Howl Pet Story Magazine - Make our Story Together

ทำแบบนี้เราไม่ชอบนะมนุษย์ใครที่เลี้ยงแมวคงรู้ดีว่าแมวมีนิสัยเป็นตัวของตัวเองสูงมาก บางครั้งเราก็เผลอทำสิ่งที่เราคิดว่า "...
26/12/2024

ทำแบบนี้เราไม่ชอบนะมนุษย์
ใครที่เลี้ยงแมวคงรู้ดีว่าแมวมีนิสัยเป็นตัวของตัวเองสูงมาก บางครั้งเราก็เผลอทำสิ่งที่เราคิดว่า "น่าจะดี" กับพวกเขา แต่ที่ไหนได้ เจ้าเหมียวกลับไม่ปลื้มเลย! วันนี้เรารวบรวม 9 เรื่องที่แมวแอบเกลียด (แต่ไม่บอกเรา) มาให้ได้ลองเช็กกันว่าเราเผลอทำอะไรในนี้ไปบ้างหรือเปล่า
1. อุ้มผิดวิธี : แม้แมวบางตัวจะชอบให้เราอุ้ม แต่ถ้าคุณจับตัวมันแน่นเกินไป หรือยกมันขึ้นแบบไม่ระวัง เช่น จับที่ท้องโดยตรง นั่นอาจทำให้แมวไม่สบายตัวและเครียดได้ ถ้าจะอุ้ม ให้ประคองที่หน้าอกและก้นของน้องแมวอย่างนุ่มนวล
2. ทำเสียงดังสนั่นหวั่นไหว : เสียงเครื่องดูดฝุ่น ปิดประตูดังปัง เปิดทีวีเสียงดัง หรือแม้แต่เสียงคนเถียงกันเป็นสิ่งที่แมวเกลียดสุดๆ น้องแมวเป็นสัตว์ที่อ่อนไหวต่อเสียงมาก ดังนั้นถ้าคุณต้องการให้แมวรู้sสึกปลอดภัย พยายามลดเสียงรบกวนในบ้านจะดีกว่า
3. สัมผัสบริเวณที่พวกเขาไม่ชอบ : แม้ว่าคุณจะรักการลูบตัวน้องแมวแค่ไหน แต่ถ้าคุณไปแตะที่จุดอ่อนไหวอย่างท้อง ขาหลัง หรือหาง เตรียมเจอเล็บได้เลย แมวส่วนใหญ่ชอบให้ลูบหัว ใต้คาง และหลังหูมากกว่า
4. การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน : ไม่ว่าจะเป็นการย้ายที่นอน การย้ายบ้าน หรือแม้แต่การเปลี่ยนกลิ่นของทรายแมว แมวของคุณอาจเครียดได้ทันที พวกเขาไม่ชอบอะไรที่เปลี่ยนแปลงแบบไม่ทันตั้งตัว
5. ใส่น้ำหอมกลิ่นแรงๆ : แมวมีจมูกที่ไวต่อกลิ่นมากๆ กลิ่นที่คนชอบอย่างน้ำหอม สเปรย์ฉีดห้อง หรือแม้แต่ผลไม้เปรี้ยว เช่น มะนาวและส้ม อาจทำให้น้องๆ เหม็นจนต้องเดินหนี
6. บังคับเล่นตอนที่น้องไม่พร้อม: ถ้าคุณเคยจับน้องแมวมาใส่ชุดแฟนซี หรือพยายามถ่ายรูปแบบที่น้องๆ ไม่ยินยอม น้องแมวอาจรู้สึกไม่ปลอดภัยและไม่ชอบอย่างแรง จำไว้ว่าน้องแมวไม่ใช่ตุ๊กตา แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการพื้นที่ส่วนตัวด้วยเหมือนกัน
7. ไม่ทำความสะอาดกระบะทราย : สำหรับแมว กระบะทรายที่สะอาดคือเรื่องใหญ่ที่สุด ถ้าคุณปล่อยให้กระบะทรายสกปรกหรือมีกลิ่นแรง พวกเขาอาจตัดสินใจหาที่ปลดทุกข์แห่งใหม่...ซึ่งมักจะทำให้คุณร้องกรี๊ดได้เสมอ
8. อาหารแบบเดิมๆ ทุกวัน : แม้ว่าแมวบางตัวจะไม่เรื่องมากเรื่องอาหาร แต่การให้พวกเขากินแต่ของเดิมซ้ำๆ อาจทำให้เบื่อ ลองเปลี่ยนรสชาติหรือสูตรอาหารบ้าง แต่ต้องแน่ใจว่าเหมาะกับสุขภาพของพวกเขา
9. การปล่อยให้เบื่อ : แมวเป็นสัตว์ที่ชอบความท้าทายและการกระตุ้นทางจิตใจ ถ้าคุณไม่เล่นกับพวกเขา หรือไม่มีของเล่นให้ น้องแมวอาจเบื่อจนหงุดหงิดและเริ่มหาเรื่องป่วนคุณแทน
ทั้งหมดนี้ก็เป็น 9 เรื่องที่น้องแมวไม่ชอบแต่ไม่รู้ว่าจะบอกมนุษย์ยังไง ให้เราได้ลองไปเช็กกันดูว่าเผลอทำเรื่องที่น้องแมวไม่ชอบไปหรือเปล่า และอย่าลืมว่าแมวพูดไม่ได้ (ถ้าพูดได้รับรองว่ามันส์กว่านี้มาก) แต่พวกเขาสื่อสารด้วยภาษากาย ดังนั้นลองตั้งใจฟังน้องแมวพยายามบอกอะไรเราในแบบของเขา แล้วความสัมพันธ์ของคุณกับน้องแมวจะดียิ่งขึ้นแน่นอน
อ้างอิงข้อมูล

https://www.rd.com/list/things-you-do-your-cat-hates/
อ่านเรื่องอื่นๆ ได้ที่ : www.readhowl.com
ช่องทางติดตามอื่นๆ
Instagram : https://www.instagram.com/readhowl
Youtube : https://bit.ly/3EiWwRL
Blockdit : https://www.blockdit.com/readhowl
Line Today : https://today.line.me/th/v2/publisher/102783

เชื่อว่าเจ้าของแมวหลายคนคงเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า "แมวเรานี่มันปกติหรือเปล่านะ" กันซักครั้งสองครั้งบ้างแน่ๆ ก็แหม บางที...
24/12/2024

เชื่อว่าเจ้าของแมวหลายคนคงเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า "แมวเรานี่มันปกติหรือเปล่านะ" กันซักครั้งสองครั้งบ้างแน่ๆ ก็แหม บางทีน้องแมวของเราอ้อนกันหวานชื่นอยู่ดีๆ ก็ตะปบสักยันตร์ลายห้าแถวให้ที่แขนเฉยราวกับว่าโกรธกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ทำเอาเราสงสัยว่าน้องแมวของเราเป็นบ้าอะไรกันแน่เนี่ย แต่ไม่ต้องห่วงไป เพราะล่าสุด นักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาแบบสอบถามเพื่อช่วยให้เราวิเคราะห์ความ "โรคจิต" ของเจ้าเหมียวได้แบบวิทยาศาสตร์สุดๆ
ว่าแต่ว่าแบบสอบถามวัดระดับความโรคจิตของแมวคืออะไร
ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูลและมหาวิทยาลัยจอห์น มัวเรส (Liverpool John Moores University) ได้พัฒนาแบบสอบถามที่เรียกว่า CAT-Tri+ โดยเน้นวัดพฤติกรรมแมวผ่านคุณสมบัติ 3 ด้านที่เรียกว่า "Dark Triad" ซึ่งประกอบไปด้วย
1. Machiavellianism (ชอบควบคุมผู้อื่น) : เจ้าเหมียวชอบวางแผนซับซ้อนหรือชอบหลอกล่อคุณให้ทำอะไรตามใจมันหรือเปล่า
2. Narcissism (หลงตัวเอง) : แมวของคุณชอบทำตัวเป็นศูนย์กลางของโลกหรือชอบเรียกร้องความสนใจเกินไปไหม
3. Psychopathy (พฤติกรรมไม่แคร์ใคร) : ชอบวิ่งไล่ล่าหรือทำลายข้าวของแบบไม่มีเหตุผล
นอกจากนี้ แบบสอบถามยังรวมถึงพฤติกรรมอื่นๆ เช่น การกล้าบุกรุกพื้นที่ส่วนตัว หรือแม้กระทั่งการแสดงออกถึงความเย็นชาต่อความรู้สึกของมนุษย์
ส่วนคำถามที่ว่าทำไมต้องวัดว่าแมวเป็นโรคจิตหรือไม่นั้น แน่นอนว่าไม่ได้ทำมาเพื่อกล่าวหาน้องแมวว่าเป็นตัวปัญหา จริงๆ แล้วนักวิทยาศาสตร์พัฒนาเครื่องมือนี้ขึ้นเพื่อช่วยให้เจ้าของเข้าใจนิสัยของแมวได้ดีขึ้น รวมถึงสามารถปรับวิธีเลี้ยงดูให้เหมาะสม โดยเฉพาะแมวที่มีพฤติกรรมสุดโต่ง เช่น ชอบจู่โจมหรือไม่แคร์มนุษย์เลย
เอาล่ะ พอรู้แบบนี้แล้ว ถ้าคุณเริ่มอยากลองวิเคราะห์ว่าน้องแมวที่บ้านเรามีระดับความ “โรคจิต" แค่ไหน คุณสามารถลองตอบคำถามจากแบบสอบถามได้ เช่น
- แมวของคุณชอบจ้องมองแบบไร้เหตุผลจนคุณขนลุกหรือเปล่า
- เคยเห็นน้องแมวทำอะไรแปลกๆ เช่น จู่ๆ ก็วิ่งไล่แมลงที่ไม่มีอยู่จริงไหม
- หรือน้องแมวเคยทำเหมือนเป็นบอสของบ้าน โดยไม่สนใจใครเลยหรือเปล่า
แต่สุดท้าย ไม่ว่าผลลัพธ์จะบอกว่าแมวของคุณมีระดับความ "โรคจิต" แค่ไหน จำไว้ว่าพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้ทำให้น้องแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่เลวร้าย แค่แมวอาจมีวิธีแสดงความรักและความเป็นตัวของตัวเองในแบบที่เราอาจต้องปรับตัวเพื่อเข้าใจน้องๆ มากขึ้น
ดังนั้น ครั้งหน้าถ้าน้องแมวทำอะไรแปลกๆ อย่าเพิ่งโกรธหรือรำคาญ ลองคิดซะว่าน้องๆ แค่มีเสน่ห์แบบเฉพาะตัว...และบางทีอาจแค่ต้องการบอกว่า "ก็เราเป็นแมวอ่ะ แมวก็คือแมวแบบนี้แหละ”
อ้างอิงข้อมูล

https://www.sciencealert.com/scientists-developed-a-questionnaire-to-identify-if-your-cat-is-a-psychopath
อ่านเรื่องอื่นๆ ได้ที่ : www.readhowl.com
ช่องทางติดตามอื่นๆ
Instagram : https://www.instagram.com/readhowl
Youtube : https://bit.ly/3EiWwRL
Blockdit : https://www.blockdit.com/readhowl
Line Today : https://today.line.me/th/v2/publisher/102783

"Goodbye is not Easy Word to Say"ตอนที่เราเห็นประโยคนี้ในคำโปรยของไลท์โนเวล Sagrada Reset เล่มที่ 4 ก็ถึงกับนิ่งไปพักหนึ...
23/12/2024

"Goodbye is not Easy Word to Say"
ตอนที่เราเห็นประโยคนี้ในคำโปรยของไลท์โนเวล Sagrada Reset เล่มที่ 4 ก็ถึงกับนิ่งไปพักหนึ่งเพราะช่างเป็นประโยคที่เรียบง่ายแต่ก็ตรงใจเสียเหลือเกิน
ใช่...การบอกลาไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
ในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มีมิตรสหายแฟนเพจทักทายมาอย่างต่อเนื่องว่าปีนี้ howl จะมีทำปฏิทินไหม ซึ่งเราก็ตอบตามความจริงว่าปีนี้คงไม่มีเพราะต้องการพักเพื่อหยุดคิดอะไรซักหน่อยหลังจากที่ทำต่อเนื่องมาจนจำแทบไม่ได้แล้วว่ากี่ปี
ในตอนแรกเรากะว่าจะหายไปเงียบๆ แล้วไปเจอกันอีกทีปีหน้าเลย แต่มาคิดดูอีกทีแล้วก็คิดว่าควรที่จะบอกให้ทุกคนได้รู้อย่างจริงจังเลยดีกว่า สำหรับปฏิทิน howl 2025 นี้ ทางทีมงานขอหยุดพักหนึ่งปี ส่วนคำถามว่าปฏิทิน howl ปี 2026 จะมีไหม อันนี้ถ้าให้พูดตามตรงก็คงยังตอบไม่ได้ แต่คิดว่าในระหว่างปีที่จะเข้ามานี้เราคงหาคำตอบที่ต้องการได้
ขอขอบคุณแฟนเพจทุกๆ ท่านที่ถามไถ่กันเข้ามา รวมไปถึงยังคงติดตามพวกเราอยู่ตลอด แม้ว่านี่จะเป็นช่วงเวลาครึ่งๆ กลางๆ ที่จะคริสมาสต์ก็ไม่เชิง ปีใหม่ก็ยังไม่ใช่ เหลืออีก 7-8 วัน กว่าจะขึ้นปี 2025 แต่เราก็ขออวยพรอย่างไม่ครึ่งๆ กลางๆ ว่าอยากให้ทุกคนมีความสุขในปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้
เรากล่าวทักทายเมื่อรู้จักกัน เรากล่าวลาเมื่อต้องแยกจากกัน
และเมื่อถึงเวลาเราหวังว่าจะได้กล่าวทักทายกันพร้อมกับถามไถ่กันอีกครั้งว่าปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร
23/12/2024
ชานนท์ สิมะบวรสุทธิ์ - บรรณาธิการ howl

รู้หรือไม่ว่าที่กรีซมีเกาะแมวด้วยนะ แถมยังเคยเป็นฮีโร่ผู้กอบกู้เกาะอีกด้วยถ้าพูดถึงเกาะไซปรัส ประเทศกรีซ หลายคนอาจนึกถึง...
19/12/2024

รู้หรือไม่ว่าที่กรีซมีเกาะแมวด้วยนะ แถมยังเคยเป็นฮีโร่ผู้กอบกู้เกาะอีกด้วย
ถ้าพูดถึงเกาะไซปรัส ประเทศกรีซ หลายคนอาจนึกถึงชายหาดสวยๆ หรือเมืองโบราณที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ แต่จริงๆ แล้วเกาะนี้มีอีกหนึ่งตำนานที่ไม่ค่อยมีคนรู้ นั่นก็คือ "ตำนานแมวแห่งเกาะไซปรัส" นั่นเอง โดยเหล่าน้องแมวนั้นไม่ได้มาแค่ความน่ารัก แต่ถือว่ามีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของเกาะนี้มากๆ เลยทีเดียว
ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 4 หลังคริสตกาล ในตอนนั้นเกาะไซปรัสต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ นั่นก็คืองูพิษแพร่ระบาดบนเกาะอย่างหนัก จนทำให้คนในเกาะใช้ชีวิตลำบาก หลังจากที่พยายามแก้ปัญหามาหลายวิธีแล้วไม่ได้ผล ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ต้องใช้ไม้ตาย....นั่นก็คือเหล่าน้องแมวนั่นเอง
ตำนานเล่าว่าสมเด็จพระราชินีเฮเลนา (Saint Helena) ได้นำแมวจากอียิปต์และปาเลสไตน์มายังเกาะไซปรัสเพื่อใช้เหล่าน้องแมวมาต่อกรกับงูพิษเหล่านี้ (แมวบอกว่าตูรับจบตลอด) แถมที่สำคัญคือเหล่าน้องแมวดังปราบเหล่างูพิษได้จริงๆ ด้วยสิ แมวเลยกลายเป็นฮีโร่สำคัญที่ช่วยกำจัดงูจนปัญหาคลี่คลาย และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาแมวก็กลายเป็นส่วนสำคัญของชีวิตคนในเกาะ ไม่ว่าจะอยู่ที่โบสถ์ ถนนหนทาง หรือบ้านเรือนต่างๆ ที่ยังพบเห็นได้จนถึงปัจจุบันนี้
โบสถ์เซนต์นิโคลัสที่ตั้งอยู่ในไซปรัสเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับแมวโดยตรง วัดนี้เคยเป็นศูนย์กลางของแมวที่ถูกเลี้ยงไว้เพื่อต่อสู้กับงูในยุคโบราณ ปัจจุบันยังคงมีแมวอาศัยอยู่ในบริเวณวัด และแมวเหล่านี้ได้รับการดูแลจากบาทหลวงและอาสาสมัครอย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้ว่าจะเคยเป็นถึงฮีโร่ผู้กอบกู้เกาะ แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ชีวิตของแมวในเกาะไซปรัสกลับไม่เหมือนเดิม ความสำคัญของเหล่าน้องๆ ได้ลดลงจากการพัฒนาเมืองและความเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิต ทำให้แมวหลายตัวกลายเป็นแมวจรจัด บางตัวต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ลืมแมวเหล่านี้ มีองค์กรและกลุ่มอาสาสมัครที่พยายามช่วยเหลือ เช่น สร้างสถานพักพิงสำหรับแมว และทำโครงการทำหมันเพื่อควบคุมประชากรแมว
ความยากของสถานการณ์ตอนนี้ของเหล่าน้องแมวในเกาะไซปรัสก็คือการหาวิธีสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์แมวและการพัฒนาเมือง หากเราสามารถรักษาสายสัมพันธ์นี้ไว้ได้ แมวไซปรัสจะยังคงเป็นสัญลักษณ์ของฮีโร่และความทรงจำที่ดีสำหรับคนรุ่นหลังต่อไป
ดังนั้น ถ้ามีโอกาสได้ไปเที่ยวเกาะไซปรัส อย่าลืมแวะทักทายเจ้าเหมียวเหล่านี้นะ พวกเขาไม่ใช่แค่น้องแมวธรรมดาๆ แต่เป็นเหล่าทายาทผู้สืบทอดสายเลือดของตำนานที่ยิ่งใหญ่บนเกาะแห่งนี้เลยทีเดียวนะ
อ้างอิงข้อมูล

https://cyprus-mail.com/2024/10/14/the-island-that-forgot-its-cats/
อ่านเรื่องอื่นๆ ได้ที่ : www.readhowl.com
ช่องทางติดตามอื่นๆ
Instagram : https://www.instagram.com/readhowl
Youtube : https://bit.ly/3EiWwRL
Blockdit : https://www.blockdit.com/readhowl
Line Today : https://today.line.me/th/v2/publisher/102783

เห็นแมวทำหางแบบนี้...ต้องลองเล่นดูซักทีแล้วล่ะใครเลี้ยงแมวคงเคยเห็นเจ้าเหมียวทำหางเป็นทรงแปลกๆ ใช่ไหม หนึ่งในท่าทางของหา...
17/12/2024

เห็นแมวทำหางแบบนี้...ต้องลองเล่นดูซักทีแล้วล่ะ
ใครเลี้ยงแมวคงเคยเห็นเจ้าเหมียวทำหางเป็นทรงแปลกๆ ใช่ไหม หนึ่งในท่าทางของหางที่น่าสนใจมากๆ คือ "หางรูปเครื่องหมายคำถาม" หรือหางที่ชูสูงขึ้นพร้อมปลายโค้งเล็กน้อย เหมือนเครื่องหมายคำถามสุดน่ารัก ซึ่งความจริงแล้วเวลาแมวทำหางแบบนี้ไม่ได้ทำเฉยๆ นะ แต่มันมีความหมายซ่อนอยู่ด้วย
นั่นก็คือ...น้องแมวกำลังชวนเราเล่นยังไงล่ะ
ถ้าพบว่าน้องแมวเดินเข้ามาหาคุณพร้อมทำหางเป็นรูปเครื่องหมายคำถาม (?) นั่นคือสัญญาณว่าน้องแมวอยู่ในอารมณ์ดี พร้อมลุย พร้อมเล่น หรืออยากชวนคุณมาสนุกด้วยกัน หางแบบนี้แสดงถึงความเป็นมิตรและความมั่นใจในตัวเอง แถมยังบอกเป็นนัยๆ ว่า “มนุษย์ มาเล่นกันเถอะ!”
นอกจากหางทรงเครื่องหมายคำถามแล้ว ยังมีอีกหลายท่าทางของหางที่บอกอารมณ์แมวได้ ตามนี้เลย
- หางชูตรงแบบเสาอากาศ: นี่คือสัญญาณว่าน้องแมวรู้สึกมั่นใจ เป็นมิตร และพร้อมเข้าหาคุณด้วยความรักเต็มเปี่ยม
- หางพองฟูเหมือนแปรงขัดห้องน้ำ: แปลว่าน้องแมวตกใจหรือรู้สึกถูกคุกคาม จังหวะนี้อย่าเพิ่งไปกวนใจพวกเขานะ
- หางต่ำหรือติดพื้น: แสดงถึงความกังวล กลัว หรืออาจไม่สบายใจอะไรบางอย่าง
- หางแกว่งไปมา: ถ้าแกว่งเร็วๆ อาจหมายถึงอารมณ์หงุดหงิด แต่ถ้าแกว่งแบบช้าๆ นุ่มนวล แปลว่าน้องแมวกำลังสบายใจ
ดังนั้น ครั้งหน้าถ้าเห็นน้องแมวทำหางเป็นรูปเครื่องหมายคำถาม อย่าลืมรีบวางมือถือ แล้วไปเล่นกับพวกเขาได้เลย เพราะหางรูปเครื่องหมายคำถาม บอกเราว่า น้องแมวกำลังชวนคุณไปสร้างโมเมนต์น่ารักๆ ด้วยกันนั่นเอง
อ้างอิงข้อมูล

https://www.petmd.com/cat/behavior/cat-tail-language
อ่านเรื่องอื่นๆ ได้ที่ : www.readhowl.com
ช่องทางติดตามอื่นๆ
Instagram : https://www.instagram.com/readhowl
Youtube : https://bit.ly/3EiWwRL
Blockdit : https://www.blockdit.com/readhowl
Line Today : https://today.line.me/th/v2/publisher/102783

เป็นมนุษย์นี่มันเหนื่อยจริงๆแมวไม่ได้บอกหรอก แต่เราน่ะบอกเอง เพราะไม่ต้องพูดก็รู้ว่าเราต่างเหนื่อยกับชีวิตวุ่นวายในแต่ละ...
10/12/2024

เป็นมนุษย์นี่มันเหนื่อยจริงๆ
แมวไม่ได้บอกหรอก แต่เราน่ะบอกเอง เพราะไม่ต้องพูดก็รู้ว่าเราต่างเหนื่อยกับชีวิตวุ่นวายในแต่ละวันมากขนาดไหน จนบางทีก็อยากนอนอยู่บ้านดูแมวนอนกลิ้งไปวันๆ ดูบ้างเหมือนกัน แต่ถ้ามองน้องแมวที่บ้านจนเบื่อแล้วอยากแอบส่องชีวิตแมวที่ญี่ปุ่นเพื่อคลายเครียดบ้างล่ะก็ ก็พอจะมีมีวิธีอยู่เพราะว่าเราเพิ่งไปเจอกับสารคดีแมวสั้นๆ 5 นาที จาก NHK ที่จะพาคุณไปส่องน้องแมวทั่วญี่ปุ่นเพื่อช่วยเยียวยาจิตใจได้อย่างเหลือเชื่อ
สารคดีนี้มีชื่อว่า Cat’s-Eye – View of Japan สารคดีแมวสั้นๆ แต่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์จาก NHK World ที่ถ่ายทำโดยช่างภาพสัตว์ป่าและนักถ่ายภาพยนตร์ Iwago Mitsuaki ที่เขาจะมาถ่ายทอดชีวิตแมวในมุมมองอันลึกซึ้งและงดงาม รายการนี้ไม่ได้มีแค่ความน่ารักของแมวธรรมดา แต่ยังนำเสนอความงามของวัฒนธรรมและธรรมชาติในประเทศญี่ปุ่นผ่านสายตาของเจ้าเหมียวที่เดินเตร่ไปในมุมต่างๆ ของเมืองและชนบท
โดยแต่ละตอนของ Cat’s-Eye มีความยาวเพียง 5 นาที เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาไม่มาก แต่ต้องการเติมพลังบวกให้กับวันของตัวเอง คุณจะได้เห็นแมวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในสถานที่ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ เช่น หมู่บ้านชนบทแสนสงบ ซอกซอยเล็กๆ ในเมือง หรือทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม
ถ้าที่เราเล่ามายังไม่โดนใจ เราขอเพิ่มอีก 5 เหตุผลที่ต้องดู “Cat’s-Eye – View of Japan” ตามนี้เลย
1. ภาพสวยจับใจ : NHK ไม่เคยทำให้ผิดหวังกับคุณภาพของภาพและการเล่าเรื่อง ใน “Cat’s-Eye – View of Japan” คุณจะได้เห็นมุมมองที่อบอุ่นและละมุนละไมของแมวที่ทำให้คุณเผลอยิ้มได้โดยไม่รู้ตัว
2. เรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบไม่รู้ตัว : แม้รายการนี้จะเกี่ยวกับแมว แต่คุณจะได้เห็นวิถีชีวิตและสถานที่ในญี่ปุ่นที่คุณอาจไม่เคยรู้จัก เช่น ศาลเจ้าเล็กๆ หรือร้านค้าโบราณที่เจ้าเหมียวมักไปเยี่ยมเยือน
3. ปลดปล่อยความเครียดใน 5 นาที : จะมีอะไรจะดีไปกว่าการนั่งดูแมวเดินเล่น สำรวจโลกของมัน และเผลอหัวเราะหรือยิ้มกับท่าทางน่ารักๆ ที่เหล่าน้องแมวทำอีก
4. แทบจะไม่มีบทพูด : สำหรับคนที่อยากดูอะไรที่ไม่ต้องใช้สมอง สารคดีสั้นนี้แทบจะไม่มีบทพูด มีเพียงดนตรีบรรเลงเบาๆ และเสียงบรรยากาศที่ช่วยให้คุณผ่อนคลายเท่านั้น (่บางตอนอาจมีคำพูดบรรยายจากคุณ Iwago Mitsuaki นิดหน่อย) เรียกได้ว่ามองแมวกันอย่างเดียวไปเลย
5. ฟรีและดูได้ทุกที่ : คุณสามารถชมรายการนี้ได้ฟรีบนเว็บไซต์ของ NHK World หรือผ่านแอปพลิเคชัน ไม่ต้องสมัคสมาชิกก็ดูได้ เข้าเว็บปุ๊บดูได้ปั๊บ
มาหลบหนีจากโลกมนุษย์ที่แสนวุ่นวายแล้วลองให้แมวนำพาคุณไปเจอกับโลกในมุมมองใหม่ๆ กัน
มาดูได้เลยที่ : https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/en/shows/catseye/
อ่านเรื่องอื่นๆ ได้ที่ : www.readhowl.com
ช่องทางติดตามอื่นๆ
Instagram : https://www.instagram.com/readhowl
Youtube : https://bit.ly/3EiWwRL
Blockdit : https://www.blockdit.com/readhowl
Line Today : https://today.line.me/th/v2/publisher/102783

เพราะความจริงมีเพียงหนึ่งแมวเราไม่ได้พูดผิดหรอกนะ เพราะว่าน้องแมวที่ชอบทำหน้าตีมึนไปทั่วนั้นอาจจะกลายเป็นกุญแจสำคัญในการ...
05/12/2024

เพราะความจริงมีเพียงหนึ่งแมว
เราไม่ได้พูดผิดหรอกนะ เพราะว่าน้องแมวที่ชอบทำหน้าตีมึนไปทั่วนั้นอาจจะกลายเป็นกุญแจสำคัญในการไขคดีต่างๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อยังไงล่ะ เพราะเมื่อเร็วๆ นี้ ในประเทศอังกฤษ นักวิจัยได้พบว่าแมวอาจเป็นส่วนหนึ่งของการแกะรอยหลักฐานในคดีสำคัญ โดยนำเทคโนโลยีวิเคราะห์ทางนิติวิทยาศาสตร์มาผนวกเข้ากับการเก็บข้อมูลจากตัวน้องแมว ซึ่งผลลัพธ์นั้นน่าสนใจและอาจเป็นจุดเปลี่ยนในกระบวนการสืบสวนเลยก็ว่าได้
งานวิจัยนี้ริเริ่มจากแนวคิดที่ว่า แมวที่อาศัยอยู่ในบ้านของผู้ต้องสงสัยอาจมีเบาะแสที่สำคัญอยู่บนตัวของมัน เช่น เส้นผมหรือร่องรอยจากเหยื่อที่อาจติดอยู่ที่ขนของแมว โดยนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรได้ทำการศึกษาว่าแมวที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุมีโอกาสสูงที่จะได้รับอนุภาคของหลักฐานจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเส้นผม ขน หรือสารอื่นๆ ที่ติดมากับขนของมัน
การศึกษานี้ใช้วิธีการเก็บตัวอย่างจากขนแมวในบ้านที่เกี่ยวข้องกับคดี แล้วนำตัวอย่างเหล่านั้นไปวิเคราะห์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ผลปรากฏว่ามีความเป็นไปได้ที่ขนแมวจะเก็บอนุภาคหรือเส้นผมที่สามารถเชื่อมโยงกับบุคคลหรือเหตุการณ์ในคดีได้ นั่นแปลว่าน้องแมวอาจทำหน้าที่เป็น "นักสืบเหมียวโคนัน" ที่ช่วยเก็บหลักฐานในแบบที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
นอกจากนี้ผลการทดลองยังแสดงให้เห็นว่าแมวมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือนักสืบในการแกะรอยหลักฐานที่อาจตกหล่นหรือหายไปตามที่เกิดเหตุ ขนของแมวที่เดินไปมาในบ้านทำให้อนุภาคต่างๆ ติดอยู่และสามารถเชื่อมโยงกับคนอื่นๆ ได้ การใช้เทคนิคนี้อาจเป็นการเพิ่มโอกาสในการไขคดีให้กระจ่างขึ้น โดยเฉพาะในคดีที่มีหลักฐานน้อยหรือเบาะแสไม่ชัดเจน
สิ่งที่น่าสนใจคือการที่นักวิทยาศาสตร์เลือกใช้แมวในกระบวนการนี้ สาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมของแมวที่ชอบเดินสำรวจทุกซอกทุกมุมของบ้าน นั่นหมายความว่าแมวมีโอกาสสูงที่จะได้รับอนุภาคหลักฐานจากหลายพื้นที่ ทำให้มันกลายเป็นผู้ช่วยที่มีคุณค่าต่อการสืบสวน แม้น้องแมวจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังช่วยไขคดีอยู่ก็ตาม แต่พฤติกรรมที่น้องแมวทำอยู่ทุกวันตามธรรมดานี้กลับช่วยให้นักสืบมีโอกาสในการเก็บหลักฐานมากขึ้นได้
บอกเลยว่าถ้างานวิจัยนี้ไปได้สวย น้องแมวอาจจะกลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยสืบสวนและหาความจริงของคดีต่างๆ ได้อย่างไม่น่าเชือ ไม่แน่ว่าในอนาคต เราอาจจะได้เห็นน้องแมวเข้ามามีส่วนร่วมในงานสืบสวนมากขึ้น และกลายเป็นผู้ช่วยนักสืบที่มีความสำคัญไม่แพ้สุนัขตำรวจ (K9) เลยก็ได้
เตรียมตัวได้เลย...เพราะว่านักสืบเหมียวโมริคนนี้กำลังจะมาแล้วยังไงล่ะ
อ้างอิงข้อมูล

https://studyfinds.org/cat-hair-dna-crime/
อ่านเรื่องอื่นๆ ได้ที่ : www.readhowl.com
ช่องทางติดตามอื่นๆ
Instagram : https://www.instagram.com/readhowl
Youtube : https://bit.ly/3EiWwRL
Blockdit : https://www.blockdit.com/readhowl
Line Today : https://today.line.me/th/v2/publisher/102783

แมวสามสี...ทำไมไม่มีไข่รู้หรือไม่ว่าแมวสามสีที่เราเห็นกันทั่วไปที่เป็นแมวที่มีสีขาว ส้ม และดำอยู่ในตัวเดียวกันนั้น ล้วนแ...
03/12/2024

แมวสามสี...ทำไมไม่มีไข่
รู้หรือไม่ว่าแมวสามสีที่เราเห็นกันทั่วไปที่เป็นแมวที่มีสีขาว ส้ม และดำอยู่ในตัวเดียวกันนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นตัวเมียเกือบทั้งหมด ความจริงนี้อาจทำให้หลายคนงงว่าทำไมน้องแมวสามสีถึงเจอแต่ตัวเมียล่ะ เป็นตัวผู้ไม่ได้เหรอ ถ้าเกิดว่าคุณสงสัยแบบนั้นก็มาดูความจริงกันเลยว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
แมวสามสี หรือที่เรียกว่า "คาลิโกะ" (Calico) นั้นจะมีสีสันที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างสีส้ม สีขาว และสีดำ ซึ่งสาเหตุที่แมวสามสีส่วนใหญ่เป็นตัวเมียนั้นเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม สาเหตุที่แมวมีขนสามสีนั้นเพราะเกิดจากยีนที่เกี่ยวข้องกับโครโมโซมเพศ โดยน้องแมวนั้นมีสองโครโมโซมเพศเช่นเดียวกับมนุษย์ ซึ่งก็คือ X และ Y สีส้มและสีดำของแมวนั้นถูกควบคุมโดยยีนที่อยู่บนโครโมโซม X และเนื่องจากแมวตัวเมียมีโครโมโซม X สองตัว (XX) พวกมันจึงสามารถมีสีได้หลากหลาย ส่วนแมวตัวผู้ที่มีโครโมโซม XY จะไม่สามารถมีสีสันได้เท่ากับแมวตัวเมีย ดังนั้นแมวสามสีตัวผู้จึงเป็นสิ่งที่หายากมาก ๆ
อย่างไรก็ตาม แมวสามสีตัวผู้ก็ไม่ได้เป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว มันสามารถเกิดขึ้นได้จากภาวะที่หายากมากที่เรียกว่า "Klinefelter Syndrome" ซึ่งเป็นภาวะที่แมวตัวผู้มีโครโมโซม X สองตัวและโครโมโซม Y หนึ่งตัว (XXY) ภาวะนี้ทำให้แมวตัวผู้มีสีสันสามสีได้เหมือนกับตัวเมีย แต่แมวเหล่านี้มักมีปัญหาด้านสุขภาพและเป็นหมัน
โดยว่ากันว่าโอกาสที่แมวสามสีจะเป็นตัวผู้มีเพียง 1 ใน 3,000 ตัวเท่านั้น ดังนั้นถ้าคุณพบแมวสามสีตัวผู้ คุณกำลังเจอน้องตัวแรร์ที่หายากและมีความพิเศษทางพันธุกรรมที่ไม่เหมือนใครเลยทีเดียว
อีกหนึ่งความพิเศษของน้องแมวสามสีคือลวดลาย "สีส้ม-ดำ-ขาว" ของแต่ละตัวนั้นจะไม่ซ้ำแบบกันเลย เรียกได้ว่าแมวสามสีทุกตัวมีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมันเอง เหมือนกับลายนิ้วมือของมนุษย์ที่ไม่มีใครเหมือนนั่นเอง
เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวที่ค่อนข้างน่าทึ่งสำหรับน้องแมวสามสีเลยทีเดียว คราวหน้าถ้าใครเจอน้องแมวสามสีตัวผู้หรือใครเลี้ยงน้องแมวสามสีตัวผู้อยู่ก็ลองเอามาอวดกันได้นะ เพราะว่าน้องหายากมากๆ เลยล่ะ
อ้างอิง

Lyon, M. F. (1961). Gene Action in the X-chromosome of the Mouse (Mus musculus L.). Nature.

Robinson, R. (1991). Genetics for Cat Breeders. Pergamon Press.
Hearn, K. (2003). The Lucky Cat: How a Calico Became a Japanese Icon. Smithsonian Magazine.

Pedersen, N. C. (1991). Feline Husbandry: Diseases and Management in the Multiple-cat Environment. American Veterinary Publications.
อ่านเรื่องอื่นๆ ได้ที่ : www.readhowl.com
ช่องทางติดตามอื่นๆ
Instagram : https://www.instagram.com/readhowl
Youtube : https://bit.ly/3EiWwRL
Blockdit : https://www.blockdit.com/readhowl
Line Today : https://today.line.me/th/v2/publisher/102783

ถ้าคุณแน่...อย่าทำงานแพ้น้องแมวนะบริษัทในญี่ปุ่นได้สร้างความฮือฮาในโลกออนไลน์ด้วยการจ้างเจ้าเหมียวมาเป็นพนักงานเพื่อช่วย...
28/11/2024

ถ้าคุณแน่...อย่าทำงานแพ้น้องแมวนะ
บริษัทในญี่ปุ่นได้สร้างความฮือฮาในโลกออนไลน์ด้วยการจ้างเจ้าเหมียวมาเป็นพนักงานเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานในบริษัท ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งพนักงานต้อนรับ ออดิทเตอร์ หรือแม้กระทั่งประธานเหมียวบริหาร (chaircat) แน่นอนว่าน้องแมวเหล่านี้ไม่ได้มาเล่น ๆ นะ แต่น้องๆ มาทำงานกันแบบจริงจังเพื่อช่วยเพิ่ม Producitivity ให้กับเหล่าพนักงานมนุษย์จริงๆ เลยล่ะ
บริษัทนี้คือ Ferray Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำงานด้านไอทีในกรุงโตเกียว บริษัทนี้ได้ตัดสินใจจ้างแมวเป็นพนักงานในสำนักงาน โดยปล่อยให้น้องแมวเดินเล่นไปมาในออฟฟิศและสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นผ่อนคลายให้กับพนักงาน โดยน้องแมวเหล่านี้กลายเป็นเหมือนตัวช่วยที่ทำให้พนักงานรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเจอปัญหาหรือความเครียดจากงาน เจ้าเหมียวก็พร้อมที่จะเข้ามานั่งข้างๆ หรือยอมให้มนุษย์ลูบหัวเพื่อให้รู้สึกดีขึ้นได้
แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากความต้องการที่จะลดความเครียดในที่ทำงาน ซึ่งหลายคนรู้ดีว่าการทำงานในออฟฟิศที่เต็มไปด้วยแรงกดดันจากเรื่องต่างๆ ทั้งเพื่อนร่วมงานด้วยกันเอง หรือกระทั่งเดธไลน์โปรเจ็กต์ต่างๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย การมีแมวเป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานไม่เพียงแค่ทำให้คนในที่ทำงานมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นมิตรระหว่างพนักงานด้วยกันเอง แมวยังมีบทบาทในการลดความกังวลและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพราะการได้ลูบขนนุ่มๆ ของแมวนั้นสามารถช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอนดอร์ฟินที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขอีกด้วย
แม้ว่าแมวเหล่านี้จะไม่มีตารางงานแบบพนักงานทั่วไป แต่น้องแมวเหล่านี้ก็ถือเป็น "พนักงานสำคัญ" ที่มีหน้าที่สำคัญต่อการสร้างความสุขให้กับบริษัท Ferray Corporation พนักงานในบริษัทกล่าวว่า เมื่อพวกเขารู้สึกเหนื่อยหรือหมดแรง เจ้าเหมียวก็เหมือนเป็นยาชูกำลังที่ช่วยเติมพลังให้พวกเขาได้อย่างน่าทึ่ง ความเป็นกันเองและความน่ารักของแมวยังช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น ทำให้พนักงานรู้สึกว่าออฟฟิศคือบ้านอีกหลังหนึ่งที่พวกเขาสามารถพักผ่อนได้
ไม่เพียงแค่พนักงานของบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการมีแมวเท่านั้น แต่การนำแมวมาสู่สำนักงานยังเป็นวิธีที่ทำให้บริษัทได้รับความสนใจจากสังคมอีกด้วย Ferray Corporation กลายเป็นข่าวดังและได้รับความสนใจจากโซเชียลมีเดียมากมาย การที่บริษัทให้ความสำคัญกับความสุขของพนักงานผ่านการจ้างแมวมาเป็นพนักงานเป็นสิ่งที่แปลกใหม่และน่ารักมาก ๆ ซึ่งนั่นทำให้เห็นว่าการดูแลพนักงานให้มีความสุขสามารถนำไปสู่ความสำเร็จในธุรกิจได้
ดังนั้น ครั้งหน้าถ้าคุณรู้สึกเครียดจากการทำงาน ลองคิดถึงไอเดียการมีแมวอยู่ในออฟฟิศดูสิ มันอาจจะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้คุณมีความสุขในการทำงานและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นก็ได้ ใครจะไปรู้ บางทีน้องแมวอาจเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีที่สุดเท่าที่คุณเคยมีมาเลยก็ได้
ถ้าเกิดว่าน้องไม่ทำแก้วกาแฟคุณหกใส่คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กก่อนล่ะนะ
อ้างอิงข้อมูล

https://www.scmp.com/news/people-culture/article/3277164/japan-company-wows-social-media-cat-staff-office-clerk-auditor-even-chaircat

https://www.news18.com/viral/japanese-tech-firm-keeps-10-cats-at-office-to-boost-productivity-of-employees-9041739.html
อ่านเรื่องอื่นๆ ได้ที่ : www.readhowl.com
ช่องทางติดตามอื่นๆ
Instagram : https://www.instagram.com/readhowl
Youtube : https://bit.ly/3EiWwRL
Blockdit : https://www.blockdit.com/readhowl
Line Today : https://today.line.me/th/v2/publisher/102783

เคยสงสัยไหมว่ากลิ่นฉี่แมวบางทีทำไมถึงเหม็นกว่าปกติเชื่อเลยว่าคนเลี้ยงแมวทุกท่านต้องคุ้นชินกับกลิ่นฉี่แมวแน่นอน ก็แหม...ง...
26/11/2024

เคยสงสัยไหมว่ากลิ่นฉี่แมวบางทีทำไมถึงเหม็นกว่าปกติ
เชื่อเลยว่าคนเลี้ยงแมวทุกท่านต้องคุ้นชินกับกลิ่นฉี่แมวแน่นอน ก็แหม...งานหลักของเราก็คือการตักทรายแมวไปทิ้งนี่นา แต่บางทีเคยสงสัยไหมว่าทำไมฉี่ที่น้องแมวปล่อยออกมาตามเฟอร์นิเจอร์บ้าง เสาบ้านบ้าง ทำไมกลิ่นถึงได้ตุ่ยๆ ดุดันกว่าฉี่ปกติของน้องแมวจังเลย บอกเลยว่างานนี้คุณไม่ได้คิดไปเอง เพราะงานวิจัยล่าสุดจากประเทศญี่ปุ่นชี้ว่า ฉี่ที่แมวใช้เพื่อประกาศอาณาเขตนั้น มีกลิ่นที่เหม็นยิ่งกว่าฉี่ที่ปล่อยตามปกติ และนี่เป็นส่วนหนึ่งของวิธีที่แมวใช้เพื่อสร้างความโดดเด่นและบ่งบอกถึงความเป็นเจ้าถิ่นของมัน
ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยอิวเตะ ได้นำเจ้าเหมียวมาทดลองดูพฤติกรรมการฉี่เพื่อประกาศอาณาเขตและเปรียบเทียบกับการฉี่ที่แมวใช้เมื่อเข้าส้วมตามปกติ ผลการทดลองพบว่าในกรณีที่แมวใช้ฉี่ในการประกาศอาณาเขต มันจะปล่อยสารเคมีบางชนิดเพิ่มเข้าไปในฉี่ ซึ่งสารนี้เป็นตัวการที่ทำให้กลิ่นฉี่เหม็นกว่าปกติ และทำให้กลิ่นนั้นคงทนและแรงมากพอที่จะส่งข้อความไปถึงแมวตัวอื่น ๆ ในบริเวณนั้นได้
สารที่พบในฉี่แมวที่ใช้ประกาศอาณาเขตคือสารประเภทเฟอโรโมนและกรดไขมันชนิดพิเศษ ซึ่งสารเหล่านี้เป็นตัวช่วยในการสื่อสารระหว่างแมวด้วยกัน มันสามารถบ่งบอกข้อมูลเกี่ยวกับตัวเจ้าของกลิ่นได้ เช่น เพศ อายุ และสถานะในกลุ่ม รวมไปถึงประกาศให้แมวตัวอื่นรู้ว่าพื้นที่นี้มีเจ้าของแล้ว การประกาศด้วยวิธีนี้จึงมีความสำคัญต่อการสร้างและปกป้องอาณาเขตของแมว
นอกจากนี้ นักวิจัยยังได้สังเกตเห็นว่าแมวมีพฤติกรรมการฉี่ในลักษณะที่แตกต่างกันเมื่อประกาศอาณาเขต โดยปกติแล้ว เมื่อแมวใช้ฉี่เพื่อประกาศอาณาเขต มันจะยกหางและพ่นฉี่ในท่ายืน ซึ่งแตกต่างจากการฉี่ในลักษณะทั่วไปที่มักทำในท่านั่ง นี่เป็นท่าทางที่ทำให้ฉี่กระจายตัวได้ดีและสามารถส่งกลิ่นได้ไกลยิ่งขึ้น
การศึกษาครั้งนี้ยังช่วยให้เราเข้าใจถึงพฤติกรรมการสื่อสารของแมวมากขึ้น ซึ่งนอกจากการส่งกลิ่นแล้ว แมวยังใช้เสียงและท่าทางในการสื่อสารอย่างซับซ้อนอีกด้วย แต่การประกาศอาณาเขตด้วยฉี่ที่มีกลิ่นแรงถือเป็นวิธีที่ทรงพลังและตรงจุดที่สุด เพราะมันสามารถคงอยู่ได้นานหลายวัน ทำให้แมวตัวอื่นไม่กล้าที่จะเข้ามาท้าทายหรือรุกล้ำพื้นที่
ดังนั้น ครั้งหน้าถ้าคุณได้กลิ่นฉี่แมวที่เหม็นกว่าปกติ อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะเจ้าเหมียวอาจกำลังประกาศอาณาเขตของมันอยู่ก็ได้ และนี่เป็นอีกหนึ่งวิธีที่แมวใช้ในการแสดงถึงความเป็นเจ้าถิ่นของมัน ซึ่งมนุษย์อย่างเราก็คงได้แต่ทำใจยอมรับกันไป
อ้างอิงข้อมูล

https://www.asahi.com/ajw/articles/15242682
อ่านเรื่องอื่นๆ ได้ที่ : www.readhowl.com
ช่องทางติดตามอื่นๆ
Instagram : https://www.instagram.com/readhowl
Youtube : https://bit.ly/3EiWwRL
Blockdit : https://www.blockdit.com/readhowl
Line Today : https://today.line.me/th/v2/publisher/102783

หากรู้สึกชีวิตว่างเปล่า...ลองเลี้ยงน้องแมวดูสิทุกวันนี้หลายคนอาจรู้สึกว่าอยู่ไปวันๆ ทำงานไปวันๆ ไม่ได้รู้สึกยินดียินร้าย...
14/11/2024

หากรู้สึกชีวิตว่างเปล่า...ลองเลี้ยงน้องแมวดูสิ
ทุกวันนี้หลายคนอาจรู้สึกว่าอยู่ไปวันๆ ทำงานไปวันๆ ไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายอะไร ถ้าใครรู้สึกแบบนั้น ทางหนึ่งที่อาจจะช่วยได้นั่นก็คือการเลี้ยงแมวนั่นเอง ไม่ใช่เพราะว่าแมวจะมาปั่นป่วนชีวิตคุณด้วยการปลุกมาเทอาหารตอนตีสี่ หรือทำลายข้าวของในบ้านจนคุณกุมหัว โอเค นั่นก็ส่วนหนึ่ง (เราต้องยอมรับความจริง) แต่มีงานวิจัยหลายชิ้นเลยทีเดียวที่บอกว่าการเลี้ยงแมวนั้นทำให้ชีวิตมีความหมาย ลดความเครียด ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และทำให้ชีวิตของเรามีความหมายมากขึ้นได้
มีงานวิจัยพบว่าการมีแมวในบ้านช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียด เมื่อคุณลูบขนเจ้าเหมียว ร่างกายจะปล่อยสารเอ็นดอร์ฟินที่ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมหลังจากทำงานเครียดๆ เหนื่อยๆ มาทั้งวัน การได้นั่งเล่นกับเจ้าเหมียวจึงช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้อย่างน่ามหัศจรรย์
นอกจากนี้งานวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า การเลี้ยงแมวสามารถช่วยเสริมสร้างสุขภาพจิตที่ดีได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนที่มีความวิตกกังวลหรือภาวะซึมเศร้า การได้มีน้องแมวอยู่ใกล้ๆ ทำให้รู้สึกว่ามีความหมายและไม่โดดเดี่ยว บางคนถึงกับกล่าวว่า การที่เจ้าแมวมานั่งข้างๆ หรือเข้ามาออดอ้อน เป็นสิ่งที่ช่วยทำให้รู้สึกว่าตัวเองสำคัญและได้รับการยอมรับ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากสำหรับผู้ที่ต้องการกำลังใจในชีวิตประจำวัน
ไม่ใช่แค่สุขภาพจิตที่ดีขึ้น แต่ยังมีประโยชน์ทางสุขภาพกายอีกด้วย งานวิจัยหลายชิ้นพบว่าเสียงคราง (Purr) ของแมวที่เราคุ้นเคยนั้นสามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ เสียงครางที่มีความถี่ต่ำนี้มีผลในการผ่อนคลายและลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ ซึ่งช่วยส่งเสริมการฟื้นตัวของร่างกาย นอกจากนี้ คนที่เลี้ยงแมวมักจะมีอัตราการเกิดโรคหัวใจที่ต่ำกว่าคนที่ไม่เลี้ยงสัตว์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้การเลี้ยงแมวกลายเป็นการช่วยให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นในระยะยาวได้
นอกจากนี้ การเลี้ยงแมวยังช่วยให้เรามีวินัยและมีความรับผิดชอบมากขึ้น เพราะต้องดูแลให้อาหารแมว ทำความสะอาด และเล่นกับน้อง ทำให้เรามีเป้าหมายในการทำสิ่งต่างๆ ในแต่ละวัน ซึ่งในบางครั้งการที่เรามีอะไรทำที่ต้องดูแลอีกชีวิตหนึ่ง ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตของเรามีความหมายมากขึ้น ลดความรู้สึกว่างเปล่า และช่วยสร้างความผูกพันระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยงอีกด้วย
ดังนั้น ครั้งหน้าถ้าคุณคิดว่าชีวิตของคุณยังขาดอะไรบางอย่าง ลองเลี้ยงแมวสักตัวดูสิ แถมจะยิ่งดีขึ้นไปใหญ่ถ้ารับเลี้ยงน้องแมวจรที่รอรับการอุปการะจากมูลนิธิต่างๆ เพราะได้ช่วยน้องแมวและช่วยแก้ปัญหาสัตว์จรจัดได้อีกด้วย ไม่แน่ว่าบางทีน้องแมวอาจจะเป็นกุญแจที่ช่วยให้คุณมีความสุขมากขึ้นทั้งในด้านสุขภาพกายและจิตใจ ช่วยให้ชีวิตคุณมีสีสันและมีความหมายมากขึ้นกว่าเดิม
จนบางทีคุณรู้สึกว่าน้องๆ ทำให้ชีวิตมีสีสันมากไป ลดๆ ลงมาหน่อยก็ได้นะ ไม่ต้องเข้มขนาดน้าน
อ้างอิงข้อมูล
https://www.sciencealert.com/cats-can-have-a-profound-effect-on-your-physical-and-mental-health
อ่านเรื่องอื่นๆ ได้ที่ : www.readhowl.com
ช่องทางติดตามอื่นๆ
Instagram : https://www.instagram.com/readhowl
Youtube : https://bit.ly/3EiWwRL
Blockdit : https://www.blockdit.com/readhowl
Line Today : https://today.line.me/th/v2/publisher/102783

มีสิทธิพิเศษจาก KTC ที่เป็น Partner กับ howl มาฝากกันจ้า !1. รับส่วนลดสูงสุด 30% จากร้านค้า/โรงพยาบาลสัตว์เลี้ยงพันธมิตร...
06/11/2024

มีสิทธิพิเศษจาก KTC ที่เป็น Partner กับ howl มาฝากกันจ้า !
1. รับส่วนลดสูงสุด 30% จากร้านค้า/โรงพยาบาลสัตว์เลี้ยงพันธมิตรที่ร่วมรายการ​
2. รับรางวัลจากพันธมิตรที่ร่วมรายการ สำหรับ
*สมาชิกบัตรฯ ที่มียอดใช้จ่ายสูงสุดประจำสัปดาห์ เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรฯ สะสมสูงสุดภายในหมวดสัตว์เลี้ยง (MCC 5995 และ 0742) (ขั้นต่ำ 30,000 บาท) ตามระยะวันที่กำหนดในแต่ละสัปดาห์ นับตั้งแต่วันที่ลงทะเบียนสมบูรณ์
*ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ผ่านเว็บไซต์
3. รับสิทธิ์แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืน 15%**​เพียงใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ทุก 500 บาท และใช้คะแนน KTC FOREVER ทุก 500 คะแนน​
**ลงทะเบียนครั้งเดียวรับสิทธิ์ตลอดรายการ​
🗓 1 พ.ย. 67 - 28 ก.พ. 68 - ดูเพิ่มเติม คลิก ▹ https://ktc.promo/allmyloveispets
หากยังไม่มีบัตรเครดิต KTC คลิก สมัครเลย ▹ https://ktc.cards/apply-creditcard
ปล.ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปีนะ

ถ้าคุณแน่...อย่าแพ้น้องแมวรู้หรือไม่ว่าน้องแมวนั้นอาจจะเข้าใจคำศัพท์ได้เร็วกว่าทารกวัยหัดพูดซะอีก งานวิจัยล่าสุดเปิดเผยว...
29/10/2024

ถ้าคุณแน่...อย่าแพ้น้องแมว
รู้หรือไม่ว่าน้องแมวนั้นอาจจะเข้าใจคำศัพท์ได้เร็วกว่าทารกวัยหัดพูดซะอีก งานวิจัยล่าสุดเปิดเผยว่าแมวนั้นไม่ได้แค่คอยป่วนมนุษย์ไปวันๆ เท่านั้น แต่ยังมีความสามารถในการจดจำคำศัพท์ โดยเฉพาะคำที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่น้องแมวชอบ เช่น อาหารหรือของเล่นชิ้นโปรดอีกด้วย
การทดลองครั้งนี้ถูกจัดทำขึ้นโดยทีมวิจัยของ Saho Takagi และคณะ จากมหาวิทยาลัย Abazu University เริ่มจากการใช้แมวจำนวนมากในห้องปฏิบัติการ ทีมวิจัยให้เจ้าของแมวเข้ามาช่วย โดยการพูดชื่อของสิ่งของที่น้องแมวคุ้นเคย เช่น ชื่อขนมที่ชอบ หรือของเล่นสุดโปรด และดูว่ามีแมวตัวไหนแสดงอาการตอบสนองหรือไม่ ทีมงานจะทำการสังเกตแมวทุกตัว โดยวัดระดับความสนใจจากปฏิกิริยาแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการหันหัว หูตั้ง ชะงัก หรือแม้แต่การเดินตรงเข้ามาหาของชิ้นนั้นๆ เมื่อได้ยินคำที่คุ้นเคย
ที่น่าสนใจคือแมวบางตัวสามารถเชื่อมโยงคำศัพท์เหล่านี้กับความคุ้นเคยของตัวเองได้รวดเร็วมาก บางตัวเพียงแค่ได้ยินชื่อขนมสุดโปรดก็ดูจะมีความตื่นเต้นเหมือนเด็กๆ ที่ได้ยินคำว่า "ขนม" หรือ "ของเล่น" เลยทีเดียว นอกจากนี้ นักวิจัยยังพบว่าแมวสามารถจดจำคำศัพท์ใหม่ๆ ได้ โดยเฉพาะเมื่อพวกมันเชื่อมโยงคำเหล่านั้นกับสิ่งที่มักทำให้พวกมันมีความสุขอีกด้วย
ผลลัพธ์นี้ทำให้เกิดความตื่นเต้นในวงการวิจัยด้านพฤติกรรมสัตว์ เพราะเดิมทีเราอาจมองว่าแมวเป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยสนใจการฝึกฝนหรือการสื่อสารจากมนุษย์ แต่จากการทดลองครั้งนี้เห็นได้ว่าแมวบางตัวมีความสามารถที่จะจดจำและแสดงความสนใจในคำที่เราพูดออกมาได้ชัดเจน โดยเฉพาะคำที่มีความหมายถึงของโปรด ซึ่งชี้ให้เห็นว่าแมวนั้นมีศักยภาพในการเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมมากกว่าที่เราคิดไม่น้อยเลยทีเดียว
นอกจากนี้นักวิจัยยังได้ลองทดสอบเพิ่มเติมโดยการสุ่มเลือกคำที่ไม่มีความหมายหรือไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของแมว ซึ่งผลปรากฏว่าแมวส่วนมากไม่แสดงความสนใจใดๆ ทำให้เชื่อว่าความสามารถในการจดจำของแมวนั้นขึ้นอยู่กับความเชื่อมโยงที่พวกมันมีต่อสิ่งนั้นจริงๆ ไม่ใช่การตอบสนองต่อเสียงแบบทั่วไป แต่เป็นการเลือกที่จะให้ความสำคัญเฉพาะกับคำที่มันเห็นว่า "สำคัญ" ต่อชีวิตประจำวันของมันเท่านั้น
ดังนั้นถ้าอยากให้แมวสนใจสิ่งที่เราพูด อย่าลืมลองใช้เทคนิคนี้กับน้องแมวที่บ้านดู ลองพูดชื่อขนม อาหาร หรือของเล่นที่น้องแมวชอบเพื่อเรียกความสนใจของน้องๆ แต่อย่าลืมให้น้องๆ ได้กินหรือเล่นจริงๆ หลังจากที่สนใจเราแล้วด้วย เพราะไม่อย่างนั้นต่อไปน้องๆ อาจจะเรียนรู้ที่จะเมินเราแทนเพราะรู้ว่าได้ยินคำนี้ไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แหม่ เรียกได้ว่ารับมือยากจริงๆ เลยแฮะ
อ้างอิงข้อมูล

https://www.nature.com/articles/s41598-024-74006-2
อ่านเรื่องอื่นๆ ได้ที่ : www.readhowl.com
ช่องทางติดตามอื่นๆ
Instagram : https://www.instagram.com/readhowl
Youtube : https://bit.ly/3EiWwRL
Blockdit : https://www.blockdit.com/readhowl
Line Today : https://today.line.me/th/v2/publisher/102783

นู่นไง ไปคาบของตรงนู้นมาให้หน่อยถ้าเจ้าของน้องหมาพูดแบบนี้คงไม่น่าแปลก แต่ถ้าเป็นเจ้าของน้องแมวอาจจะโดนน้องแมวทำสายตาเย็...
22/10/2024

นู่นไง ไปคาบของตรงนู้นมาให้หน่อย
ถ้าเจ้าของน้องหมาพูดแบบนี้คงไม่น่าแปลก แต่ถ้าเป็นเจ้าของน้องแมวอาจจะโดนน้องแมวทำสายตาเย็นชาใส่ราวกับบอกว่าพูดเรื่องบ้าอะไรน่ะ เอาได้ แต่จริงๆ แล้วการที่คิดว่าน้องแมวไม่ชอบเล่นคาบของกลับมานั้นอาจจะเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดเพราะงานวิจัยล่าสุดพบว่าน้องแมวกว่า 41% ชอบเล่นวิ่งคาบของมาคืนไม่ต่างอะไรจากสุนัขเลย
งานวิจัยนี้เริ่มจากการทดลองกับแมวจำนวนหนึ่งที่มีการเล่นเกมคาบของกับเจ้าของ ผลการทดลองพบว่าแมวบางตัวที่มีนิสัยขี้เล่นและมีความผูกพันกับเจ้าของเป็นพิเศษ สามารถวิ่งไปคาบของแล้วนำกลับมาให้ได้ โดยเฉพาะแมวที่มักจะติดเจ้าของอยู่ใกล้ ๆ แบบไม่ห่าง นี่เป็นอะไรที่ท้าทายความเชื่อเก่า ๆ ที่ว่าแมวไม่ค่อยสนใจมนุษย์และทำในสิ่งที่มันอยากทำเท่านั้น
นอกจากนี้การทดลองนี้ยังบอกให้รู้ว่าแมวบางตัวมีการตอบสนองต่อการฝึกฝน และพวกมันสามารถพัฒนาทักษะการเล่นเกมคาบของได้จริง ๆ ซึ่งแม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่นี่เป็นการเปิดมุมมองใหม่ว่าจริง ๆ แล้วแมวก็สามารถมีความสัมพันธ์เชิงสังคมกับมนุษย์ได้ดี และแสดงออกถึงความฉลาดทางสังคมที่อาจจะคล้ายคลึงกับน้องหมาในบางด้านเลยทีเดียว
ผลการทดลองนี้ทำให้นักวิจัยประหลาดใจไม่น้อย เพราะพฤติกรรมที่การเล่นที่มีความเกี่ยวพันกับมนุษย์แบบนี้มักจะพบในสุนัขมากกว่า แต่แมวที่เข้าร่วมการทดลองกลับแสดงพฤติกรรมแบบเดียวออกมากันได้ ดังนั้นจริงๆ แล้วแมวอาจจะชอบเล่นกับมนุษย์มากกว่าที่เราคิดก็ได้นะ
พอรู้แบบนี้แล้ว ถ้าบ้านไหนเลี้ยงแมวลองเล่นเกมคาบของกับมันดูสิ บางทีคุณอาจจะได้เห็นมุมที่ไม่เคยคาดคิดของน้องแมวเราก็เป็นได้
อ้างอิงข้อมูล

https://www.cbsnews.com/news/cats-fetch-research/
อ่านเรื่องอื่นๆ ได้ที่ : www.readhowl.com
ช่องทางติดตามอื่นๆ
Instagram : https://www.instagram.com/readhowl
Youtube : https://bit.ly/3EiWwRL
Blockdit : https://www.blockdit.com/readhowl
Line Today : https://today.line.me/th/v2/publisher/102783

ที่อยู่

Howl Magazine
Nonthaburi
1100

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 17:00
อังคาร 09:00 - 17:00
พุธ 09:00 - 17:00
พฤหัสบดี 09:00 - 17:00
ศุกร์ 09:00 - 17:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Howlผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Howl:

แชร์

ประเภท

What the howl ?

Howl magazine คือนิตยสารสัตว์เลี้ยงที่เกิดจากคนรุ่นใหม่รวมตัวกันด้วยความคิดที่ว่าอยาก ทำหนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวของสัตว์เลี้ยงออกมาในรูปแบบที่แปลกใหม่ สวยงาม และโดดเด่น โดย Howl magazine เป็นนิตยสารแจกฟรีทางออนไลน์ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและอ่านได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ

คำว่า Howl นั้นแปลว่าเสียงหอนของสัตว์ ซึ่งทีมงาน Howl ทุกคนหวังว่าเสียงที่พวกเรากำลังทำขึ้นนี้จะดังเข้าไปในใจของคนอ่านทุกคน

Howl are you ?

Howl magazine นั้นมี E-magazine เป็นผลงานหลักที่พวกเรารักและภูมิใจไปกับมัน แต่เพื่อปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยแห่งเทคโนโลยีในปัจจุบันเราพยายามที่จะสร้างผลงานใหม่ๆ ในรูปแบบอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น วิดีโอภาพเคลื่อนไหว งานแฮนด์คราฟต่างๆ รวมไปถึงเว็บไซต์แห่งนี้ด้วย