จึงยอมขายสิทธิ์การใช้ชื่อ และโลโก้ทั้งหมด ให้กับฟลอเรนเทีย วิโอล่า

ซัมเมอร์ปี 2003 ฟลอเรนเทีย วิโอล่า จึงเปลี่ยนมาใช้ชื่อ เอซีเอฟ ฟิออเรนติน่า (ACF Fiorentina) ส่วนสี และโลโก้ ก็กลับมาใช้ของเดิมทั้งหมด

ดังนั้นถ้าพูดกันในเชิงกฎหมาย เอซี ฟิออเรนติน่า ของวิตตอริโอ กับ เอซีเอฟ ฟิออเรนติน่า ของเดลล่า วัลเล่ คือคนละทีมกัน

แต่ในทางวัฒนธรรม และความรู้สึก ทุกคนจะรวมกันไปเลยว่าคือทีมเดียวกัน นี่คือสโมสรฟิออเรนติน่านั่นแหละ

เข้าสู่ฤดูกาล 2003-04 ฟิออเรนติน่า ลงแข่งขันเซเรีย บี และจบอันดับ 6 ของตารางคะแนน ได้สิทธิ์เพลย์ออฟ ไปเจอกับทีมอันดับ 15 ของเซเรีย อา นั่นคือเปรูจา

เลกแรก ฟิออเรนติน่า บุกไปชนะเปรูจา 1-0 จากนั้นเลกสองกลับมาเล่นที่อาร์เตมิโอ ฟรังคี่ มีแฟนบอล 45,000 คนเข้ามาเต็มสนาม หนึ่งในนั้นคือบาติสตูต้า ที่มาเชียร์ทีมเก่าด้วย และสรุปคือ ฟิออเรนติน่ายันเสมอ 1-1 รวมผลสองนัดชนะ 2-1 เลื่อนชั้นไปเล่นเซเรีย อา ได้สำเร็จ

แปลว่าหลังจากร่วงตกชั้นไปเล่นดิวิชั่น 4 ในปี 2002 ฟิออเรนติน่าใช้เวลาแค่ 2 ปีเท่านั้น ในการคัมแบ็กกลับมาสู่เซเรีย อา

สำหรับอังเจโล่ ดิ ลิวิโอ หลังจากพาทีมเลื่อนชั้นมาเล่นเซเรีย อาได้ เขาก็อยู่กับทีมอีก 1 ปี ก็ประกาศแขวนสตั๊ด ทำให้เจ้าตัวก็ยังเป็นที่รักของแฟนๆ จนถึงวันนี้

สถานการณ์ต่อจากนั้น วิตตอริโอ เช็คคี่ กอรี่ ติดคุก 8 ปี ข้อหาฟอกเงิน ส่วนฟิออเรนติน่าหลังจากคัมแบ็กมาสู่ลีกสูงสุด ก็ไม่เคยร่วงตกชั้นจากเซเรีย อา อีกเลยแม้แต่หนเดียว

ปัจจุบัน เดลล่า วัลเล่ ขายสโมสรฟิออเรนติน่า ให้กับร็อคโค่ คอมมิสโซ่ นักธุรกิจจากอเมริกันเรียบร้อยแล้ว สโมสรเองก็ถือว่าเติบโตไปเรื่อยๆ อย่างมั่นคง ความสำเร็จก็พอได้ลุ้น มีเข้าชิงคอนเฟอเรนซ์ลีกไปหนึ่งที เอาเป็นว่า ไม่ได้หวือหวาร่ำรวย แต่ก็อยู่ห่างไกลจากความเสี่ยงที่จะล้มละลาย

นี่คือเรื่องราวของทีม "ม่วงมหากาฬ" ฟิออเรนติน่า ที่เหมือนจะตายไปแล้ว ใกล้จะล่มสลายไปแล้ว แต่เอาตัวรอด และได้อยู่ต่อในสารบบของฟุตบอลอิตาลี

ชาวเมืองฟลอเรนซ์ ไม่ยอมให้ทีมล่มสลาย ก่อสร้างทีมใหม่ขึ้นมาคู่ขนานกับทีมที่ล่มไปแล้ว จากนั้นแฟนๆ ก็เข้ามาดูในสนามอย่างแน่นขนัดแม้จะเป็นบอลระดับดิวิชั่น 4 ก็ตาม เพื่อช่วยกันซัพพอร์ททีมในยามที่ตกต่ำที่สุด จนทีมกลับมาได้

กรณีของฟิออเรนติน่า เป็นหลักฐานที่ดีว่า สโมสรใดๆ ก็ตาม แม้จะอยู่มาเกือบร้อยปี ก็อาจจะเกิดวิกฤติได้ทั้งนั้น แต่มันจะอยู่รอดต่อไปได้ ถ้าได้รับการสนับสนุนที่ดีจากประชาชน

สัจธรรมของทีมฟุตบอล ถ้าหากคุณครองใจชาวบ้านไม่ได้ ไม่ใช่แค่ม่วงมหากาฬ จะเป็นสโมสรไหน ใช้สีอะไร ก็มีสิทธิ์ล่มสลายได้เสมอ



--------------------

บทความแบบไม่มีภาพ ผมจะลงใน fb แต่ถ้าบทความแบบมีภาพประกอบด้วยผมจะลงใน Blockdit นะครับ (อย่างโพสต์นี้ ก็ไปอ่านได้เลยใน Blockdit อีกทางนะครับ)

แล้วใน Blockdit จะมีคอนเทนต์ที่ไม่ได้ลงใน FB ด้วยนะครับ บางทีผมก็จะไปโพสต์เอาทางนั้น ยังไงแวะเวียนไปเยี่ยมที่ Blockdit บ้างนะครับ

ใน fb ผมมีฟอลโลเวอร์ 430K สี่แสนกว่าแล้วครับ! ส่วนใน Blockdit ก็ใกล้ 70K แล้วนะ วันไหน fb เกิดเจ๊งอะไรขึ้นมาไปเจอแอดมินได้ทางช่องทางนั้นเนอะ

แล้วก็ ถึงวันนี้ ทุกคนมี Blockdit แล้วแน่ๆ แต่สำหรับคนที่ยังไม่มี และสนใจอยากลองเล่น ก็โหลดแอพได้ทางนี้เลยน้า

iOS > apple.co/2u1LGjL

Android > bit.ly/37N3de1

17/02/2024

อยากเห็นใน buff Talk

17/02/2024
17/02/2024

ชาดา ไทยเศรษฐ์

ไปหาซื้อ เสื้อเหลือง เสื้อม่วง มาใส่กันเถอะ
17/02/2024

ไปหาซื้อ เสื้อเหลือง เสื้อม่วง มาใส่กันเถอะ

ไปยืนกองกันข้างหลัง ทำเพื่ออะไร
16/02/2024

ไปยืนกองกันข้างหลัง ทำเพื่ออะไร

https://youtu.be/Oi3UtnUYmfc?si=dfJzcMkpLq0FYxSQ
15/02/2024

https://youtu.be/Oi3UtnUYmfc?si=dfJzcMkpLq0FYxSQ

โครงการแลนด์บริดจ์ใกล้เคียงกับแผนการขุดคลองกระ หรือคอคอดกระ ในยุคของปรีดี พนมยงค์ ที่รัฐบาลไทยในตอนนั้.....

 #แกงค์ป๊อบคอร์นรีเทิร์น
15/02/2024

#แกงค์ป๊อบคอร์นรีเทิร์น

Photographer: Asadawut Boonlitsak

15/02/2024

.
Happy Valentine ภายใต้กลิ่นอายหกตุลา
ว่าแต่เอาอำนาจอะไรไปไล่คนอื่นเขาละครับ อันนี่ยิ่งกว่าองค์อธิปัตย์ของ Thomas Hobbes อีก น่ากลัวจุงเบย

ที่อยู่

Phra Khanong

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ เครือข่ายวิศวกร เพื่อประชาธิปไตย - TENDผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

วิดีโอทั้งหมด

แชร์

ตำแหน่งใกล้เคียง บริษัท สื่อ


บริษัทด้านสื่อ/ข่าวสาร อื่นๆใน Phra Khanong

แสดงผลทั้งหมด