D-vote สำนักโพลและศูนย์สำรวจความคิดเห็นบนบล็อกเชน
แม่นยำ รวดเร็ว สะท้อนเสียงจริง

ผู้นำด้านเทคโนโลยีการสำรวจความเห็นสาธารณะในโลกที่เสียงของลูกค้าทรงพลังมากที่สุด

เราพัฒนาเทคโนโลยีที่ปฏิวัติวิธีการรวบรวมความเห็นสาธารณะ และข้อเสนอแนะโดยนำเทคโนโลยี Blockchain e-KYC และ AI มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและรวดเร็วกว่าเดิม

ด้วยโซลูชั่น และกระบวนการประมวลผลที่ทรงประสิทธิภาพ ประหยัดเวลา และต้นทุนองค์กรจะสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง โฟกัสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการได้อย่างถูกทิศทาง เพื่อนำไปสู่การรู้จัก และรักแบรนด์จากหัวใจของลูกค้าอย่างแท้จริง

วิจัยชี้ PM 2.5 ทำเด็กผู้หญิง โตเป็นสาวไวขึ้น 4 ปี💨PM 2.5 ปัญหาฝุ่นละอองที่เป็นสร้างผลกระทบไปทั่วโลก ที่ไม่เพียงส่งผลร้า...
06/01/2025

วิจัยชี้ PM 2.5 ทำเด็กผู้หญิง โตเป็นสาวไวขึ้น 4 ปี
💨PM 2.5 ปัญหาฝุ่นละอองที่เป็นสร้างผลกระทบไปทั่วโลก ที่ไม่เพียงส่งผลร้ายต่อร่างกาย🤧
⚠️แต่ผลวิจัยใหม่ยังพบว่า PM2.5 ทำให้เด็กผู้หญิงมี “ประจำเดือนครั้งแรก” เร็วกว่าปกติถึง 4 ปี
และทำให้เข้าสู่วัยหมดประจำเดือนเร็วขึ้น เสี่ยงโรคต่างๆ อายุไขสั้นลง
📑หลายงานวิจัยจากทั่วโลกได้รวบรวมข้อมูลแนวโน้มของเด็กผู้หญิงเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เร็วขึ้น โดยที่สาเหตุไม่ได้มาจากโรคอ้วนในเด็กอย่างที่เคยเข้าใจ
ซึ่งในสหรัฐฯ เผยข้อมูลว่า
🗓️เมื่อเทียบกับเด็กผู้หญิงเมื่อ 70-80 ปีก่อน
ที่จะมีประจำเดือนครั้งแรก ช่วงอายุ 12.5 ปี
🗓️ซึ่งในปี 2000 ลดลงเหลือ ช่วงอายุ 11.9 ปี
🗓️และในเกาหลีใต้ ระบุว่า เด็กผู้หญิงมีพัฒนาการเต้านมที่เร็วขึ้น และมีประจำเดือนก่อนอายุ 8 ปี
ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่เหล่านักวิทยาศาสตร์กังวลมาตลอด เพราะหลายสิบปีที่ผ่านมา เด็กผู้หญิงที่เข้าสู่วัยแรกรุ่นเร็วกว่าเดิมมากเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ
ว่าเด็กผู้หญิงเหล่านี้จะเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนเร็วกว่าเดิม อีกทั้งยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงโรคต่างๆ เช่นมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ เป็นต้น
ทำให้มีการศึกษาวิจัยชิ้นใหม่ ที่เผยว่า เด็กผู้หญิงในสหรัฐฯ มีประจำเดือนครั้งแรกเร็วขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการสัมผัสกับ ‘มลพิษ’
โดยนักวิจัยกล่าว “อนุภาค PM 2.5 สามารถซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างง่ายดาย และเข้าไปในอวัยวะต่างๆ อีกทั้งยังพบว่า มี PM 2.5 สะสมอยู่ในรก หรือแม้แต่รังไข่”
โดย PM 2.5 จะเข้าไปทำให้ฮอร์โมนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการร่างกาย เกิดปฏิกิริยาซึ่งนำไปสู่การเริ่มเข้าสู่วัยแรกรุ่นไวกว่าเดิมนั้นเอง
อ้างอิง
https://thematter.co/brief/226924/226924 https://thematter.co/brief/226924/226924

วิจัยพบ  ไมโครพลาสติก ในสมองของคน มากกว่าอวัยวะอื่น 20 เท่า ปัจจุบันนี้เราทุกคนล้วนมีโอกาสได้รับ ไมโครพลาสติกเข้าสู่ร่าง...
03/01/2025

วิจัยพบ ไมโครพลาสติก ในสมองของคน มากกว่าอวัยวะอื่น 20 เท่า
ปัจจุบันนี้เราทุกคนล้วนมีโอกาสได้รับ ไมโครพลาสติกเข้าสู่ร่างกายได้โดยง่าย เพราะเจ้าไมโครพลาสติกนี้ มันสามารถลอยอยู่ในอากาศ อยู่ในน้ำที่เราดื่ม อาหารที่เรากิน
โดย ไมโครพลาสติก คือ ชิ้นส่วนพลาสติกที่มีขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 5 มิลลิเมตร
ซึ่งงานวิจัยล่าสุดชี้ให้เห็นชัดแล้วว่า ไมโครพลาสติกในร่างกายของคนเรา ไปสะสมอยู่ที่ สมอง มากกว่าอวัยวะอื่นในร่างกาย 10-20 เท่า
โดยงานวิจัยนี้มาจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ ที่ได้เก็บข้อมูลจากอวัยวะของศพที่ถูกชันสูตร ทั้ง ตับ ไต และ สมอง
แล้วพบว่า มีไมโครพลาสติกสะสมอยู่ในอวัยวะทั้ง 3
แต่สิ่งที่น่ากังวลยิ่งไปกว่านั้นคือ นักวิจัยพบว่า ในตัวอย่างถึง 91 ตัวอย่าง มีไมโครพลาสติกอยู่ในสมอง มากกว่าอวัยวะอื่นๆ ราว 10 - 20 เท่า
และใน 24 ตัวอย่างสมอง มีไมโครพลาสติกเฉลี่ยประมาณ 0.5% ของน้ำหนักสมอง
ทำให้นักวิจัยระบุว่า สมองคือเนื้อเยื่อที่สะสมมลพิษจากพลาสติกมากที่สุด เท่าที่เคยมีการเก็บตัวอย่างมา
โดยมีการเปรียบเทียบสมอง 12 ตัวอย่าง จากผู้ที่เสียชีวิตด้วยโรคสมองเสื่อม และอัลไซเมอร์ กับตัวอย่างสมองที่มีสุขภาพดี
พบว่าสมองของผู้ป่วยโรคเหล่านั้น มีไมโครพลาสติกมากกว่าถึง 10 เท่าของน้ำหนักสมองของคนสุขภาพดี
แม้ว่าผู้คนจะตระหนักถึงปัญหาและเริ่มงดใช้พลาสติกในชีวิตประจำวัน แต่การปนเปื้อนของไมโครพลาสติกก็ยังคงมีอยู่ในหลายรูปแบบเช่นกันครับ
คิดเห็นอย่างไรกับงานวิจัยนี้ อย่าลืมมาร่วมแชร์ความคิดเห็นกันใต้คอมเมนต์ได้เลยนะครับ
ที่มา :
https://thematter.co/brief/230468/230468

ขอเชิญประชาชนชาวกทม. ผู้ที่ทำงานหรืออยู่อาศัยในกทม. ร่วมตอบแบบสำรวจความพึงพอใจของผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ประจำปี 2567 🟢🏃‍♂️🏢...
02/01/2025

ขอเชิญประชาชนชาวกทม. ผู้ที่ทำงานหรืออยู่อาศัยในกทม. ร่วมตอบแบบสำรวจความพึงพอใจของผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ประจำปี 2567 🟢🏃‍♂️🏢
เพื่อรวบรวมความคิดเห็นความพึงพอใจในผลงานในปีที่ผ่านมา 🤔💭 และสะท้อนเสียงของประชาชนใน กทม. ไปยังหน่วยงานและผู้ว่าฯ กทม. 🕴️
👇ร่วมตอบแบบสำรวจความพึงพอใจประจำปี 2567 จากการทำงานของผู้ว่าฯ ชัชชาติได้ที่:
https://d-vote.com/dvote/K5AQOF7QZQ5CMRE
✨กิจกรรมนี้มีค่าตอบแทน 10 บาท
‼️ใช้เวลา 3-7 วันในการทำการ หลังจากส่งหลักฐานยืนยันกับเจ้าหน้าที
💥💥 ส่งหลักฐานการทำแบบสอบถามมาได้ที่ Line:

D-vote Official

ไทย ติด Top 2 ของเอเชีย ประเทศที่ ‘คนรุ่นใหม่’ มีความสุขที่สุดประเทศไทย ติด 1 ในอันดับ 50 ประเทศที่ ‘คนรุ่นใหม่’มีความสุ...
01/01/2025

ไทย ติด Top 2 ของเอเชีย ประเทศที่ ‘คนรุ่นใหม่’ มีความสุขที่สุด
ประเทศไทย ติด 1 ในอันดับ 50 ประเทศที่ ‘คนรุ่นใหม่’มีความสุขที่สุดในโลก ปี 2024 เป็นท็อป 2 ของเอเชีย รองจากใต้หวัน
ซึ่งการจัดอันดับความสุขของประชากรในโลก ของคนอายุไม่เกิน 30 ปี ได้สำรวจจาก 143 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจ ทั่วโลก
จัดทำโดย UN ร่วมกับมหาวิทยาลัย Oxford และบริษัท Gallup
โดยประเทศไทยนั้นติด 1 ใน 50 ประเทศ อยู่ในอันดับที่ 45 ของโลก
เป็นอันดับสองของเอเชียรองจากไต้หวันที่อยู่ในอันดับที่ 25 ของโลกและเป็นอันดับ1 ของเอเชีย
ซึ่งการสำรวจนี้ได้อ้างอิงจากผลสำรวจ Gallup World Poll ระหว่างปี 2021-2023
และวิเคราะห์ผ่านปัจจัยความสุข 6 ประการ คือ
1️⃣ข้อมูล GDP ต่อหัว
2️⃣การสนับสนุนทางสังคม
3️⃣อายุคาดการณ์เฉลี่ยของคนในช่วงที่มีสุขภาพดี
4️⃣เสรีภาพในการเลือกใช้ชีวิต
5️⃣ความเอื้ออาทร
6️⃣และการรับรู้การทุจริต
โดย ในรายงานระบุว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายที่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวมากที่สุด
พร้อมด้วยนโยบายวีซ่าฟรีต่างๆ ที่ทำให้คนหนุ่มสาวได้เข้ามาสัมผัสกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของไทยที่มีเสน่ห์
คิดเห็นอย่างไรกับผลสำรวจนี้ อย่าลืมคอมเมนต์กันเข้ามาเยอะๆ นะครับ
อ้างอิง
https://www.bangkokbiznews.com/politics/1132854

ไทยคว้าอันดับ 4 ประเทศที่สวยงามที่สุดในโลกU.S. News and World Report ได้เก็บสถิติล่าสุดในปี 2023-2024 เกี่ยวกับเมืองที่ส...
30/12/2024

ไทยคว้าอันดับ 4 ประเทศที่สวยงามที่สุดในโลก
U.S. News and World Report ได้เก็บสถิติล่าสุด
ในปี 2023-2024 เกี่ยวกับเมืองที่สวยงาม น่าท่องเที่ยว
จากนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก
ซึ่ง “ประเทศไทย” เป็นประเทศที่นักท่องเที่ยว
ลงความเห็นว่า ให้เป็นประเทศที่สวยที่สุดอันดับ 4 ของโลก
ประเทศที่ติดอันดับ ประเทศสวยงาม ทั้งหมดมี ดังนี้
🇳🇿นิวซีแลนด์
🇬🇷กรีซ
🇮🇹อิตาลี
🇹🇭ไทย
🇨🇭สวิตเซอร์แลนด์
🇧🇷บราซิล
🇦🇺ออสเตรเลีย
🇳🇴นอร์เวย์
🇪🇬อิยิปต์
🇪🇸สเปน
โดยประเมินจากคะแนนหลักๆ 3 อย่าง คือ
⭐มีทิวทัศน์ที่สวยงาม
⭐มีความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม
⭐มีสถานที่ที่น่าเยี่ยมชมจำนวนมาก
การที่ประเทศไทยคว้าอันดับที่ 4 ของโลก
ในหัวข้อประเทศสวยงามที่สุดประเทศหนึ่ง
เป็นการตอกย้ำว่า วงการการท่องเที่ยวภายในประเทศของเรานั้น
เฟื่องฟูเป็นอย่างมาก อีกทั้งชาวโลก
ยังให้ความเคารพและชื่นชอบในวัฒนธรรมของประเทศไทย
แล้วนอกจากไทยแล้ว เพื่อนๆ คิดว่ามีประเทศไหนอีกบ้าง ที่สวยงามจนอยากไปเยือนสักครั้งในชีวิต
คอมเมนต์บอกันหน่อย
แหล่งที่มา: U.S. News and World Report

ไทยคว้าอันดับ 1 ‘ถนนอันตรายที่สุด’ ในอาเซียน 🚨องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้จัดให้ไทยเป็นประเทศที่มี “ถนนอันตรายที่สุด” อ...
27/12/2024

ไทยคว้าอันดับ 1 ‘ถนนอันตรายที่สุด’ ในอาเซียน
🚨องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้จัดให้ไทยเป็นประเทศที่มี “ถนนอันตรายที่สุด” อันดับ 1 ในอาเซียน ครองอันดับ 2 ของเอเซีย และคว้าอันดับ 16 ของโลก ในปี 2021🛵🚌
🔘โดยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเฉลี่ยสูงถึง 50 รายต่อวัน
🥃ซึ่งสาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัย เช่น ไม่สวมหมวกกันน็อก เมาแล้วขับ และขับรถเร็วเกินกำหนด โดยผู้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสุด 🏍️
🩼นอกจากจะเกิดสูญเสียแล้ว ยังทำให้มีผู้บาดเจ็บและพิการเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่ใช้รถจักรยานยนต์
แม้ในช่วงโควิด-19 ตัวเลขผู้เสียชีวิตจะลดลงชั่วคราว แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ตัวเลขก็กลับมาสูงขึ้นใกล้เคียงกับปีก่อนหน้าที่ถูดจัดอันดับจากจำนวนผู้เสียชีวิต 5 อันดับแรก ในอาเซียนใน ปี 2018 ได้แก่
.
♦️อันดับที่ 1 ไทย ร้อยละ 32.7

♦️อันดับที่ 2 เวียดนาม ร้อยละ 26.4

♦️อันดับที่ 3 มาเลเซีย ร้อยละ 23.6

♦️อันดับที่ 4 เมียนมา ร้อยละ 19.9

♦️อันดับที่ 5 กัมพูชา ร้อยละ 17.8

(สัดส่วน : ประชากร 100,000 คน)
🟢องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะไทยบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เช่น การสวมหมวกนิรภัยและการไม่ขับรถขณะเมา อาจช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้มากถึง 60%
ตอนนี้ปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในไทยจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข โดยทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างความตระหนักและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อลดจำนวนผู้เสียชีวิตและสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน
อ้างอิง
https://www.rfi.fr/en/international-news/20241002-why-are-thailand-s-roads-so-deadly
https://www.bangkokbiznews.com/health/social/1098256

วิจัยเผย Gen Z ซื้อของทุกอย่างที่เป็นเทรนภายใต้แนวคิด "สบายไว้ก่อน"จากผลสำรวจล่าสุดโดยบริษัท Bread Financial ซึ่งมีประวั...
25/12/2024

วิจัยเผย Gen Z ซื้อของทุกอย่างที่เป็นเทรนภายใต้แนวคิด "สบายไว้ก่อน"
จากผลสำรวจล่าสุดโดยบริษัท Bread Financial
ซึ่งมีประวัติลูกค้า Gen Z จำนวนมากอยู่ในมือ
และได้สุ่มทำการสำรวจประมาณ 1,700 คนจากผู้ใช้บริการ พบว่า
ลูกค้า Gen Z ส่วนมากที่เกิดในปี 1997-2012
มักมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ติดเทรนและสะดวกสบาย
โดยยุคของ Gen Z เป็นที่น่าสังเกตว่า คนกลุ่มนี้เกิดท่ามกลางเทคโนโลยี
ที่ถูกพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
จึงทำให้คนรุ่นนี้มักใช้ชีวิตตามกระแสของโลกออนไลน์
หรือเรียกง่ายๆ ว่า 60-70% ของคนเจนนี้ มีชีวิตผูกติดกับโซเชียลมีเดีย
จึงทำให้พฤติกรรมการซื้อของพลอยผูกติดไปด้วย
ตัวอย่างเช่น จากการสำรวจพบว่า กว่า 40% ของผู้ตอบแบบสอบถาม
“ต้องซื้อ” ของที่กำลังฮิตบนโลกออนไลน์
เพียงเพราะอยากที่จะโพสต์รูปเกี่ยวกับมัน หรือแชร์ให้โลกได้เห็นว่า
ตนเองเป็นส่วนหนึ่งของเทรนนี้ด้วย
ไม่ใช่แค่เพียงแนวคิดการติดเทรนอย่างเดียว
แต่คน Gen Z นิยมความสะดวกสบายต่อชีวิตและจิตใจ
ธุรกิจอะไรก็ตามที่จะเจาะกลุ่ม Gen Z ได้
จะต้องเน้นเรื่องไลฟ์สไตล์ที่สะดวกสบายของคนเจนนี้เอาไว้ก่อน
และจะดีมากถ้าทำให้มันกลายเป็นเทรนได้ด้วย เพราะคนเจนนี้ชอบมาก
อย่างไรก็ดี ยังมีสิ่งที่น่าเป็นห่วงด้วยก็คือ
คน Gen Z มีแนวโน้มที่จะใช้เงินแบบไม่ยั้งคิด
และกว่า 34% ของคนเจนนี้ ไม่มีความรู้ทางด้านการเงิน
หรือไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเรื่องการจัดการการเงินอย่างไร
จึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะตราบใดที่ชีวิตในปัจจุบัน
ถูกดำเนินควบคู่ไปกับโซเชียลมีเดีย ก็มีแนวโน้มที่คนเจนนี้
จะใช้เงินสูงขึ้นตามไปด้วย
แล้วเพื่อนๆ คิดว่าคน Gen ไหนใช้เงินเก่งที่สุด คอมเมนต์บอกกันหน่อย
แหล่งข้อมูล:
https://finance.yahoo.com/news/want-win-gen-z-over-142946780.html
https://newsroom.breadfinancial.com/gen-z-finances-quicktake

จริงไหม? Gen Z เป็นเจนของคนเหงาๆ ยิ่งกว่ารุ่นอื่นคน Gen Z เหงากว่าที่เราคิดจริงไหม?  งานวิจัยล่าสุดเผยว่าเหล่าคน Gen Z ต...
23/12/2024

จริงไหม? Gen Z เป็นเจนของคนเหงาๆ ยิ่งกว่ารุ่นอื่น
คน Gen Z เหงากว่าที่เราคิดจริงไหม?
งานวิจัยล่าสุดเผยว่าเหล่าคน Gen Z ต้องเผชิญกับความเหงามากกว่าคนรุ่นอื่นๆ
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป การเติบโตมาในยุคดิจิทัล และผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้พวกเขาต้องเรียนรู้และคุ้นชินกับการอยู่คนเดียวมากขึ้น
อาจารย์ด้านการสื่อสาร จากมหาวิทยาลัยแคนซัส
ได้ทำการสำรวจจากการสุ่มตัวอย่าง วัยทำงานชาวอเมริกันจำนวน 4,300 คน
โดยให้ระบุรายชื่อเพื่อนสนิท 7 คนแรกที่นึกถึง พร้อมสถานที่ที่ได้รู้จัก-เชื่อมสัมพันธ์กัน
คนอายุมากกว่า 51 ปี ขึ้นไป มีเพื่อนสนิท 7 คนแรกเป็นคนในที่ทำงานทั้งหมด
ส่วนคนอายุต่ำกว่า 30 ปี มีเพื่อนสนิทจากที่ทำงานเพียงแต่ 21% เท่านั้น
ซึ่งการศึกษาอธิบายว่า คนวัยทำงานจะเหงาน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ทำงาน เพราะมีความใกล้ชิดกับเพื่อนร่วมงาน
แต่จากการศึกษาเหล่า Gen Z มีแนวโน้มที่จะไม่สร้างสัมพันธ์และมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นในที่ทำงาน เพราะการเติบโตมาในยุคที่การใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก
รวมถึงการระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 ที่ทำให้ Gen Z ไม่มีทางเลือกในการใช้ชีวิต การเรียน และการทำงาน ต้องทำงานทางไกล จึงทำให้ Gen Z เป็นเจเนอเรชันแห่งความเหงามากกว่าคนรุ่นอื่นๆ

และสภาพแวดล้อมทางการเมืองและเศรษฐกิจ ทำให้พวกเขาเรียนรู้วิธีอยู่รอด โดยไม่ต้องพึ่งพาสังคมมากจนเกินไป
ซึ่งในการศึกษาเห็นวแต่ว่า หาก Gen Z ใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆ พวกเขาก็อาจจบลงด้วย ‘ความเหงา’ มากกว่าที่เคยเป็น
และการขาดมิตรภาพในที่ทำงานส่งผลเสียมากกว่าที่เราคิด
เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องของการพูดคุยเล่นสนุก
แต่เป็นเรื่องของสุขภาพจิต ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง และการเติบโตในสายอาชีพ

ผลสำรวจเผย คนไทย 66% พร้อมย้ายไปทำงานประเทศอื่นJobsdb by SEEK ได้เผยผลสำรวจ เกี่ยวกับการทำงานและความสมัครใจในการโยกย้ายง...
13/12/2024

ผลสำรวจเผย คนไทย 66% พร้อมย้ายไปทำงานประเทศอื่น
Jobsdb by SEEK ได้เผยผลสำรวจ เกี่ยวกับการทำงานและความสมัครใจในการโยกย้ายงานไปต่างเทศของผู้ทำแบบสำรวจกว่า 150,000 คน จาก 180 ประเทศทั่วโลก (Global Talent Survey 2024)
ซึ่งพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามคนไทยกว่า 66% พร้อมย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศ
โดยกว่า 79% ของผู้ที่พร้อมย้ายงานเป็นกลุ่มคนอายุน้อย
และกว่า 76% ตอบรับการทำงานทางไกลระหว่างประเทศ
ซึ่งต่างจากปี 2020 ที่มีสัดส่วนเพียง 50%
ขณะที่ผู้คนทั่วโลก 63% มีสัดส่วนอยากย้ายถิ่นฐานไปทำงานต่างประเทศ
น้อยลงกว่าก่อนช่วงโควิดที่มีสูงถึง 71%
ในเว็บไซต์ Jobsdb ยังบอกอีกว่า ปัจจัยของโยกย้ายถิ่นฐานในการทำงานนี้เกี่ยวกับ
ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ค่าตอบแทนที่สูงขึ้น
รวมถึงโอกาสที่จะได้รับประสบการณ์ในระดับนานาชาติ
ผลสำรวจนี้เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือน ปรากฏการณ์สมองไหล
โดยอาชีพที่พร้อมโยกย้ายไปทำงานประเทศอื่น คือ
กลุ่มอาชีพการศึกษา และการฝึกอบรม 85%
กลุ่มอาชีพกฏหมาย 73%
กลุ่มอาชีพวิศวกรรมและเทคนิค 69%
รวมถึงกลุ่มอาชีพการจัดการธุรกิจ และไอที
คิดเห็นอย่างไรกับผลสำรวจนี้อย่าลืมเข้ามาแชร์ความคิดเห็นกันเยอะๆ นะครับ
อ้างอิง
https://th.jobsdb.com/th/about/news/article/dgt-2024-mobility-trends

ผลสำรวจ คนไทย 72% มุ่งใช้ชีวิตสุขแค่วันนี้ พรุ่งนี้ว่ากันใหม่ซึ่งจากรายงาน Ipsos Global Trends 2024 ที่ได้สำรวจพฤติกรรมผ...
11/12/2024

ผลสำรวจ คนไทย 72% มุ่งใช้ชีวิตสุขแค่วันนี้ พรุ่งนี้ว่ากันใหม่
ซึ่งจากรายงาน Ipsos Global Trends 2024 ที่ได้สำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลก
พบว่า คนไทยกว่า 84% มีชีวิตอยู่เพื่อวันนี้ เพราะอนาคตไม่แน่นอน มาเป็นอันดับ 1 จาก 50 ประเทศที่มีการสำรวจ
และกว่า 72% มีพฤติกรรมบริโภคที่ “มุ่งใช้ชีวิตให้มีความสุขในวันนี้ ส่วนพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่”
สูงกว่าค่าเฉลี่ย 66% ของทั้งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกทั้งหมด
โดยการสำรวจนี้ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลก กลุ่มตัวอย่าง 50,000 คน จากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
ผลสำรวจของคนไทยนั้นแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมบริโภคและการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป โดยเน้น “ความสุข” ในปัจจุบันเป็นหลัก
และให้ความสำคัญภาพลักษณ์ของตัวเองทั้งในโลกความจริงและโลกออนไลน์
เพราะ 65% ยอมจ่ายเงินซื้อฟีเจอร์หรือไอเทมต่างๆ เพื่อให้ภาพโพสต์ หรือ Avatar ของตัวเองดูดีอยู่เสมอ
รวมไปถึงการเลือกซื้อสินค้าตาม influencer ที่ตัวเองชอบกว่า 58% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกทั้งหมด
แต่ในภาพรวมของสินค้าและบริการเกี่ยวกับสุขภาพ คนไทย 84% อยากตัดสินใจเองมากขึ้น
และ 82% มักค้นหาข้อมูลการดูแลสุขภาพด้วยตัวเองอยู่เสมอ
แล้วทุกคนคิดเห็นอย่างไร ตรงกับผลสำรวจโดยส่วนใหญ่มากน้อยแค่ไหน อย่าลืมคอมเมนต์มาแชร์กันเยอะๆ นะครับ
อ้างอิง
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing/marketing/2820201
https://www.prachachat.net/marketing/news-1678944

"บรรทัดทอง" ติดอันดับ 14 ของโลก ถนนที่ "โคตรคูล" ที่สุดเว็บไซต์ Time Out ได้จัดอันดับ ถนนที่เจ๋ง ที่โคตรคูลที่สุดทั้งหมด...
09/12/2024

"บรรทัดทอง" ติดอันดับ 14 ของโลก ถนนที่ "โคตรคูล" ที่สุด
เว็บไซต์ Time Out ได้จัดอันดับ ถนนที่เจ๋ง ที่โคตรคูลที่สุดทั้งหมด 30 อันดับ
โดยประเทศไทยติดอันดับ 14 ซึ่งถนนที่ว่านั่นคือ “บรรทัดทอง”
ซึ่งสำรวจจากความเห็นของนักท่องเที่ยว โดยพิจารณาดังเกณฑ์ต่อไปนี้
👉🏻อาหารอร่อย มีความหลากหลาย และมีความเป็นเอกลักษณ์
👉🏻มีความสนุกสนาน มีกิจกรรมมากมายให้ทำ
👉🏻ติดกับแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม
👉🏻พื้นที่อาศัยในชุมชนมีความหลากหลาย
👉🏻มีการส่งเสริมเรื่องความยั่งยืน เช่น การใช้จักรยาน การรีไซเคิล เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีถนนในอันดับอื่นๆ ที่สวย น่าเที่ยวไม่แพ้กัน เช่น
🇨🇦Rue Wellington, Montreal ประเทศแคนาดา
🇦🇺Gertrude Street, Melbourne ประเทศออสเตรเลีย
🏴󠁧󠁢󠁳󠁣󠁴󠁿Great Western Road, Glasgow ประเทศสกอตแลนด์
🇹🇼Yongkang Street, Taipei ประเทสไต้หวัน
🇩🇰Værnedamsvej, Copenhagen ประเทศเดนมาร์ก
โดยถนนย่านบรรทัดทอง เป็นย่านที่คึกคักและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว
ไม่ว่าจะเป็นทั้งคนไทยและคนต่างชาติเองก็ตาม
ซึ่งย่านบรรทัดทอง ก็เป็นที่ตั้งของวัดบรรทัดทอง และคลองบางลำพู
อีกทั้งยังเป็นถิ่นชุมชนเก่า ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมด้วยเช่นกัน
ที่สำคัญร้านอาหารยังมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นอาหารจีน อาหารไทย ของอาหารอินเดีย อาการเกาหลี และอาหารญี่ปุ่นด้วย
จึงไม่น่าแปลกใจที่ย่านบรรทัดทองจะได้รับความนิยมจากคนทั่วโลก
จนกลายเป็นอีกหมุดหมายหนึ่งที่มาถึงประเทศไทยแล้ว ก็ต้องไปเยือนให้ได้
แล้วเพื่อนๆ ชอบร้านไหนในย่านบรรทัดทองมากที่สุด มาลองแชร์กัน
แหล่งที่มา: https://www.timeout.com/things-to-do/coolest-streets-in-the-world

ผลสำรวจเผย คนไทย 66% พร้อมย้ายไปทำงานประเทศอื่นJobsdb by SEEK ได้เผยผลสำรวจ เกี่ยวกับการทำงานและความสมัครใจในการโยกย้ายง...
29/11/2024

ผลสำรวจเผย คนไทย 66% พร้อมย้ายไปทำงานประเทศอื่น
Jobsdb by SEEK ได้เผยผลสำรวจ เกี่ยวกับการทำงานและความสมัครใจในการโยกย้ายงานไปต่างเทศของผู้ทำแบบสำรวจกว่า 150,000 คน จาก 180 ประเทศทั่วโลก (Global Talent Survey 2024)
ซึ่งพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามคนไทยกว่า 66% พร้อมย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศ
โดยกว่า 79% ของผู้ที่พร้อมย้ายงานเป็นกลุ่มคนอายุน้อย
และกว่า 76% ตอบรับการทำงานทางไกลระหว่างประเทศ
ซึ่งต่างจากปี 2020 ที่มีสัดส่วนเพียง 50%
ขณะที่ผู้คนทั่วโลก 63% มีสัดส่วนอยากย้ายถิ่นฐานไปทำงานต่างประเทศ
น้อยลงกว่าก่อนช่วงโควิดที่มีสูงถึง 71%
ในเว็บไซต์ Jobsdb ยังบอกอีกว่า ปัจจัยของโยกย้ายถิ่นฐานในการทำงานนี้เกี่ยวกับ
ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ค่าตอบแทนที่สูงขึ้น
รวมถึงโอกาสที่จะได้รับประสบการณ์ในระดับนานาชาติ
ผลสำรวจนี้เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือน ปรากฏการณ์สมองไหล
โดยอาชีพที่พร้อมโยกย้ายไปทำงานประเทศอื่น คือ
กลุ่มอาชีพการศึกษา และการฝึกอบรม 85%
กลุ่มอาชีพกฏหมาย 73%
กลุ่มอาชีพวิศวกรรมและเทคนิค 69%
รวมถึงกลุ่มอาชีพการจัดการธุรกิจ และไอที
คิดเห็นอย่างไรกับผลสำรวจนี้อย่าลืมเข้ามาแชร์ความคิดเห็นกันเยอะๆ นะครับ
อ้างอิง
https://th.jobsdb.com/th/about/news/article/dgt-2024-mobility-trends

วิจัยเผย ยิ่งขี้สงสัย ยิ่งจำเก่งขึ้น ดีต่อสมองสุดๆ🤔รู้หรือไม่ การที่เราเป็นคน "ชอบสงสัยใคร่รู้" หรือขี้สงสัย จะช่วยลับคม...
27/11/2024

วิจัยเผย ยิ่งขี้สงสัย ยิ่งจำเก่งขึ้น ดีต่อสมองสุดๆ
🤔รู้หรือไม่ การที่เราเป็นคน "ชอบสงสัยใคร่รู้" หรือขี้สงสัย จะช่วยลับคมให้สมอง และช่วยให้จำเก่งขึ้นได้อีกด้วย✨
โดยงานวิจัยนี้มาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ที่ได้ทำการวิจัยด้วยการสแกนสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า(MRI) พร้อมกับให้ผู้ทดลองทำแบบทดสอบร่วมด้วย
แล้วให้ผู้เข้าร่วมตอบคำถามความรู้รอบตัว พร้อมกับให้คะแนนความอยากรู้คำตอบของตัวเองด้วย ว่าอยากรู้แค่ไหน
จากนั้นก็ให้ดูรูปใบหน้าคน แล้วค่อยเฉลยคำตอบ สุดท้ายก็ทดสอบความจำเกี่ยวกับรูปใบหน้า
📌ซึ่งพบว่าคนที่ให้คะแนนความอยาากรู้ หรือความสงสัยของตัวเองมาก จะสามารถจดจำคำตอบของคำถามรอบตัว และยังจำรูปใบหน้าได้แม่นกว่าคนที่ไม่ค่อยสงสัย แถมยังจำได้ดีขึ้นในวันถัดไปอีกด้วย
และผลการศึกษาจากการแสกนสมอง MRI ยังพบว่า “คนที่ขี้สงสัยใคร่รู้” จะมีการทำงานของสมองเพิ่มขึ้น
🧠ในสมองส่วนของ "นิวเคลียส แอ็คคัมเบน" (Nucleus Accumben)
ซึ่งเป็นศูนย์กลางความสุข และการเรียนรู้ จะทำงานอย่างแข็งขัน
และหลั่งสารโดปามีน (Dopamine) ออกมาเยอะกว่าปกติ
🎁จึงทำให้สมองเหมือนได้รับรางวัล จึงรู้สึกตื่นเต้น อยากเรียนรู้ ทำให้พร้อมจดจำข้อมูลต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกันได้ ✨
โดยงานวิจัยชิ้นนี้ ไม่ได้แค่บอกว่า "ความสงสัย" สำคัญต่อการเรียนรู้เท่านั้นนะ แต่ยังเป็นความหวังในการพัฒนาวิธีรักษาโรคความจำเสื่อม ในอนาคตอีกด้วย
เพราะฉะนั้นใครอยากมีความจำดี เรียนรู้เก่ง 🧠💪
ก็อย่าลืมฝึกให้ฝึกช่างสังเกต และขี้สงสัยกับเรื่องรอบกันด้วยนะครับ
อ้างอิง
https://www.livescience.com/48121-curiosity-boosts-memory-learning.html
https://prachatai.com/journal/2014/10/55854

เกมเมอร์ว่าไง?! เมื่อวิจัยเผย หนุ่มติดเกมมักมีความต้องการทางเพศต่ำงานวิจัยที่ตีพิมพ์ลงใน Journal of Sexual Medicine เปิด...
25/11/2024

เกมเมอร์ว่าไง?! เมื่อวิจัยเผย หนุ่มติดเกมมักมีความต้องการทางเพศต่ำ
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ลงใน Journal of Sexual Medicine เปิดเผยว่า
ผู้ชายที่ติดเกม มักจะมีความต้องการทางเพศต่ำ
โดยทำการทดลองในกลุ่มตัวอย่างจากชาย 396 คนพบว่า
✔️ ผู้ชายที่เล่นเกม มีโอกาสหลั่งช้ากว่าผู้ชายทั่วไป
✔️ ผู้ชายที่เล่นเกม มักมีความต้องการทางเพศต่ำ
✔️ ผู้ชายที่เล่นเกม มีโอกาสหลั่งฮอร์โมนโดปามีนสูงอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมีเซ็กส์ก็ได้
เหตุผลที่ผู้ชายที่ติดเกมมักมีความต้องการทางเพศต่ำ เพราะ..
1️⃣การเล่นเกมใช้สมาธิสูงมาก จึงทำให้มีอาการเหนื่อยล้าง่าย
2️⃣มีโอกาสเกิดความเครียดสะสมสูงขณะเล่นเกม
3️⃣คนติดเกมมักเกิดภาวะนอนไม่หลับ จนนำไปสู่โรควิตกกังวล
4️⃣เสี่ยงเกิดภาวะ hyperprolactinemia ที่ทำให้สารในสมองทำงานผิดปกติ จนไม่มีความต้องการทางเพศ
นอกจากนี้งานวิจัยยังบอกด้วยว่า
ผู้ชายที่เล่นเกมหนัก หรือมีอาชีพเป็นเกมเมอร์
ส่วนใหญ่นั้นจะใช้เวลาไปกับการเล่นเกม มีสังคมอยู่ในเกม และอาจจะตัดขาดจากโลกภายนอกได้โดยไม่รู้ตัว
จึงทำให้ดูเหมือนว่าโลกส่วนใหญ่ผูกติดอยู่กับเกมไปเองโดยปริยาย
ที่อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ไปด้วย
อย่างไรก็ดี งานทดลองนี้เป็นงานทดลองที่ทำในคนก็จริง
แต่เป็นเพียงแค่กลุ่มตัวอย่างเท่านั้น จึงไม่อาจเหมารวมได้ทั้งหมดว่า
เกมเมอร์นั้นมีความต้องการทางเพศต่ำ
อาจจะเป็นเพียงรายบุคคลไป และอาจต้องอาศัยหลายๆ พฤติกรรม
ในการตัดสินว่า ผู้ชายติดเกมคนนั้นอยู่ในภาวะ hyperprolactinemia จริง
แล้วเหล่าเกมเมอร์คิดเห็นอย่างไรกับวิจัยนี้ ลองมาแชร์กัน!
แหล่งที่มา: https://www.vice.com/en/article/gamers-have-lower-sex-drives-than-other-men-study-finds-id/

ผลสำรวจเผย Gen Y เป็นทูตเชื่อมสัมพันธ์รับจบทุกเจนใน officeหลังช่วงยุคโควิดผ่านไป หลายบริษัทต้องปรับตัวกับการทำงานที่มีพน...
22/11/2024

ผลสำรวจเผย Gen Y เป็นทูตเชื่อมสัมพันธ์
รับจบทุกเจนใน office
หลังช่วงยุคโควิดผ่านไป หลายบริษัทต้องปรับตัวกับการทำงานที่มีพนักงานในช่วงวัยที่หลากมากขึ้น
โดยเฉพาะในที่ทำงานที่มีทั้งคน Gen Z, Gen Y, Gen X ไปจนถึงรุ่น บูมเมอร์
ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในเกือบทุกบริษัทก็คือ ปัญหาของการสื่อสาร
ซึ่งตัวกลางที่มารับจบปัญหานี้นั้นก็คือ เหล่าคน Gen Y หรือคนรุ่นมิลเลนเนียล
ที่สามารถทำงานกับทั้งคนรุ่นใหม่และเก่าได้อย่างลงตัว
โดยผลสำรวจจาก EY บริษัทที่ปรึกษาด้านกฎหมาย กลยุทธ์ ภาษี และการจัดการองค์กร พบว่า

พนักงานรุ่น Gen Z กว่า 40% มีผู้จัดการที่เป็นกลุ่มคน Gen Y
และกลุ่มหัวหน้างานชาว Gen Y เหล่านี้แหละคือ กลุ่มคนที่พร้อมอธิบายงานหรือฝึกสอนให้รุ่นน้องชาว Gen Z ว่าเหล่าคนรุ่น Gen X และบูมเมอร์ ต้องการอะไรจากพวกเขา

ในขณะที่กลุ่มคน Gen Y ก็สื่อสารกับคนที่อาวุโสกว่าให้สามารถเข้าใจในสิ่งที่คนรุ่นใหม่ต้องการและคาดหวังได้ด้วย

โดยผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษาด้านอาชีพการงาน ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า คน Gen Y ปนับตัวเก่ง อีกทั้งยังเป็นทูตในที่ทำงาน เพราะพวกเขาคุ้นเคยกับการทำงานทั้งระบบเก่าและระบบใหม่

Gen Y เป็นคนกลางที่คนทุกรุ่นยอมรับ เพราะเป็นหัวหน้างานที่เข้าอกเข้าใจทุกฝ่าย
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะคน Gen Y เป็นกลุ่มที่มีประการณ์ทำงานในองค์กรทั้งช่วงก่อนและหลังการระบาดของโควิด-19
ทำให้พวกเขาสามารถเชื่อมช่องว่างระหว่างวัยของพนักงานหลายๆ รุ่น ในที่ทำงานได้
และพบว่าพนักงานรุ่น Gen Z มักเข้ามาพูดคุยเรื่องการทำงาน รวมไปถึงการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงาน อีกทั้งยังเปิดใจพูดคุยเกี่ยวกับสุขภาพจิตอีกด้วย
อ้างอิง
https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1150112

วิจัยยืนยัน การเป็นหนี้ ทำให้คน "โง่"งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลและองค์กรการกุศลชื่อ Ideas42พบผลการศึกษาที่น่าสนใจว่า“...
20/11/2024

วิจัยยืนยัน การเป็นหนี้ ทำให้คน "โง่"
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลและองค์กรการกุศลชื่อ Ideas42
พบผลการศึกษาที่น่าสนใจว่า
“การเป็นหนี้ ทำให้คนฉลาดน้อยลง”
โดยทำการวิจัยจากชาวสิงคโปร์กว่า 200 คน
ที่กำลังเป็นทุกข์เรื่องรายได้
ซึ่งให้ทดสอบ 3 อย่าง ดังต่อไปนี้
1️⃣ทดสอบการคิดและการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
2️⃣ทดสอบเรื่องความกังวลและระดับความเครียด
3️⃣ทดสอบด้านวิจารณญาณด้านการเงิน ว่าสามารถตัดสินเรื่อง กำไร-ขาดทุน ได้อย่างเหมาะสมไหม
หลังจากทำการทดสอบแล้วครั้งหนึ่ง
ทีมวิจัยบอกกับผู้ร่วมตอบแบบสอบถามว่า
จะช่วยชำระหนี้ให้พวกเขาทั้งหมด
และให้พวกเขาลองตอบแบบสอบถามอีกรอบ
ผลสรุปว่า
✅คะแนนการตอบแบบสอบถามของพวกเขาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
✅ระดับความเครียดลดลง
✅ระดับความวิตกกังวลลดลง
จากการทดลองนี้จึงทำให้ทางทีมมหาวิทยาลัยคอร์เนล
และองค์กรการกุศล Idea42 สรุปว่า
💵ความรู้สึกขาดแคลน “เงิน” สร้างความเสียหายต่อสมอง
💵ภาระหนี้สินที่กดดันทุกเดือน ก็เป็นสาเหตุทำให้ส่งผลต่อสมองด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ภาระหนี้สินของคนไทยในปัจจุบันถือว่าน่าเป็นกังวล
เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่ค่าจ้างกลับไม่ขยับตาม
อีกทั้งค่านิยมในปัจจุบันที่ผู้คนนิยมให้การยอมรับ
กับสินค้าแบรนด์เนมที่มีราคาแพง จึงทำให้คนจำนวนไม่น้อย
หันไปกู้หนี้ยืมสินทำชีวิตให้หรูหรา เพื่อให้สังคมยอมรับมากขึ้นอีกด้วย
แล้วเพื่อนๆ คิดว่า “การเป็นหนี้” ส่งผลกับความรู้สึกยังไงบ้าง มาคอมเมนต์แชร์กัน
แหล่งที่มา: หนังสือ “Money Script” บทที่ 3; ถ้ากู้เงินแล้วจะฉลาดน้อยลง หน้า 113 เขียนโดย Mentalist Daigo

วิจัยชี้ ลาพักร้อนไม่ถึง 21 วัน/ปี เสี่ยงตายไวขึ้น 37%ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ ทำให้ผู้คนลาพักร้อนได้ยากมากขึ้น เพราะภาระหน้า...
18/11/2024

วิจัยชี้ ลาพักร้อนไม่ถึง 21 วัน/ปี เสี่ยงตายไวขึ้น 37%
ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ ทำให้ผู้คนลาพักร้อนได้ยากมากขึ้น
เพราะภาระหน้าที่การงานและหนี้สินต่างๆ ที่รุมเร้า
แต่รู้หรือไม่ว่า ถ้าหากลาพักร้อนน้อยเกินไป ก็อาจเสี่ยงต่อสุขภาพได้ แม้จะดูแลสุขภาพอย่างดี
โดยการวิจัยใหม่พบว่า การลาหยุดยาว 3 สัปดาห์หรือน้อยกว่า 21 วันต่อปี จะส่งผลเสียต่อสุขภาพและทำให้อายุขัยสั้นลงถึง 37%
ซึ่งงานวิจัยนี้ได้รับการเสนอเข้าที่ประชุมประจำปีของ European Society of Cardiology ในประเทศเยอรมนี
โดยได้ทำการศึกษาเพศชายวัยกลางคนที่ทำงานอยู่กว่า 1,200 คน
ซึ่งแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือกลุ่มควบคุมและกลุ่มแทรกแซง
กลุ่มควบคุมจะได้รับคำแนะนำด้านการดูแลสุขภาพตามปกติ แต่ไม่มีการ ติดตามจากนักวิจัย
ส่วนกลุ่มแทรกแซงจะได้รับคำแนะนำที่พิเศษกว่า ทั้งอาหารที่มีมีประโยชน์ การพยายามลดน้ำหนักที่เหมาะสม และการเลิกบุหรี่
พบว่า ในกลุ่มแทรกแซงที่ได้รับคำแนะนำอย่างดีในด้านสุขภาพ แต่มีการลาหยุดพักร้อนน้อยกว่า 21 วัน เสี่ยงต่อสุขภาพมากกว่ากลุ่มอื่นๆ
เพราะคนที่ลาพักร้อนสั้นกว่าจะทำงานมากขึ้นและนอนหลับน้อยลง เมื่อเทียบกับผู้ที่ลาพักร้อนนานกว่า 21 วันขึ้นไป
ผลการศึกษายังชี้ว่าการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีไม่สามารถชดเชยการทำงานหนักเกินไปและการไม่พักผ่อนเลยได้
และการได้ใช้ช่วงเวลาวันหยุดจะช่วยคลายความซ้ำซากจำเจในชีวิตได้เป็นอย่างดี แถมยังยังช่วยลดความเครียดอีกด้วย
เพราะหากความเครียดอย่างต่อเนื่องจะเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพต่างๆ มากมาย เช่นโรคอ้วนความดันโลหิตสูงและภาวะซึมเศร้านั่นเอง
อ้างอิง
https://www.ndtv.com/health/want-to-live-longer-take-a-holiday-heres-why-1908000?fbclid=IwAR0foR31qD-S0WF5c2DID6B8-GJr80vaX9rvZh7d3KSSeBXP3M-Hvw87_YA

คิดว่าไง!? "ไทย" ถูกจัดอันดับใหม่ให้เป็นกลุ่ม "ประเทศกึ่งเสรีภาพ"ล่าสุด The Freedom House ประกาศให้ไทยได้เป็นประเทศที่มี...
17/11/2024

คิดว่าไง!? "ไทย" ถูกจัดอันดับใหม่ให้เป็นกลุ่ม "ประเทศกึ่งเสรีภาพ"
ล่าสุด The Freedom House ประกาศให้ไทย
ได้เป็นประเทศที่มี “กึ่งเสรีภาพ” จากเดิมที่ “ไม่มีเสรีภาพ”
ซึ่งภาพรวมได้คะแนนจาก 30 คะแนน เป็น 36 คะแนน
ส่งผลต่อภาพรวมของความเป็น “ประชาธิปไตย” ภายในประเทศได้มากขึ้น
ซึ่งปัจจัยที่ The Freedom House ตั้งขอสังเกตของคะแนนที่เพิ่มขึ้น ว่า
1️⃣หลังการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ประเทศไทยมีการแข่งขันอย่างแท้จริง
2️⃣มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ที่นำโดยพรรคที่เคยเป็นฝ่ายค้านมาก่อน
แต่การที่ประเทศไทยยังไม่สามารถไปสู่ประเทศที่มีเสรีภาพนัก
นั่งก็เป็นเพราะทาง The Freedom House
ยังตั้งขอสังเกตว่า สมาชิกวุฒิสภาที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งนั้น
ยังมีผลทำให้พรรคที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุด
ไม่ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และไม่ได้รับเลือกอย่างที่ประชาชนต้องการ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ประเทศไทยไม่ได้รับเสรีภาพทางสื่อมากนัก
รวมไปถึงเรื่องกฎหมายหลายๆ ด้านที่เกี่ยวกับนักการเมือง
ซึ่งทาง The Freedom House ยังมองว่าคลุมเคลือ
จึงทำให้คะแนนไม่ได้ขยับขึ้นมากนัก
อย่างไรก็ดี แม้ว่าประเทศไทยจะมีเกณฑ์คะแนนที่ขยับขึ้นมาแล้ว
แต่ก็ยังต้องจับตาดูต่อไปว่าภายในอนาคต
เราจะสามารถเปลี่ยนเป็นประเทศที่มี “เสรี” อย่างแท้จริงได้ไหม
แล้วเพื่อนๆ คิดว่าประเทศไทยจะพัฒนาไปสู่ประเทศที่มี “เสรีภาพ” ได้ไหม คอมเมนต์แชร์กัน
แหล่งที่มา: https://freedomhouse.org/

ที่อยู่

Paknam

เบอร์โทรศัพท์

+66939644915

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ D-voteผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง D-vote:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์