Kehakaset Magazine วารสารเคหการเกษตร

Kehakaset Magazine วารสารเคหการเกษตร คลังความรู้ สำหรับชาวสวนและเกษตรกร

สมัครสมาชิก วารสารเคหการเกษตร ทักอินบอกส์

-สมาชิก สมาชิกเว็บไซต์ 1 ปี 600 บาท

รายละเอียดการชำระเงิน

ธนาณัติสั่งจ่ายในนาม น.ส.สุปานี ณ สงขลา สั่งจ่าย ปณ.ติวานนท์ (เมืองทอง)
โอนเงินเข้าบัญชีในนาม น.ส.สุปานี ณ สงขลา บัญชีออมทรัพย์
ธ.กสิกรไทย เลขที่บัญชี 575-2-33035-4 สาขาย่อยเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ
ธ.กรุงเทพ เลขที่บัญชี 008-7-19714-1 สาขาเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ
ธ.กรุงไทย เลขที่บัญชี 962-0-15396-0 สาขาเ

ซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ
ธ.ทหารไทย เลขที่บัญชี 235-2-19394-6 สาขาเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ
ธ.ไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 404-4-97216-6 สาขาเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ
ธ.ออมสิน เลขที่บัญชี 0-2004658810-7 สาขาไอที สแควร์
ส่งหลักฐานการชำระเงินพร้อมแจ้งชื่อ-ที่อยู่ในอินบอกส์ หรือ แจ้งผ่านทางอีเมล ที่ [email protected] โดยท่านสามารถแสดงความเป็นเจ้าของยอดเงินด้วยวิธีการโอนเป็นเศษสตางค์ เช่น 600.09 บาท เป็นต้น
- หรือส่งจดหมายมาที่ หจก.มิตรเกษตรการตลาดและโฆษณา 55/615 โครงการ สุโขทัย อเวนิว 99 ถ.บอนด์ สตรีท ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120

สำหรับ สมาชิกเว็บไซต์ ภายหลังได้รับการยืนยันการโอนเงินอย่างถูกต้องเป็นที่เรียบร้อย ทางวารสารเคหการเกษตรจะทำการส่ง E-mail เพื่อแจ้ง username และ password ไปให้ท่านภายใน 24 ชั่วโมง

( Username และ Password ที่ท่านได้รับสามารถกำหนดใหม่เองได้)

ขอขอบพระคุณในความไว้วางใจ
วารสารเคหการเกษตร

วันก่อนแอดได้แตงโมแบล็คแจ็คมา ชิมแล้วหวานกรอบอร่อย คอนเฟิร์มค่ะ  #แตงโมแบล็คแจ็ค 🍉หวานโดนใจ ลูกรีใหญ่ ผิวดำ ✨ แตงโมแบล็ค...
10/11/2024

วันก่อนแอดได้แตงโมแบล็คแจ็คมา ชิมแล้วหวานกรอบอร่อย คอนเฟิร์มค่ะ

#แตงโมแบล็คแจ็ค 🍉
หวานโดนใจ ลูกรีใหญ่ ผิวดำ ✨

แตงโมแบล็คแจ็ค ตราตะวันต้นกล้า ☀️🌱
🍉 ผลทรงรี ผิวดำ
🍉 ลูกใหญ่ ต้นแข็งแรง
🍉 ดูแลง่าย

#แตงโมแบล็คแจ็ค #แตงโมลูกดำ #แตงโม #เมล็ดพันธุ์ตราตะวันต้นกล้า #ตราตะวันต้นกล้า #เมล็ดพันธุ์ดีคุณภาพเด่น

📢ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
website : http://www.advanceseeds.com
page : Advance Seeds - แอ๊ดว้านซ์ซีดส์ เมล็ดพันธุ์ ตราตะวันต้นกล้า
โทรศัพท์ : 02 958 8476-8 ต่อ 237
Shopee : https://shp.ee/6c9jwfh

📢  เปิดรับสมัคร การอบรมการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน (ไฮโดรโปนิกส์) เบื้องต้น สร้างรายได้ ฟรี ‼️👉จำกัดเพียง 50 ท่านเท่านั้น ห้า...
05/11/2024

📢 เปิดรับสมัคร การอบรมการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน (ไฮโดรโปนิกส์) เบื้องต้น สร้างรายได้ ฟรี ‼️
👉จำกัดเพียง 50 ท่านเท่านั้น ห้ามพลาด ‼️
สอนการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน (ไฮโดรโปนิกส์) การให้ปุ๋ยอย่างถูกวิธี โดย อาจารย์ อรรถพร สุบุญสันต์ อาจารย์พิเศษวิชาไฮโดรโปรนิกส์ ม.เกษตรศาสตร์
วันอาทิตย์ ที่ 17 พฤศจิกายน 2567 เวลา 08.30 - 15.00 น.
🌱หลักสูตรการอบรม 🌱
✅ พื้นฐานการปลูกพืชไม่ใช้ดิน (ไฮโดรโปนิกส์) อย่างถูกต้อง
✅ การเพาะเมล็ดพันธุ์
✅ เทคนิคการผสมปุ๋ย
✅ ทดลองการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน
✅ คู่มือการปลูกพืชแบบไม่ใช้ดิน แจกคนละ 1 ชุด
🍱ฟรีอาหารว่างและอาหารกลางวัน พร้อมของที่ระลึกจากทางบริษัทฯฟรี
📍 สนใจสมัครได้ที่
Link : https://forms.gle/Uyk5PbT1NaiU9pQ68
📍สถานที่อบรม: แม่บัวหลวงไฮโดรโปรนิกส์ อ.ลาดบัวหลวง จ.อยุธยาฯ
https://maps.app.goo.gl/m8m3kFGU66hCgLXe7...
#เมล็ดพันธุ์ตราตะวันต้นกล้า #ตราตะวันต้นกล้า #เมล็ดพันธุ์ดีคุณภาพเด่น #ปลูกผักสวนครัว #ไฮโดรโปรนิกส์ #ปลูกผักไฮโดร #อาชีพเสริมสร้างรายได้
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
website : http://www.advanceseeds.com
page : Advance Seeds - แอ๊ดว้านซ์ซีดส์ เมล็ดพันธุ์ ตราตะวันต้นกล้า
โทรศัพท์ : 02 958 8476-8 ต่อ 237
Shopee : https://shp.ee/6c9jwfh

การขยายเวลารับผลงานภาคบรรยาย และภาคแผ่นภาพ งานประชุมอารักขาพืชครั้งที่ 16 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
30/10/2024

การขยายเวลารับผลงานภาคบรรยาย และภาคแผ่นภาพ งานประชุมอารักขาพืชครั้งที่ 16 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567

มาแล้วตามคำเรียกร้อง !!!!!!

📣 ประกาศ "ขยายระยะเวลาการส่งบทคัดย่อพร้อมเรื่องเต็มทั้งภาคบรรยายและภาคแผ่นภาพ" ถึง 💢วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567💢

และ

📣 ประกาศ "ขยายระยะเวลาการลงทะเบียน early bird ถึง 💢วันที่ 10 ธันวาคม 2567💢

🌽 การประชุมวิชาการอารักขาพืชแห่งชาติ ครั้งที่ 16🍒“การอารักขาพืชไทยในยุคโลกเดือด”

📌กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 20 กุมภาพันธ์ 2568 ณ โรงแรมดิเอมเพรส จังหวัดเชียงใหม่

💁🏻‍♀️ สามารถดูรายละเอียดจากเว็บไซต์ https://www.nppcthailand.com/

โดยสามารถลงทะเบียนผ่าน google form และ
📮ส่งผลงานบทคัดย่อพร้อมกับเรื่องเต็มได้ทาง E-mail: [email protected]

เตือน! เตรียมรับมือฤดูฝุ่น PM2.5 สมาคมสื่อมวลชนเกษตรฯ จัดระดมความคิดนักวิชาการ-องค์กรพัฒนาภาคเอกชน หวังสร้างความเข้าใจให...
29/10/2024

เตือน! เตรียมรับมือฤดูฝุ่น PM2.5 สมาคมสื่อมวลชนเกษตรฯ จัดระดมความคิดนักวิชาการ-องค์กรพัฒนาภาคเอกชน หวังสร้างความเข้าใจใหม่ที่ถูกต้องเกี่ยวกับปัญหาการเผา รณรงค์แก้ปัญหาฝุ่นควันพิษที่ต้นเหตุ
นักวิชาการและองค์กรพัฒนาภาคเอกชน ร่วมสะท้อนปัญหาการเกิดหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดจิ๋ว PM 2.5 บนเวทีเสวนา “ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 สร้างความเข้าใจ สู่การแก้ไขอย่างยั่งยืน” จัดโดย สมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยมี รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้ดำเนินรายการ ชี้ปัญหา PM2.5 เกิดขึ้นมานานแล้ว พร้อมเปิดประเด็นสร้างความเข้าใจใหม่เรื่องไฟป่า มีทั้งคุณและโทษ ด้านภาคการเกษตรแนะเปลี่ยนต้นตอของปัญหาจากการเผาวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรให้เป็น “ขยะทองคำ” ที่สามารถสร้างรายได้เพิ่มให้กับเกษตรกรได้
นายภิญโญ แพงไธสง นายกสมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงการจัดงานครั้งนี้ว่า ในช่วงเข้าสู่ฤดูหนาวที่อากาศจะแห้งและแล้ง ประเทศไทยจะต้องเผชิญกับสถานการณ์วิกฤตเรื่องปริมาณ hotspot และการเกิดหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ที่เกิดจากไฟป่า และการเผาวัสดุทางการเกษตรเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะจังหวัดในภาคเหนือ และกรุงเทพมหานคร ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคมในวงกว้าง ประกอบกับการรับรู้ของภาคสังคมยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ทั้งเรื่องของสาเหตุการเกิด ปัจจัยการเกิด และแหล่งที่เกิด รวมถึงกรณีฝุ่นควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งสมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย ตระหนักดีถึงความสำคัญและการสร้างเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างป็นรูปธรรมและยั่งยืน จึงได้ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดการสัมมนาเพื่อระดมความคิดจากนักวิชาการและองค์กรพัฒนาภาคเอกชน ที่มีทั้งองค์ความรู้ และประสบการณ์ มาร่สวมแลกเปลี่ยนเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยอาศัยข้อมูลที่เป็นวิทยาศาสตร์ สามารถพิสูจน์และยืนยันได้ เช่น ดาวเทียม เพื่อให้รู้ถึงต้นตอของปัญหาที่แท้จริง และออกแบบหรือนําเสนอแนวทางการแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ถูกต้องและยั่งยืน โดยมีวิทยากรที่มาร่วมให้ความรู้ ประกอบด้วย ดร.สุดเขต สกุลทอง จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ดร.สุรพล ใจวงศ์ษา หัวหน้าหน่วยวิจัยและพัฒนาด้านการบริหารเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ผศ.ดร.ชาคริต โชตอมรศักดิ์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รศ.ดร.นันทชัย พงศ์พัฒนานุรักษ์ ภาควิชชีววิทยาป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นายภานุเดช เกิดมะลิ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร และนายเดโช ไชยทัพ ผู้อํานวยการ มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ภาคเหนือ) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (สคส.) ดำเนินรายการโดย รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ด้าน ดร.ดำรงค์ ศรีพระราม รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดงานสัมมนาว่า การสัมมนาหัวข้อ “ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ในการสัมมนาหัวข้อสร้างความเข้าใจ สู่การแก้ไขอย่างยั่งยืน” ซึ่งเป็นการระดมความคิดจากนักวิชาการและผู้มีความรู้ จะช่วยสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับสังคม และช่วยสะท้อนภาพเกี่ยวกับปัญหาหมอกควันพิษ และฝุ่นละอองขนาดเล็กให้สังคมได้เข้าใจอย่างถูกต้องมากขึ้น และจะเป็นการส่งเสริมให้เกิดการแก้ปัญหาในอนาคตได้อย่างแม่นยําและยั่งยืนต่อไป
ดร.สุรพล ใจวงศ์ษา หัวหน้าหน่วยวิจัยและพัฒนาด้านการบริหารเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา กล่าวว่า ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 เกิดขึ้นทุกที่ทั่วในโลก ประเทศไทยมีปัญหาจัดอยู่อันดับที่ 5 ของเอเซีย โดยเฉพาะภาคเหนือจะมีหมอกควันที่มาจากหลายสาเหตุ ทั้งปัญหาไฟป่าในเมียนมาร์ ที่เดิมทีจะมีเพียงหน้าร้อน แต่ปัจจุบันเกิดจากยุทธศาสตร์การสู้รบ การเผาไร่ที่ทำแทบทุกฤดู และอีกส่วนหนึ่งมาจากอินเดีย รวมทั้งยังเกิดจากการจราจรบนท้องถนนและภาคการเกษตร ซึ่งที่ผ่านมามีการแก้ปัญหาแต่ไม่ค่อยตรงจุด เป้นการแก้ที่ปลายเหตุ แนะให้ภาครัฐควรต้องกำหนดเป็นนโยบายการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนมากขึ้น
ด้าน ดร.สุดเขต สกุลทอง ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า การเผาป่าในพื้นที่ภาคเหนือมีมานานแล้ว ชาวบ้านมักจะพูดเล่นว่า ไฟมา ป่าโล่ง พืช รังมด เห็ดก็ได้กิน ส่วนปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 เกิดจากหลายภาคส่วนทั้งจราจร ที่อยู่อาศัยในสังคมเมืองที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases) แม้กระทั่งการเปิดแอร์ อีกส่วนหนึ่งเกิดวัสดุเหลือใช้จากภาคการเกษตร ซึ่งปัจจุบันนี้ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ในแต่ละปีจะมี 1.1 ล้านตัน ที่เป็นกิ่งลำไย มะม่วง ข้าว ข้าวโพด บางแห่งอยู่ในพื้นที่สูงเครื่องจักรเข้าไปไม่ได้ก็ต้องเผา บางส่วนก็ไถ่กลบ ป้อนโรงงานไฟฟ้าชีวมวล
สาเหตุที่ทำให้พื้นที่ภาคเหนือต้องเผชิญกับปัญหาฝุ่นควันหนักกว่าที่อื่น หลักๆ มาจากลักษณะภูมิประเทศที่เป็นลักษณะแอ่งกระทะ มีภูเขาล้อมรอบ เมื่อมีแรงกดอากาศสูงในช่วงฤดูหนาวอากาศ ทำให้ฝุ่นควันหรือฝุ่นละอองที่เกิดขึ้น ไม่สามารถระบายออกไปได้ จึงเกิดการสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้สภาพสังคมเมืองยังก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases) เพิ่มขึ้นด้วย และต้องยอมรับว่าการเผาเศษวัสดุทางการเกษตรก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาฝุ่นละอองเช่นกัน โดยปัจจุบันพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน ในแต่ละปีจะมีเศษวัสดุทางการเกษตรที่เหลือทิ้งมากกว่า 1.1 ล้านตัน ส่วนใหญ่เป็นกิ่งลำไย มะม่วง ข้าว ข้าวโพด นอกจากนี้พื้นที่การเกษตรบางแห่งก็อยู่ในพื้นที่สูง เครื่องจักรเข้าไปทำงานไถกลบไม่ได้ เกษตรกรจึงเลือกวิธีจัดการเศษวัสดุทางการเกษตรด้วยการเผา อย่างไรก็ตาม แม้จะมีแนวคิดที่ส่งเสริมให้มีการนำไปแปรรูปเป็นปุ๋ยหมัก ทำอาหารสัตว์ หรือผลิตเป็นชีวมวลอัดแท่งเพื่อเพิ่มมูลค่า ซึ่งสามารถทำได้จริง แต่ยังทำได้น้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณเศษวัสดุทางการเกษตรที่มีอยู่
ดร.สุดเขต ยังได้พูดถึง “ขยะทองคำ” คือการสนับสนุนให้ภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันตั้งค่าหัวให้กับขยะ โดยกำหนดราคารับซื้อวัสดุทางการเกษตร และนำมาแปรรูปให้เป็นพลังงาน เพื่อเพิ่มมูลค่า ซึ่งเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหา เนื่องจากหากมีมาตรการห้ามเผาเพียงอย่างเดียว ก็จะไปกระทบกับวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ ซึ่งในทางปฏิบัติถือเป็นเรื่องที่แก้ได้ยากที่สุด นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงแอปพลิเคชัน FireD ซึ่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พัฒนาขึ้น เพื่อช่วยลดปัญหาการเผาโดยเฉพาะ โดยเป็นแอปพลิเคชันที่ใช้เพื่อแจ้งขออนุญาตเผากับทางจังหวัด ซึ่งการได้รับอนุญาตจะพิจารณาจากปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ เช่น ความชื้นในอากาศ แนวโน้มการลุกลามของไฟ เป็นต้น โดยมีข้อกำหนดห้ามเผาในฤดูแล้ง และห้ามเผาในที่โล่ง เพราะจะทำให้ฝุ่นควันฟุ้งกระจายไปไกลและไม่สามารถควบคุมได้
ส่วน รศ.ดร.นันทชัย พงศ์พัฒนานุรักษ์ ภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้สะท้อนมุมมองของภาคป่าไม้ได้อย่างน่าสนใจว่า ไฟป่าที่เกิดจากธรรมชาติในบ้านเรานั้นไม่เคยมีเกิดขึ้นจริง ที่เห็นเกิดขึ้นล้วนเป็นไฟป่าจากฝีมือมนุษย์ทั้งสิ้น และยังได้ชี้ให้เห็นว่าการเกิดไฟป่านั้น มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งข้อดีของการเกิดไฟป่าธรรมชาติ คือเป็นการลดความแออัดของผืนป่า และทำให้เกิดแหล่งอาหารตามธรรมชาติของสัตว์ป่า คือ ต้นหญ้าและต้นอ่อนของพืชหลายชนิดที่จะงอกหลังเกิดไฟป่า รวมทั้งเห็ดป่าด้วย อย่างไรก็ตาม การเกิดไฟป่าในละครั้ง จะทำให้ป่าไม้เสียหายน้อยมากไม่ถึง 1% แต่สัตว์ป่าอาจจะเสียหายมากถึง 90% ประเด็นที่จะต้องให้ความสำคัญคือ การบริหารจัดการไฟป่าให้เหมาะสม เพราะหากไม่มีไฟป่าเลย ก็จะทำให้ป่ามีความหนาแน่นเกินไป จนกระทบต่อระบบนิเวศได้เช่นกัน ซึ่งการบริหารจัดการไฟป่าควรจะต้องพิจารณาทั้งช่วงเวลาและวิธีการเผาที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการจำกัดวงขนาดของไฟป่าอย่างเหมาะสม เพื่อให้ส่งผลกระทบด้านฝุ่นควันน้อยที่สุด
มุมมองนี้สอดคล้องกับมุมมองของ นายภานุเดช เกิดมะลิ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ที่ระบุว่า ไฟป่าก็มีประโยชน์ เพราะช่วยทำให้ป่าโล่ง และเกิดของป่า (พืชอาหาร) ให้กับทั้งสัตว์ป่าและชุมชน โดยยกตัวอย่างเขต จ.นครสวรรค์ ที่ผืนป่าสามารถทำให้ชุมชนมีรายได้กว่า 100 ล้านบาท เพียงแต่จะต้องมีการบริหารจัดการไฟป่าให้ถูกต้อง
ในขณะที่ นายเดโช ไชยทัพ ผู้อํานวยการมูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ภาคเหนือ) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (สคส.) ได้กล่าวถึงการจัดการไฟป่า ว่าปัจจุบันได้มีการโอนอำนาจให้องค์กรท้องถิ่นเป็นผู้ดูแลและจัดการ โดยมีพื้นที่ป่าทั้งหมด 53 ล้านไร่ ที่ให้องค์กรท้องถิ่น 2,368 แห่ง เป็นผู้ดูแล แต่ปัญหาที่พบคือองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นยังขาดองค์ความรู้ และความเข้าในการบริหารจัดการไฟป่า จึงทำให้การแก้ปัญหาไม่บรรลุผล แนวทางออกที่เสนอคือ ภาครัฐต้องให้องค์ความรู้ที่ถูกต้องกับท้องถิ่น เพื่อให้บริหารจัดการและวางแผนได้ รวมไปถึงการบริหารจัดการระบบเกษตรที่ไม่เผา และต้องมีงบประมาณให้ทำงานอย่างเพียงพอด้วย
ด้าน รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวเสริมทิ้งท้ายว่า การเสวนาโดยวิทยากรจากหลายภาคส่วนครั้งนี้ ทำให้ได้รู้ถึงสาเหตุ และแนวทางในการแก้ไขปัญหาการเกิดหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM2.5 ในมุมมองใหม่ ๆ เพราะปัญหานี้เป็นปัญหาที่มีความซับซ้อน เนื่องจากเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ทั้งจากภาคครัวเรือน ภาคการเกษตรและป่า ซึ่งในส่วนของภาคการเกษตรนั้น ต้องยอมรับว่ายังมีความจำเป็น แต่ประเด็นที่จะต้องมาช่วยกันแก้ไขคือจะทำอย่างไรให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด ซึ่งจะต้องมีการบริหารจัดการที่เหมาะสม ส่วนไฟป่านั้น ในมุมมองใหม่ที่ได้จากการเสวนาครั้งนี้ทำให้รู้ว่าไฟป่าไม่ได้มีแต่โทษอย่างที่สังคมเคยเข้าใจ แต่ยังมีประโยชน์ในอีกมิติหนึ่ง ที่สังคมจะต้องเปิดใจยอมรับ เพียงแต่จะต้องให้มีการบริหารจัดการอย่างเหมาะสม เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดเช่นกัน

“นฤมล” ห่วงใยเกษตรกรได้รับผลกระทบจากอุทกภัยสั่ง! กรมวิชาการเกษตรให้แนวทางสกัดการระบาดโรค แมลงศัตรูพืช และเชื้อรา หลังน้ำ...
26/10/2024

“นฤมล” ห่วงใยเกษตรกรได้รับผลกระทบจากอุทกภัย
สั่ง! กรมวิชาการเกษตรให้แนวทางสกัดการระบาดโรค แมลงศัตรูพืช และเชื้อรา หลังน้ำลด
นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ การเกษตรในเขตภาคเหนือส่งผลกระทบสร้างความเสียหายต่อสวนไม้ผลของเกษตรกรได้รับความเสียหาย เป็นวงกว้าง โดยเฉพาะส้มเขียวหวาน ส้มโอ ลำไย และทุเรียน ซึ่ง ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความห่วงใยต่อเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมเป็นอย่างมากจึงได้สั่งการให้กรมวิชาการเกษตร เสนอแนวทางการป้องกันการระบาดโรคและแมลงศัตรูพืช และเชื้อรา หลังน้ำลด
พร้อมกับเร่งให้หน่วยงานในพื้นที่ ระดมกำลังเพื่อเร่งสกัดการระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืชในพื้นที่ประสบอุทกภัยที่ได้รับความเสียหายจากมวลน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา และสุโขทัย
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2567 กรมวิชาการเกษตร ได้เชิญประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือแก้ไขผลกระทบจากมวลน้ำที่ท่วมขังในสวนไม้ผลที่ส่งผลกระทบต่อระบบรากพืชทำให้รากพืชไม่สามารถดูดซึมธาตุอาหารเพื่อใช้ในการเจริญเติบโตและสร้างผลผลิต ในสภาพน้ำท่วมทำให้ต้นอ่อนแอ สลัดผล และจะพบการเข้าทำลายซ้ำเติมของโรคและแมลงศัตรูพืชได้ง่ายขึ้น ทำให้ต้นและผลผลิตเสียหายอย่างรุนแรงจากโรคผลเน่า ผลร่วงที่เกิดจากเชื้อราหลายชนิด เช่น ฟิวซาเรียม โรครากเน่าโคนเน่า ที่เกิดจากเชื้อราไฟทอปธอร่า ซึ่งกรมวิชาการเกษตรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเร่งบูรณาการการทำงาน เพื่อสกัด การระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืชฉุกเฉิน โดยหากไม่ดำเนินการป้องกันอย่างทันท่วงทีจะก่อให้เกิด ความเสียหายโดยยืนต้นตายในที่สุด
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า กรมวิชาการเกษตรได้เสนอ “โครงการฟื้นฟูและสกัดการระบาดโรคและแมลงศัตรูพืชฉุกเฉินในพื้นที่น้ำท่วมของส้มเขียวหวาน ส้มโอ ทุเรียน และลำไย” โดยได้เริ่มดำเนินโครงการนำร่องในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา และสุโขทัย ครอบคลุมพื้นที่รวม 6,600 ไร่ และหน่วยงานในพื้นที่ได้ลงสำรวจพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายโดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2567 ได้แนะนำให้เกษตรกรระบายน้ำและความชื้น พรวนดินโดยระวังไม่ให้โดนรากเพื่อเพิ่มออกซิเจนให้แก่รากพืชปรับสภาพพื้นที่เพื่อการระบายน้ำที่ดี ห้ามใช้เครื่องจักรหนักในพื้นที่หลังน้ำท่วม ทำความสะอาดและกำจัดวัชพืชรอบโคนต้นเพื่อลดการเกิดโรครากเน่าโคนเน่า และในระหว่าง
การฟื้นฟูควรระมัดระวังการให้น้ำไม่ให้เกินความต้องการของพืช ตัดแต่งกิ่ง เพื่อให้ทรงพุ่มโปร่ง
เป็นการลดการคายน้ำของพืชและเร่งให้พืชแตกใบใหม่เร็วขึ้น สำหรับไม้ผลที่กำลังติดผลให้ปลิดผลออกเพื่อลดการใช้อาหารในต้นพืช รวมทั้งพ่นปุ๋ยทางใบให้แก่พืชเพื่อช่วยให้ต้นพืชตั้งตัวเร็วขึ้น โดยควรพ่น ปุ๋ยทางใบหรือปุ๋ยเกล็ดสูตรเสมอสูตร 20-20-20 หรือ 21-21-21 อัตราตามคำแนะนำข้างฉลาก พ่นทุก 10 วัน จนกระทั่งต้นแตกใบอ่อนจนเป็นใบเพสลาด สำหรับปัญหาการเกิดโรคที่ควรระวังและการป้องกันกำจัดโรครากเน่าโคนเน่าที่เกิดจากเชื้อราไฟทอปธอร่า ให้ตรวจสอบรอยแผลที่โคนต้น หากพบรอยซ้ำสีน้ำตาลและรากเน่าถอดปลอก ให้ถากเนื้อเยื่อที่เสียออกแล้วทาด้วยเมตาแลกซิลหรือกรดฟอสฟอริก ตามอัตราแนะนำนฉลาก และบำรุงรักษาระบบรากด้วยชีวภัณฑ์ไตรโคเดอร์มา
“กรมวิชาการเกษตรได้ให้ความสำคัญต่อความห่วงใยเกษตรกรตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่ของกรมวิชาการเกษตรเร่งสำรวจความเสียหายเตรียมความพร้อมด้านปัจจัยการผลิต ได้แก่ เมล็ดพันธุ์ ชีวภัณฑ์ รวมถึงสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชเพื่อสกัดกั้นการระบาดอย่างเร่งด่วนของโรคและแมลงศัตรูพืชอย่างฉุกเฉินทันต่อสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม หากเกษตรกรมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืชสามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้จากหน่วยงานของกรมวิชาการเกษตรในพื้นที่ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร โทรศัพท์ 0-2 579 -8540” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว

สาระที่นำไปปรับใช้ได้กับไม้ผลหลากชนิด 🍋ซื้อเก็บไว้ได้สาระนอกเหนือจากเรื่องมะนาว 📚มะนาวพืชอมะตะ รสเปรี้ยวคู่ครัวไทย เล่มน...
26/10/2024

สาระที่นำไปปรับใช้ได้กับไม้ผลหลากชนิด 🍋
ซื้อเก็บไว้ได้สาระนอกเหนือจากเรื่องมะนาว 📚
มะนาวพืชอมะตะ รสเปรี้ยวคู่ครัวไทย
เล่มนี้เป็นมรดกในคลังหนังสือ
แต่เป็นมรดกที่ทรงคุณค่าที่ไม่ได้เก่าไปกับกาลเวลาเลย 🌱
ดูได้จากสารบัญ ชื่อผู้ร่วมเขียนที่ครบครัน 📍
1. คิดก่อนการตัดสินใจลงทุน
2. การสร้างสวนมะนาว เลือกทำเลเตรียมแปลงปลูก พันธุ์ของมะนาวทั้งมะนาวไทยและต่างประเทศ
3. การผลิตมะนาว น้ำ ปุ๋ย การจัดทรงพุ่ม การทำนอกฤดูการปลูกในวงบ่อ ในพลาสติกพีอีขนาดใหญ่
4. การจัดการสุขภาพต้น โรคแมลงการใช้จุลินทรีย์ปฏิปักษ์
5. การจัดการหลังการเก็บเกี่ยว การยืดอายุและการแปรรูปเพื่อนำไปใช้ประโยชน์สูงสุด
6. ตัวอย่างสวน - แปลงสวนกล้วยไม้เป็นมะนาวในเข่ง – เทคนิคมะนาวขึ้นค้าง – มะนาวฝรั่ง (เลมอน) - มะนาวในวงบ่อ
แม้ยุคของดิจิทัลได้แปลงโฉมของการสื่อสารไปอย่างสิ้นเชิง เล่มนี้น่าจะเป็นมรดกที่นักอ่าน
วงการไม้ผลที่ไม่เพียงแต่มะนาวเท่านี้ที่ควรมีติดมือไว้ 📍
คุณค่ามากกว่าตัวหนังสือธรรมดาอย่างแน่นอน📍

VIV ASIA งานแสดงสินค้าสำหรับอุตสาหกรรมปศุสัตว์อันดับ 1 ของเอเชีย กลับมาแล้วมีนาคม พ.ศ. 2568 นี้ ยิ่งใหญ่กับ 6 ฮอลล์เต็ม ...
19/10/2024

VIV ASIA งานแสดงสินค้าสำหรับอุตสาหกรรมปศุสัตว์อันดับ 1 ของเอเชีย กลับมาแล้วมีนาคม พ.ศ. 2568 นี้
ยิ่งใหญ่กับ 6 ฮอลล์เต็ม จัดพร้อมกับงาน Meat Pro Asia และ HAN Asia 2025 ลงทะเบียนล่วงหน้าฟรี!!

VIV Asia 2025 (วิฟ เอเชีย 2025) งานแสดงสินค้าชั้นนำระดับโลกด้านอุตสาหกรรมการผลิตโปรตีนจากสัตว์และปศุสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย พร้อมเปิดระบบลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเข้าชมงานประจำปี พ.ศ. 2568 แล้ว โดยงานดังกล่าวจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12–14 มีนาคม พ.ศ. 2568 ณ ชาเลนเจอร์ 1-3 และ ฮอลล์ 5-7 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยจะจัดขึ้นพร้อมกับงาน Meat Pro Asia และ Horti Agri Next Asia 2025 ซึ่งงานนี้จะเป็นงานที่ทุกคนรอคอย โดยรับประกันว่าผู้เข้าร่วมงานจากทั่วโลกจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่เต็มอิ่มและมีชีวิตชีวากว่าทุกๆ งานแสดงสินค้า

ใหม่! พื้นที่จัดงานที่กว้างขวางยิ่งขึ้น
ในปีนี้ VIV Asia 2025 ได้ขยายพื้นที่จัดงานไปยังฮอลล์ใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับ Challenger 1, 2 และ 3 และจะเสริมด้วยงาน Horti Agri Next Asia ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งอยู่ถัดจาก Features Hall ซึ่งฮอลล์ในฝั่งตรงข้ามจะนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับภาคส่วน CropTech-FeedTech เทคโนโลยีสำหรับการเพาะปลูกพืชผลทางเกษตรและอาหารสัตว์ โดยเฉพาะ

ธีมหลักของอุตสาหกรรม: เกษตรกรรมฟื้นฟูและการจัดการโรคสัตว์
ธีมงานประจำปี 2025 จะเน้นที่หัวข้อหลักสองประเด็นที่ขับเคลื่อนอนาคตของอุตสาหกรรม ได้แก่ เกษตรกรรมฟื้นฟูและการจัดการโรคสัตว์ เกษตรกรรมฟื้นฟูมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้แสวงหาแนวทางการทำฟาร์มที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมสุขภาพของดิน ความหลากหลายทางชีวภาพ และผลผลิตในระยะยาว การจัดการโรคสัตว์ยังคงมีความสำคัญสูงสุด โดยเน้นที่การป้องกันและควบคุมการระบาดเพื่อให้แน่ใจว่าปศุสัตว์ทั่วโลกมีความเป็นอยู่ที่ดีและปลอดภัย ผู้เข้าชมงานมีโอกาสสำรวจโซลูชันที่ล้ำสมัย ร่วมเซสชันเฉพาะทาง และสร้างเครือข่ายกับผู้เชี่ยวชาญชั้นนำ

Aquatic Pavilion: พื้นที่แสดงเทคโนโลยีด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
จากความสำเร็จครั้งก่อน Aquatic Pavilion ได้เติบโตขึ้นอย่างมากในปี 2025 โดยครอบคลุมไม่เพียงแต่ปลาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกุ้งซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักด้วย นอกจากนี้ Aquatic Pavilion ยังมีโปรแกรมเนื้อหาที่ปรับปรุงใหม่ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับเทรนด์ นวัตกรรม และความท้าทายล่าสุดในอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ทำให้ Aquatic Pavilion เป็นสถานที่ที่ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำควรมาเยี่ยมชม โดยผู้เยี่ยมชมงานครั้งล่าสุดกว่า 17% ระบุว่าบริษัทของตนเกี่ยวข้องกับปลาและกุ้งเป็นหลัก คาดว่า Aquatic Pavilion จะกลายเป็นจุดสนใจแห่งใหม่ในปี 2025 เพื่อกระตุ้นการลงทุนของภาคธุรกิจสัตว์น้ำอันเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญของเอเชีย

พาวิลเลียนศูนย์กลางสตาร์ทอัพแห่งใหม่
VIV Asia 2025 นำเสนอพาวิลเลียนศูนย์กลางสตาร์ทอัพเป็นครั้งแรกเพื่อสนับสนุนนวัตกรรมและผู้ประกอบการ แพลตฟอร์มใหม่นี้มอบโซลูชันแบบ Plug-And-Play ให้กับบริษัทน้องใหม่ในอุตสาหกรรม ช่วยให้เข้าถึงผู้ชมจากทั่วโลกและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรายสำคัญในงานที่สำคัญที่สุดในโลกสำหรับภาคการผลิตโปรตีนจากสัตว์-ปศุสัตว์ครบวงจร

ลงทะเบียนตอนนี้ รับบัตรเข้างานฟรี!
VIV Asia 2025 จะเป็นงานที่ครอบคลุมอุตสาหกรรมมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยผู้เข้าชมงานมีโอกาสในการสร้างเครือข่ายที่ไม่มีใครเทียบ โปรแกรมเนื้อหาที่ล้ำสมัย และแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมห่วงโซ่การผลิตทั้งหมดของการผลิตโปรตีนจากสัตว์-ปศุสัตว์-สัตว์น้ำ ตลอดจนอุตสาหกรรมการผลิตอาหารผ่าน Meat Pro Asia และภาคการเกษตรผ่านงาน Horti Agri Next (HAN Asia) ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้โดยเร็วที่สุดเพื่อรับบัตรเข้าชมฟรี ผู้ที่ลงทะเบียนออนไลน์จนถึงวันที่ 11 มีนาคม (23:59 น. เวลากรุงเทพฯ) จะได้รับบัตรเข้าชมฟรี หากลงทะเบียนหน้างานจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
เยี่ยมชมเว็บไซต์ของงานได้ที่ www.vivasia.nl เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมและอัปเดตข่าวสารทั้งหมดกับ VIV Asia
สำหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ
Ms. Lida Kokkini ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาดอาวุโส VIV worldwide อีเมล [email protected]
นางแสงทิพ เตชะปฏิภาณดี ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด วีเอ็นยูฯ อีเมล [email protected]

เกี่ยวกับ VIV worldwide | VIV worldwide (วิฟ เวิร์ดไวด์) คือ เครือข่ายธุรกิจที่เชื่อมโยงผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่ธุรกิจอาหารสัตว์ไปจนถึงธุรกิจอาหาร โดยมอบโอกาสที่ไร้ขีดจำกัดให้กับผู้เล่นในห่วงโซ่อุปทานโปรตีนจากสัตว์ VIV worldwide พัฒนาเครือข่ายด้วยความทุ่มเทผ่านประสบการณ์และการมีความสัมพันธ์กับอุตสาหกรรมกว่า 40 ปี จนปัจจุบันกลายเป็นแพลตฟอร์มชั้นนำในตลาดที่มีแนวโน้มดีที่สุดในโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เยี่ยมชมได้ที่ www.viv.net

เกี่ยวกับ Horti Agri Next Asia (HAN Asia) | HAN Asia คือ ศูนย์กลางงาน Horti Agri Next (ฮอร์ติ อะกริ เน็กซ) ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับตลาดในเอเชีย โดยนำเสนอข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการผลิตอาหารจากพืชสวน พืชไร่ การบริหารจัดการฟาร์ม แนวทางการควบคุมสภาพแวดล้อม การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และเกษตรกรรมครบวงจร HAN Asia รวบรวมผู้เชี่ยวชาญและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมจากทั่วเอเชียและทั่วโลก เข้าร่วมกับเราที่ HAN Asia เพื่อสำรวจแนวหน้าของอุตสาหกรรมพืชสวนและเกษตรกรรมในเอเชีย สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เยี่ยมชมได้ที่ www.hortiagrinext-asia.com

เกี่ยวกับ Meat Pro Asia | Meat Pro Asia (มีท โปร เอเชีย) คือ แพลตฟอร์มการค้าระดับมืออาชีพสำหรับธุรกิจเครื่องจักรแปรรูปอาหารและเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ การขนส่ง ระบบเย็น ฯลฯ งานนิทรรศการซึ่งจัดขึ้นควบคู่ไปกับงาน VIV Asia นั้นจะครอบคลุมห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดตั้งแต่อาหารสัตว์ อาหาร การแปรรูป บรรจุภัณฑ์ และการขาย โดยดึงดูดผู้ซื้อในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอาหารในภูมิภาคอาเซียนทั้งหมด สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เยี่ยมชมได้ที่ www.meatpro-asia.com จัดโดย บริษัท วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค และ บริษัท Messe New Era Business

เกี่ยวกับ VNU Group | VNU Group (วีเอ็นยู กรุ๊ป) เป็นบริษัทจัดงานแสดงสินค้าที่ดำเนินงานในระดับโลก โดยมีสำนักงานในเมืองอูเทรคท์ (VNU Europe) และกรุงเทพฯ (VNU Asia Pacific) VNU Group เป็นส่วนหนึ่งของ Royal Dutch Jaarbeurs และเป็นตัวแทนธุรกิจจัดงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติภายนอกประเทศเนเธอร์แลนด์ สำนักงาน VNU แต่ละแห่งมีแบรนด์จัดงานแสดงสินค้าและการประชุมที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในตลาดและอุตสาหกรรมเฉพาะ พอร์ตโฟลิโอการงานแสดงสินค้าด้านปศุสัตว์ เกษตรและอาหารเป็นธุรกิจหลักของสำนักงานภูมิภาคทั้งสองแห่งของ VNU นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มงานหลักอื่นๆ ได้แก่ เทคโนโลยี ไลฟ์สไตล์ ชีววิทยาศาสตร์ ไบโอเทค และอื่นๆ

เกี่ยวกับ VNU Europe | บริษัท วีเอ็นยู ยุโรป เป็นบริษัทในเครือของ Royal Dutch Jaarbeurs (รอยัล ดัชซ ยาเบอร์) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองอูเทรคท์ ใจกลางประเทศเนเธอร์แลนด์ และอยู่ห่างจากอัมสเตอร์ดัมเพียง 30 นาที สำนักงาน VNU Europe ตั้งอยู่ในอาคาร Jaarbeurs ที่มีพื้นที่กว้างขวาง ทีมงานระดับนานาชาติของ VNU Europe มีส่วนร่วมอย่างเต็มตัวในภาคส่วนเกษตรและอาหาร โดยเน้นที่การจัดงานอุตสาหกรรมระดับโลก เช่น VIV และ Horti Agri Next สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เยี่ยมชมได้ที่ www.vnueurope.com

เกี่ยวกับ VNU Asia Pacific | บริษัท วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค เป็นส่วนหนึ่งของ VNU Group ซึ่งเป็นบริษัทจัดงานแสดงสินค้าที่มีการดำเนินงานในระดับโลก โดยมีสำนักงานในเมืองอูเทรคท์และกรุงเทพฯ และรวมเอาธุรกิจจัดงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติของ Royal Dutch Jaarbeurs ไว้ด้วยกัน ซึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Jaarbeurs ได้ร่วมทุนกับ TCC Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำในภูมิภาคที่เติบโตอย่างรวดเร็ว จากศูนย์กลางทางธุรกิจที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ โดยครอบคลุมตลาดการจัดงานแสดงสินค้าที่สำคัญทั้งหมดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพอร์ตโฟลิโอที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีงานแสดงสินค้าและกิจกรรมต่างๆ 19 งานแสดงสินค้า รวมถึงแบรนด์จากอุตสาหกรรมมากมายทั้ง AgriTech, Animal Husbandry, Animal Companion, Food, Life Sciences, Biotechnology, Health Innovation, Cyber Security และ Travel Technology สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เยี่ยมชมได้ที่ www.vnuasiapacific.com

หนังสือ “ทุเรียนเริ่มต้นอย่างไรไม่ให้พลาด” หมดแล้ว 🙏🏻 ขอขอบคุณคุณมนตรี ตั้งไมตรีจิต บริษัท พีทีจี. กรุ๊ป สนับสนุนซื้อหนั...
14/10/2024

หนังสือ “ทุเรียนเริ่มต้นอย่างไรไม่ให้พลาด” หมดแล้ว 🙏🏻 ขอขอบคุณคุณมนตรี ตั้งไมตรีจิต บริษัท พีทีจี. กรุ๊ป สนับสนุนซื้อหนังสือจำนวน 450 เล่มไปแจกจ่ายองค์ความรู้ที่ถูกต้องให้แก่ลูกค้า ผู้ร่วมประชุมงานของหอการค้าฯ ติดอาวุธทางปัญญา ขอบคุณครับ

04/10/2024
04/10/2024

👋 เชิญชวนทุกท่านมาพบกับงานเสวนาในงาน Horti Agri Next Asia 2025 – On the Move ครั้งที่ 2 ในหัวข้อ "เกษตรแห่งอนาคต ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม พร้อมเพิ่มผลผลิต" 👨🏼‍🌾🌾
📅ในวันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม 2567
🕙 ตั้งแต่เวลา 14:00 - 18:00 น.
📍 ณ ไร่แม่เหียะ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
มาร่วมรับฟังวิทยากรที่จะมาพูดในหัวข้อ
⭐ทำการเกษตรอย่างไรให้ยั่งยืนในสภาวะโลกรวน
⭐การจัดการดินอย่างยั่งยืนในการทำการเกษตร
⭐ปลูกผักออแกนิคอย่างไรให้ได้ผลดี
❗❗ ลงทะเบียนได้เเล้ววันนี้ 👉 https://forms.gle/pJ2sP1bLSPnodkQo7 หรือแสกนคิวอาร์โค้ดด้านล่าง 📱
🌐 ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงาน HAN Asia 2025 ได้ทางเว็บไซต์ www.hortiagrinext-asia.com

🔔 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานเสวนา Horti Agri Next Asia 2025 – On the Move ครั้งที่ 2 สามารถติดตามได้เร็วๆ นี้ ผ่านช่องทาง FB/LinkedIn: Horti Agri Next Asia

ฟาร์มเอ็กซ์โป เปิดงานมหกรรมการเกษตร สุดยิ่งใหญ่สร้างประสบการณ์ใหม่กับกิจกรรมไฮไลท์เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตรพร้อมยกระด...
04/10/2024

ฟาร์มเอ็กซ์โป เปิดงานมหกรรมการเกษตร สุดยิ่งใหญ่
สร้างประสบการณ์ใหม่กับกิจกรรมไฮไลท์เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตร
พร้อมยกระดับการพัฒนาภาคการเกษตรอย่างยั่งยืน

บริษัท ฟาร์มเอ็กซ์โป จำกัด ผนึกกำลังพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน จัดงานมหกรรมการเกษตรในร่มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ผู้ประกอบและประชาชนทั่วไปแห่ร่วมงานอย่างคับคั่ง ฟาร์มเอ็กซ์โป 2024 (FARM EXPO 2024) ส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษในงานแสดงนวัตกรรมและสินค้าการเกษตรครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี ผ่านโซนแสดงนวัตกรรมกว่า 14 โซน และ 60 ไฮไลท์ รวมกว่า 300 บูธ ถือเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมการเกษตรในทุกมิติ สร้างโอกาสทางการตลาดใหม่ ๆ พร้อมร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เกษตรกรไทย และภาคการเกษตรเติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน โดยในงานได้รับเกียรติจาก ศ.ดร. นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธี งานจัดขึ้นวันที่ 3 – 6 ตุลาคม 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
นายนรบดี ผดุงเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟาร์มเอ็กซ์โป จำกัด เปิดเผยว่า “การจัดงาน ฟาร์มเอ็กซ์โป 2024 (FARM EXPO 2024) ในครั้งนี้ เป็นการผลักดันอย่างต่อเนื่องที่สำคัญของภาคเกษตรที่ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เนื่องด้วยการเกษตรเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะในเรื่องของการส่งออกที่สินค้าเกษตรของไทยเป็นที่ต้องการของตลาดนานาชาติ เมื่อความต้องการของตลาดมีการเปลี่ยนแปลง เราจึงจำเป็นที่จะต้องพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถให้กับภาคเกษตรทุกด้าน เพื่อทำให้ผลผลิตทางการเกษตรเป็นสินค้าที่มีมากกว่าคุณภาพมาตรฐาน ตอบโจทย์ทุกความต้องการและมอบประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้บริโภคทั่วทุกมุมโลก งานมหกรรมการเกษตร ฟาร์มเอ็กซ์โป 2024 จึงเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่จะให้ทุกภาคส่วนมาร่วมกันยกระดับคุณภาพภาคการเกษตรไทยด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ที่จะช่วยให้สินค้าเกษตรของไทยมีคุณภาพ สร้างโอกาส สร้างงาน สร้างอาชีพให้กับเกษตรกรไทยมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตต่อเนื่องไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน”
งานมหกรรมการเกษตร ฟาร์มเอ็กซ์โป 2024 (FARM EXPO 2024) ภายใต้ธีม REVOLUTIONISING FARM BUSINESSได้รับการผลักดันและความร่วมมือจากโตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การ มหาชน), สหพัฒนพิบูล, ไอ ซี ซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และ CLP Engineering รวมถึงพันธมิตรภาครัฐและเอกชนกว่า 300 ผู้ประกอบการระดับประเทศที่เข้ามาร่วมงาน นับว่าเป็นงานมหกรรมการเกษตรในร่ม โดยคนไทย เพื่อคนไทย ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ที่ได้รวบรวมเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตร สินค้าและบริการจากภาคเกษตรมาจัดแสดงมากกว่า 14 โซน ชม ชิม ช้อป กับผู้แสดงสินค้าเกษตรกว่า 300 บูธ มีสิ่งที่น่าสนใจมากมายที่คัดสรรมาแบบจัดเต็ม พร้อมไฮไลท์กว่า 60 ไฮไลท์ ได้แก่ ตู้คีบทุเรียนใหญ่ที่สุดในโลก จัดเต็มทุเรียน 1 ตัน คีบได้รับทุเรียนไปเลย ฟรี!, ปุ๋ยพลังแรด เพื่อดอกไม้ไฮเอนด์ ครั้งแรกเฉพาะในงาน, พบกล่องจุ่ม สุดจึ้ง วันละ 100 กล่อง, ตรวจดินฟรี ดินดี ปลูกอะไรก็งอกงาม, ป๊อปคอร์น SF สด หอม อร่อย พร้อมเสริ์ฟ, น้อยหน่าอิสราเอล ลูกละโล จองคิวยาวข้ามปี, มาเก็บไข่สดกันได้ทุกวัน , อัพสกิลเรียนบินโดรนฟรีกับสถาบันการบินพลเรือน,น้องเจนทำฟาร์ม สาวเกษตรสุดฮอต มาแชร์ความรู้เด็ด, แสดงโชว์รถแทร็กเตอร์ไฟฟ้าคันแรกของประเทศไทยและคันแรกในอาเซียน, พบกับควายซุปตาร์ มารวยจูเนียร์ ราคา 15 ล้าน และ โก้เมืองเพชร ราคา 20 ล้าน, 100 ฟาร์มสำเร็จ สร้างอาชีพ , เข้าคิวจองกางเกงหมูเด้ง ยอดฮิตติดกระแส ทั้งนี้ทาง Farm Expo ยังได้สิทธิเพียงผู้เดียวและเจ้าแรกที่เป็นผู้ผลิต และจำหน่าย เสื้อหมูเด้ง ลิมิเต็ดเอดิชั่น จำนวนจำกัด มาจับจองได้ที่บูธ L 15-18 เฉพาะในงานเท่านั้น รายได้ทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่าย ร่วมกับองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย จะนำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย พบกับเทคโนโลยีการเกษตรสุดล้ำ นวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต อาทิ การจัดแสดง “โตโยต้า ไฮลักซ์ แชมป์” รถกระบะสำหรับคนรุ่นใหม่แห่งยุค เพื่อผู้ประกอบการ “สมาร์ทฟาร์ม” (Smart Farm) นำไปใช้งานได้จริง,การแสดงเทคโนโลยีและโซลูชันด้านการเกษตร Farm to Table ,ตัวอย่างความสำเร็จ ,ผลงานวิจัยเพื่อการเกษตร ,การสัมมนาเชิงวิชาการและเวิร์คช็อปในเรื่องที่เป็นกระแส ติดเทรนด์ อาทิ Thailand Farming Outlook แนวโน้มเศรษฐกิจเกษตรโลกและไทย ตลาดสินค้าเกษตรรอบโลก เทคโนโลยีและการวิจัยการเกษตร GED Technology เทคโนโลยีอวกาศเพื่อการเกษตรและภาวะโลกเดือด เทคโนโลยีการเกษตรอัจฉริยะ การ Transforming สู่เกษตรมูลค่าสูง และพบกับการแข่งขันนวัตกรรมด้านการเกษตร Agrithon Live Pitching by ARDA บนเวทีกลางเป็นต้น รวมถึงการเปิดให้ผู้เข้าร่วมงานได้หาความรู้ในด้านการเกษตรตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ ทั้งนี้ หน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน จะเน้นแสดงให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในภาคการเกษตร ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
“ฟาร์มเอ็กซ์โป 2024 จะเป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญที่จะช่วยให้ภาคเกษตรของไทยได้ก้าวไปสู่โอกาสใหม่ ๆ ในการพัฒนาและเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างคอนเนคชั่นร่วมกับคู่ค้าทางธุรกิจและพันธมิตรที่ร่วมเดินทางอีกมากมาย โดยได้รับการสนับสนุนที่ดีทั้งจากภาครัฐและเอกชนระดับประเทศ ทำให้มีความเชื่อมั่นว่างานมหกรรมการเกษตรฯ ในครั้งนี้ จะเป็นการปลุกกระแสให้เห็นถึงความสำคัญของสินค้าเกษตรที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยี ต่อคนไทย โดยคนไทย เพื่อคนไทย ทำให้เกิดผลผลิตที่มีคุณภาพ มีความน่าสนใจ ส่งเสริมการยกระดับอุตสาหกรรมการเกษตรในทุกระดับให้ผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนได้ในทุกมิติ เกิดความมั่นคงและความภูมิใจในการเป็นเกษตรกรชาวไทยต่อไปในอนาคตได้อีกด้วย” นายนรบดี กล่าวทิ้งท้าย
ร่วมสัมผัสนวัตกรรมและเทคโนโลยีการเกษตรสุดล้ำที่จะมาปลดล็อคทุกศักยภาพของเกษตรกรชาวไทย กับงานมหกรรมการเกษตรในร่ม โดยคนไทย เพื่อคนไทย ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ฟาร์มเอ็กซ์โป 2024 (FARM EXPO 2024) สามารถเข้าร่วมงานได้ตั้งแต่วันที่ 3 – 6 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 98-99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) ติดต่อสอบถามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: FarmExpothailand, LINE OA: ือWWW. : www.farmexpo.co.th

#มหกรรมเกษตรในร่มกลางกรุงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย #ฟาร์มเอ็กซ์โป2024

ขอเชิญร่วมงานประชุมวิชาการนานาชาติเรื่องข้าวเพื่ออนาคต(3rd International Conference on Rice for the Future)ศูนย์กลางความ...
04/10/2024

ขอเชิญร่วมงานประชุมวิชาการนานาชาติเรื่องข้าวเพื่ออนาคต
(3rd International Conference on Rice for the Future)

ศูนย์กลางความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และการวิจัยข้าวของประเทศไทย (Hub of Rice) โดยศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และภาคีเครือข่ายด้านการวิจัยข้าวของประเทศไทย ขอเชิญผู้สนใจในด้านการวิจัยข้าวจากภาครัฐและเอกชน สถาบันการศึกษา เกษตรกรรุ่นใหม่ และผู้ส่งออกข้าวไทย เข้าร่วมงานประชุมวิชาการนานาชาติเรื่องข้าวเพื่ออนาคต ครั้งที่ 3 (The 3rd International Conference on Rice for the Future) ระหว่างวันที่ 14 - 15 พฤศจิกายน 2567 ณ โรงแรมแกรนด์ริชมอนด์ จ.นนทบุรี
ภายในงานผู้ร่วมงานจะได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับงานวิจัยด้านข้าวในทุกมิติ การจัดการข้าวในอนาคต ซึ่งเป็นพืชที่มีบทบาทสำคัญกับการเลี้ยงดูประชากรโลกที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางความท้าทายจากสภาพแวดล้อมและจากภาคอุตสาหกรรม โดยมีวิทยากรทั้งในและต่างประเทศร่วมให้การบรรยาย เช่น การพัฒนาพันธุกรรมข้าว การปรับปรุงพันธุ์ข้าวที่ทนต่อภาวะโลกรวนและความเครียดทางชีวภาพ การแปรรูปและพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าวเพื่อสุขภาพ การใช้ประโยชน์จากข้าวเพื่อการแพทย์ ตลอดจนเทคโนโลยีการเกษตรที่เกี่ยวข้องกับข้าว เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้เห็นภาพและแนวทางสร้างพันธุ์ข้าวที่ทนต่อสภาพอากาศ และมีโภชนาการสูงมากขึ้น สำหรับเกษตรกรและผู้บริโภคที่ใส่ใจในสิ่งแวดล้อม ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://events.thailandricehub.org หรือสแกน QR code ตามที่ปรากฏในโปสเตอร์ รับจำนวนจำกัดภายในวันที่ 1 พ.ย. 67 นี้

ที่อยู่

55/615 M. 9 Bond Street Bangpood
Pak Kret
11120

เวลาทำการ

จันทร์ 08:30 - 17:00
อังคาร 08:30 - 17:00
พุธ 08:30 - 17:00
พฤหัสบดี 08:30 - 17:00
ศุกร์ 08:30 - 17:00
เสาร์ 08:30 - 12:00

เบอร์โทรศัพท์

+6625032054-5

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Kehakaset Magazine วารสารเคหการเกษตรผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Kehakaset Magazine วารสารเคหการเกษตร:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์

ประเภท

ตำแหน่งใกล้เคียง บริษัท สื่อ


นิตยสาร อื่นๆใน Pak Kret

แสดงผลทั้งหมด