29/04/2024
#เรื่องสั้นกลั่นแกล้ง
ใต้หนังหุ้มเบาะ
จเด็จ กำจรเดช
เตเต้ดูใหม่เอี่ยมอ่องหลังออกจากอู่ แต่กลับมีกลิ่นแปลกๆ จากหนังหุ้มเบาะราวกับเพิ่งเปลี่ยนใหม่
ลาล่าลูบหนังเทียมที่เบาะนั่งฝั่งคนขับ เปรียบเทียบกับเบาะอันอื่น สีเหมือนกัน หนังเหมือนกัน แต่ลาล่ารู้ มันไม่เหมือนกัน เธออาจจะไม่แน่ใจในตอนแรก แต่ก็แน่ใจในอีกไม่กี่อึดใจ
ลาล่ารู้จักเตเต้ดีเหมือนรู้จักตัวเอง รู้จักดีกว่าน้องชายของเธออีก รู้จักดีกว่าพ่อกับแม่ที่อยู่ต่างจังหวัด เธอรักเตเต้ราวกับว่ามันคือตัวเธอ ไม่ใช่คนรัก เตเต้ไม่ใช่คนรัก แต่มันคือร่างอวตารของเธอ แค่ได้กลิ่น เธอก็รู้ว่ามันผิดปกติ และแค่สัมผัสลูบไล้ เธอก็แน่ใจว่าเบาะเพิ่งถูกหุ้มใหม่
แต่เตเต้โดนชนท้าย ไม่ใช่อุบัติเหตุร้ายแรงจนต้องซ่อมเปลี่ยนภายใน
วันนั้นลาล่าขับรถไปทำงานตามปกติ ก่อนทางแยกเข้าเมือง เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าถูกชน ความรู้สึกเหมือนขับรถขึ้นก้อนหินหรือเหยียบทับรอยแตกของถนน นั่นทำให้เธอขับต่อไปจนถึงที่ทำงาน ถึงตอนเย็นแล้วนั่นแหละ จึงได้สังเกตเห็น
เธอหัวใจสลาย
เตเต้เป็นรถนอกที่ยังไม่มีศูนย์บริการ ตอนจะซื้อรถคันแรกหลังเรียนจบ พ่อและเพื่อนๆ เคยบอกแล้วว่ารถยี่ห้อนี้ยังไม่มีศูนย์บริการแพร่หลาย อะหลั่ยก็หายาก แต่ตอนนั้นเธอโกรธพนักงานขายรถอีกยี่ห้อ เธอเข้าศูนย์บริการของรถยี่ห้อดังสองสามที่ รถเล็กแบบที่เธอต้องการ พวกนั้นพูดจาไม่น่าฟังกันเลย ดังนั้นเธอจึงเลือกรถจากพนักงานขายที่พูดจาดี
ความจริงเตเต้โดนซ่อมมาหลายครั้งแล้ว แต่ล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่นเปลี่ยนยาง เปลี่ยนหลอดไฟ ส่วนอุปกรณ์ที่หายาก เธอได้รุ่นพี่ซึ่งเชี่ยวชาญเรื่องรถสอบถามไปในกลุ่มจึงได้มา แต่คราวนี้ ความเสียหายตรงหน้าทำเธอกรี๊ด ไม่ใช่ว่าอะหลั่ยหายาก แต่เป็นเพราะเธอสงสารเตเต้
รถคันแรกที่ถูกตั้งชื่ออย่างรักใคร่ ถึงคราวต้องเสียโฉม
คราวนี้รุ่นพี่แนะนำอู่รถให้เธอ การันตีว่าซ่อมได้ และหาอะหลั่ยได้แน่นอน โอเคจบ รถซ่อมเสร็จเรียบร้อย แต่เมื่อรับรถมาแล้ว เธอกลับพบว่ามีอะไรแปลกๆ
ความเสียหายของเตเต้แค่ต้องเปลี่ยนไฟท้ายกับกันชน ทำสีใหม่แค่ตรงนั้น ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนเบาะนั่งหรือแม้แต่หุ้มเบาะใหม่
ลาล่าโมโหจี๊ดขึ้นมาทันที เตเต้มีตำหนิแค่ส่วนท้าย ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะถูกเปลี่ยนโน่นเปลี่ยนนี่ได้ตามใจ แต่ความสงสัยอีกอย่างที่มากกว่านั้น ทำไมอู่จึงเปลี่ยนหนังหุ้มเบาะ มันไปโดนอะไรมา
นั่นนะสิ ทำไมต้องเปลี่ยนเบาะใหม่
อะไรไม่รู้ทำให้ลาล่าคิดไปถึงข่าวดังไม่กี่วันก่อน เรื่องที่กล้องวงจรปิดจับภาพได้ว่าเด็กอู่รถข่มขืนรถที่เข้ามาซ่อม ในภาพเห็นชัดว่าเด็กคนนั้นเอาไอ้จ้อนออกมาถูไถไปบนเบาะ มันเป็นข่าวดังเพราะสาวสวยเจ้าของรถบอกว่ามีคราบน้ำขาวขุ่นเลอะไปทั่ว
ลาล่าคิดว่าเจ้าของอู่ไม่ได้มีท่าทีหื่น แต่เด็กอู่ของเขาคนนั้นไม่แน่ ทุกครั้งที่เธอไปดูรถ เขาจะเข้ามายืนยิ้ม เด็กอู่ความจริงไม่ใช่เด็ก อายุห้าสิบหกสิบเข้าไปแล้ว เป็นคนร่างเล็กที่แก่พอจะคลั่งเด็ก
ลาล่าไม่ใช่เด็ก เธอแค่ร่างเล็ก และมีท่าทางแบบเด็กมัธยม ดูเธอไร้เดียงสา หุ่นแบบเด็กๆ ของเธอไม่น่าจะเร้าอารมณ์ใครได้ แต่จากสถิติส่วนตัว เธอเป็นที่ชื่นชมของคนรุ่นคุณลุง
ตั้งแต่สมัยเรียนมาแล้ว ที่เธอถูกคุกคามโดยคนรุ่นคุณลุง
ท่าทางและหุ่นของเธอเป็นได้แค่น้องๆ ที่น่าเอ็นดูของรุ่นพี่ แม้แต่เพื่อนรุ่นเดียวกันก็ยังเอ็นดูเธอเหมือนน้อง แม้เธอไม่ได้เป็นน้องเล็ก เพราะเธอเป็นพี่สาวคนโตของน้องชายอีกสองคน ดังนั้น นิสัยและบุคลิกของเธอจึงมีความเป็นผู้นำ เพียงแค่ท่าทีเหมือนเด็กมัธยมของเธอทำให้ไม่มีใครสนใจจีบ
เรื่องนี้จริง ลาล่าเศร้าที่พูดเรื่องนี้ ไม่มีใครคบหาเธอแบบชู้สาว ยกเว้นพวกคุณลุงทั้งหลาย
ทั้งตอนที่เธอไปฝึกงานในสำนักงานข่าว ตอนไปทำค่ายอาสา ตอนทำงานจริงที่สถานีโทรทัศน์ ไปอบรมหรือต้องไปทำข่าวต่างท้องที่ เธอต้องคอยหลบหลีกบรรดาคุณลุงทั้งหลาย ที่จะคอยเข้ามาแทะโลมและถึงขั้นพูดจาด้วยคำคุกคามหยาบคาย
เธอรอดมาได้ทุกครั้ง แต่นั่นทำให้เธอรู้ว่าตัวเองเป็นเป้าหมายของคุณลุงหัวงู และต้องคอยระวังคนพวกนี้ให้ดี คิดถึงตรงนี้เธอก็ขนลุก
คุณลุงเด็กอู่คนนั้น
ทุกครั้งที่ลาล่าไปดูรถ เขาจะรีบปรี่เข้ามาทันที มาคุยมาแนะนำ เสื้อของเขามีกลิ่นน้ำมันเครื่อง กลิ่นตัวก็ฉุนแรง ขณะสายตาจ้องใบหน้าแบบเด็กมัธยมของลาล่า พยายามเบียด เข้าไปเฉียดใกล้ มีอยู่ครั้งที่เขาเดินชนลาล่าจากด้านหลัง เธอรู้สึกได้ว่านั่นเป็นการแกล้ง ไม่ต้องพูดว่าอะไรบ้างที่มันดุนหลังเธอ
“ขอโทษครับหนู” เสียงของเขาสั่น และมีรอยยิ้มยียวน
“เมื่อไรมันจะเสร็จสักทีละลุง” ลาล่าหงุดหงิด
รถยังซ่อมไม่เสร็จ และดูเหมือนเจ้าของอู่จะยืดเวลาออกไปเรื่อยๆ สาเหตุเพราะช่างคนนี้นี่แหละที่จะมาบอกว่า มีปัญหาติดขัดตรงนั้นตรงนี้ แล้วผลัดวันนัดออกไป
เจ้าของอู่เป็นคนสุภาพ แต่เธอและเขาไม่ค่อยได้พบกัน ทุกครั้งที่มีการพูดคุย ไม่ว่าที่อู่หรือทางโทรศัพท์ จะเป็นคุณลุงช่างขาหื่นคนนั้นทุกที
ตอนนี้ลาล่าเชื่อไปแล้วว่าคุณลุงช่างเป็นคนขี้หื่น
เมื่อต้องทิ้งรถไว้ที่อู่ถึงหนึ่งเดือน ลาล่าไม่รู้ว่ามีใครทำอะไรบ้างกับเตเต้ เด็กอู่วัยดึกอาจขึ้นไปนอนบนรถ เกลือกกลิ้งไปบนเบาะ สูดดมกลิ่นตัวที่ติดตามเบาะหนัง มีของใช้อะไรบ้างที่ทิ้งไว้ในรถ รองเท้า ลิปสติก สมุดจด ทิชชู่ เส้นผม บางทีเขาอาจใช้ของพวกนั้นสำเร็จความใคร่
ลาล่าตกใจ เมื่อรู้ตัวว่าเธอคิดไปไกลถึงขนาดนั้น
ลาล่ายืมรถของแม่จากต่างจังหวัดมาใช้ชั่วคราว ความจริงแล้วเธอไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร ไม่ว่าจะเป็นข้าวของหรือรถ เธอไม่ชอบกลิ่นของคนอื่น
แม้แต่รถของพ่อแม่ตัวเอง เธอรู้ว่ารถคันนี้บางครั้งพ่อเป็นคนขับ แต่ส่วนมากจะเป็นแม่ ทุกครั้งที่เธอขึ้นนั่งบนเบาะ เธอรู้สึกเหมือนนั่งทับพ่อกับแม่ มันไม่ได้ให้ความรู้สึกอบอุ่นเลย
ลาล่าไม่ค่อยสนิทกับพ่อและแม่ เหตุเพราะพวกเขาส่งเธอไปโรงเรียนประจำตั้งแต่เล็ก และที่นั่น เธอหวงแหนข้าวของ ไม่ยอมให้ใครมาวุ่นวาย หากมีใครมาจับข้าวของเธอจะรู้ทันที แม้แต่ที่นอน เธอต้องเช็คดูทุกครั้งว่ามีกลิ่นคนอื่นติดอยู่หรือไม่
จะว่าไปแล้วเรื่องนี้มีสาเหตุ
ด้วยความที่เป็นคนตัวเล็ก ลาล่าจึงโดนเพื่อนแกล้งเป็นประจำ ครั้งหนึ่งเธอล้มตัวลงนอนบนเบาะ โดยไม่รู้ว่าเพื่อนของเธอแอบอยู่ข้างใต้ ปูผ้าทับไว้พรางตา เมื่อลาล่าล้มตัวลง จึงนอนทับลงไปบนร่างของเพื่อน ก่อนที่เพื่อนจะกอดเธอเอาไว้แน่น ลาล่าตกใจหวีดร้องลั่น
ต่อมาเหมือนว่าเพื่อนในมหาวิทยาลัยก็รู้ว่าเธอกลัว จึงลงทุนหลอกเธอหนักกว่านั้น
ครั้งนั้นเป็นช่วงที่มีการซ้อมละครเวที เพื่อนคนหนึ่งอาสาไปอยู่หลังโซฟา แกะฟองน้ำออกแล้วปูผ้าทับ แอบเข้าไปทางด้านหลัง ซ่อนตัวอยู่รอให้ลาล่านั่งลงไป แต่คราวนี้คนที่อยู่ข้างหลังไม่ได้ยื่นมือออกมาหลอกหรือกอดรัดเธอ เขากลับนั่งนิ่งแบบนั้น ปล่อยให้ลาล่านั่งบนโซฟาโดยที่ไม่รู้ว่านั่งทับไปบนเพื่อนชายคนหนึ่ง กว่าเธอจะผิดสังเกตเพราะได้กลิ่นแปลกๆ
ครั้งนั้นลาล่าตกใจร้องลั่นและกลัวถึงขั้นผวา กลัวว่าเวลานอนลงไปแล้วจะมีใครอยู่ใต้ที่นอน คอยยื่นมือออกมาคว้าจับตัวเธออีก ดังนั้นทุกครั้งที่จะนอน เธอจะตรวจดูให้เรียบร้อย แม้แต่ตอนจะนั่ง เธอระแวงแม้กระทั่งโซฟา ตอนไปสัมภาษณ์งาน เธอเช็คอยู่นานกว่าจะนั่งลงได้ จนบางครั้งพลาดที่จะได้งาน
และโดยเฉพาะกลิ่น เธอจะรู้สึกเร็วเป็นพิเศษ
เธอจึงไม่อาจคุ้นเคยกลิ่นของพ่อแม่ รวมทั้งสัมผัสของหนังบนเบาะ แต่ด้วยความจำเป็น เธอต้องทนใช้รถคันนั้นต่อไป กระทั่งว่าเริ่มคุ้นเคยกับมันดีแล้ว กำลังคุ้นเคยกับมันแล้วเชียว โทรศัพท์จากอู่ก็ดังขึ้น
“รถเสร็จแล้วครับ” เป็นเสียงเจ้าของอู่
ลาล่าแปลกใจที่ไม่ใช่เสียงของช่างคุณลุงขาหื่นคนนั้น
วันที่ไปรับรถมีแค่เจ้าของอู่กับเด็กอีกสองคน ท่าทางเป็นเด็กใหม่ ลาล่าไม่ได้มองหาอย่างจงใจ คุณลุงไม่อยู่ แต่แปลก เมื่อขับรถออกมาแล้ว เหมือนเขายังอยู่ใกล้ๆ
เธออยากถามเจ้าของอู่ว่าเขาไปไหน ลุงช่างคนนั้น แต่ก็กลัวจะได้คำตอบประเภทที่ว่าเขาตายแล้ว เธอไม่อยากได้ยินเรื่องแบบนั้น แต่นั่นแหละ แม้จะไม่ถาม เธอกลับรู้สึกแปลกๆ
เบาะหนังนั้นหุ้มใหม่แน่ๆ ไม่กล้าโทรไปถามอู่เช่นเคย กลัวคำตอบ
เธอพยายามดมกลิ่นหาความผิดปกติ ยังไม่เจอ ลองขึ้นนั่งขับ ก็อึดอัดไม่เหมือนเดิม เหมือนตอนซื้อรองเท้าใหม่มา มันจะไม่เข้าที่เข้าทาง
ลาล่าแน่ใจว่ามีเรื่องผิดปกติแน่นอน
เมื่อรู้สึกได้ถึงความไม่ปกติ ลาล่าก็เริ่มกังวล
เธอไม่อยากนั่งในรถ ไม่ไว้ใจสภาพในรถ รวมทั้งกลิ่นและบรรยากาศ
สามวันที่นอนคิดเรื่องนี้ เธอไม่อาจอยู่เฉยจึงขับรถไปล้าง บอกพนักงานว่าดูดฝุ่นและขัดล้างให้สะอาดเป็นพิเศษ เธอคอยฟังว่าเด็กล้างรถจะรายงานว่าเจอคราบอะไรในรถ หรือว่าเจออะไรที่ผิดปกติ
แต่ก็ไม่มีอะไรแบบนั้น
เมื่อล้างรถเสร็จ ลองนั่งบนเบาะ ลาล่ารู้สึกเหมือนมีอะไรดุนหลัง เหมือนเธอนั่งทับอะไรแข็งๆ ความรู้สึกเหมือนกับตอนที่เด็กอู่เดินชนวันนั้น ดูเหมือนเธอจะได้กลิ่นน้ำมันเครื่องลอยมาบางเบา
ลาล่ากระโดดลงจากรถมาจ้องเบาะนั่ง นอกจากพบว่ามันไม่เหมือนเดิมแล้วยังมีรูปร่างเหมือนมีคนนั่งอยู่ในเบาะ เธอลูบเบาะแล้วรู้สึกคล้ายมีอะไรดิ้นอยู่ข้างใน เรียกเด็กล้างรถมาช่วยดูแต่ไม่พบ ฝืนขับรถกลับบ้าน แต่ระแวงไปตลอดทาง เหมือนมีใครอยู่ใกล้ๆ เหมือนกำลังนั่งทับใครอยู่ เธอมวนท้อง
ลาล่าอ้วกหมดไส้หมดพุงเมื่อถึงบ้าน เธอเข้านอนโดยคิดแต่เรื่องนี้ แน่ละว่าเธอนอนไม่หลับ
คิดไปว่าคุณลุงเด็กอู่ร่างเล็กพอจะเข้าไปอยู่ในเบาะรถ เขาอาจโรคจิตพอที่จะทำแบบนั้น เขานั่งเป็นเบาะ มีลาล่านั่งทับขณะขับรถ เขาคงจะลูบไล้เธอ และคงสุขสมใจตลอดทาง
ลาล่าทนรอจนฟ้าสาง เธอไม่หลับตลอดคืน มือสั่นและเวียนหัว แม้แต่ตอนนอนยังรู้สึกว่าฟูกนอนของเธอมีคนอยู่ข้างใน ผู้ชายสักคนที่แอบอยู่คอยลูบไล้สะโพกเธอ ทำอะไรต่อมิอะไร นั่นทำให้เธอต้องลุกขึ้นเปิดไฟ เปิดผ้าปูที่นอนดู ลูบคลำไปบนฟูกหาสิ่งผิดปกติ
ไม่ไหว เธอลุกขึ้นตรงไปที่ครัว คว้ามีดกลับมาที่ห้องนอน กรีดฟูกออกเป็นแผล นี่เป็นฟูกนอนซึ่งเธอหอบหิ้วมาจากที่ทำงานเก่า เป็นฟูกราคาแพงซึ่งเธอลงทุนเพื่อให้ได้นอนสบาย ย้ายกลับบ้านเกิดแล้วเธอยังหอบมันมาด้วย ใช้บริการขนส่งราคาแพง บัดนี้ยับเยินด้วยมีดในมือเธอ
ไม่มีใครอยู่ในฟูก
ลาล่ามือสั่น พยายามนั่งสงบสติอารมณ์ คิดถึงว่าพรุ่งนี้เธอต้องขับรถไปทำงาน โดยมีใครบางคนอยูในเบาะรถ เธอคล้ายสติขาดผึง เดินไปที่รถ มีดอยู่ในมือ
เตเต้ยังจอดปกติ รถคันเล็กสีเขียวอ่อนที่เธอบรรจงตั้งชื่อ เธอรักมันเหมือนรักตัวเอง ไว้ใจมันตลอด แต่คราวนี้เธอไม่อาจทำแบบนั้นได้
ลาล่าเปิดประตู
หนังหุ้มเบาะใหม่แวววับสะอาดเอี่ยม ในความมืดสลัว รูปร่างของมันคล้ายคนนั่งอยู่จริงๆ ลาล่ามองอยู่พักหนึ่ง ในความคิด เธออยากจะใช้มีดกระหน่ำแทงไปให้ทั่วเบาะจนหนังเป็นรูพรุน
เธอจินตนาการถึงเสียงมีดที่ผ่านหนังเข้าไปกระทบบางอย่างข้างใน พลางคล้ายได้ยินเสียงคนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด แต่ไม่แน่ใจว่าหูแว่วไปเองหรือเปล่า
ด้วยความเป็นคนร่างเล็ก ทุกคนจึงมองว่าเธอไม่มีพิษสง แต่นี่ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่ลาล่าทำหรอก
เธอไม่ชอบที่ใครต่างมองว่าเธอเป็นเหยื่อ ทั้งเพื่อนในมหาวิทยาลัยที่ชอบแกล้ง ทั้งบรรดาลุงๆ ที่ชอบหื่นกับเธอ ก่อนจบการศึกษา เธอจัดการยัดเพื่อนไว้ใต้โซฟา ความจริงง่ายกว่านั้น เพื่อนมันนอนหลับบนโซฟา เธอยืนมองแล้วชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมัดเพื่อนทุกส่วนด้วยเทปกาว เธอกรีดหนังโซฟาแล้วดึงฟองน้ำออก ยัดเพื่อนลงไป แล้วหาแผ่นหนังเทียมมาหุ้มโซฟา มันเป็นอุปกรณ์ในฉากละคร เธออยู่ฝ่ายฉาก ดังนั้นเธอจัดการให้มันมีรูปร่างแบบไหนก็ได้
โซฟาอยู่ในฉากละครจนครบรอบการแสดง จากนั้นมันถูกทิ้งในห้องเก็บอุปกรณ์ ซึ่งจะปิดยาวจนกว่าจะมีนักศึกษากลุ่มใหม่ในอีกปีมาเปิดใช้มัน
กระทั่งจบมาทำงาน เธอทนไม่ได้ที่เห็นสายตาของบรรดาลุงๆ ขาหื่นพวกนั้น ทุกคนจึงล้วนกลายเป็นโซฟามนุษย์มาแล้วทั้งนั้น ยิ่งแก่ เธอยิ่งชอบ คนแก่ๆ เรี่ยวแรงถดถอย อาจจะแบบนั้นพวกเขาจึงชอบเด็ก คิดว่าเด็กตัวเล็กๆ จะทำแบบไหนก็ได้
ลุงช่างคนนั้นคงตื่นเต้นที่จู่ๆ เด็กสาวตัวเล็กๆ เจ้าของรถชวนขึ้นไปนั่ง ลาล่าเปิดประตูหลังรถ ถกกระโปรงขึ้นอวดขาอ่อน แม้จะผอมแต่คุณลุงช่างตาโต ลาล่าตบพื้นข้างตัว บอกว่ามันกว้างพอจะเบียดได้สองคน คุณลุงช่างหายใจแรง ยิ้มจนน้ำลายแทบจะไหลยืด จากนั้นก็ไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น
ลาล่าลูบเบาะที่เพิ่งหุ้มใหม่ กลิ่นหนังผสมกลิ่นแปลกปลอม เธอรู้ว่าเกิดเรื่องผิดปกติขึ้นกับเตเต้
เธอรู้ดี
หลังจากอ้วกออกมา เธอทรุดนั่งหอบกับพื้น กลิ่นน้ำมันเครื่องลอยออกมา รู้สึกเหมือนมีอะไรเหนียวๆ เลอะมือ สีดำเหมือนน้ำมันเครื่อง เหนียวๆ ข้นๆ ไหลออกมาจากทุกรูที่ถูกแทง
แต่เธอยังไม่ได้กรีดเบาะหนัง ไม่ได้แทงมันสักแผล มือของเธอยังสะอาดดี แม้ว่าจะจับมีดอยู่
เธอวางมีด รู้สึกดีขึ้นแล้ว สติกลับมาเหมือนเดิม เอื้อมมือเล็กๆ ลูบเบาะหนัง กระซิบเรียกเบาๆ คนที่อยู่ใต้เบาะหนังขยับและส่งเสียงอู้อี้ตอบกลับ ท่าทางเหมือนตื่นตระหนกและพยายามแหกปากร้องโหยหวน แต่เสียงเบามาก ลมหายใจก็เบาบาง
ลาล่ายิ้ม กระซิบบอกให้เขาอยู่นิ่งๆ พรุ่งนี้เธอจะขับเตเต้ไปทำงาน
จิตใจของเธอจะสงบ เมื่อรู้ว่าใต้เบาะหนังนั้น เธอกำลังนั่งทับใครบางคนอยู่
ภาพประกอบจาก
https://pixabay.com/th/photos/ผหญง-แบบอยาง-รถยนต-ขบ-8085148/