24/04/2024
การว่ายน้ำกับฉลามวาฬที่ Oslob เป็นที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่ครั้งที่เริ่มมีกิจกรรมนี้ หลายคนมีความเชื่อแบบผิดๆว่าการดำน้ำกับฉลามวาฬนั้นไม่ก่อให้เกิดผลเสีย บางคนพูดด้วยซ้ำว่ามันการอนุรักษ์ ลองมาดูเหตุผลว่าทำไมเราถึงไม่สมควรสนับสนุนกิจกรรมนี้
1. Contact & interaction
นักท่องเที่ยวหลายๆคนไม่ปฏิบัติตามกฎและข้อบังคับเกี่ยวกับการว่ายน้ำกับฉลามวาฬ นอกจากนี้แล้วผู้คนที่ฝ่าฝืนกฎยังไม่ได้รับการลงโทษ
ฉลามวาฬเป็นสัตว์คุ้มครองตามข้อบังคับของฟิลิปปินส์ในหัวข้อของการอนุรักษ์และการปกป้องถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ตามธรรมชาติ เป็นเรื่องผิดกฎหมายที่คนเราจะไปรบกวนฉลามวาฬ
มีการสำรวจพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวว่าปฏิบัติตามกฎหรือไม่ จากการสำรวจทั้งหมด 3,849 นาที โดยเป็นการแบ่งสำรวจครั้งละ 20 นาทีหรือจนกว่าฉลามวาฬจะว่ายออกไป พบว่ามีการสัมผัสฉลามวาฬทั้งหมด 1,823 ครั้ง หรือเฉลี่ยสูงถึง 29 ครั้งต่อชั่วโมง
นอกจากนี้ยังพบอีกว่า 89% ของการสัมผัสฉลามวาฬมาจากพนักงานทัวร์หรือคนให้อาหารโดยแตะที่ปากหรือใช้เท้ายันฉลามวาฬเพื่อป้องกันไม่ให้ฉลามวาฬเข้ามาชนเรือ หลายๆครั้งที่คนให้อาหารพยายามผลักฉลามวาฬออกไปเพราะไม่ต้องการให้อาหารจนฉลามวาฬอิ่มเพื่อที่จะได้กลับมาให้อาหารฉลามวาฬอีกครั้งเมื่อมีกรุ๊ปทัวร์กรุ๊ปใหม่มา
2. Behaviour modification & injuries
การให้อาหารฉลามวาฬที่ Oslob เป็นการทำให้ฉลามวาฬเข้าใจว่าถ้ามีเรือและมนุษย์แสดงว่ามีอาหารส่งผลให้ฉลามวาฬที่ Oslob ว่ายน้ำเข้าหาเรือ แทนที่จะว่ายหนี
เมื่อฉลามว่ายออกสู่ทะเลเปิดที่อนุญาตให้มีการทำประมงมันอาจว่าเข้าหาเรือประมง ซึ่งโดยปกติแล้วฉลามวาฬเป็นสัตว์ที่ย้ายถิ่นฐานอยู่เรื่อยๆ ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะว่ายไปเจอเรือประมงเข้า
แล้วอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉลามวาฬไม่ควรถูกสัมผัสจากคนหรือเรือ?
สัตว์น้ำนั้นโดยปกติแล้วจะไม่เคยได้สัมผัสกับแบคทีเรียชนิดเดียวกับที่มนุษย์ได้สัมผัส มนุษย์ทุกคนมีแบคทีเรียอยู่ที่ผิวหนัง อาจทำให้ฉลามได้รับเชื้อจากการสัมผัสที่มากเกินไปได้
การสัมผัสหรือในหลายๆครั้งเป็นการเสียดสีทำให้ฉลามวาฬบาดเจ็บได้ แผลจากการเสียดสีมีลักษณะเป็นสีขาวลักษณะคล้ายฟองน้ำเป็นรอยอยู่ใกล้ๆกับบริเวณปาก บางครั้งแผลก็ออกเป็นสีแดง
เมื่อมีฉลามวาฬใหม่ๆว่ายเข้ามา พวกมันไม่มีแผลลักษณะนี้อยู่เลย แต่หลังจาก 1 สัปดาห์ผ่านไปแผลเหล่านี้ก็ค่อยๆปรากฏขึ้น นอกจากแผลที่บริเวณปากแล้วบริเวณครีบหลังก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่เกิดแผลได้บ่อย สาเหตุก็เกิดจากการเสียดสีกับเรือนั่นเอง
ที่ Oslob ไม่อนุญาตให้นำเรือที่มีใบพัดเข้าไป เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายกับฉลามวาฬ แต่เมื่อฉลามวาฬว่ายออกสู่พื้นที่อื่น มันไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเรือลำไหนมีใบพัดหรือไม่มี นี่ส่งผลให้ในปี 2012 มีฉลามวาฬตัวหนึ่ง ได้รับบาดเจ็บจากการว่ายน้ำเข้าหาเรือที่มีใบพัด มันถูกใบพัดของเรือบาดเข้าที่ใบหน้าและดวงตา
3. Changes to migration
ฉลามวาฬเป็นสัตว์ที่มีการอพยพอยู่ตลอด โดยปกติแล้วฉลามวาฬจะว่ายน้ำตามเส้นทางโภชนาการ พูดง่ายๆก็คือฤดูไหนที่ไหนมีแพลงก์ตอนเยอะ ฉลามวาฬก็จะว่ายไปหานั่นเอง ฉลามวาฬนั้นอพยพเป็นระยะทางไกล ผ่านหลายน่านน้ำและหลายประเทศ ฉลามวาฬที่ถูกติดแทกในฟิลิปปินส์ บางตัวถูกพบว่าว่ายน้ำไปไกลถึงไต้หวัน
โดยปกติแล้ว ช่วงเวลาที่ฉลามวาฬจะเข้ามาหากินที่ Oslob มีเพียงแค่ 60 วัน ปัจจุบันนี้ มีชาวประมงนำอาหารมาให้ฉลามวาฬเพื่อล่อให้มันอยู่ แทนที่จะให้มันได้ออกไปหาอาหารที่แหล่งอื่น ในปี 2013 พบว่าฉลามวาฬตัวหนึ่ง อาศัยอยู่ที่ Oslob นานถึง 392 วัน
การรบกวนการอพยพของฉลามวาฬอาจก่อให้เกิดผลกระทบกับวงจรชีวิตของฉลามวาฬ มันอาจไม่ได้ผสมพันธุ์ในสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมเพราะถูกขัดขวางไม่ให้พวกมันดำรงชีวิตตามที่ควรจะเป็น ในขณะนี้ยังมีการศึกษาเกี่ยวกับการสืบพันธุ์ของฉลามวาฬน้อยมาก สิ่งเหล่านี้อาจก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงกับดำรงเผ่าพันธุ์ของฉลามวาฬก็เป็นได้
4. Poor nutrition
นอกจากผลกระทบในด้านการสืบพันธุ์แล้ว การที่ฉลามวาฬไม่อพยพยังก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายของฉลามวาฬเองด้วย แทนที่ฉลามวาฬจะว่ายน้ำไปยังสถานที่ต่างๆ การอาศัยอยู่แต่ใน Oslob ทำให้ฉลามวาฬเป็นโรคขาดสารอาหาร
โภชนาการของฉลามวาฬใน Oslob ยังเป็นที่กังขา ใน Oslob มีแพลงก์ตอนอยู่ 12 ชนิด ซึ่งก็ถือว่ามาก แต่เมื่อแพลงก์ตอนใน Oslob เริ่มลดลง แพลงก์ตอนจากพื้นที่อื่นๆถูกนำเข้ามาแทนที่ เช่นแพลงก์ตอนจาก llo-llo และ Bacolod ซึ่งเมื่อนำมาศึกษาแล้วพบว่ามีแพลงก์ตอนเพียงแค่ 5 ชนิด
ปัญหาฉลามวาฬขาดสาอาหารกิดจาก สารอาหารถูกทำลายไปเนื่องมาจากไม่มีการจัดเก็บแพลงก์ตอนที่ดี บางครั้งก็พบว่าแพลงก์ตอนถูกนำใส่กระป๋องส่งมาจากสถานที่ที่อยู่ไกลจาก Oslob ถึง 400 กิโลเมตร การปนเปื้อนของสิ่งแปลกปลอมอื่นๆในแพลงก์ตอน ชนิดของแพลงก์ตอนนั้นไม่หลากหลาย เนื่องจากชาวประมงรู้จักวิธีการจับแพลงก์ตอนเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น ลองคิดดูสิ ถ้าคุณต้องกินเพียงแต่เฟร้นช์ฟรายจากร้านอาหาร fast food ทุกวันแทนที่จะได้กินอาหารอย่างหลากหลายจะเป็นยังไง
หลายๆครั้งที่ฉลามวาฬว่ายน้ำไล่ตามเรือที่มาให้อาหาร พวกมันต้องใข้พลังงานเยอะ แต่กลับไม่ได้รับอาหารที่ดีในปริมาณที่พอเหมาะ
5. You can see them in the wild
ข้อสุดท้ายแต่สำคัญไม่แพ้กัน เหตุผลที่ดีที่สุดที่คุณไม่ควรไปดูฉลามวาฬที่ Oslob คือคุณก็สามารถดูฉลามวาฬได้ที่ภูมิภาคอื่นๆในฟิลิปปินส์ (และที่อื่นๆในโลกด้วย)
ยังมีสถานที่อื่นๆในฟิลิปปินส์ที่ฉลามวาฬมาปรากฏกายให้เห็น พวกมันอพยพไปตามชายฝั่ง ในภาพด้านล่างเป็นภาพที่นักท่องเที่ยวถ่ายฉลามวาฬไว้ได้เมื่อได้เจอมันในธรรมชาติ การได้พบเจอกับฉลามวาฬในธรรมชาติเป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจและอัศจรรย์ใจ ลองนึกดูว่าระหว่างการไปดูสิงโตในสวนสัตว์ที่ถูกขังอยู่ในกรงกับการได้เจอสิงโตในซาฟารีในแอฟริกา มันเป็นความรู้สึกต่างกันที่ยากจะบอก
#ดำน้ำกับ “ #ฉลามวาฬ”
#ว่ายน้ำกับฉลามวาฬที่ #เกาะเซบู #ประเทศฟิลิปปินส์