อยุ่อย่างเด็ดเดี่ยว เจี๊ยวจ๊าวอย่างทรนง

อยุ่อย่างเด็ดเดี่ยว เจี๊ยวจ๊าวอย่างทรนง หนักอยู่ที่ถือ เบาอยุ่ที่วาง ใกล้ห?

Space.
22/07/2024

Space.

ความว่าง

ความว่างเปล่าไม่หมดกำลัง
มันอยู่ในตัวเจ้าเสมอ

มันไม่เคยเกิด ไม่เคยตาย
ปล่อยวางตัวตน
จึงดำรงอยู่เสมอ

เพราะมีความว่าง
จึงเกิดมีสรรพสิ่ง

ปั้นดินเหนียวเป็นหม้อ
แต่เป็นเพราะความว่างตรงกลาง
จึงใส่อาหารลงไปได้

เราลงมือทำสิ่งที่มีรูป
แต่ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ไร้รูป...
เต๋าเต้อจิง

ขอบคุณภาพจากเพจ Woo Art

Silver wolf.
07/07/2024

Silver wolf.

เมื่อชีวิตถึงจุดหนึ่งจะมีความสุข
กับของไม่กี่อย่าง กับคนไม่กี่คน

เพราะรู้ดีว่ายิ่งแบกยิ่งทุกข์
ตายไปก็หอบอะไรไปไม่ได้สักอย่าง
แบกทุกอย่างไว้ มันก็ทุกข์
วางลงได้แบบไม่ยึดติด มันก็สุข

ของอะไรไม่จำเป็น ขายทิ้งบ้าง
ให้คนอื่นไปบ้าง บริจาคบ้าง
เพราะไม่รู้จะสะสมไปทำไม
เก็บไว้แค่จำเป็นหรือบางอย่าง

ที่ยังปล่อยวางไม่ได้
ยังมีความทรงจำกับมันอยู่
แต่ก็เตือนตัวเองเอาไว้
ถ้ามันเป็นอะไร ก็จะไม่ยึดติดกับมัน

เพื่อนคนไหนที่ไม่จำเป็นก็ตัดทิ้ง
คบแค่คนที่อยู่กับเราในยามลำบาก
เราลำบาก เขาก็มาเยี่ยมเรา
เขาลำบาก เราก็ไปเยี่ยมเขา
ที่เหลือคบแค่รู้จ้ก ก็พอแล้ว

เพราะสุดท้ายแล้ว เราทุกคน
ก็ต้องมีภาระเป็นของตัวเอง
มีวันเวลาเป็นของตัวเอง

ใครมีความสุขได้กับความธรรมดา
โดยไม่ต้องพึ่งใคร เก่งที่สุดแล้ว
𝐂𝐫𝐞𝐝𝐢𝐭 : 𝐔𝐧𝐤𝐧𝐨𝐰𝐧

02/07/2024

เลือก เอา

02/07/2024

หาทางระบาย

5 4 3 2 1 เอาเลย
28/06/2024

5 4 3 2 1 เอาเลย

มีหลายสาเหตุ มีหลายเหตุผล
ที่ทำให้เราล้มเหลวได้
แต่ขออย่างเดียว
อย่าให้เหตุผลนั้น คือ...
‘‘เราไม่ได้พยายาม’’

My way.
26/06/2024

My way.

การมีตัวเอง เป็นเสาหลักที่ดี
ในหลายมุมมอง ก็จะดีตามไปด้วย
ไม่ได้แปลว่า จะมองตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลก
แต่เป็นโลกที่เราพึ่งพาตัวเองได้มากพอ
ไม่ร้องขอ หรือคาดหวังจากคนอื่น
การใช้ชีวิตแบบคนโสด อาจโหดแค่ความเหงา
แต่มีทางให้ระบายออกได้
เมื่อเทียบกับการมีความรักแย่ๆ
ต่อให้หนีออกมาได้ ก็ใจสลายไปแล้ว

เชื่อมั่นในตัวเองให้ดีก่อน
ค่อยมองหาความรักจากคนอื่น
ต่อให้วันนี้จะมีแค่ตัวเอง
แต่จะไม่เหงาจนตาย
เชื่อเถอะ เราจะเติบโตได้อย่างมีความสุข
อยู่ที่มุมมองของเรา
แค่เพราะยังไม่มีคนรัก ไม่ได้หมายความว่า จะไม่มีใครรักเราเลย

หันกลับมามองตัวเอง
ครอบครัว และคนรอบข้างที่ดีต่อเรา
เขามีค่ากว่าคนที่เรายังหาไม่เจอนะ 🥰😁

บางที ความเชื่อในตัวเอง ก็เถียงกับ ความจริงในตัวตนที่ตัวเองเป็นอยู่
23/06/2024

บางที
ความเชื่อในตัวเอง ก็เถียงกับ
ความจริงในตัวตนที่ตัวเองเป็นอยู่

4 เหตุผลที่เรายัง ‘ผัดวัน’ ความฝันเราออกไปเรื่อยๆ จากหนังสือ ‘The Procrastination Cure’
ลองนึกภาพตัวเองในวันที่ตั้งใจจะเริ่มต้นทำอะไรสักอย่างที่ใฝ่ฝันไว้ แต่แล้วก็มีอะไรมาขวางกั้นเสมอ จนสุดท้ายก็ผัดวันประกันพรุ่งไปวันๆ โดยไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกที วันเวลาผ่านไปเป็นเดือนเป็นปี สิ่งที่เคยตั้งใจไว้กลายเป็นความฝันที่ยิ่งห่างไกลออกไปทุกที
หากเรามักติดกับดักแบบนี้บ่อยๆ วันนี้ลองมาไขข้อสงสัยและหาทางแก้ไขกันดีกว่า ว่าทำไมเราถึงชอบเลื่อนเป้าหมายออกไป จากหนังสือ The Procrastination Cure ที่ได้รวบรวมเหตุผลที่น่าสนใจไว้ถึง 4 ข้อด้วยกัน
✅ ข้อแรกคือ "กลัวที่จะล้มเหลว" เมื่อเราเริ่มก้าวแรก มักจะมีความไม่แน่นอนรออยู่เสมอว่าจะจบลงอย่างไร โดยเฉพาะหากเคยพลาดมาก่อนในอดีต ยิ่งทำให้เรากลัวและไม่อยากเจ็บซ้ำสอง
แต่ลองเปลี่ยนมุมมองและมองว่าความผิดพลาดเป็นบทเรียนสอนเราให้รู้ว่าควรปรับปรุงตรงไหน มันเป็นโอกาสให้เราได้ทดลองไอเดียใหม่ๆ ได้เรียนรู้สิ่งที่ไม่เคยรู้ หากเราไม่เคยล้ม เราก็ไม่มีทางรู้เลยว่าตัวเองสามารถลุกขึ้นได้อย่างไร
✅ ข้อที่สองคือ "กลัวที่จะสำเร็จ" ฟังดูแปลก แต่จริงๆ แล้วบางคนกลัวความสำเร็จพอๆ กับความล้มเหลว เพราะถ้าไปถึงฝั่งฝัน ก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบและความคาดหวังที่มากขึ้นไปด้วย
แต่เราต้องกล้าถามตัวเองว่า สิ่งที่กลัวนั้นคือสิ่งที่อยากได้จริงหรือเปล่า ถ้าใช่ ก็ต้องพยายามเผชิญหน้ากับมัน ยิ่งเราเข้าใจมันมากเท่าไหร่ มันก็จะส่งผลกระทบต่อเราน้อยลงเท่านั้น
✅ ข้อที่สามคือ "ไม่พร้อมจะทุ่มเท" หลายคนเห็นว่าการไปให้ถึงเป้าหมาย มันต้องลงแรงเยอะแค่ไหน ก็ท้อใจ คิดว่าตัวเองคงไม่มีวันทำได้หรอก
แต่ความจริงก็คือ โปรเจ็กต์ใหญ่ๆ สำเร็จได้ไม่ใช่เพราะการทุ่มเทหนักหน่วงเป็นพักๆ แต่มาจากความมุมานะสม่ำเสมอต่างหาก เหมือนการวิ่งมาราธอน ต้องสร้างวินัย ฝึกทุกวัน สะสมทีละน้อย ไม่ใช่อัดเต็มที่แค่ช่วงใกล้แข่ง ถ้าเรามีระบบที่ดี แบ่งงานเป็นส่วนย่อย ทำคราวละ 1-2 ชั่วโมง แต่ทำทุกวัน สักวันเราจะไปถึงเส้นชัยแน่นอน
✅ ข้อสุดท้ายคือ "อคติและความเชื่อในตัวเอง" บ่อยครั้งเรามองตัวเองต่ำเกินไป จนไม่เชื่อมั่นว่าจะทำอะไรได้สำเร็จ แทนที่จะให้กำลังใจตัวเองกลับคอยสงสัยในศักยภาพของตน
หากมีเสียงในหัวบอกว่าเราทำไม่ได้หรอก ก็ต้องกล้าถามกลับไปว่า ทำไมเราจะทำไม่ได้ล่ะ หรือต้องทำยังไงเราถึงจะทำมันได้ ให้นึกถึงสิ่งที่เราเคยผ่านมาได้ด้วยดี ชัยชนะเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้น แล้วก็อย่าประเมินค่าตัวเองต่ำเกินไป เพราะทุกคนล้วนมีพรสวรรค์ในแบบฉบับของตัวเอง
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าความฝันของเราจะใหญ่แค่ไหน ก็ต้องเริ่มจากการลงมือทำก่อน อย่าปล่อยให้ความกลัว ไม่ว่าจะกลัวล้มเหลวหรือกลัวสำเร็จ มาขวางกั้นเรา การไปสู่เป้าหมายอาจไม่ง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของเราเช่นกันครับ
- โสภณ ศุภมั่งมี

ก็เหนื่อยแหละ
21/06/2024

ก็เหนื่อยแหละ

คนที่ไม่เล่าความเหนื่อย
ของตัวเองให้คนอื่นฟัง
เขาไม่ได้อดทนเก่ง
หรือแก้ปัญหาเก่งไปกว่าคนอื่นหรอกนะ
เขาแค่กลัวคนอื่นจะเหนื่อยเพราะเขา
บางทีคนอื่นอาจจะมีเรื่องเหนื่อยกว่าเขาก็ได้
เขาเลยเลือกที่จะไม่เล่า..
เลือกที่จะให้เห็นแค่ด้านที่ร่าเริง

เด็ด เดี่ยว
13/06/2024

เด็ด เดี่ยว

ใครเล่าที่ไม่เข้มแข็งจากบาดแผล
ทุกคนต่างแกร่งจากรอยแผลกันทั้งนั้น

ไม่ว่าคุณจะเดินช้าเพียงใด
แค่เพียงคุณยังก้าวเดินอยู่
สักวันมันย่อมถึงจุดหมายปลายทาง

ไม่มีใครเจ็บปวดแทนคุณได้
เพราะฉะนั้นอย่าให้ใครขโมยความสุข
ไปจากคุณ

หนึ่งในใบหน้าที่งดงามที่สุดในโลก
หนีไม่พ้นจากรอยยิ้มที่เกิดขึ้นหลังจาก
ปาดน้ำตาทิ้ง

บางครั้ง การลืมก็คือทางออกที่ดีที่สุด
ส่วนการเงียบก็คือคำตอบเหมาะที่สุด

#ปรัชญาวาทะ
บทความ..นุสนบุคส์
ภาพ..Pinterest

วัดความแก่กันที่ ใครเตะปี๊บ ไกลกว่ากัน
10/06/2024

วัดความแก่กันที่ ใครเตะปี๊บ ไกลกว่ากัน

◉ 9 สิ่งควรทำก่อนตาย ◉
1. ไปที่ชอบๆ ไปตอนมีชีวิตอยู่
ไม่ใช่พอตายแล้ว ค่อยบอกให้ไปที่ชอบๆ

2. รู้จักให้บ้าง ให้ทาน ให้ความรู้ ให้ข้อคิด ให้อภัย

3. หัดวางลงบ้าง อะไรที่มันหนัก
อะไรที่มันเกินกว่าเราจะแบกไหว ช่างแม่งดูบ้าง

4. ทำในสิ่งที่รัก แม้มันไร้สาระในสายตาใครก็ตาม
คือใครจะคิดอย่างไรก็ช่างเขา มันเรื่องของเขา
หากเราไม่ได้ทำให้เขาเดือดร้อน ก็ไม่ต้องไปแคร์

5. การคิดอนาคตเป็นสิ่งดี
แต่การเอาตัวเองอยู่กับปัจจุบันเป็นสิ่งที่ควรทำที่สุด

6. ขอบคุณคนที่เขาเคยช่วยเราในยามลำบากด้วย
เพราะบางทีเขาก็ต้องการกำลังใจดีๆ จากเราอยู่นะ

7. รักใครให้รีบบอก รู้สึกดีกับใครบอกเขาไป
บอกแล้วเสียใจ ดีกว่าเสียใจที่ไม่เคยได้บอกเลย

8. อย่าไปยึดติดมาก ทุกอย่างแค่ยืมธรรมชาติมา
เพราะวาระสุดท้าย เราก็ต้องคืนเขากลับไปอยู่ดี

9. อย่าดูถูกตัวเองว่าไม่เก่ง
ที่อยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ ก็เก่งที่สุดแล้ว
𝐂𝐫𝐞𝐝𝐢𝐭 : 𝐊𝐚𝐰𝐞𝐞𝐢𝐧𝐝𝐲

เขา เรา
06/06/2024

เขา เรา

ต่อให้..คน 2 คน
อยู่ในเหตุการณ์..เดียวกัน
เจอปัญหาที่.. เหมือนๆกัน
ก็ใช่ว่า..จะต้องคิด
และตัดสินใจในแบบเดียวกัน
นั่นก็เป็นเพราะ..
เราไม่ใช่เขา และ เขาไม่ใช่เรา
จะให้คิดเหมือนกันมันเป็นไปไม่ได้
เพราะฉะนั้น.. อย่าไปว่าใคร
อย่าไปถามว่า..
ทำไมไม่ทำอย่างนั้น ไม่คิดแบบนั้น
จำไว้... เราไม่ใช่เขาเราไม่รู้หรอก

อยู่ที่เรา เอาไง!
03/06/2024

อยู่ที่เรา เอาไง!

ถ้าห้ามความคิดเขาไม่ได้
ก็ห้ามตัวเองว่าอย่าแคร์เรื่องที่ไม่ควรแคร์
ถ้าห้ามปากเขาไม่ได้
ก็บอกตัวเองว่าอย่าใส่ใจคำพูดไร้สาระ
ถ้าห้ามเขาให้เลิกเห็นแก่ตัวไม่ได้
ก็ทำให้เขารู้สึกบ้างว่าไม่มีใครโง่กว่าใคร
ถ้าห้ามเขาให้เลิกเอาแต่ใจไม่ได้
ก็ห้ามตัวเองให้เลิกยอมจนเขาเสียนิสัย
ถ้าห้ามเขาให้เลิกส่ำส่อนไม่ได้
ก็พาตัวเองออกจากวังวนของการแย่งชิง
ถ้าห้ามเขาให้เลิกโกหกไม่ได้
ก็เตือนตัวเองว่าอย่าหลงลมปากใคร
ถ้าห้ามเขาให้เลิกประสาทแดกไม่ได้
ก็อย่าให้ตัวเองประสาทเสียตามเขาไปด้วย
ถ้าห้ามเขาให้เลิกวู่วามไม่ได้
ก็ห้ามตัวเองไม่ให้ใช้อารมณ์ตอบโต้ความรุนแรง
ขึ้นชื่อว่า “คน” ไม่มีใครถูกใจใครทุกอย่าง
การเลี้ยงดู สังคมรอบข้าง
หล่อหลอมให้ความคิด นิสัย
การแสดงออกต่างกัน
ถ้าในมุมของเรา “เขาไม่โอเค”
ให้ถามตัวเองว่ารับได้มั้ย ไหวหรือเปล่า
ถ้าเขาสบายใจที่จะเป็นในแบบที่เขาเป็น
เราก็ควรสบายใจในจุดของเราเช่นกัน
ก่อนที่คิดจะไปห้าม หรือเปลี่ยนใคร
หันมาสอนตัวเองให้เป็น
ห้ามตัวเองให้ได้
ง่ายกว่า!!!

ข่ม
01/06/2024

ข่ม

17 คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตใจที่จะช่วยให้ชีวิตคุณเบาสบายขึ้นได้ทันที บางส่วนจากหนังสือ ผ่อนคลายกับชีวิตบ้างแล้วเธอจะชอบตัวเองมากขึ้น

1. แต่ละคนย่อมมีแนวคิด ความชอบ และรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน แต่ในสังคมกลับมีค่านิยมที่บอกว่า "คนส่วนมาก = ถูกต้อง" อยู่เสียอย่างนั้น เรียกได้ว่าไม่แปลกเลยที่เราจะรู้สึกอึดอัดเมื่อคิดไม่เหมือนคนส่วนมาก

2. "....เป็นเรื่องที่ต้องรู้อยู่แล้ว" ใช้ได้เฉพาะใน "โลกของเรา" เท่านั้น อย่าลืมว่าอีกฝ่ายก็มี "เรื่องที่ต้องรู้อยู่แล้ว" ของเขาเองเช่นกัน การจะคุยกันให้รู้เรื่องจำเป็นต้องใช้ภาษากลางระหว่าง "โลกของเรา" กับ "โลกของเขา"

3. ปล่อยวางจากมาตรฐานของตัวเองบ้าง แต่ละคนมี "สิ่งที่ทำได้" ไม่เหมือนกัน การที่คนอื่นไม่ปฏิบัติตามกฎของเราคือเรื่องปกติ

4. สิ่งที่เรียกว่าคุณค่าไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นกำหนด แต่เป็นสิ่งที่ติดตัวเราทุกคนมาตั้งแต่แรกเกิดแล้ว การมีประโยชน์กับใครสักคนหรือเปล่าไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย

5. การค้นหาสาเหตุของความผิดพลาดเพื่อปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นเป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่ถ้ารู้สึกผิดมากเกินไปจนเอาแต่โทษตัวเอง เราก็จะเป็นทุกข์เกินกว่าที่ควรจะเป็น

6. คนที่เอาแต่สนใจจุดที่ไม่ดีจะกลายเป็นพวกชอบความสมบูรณ์แบบและเริ่มโดนความคิดที่ว่า "ควรทำ" "ต้องทำ" หรือ "ควรเป็น" ผูกมัด พอมีสิ่งที่ทำได้ไม่ค่อยดีก็เลยท้อแท้และติดอยู่ในวงจรอุบาทว์

7. สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณดื่มหนักเกินไปคือการจำอะไรไม่ได้ เช่น จำไม่ได้ว่าไปร้านไหน หรือกลับบ้านได้ยังไง ถ้าภาพตัดจนนึกอะไรไม่ออกเลย แบบนั้นก็แสดงว่าคุณดื่มเกินขีดจำกัดแล้ว

8. เวลาที่รู้สึกแย่เพราะโดนความทรงจำในแง่ลบฉุดรั้งเอาไว้ เราไม่จำเป็นต้องฝืนคิดในแง่บวกก็ได้ครับ สิ่งสำคัญที่ทำให้ไม่ยึดติดกับประสบการณ์ในอดีตคือการสนใจ "ปัจจุบัน" โดยคิดว่า "จะทำสิ่งที่ทำได้ในตอนนี้"

9. การพึงพอใจกับชัยชนะแล้วกดคนอื่นให้ต่ำลงมีค่าเท่ากับการย่ำอยู่กับที่ พูดง่าย ๆ ก็คือ เมื่อรู้สึกว่าชนะแล้วเราก็จะหยุดพัฒนาตัวเองซึ่งนั่นหมายความว่าวันที่เราพ่ายแพ้ย่อมมาถึง

10. เวลาโดนคนอื่นพูดนู่นพูดนี่ใส่ สิ่งที่ควรรับฟังคือ "คำพูดที่เป็นผลดีต่อตัวเอง" เช่น คำแนะนำที่เหมาะสม แต่เราไม่จำเป็นต้องรับอารมณ์ความรู้สึกของอีกฝ่ายเพิ่มเข้ามาจนจิตตกหรอก

11. ปกติต้องทำแบบนี้ นี่มันเรื่องธรรมดานะ ความคิดแบบนี้คือสัญญาณที่บ่งบอกว่าเรากำลังเข้าสู่ "โลกของตัวเอง" ในเวลาแบบนั้นขอให้ถอยห่างออกมาแล้วพิจารณาว่า "เรื่องธรรมดา" ในโลกของคนอื่นเป็นอย่างไร

12. มองตามความเป็นจริง ไม่ใช่จินตนาการเอาเอง การมีประสบการณ์แย่ ๆ ในอดีตอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คิดไปเองว่า "เราเป็นฝ่ายถูก" เพราะหากเจอสถานการณ์ที่ทำให้ไม่สบายใจอีกเราก็จะจินตนาการในแง่ลบมากเกินความจำเป็น เช่น อีกฝ่ายอาจจะโยนความผิดให้ก็ได้ ด้วยเหตุนี้ เราจึงรู้สึกทุกข์ใจทั้งที่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเผลอตำหนิอีกฝ่ายเพื่อปกป้องตัวเอง

13. เวลาที่อยากตำหนิคนอื่นให้ฮึบไว้ก่อน จากนั้นค่อยลองทบทวนข้อเท็จจริงโดยคิดว่า "เราอาจผิดก็ได้" ดู เชื่อสิว่าคำพูดที่เราพูดกับอีกฝ่ายจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากแน่นอน

14. เหตุผลของคนที่ "ทำไมเขาถึงชอบข่มคนอื่นนัก"
1. มั่นใจในตัวเองมากเกินไป ก็เลยหลงคิดว่าตัวเองเหนือกว่า
2. ชิงจู่โจมคนอื่นก่อน จะได้ไม่โดนข่มเสียเอง
3. ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ชอบโดนข่มแท้ ๆ แต่กลับไม่นึกถึงความรู้สึกของคนอื่นเวลาโดนทำแบบเดียวกัน

15. ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอะไร คนที่ประเมินคุณค่าของเราได้ก็มีแต่เราเท่านั้น อย่าเสียเวลาอันมีค่าไปกับคำพูดของคนที่ชอบข่มคนอื่นเลย

16. "ถ้าปฏิเสธแล้วจะถูกมองว่าเป็นคนนิสัยไม่ดี" เพราะคิดแบบนี้ก็เลยไม่กล้าปฏิเสธและต้องตอบรับคำขอร้องของคนอื่นจนใจรับไม่ไหว ประเด็นคือถ้าปฏิเสธแล้วจะเป็นคนนิสัยไม่ดีจริง ๆ น่ะเหรอ

17. การเป็นตัวของตัวเองมีค่าเท่ากับการให้ความสำคัญกับตัวเองว่า "เราเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว" ดังนั้น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร เวลาที่อยู่กับเขาเราก็เป็นตัวของตัวเองให้ได้จะดีกว่า
หนังสือ ผ่อนคลายกับชีวิตบ้างแล้วเธอจะชอบตัวเองมากขึ้น

เดินดุ่มๆ
27/05/2024

เดินดุ่มๆ

น้ำไม่วัด ไม่รู้ลึกตื้น
คนไม่คบกัน ไม่รู้ดีเลว

เวลาเป็นสิ่งมีประโยชน์
สามารถพิสูจน์ใจคน
และสามารถรับรู้นิสัยคน
คนที่ดูดี อาจไม่ใช่คนดี
แต่คนดี จะดูดีเสมอ

ชีวิตคน เมื่อขยันและใส่ใจเต็มที่แล้ว
ไม่ละอายใจตัวเองก็พอ
แม้อาจจะไม่ดีสมบูรณ์แบบ แต่ก็น่าภูมิใจ

คบกันระยะสั้นให้ดูอารมณ์
คบกันยาวนานให้ศึกษานิสัยใจคอ
คบกันชั่วชีวิต เลือกคบคนมีคุณธรรม
และสิ่งที่แน่นอนที่สุด คือ
การเสแสร้งไม่มีวันแลกความจริงใจได้
บางครั้งดูคนผิดไป ไม่ใช่เพราะว่าตาบอด
แต่เพราะเราอาจเป็นคนดีเกินไป
บางทีช่วยคนผิด ไม่ใช่เพราะว่าโง่
แต่เพราะให้ความสำคัญเรื่องความผูกพันมากไป

บางทีลองล้มลงบ้างก็ดี
จะได้รู้ว่าใครจะยื่นมือแสดงความจริงใจเคียงข้างเรา

คนเราจะเป็นสุข ถ้ารู้จักพึงพอใจในสิ่งที่เรามี
แต่ไม่ทุรนทุรายกับสิ่งที่เราไม่มี
เพื่อนฝูงเปรียบเหมือนถนนหนทาง
หากเลือกถูก จะนำพาสู่ทางสะดวก
หากเลือกผิด จะพาคุณหลงทาง

คนเสแสร้ง เดินไปเรื่อยๆ
เดี๋ยวก็หายไปจากสายตาคุณ
คนจริงใจ เดินไปเรื่อยๆ
สุดท้าย ก็เดินเข้าไปในใจคุณ

Let's live for today.
16/05/2024

Let's live for today.

ความจริงของชีวิตหลังความตา.ย🖤
1.ลูก เมียญาติพี่น้อง. จะร้องให้. ไม่เกิน 1 ชม จากนั้น เขาจะร่วมกันวางแผน. เผาเราตามความเชื่อ
2. อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา. เขาจะคุยกันเรื่องของคุณ. แล้วเริ่มมีเหล้า มีอาหาร เข้ามาร่วมผสมการสนทนา
3.ญาติและเพื่อนของคุณ. ก็จะโทรหาญาติแสดงความเสียใจ. บ้างก็โทรบอกไม่ว่างไม่สามารถมาร่วมงานได้
4.โทรศัพย์ของคุณอาจดังขึ้นบ้าง จากคนที่ไม่รู้ว่าคุณตา.ยแล้ว
5.หลังจากเผ.าศwคุณแล้ว ทุกคนต่างแยกย้ายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
6.หลังจากเผ.าศwแล้ว ลูกๆที่เราห่วงหนักหนาก็แยกย้ายทำมาหากินกันต่อเพื่อดำรงชีวิตให้อยู่รอด
7.ที่ทำงานของคุณ ก็รับคนใหม่เข้ามาทำงานแทนคุณ. ไม่มีคุณเขาก็อยู่ได้
8.รถบนถนน. ร้านค้า ก็ยังเปิดปกติได้แม้ไม่มีเราเป็นลูกค้า
9.ไม่เกิน 6 เดือน คู่รักคู่ชีวิต. ก็ยิ้มหัวเราะกับโลก
โซเชียลได้เป็นปกติ
10.ครบ 100 วัน หรือขวบปี. เขาอาจร่วมกันทำบุญระลึกถึงคุณบ้าง
แล้วจากนั้น...คุณก็ค่อยๆหายไปจากความทรงจำของทุกคน.
นี่แหละ..บริบทของ. 1 ชีวิต
คุณเป็นมนุษย์ครั้งเดียวเท่านั้น
อย่าคาดหวังว่า จะได้เกิดอีก
หรือไม่ไม่มีใครรับประกันได้
เพราะฉะนั้นอะไรที่มันทุกข์ก็ทิ้งเสีย อะไรสุขก็ทำไป 🌸😊

คนเดียว
06/05/2024

คนเดียว

โตแล้วอย่าใช้ชีวิตให้ซับซ้อน
- คิดถึงใครให้โทรหา
- อยากเจอใครให้ชวนไปเที่ยว
- อยากให้ใครเข้าใจก็อธิบาย
- ถ้าสงสัยให้ถาม
- ไม่ชอบอะไรให้พูด
- ชอบอะไรให้บอก
- ต้องการอะไรให้ขอ
- รักใครก็บอกรักไป
- อยากให้ใครมีความสุขก็ซัพพอร์ต

สุข ในทุกข์วัน
03/05/2024

สุข ในทุกข์วัน

...คนที่มีความสุขในชีวิต
กับคนที่ไม่มีความสุขน่ะ
บางครั้งชีวิตของพวกเขา
ไม่แตกต่างกันมากสักเท่าไหร่หรอก

เขาอาจจะทำงานคล้ายๆ กัน
ได้รับเงินเดือนพอๆ กัน
มีบ้านรถและของใช้อื่นคล้ายๆ กัน
แถมอาจจะมีงานอดิเรก
และกิจกรรมในชีวิตคล้ายกันอีกด้วย

แต่คนที่มีความสุขทำสิ่งต่างๆ
ด้วยความเต็มใจ เพราะ "อยากทำ"
ไม่ใช่ "ฝืนใจทำ" เพื่อให้คนอื่นยอมรับ

คนที่มีความสุขจะ "รักตัวเอง"
จึงใช้ชีวิตเพื่อความสุขของตัวเอง
เลยทำสิ่งที่อยากทำ
และไม่ทำสิ่งที่ไม่อยากทำ
(แต่สิ่งที่ทำต้องถูกกฎหมาย ถูกศีลธรรม
และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน)
เพราะเขาเชื่อความรู้สึกของตนเอง
มากกว่ากระแสสังคมหรือการตัดสินจากคนอื่น

อีกทั้ง พวกคนที่มีความสุข
จะเห็นคุณค่าตัวเองมากพอ
จนไม่อยากได้การรับรองจากผู้อื่น

ถ้าเขามั่นใจว่าตนเองทำถูกต้องแล้ว
เขาจะไม่สนใจว่า..
คนอื่นจะชื่นชมสิ่งที่เขาทำหรือไม่
เขาจึงไม่จำเป็นต้องฝืนใจ
ทำในสิ่งที่ตนไม่ชอบ
เพียงเพราะอยากได้การยอมรับจากผู้อื่น

คนเราจะมีความสุขมากที่สุด
เวลาที่ได้เป็นตัวของตัวเองอย่างเต็มที่
ดังนั้น อย่าฝืนใจทำเพียงเพื่อให้คนอื่นยอมรับ
ความสุขเกิดจากใจเรา
ไม่ใช่เกิดจากสายตาของใคร...

รักตัวเองให้ล้นเหลือ มากพอ ที่จะเผื่อคนอื่น
03/05/2024

รักตัวเองให้ล้นเหลือ มากพอ ที่จะเผื่อคนอื่น

"เพื่อน"
ไม่ใช่สายโลหิต ไม่ใช่ญาติ หากเป็นความผูกพันที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญแท้ ๆ เป็นความประจวบเหมาะ เป็นความพอดีที่มาพบเจอ มาเรียน มาทำงานด้วยกัน มาร่วมชะตากรรมเดียวกัน แล้วนับจากนั้นก็ผูกพันกันเรื่อยมา ในฐานะเพื่อน ซึ่งลบไม่ออก แก้ไขไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่า จะเปลี่ยนสถานะใหม่ให้เป็นศัตรูกัน ซึ่งโอกาสนั้นก็เป็นได้น้อยในหมู่เพื่อน
อายุล่วงมาถึงวันนี้ เพื่อนใหม่ไม่มีแล้ว ใจไม่อยากเปิดรับเข้ามาอีก ก็คงมีแต่เพื่อนเก่าสมัยเรียน ประถม- มัธยม - อุดมศึกษา - เริ่มทำงาน หรือ เรียนปริญญาบัตรอื่น ๆ ซึ่งนับวันจะเหลือน้อยลงไป
เพื่อนเก่าแต่ละคน อายุก็ไล่ ๆ กันกับเรา หรือแก่อ่อนกว่ากันไม่มาก บางคนไปไหนไม่ได้ ไปไม่ไหวแล้ว บ้างก็ทำงานไกล อาศัยอยู่ไกล บ้างติดภาระของลูกบ้าง เมียบ้าง กระทั่งธุระของหลานๆ รวมทั้งสังขารของตน จะเห็นชัดเจนว่า มีการลดจำนวนครั้งที่นัดเจอกัน นัดแต่ละทีก็มีจำนวนคนลดลง เพื่อนบางคนล่วงหน้าเสียชีวิตไปก่อนแล้ว ยามคิดถึง ก็ได้แต่จุดธูปเทียน เขียนชื่อ ยกมือพนม ทำบุญ ระลึกถึง ซึ่งจะมีอะไรไปถึงหรือไม่ ไม่รู้ พิสูจน์ไม่ได้ แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่าไปถึงเพื่อน ว่าเพื่อนจะได้รับ
ดังนั้น จงดูแลกันยามมีชีวิต ยามเดือดร้อนนี่แหละ ดูแลกันตามกำลัง ถ้าเพื่อนไม่ช่วยเพื่อนแล้ว ใครละจะช่วย คนอื่นเขายิ่งไม่รู้จักมักคุ้น ไม่ใช่เพื่อนกัน ใครเขาจะยื่นมือมาช่วย การผิดพลาดไปบ้าง ห่างเหินไปหน่อย บกพร่องระหว่างกันไปบ้าง อภัยกันเถิด ทำใจสบายๆ เปิดใจให้กว้าง เอื้อเฟื้อดูแลเกื้อกูลกันยามมีชีวิตดีที่สุด เพราะเราคือ "เพื่อน"กัน

เมื่อเราเดินมาถึงจุดหนึ่งของชีวิต

เราจะพบว่าเราเหลือเพื่อนเพียงหยิบมือ แต่เพื่อนเพียงหยิบมือนั้นคือมิตรภาพที่ธรรมชาติคัดสรรมาแล้ว คนที่ไม่ใช่เวลาจะค่อยๆกรองพวกเขาออกไป สุดท้ายเราจะเหลือแต่กลุ่มคนที่คัดกันเองแล้วว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยซึ่งกันและกัน เราพบว่าเพื่อนไม่ต้องมีมาก มีน้อยแต่เต็มไปด้วยความจริงใจก็พอ

เมื่อเราเดินมาถึงจุดหนึ่งของชีวิต

เราจะพบว่าเราเจอเพื่อนได้ยากขึ้น เพราะ condition ในชีวิตทุกคนต่างออกไป แต่ทุกครั้งที่เจอเราสามารถต่อกันติดได้เสมอ และเราจะพบว่าปาร์ตี้ที่ดีที่สุด คือการนั่งกินดื่มกับเพื่อนที่บ้านด้วยชุดสบายๆ นั่งชันเข่ากินส้มตำ ดื่มเบียร์เย็นๆ และร้องคาราโอเกะ นั่งปรับทุกข์หรือภูมิใจในความสำเร็จของพวกเรา

เมื่อเราเดินมาถึงจุดหนึ่งของชีวิต

เราจะพบว่าไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นความรักหรือความสัมพันธ์รอบตัว เกียรติยศหรือเงินทอง ทุกอย่างมีเข้าและมีจาก มีจากและมีเข้า สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปชั่วชีวิต เราเริ่มไม่ยึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไป เราเรียนรู้ว่าสุดท้ายแล้วก็จะมีแค่ตัวเราเท่านั้นที่อยู่กับเราจนวันสุดท้าย

เมื่อเราเดินมาถึงจุดหนึ่งของชีวิต

เราจะพบว่าการรักตัวเองสำคัญที่สุด ความภูมิใจในตัวเองเป็นสิ่งที่เราควรสร้างอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีใครรักเราเท่าตัวเราเองและเราไม่ควรรักใครมากไปกว่าตัวเราเอง มันไม่ใช่เรื่องเห็นแก่ตัว แต่มันคือวิธีการดำเนินชีวิตขั้นต้นที่เราควรทำก่อนจะรักคนอื่น คนที่รักตัวเองมักเผื่อแผ่ความสุขให้คนอื่นได้เสมอ

Give & Take.
03/05/2024

Give & Take.

อะไรล้ำค่าที่สุดในชีวิตคนเรา

เงินทอง .. ใช่หรือเปล่า?
หากสุขภาพไม่ดี ต่อให้มีเงินทองมากมาย
ก็หมดไปกับการรักษาพยาบาล

ชื่อเสียงลาภยศหรือเปล่า?
หากไร้ซึ่งความจริงใจ
ต่อให้รู้จักกับผู้คนมากมายก็ไม่มีประโยชน์

สิ่งที่ล้ำค่า .. ไม่ใช่เงินทอง
สิ่งที่สำคัญ .. ไม่ใช่ชื่อเสียงลาภยศ
แต่เป็นมิตรภาพที่คบหากันด้วยความจริงใจ

ชีวิตคนเราสั้น เงินร้อยล้านพันล้าน
ก็ซื้อเวลาให้อยู่ต่ออย่างมีความสุขแม้เพียงนาทีไม่ได้

รู้ไหม? มิตรภาพ .. นับค่าไม่ได้
เพราะหากซื้อหามาด้วยเงินได้
มิตรภาพนั้นก็เปื้อนด้วยผลประโยชน์
เพราะซื้อหาไม่ได้ มิตรภาพที่จริงใจจึงนับค่าไม่ได้

เพราะความจริงใจ ใช่ว่าใคร ๆ ก็มี
เพราะมิตรภาพ ใช่ว่าใคร ๆ ก็รู้
ไม่เกิดเรื่อง ไม่มีทางรู้หรอกว่า .. ใครคือมิตรแท้
ไม่ตกอับ ไม่มีทางรู้ว่า .. ใครคือ มิตรเทียม

น้ำใจ คือ .. ความเอื้อเฟื้อ
ไมตรี คือ .. ความหวังดี

สองสิ่งนี้ หากได้รับจากใคร
โปรดถนอมและรักษาไว้ให้ดี
เพราะมิตรภาพนั้น ไม่ได้อยู่ที่ลมปาก
หากแต่ว่า .. อยู่ที่การกระทำ!!!

โลกสวย แล้วไงไม่ได้ไปใช้กำกับคนอื่นที่ไหนใช้กับตัวเองนี่แหละ โคตรดีย์
02/05/2024

โลกสวย แล้วไง
ไม่ได้ไปใช้กำกับคนอื่นที่ไหน
ใช้กับตัวเองนี่แหละ โคตรดีย์

หลายปีนี้มีคำฮิตคำหนึ่งในบ้านเราและในโลกตะวันตก คือ Ikigai

ออกเสียง อิคิงะอิ (生き甲斐) มาจากคำว่า อิคิ (生き) แปลว่าชีวิตหรือมีชีวิต กับคำว่า งะอิ (甲斐) แปลว่า คุณค่า

แปลตรง ๆ ว่า คุณค่าของการมีชีวิต

อิคิงะอิเป็นปรัชญาการมองชีวิตอย่างหนึ่ง

การที่เราเห็นคุณค่า ก็คือการที่เราอยากใช้ชีวิตในวันใหม่ทุก ๆ วัน อยากตื่นขึ้นมาในยามเช้าอย่างร่าเริง ยินดีที่มีชีวิต ดีใจที่ยังหายใจ

ทั้งนี้เพราะเราเห็นว่าชีวิตมีด้านที่งดงามและมีคุณค่า (งะอิ) พอให้เราอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป

มันคือทัศนคติที่ดีในการมองชีวิต

มองว่าทุกวันเป็นวันดี หรืออย่างน้อยก็พยายามทำให้มันเป็นวันดี

วันดีไม่จำเป็นต้องพิเศษพิสดาร วันดีก็คือวันเรียบ ๆ วันธรรมดาที่เรามีความสุข ความสงบ มีสันติภาพในหัวใจ นั่นก็คือวันดี

ถ้าเราสามารถมองชีวิตแบบนี้ เราก็จะมีวันดีเป็นส่วนใหญ่ในชีวิต และมันก็คือเหตุผลที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เพราะเรารู้ว่าตื่นมาแล้ว จะเจอวันดี

วันดีคือวันที่เรายอมให้แสงสว่างสาดเข้าไปอาบหัวใจ แม้ว่าวันนั้นจะมีเหตุการณ์ไม่ดี

เมื่อคิดอย่างนี้ได้ เราก็ผ่านชีวิตทุกวันโดยไม่บ่น เพราะการบ่นคือการทำลายวันดีอย่างรวดเร็วที่สุด

อิคิงะอิจึงไม่ใช่เรื่องการแสวงหาความร่ำรวย สถานะทางสังคม ไปจนถึงความสมบูรณ์แบบ

มันเป็นเหตุผลที่เราอยากใช้ชีวิตทุก ๆ วัน โดยไม่ปล่อยให้มันเสียไป

เราอยู่ในโลกที่ตีตราทุกอย่าง อย่างนี้ติดตราความสุข อย่างนั้นติดตราความทุกข์

ใช้ชีวิตเป็นเส้นตรง ขาวกับดำแยกจากกันอย่างเด็ดขาด เดินตามกติกาที่ค่านิยมของสังคมกำหนด

ทำอย่างนี้ทุกวัน ชีวิตก็เป็นเพียงหุ่นยนต์

อิคิงะอิเห็นว่า เกิดมาแล้ว ก็ใช้ชีวิต และใช้ชีวิตให้งดงาม

จะเรียกว่าสุขทุกข์ไม่สำคัญ ตราบที่มันงดงาม

ฟังดูเหมือนปรัชญาธรรมดา ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน แต่ทำไมปรัชญาที่ดีต้องซับซ้อนด้วยเล่า

ถามว่านี่คือพวก 'โลกสวย' ใช่หรือไม่?

คำตอบคือโลกสวยแล้วทำไมหรือ? และมันไม่ใช่การฝันลม ๆ แล้ง ๆ ถึงอนาคตในอุดมคติที่เป็นไปไม่ได้ อิคิงะอิคือการอยู่กับนาทีนี้ และใช้นาทีนี้ให้งดงาม

เสมือนช่างปั้นได้รับดินมาหนึ่งก้อน อันหมายถึงหนึ่งวัน เราจะปั้นดินก้อนนั้นให้สวยงาม หรือจะไม่ทำอะไร

แนวคิดใดก็ตามที่ทำให้เราดำเนินชีวิตไปด้วยความสุข ส่งผลให้คนอื่นมีความสุข ก็เป็นปรัชญาที่ดี

อิคิงะอิจึงเป็นวิธีมองชีวิตอย่างหนึ่ง มองในด้านที่ทำให้เราสุข รู้สึกว่าชีวิตมีค่า และความสุขในวันนั้น ๆ ทำให้เรายิ้มได้ว่า เราปั้นดินแห่งวันนั้นได้งดงาม

ถ้าทำให้ทุกวันเป็นอย่างนี้ได้ เราก็อยากตื่นเช้าทุกวัน เพราะรู้ว่ามีสิ่งดี ๆ รอเราอยู่

เมื่อทุกวันเป็นวันดีได้ เราก็มีเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป

ทัศนคติที่ดีช่วยให้จิตใจดี จิตใจดีทำให้ร่างกายดีไปด้วย

(จากหนังสือ หิน 15 ก้อนของ สตีฟ จ๊อบส์)

วินทร์ เลียววาริณ

ฟังให้ดี
04/04/2024

ฟังให้ดี

คนใจแคบ ถนัดได้ยินความมุ่งร้ายในคำคน
คนใจกว้าง ถนัดได้ยินความปรารถนาดีในคำคน

คนจริงใจ เดินไปเดินไปก็เดินเข้าสู่เรือนใจ
คนเสแสร้ง เดินไปเดินไปก็เลือนหายจากสายตา

ใส่ใจ ไม่ต้องการถ้อยหวานคำน้ำผึ้ง เพียงจริงใจก็พอ
มิตรภาพ ไม่จำเป็นต้องเช้าถึงเย็นถึง รำลึกถึงก็พอ
ถามไถ่ ไม่ต้องการวาจาสละสลวย จริงใจก็พอ
ถนอมรัก ไม่ต้องการรูปแบบเฉพาะ อบอุ่นก็พอ

คบคนคบใจ รดน้ำดอกไม้รดถึงราก
คนเสแสร้ง รู้จักทั้งชีวิต
กลับเหมือนแรกรู้จัก ยากคบด้วยใจ
คนจริงใจ ครั้นได้รู้จัก
เสมือนมิตรเก่ากลับมาพบพาน

วิธีอยู่ร่วมกับคนอย่างสมานกลมเกลียวคือ
1. กล้ำกลืนสักคำ รากภัยไม่อาจงอก
2. อภัยสักหน่อย ไม่ชิงเด่นแข่งดีกับใคร
3. ทนสักพัก หลุมไฟกลายสระบัวขาว
4. ถอยสักก้าว ก็คือหนทางบำเพ็ญชีวิต

อยู่กับคนที่เป็นแสงตะวัน ในใจไม่มืดหม่น
อยู่กับคนมีความสุข มุมปากมักมีรอยยิ้ม
อยู่กับคนใฝ่ก้าวหน้า เดินหน้าไม่ล้าหลัง
อยู่กับคนใจใหญ่ จัดการงานไม่คับแคบ
อยู่กับคนมีปัญญา ประสบเหตุไม่สับสน
อยูกับคนฉลาด ยามทำการมีไหวพริบ

ยืมปัญญาคน
ให้ความสมบูรณ์ตน
เรียนรู้คนอื่นที่ดีที่สุด
เป็นตัวเองที่ดีที่สุด

ที่มา วิภาดา กิตติโกวิท ถอดคำ
สามก๊ก

31/03/2024

เราต้องปล่อยมือจากสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้
ผมเชื่อว่าทุกคนคงเคยรู้สึกกังวลใจ จริง ๆ แล้วความกังวลใจไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายอะไรเลยนะครับ จริง ๆ แล้วที่มนุษย์ไม่สูญพันธุ์ก็เพราะเรามีความกังวลใจนี่แหละครับ
ผมว่าบรรพบุรุษเราตอนแรกก็คงมี 2 กลุ่มแหละครับ คือคนที่ขี้กังวลกับคนที่ไม่กังวลอะไรเลย แต่คนที่ไม่กังวลอะไรเลยก็คงโดนเสือกินไปหมดแล้ว เพราะเขากล้ามากไป ที่เหลือสืบทอดมาจนถึงปัจจุบันก็คือกลุ่มที่ขี้กังวลนี่แหละครับ
ลองนึกภาพปัจจุบันก็ได้ครับ ถ้าเราไม่มีความกังวลเลย เราคงเห็นคนที่ขับรถขึ้นทางด่วนด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เราคงเห็นการเอาเงินเก็บทั้งหมดไปเล่นการพนันจนหมดตัว ดังนั้นความกังวลจึงไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายเสมอไป
เพียงแต่ว่าถ้าเรามีแต่ความกังวลมากจนเกินไป มันก็จะทำให้เราเป็นทุกข์ได้ง่ายโดยไม่จำเป็นด้วย ต้องยอมรับว่าหลาย ๆ ครั้งสิ่งที่เรากังวลนั้นก็ไม่เกิดขึ้นจริง หรือถึงเกิดขึ้นจริง สิ่งนั้นก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเรามากเท่าที่เรากังวล
ลองถามตัวเองแบบนี้ก็ได้ครับ เรายังจำได้ไหมครับว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เรากังวลใจเรื่องอะไร ผมว่าคำตอบของคนส่วนใหญ่คือลืมไปหมดแล้ว อย่าว่าแต่ 5 ปีเลยครับ บางทีย้อนไปแค่ 5 สัปดาห์ที่แล้ว เรายังลืมเลย นี่คือหลักฐานว่าสิ่งที่เรากังวลนั้นมันไม่ได้เกิดขึ้นหรือถึงเกิดขึ้นก็ไม่ได้ส่งผลกับเรามากนัก
แล้วเราจะทำอย่างไร หากเรามีทุกข์หรือมีความกังวล
ก็ต้องบอกแบบนี้ก่อนครับ อย่างแรกเราลองถามตัวเองว่าสิ่งที่เรากังวลนั้น เราควบคุมได้ไหม
ยกตัวอย่างเรื่องการสอบละกันครับ คือถ้าตอนนี้เป็นช่วงเวลาก่อนสอบ แล้วเรากังวลกลัวจะสอบตก แบบนี้สิ่งนี้เรายังพอควบคุมได้ โดยการอ่านหนังสือ
ถ้าเป็นแบบนี้วิธีแก้ไขก็คือรีบอ่านหนังสือซะ ถึงแม้ว่าจะขี้เกียจ แต่ลองคิดว่าอันนี้คือยารักษาความกังวลก็ได้ครับ
เวลาผมมีงานค้าง ผมก็กังวลครับ ยิ่งผัดวันประกันพรุ่งไป ก็ยิ่งกังวลเพิ่ม วิธีที่ช่วยได้มากที่สุดคือการเริ่มทำงานนั้น เริ่มนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ยังดี เชื่อไหม ความกังวลมันหายไปเยอะเลยครับ ถึงแม้ว่าจะเริ่มไปได้นิดเดียวเท่านั้น
แต่ถ้าเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ล่ะ เช่นจากตัวอย่างเดิม เราสอบไปแล้ว แต่เรากังวลใจว่าถ้าสอบตกมาจะทำอย่างไร
แบบนี้ต้องบอกว่า จะกังวลไป หรือจะทุกข์ไปก็ไม่ช่วยอะไร ความทุกข์ไม่ได้ทำให้เราได้เกรดดีขึ้น วิธีการแก้ไขที่ง่ายที่สุดคือการปล่อยวางครับ
ผมทราบครับว่าคงไม่ง่าย เพราะถ้าง่ายก็คงไม่กังวลตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่บางทีคำถามสั้น ๆ ว่ากังวลแล้วได้อะไร ก็อาจจะช่วยทำให้เราคิดได้
การปล่อยมือกับสิ่งที่เราแคร์มาก ๆ ทำได้ยากครับ แต่นี่คือยารักษาความทุกข์หรือความกังวลได้ดีที่สุดเลย เน้นอีกรอบนะครับ คือผมไม่ได้บอกว่าให้ปล่อยมือในทุกสถานการณ์ แต่ผมให้ปล่อยมือจากสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้
ถ้าเป็นคนที่ปล่อยมือได้ยาก ลองคิดวางแผนไว้สักหน่อยก็ได้ครับว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นจริง ๆ เราจะมีแผนรองรับอย่างไรที่ทำให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านฝ่าฟันความทุกข์และความกังวลไปได้นะครับ

อด ในสิ่งที่ชอบทน ในสิ่งที่ชัง...
30/03/2024

อด ในสิ่งที่ชอบ
ทน ในสิ่งที่ชัง...

อดทนกับคนในครอบครัวได้
นั่นคือ..ความรัก

อดทนต่อผู้อื่นได้
นั่นคือ..ความเคารพ

อดทนต่อสิ่งเย้ายวนได้
นั่นคือ..ความเข้มแข็งของจิตใจ

อดทนต่อผลงานที่ยังไม่เห็น
นั่นคือ..ศรัทธาต่อสิ่งที่ทำ

“อด” คือ พลังในการต่อสู้
กับความรู้สึกที่อยากได้แต่ไม่ได้

“ทน” คือ พลังในการต่อสู้
กับความรู้สึกที่ไม่อยากทำแต่ต้องทำ…

16/03/2024

จะมีเพื่อนทั้งที หาให้ได้แบบนี้

เบาหัวด้วย
13/03/2024

เบาหัวด้วย

ข้อคิดดีๆ
ที่ได้จากหนังสือ
วิชาใจเบา

1. รักตนเอง การเยียวยาจิตใจ นอกจากจะใช้วิธีที่ผู้เชี่ยวชาญบอกแล้ว หากเราต้องการที่จะเยียวยาจิตใจของเราให้ได้ผลจริง ๆ และยั่งยืน เราจะต้องเริ่มด้วยการรักตนเองให้ได้ก่อน การรักตนเองไม่ใช่การซื้อสิ่งของที่ตนเองต้องการให้ได้เยอะ ๆ เท่านั้น การรักตนเองไม่ใช่การยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลก แต่เป็นการยอมรับทุกอย่างของตนเองและปล่อยวางในสิ่งที่เราไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงมันได้ แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำในสิ่งที่เราทำได้ และทำให้ดีที่สุด ตราบใดที่สิ่งนั้นไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แล้วทำให้เรามีความสุข ก็ให้ทำไปเลยครับ เพราะสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นจะช่วยเยียวยาจิตใจให้กับเราได้เป็นอย่างดี

2. การทำสมาธิ ถ้าเราสามารถทำสมาธิได้อย่างถูกต้อง จะสามารถช่วยให้เรามีอิสระจากปัญหาและความวุ่ยวายต่าง ๆ ในชีวิตได้ สมาธิจะช่วยให้เราลดความกังวลและความเครียดลงไปได้อย่างมาก ถ้าหากเราสามารถทำสมาธิได้ทุกวัน เราจะค่อย ๆ เริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้ เราจะเป็นคนที่มีความมั่นใจทางจิตใจที่ดีขึ้น เราจะเป็นคนที่มีความตรงต่อเวลามากขึ้นถ้าเราต้องการ เราสามารถที่จะมีปฎสัมพันธ์กับผู้อื่นได้อย่างมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น หากเรามีการทำสมาธิได้ทุกวันก็จะยิ่งเป็นการดี

3. ความพยายามของคุณเป็นสิ่งสำคัญ การที่จะเยียวยาความเจ็บปวดของคุณได้ คุณจะต้องวางแผนและจัดการลงมือทำด้วยตนเอง การที่จะนั่งรอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยจะมีผลดีสักเท่าไหร่ แต่ถ้าคุณลงมือแก้ไขปัญหาตามแผนที่คุณได้วางเอาไว้ มันก็จะมีโอกาสที่คุณจะได้รับการเยียวยาที่ดีและเร็วขึ้น ถ้าคุณอยากจะสร้างชีวิตที่ดีขึ้น คุณจะต้องลงมือทำด้วยตนเอง แม้ว่าคนอื่น ๆ อาจจะช่วยเหลือคุณได้ แต่คนที่จะช่วยคุณได้มากที่สุดก็คือตัวคุณเอง

4. ค้นพบตนเอง ก่อนที่คุณจะทำการเยียวตนเองได้ คุณจะต้องรู้จักตนเองให้ดีขึ้นก่อน คุณจะต้องรู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้คุณเจ็บปวด การนั่งสมาธิจะช่วยให้คุณค้นพบตนเองได้ดีขึ้น แม้ว่าในช่วงแรกของการฝึก ด้วยความที่ไม่เคยชิน คุณอาจจะรู้สึกอยากเลิกนั่งสมาธิเดี่ยวนั้นเลย แต่ถ้าคุณพยายามฝึกไปตามแบบแผนที่วางเอาไว้ ในเวลาแค่ไม่กี่วันคุณก็จะเริ่มเคยชิน และสามารถที่จะทำสมาธิได้โดยที่ไม่รู้สึกต่อต้านมากนัก เมื่อคุณฝึกบ่อย ๆ คุณก็จะเริ่มรับรู้ถึงตัวตนของคุณที่อยู่ภายในมากขึ้น สิ่งนี้จะทำให้คุณค้นพบต้นตอของปัญหา และคุณก็จะค่อย ๆ รู้ว่าคุณจะต้องทำอย่างไร ความกระวนกระวายใจของคุณถึงจะได้รับการเยียวยา

5. ยิ่งทำสมาธิได้มากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งได้รับการเยียวยามากเท่านั้น ความเจ็บปวดภายในใจของคุณก็เปรียบเสมือนกองไฟกองใหญ่ที่มาสุมอยู่ใกล้ ๆ คุณ โดยที่คุรไม่อาจที่จะหนีไปไหนได้ เพราะมีเชือกผูกคุณไว้กับกองไฟนั้นอยู่ แต่การทำสมาธินั้นจะช่วยให้คุณถอยห่างจากความทุกข์ใจ เปรียบได้กับการที่คุณสามารถที่จะเดินออกห่างจากกองไฟได้มากขึ้น คุณสามารถที่จะยืดเชือกเส้นนั้นออกได้มากขึ้น ยิ่งคุณทำสมาธิมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งออกห่างจากกองไฟได้มากเท่านั้น ความร้อนของไฟก็จะน้อยลงไปเรื่อย ๆ แม้ว่าคุณจะยังไม่อาจตัดเชือกได้ แต่ก็ทำให้คุณเจ็บปวดน้อยลงได้ ที่นี้ก็อยู่ที่คุณแล้วว่าคุณจะขยันออกห่างจากกองไฟได้บ่อยแค่ไหนเท่านั้น

6. ต้องเปลี่ยนแปลงจากภายใน การที่คุณจะทำให้ความเครียดหายไปได้ คุณจะต้องเปลี่ยนแปลงจากตัวของคุณก่อน สิ่งที่คุณจะต้องเข้าใจก็คือ เราทุกคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของอดีตของตนเอง ที่ผ่านมาเรามักจะปล่อยให้ความโกรธ คำพูด และการกระทำมีอำนาจเหนือเรา จนเราต้องเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนที่ยากที่สุดก็คือ ในช่วงแรกของการฝึกฝน คุณจะพบกับความอึดอัดและแรงต่อต้านของตัวคุณเอง ความยากลำบากเหล่านี้ล้วนเกิดจากความที่ไม่คุ้นเคย แต่ถ้าคุณอดทนและฝึกฝนสมาธิให้ได้บ่อย ๆ คุณก็จะเริ่มเคยชินและต่อต้านน้อยลง เมื่อนั้นคุณก็จะมีความสามารถในการปล่อยวางเรื่องที่ทำให้คุณเจ็บปวดได้มากขึ้นไปตามลำดับ

สั่งซื้อ
Shopee : https://shope.ee/3pyzHi5wUW
Lazada : https://s.lazada.co.th/s.mn3FZ?cc
#หากคัดลอกไปกรุณาไม่ตัดส่วนนี้นะครับ

Amarin HOW-TO

ที่อยู่

ที่อยู่
Nakhon Ratchasima
30000

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ อยุ่อย่างเด็ดเดี่ยว เจี๊ยวจ๊าวอย่างทรนงผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

วิดีโอทั้งหมด

แชร์


ครีเอเตอร์ดิจิทัล อื่นๆใน Nakhon Ratchasima

แสดงผลทั้งหมด

คุณอาจจะชอบ