![วันแรก Kick Off เคาะประตูบ้าน “ห้ามเผา” หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา ดำเนินการลงพื้นที่เคาะประตูบ้าน สร้างความเข้า...](https://img3.medioq.com/121/226/1140333581212262.jpg)
03/02/2025
วันแรก Kick Off เคาะประตูบ้าน “ห้ามเผา” หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา ดำเนินการลงพื้นที่เคาะประตูบ้าน สร้างความเข้าใจ ประชาชน ขอความร่วมมือ เพื่อสุขภาพที่ดี ขณะที่ กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ 6-8 กพ กทมและปริมณฑลเผชิญฝุ่นอีกระลอก จากนั้น 9 กพ สถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
//////////////////////
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษากองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.ช.)เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้ติดตามผลการปฏิบัติการวันแรกของกิจกรรม Kick Off เคาะประตูบ้าน “ห้ามเผา” หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา เพื่อเป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันทุกพื้นที่ โดยใช้กลไกท้องถิ่นลงพื้นที่เคาะประตูบ้านประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจและปลูกจิตสำนึกให้กับประชาชน ร่วมกันไม่เผาเพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคน ขณะที่ได้มีการกำชับให้ฝ่ายป้องกันและปราบปรามบังคับใช้กฎหมายดำเนินการจับกุม ผู้เผาอย่างเคร่งครัด
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ยังพบจุดความร้อนอยู่ในบางพื้นที่ เช่น ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ บริเวณป่าสงวนแห่งชาติ พบ 698 จุด อยู่ในพื้นที่ สปก.และพื้นที่การเกษตร ในพื้นที่อำเภอวิเชียรบุรีและศรีเทพ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปลูกอ้อย / จังหวัดนครสวรรค์ พบจุดความร้อน 28 จุด ส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่เกษตร จากการเผาวัสดุ และเผาพื้นที่ป่าออกหาของป่า / ด้านกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รายงานเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 68 ว่า ที่จังหวัดตาก ได้มีการจับกุมผู้ลักลอบเผาไร่อ้อยที่อำเภอแม่ระมาด และมีการจับกุมผู้รับจ้างซึ่งเป็นชาวเมียนมาร์ โดยได้ทำหนังสือตักเตือนเจ้าของที่ดังกล่าว หากกระทำผิดซ้ำอีกจะดำเนินการเพิกถอนสิทธิ์ในพื้นที่ทำกิน
โดยขณะนี้ ได้ย้ำทุกจังหวัดให้ประชาสัมพันธ์ต่อเนื่อง ในกิจกรรม ห้ามเผา หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา ซึ่งมีจังหวัดที่ประกาศห้ามเผาแล้ว 43 จังหวัด
ขณะที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้มีการสั่งปิดอุทยานแห่งชาติในช่วงประกาศห้ามเผาเด็ดขาด เพื่อสกัดกั้นการเข้าไปเก็บหาของป่า รวมทั้งการลักลอบล่าสัตว์และเผาป่าซึ่งมักจะกลายเป็นไฟป่าที่ลุกลามเป็นวงกว้างและก่อให้เกิดจุดความร้อนและฝุ่นควันฟุ้งกระจายเป็นวงกว้าง โดยเบื้องต้นมีอุทยานฯที่ประกาศปิดป่า ดังนี้
1. อุทยานแห่งชาติแม่ปิง จ.เชียงใหม่ (ตั้งแต่ 1 ก.พ.-30 เม.ย.68)
2. อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี (ตั้งแต่ 1 ก.พ.-30 พ.ค.68)
3. อุทยานแห่งชาติภูผายล อุทยานแห่งชาติภูพาน อุทยานแห่งชาติภูผาเหล็กและวนอุทยานภูผาแด่น จ.สกลนคร (ตั้งแต่20 ม.ค.–30 พ.ค. 2568)
ปภ.ช.ยังเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายขั้นเด็ดขาด กรณีฝ่าฝืนเข้าไปในเขตอุทยานฯที่ประกาศปิด มีโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และหากพบว่าเข้าไปมีส่วนกับการลักลอบเผาป่าต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี หรือปรับ ตั้งแต่ 400,000 บาท ถึง 2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเป็นการเผาในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 และชั้น 2 จะมีโทษที่รุนแรงมากขึ้น
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษากองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.ช.)ยังฝากถึงพี่น้องประชาชนที่มีพื้นที่เกษตรรอบผืนป่า ให้ระมัดระวังการก่อไฟที่อาจลุกลามเข้าไปในพื้นที่ป่า หากพบว่ามีไฟลุกลามเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ จะถือว่าเข้าข่ายความผิดเดียวกับการลักลอบเผาป่าเนื่องจากช่วงเวลานี้ได้มีคำสั่งห้ามเผาทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้ถือปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อร่วมกันลดไฟป่า และฝุ่นละอองที่กระทบต่อสุขภาพของประชาชนทุกคน
สำหรับ รายงานกรมควบคุมมลพิษ ถึงสถานการณ์ฝุ่น Pm 2.5 วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ณ เวลา 07:00 น. พบว่า สถานการณ์ดีขึ้น พบสีแดงเพียงมีจุดเดียว คือ สระบุรี อยู่ที่ 76.2 ขณะที่ สมุทรปราการเริ่มกับเข้าสู่ค่ามาตรฐาน แต่ในพื้นที่ภาคตะวันออก ข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและ ภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จิสด้า มีจุดความร้อนอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้านค่อนข้างเยอะ / ส่วนภาคเหนือสถานการณ์ฝุ่นค่อนข้างสูงอยู่ที่เหนือตอนล่างคือ จังหวัด สุโขทัย พิษณุโลก ภาคเหนือตอนบนฝั่งตะวันตก คือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่สถานการณ์ดีขึ้น / ภาคใต้อยู่ในข่ายมาตรฐาน มีแค่จังหวัดชุมพร ยังมีค่ามาตรฐานเกินค่า
ส่วน สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและ ภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จิสด้า รายงานข้อมูลล่าสุดจุดความร้อน พบว่ามี 1,162 จุด หากเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาพบว่าจุดความร้อนสูงกว่าปี 2567 กว่า 800 จุด / ส่วนความร้อนที่พบส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่า และพื้นที่ทำการเกษตร / ส่วนประเทศเพื่อนบ้านพบมากสุดที่ประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ใน 7 วันที่ผ่านมา จังหวัดกาญจนบุรีและตาก พบจุดความร้อนสูงสุด
ขณะที่ กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศโดยรวมบริเวณประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สภาพอากาศค่อนข้างแห้ง ซึ่งจะต้องระวังในเรื่องของการเกิดอัคคีภัย และเกิดลมแรงในช่วงวันที่ 4 - 5 กุมภาพันธ์นี้ / ส่วนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ลมมีกำลังอ่อนแรง ในวันที่ 6 - 8 กุมภาพันธ์ อาจจะมีปริมาณฝุ่นที่เพิ่มมากขึ้นแต่ยังไม่ถึงระดับสูงสุด โดยสถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป
ส่วนข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข รายงาน การดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ มีผู้ป่วยรวม 6,366 ราย แบ่งเป็นกลุ่มโรคทางเดินหายใจ 3,843 ราย / กลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด 269 ราย / กลุ่มโรคตาอักเสบ 894 ราย / กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ 1360 ราย โดยจังหวัดนครราชสีมามีผู้ป่วยมากที่สุด รวม 265 ราย / ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ได้ประชาสัมพันธ์ประชาชน เรื่องการดูแลตนเองจาก PM 2.5 โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเสี่ยงในชุมชน 51 จังหวัดทั่วประเทศ