ชมรมฅนรักษ์(า)มุตตากีน

ชมรมฅนรักษ์(า)มุตตากีน ทำด้วยใจไม่มีอะไรยาก

"นูรุดดีน ซันกีย์" ผู้วางรากฐานสู่การปลดปล่อยอัลกุดส์ในสงครามครูเสด คนส่วนใหญ่จะรู้จักเศาะลาหุดดีน โดยเฉพาะโลกตะวันตก แต...
26/11/2023

"นูรุดดีน ซันกีย์" ผู้วางรากฐานสู่การปลดปล่อยอัลกุดส์

ในสงครามครูเสด คนส่วนใหญ่จะรู้จักเศาะลาหุดดีน โดยเฉพาะโลกตะวันตก แต่ในโลกมุสลิมในยุุคนั้น บุรุษฝ่ายมุสลิมที่คนยุคนั้นรู้จักมากที่สุดคือ นูรุดดีน อัซซันกีย์ ผู้ที่ครบครันไปด้วยคุณสมบัติของมุสลิมเยี่ยงเคาะลีฟะฮฺอุมัรฺ บิน อับดุลอะซีซ

หลังจากครูเสดยึดเยรูซาเล็มไปในปี 1099 ขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อปลดปล่อยอัลกุดส์กำเนิดขึ้น และเคลื่อนไหวคึกคักในเมืองอะเลปโป แห่งชาม จากพวกซันกียะฮฺ ที่มีอุดมการณ์อิสลามต่อต้านชีอะฮฺและครูเสด ภายใต้การนำของผู้ปกครอง "นูรุดดีน ซันกีย์" ผู้สมถะและยึดมั่นในอิสลาม

ขณะนั้นเอง (ปี 1139) มีครอบครัวชาวเคิร์ดจากเมืองตีกริตในอิรักได้เข้าร่วมการเคลื่อนไหวดังกล่าว ในครอบครัวนี้มีทารกน้อยอายุ 1 ขวบที่พ่อของเขาพาติดมาด้วย ชื่อของเขาคือ "ยูซุฟ" ต่อมาเป็นที่รู้จักในนามของ "เศาะลาฮุดดีน อัล-อัยยูบีย์"

อิบนุ อะษีรฺ (นักประวัติศาสตร์คนสำคัญ) ได้ศึกษาชีวประวัติของกษัตริย์จำนวนมากที่มาหลังจากเคาะลีฟะฮฺผู้ได้รับทางนำทั้งสี่และท่านอุมัรฺ บิน อับดุลอะซีซ แล้วเขาไม่เคยพบใครที่มีความโดดเด่นกว่าท่านนูรุดดีน อัซซันกีย์

หนึ่งในผู้ช่วยคนสำคัญของสุลฏอนนุรุดดีน อัซซันกีย์ คือเศาะลาหุดดีน อัล-อัยยูบีย์ หลังจากที่สุลฏอนนุรุดดีนเสียชีวิต เศาะลาหุดดีนก็สืบทอดอำนาจต่อ นูรุดดีนได้ปูเส้นทางไปสู่การพิชิตเยรูซาเล็มให้แก่เขา ชื่อของเศาะลาหุดดีนจึงมักมีเงาของนูรุดดีนติดอยู่เสมอ ๆ ความสำคัญของสองท่านนี้เช่นเดียวกับท่านอบูบักรฺและท่านอุมัรฺที่พิชิตเปอร์เซีย

อัลลอฮฺประสงค์ให้เศาะลาหุดดีนมีชื่อเสียงในฐานะบุคคลที่นำมัสญิดอัล-อักศอกลับคืนมา และปลดปล่อยเยรูซาเล็ม ซึ่งเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา แต่กระนั้น นูรุดดีน อัซซันกีย์ ก็มีบทบาทที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงในการพิชิตนครแห่งนี้

สิ่งที่อยู่ในร่องรอยของประวัติศาสตร์ มันเป็นความต่อเนื่องที่มิได้สูญหาย การต่อสู้บนสัจธรรมในอดีตมันยังอยู่ในความรู้สึกหรือยังตกทอดอยู่ในอารมณ์ของคนที่นั่น

Cr. อุมมะฮฺ อิสลาม

นี้คือคำตอบที่โดนใจแอด ขอบคุณที่เข้ามามีส่วนร่วมนะครับ

25/11/2023

คุตบะห์วันศุกร์ (خطبةجمعة)
ณ มัสยิดท่าอิฐ ครั้งที่ 714 เรื่องมุสลิมจะต้องรบกับยิว
วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2566 ตรงกับวันที่ 2 ยะมาดิ้ลเอาวัล ฮิจเราะห์ศักราช الهجرة1445
โดย อาจารย์ มูฮัมมัด แสงเราะหมัด (الأستاذ/ محمد سيانج رحمة) คอเต็บ มัสยิดท่าอิฐ

السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

الْحَمْدُ للهِ نَحْمَدُهُ وَنَسْتَعِينُهُ وَنَسْتَهْدِيهِ وَنَسْتَغْفِرُهُ وَنَعُوذُ بِاللهِ مِنْ شُرُورِ أَنْفُسِنَا وَمِنْ سَيِّئَاتِ
أَعْمَالِنَا، مَنْ يَهْدِهِ اللهُ فَلاَ مُضِلَّ لَهُ وَمَنْ يُضْلِلْهُ فَلاَ هَادِيَ لَهُ وَأَشْهَدُ أَنْ لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللهُ وَحْدَهُ لاَ شَرِيكَ لَهُ وَأَشْهَدُ
أَنَّ مُحَمَّدًا عَبْدُهُ وَرَسُولُهُ مَنْ بَعَثَهُ اللهُ رَحْمَةً لِلْعَالَمِينَ هَادِيًا وَمُبَشِّرًا وَنَذِيرًا بَلَّغَ الرِّسَالَةَ وَأَدَّى الأَمَانَةَ وَنَصَحَ
الأُمَّةَ فَجَزَاهُ اللهُ عَنَّا خَيْرَ مَا جَزَى نَبِيًّا مِنْ أَنْبِيَائِهِ صَلَوَاتُ اللهِ وَسَلاَمُهُ عَلَيْهِ وَعَلَى كُلِّ رَسُولٍ أَرْسَلَه أَمَّا بَعْدُ
عِبَادَ اللهِ، فَإِنِّي أُوصِيكُمْ وَنَفْسِيَ بِتَقْوَى اللهِ الْعَلِيِّ الْقَدِيرِ الْقَائِلِ فِي مُحْكَمِ كِتَابِهِ
أَعُوذُ بِاللَّهِ مِنَ الشَّيْطَانِ الرَّجِيمِ بِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيْمِ

۞ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا إِن تَنصُرُوا اللَّهَ يَنصُرْكُمْ وَيُثَبِّتْ أَقْدَامَكُمْ سورة محمد 7 :
โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย หากพวกเจ้าช่วยเหลือ (ศาสนาของ)

อัลเลาะฮฺ พระองค์จะทรงช่วยเหลือพวกเจ้า

และทรงย้ำจุดยืนของพวกเจ้าให้มั่นคง (ในแนวทางของพระองค์)

صدق الله العظيم

ท่านพี่น้องศรัทธาชนที่เคารพรักทุกท่าน ขอเราท่านทั้งหลายได้โปรดยึดมั่น
ยืนหยัดอยู่บนการ ตักวา تَقْوَىยำเกรงต่อพระองค์อัลเลาะฮ์ الله سبحانه وتعالى
อย่างแท้จริง โดยตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานแห่งความยำเกรงที่มีต่อ อัลเลาะฮ์ الله سبحانه وتعالى
อย่างจริงจัง ด้วยการที่จะน้อมนำมาปฏิบัติในทุกสิ่งที่เป็นพระบัญชาใช้ของพระองค์
และในทางตรงกันข้าม เราพยายามอย่างสุดชีวิต ที่จะออกห่าง
หลีกหนีจากสิ่งที่เป็นพระบัญชาห้ามของพระองค์
พี่น้องที่เคารพทุกท่าน วันนี้เราอยู่ในช่วงเวลาแห่งความขมขื่น แห่งความปวดร้าว
ในช่วงเวลาที่พวกเรานั้นได้รับข่าวสารจากพี่น้องร่วมศาสนา
พี่น้องร่วมอุดมการณ์ของเราที่อยู่ในอีกซีกหนึ่งของโลก
พวกเขาถูกกระทำการอย่างไร้ซึ่งมนุษยธรรม กระทำการอย่างป่าเถื่อน โหดร้ายทารุณ

2
ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของมนุษย์โลก
พี่น้องมุสลิมของเราที่อยู่ในปาเลสไตน์ เขตเมือง غزة ฆัซซะห์ ฉนวนกาซา
กำลังได้รับความอธรรมอย่างรุนแรงจากผู้อธรรม ผู้ที่เป็นศัตรูของالله سبحانه وتعالى
และเป็นศัตรูของพวกเราที่เป็นชาวมุสลิมทุกคน เราได้รับข่าวสารด้วยความเจ็บปวด
พวกเราเสมือนเรือนร่างเดียวกัน เมื่อมีพี่น้องมุสลิมเราที่ใดได้รับความเดือดร้อนเจ็บปวด
ถูกรังแก เราก็พลอยเดือดร้อนเจ็บปวดไปด้วย ท่านนบีسيدنا محمد ﷺ
ได้เปรียบเปรยเอาไว้
مثل المؤمنين في توادهم وتراحمهم وتعاطفهم مثل الجسد إذا اشتكى منه عضو تداعى له سائر الجسد

بالسهر والحمى

อุปมาบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายในเรื่องของความรักใคร่ใยดีที่มีต่อกัน
ความเวทนาสงสารที่มีต่อกัน พวกเขาเปรียบประดุจร่างกายเรือนร่างเดียวกัน

เมื่ออวัยวะหนึ่งอวัยวะใดได้รับความเจ็บปวด
แน่นอนเหลือเกินร่างกายทั้งหมดทุกอวัยวะที่ไม่ได้เจ็บปวด
ก็พลอยได้รับความเดือดร้อนไม่ได้หลับนอนและเจ็บปวดไปด้วย

นี่คือสภาพของผู้ศรัทธาที่เป็นผู้ศรัทธาในอุดมคติของพระผู้เป็นเจ้า เป็นผู้ศรัทธาที่
ท่านนบีسيدنا محمد ﷺ พยายามที่จะสร้างอุมมะห์ ของท่านขึ้นมา
ให้มีความรู้สึกร่วมกันอย่างนี้ เราในฐานะผู้ศรัทธาเป็นพื้นฐาน เมื่อได้รับข่าวสารนี้
ก็ย่อมเจ็บปวดไปด้วย เราปวดร้าว เรามีอารมณ์ร่วมกับเขาเหล่านั้น
พวกเราถูกกระทำเหมือนพวกเราไม่ใช่มนุษย์ เป็นการทำลายฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
เราอยู่ไกลโพ้น รับทราบความเจ็บปวด
เราสามารถที่จะช่วยเหลือพี่น้องของเราได้ตามความเหมาะสมที่เป็นอยู่ในเวลานี้ นั่นคือ
สามารถที่จะขอดุอาอฺ และส่งปัจจัยไปช่วยเหลือได้ในระดับหนึ่ง
เจ็ดสิบกว่าปีมาแล้วที่พี่น้องของเราถูกรังแก
ยังไม่มีวี่แววว่าพี่น้องเหล่านั้นจะสามารถปลดแอกดินแดนของเขา
ไม่มีสัญญาณใดๆว่าพวกเขาจะสามารถกอบกู้เอกราชของแผ่นดินเกิด
แผ่นดินปาเลสไตน์ แผ่นดินที่الله سبحانه وتعالى ได้กล่าวในอัลกุรอาน หลายโองการว่า
เป็นแผ่นดิน บารอกัต มีสิริมงคล ที่พระองค์โปรยปราย
โดยเฉพาะแผ่นดินที่เป็นที่ตั้งของ อัลมัสยิดิลอักซอالمسجد الاقصى
สัญญาณแห่งชัยชนะริบหรี่เหลือเกินในยุคของเราตอนนี้ มันเป็นเพราะอะไร
ที่เราต้องร่วมทุกข์กับพี่น้องเหล่านั้น ซึ่งพวกเขาทุกข์ยิ่งกว่าเรา
ความทุกข์ของพวกเขาالله سبحانه وتعالى จะตอบแทนรางวัลที่ยิ่งใหญ่ให้แก่พวกเขา
ที่พวกเขายืนหยัดต่อสู้ไม่ทิ้งบ้านเมืองถิ่นเกิด พยายามต่อสู้ปกป้องแผ่นดินของเขา
เขาได้รับชาฮีด เขาได้รับชะฮาดะห์ ได้รับใบการันตีจากالله سبحانه وتعالى
ถือว่าพวกเขาได้สละชีพ สละทรัพย์สิน สละทุกสิ่งทุกอย่างที่الله سبحانه وتعالى

3

ประทานให้แก่เขา เพื่อรักษามาตุภูมิ และรักษาศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมุสลิมของพวกเขา
ถึงเวลาแล้วที่เรานั้นจะต้องตื่นตัวและปลุกบรรดาผู้ที่ยังคงหลับใหลให้ตื่นขึ้นมา
เพราะเวลานี้ศัตรูของอิสลามเขาไม่ได้หยุดนิ่ง ถ้าเราหยุดนิ่งเราไม่ตื่นตัว
แน่นอนโอกาสแห่งชัยชนะนั้นจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ความช่วยเหลือของالله سبحانه
وتعالى ที่จะช่วยเหลือบรรดาพี่น้องมุสลิมผู้ศรัทธา จะยังไม่มา ทำไม เหตุผลเพราะว่า
พวกเราที่เป็นมุสลิมผู้ศรัทธาในขณะนี้
ยังไม่มีคุณสมบัติครบถ้วนที่คู่ควรที่จะได้รับการช่วยเหลือจากالله سبحانه وتعالى นั่นเอง
แผ่นดินปาเลสไตน์ แผ่นดินชาม แผ่นดินมัสยิดอักซอ
เป็นแผ่นดินที่มีการแย่งชิงกันมาก่อนตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานที่ผ่านมา
ผลัดกันครอบครองไล่ล่ากันมาหลายพันปี ยุคอาณาจักรโรมันเรืองอำนาจ ในสมัยของ
ท่านนบีسيدنا محمد ﷺ ได้รับการแต่งตั้งเป็น ศาสนทูตประกาศศาสนา
ตอนนั้นโรมันเรืองอำนาจยึดแผ่นดินปาเลสไตน์ มัสยิดอักซอ ยุคอาณาจักร بيزنطين
โรมันไบเซนไทน์ เป็นมหาอำนาจของโลก เป็นผู้ครอบครองมัสยิดอักซอ
จนถึงยุคของท่านอุมัร อิบนิค็อตต็อบ รอดิยัลลอฮุอันฮฺ เป็นคอลีฟะห์ ท่านอุมัรฯ
ส่งทหารผู้เปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์ของอิสลาม ทำการยึดคืนมัสยิดอักซอได้สำเร็จ
จากนั้นก็ถูกอาณาจักรโรมันยึดกลับคืน เกิดสงครามครูเสด เป็นการสู้รบกัน
ระหว่างมุสลิมกับ คริสต์เตียนยุโรป ต่อสู้กันยาวนาน ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ
ในที่สุดเป็นชัยชนะของมุสลิมโดยกองกำลังทหารของแม่ทัพซอลาฮุดดีน อัลอัยยูบี้
صلاح الدين الايوبي
ฝ่ายโรมันโดยจอมจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่มีความพร้อมในทุกด้านที่เหนือกว่ามุสลิมมีความ
สงสัยในการพ่ายแพ้จึงเรียกประชุมบรรดาขุนนางแม่ทัพ
จึงได้พบสาเหตุของการพ่ายแพ้ มีรายงานของผู้นำทหารคนหนึ่งสรุปได้ว่า
“พวกเราออกไปรบกับกลุ่มมนุษย์ แต่ดูเหมือนพวกเขาไม่ใช่มนุษย์
พวกเขาละหมาดกันด้วย ถือศีลอดกันด้วย ในยามที่ออกรบ
พวกเขาในยามค่ำคืนเขาเป็นนักพรตนักบวช ตอนกลางวันเขาเป็นอัศวินผู้พิชิต
พวกเขาไม่ดื่มสุรา พวกเขาไม่ทำผิดกาม
พวกเขาเมื่อเขาได้เปรียบพวกเราพวกเขาเป็นคนสัจจริงตามบทบัญญัติได้บอกไว้ในเรื่อ
งมารยาทในการต่อสู้ไม่มีการฆ่าเด็กไม่มีการทำร้ายสตรี หรือคนชรา
พวกเขาได้เปรียบเราเขาจะแสดงความสัจจริงออกมา
และคราวใดที่พวกเราได้เปรียบพวกเขา เขาจะอดทน
ไม่มีคนใดคนหนึ่งจากพวกเขาเว้นแต่เขาจะฝันเฟื่องอยากจะตายก่อนการตายของพี่น้
องของเขานี่คือสภาพของทหารมุสลิมในกองทัพของแม่ทัพซอลาฮุดดีนอัลอัยยูบี้”
นี่คือคำกล่าวของแม่ทัพโรมัน ที่ทูลต่อจักรพรรดิโรมัน สำหรับทหารของโรมันที่ต่อสู้
รบไป กินเหล้าไป รบไปทำผิดกามไป เมื่อได้เปรียบเราก็ไม่สัตย์ซื่อ
เมื่อเสียเปรียบเราก็ไม่อดทน พวกเรารักตัวกลัวตาย
เมื่อจักรพรรดิโรมันได้ฟังเรื่องนี้จึงกล่าวว่า “ถ้าหากพวกเขาเป็นจริงตามนี้

4

แน่นอนพวกเขานั้นจะต้องปกครองสถานที่สองเท้าของข้าที่เหยียบอยู่ตรงนี้
ยืนอยู่ตรงนี้อย่างแน่นอน ผู้ที่มีความสัจจริงต่อพระเจ้าของเขา ข้าขอลาก่อน โอ้
แผ่นดินซีเรีย แผ่นดินชาม เป็นการลาชนิดที่จะไม่อาจหวนกลับมาที่นี่ได้อีกเลย
ถ้าหากกองทัพของมุสลิมมีลักษณะดังเช่นที่กล่าวมา”
ท่านพี่น้องที่เคารพ นี่คือสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในหน้าประวัติศาสตร์ที่น่าภูมิใจ
ภาคภูมิใจกับบรรพบุรุษที่เป็นทหารหาญ ต่อสู้ด้วยกับอุดมการณ์อิสลาม
แม่ทัพซอลาฮุดดีน อัลอัยยูบี้
ท่านใช้เวลาถึงสิบสามปีในการเดินสายอบรมสั่งสอนบ่มเพาะศรัทธาให้เกิดขึ้นในหัวใจ
ของมุสลิม ความช่วยเหลือจากالله سبحانه وتعالى
จะยังไม่มาจนกว่าคนหนุ่มรุ่นใหม่จะเกิดขึ้น ที่เรียกว่า ยีลุ้ลนัฟ (جيل النصر)
เป็นเจเนอเรชั่น generation คนรุ่นใหม่ที่จะเกิดขึ้นได้รับการช่วยเหลือ ได้รับชัยชนะ
จะต้องประกอบด้วยคุณลักษณะอย่างน้อย สามประการ เหมือนกับแม่ทัพซอลาฮุดดีน
อัลอัยยูบี้ ที่มีอยู่
ประการที่หนึ่ง เราจะต้องสร้างอนุชนคนรุ่นหลังที่จะมารับอมานะห์
เพื่อกอบกู้เอกราชของอักซอนี้ให้กลับคืนมานั้น
ต้องสร้างความรู้สึกในหัวใจของเขาให้รู้จักความสำคัญสูงสุดของการปฏิบัติตามคำสั่งใ
ช้คำสั่งห้ามของالله سبحانه وتعالى เช่นเดียวกับบรรพชนในยุคก่อน ซอฮาบะห์ท่านอุมัร
ท่านอุศมาน ตลอดจนยุคหลังๆ ยุคอามาวียะห์ ที่ได้พิชิตดินแดนต่างๆค่อนครึ่งโลก
สามารถเอาชนะผู้ปฏิเสธ
หวังอย่างยิ่งให้คนรุ่นหลังให้มีความรู้สึกตระหนักในคำสั่งของالله سبحانه وتعالى
เหมือนกับเหล่าซอฮาบะห์ ได้รับการปลูกฝังจาก ท่านนบีسيدنا محمد ﷺ
ท่านอบูตอลฮะห์ อันซอรี่ รอฏิยัลลออันฮฺابوطلحة الانصاري رضي الله عنه ได้รับอิสลาม
ท่านเป็นชาวอันซ้อด ช่วยเหลือ ท่านนบีسيدنا محمد ﷺ
ในการต่อสู้ทุกครั้งในสงครามศาสนา ตลอดจนช่วยเหลือถึงสามคอลีฟะห์
ในการทำสงครามศาสนา คอลีฟะห์อุศมานได้สร้างเรือขึ้นมา
สร้างกองทัพเรือให้กับอิสลามเป็นครั้งแรก แล่นเรือในทะเลแดง
กองทัพเรือได้เคลื่อนพลออกสู่ทะเลเมดิเตอเรเนียน เพื่อเผยแผ่อิสลาม ถึงยุโรป
ท่านอบูตอลฮะห์ สมัครเป็นทหารประจำเรือ ท่านมีอายุถึงเจ็ดสิบปี
ด้วยหัวใจที่สร้างมาจากความเสียสละเพื่องานศาสนาอย่างแท้จริง
ท่านประจำการในเรือโดยไม่ฟังเสียงการคัดค้านจากบรรดาลูกๆ
โดยอ้างว่านี่เป็นคำสั่งของالله سبحانه وتعالى ที่ว่า
انْفِرُوا خِفَافًا وَثِقَالًا

5

เมื่อเกิดสงครามขึ้น พวกท่านทั้งหลายจะต้องออกรบในสงครามนั้น

ทั้งคนที่อยู่ในสภาพที่เป็นคนหนุ่มที่คล่องตัว
และคนที่เป็นคนชราที่การเคลื่อนตัวเป็นไปอย่างเชื่องช้า

อัลลอฮ์อุอักบัร
นี่คือหัวใจของมุมินที่ได้รับการปลูกฝังสร้างขึ้นมาด้วยอุดมการณ์อย่างสูงส่งจาก
ท่านนบีسيدنا محمد ﷺ เป็นคำสั่งของالله سبحانه وتعالى ที่จะเพิกเฉยไม่ได้
ท่านอบูตอลฮะห์ ประจำการในเรือ และได้เสียชีวิตในเรือ ร่างของท่านอยู่ในเรือถึง เจ็ด
วันจึงพบเกาะเล็กๆในทะเล มัยยิตนี้จึงนำขึ้นฝั่งเพื่อทำการฝัง
เหตุการณ์ในเรือมีผู้เล่าว่า มัยยิดนี้ไม่มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ใดๆแม้จะอยู่ในเรือถึง เจ็ด
วัน ตรงกันข้ามร่างของท่านกลับมีกลิ่นหอมโชยออกมา เพราะท่านเป็น มุญาฮิด
مجاهدเป็นนักรบศาสนาที่เสียชีวิตแบบชาฮีด
ทำอย่างไรที่จะสร้างหัวใจแบบท่านอบูตอลฮะห์ ให้เกิดขึ้นในกลุ่มคนหนุ่มสาวของเรา
ในการสร้างความยิ่งใหญ่ในคำสั่งของالله سبحانه وتعالى ทั้งคำสั่งใช้และคำสั่งห้าม
ประการที่สอง ต้องมีความสัจจริงต่อ الله سبحانه وتعالى และ ท่านนบีسيدنا محمد ﷺ
และต่อคนทั่วๆไป เป็นคุณสมบัติของมุมินที่สำคัญ คนที่ปฏิบัติข้อนี้الله سبحانه وتعالى
จะตอบแทนผลบุญอันยิ่งใหญ่แก่เขา แม้เขาจะต้องตายบนฟูกก็ตาม
มีเรื่องเล่าในสงครามค็อยบัดร์ خيبر เป็นสงครามระหว่างมุสลิมกับยิว ชื่อค็อยบัดร์
เป็นป้อมปราการสำคัญของยิว ในสมัยของ ท่านนบีسيدنا محمد ﷺ
ท่านยกทัพไปซึ่งมีกำลังพลที่น้อยกว่า ด้วยอุดมการณ์ฝ่ายมุสลิมได้เปรียบ
มีมุชริกคนหนึ่งมารับอิสลาม กล่าวชาฮาดะห์ต่อหน้า ท่านนบีسيدنا محمد ﷺ
ขณะนั้นฝ่ายมุสลิมได้ยึดทรัพย์สงครามจำนวนหนึ่ง ท่านนบีسيدنا محمد ﷺ
มีบัญชาให้เจ้าหน้าที่แบ่งทรัพย์นี้ให้กับมุชริกที่มารับอิสลามใหม่นี้ด้วย
ให้เขาได้มีส่วนรับทรัพย์นี้ทั้งๆที่ชายผู้นี้ยังมิได้ออกสงครามเลย ชายผู้นี้กล่าวกับ
ท่านนบีسيدنا محمد ﷺ
ว่าเหตุที่ตัวเขามารับอิสลามนี้มิได้จะมาเพื่อขอรับทรัพย์สินนี้แต่อย่างไร
แต่เข้ามาเพื่อขอรับลูกดอกลูกเดียว ลูกธนูลูกเดียว
ที่เข้าทางนี้ของฉันแล้วทะลุออกทางนี้ของฉัน ฉันต้องการแค่นั้น อัลลอฮฺอักบัร
เขาต้องการจะตายชาฮีด หลังจากนั้นกองทัพมุสลิมได้รบพุ่งกัน
รบจนสามารถได้รับชัยชนะ ยิว
เมื่อสงครามสิ้นสุดจึงรวบรวมทหารมุสลิมที่เสียชีวิตเพื่อจัดการฝัง
ในจำนวนผู้เสียชีวิตในครั้งนี้มีร่างของชายมุชริกที่เพิ่งจะรับอิสลามด้วย สภาพมัยยิด
ปรากฏว่ามีลูกธนูเสียบแทงที่คอของเขาด้านหนึ่งแล้วทะลุออกมาอีกด้านหนึ่ง
ตามสิ่งที่เขาใฝ่ฝันอยากจะได้ ท่านนบีسيدنا محمد ﷺ กล่าวว่า

إِنْ تَصْدُقِ اللهَ يصدُقْكَ

6

ถ้าหากเจ้าจริงใจ มีสัจจะ แน่วแน่ต่อ الله سبحانه وتعالى แล้ว الله سبحانه وتعالى
ก็จะแสดงความสัจจริงต่อท่านเหมือนกัน อัลลอฮฺอักบัร
นี่คือสิ่งที่บรรพชนของเราในอดีตที่เขาแสดงออกมาถึงความศรัทธา
ฉะนั้นประการแรกต้องสร้างความสำคัญให้เกิดขึ้นในหัวใจ
ประการที่สองต้องสร้างความสัจจริง ทุกคนสามารถทำได้ไม่ว่าเขาจะอยู่ในอาชีพใด
เราต้องสัจจริงในอาชีพที่เราทำ เป็นนักเรียนก็ต้องปาวารนาตัวสัจจริงต่อวิชาความรู้
ต้องนำวิชาความรู้ไปสอนไปเผยแพร่ต่อ ไม่ได้หวังลาภยศตำแหน่งในดุนยา
คนที่เป็นพ่อค้าก็ต้องมีความสัจจริงในอาชีพของเขา ทำด้วยความซื่อสัตย์
ให้ตั้งใจว่าในส่วนกำไรที่ได้รับจากการค้านี้จะนำไปช่วยเหลือคนยากคนจน
มาช่วยงานของศาสนา นี่คือความสัจจริงให้มีทุกอาชีพ แม้เป็นคนขับมอเตอร์ไซรับจ้าง
ก็ต้องมีความสัจจริง
ประการสุดท้าย ประการที่สาม ต้องสร้างความรู้สึก
ทำอย่างไรที่จะทำให้พวกเรารังเกียจในเรื่องของดุนยา
มองภาพของดุนยาให้เป็นดุนยา จะพบว่าเรามองดุนยาเป็นมายาคติ มันสวยหรูไปหมด
ทรัพย์สินเงินทองถูกหล่อถูกหลอมว่า หากมีเงินเยอะ มันน่าจะดี จึงทุ่มสุดตัว
จนทำให้ภารกิจเรื่องศาสนาบกพร่อง หลงดุนยาเมื่อใด ความวิบัติมาเยือนเมื่อนั้น
และถ้ากลัวตายเมื่อไหร่ ความตกต่ำความพ่ายแพ้ ก็จะเกิดขึ้น ยุคของซอ ฮาบะห์
บรรดา ตาบีอีน ซาลัฟ ซอและฮฺ เขา ฮุบบุ้ล อาคีเราะห์ ( حبّ الاخرة ) เขามีความชอบ
เขามีความรักในเรื่องอาคีเราะห์ ขณะเดียวกันเขาไม่กลัวตาย รัก และอยากที่จะตาย
เพราะการตายเป็นการไปพบกับสุดที่รักของเขา สุดที่รักคือใคร คือ الله سبحانه وتعالى
ญาติพี่น้องเราหลายคนเสียชีวิต วันนี้ก็มีญะนาซะห์ด้วย เห็นภาพหรือยัง
ภาพที่แท้จริงของมนุษย์เรา ในท้ายสุดชองชีวิตไม่มีอะไรนำติดตัวไปเลย ไม่มีมายัตميت
ใดซุกซ่อนเงินในผ้ากาฝั่นكفن ไปแต่ตัวเปล่า นี่คือภาพจริงของดุนยา ให้รังเกียจดุนยา
และให้รักความตาย หากมีลักษณะนี้เมื่อใด อินชา อัลลอฮฺ ความช่วยเหลือของ الله
سبحانه وتعالى ก็จะมีมา เมื่อนั้น الله سبحانه وتعالى บอกว่า
۞ يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا إِن تَنصُرُوا اللَّهَ يَنصُرْكُمْ وَيُثَبِّتْ أَقْدَامَكُمْ سورة محمد 7 :

โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาแล้วทั้งหลาย

หากพวกท่านทั้งหลายให้ความช่วยเหลือต่ออัลลอฮฺ หมายถึงปฏิบัติตามใช้ตามห้าม
และช่วยดูแล ปกป้องศาสนาของอัลลอฮฺ แล้วอัลลอฮฺจะช่วยพวกเจ้า
และจะทำให้เท้าของพวกเจ้านั้นมีความมั่นคง ไม่หวั่นไหว
นี่คือสิ่งที่ الله سبحانه وتعالى สัญญากับพวกเรา บัดนี้ถึงเวลาแล้ว
มหาสงครามโลกจะต้องเกิดขึ้น ซึ่งเป็นสงครามที่ทำนายได้เลยว่า ใครจะรบกับใคร
หนีไม่พ้นว่า เราผู้ที่เป็นมุสลิมจะต้องรบกับยิว ประเด็นเราพร้อมที่จะรบแค่ไหน

7

ต้องสร้างสิ่งสามอย่างนี้ให้เกิดขึ้นในเจเนอรัลใหม่ของเรา แน่นอนเหลือเกิน
โอกาสที่เราจะได้รับการทดสอบจาก الله سبحانه وتعالى
ให้เป็นฝ่ายที่ถูกกระทำเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้
มันก็จะอยู่ติดในประวัติของพวกเราไปตลอดกาล
ตราบใดที่เรายังไม่หวนกลับไปสู่หลักการของศาสนาอย่างชัดเจน ความช่วยเหลือจาก
الله سبحانه وتعالى จะยังไม่มา
เพราะเรายังไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะได้รับการช่วยเหลือ
เพราะเรายังไม่ได้ช่วยเหลือ الله سبحانه وتعالى เลย
พระองค์ก็จะไม่ช่วยเหลือตามนัยยะโองการข้างต้น ฉะนั้นจึงขอฝากกับทุกคนว่า
วันนี้เรามีบทเรียนที่ได้รับฟังแล้ว ดังนั้นจงอย่าเมินเฉย อย่าทำเป็นทองไม่รู้ร้อน
ไม่รู้สึกรู้สา
ให้เรามีความรู้สึกร่วมกับพี่น้องเหล่านั้นที่ถูกกระทำย่ำยีอย่างไร้ซึ่งมนุษยธรรม
พวกเขามองพวกเราเหมือนไม่ใช่มนุษย์
เหมือนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอิสราเอล คนล่าสุด บอกว่า
ที่เขาต้องกระทำอย่างนี้เพราะว่าเขาไม่ได้ฆ่ามนุษย์ แต่ฆ่าสัตว์ในร่างของมนุษย์
เขามองพวกเราเป็นสัตว์เดรัจฉานตามคัมภีร์ของเขา คือคัมภีร์ ตัลมูด* ( Talmud تلمود)
คัมภีร์ปีศาจ ที่ได้ระบุไว้อย่างนั้น บางคนสนุกสนานกับการไปเขียนที่หัวระเบิดขีปนาวุธ
ขอให้ลงหัวเด็ก ขอให้เจาะหัวเด็ก เขาไม่มีความสงสารใดๆ ทำกับคนบริสุทธิ์
เด็กที่ไร้เดียงสา เขาต้องการฆ่าแบบล้างเผ่าพันธุ์ การฆ่าเด็กเป็นการฆ่าตัดตอน
จะได้ไม่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันต่อไป ท่านพี่น้องที่เคารพ
คุตบะห์ในวันนี้ขอปลุกเร้าพวกเราทุกคนให้สำรวจตัวของเราไห้เดินตามหลักการของศ
าสนา เคร่งครัดมากน้อยเพียงใด ถ้ายังพบความหย่อนยาน บกพร่อง
ขอเราได้เติมให้มันเต็มให้สมบูรณ์ หากดีอยู่แล้ว
ก็ขอให้พยายามให้เกิดความเข้มข้นขึ้นไปอีก ให้มากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อถึงวันนั้นเราจะได้รับความช่วยเหลือจากالله سبحانه وتعالى ทั้ง ดุนยา และ
อาคีเราะห์
أقول قولي هذا وأستغفر الله العظيم لي ولكم ولسائر المسلمين و المسلمات فاستغفروه إنه هو الغفور الرحيم

‎جمعة مبارك‎اَللَّهُمَّ صَلِّ عَلىَ مُحَمَّدٍ وَعَلىَ آلِ مُحَمَّدٍ كَمَا صَلَّيْتَ عَلىَ  رِكْ عَلىَ مُحَمَّدٍ وَعَلىَ ...
24/11/2023

‎جمعة مبارك

‎اَللَّهُمَّ صَلِّ عَلىَ مُحَمَّدٍ وَعَلىَ آلِ مُحَمَّدٍ كَمَا صَلَّيْتَ عَلىَ رِكْ عَلىَ مُحَمَّدٍ وَعَلىَ آلِ مُحَمَّدٍ كَمَا بَارَكْتَ عَلىَ إِبْرَاهِيْمَ وَعَلىَ آلِ إِبْرَاهِيْمَ فِيْ الْعَالَمِيْنَ إِنَّكَ حَمِيْدٌ مَجِيْدٌ

 #ร่วมบริจาค_ซะกาต ช่วยฉุกเฉิน ด้านมนุษยธรรม วิกฤตปาเลสไตน์ ที่ Gaza และ West Bankได้ที่ ธ.อิสลามฯ(ibank) บัญชี มูลนิธิอ...
23/11/2023

#ร่วมบริจาค_ซะกาต ช่วยฉุกเฉิน ด้านมนุษยธรรม วิกฤตปาเลสไตน์ ที่ Gaza และ West Bank
ได้ที่ ธ.อิสลามฯ(ibank) บัญชี มูลนิธิอุมมะตี(Ummatee)
ช่วยปาเลสไตน์ 0011 1863 48
#มอบเต็ม100% ไม่หักค่าดำเนินการ
"เปิดรับต่อเนื่อง ช่วยเร่งด่วนทันที"
Cr : Thailand

สำนักจุฬาราชมนตรีขอแสดงความยินดีในโอกาสที่ นายอรุณ บุญชม ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรี คนที่ 19 แห่งราชอาณ...
22/11/2023

สำนักจุฬาราชมนตรี
ขอแสดงความยินดีในโอกาสที่ นายอรุณ บุญชม ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรี คนที่ 19 แห่งราชอาณาจักรไทย

12/11/2023

วิเคราะห์สถานการณ์ในฟิลัสฏีน
โดย อ.บรรจง บินกาซัน ดร.ศราวุฒิ อารีย์ ดร.ฮารูณ หะยีหมะ
ณ มัสยิดดารอสอาดะฮ์ ปากลัด

:: อบูอุบัยดะฮฺ : ผู้ได้รับความไว้วางใจของอุมมะฮฺ ::"อบูอุบัยดะฮฺ" บุรุษลึกลับภายใต้ผ้าปิดหน้า โฆษกแห่งกองกำลังอัลก็อซซา...
12/11/2023

:: อบูอุบัยดะฮฺ : ผู้ได้รับความไว้วางใจของอุมมะฮฺ ::

"อบูอุบัยดะฮฺ" บุรุษลึกลับภายใต้ผ้าปิดหน้า โฆษกแห่งกองกำลังอัลก็อซซาม ที่หลายล้านชีวิตต่างจับจ้องและรอฟังคำแถลงการณ์ของเขาในขณะนี้ ชายที่ดูเงียบสงบ แต่แฝงเร้นด้วยพลังและความน่าเกรงขาม เขาทำให้เราหวนนึกถึงเศาะหาบะฮฺที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของท่านนบีมุฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม นั่นก็คือ "ท่านอบูอุบัยดะฮฺ บินอัลญัรรอหฺ" เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม เคยกล่าวไว้ว่า

لِكُلِّ أُمَّةٍ أَمِينٌ وَأَمِينُ هَذِهِ الأُمَّةِ أَبُو عُبَيْدَةَ بْنُ الْجَرَّاحِ
“ทุกประชาชาติมีผู้ที่ได้รับความไว้วางใจ และผู้ที่ได้รับความไว้วางใจของประชาชาตินี้ก็คือ อบูอุบัยดะฮฺ บินอัลญัรรอหฺ” (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 4382)

ท่านอบูอุบัยดะฮฺ บินอัลญัรรอหฺ คือ 1 ในเศาะหาบะฮฺคนแรก ๆ ที่เข้ารับอิสลาม และเป็น 1 ในเศาะหาบะฮฺ 10 ท่านที่ท่านเราะสูลุลลอฮฺรับรองว่าจะได้เข้าสวรรค์อย่างแน่นอน

ท่านอบูอุบัยดะฮฺนั้นยืนหยัดเคียงข้างท่านนบีตลอดช่วงเวลาแห่งความยากลำบากที่เมืองมักกะฮฺ ก่อนจะอพยพไปยังมะดีนะฮฺ และร่วมต่อสู้กับท่านนบีมุฮัมหมัดในทุกสมภูมิ ทั้งในสงครามบัดรฺ อุหุด อะหฺซาบ และอื่น ๆ

ใน “เศาะฮีหฺ อัลบุคอรีย์” หะดีษเลขที่ 4380 ระบุว่า เมื่อคณะแทนจากนัจรอนได้เดินทางมาหาท่านนบีเพื่อเข้ารับอิสลาม และขอให้ท่านช่วยส่งคน ๆ หนึ่งไปสอนอิสลามให้กับพวกเขา ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ก็ได้กล่าวว่า

لَأَبْعَثَنَّ مَعَكُمْ رَجُلًا أَمِيْنًا حَقَّ أَمِيْنٍ
“แน่นอนฉันจะส่งไปพร้อมกับพวกท่านซึ่งชายคนหนึ่งที่ได้รับความไว้วางใจอย่างแท้จริง”

ในหนังสือ “เฏาะบะกอต” ของอิบนุสะอดฺ เล่มที่ 3 หน้าที่ 314 ระบุว่า ท่านนบีได้กล่าวย้ำ 3 ครั้งว่า “ชายที่ได้รับความไว้วางใจอย่างแท้จริง ชายที่ได้รับความไว้วางใจอย่างแท้จริง ชายที่ได้รับความไว้วางใจอย่างแท้จริง”

บรรดาเศาะหาบะฮฺที่ได้ยินคำพูดดังกล่าวต่างก็คาดหวังว่าตนจะได้รับเลือกจากท่านนบี ปรากฏว่า “ชายที่ได้รับความไว้วางใจอย่างแท้จริง” ที่ท่านนบีได้กล่าวถึงนั้นก็คือ “ท่านอบูอุบัยดะฮฺ บินอัลญัรรอหฺ” เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวกับท่านอบูอุบัยดะฮฺว่า “ลุกขึ้นเถิด โอ้อบูอุบัยดะฮฺ” เมื่อท่านอบูอุบัยดะฮฺลึกขึ้นยืน ท่านนบีก็ได้กล่าวว่า

هَذَا أَمِيْنُ هَذِهِ الأُمَّةِ
“นี่คือผู้ที่ได้รับความไว้วางใจของประชาชาตินี้”

ท่านอบูอุบัยดะฮฺนั้นเป็นคนที่มีอุปนิสัยที่ดีงาม รักสงบ มีความสมถะ และถ่อมตนมาก ท่านคือ 1 ในแม่ทัพใหญ่ที่เคาะลีฟะฮฺอบูบักรฺ อัศศิดดี้ก ได้ส่งไปพิชิตเมืองต่าง ๆ ในแผ่นดินชาม ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองและผู้บัญชาการสูงสุดเหนือแผ่นดินชามในยุคของเคาะลีฟะฮฺอุมัร บินอัลค็อฏฏ็อบ จนสามารถนำพาชัยชนะที่ยิ่งใหญ่มาสู่อิสลามและชาวมุสลิม ทั้งสงครามยัรมูก, การพิชิตดะมัสกัสและฮอมส์, สงครามฟิหลฺ, การพิชิตบัยสานและเฏาะบะริยยะฮฺ และอื่น ๆ การพิชิตอัลอักศอก็เกิดขึ้นในช่วงที่ท่านอบูอุบัยดะฮฺเป็นผู้ปกครองเหนือแผ่นดินชามเช่นกัน

ในปี ฮ.ศ.18 เกิดเหตุการณ์ “ฏออูน อัมวาส” คือ การแพร่ระบาดของกาฬโรคทั่วแผ่นดินชาม เคาะลีฟะฮฺอุมัรได้เขียนจดหมายโน้มน้าวให้ท่านอบูอุบัยดะฮฺเดินทางกลับมาที่เมืองมะดีนะฮฺ แต่ท่านอบูอุบัยดะฮฺกลับปฏิเสธ และได้เขียนจดหมายตอบกลับไปหาเคาะลีฟะฮฺอุมัร ว่า

“โอ้อะมีรุลมุอ์มินีน ฉันรับทราบความต้องการของท่านแล้ว แต่ฉันนั้นคือส่วนหนึ่งของทหารมุสลิม และฉันไม่ต้องการจากพวกเขาไป จนกว่าอัลลอฮฺจะทรงเสร็จสิ้นคำบัญชาและลิขิตของพระองค์ต่อตัวฉันและพวกเขา ปล่อยฉันเถอะ โอ้ท่านอะมีรุลมุอ์มินีน ปล่อยให้ฉันได้อยู่กับทหารของฉัน”

เมื่อเคาะลีฟะฮฺอุมัรได้อ่านจดหมายดังกล่าว ท่านก็ร้องไห้ออกมา ผู้คนรอบข้างจึงถามท่านว่า “โอ้อะมีรุลมุอ์มินีน ท่านอบูอุบัยดะฮฺเสียชีวิตแล้วหรือครับ?” เคาะลีฟะฮฺอุมัรตอบว่า “ยังหรอก แต่ก็เหมือนจากไปแล้ว”

ถึงอย่างนั้น เคาะลีฟะฮฺก็ยังเขียนจดหมายแนะนำให้ท่านอบูอุบัยดะฮฺและผู้คนของท่านย้ายไปอยู่ที่สูง หวังว่าจะช่วยให้รอดพ้นจากโรคระบาดนี้ไปได้ แต่อะญั้ลที่อัลลอฮฺทรงกำหนดได้มาถึงแล้ว ท่านอบูอุบัยดะฮฺ บินอัลญัรรอหฺ ในวัย 58 ปี จึงเสียชีวิตลงเพราะโรคระบาดในครั้งนี้พร้อมกับผู้คนอีกราว 25,000-30,000 คน ขออัลลอฮฺพอพระทัยท่านและบรรดาเศาะหาบะฮฺทุกคน

ขออัลลอฮฺทรงให้ประชาชาติอิสลามยังคงมี "อบูอุบัยดะฮฺ" เป็นอบูอุบัยดะฮฺคนใหม่และผู้สานต่อภารกิจการพิชิตอัลอักศอต่อไป

------------
อ้างอิง :
1- เศาะฮีหฺ อัลบุคอรีย์
2- เฏาะบะกอต โดย อิบนุสะอดฺ
3- อัลบิดายะฮฺ วันนิฮายะฮฺ โดย อิบนุกะษีร
4- อัลกามิล ฟิตตารีค โดย อิบนุลอะษีร

:: อบูอุบัยดะฮฺ : ผู้ได้รับความไว้วางใจของอุมมะฮฺ ::

"อบูอุบัยดะฮฺ" บุรุษลึกลับภายใต้ผ้าปิดหน้า โฆษกแห่งกองกำลังอัลก็อซซาม ที่หลายล้านชีวิตต่างจับจ้องและรอฟังคำแถลงการณ์ของเขาในขณะนี้ ชายที่ดูเงียบสงบ แต่แฝงเร้นด้วยพลังและความน่าเกรงขาม เขาทำให้เราหวนนึกถึงเศาะหาบะฮฺที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของท่านนบีมุฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม นั่นก็คือ "ท่านอบูอุบัยดะฮฺ บินอัลญัรรอหฺ" เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม เคยกล่าวไว้ว่า

لِكُلِّ أُمَّةٍ أَمِينٌ وَأَمِينُ هَذِهِ الأُمَّةِ أَبُو عُبَيْدَةَ بْنُ الْجَرَّاحِ
“ทุกประชาชาติมีผู้ที่ได้รับความไว้วางใจ และผู้ที่ได้รับความไว้วางใจของประชาชาตินี้ก็คือ อบูอุบัยดะฮฺ บินอัลญัรรอหฺ” (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 4382)

ท่านอบูอุบัยดะฮฺ บินอัลญัรรอหฺ คือ 1 ในเศาะหาบะฮฺคนแรก ๆ ที่เข้ารับอิสลาม และเป็น 1 ในเศาะหาบะฮฺ 10 ท่านที่ท่านเราะสูลุลลอฮฺรับรองว่าจะได้เข้าสวรรค์อย่างแน่นอน

ท่านอบูอุบัยดะฮฺนั้นยืนหยัดเคียงข้างท่านนบีตลอดช่วงเวลาแห่งความยากลำบากที่เมืองมักกะฮฺ ก่อนจะอพยพไปยังมะดีนะฮฺ และร่วมต่อสู้กับท่านนบีมุฮัมหมัดในทุกสมภูมิ ทั้งในสงครามบัดรฺ อุหุด อะหฺซาบ และอื่น ๆ

ใน “เศาะฮีหฺ อัลบุคอรีย์” หะดีษเลขที่ 4380 ระบุว่า เมื่อคณะผู้แทนจากนัจรอนได้เดินทางมาหาท่านนบีเพื่อเข้ารับอิสลาม และขอให้ท่านช่วยส่งคน ๆ หนึ่งไปสอนอิสลามให้กับพวกเขา ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ก็ได้กล่าวว่า

لَأَبْعَثَنَّ مَعَكُمْ رَجُلًا أَمِيْنًا حَقَّ أَمِيْنٍ
“แน่นอนฉันจะส่งไปพร้อมกับพวกท่านซึ่งชายคนหนึ่งที่ได้รับความไว้วางใจอย่างแท้จริง”

ในหนังสือ “เฏาะบะกอต” ของอิบนุสะอดฺ เล่มที่ 3 หน้าที่ 314 ระบุว่า ท่านนบีได้กล่าวย้ำ 3 ครั้งว่า “ชายที่ได้รับความไว้วางใจอย่างแท้จริง ชายที่ได้รับความไว้วางใจอย่างแท้จริง ชายที่ได้รับความไว้วางใจอย่างแท้จริง”

บรรดาเศาะหาบะฮฺที่ได้ยินคำพูดดังกล่าวต่างก็คาดหวังว่าตนจะได้รับเลือกจากท่านนบี ปรากฏว่า “ชายที่ได้รับความไว้วางใจอย่างแท้จริง” ที่ท่านนบีได้กล่าวถึงนั้นก็คือ “ท่านอบูอุบัยดะฮฺ บินอัลญัรรอหฺ” เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวกับท่านอบูอุบัยดะฮฺว่า “ลุกขึ้นเถิด โอ้อบูอุบัยดะฮฺ” เมื่อท่านอบูอุบัยดะฮฺลึกขึ้นยืน ท่านนบีก็ได้กล่าวว่า

هَذَا أَمِيْنُ هَذِهِ الأُمَّةِ
“นี่คือผู้ที่ได้รับความไว้วางใจของประชาชาตินี้”

ท่านอบูอุบัยดะฮฺนั้นเป็นคนที่มีอุปนิสัยที่ดีงาม รักสงบ มีความสมถะ และถ่อมตนมาก ท่านคือ 1 ในแม่ทัพใหญ่ที่เคาะลีฟะฮฺอบูบักรฺ อัศศิดดี้ก ได้ส่งไปพิชิตเมืองต่าง ๆ ในแผ่นดินชาม ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองและผู้บัญชาการสูงสุดเหนือแผ่นดินชามในยุคของเคาะลีฟะฮฺอุมัร บินอัลค็อฏฏ็อบ จนสามารถนำพาชัยชนะที่ยิ่งใหญ่มาสู่อิสลามและชาวมุสลิม ทั้งสงครามยัรมูก, การพิชิตดะมัสกัสและฮอมส์, สงครามฟิหลฺ, การพิชิตบัยสานและเฏาะบะริยยะฮฺ และอื่น ๆ “การพิชิตอัลอักศอ” ก็เกิดขึ้นในช่วงที่ท่านอบูอุบัยดะฮฺเป็นผู้ปกครองเหนือแผ่นดินชามเช่นกัน

ในปี ฮ.ศ.18 เกิดเหตุการณ์ “ฏออูน อัมวาส” คือ การแพร่ระบาดของกาฬโรคทั่วแผ่นดินชาม เคาะลีฟะฮฺอุมัรได้เขียนจดหมายโน้มน้าวให้ท่านอบูอุบัยดะฮฺเดินทางกลับมาที่เมืองมะดีนะฮฺ แต่ท่านอบูอุบัยดะฮฺกลับปฏิเสธ และได้เขียนจดหมายตอบกลับไปหาเคาะลีฟะฮฺอุมัร ว่า

“โอ้อะมีรุลมุอ์มินีน ฉันรับทราบความต้องการของท่านแล้ว แต่ฉันนั้นคือส่วนหนึ่งของทหารมุสลิม และฉันไม่ต้องการจากพวกเขาไป จนกว่าอัลลอฮฺจะทรงเสร็จสิ้นคำบัญชาและลิขิตของพระองค์ต่อตัวฉันและพวกเขา ปล่อยฉันเถอะ โอ้ท่านอะมีรุลมุอ์มินีน ปล่อยให้ฉันได้อยู่กับทหารของฉัน”

เมื่อเคาะลีฟะฮฺอุมัรได้อ่านจดหมายดังกล่าว ท่านก็ร้องไห้ออกมา ผู้คนรอบข้างจึงถามท่านว่า “โอ้อะมีรุลมุอ์มินีน ท่านอบูอุบัยดะฮฺเสียชีวิตแล้วหรือครับ?” เคาะลีฟะฮฺอุมัรตอบว่า “ยังหรอก แต่ก็เหมือนจากไปแล้ว”

ถึงอย่างนั้น เคาะลีฟะฮฺก็ยังเขียนจดหมายแนะนำให้ท่านอบูอุบัยดะฮฺและผู้คนของท่านย้ายไปอยู่ที่สูง หวังว่าจะช่วยให้รอดพ้นจากโรคระบาดนี้ไปได้ แต่อะญั้ลที่อัลลอฮฺทรงกำหนดได้มาถึงแล้ว ท่านอบูอุบัยดะฮฺ บินอัลญัรรอหฺ ในวัย 58 ปี จึงเสียชีวิตลงเพราะโรคระบาดในครั้งนี้พร้อมกับผู้คนอีกราว 25,000-30,000 คน ขออัลลอฮฺพอพระทัยท่านและบรรดาเศาะหาบะฮฺทุกคน

ขออัลลอฮฺทรงให้ประชาชาติอิสลามยังคงมี "อบูอุบัยดะฮฺ" เป็นอบูอุบัยดะฮฺคนใหม่และผู้สานต่อภารกิจการพิชิตอัลอักศอต่อไป

------------
อ้างอิง :
1- เศาะฮีหฺ อัลบุคอรีย์
2- เฏาะบะกอต โดย อิบนุสะอดฺ
3- อัลบิดายะฮฺ วันนิฮายะฮฺ โดย อิบนุกะษีร
4- อัลกามิล ฟิตตารีค โดย อิบนุลอะษีร

********************
สนับสนุนการทำงานของ GenFa ได้ที่ :
ธนาคารกสิกรไทย สาขานราธิวาส
เลขที่บัญชี 145-1-31977-5
ชื่อบัญชี นายอุสมาน เจะอุมา

กอจ สงขลา ขอเชิญชวนร่วมกันบริจาคเพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่พี่น้องชาวปาเลสไตน์ท่านสามารถร่วมกันบริจาคผ่านสำนักงานคณะก...
09/11/2023

กอจ สงขลา ขอเชิญชวนร่วมกันบริจาคเพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่พี่น้องชาวปาเลสไตน์
ท่านสามารถร่วมกันบริจาคผ่านสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา ได้ที่
บัญชีธนาคารกรุงไทย
ชื่อบัญชี กองทุนช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย (สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา)
เลขที่บัญชี 368-0-76420-0

บัญชีธนาคารอิสลาม
ชื่อบัญชี กองทุนช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย
เลขที่บัญชี : 934-1-49710-8

 #ร่วมบริจาค_ซะกาต ช่วยฉุกเฉิน ด้านมนุษยธรรม วิกฤตปาเลสไตน์ ที่ Gaza และ West Bank ได้ที่ธ.อิสลามฯ(ibank) บัญชี มูลนิธิอ...
06/11/2023

#ร่วมบริจาค_ซะกาต ช่วยฉุกเฉิน ด้านมนุษยธรรม วิกฤตปาเลสไตน์ ที่ Gaza และ West Bank ได้ที่
ธ.อิสลามฯ(ibank) บัญชี มูลนิธิอุมมะตี(Ummatee)
ช่วยปาเลสไตน์ 0011 1863 48
#มอบเต็ม100% ไม่หักค่าดำเนินการ
"เปิดรับต่อเนื่อง ช่วยเร่งด่วนทันที"
Ummatee Thailand

ฝ่ายกุเรซ
05/11/2023

ฝ่ายกุเรซ

เช้าวันที่ 17 เดือนรอมฎอน ปีฮิจเราะฮฺศักราชที่ 2 ฝ่ายกุเรชจำนวน 900-1,000 คน อูฐ 700 ตัว ยกทัพมาพร้อมด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ครบมือ ขณะที่ฝ่ายมุสลิมมีไพร่พลเพียง 313 -314 คน และไม่ได้ตระเตรียมอาวุธเพื่อพร้อมทำสงครามแต่อย่างใด
สงครามเริ่มต้นขึ้นด้วยการประลองดาบของหกอัศวินชั้นนำ ฝ่ายมุชริกส่งอัศวินมากฝีมือประกอบด้วย อุตบะฮฺ อิบนิ รอบีอะฮฺ, ชัยบะฮฺ อิบนิ รอบีอะฮฺ และ วะลี้ด อิบนิ อุตบะฮฺ ส่วนฝ่ายมุสลิมส่งท่านฮัมซะฮฺ อิบนิ อับดุลมุฏฏอลิบ ,ท่านอาลี อิบนิ อบีฏอลิบ และท่านอุบัยดะฮฺ อิบนิ ฮาริษ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุม
ผลการดวลดาบปรากฏว่า มุสลิมเป็นฝ่ายเอาชนะได้ทั้งหมด จากนั้นการประจัญบานจึงเริ่มต้นขึ้น ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้หยิบฝุ่นดินขึ้นมากำมือหนึ่งเขวี้ยงไปยังฝ่ายศัตรู
ท่านกล่าวว่า “ ขอให้ใบหน้าของพวกเขาได้รับความอัปลักษณ์ด้วยเถิด” ปรากฏว่าไม่มีใบหน้าใดเลยของฝ่ายศัตรูที่ไม่ถูกเศษดินนั้น ซึ่งอัลลอฮฺ ตะอาลาได้ยืนยันไว้ในอัลกุรอานว่า แท้ที่จริงแล้วพระองค์ต่างหากที่ได้ทรงขว้างมันออกไป
ในการนี้แม้มุสลิมจะมีจำนวนน้อยกว่าหลายเท่า แต่พวกเขาพร้อมใจยืนหยัดต่อสู้กับศัตรูอย่างเด็ดเดี่ยวและห้าวหาญด้วยศรัทธาอันเต็มเปี่ยม พร้อมกันนี้อัลลอฮฺ ตะอาลา ยังได้ส่งมวลมะลาอิกะฮฺทหารของพระองค์อีก 1,000 นาย ออกมาร่วมรบในสงครามครั้งนี้ด้วย ยังไม่ทันที่ดาบของมุสลิมจะถึงก้านคอของพวกมุชริก พวกเขาก็ถูกฟันล้มลงไปต่อหน้าต่อตา
บรรดาศ่อฮาบะฮฺได้เล่าให้ทราบภายหลังสงครามว่า ได้ยินเสียงเหมือนแซ่ฟาดลงมาจากเบื้องบ้น และศัตรูตรงหน้าก็ถูกฟันจมูกและใบหน้า นอกจากนี้ยังพบร่องรอยการสังหารของมะลาอิกะฮฺที่ศพของฝ่ายศัตรูโดยถูกฟันเข้าที่ต้นคอ ปลายนิ้วมือและนิ้วเท้ากลายเป็นรอยดำคล้ายถูกไฟไหม้
สงครามยุติลงด้วยความพ่ายแพ้ปราชัยของฝ่ายกุ๊ฟฟารมักกะฮฺอย่างไม่เป็นท่า หัวโจกคนสำคัญอย่าง อบูญะฮฺล์ อุมัยยะฮฺ อิบนิ คอลัฟ และทหารรวม 70 คนเสียชีวิตในสงครามครั้งนี้ และถูกจับเป็นเชลยอีก 70 คน
ส่วนฝ่ายมุสลิมสูญเสียกำลังพลไปทั้งหมด 14 นาย เป็นชาวมุฮาญิรีน 6 คน และชาวอันศอร 8 คน ท่านร่อซู้ลได้เรียกชื่อเต็มของพวกเขาทั้งหมด และทำการฝังศพพวกเขาไว้ที่นั่น ซึ่งทั้งหมดคือบรรดาชุฮะดาอฺ ผู้สละชีพในหนทางของอัลลอฮฺ ขอพระองค์ทรงพึงพอพระทัยพวกเขาด้วยเถิด
มุสลิมจัดการกับเชลยศึกด้วยการให้เสียค่าไถ่ตัว ส่วนคนที่ไม่มีความสามารถก็ให้ทำหน้าที่สอนหนังสือแก่เด็กมุสลิมให้อ่านออกเขียนได้ ทั้งนี้ ตลอดเวลาที่เชลยศึกอยู่ที่นครมะดีนะฮฺนั้น พวกเขาได้รับการดูแลอย่างดี กินอยู่เหมือนที่มุสลิมกิน แต่งกายเหมือนที่พวกเขาแต่งกาย #เชลยศึกส่วนใหญ่จึงประทับใจกับการปฏิบัติของบรรดามุสลิมและเข้ารับอิสลามในที่สุด

04/11/2023

Live สด บรรยายศาสนธรรม ณ ศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย
หัวข้อ “ยิวในอัลกุรอาน”

24/10/2023

#เมื่อท่านนบีโจมตีค็อยบัร

“การพิชิตค็อยบัร” (ปี ฮ.ศ.7) คือการต่อสู้กับยิวครั้งสุดท้ายในยุคของท่านนบีมุฮัมหมัด ﷺ หลังจากที่ชาวยิวตระกูลแล้วตระกูลเล่าได้ละเมิดสัญญาและทรยศต่อท่านนบีและบรรดาเศาะหาบะฮฺ กระทั่งพวกเขาถูกเนรเทศขับไล่ออกจากเมืองมะดีนะฮฺ พวกเขาไม่ได้ถูกโจมตีเพราะนับถือศาสนาต่างจากชาวมุสลิม แต่เพราะการทรยศหักหลังที่เลวร้าย

ชาวยิวตระกูลก็อยนุกออฺ เริ่มทรยศหลังจากสงครามบัดรฺ (ฮ.ศ.2) พวกเขาพยายามสร้างความแตกแยกในหมู่มุสลิม อีกทั้งยังคุกคามหญิงมุสลิมะฮฺคนหนึ่งด้วย

ส่วนชาวยิวตระกูลนะฎีร หลังสงครามอุหุด (ฮ.ศ.3) พวกเขาต้องการสังหารท่านนบี พวกเขาวางแผนและเตรียมการเพื่อสังหารท่านด้วยการกลิ้งหินก้อนใหญ่ใส่หัวท่าน แต่อัลลอฮฺทรงปกป้องท่านด้วยการส่งญิบรีลมาแจ้งเตือนให้ทราบ ชาวยิวตระกูลนะฎีรจึงถูกเนรเทศออกจากเมืองมะดีนะฮฺไปยังค็อยบัร

ในขณะที่ชาวยิวตระกูลกุร็อยเซาะฮฺนั้น พวกเขาทรยศท่านนบีในช่วงสงครามค็อนดัก หรือสงครามอะหฺซาบ (ฮ.ศ.5) แกนนำและนักรบของพวกเขาจึงถูกตัดสินประหารชีวิต

หลังจากทำสนธิสัญญาหุดัยบิยะฮฺกับชาวกุร็อยชฺ (ปี ฮ.ศ.6) ชาวมุสลิมได้ออกเดินทางไปยังค็อยบัร เกิดคำถามขึ้นมาว่า ทำไมท่านนบีจะต้องโจมตีพวกเขาด้วย? ชาวยิวถูกเนรเทศออกจากมะดีนะฮฺไปแล้ว พวกเขาออกไปและอาศัยอยู่ที่ค็อยบัร ซึ่งอยู่ห่างจากมะดีนะฮฺถึง 160 กิโลเมตร ทำไมยังต้องบุกไปหาพวกเขาอีก?

นี่ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นวันสองวัน อันตรายของชาวยิวที่ค็อยบัรนั้นมีมานานและจะยังคงมีอยู่ต่อไปถ้าไม่ยอมทำอะไร การดำรงอยู่ของพวกเขาที่แผ่นดินค็อยบัรนั้น เปรียบเสมือนเปลวไฟที่ลุกไหม้ใกล้บ้าน พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องการฆ่าท่านนบี แต่ยังเป็นผู้จุดชนวนสงครามค็อยบัร ด้วยการเรียกร้องชาวกุร็อยชฺและพันธมิตรทั้งหลายให้ร่วมกันบุกโจมตีเมืองมะดีนะฮฺด้วย

นักวิชาการอิสลามต่างพูดตรงกันว่า “ชาวยิวค็อยบัรคือผู้ก่อสงครามอะหฺซาบ” และในช่วงสงครามนี้เองที่พวกเขาได้ปลุกปั่นให้ชาวยิวตระกูลกุร็อยเซาะฮฺทรยศหักหลังชาวมะดีนะฮฺ

ชาวยิวตระกูลนะฎีรเองไม่ได้ไปอาศัยอยู่ที่ค็อยบัรด้วยความสงบ แต่กลับทำให้ที่นั่นกลายเป็นฐานทัพ ถ้าชาวมุสลิมปล่อยผ่านมันไป พวกเขาจะต้องเป็นภัยต่อเมืองมะดีนะฮฺและชาวมุสลิมอย่างแน่นอน

การที่ท่านนบียกทัพไปพิชิตค็อยบัรนั้นย่อมมีความเสี่ยงและย่อมเกิดการต่อสู้ที่รุนแรง กำลังพลของมุสลิมมีเพียง 1,600 คนเท่านั้น ในขณะที่ชาวยิวในป้อมปราการที่ค็อยบัรนั้นมีมากถึง 10,000 คน อีกทั้งป้อมของพวกเขาก็แข็งแกร่ง ตั้งอยู่บนภูเขาสูง ยากแก่การบุกพิชิตได้ง่าย ๆ แต่ถ้าท่านนบีมองว่า กำลังพลของพวกเราเทียบเคียงพวกเขาไม่ได้เลย แผ่นดินค็อยบัรก็คงไม่มีวันถูกพิชิตอย่างแน่นอน

ชาวยิว (ไซออนิสต์) ไม่รู้จักคำว่า “การรักษาสัญญา” และ “ความสงบสุข” หรอก การทำสัญญาผูกมิตรหรือญาติดีกับพวกเขานั้น เท่ากับการเตรียมตัวถูกทรยศหักหลังและกดขี่ข่มเหงเรื่อยไป ไม่มี “ความเป็นมิตร” ในพจนานุกรมของพวกเขา พวกเขาไม่ได้มองผู้อื่นด้วยสายตาแห่งการ “ให้เกียรติ” แต่ด้วยการ “ดูถูกหยามเหยียด” ที่เราทุกคนต่างก็ร่วมกันเป็น “สักขีพยาน” แล้วในวันนี้

คงมีเพียงกองทัพและคำประกาศนี้เท่านั้นที่จะจัดการกับพวกเขาได้

خَيْبَر خَيْبر يَا يَهُود، جَيْشُ مُحَمَّد سَوَفَ يَعُوْدُ
(ค็อยบัร ค็อยบัร ยา ยะฮูด ญัยชุ มุฮัมหมัด เสาฟะ ยะอูด)
“ค็อยบัร ค็อยบัร โอ้ชาวยะฮูด กองทัพของมุฮัมหมัดจะกลับมา”

ที่อยู่

Tiwanon Road
Nonthaburi
11000

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ชมรมฅนรักษ์(า)มุตตากีนผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

วิดีโอทั้งหมด

แชร์


เว็บไซต์ข่าวและสื่อ อื่นๆใน Nonthaburi

แสดงผลทั้งหมด