09/09/2021
วันนี้ ( 9 กันยายน 2564 ) สถานีวิทยุสตาร์เอฟเอ็ม 102.50 MHz นาน้อย น่าน ร่วมกับ “สมาคมสภาวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์” และ “สมาคมสื่อชื่อสะอาด” ยื่นหนังสือคัดค้านกรณีการจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุกระจายเสียงที่จะเกิดขึ้นในปี 2565 แก่ ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบ กสทช.
—————————————————————————
รายละเอียดข่าว เครดิต ข่าวสมาคมสื่อช่อสะอาด
กลุ่มสถานีวิทยุท้องถิ่น ร้อง ป.ป.ช. ตรวจสอบ กสทช. กรณีจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุกิจการกระจายเสียงระบบเอฟเอ็มและกำลังส่ง ชี้จุดสังเกตเอื้อประโยชน์ 313 สถานี
ประกอบด้วย สถานีวิทยุสมาชิกสมาคมสื่อช่อสะอาด และสมาคมสภาวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้สอบข้อเท็จจริงกรณีการจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุกระจายเสียงที่จะเกิดขึ้นในปี 2565 โดยมิให้เกิดการผูกขาดหรือการครอบงำตลาด
นายกิตติธัช ภูธนะโภคิน นายกสมาคมสภาวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ผู้ประกอบกิจการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ด้วยปรากฏข้อเท็จจริงว่า คณะกรรมการ กสทช. และสำนักงาน กสทช. ได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็น ร่างประกาศที่เกี่ยวกับการจัดสรรคลื่นความถี่ จำนวน 6 ฉบับ เมื่อวันที่ 30 กรกฏาคม 2564 นั้น มีการนำข้อมูลของสถานีของรัฐและรัฐวิสาหกิจ 27 หน่วยงาน จำนวน 313 สถานี ซึ่งเป็นสถานีกำลังส่งสูงตั้งแต่ 700 วัตต์ จนถึง 40,000 วัตต์ มาบรรจุในร่างแผนความถี่นั้น จากเหตุดังกล่าวทำให้ ช่องคลื่นวิทยุ เอฟเอ็ม เกินกว่าครึ่ง จะอยู่ในการครอบครองของรัฐเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งปัจจุบันมีการให้สัมปทานเอกชน ในขณะที่ ผู้ทดลองประกอบกิจการ ซึ่งเป็นสถานีขนาดเล็ก หรือ สถานีวิทยุท้องถิ่น ปัจจุบันเหลือประมาณ 4,000 สถานี ใช้กำลังส่งออกอากาศ 500 วัตต์ ถูกกติกาใหม่ให้ลดกำลังส่งเหลือเพียง 50 วัตต์เท่านั้น ซึ่งต่างกับสถานีหลัก 313 สถานีอย่างมากมาย
นางมยุรา หาญจิต เลขาธิการสมาคมสื่อช่อสะอาด ผู้ประกอบกิจการจังหวัดแพร่ กล่าวว่า คณะกรรมการ กสทช. มีมติเห็นชอบยกเลิกสถานีวิทยุทดลองภาคประชาชน (กำลังส่ง 500 วัตต์) จำนวนกว่า 4,000 สถานี พร้อมกันในวันที่ 3 เมษายน 2565 เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบการอนุญาต โดยกำหนดเงื่อนไขสำหรับสถานีวิทยุทดลองเดิมให้ใช้งานคลื่นความถี่ระบบเอฟเอ็มกำลังส่งต่ำ กำหนดลดกำลังส่งเหลือ 50 วัตต์ ทำให้อาจแหลือสถานีเดินหน้าตามกติกาใหม่ได้ไม่ถึง 1,000 สถานี อาจเป็นเจตนาแฝงแต่แรกของ กสทช. ที่ตั้งกฏกติกาไม่เป็นธรรม ในขณะที่กฏกติกาสถานีวิทยุหลักเดิม 313 สถานี ที่มีบริษัทเอกชนรับสัมปทานเช่าเหมาไปทำธุรกิจรับจ้างโฆษณาประชาสัมพันธ์อยู่นั้น ยังคงออกอากาศด้วยกำลังส่งแรงตามเดิม (กำลังส่ง 700-40,000 วัตต์) ปรากฏในตารางที่ 5 ทำให้ประชาชนขาดโอกาสและเกิดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร พวกเราจึงมายื่นหนังสือให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบการจัดสรรคลื่นความถี่ ซึ่งเป็นการป้องกันเชิงรุกตามนโยบาย ป.ป.ช.
นายสนทยา ทิจะยัง นายกสมาคมวิทยุกระจายและนักประชาสัมพันธ์นครสวรรค์ ผู้ประกอบกิจการจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวว่า เมื่อตรวจสอบร่างประกาศที่เกี่ยวกับการจัดสรรคลื่นความถี่ จำนวน 6 ฉบับ จะพบว่า ร่างแผนความถี่ควรเป็นฉบับเดียว แต่ถูกแบ่งเป็น 2 ฉบับที่มีความคล้ายคลึงกันมาก ยกเว้น ตารางที่ 5 ในร่างแผนความถี่วิทยุกิจการกระจายเสียงระบบเอฟเอ็ม ปรากฎรายชื่อสถานีวิทยุจำนวน 313 สถานี กำหนดพิกัดที่ตั้ง คลื่นความถี่ กำลังส่ง ความสูงสายอากาศ แบบมีนัยสำคัญโดยมิได้บริหารจัดการทรัพยากรคลื่นความถี่ที่มีอยู่จำกัดให้มีประสิทธิภาพเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในทุกระดับ
นายประเสริฐ หลานรอด ผู้ประกอบกิจการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า กสทช. ควรเรียกคืนคลื่นเอฟเอ็มทั้งหมดเพื่อนำมาจัดสรรคลื่นความถี่ใหม่ และต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส เป็นธรรม คุ้มค่าต่อทรัพยากรของชาติที่มีอยู่อย่างจำกัด ไม่เลือกปฏิบัติกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอย่างย่อมเล็งเห็นผล เช่น การเอื้อประโยชน์กลุ่มสถานีวิทยุ 313 แห่งสังกัดหน่วยงานรัฐ ที่ปัจจุบันให้บริษัทเอกชนรับสัมปทานเช่าเหมาไปทำธุรกิจรับจ้างโฆษณาประชาสัมพันธ์ และทำให้สถานีผู้ทดลองประกอบกิจการฯกว่า 4,000 สถานี อาจต้องเลิกกิจการไปถึง 3,000 สถานี ส่งผลให้คนตกงานเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมากหลายหมื่นคน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจและสังคมโรคระบาดในยุคปัจจุบัน ไม่พัฒนาและเข้าถึงอย่างแท้จริง และส่อทุจริตเชิงนโยบาย
นายภุชงค์ รักชาติสกุลไทย ผู้ประกอบกิจการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กสทช. จัดสรรคลื่นสถานีวิทยุกระจายเสียงในครั้งนี้ จะทำให้สื่อภาคประชาชนอ่อนแอ ขาดโอกาสเข้าถึงข่าวสารความรู้อย่างสม่ำเสมอไม่เท่าทันสถานการณ์ ส่งผลกระทบต่อการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับประยุกต์เป็นหลักความพอเพียงในการทำงานและป้องกันการทุจริตอย่างยั่งยืน
ประสานงาน :
สำนักเลขาธิการสมาคมสื่อช่อสะอาด
โทรศัพท์ 081-616-6955
เว็บไซต์ https://www.chorsaard.or.th
อีเมล [email protected]