ห้องเรียนเปลี่ยนชีวิต ไขปริศนาวิชา
14/03/2025
#ฤทธิ์กับปัญญา
ฤทธิ์กับปัญญาเป็นสิ่งเดียวกันเพียงมีพฤติต่างกัน
แต่ทั้งสองพฤติล้วนเริ่มจากการรู้
การเรียนรู้นั้นมีหลายระดับ
🚩🚩 พูดถึงความชำนาญทางใจเมื่อแผ่รังสีจิตเข้าครอบงำสสารนั้นแล้วใช้ใจกำหนดความเข้มต่างๆจึงสามารถเพิ่มหรือลดมวลให้แก่วัตถุได้
ปัญญาในการใช้อำนาจควบคุมสิ่งต่างๆให้เป็นไปตามปรารถนานี้เรียกว่า มัยฤทธิ์ และการที่จิตใจยิ่งใหญ่พอที่จะแผ่ครอบงำวัตถุ และใจนิ่งและมีพลังพอที่จะแพ้อำนาจกำหนดสิ่งต่างๆได้นั้น สมาธิต้องมั่นคง แน่วแน่ในฌานลึกๆ
❗️ #ซึ่งในสภาวะดังกล่าวไม่มีความคิด
ไม่มีภาษา มีแต่ความนิ่ง ความลึก
และความเชื่อมั่นเท่านั้น
🚩🚩 สภาวะจิตที่เคยชินกับการก้าวล่วงภาษาแล้วใช้อำนาจใจเช่นนี้จะไม่สามารถใช้ภาษาอธิบายความอะไรได้มากนัก จึงเหมือนรู้น้อยเพราะพูดน้อย #แต่แท้จริงแล้วท่านเหล่านี้ปัญญามากเพียงแต่
ท่านต้องรักษาสภาวะจิตไว้ให้นิ่งเหนือภาษา
อันเป็นสมมุติเพื่อพร้อมที่จะใช้งานได้เสมอ
จึงเรียกการใช้ปัญญาแบบนี้ว่า
อภิญญา (อภิ+ ปัญญา) หรือปัญญาอันยิ่งใหญ่
🚩🚩 ส่วนการใช้ปัญญาอีกแบบหนึ่งเมื่อเข้าไปรู้แทงตลอดในหลักการเดียวกันแล้วจิตจะถอยออกมาหาความสัมพันธ์เชิงความหมายกับสมมติของโลกในรูปของภาษาทฤษฎี และหลักการต่างๆโดยใจผู้สัมผัสจะจัดระบบระเบียบการใช้ปัญญาอย่างมีประสิทธิภาพท่านเหล่านี้จะแตกฉานในการสาธยายอธิบายสัจจะได้ลึกซึ้งพิสดารได้มาก
ดังนั้นเมื่อจิตใช้ปัญญาเพื่อฤทธิ์
กลับใช้ปัญญาเพื่อแสดงสัจจะต่างกันจึงต้องใช้คนที่ต่างกัน ฝึกต่างกัน รู้สิ่งเดียวกันแต่นำมาใช้ให้เกิดผลต่างกัน เช่นเดียวกับใบไม้และดอกล้วนเป็นส่วนของพืชต้นเดียวกัน
เกิดมาจากน้ำเลี้ยงเดียวกันแต่ปรากฏลักษณะต่างกัน
🚩🚩 ยกเว้นพระพุทธเจ้าและท่านผู้บำเพ็ญเพื่อเป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ต้องฝึกทั้งสองอย่างให้ชำนาญจนสมบูรณ์ทั้งฤทธิ์และปัญญาและสามารถใช้พร้อมพร้อมกันได้
ดังปรากฏการ ยมกปาฏิหาริย์ ที่พระพุทธเจ้าแสดง
ด้วยเหตุนี้บุคคลที่จะเป็นพระพุทธเจ้าจึงต้องบำเพ็ญเพียรเป็นเวลายาวนานนับไม่ถ้วนอย่างน้อยสี่รอบเศษด้วยกัน อย่างมาก 16 รอบเศษ
#แม่ครูน้อยประตูธรรม๕หนเหนือ
#แม่ครูน้อยเทวดาประจำตัว
