09/12/2024
🦠 45 ปีแห่งความสำเร็จ "โรคฝีดาษ" โรคติดต่อหนึ่งเดียว ที่ถูกกำจัดสิ้นซากจากโลก 🌍
📝 🦠 โรคฝีดาษคืออะไร?
"โรคฝีดาษ" หรือที่รู้จักในชื่อ "ไข้ทรพิษ" และ "ไข้หัว" เป็นโรคติดเชื้อร้ายแรง ที่เกิดจากเชื้อไวรัส Variola ซึ่งแบ่งออกเป็นสองสายพันธุ์ ได้แก่ Variola major และ Variola minor โดยเชื้อไวรัสนี้ อยู่ในตระกูล Orthopoxvirus 🦠
โรคนี้ทำให้เกิดผื่นตุ่มพองทั่วร่างกาย ซึ่งทิ้งรอยแผลเป็น และในบางกรณี อาจทำให้ตาบอดได้ อัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้ อยู่ที่ประมาณ 30% โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ที่มีความเสี่ยงสูงสุด 😔
🔍 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโรคฝีดาษ
ต้นกำเนิด หลักฐานการระบาดครั้งแรก ในมัมมี่อียิปต์ (ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล)
การแพร่เชื้อ ผ่านการสัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย หรือละอองจากแผลฝีดาษ
การรักษา ไม่มียารักษาเฉพาะ แต่การฉีดวัคซีนช่วยป้องกันได้
🔥 การแพร่ระบาด และอันตรายของโรคฝีดาษ
โรคฝีดาษเป็นโรคติดต่อร้ายแรง ที่สร้างความหวาดกลัวทั่วโลก มายาวนานกว่าสองพันปี โดยเฉพาะในศตวรรษที่ 18 โรคนี้คร่าชีวิตผู้คนถึง 400,000 คนต่อปี ในยุโรป และมีบทบาทสำคัญ ในการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์โลก 🕰️
🌐 สถิติสำคัญเกี่ยวกับโรคฝีดาษ
ในศตวรรษที่ 20 โรคฝีดาษคร่าชีวิตคนไปถึง 300 ล้านคน
ในปี 1967 มีผู้ติดเชื้อถึง 15 ล้านรายต่อปี
ผู้ป่วยมักมีแผลเป็นทั่วตัว และบางคนอาจสูญเสียการมองเห็น 🧑🦯
โรคนี้ระบาดผ่านการสัมผัสใกล้ชิด หรือผ่านวัตถุที่ปนเปื้อน เช่น เสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน ทำให้สามารถแพร่ระบาดได้ง่าย แม้ในสถานที่ ที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด 😷
💉 การค้นพบ และการพัฒนาวัคซีน
🧑⚕️ การปลูกฝีในยุคแรก
การปลูกฝี เพื่อป้องกันโรคฝีดาษ เริ่มต้นขึ้นในประเทศจีนราวปี ค.ศ. 1500 ซึ่งชาวจีนใช้วิธีการ นำหนองจากตุ่มฝีดาษของผู้ป่วย ไปปลูกในคนที่ยังไม่ติดเชื้อ เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
🌟 การคิดค้นวัคซีนโดย เอดเวิร์ด เจนเนอร์
ในปี ค.ศ. 1796 แพทย์ชาวอังกฤษชื่อ "เอดเวิร์ด เจนเนอร์" (Edward Jenner) ได้ค้นพบวัคซีน ป้องกันไข้ทรพิษสมัยใหม่ จากการสังเกตว่าวัว ที่เป็นโรคฝีดาษวัว (cowpox) สามารถสร้างภูมิคุ้มกันโรคฝีดาษ ในคนได้ 🐄
การค้นพบครั้งนี้ ถือเป็นก้าวแรกในการควบคุมโรคฝีดาษ อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นพื้นฐาน ของการพัฒนาวัคซีนในยุคต่อมา 💉
🌍 แผนการกำจัดโรคฝีดาษ ขององค์การอนามัยโลก (WHO)
📆 แคมเปญระดับโลกในปี 1967
ในปี ค.ศ. 1967 องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ริเริ่มแคมเปญระดับโลกในการกำจัดโรคฝีดาษ โดยใช้กลยุทธ์หลักดังนี้
การฉีดวัคซีน ครอบคลุมทุกพื้นที่เสี่ยง
การกักกัน และควบคุมการแพร่ระบาด
การติดตาม และเฝ้าระวังผู้ป่วยอย่างเข้มงวด
ด้วยความร่วมมือ จากทุกประเทศทั่วโลก ความพยายามเหล่านี้ นำไปสู่การลดจำนวนผู้ติดเชื้อ จนกระทั่งพบผู้ป่วยรายสุดท้าย ในปี ค.ศ. 1977 👏
🗓️ เหตุการณ์สำคัญ การรับรองการหมดไปของโรคฝีดาษ
✅ วันที่ 9 ธันวาคม 2522
ในวันที่ 9 ธันวาคม 2522 คณะกรรมการนักวิทยาศาสตร์ จากองค์การอนามัยโลก ได้ประกาศรับรองว่า โรคฝีดาษได้ถูกกำจัดไปจากโลก อย่างสมบูรณ์ นับเป็นโรคติดต่อในมนุษย์โรคเดียว ที่ถูกกำจัดได้สำเร็จ 🌟 ถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ของวงการแพทย์ และสาธารณสุขโลก 🏥
🌱 ผลกระทบหลังการกำจัดโรคฝีดาษ
สร้างความมั่นใจ ในระบบสาธารณสุขโลก 🌐
เป็นต้นแบบ สำหรับการกำจัดโรคอื่นๆ เช่น โรคโปลิโอและโรคหัด
ลดภาระทางเศรษฐกิจ และสังคม จากการรักษา และการควบคุมการแพร่ระบาด
🎯 ข้อคิดจากความสำเร็จ
ความสำเร็จในการกำจัดโรคฝีดาษ เป็นบทเรียนที่สำคัญ ในการต่อสู้กับโรคติดต่อร้ายแรง ความร่วมมือระดับโลก การพัฒนาวัคซีน และการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด คือกุญแจสำคัญ ในการเอาชนะโรคร้าย 🗝️
🌍 เราเชื่อว่า หากโลกยังคงร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง โรคติดต่ออื่นๆ ก็สามารถถูกกำจัดได้เช่นกัน!
❓ FAQs: คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับโรคฝีดาษ
1. โรคฝีดาษเกิดจากอะไร?
โรคฝีดาษเกิดจากเชื้อไวรัส Variola ซึ่งแบ่งออกเป็น Variola major และ Variola minor 🦠
2. อาการของโรคฝีดาษคืออะไร?
มีไข้, อาเจียน, ผื่นตุ่มพอง และทิ้งรอยแผลเป็นถาวร 😷
3. โรคฝีดาษถูกกำจัดเมื่อไหร่?
องค์การอนามัยโลก รับรองการกำจัดโรคฝีดาษ ในวันที่ 9 ธันวาคม 2522 ✅
อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 091507 ธ.ค. 2567
🏷️ 📢 #โรคฝีดาษ #ไข้ทรพิษ #วัคซีน #สุขภาพโลก #การกำจัดโรค #โรคติดต่อ #โรคในประวัติศาสตร์ #การแพทย์