ข่าวสารงานรัฐ PR.Loei

ข่าวสารงานรัฐ PR.Loei อัพเดทข่าวสารงานรัฐ โดยเพจสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเลย

15/12/2024
‘จิราพร‘ ยินดี ‘แพทองธาร‘ ติดอันดับ 29 ’สตรีทรงอิทธิพล‘ จาก 100 คนทั่วโลก ของนิตยสาร Forbes/////////นางสาวจิราพร สินธุไพ...
14/12/2024

‘จิราพร‘ ยินดี ‘แพทองธาร‘ ติดอันดับ 29 ’สตรีทรงอิทธิพล‘ จาก 100 คนทั่วโลก ของนิตยสาร Forbes

/////////

นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ผลการจัดอันดับ Top 100 The World’s Most Powerful Women ประจำปี 2024 ของนิตยสาร Forbes ซึ่งเป็นนิตยสารเกี่ยวกับธุรกิจและการเงินที่ทรงอิทธิพล มีชื่อเสียงระดับโลก ปรากฎชื่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ติดอันดับที่ 29 จากสตรีทรงอิทธิพล 100 คนทั่วโลก และถือเป็นสตรีที่ทรงอิทธิพลอันดับ 3 ของเอเชีย ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีที่นานาประเทศเล็งเห็นถึงศักยภาพผู้นำหญิงของไทยที่มีความโดดเด่นในเวทีโลก

“นางสาวแพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย โดยนับแต่ก้าวแรกที่เข้ามาดำรงตำแหน่ง ได้แสดงภาวะผู้นำในการรับมือกับภาวะวิกฤตภายในประเทศหลายเหตุการณ์ โดยเฉพาะการจัดการปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัด เหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสนักเรียน ที่ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ รวมถึงเดินหน้าผลักดันนโยบายต่างๆ ต่อเนื่องจากรัฐบาล อดีตนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ซึ่งจากการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาล รอบ 90 วันที่ผ่านมา มีหลายนโยบายที่ทำสำเร็จไปแล้วและจะมีการดำเนินการต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น พักหนี้เกษตรกร 3 ปี การกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยฟรีวีซ่า โครงการเงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจ กฎหมายสมรสเท่าเทียม โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ การแก้ปัญหาไร้สัญชาติให้กับกลุ่มชาติพันธ์ุ รวมถึงยังมีนโยบายที่ให้ความสำคัญกับสตรี เช่น การฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดฟรีสำหรับผู้หญิงทุกคน เป็นต้น ” นางสาวจิราพร กล่าว

นางสาวจิราพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมานางสาวแพทองธารยังเคยถูกจัดอันดับ 1 ใน 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต (Time 100 Next) ของนิตยสารไทม์ (Time) สหรัฐอเมริกา ในประเภทผู้นำ (Leaders) ร่วมกับผู้นำรุ่นใหม่ทั่วโลก รวมถึงยังได้รับความนิยมอันดับ 1 ในฐานะนักการเมืองที่โดดเด่นที่สุดของ ’สวนดุสิตโพล’ แสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำหญิงยุคใหม่ที่ได้รับความสนใจจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ

////////////////////////////////////////////

กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับจังหวัดภูเก็ต และสมาคมเพอรานากัน ประเทศไทย เเละชาวภูเก็ตร่วมเฉลิมฉลองการได้รับประกาศ “ต้มยำกุ้ง” ...
14/12/2024

กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับจังหวัดภูเก็ต และสมาคมเพอรานากัน ประเทศไทย เเละชาวภูเก็ตร่วมเฉลิมฉลองการได้รับประกาศ “ต้มยำกุ้ง” เเละชุดเเต่งกาย “เคบายา” ขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ พร้อมต่อยอดเศรษฐกิจวัฒนธรรมสร้างงาน สร้างรายได้ เสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

นับเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่ชาวภูเก็ตร่วมเดินเเห่เฉลิมฉลองการได้รับประกาศ “ต้มยำกุ้ง” และชุดแต่งกาย “เคบายา” เป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ โดยองค์การยูเนสโก เป็นภาพที่สวยงามสุดตระการตา นำขบวนโดยนายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต
หัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน ชาวภูเก็ตต่างสวมใส่ชุดเคบายา ชุดพื้นเมือง บาบ๋า ย่าหยา ร่วมขบวนอย่างสวยงาม เคลื่อนขบวนเฉลิมฉลองจากสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชินี (ลานมังกร) ไปยังหน้าภัตตาคารบลูอิเลฟเฟ่นภูเก็ตรวมระยะทาง 850 เมตรโดยมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นจำนวนมากพร้อมเก็บภาพความประทับใจตลอดเส้นทาง
ก่อนที่จะพิธีเปิดอย่างเป็นทางการโดยนายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยนายประสพ เรียงเงิน อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม พร้อมผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กงสุลกิตติมศักดิ์ นายกสมาคมเพอรานากันประเทศไทย เเละภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ณ ภัตตาคารบลูอิเลฟเฟ่นภูเก็ต
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวแสดงความยินดีในงานเฉลิมฉลองว่าเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับประเทศไทยที่มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ได้รับการประกาศยกย่องขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ 2 รายการ ได้แก่ “ต้มยำกุ้ง” และ ชุดแต่งกาย “เคบายา” โดยองค์การยูเนสโก ซึ่งการได้รับยกย่องในครั้งนี้จะทำให้ประชาชนชาวไทย ทั้งในส่วนผู้ประกอบอาหาร และผู้บริโภคต่างเกิดความภาคภูมิใจ และทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็จะสนใจหาชิมต้มยำกุ้งกันมากขึ้น สร้างรายได้และเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำจากชาวประมงจนถึงผู้ประกอบกิจการอาหาร และผู้ที่เป็นแรงงานในกิจการดังกล่าว ส่วนชุดแต่งกาย “เคบายา” เป็นวัฒนธรรมร่วมของ 5 ประเทศ ที่แสดงถึงความสัมพันธ์ของชุมชนไทยจรดแหลมมลายู ที่มีมากว่า 400 ปี “เคบายา” เป็นชุดที่ก้าวผ่านกาลเวลา เชื่อมรอยต่อของชุมชนต่าง ๆ ทั้งชาวไทยพุทธ มุสลิม จีน ชวา และเพอรานากัน มีความงดงามที่เกิดจากการร่วมกันสร้างสรรค์ของสตรีในชุมชนต่าง ๆ เเละหลังจากนี้จะส่งเสริมสนับสนุนให้ส่วนราชการในจังหวัดภูเก็ต เเต่งกายชุดเคบายาทุกวันพฤหัสบดี เพื่อสืบสานวัฒนธรรมต่อไป
นอกจากนี้ การฉลองการประกาศขึ้นทะเบียน “ต้มยำกุ้ง” และ “เคบายา” เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ รัฐบาลและประชาชนไทยได้ประกาศเจตนารมณ์ในการรักษาและสืบทอด รายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม “ต้มยำกุ้ง” และ “เคบายา” โดยจะร่วมกันรักษา ถ่ายทอด และสร้างสรรค์มรดกภูมิปัญญาให้มีการปฏิบัติและสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ด้วยมาตรการส่งเสริมและรักษาที่เหมาะสม รวมทั้งให้ความเคารพและยอมรับต่อวิถีปฏิบัติของทุกชุมชน 2.จะส่งเสริมให้เกิดความตระหนักรู้ถึงคุณค่า และความสำคัญของมรดกภูมิปัญญา ในฐานะตัวแทนมรดกวัฒนธรรมฯ ซึ่งสะท้อนความหลากหลายทางวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ และพัฒนาที่ยั่งยืน 3.จะเปิดโอกาสอย่างทั่วถึงแก่คนทุกเชื้อชาติ ทุกเพศ ทุกภาษาและทุกศาสนา ให้ร่วมกันส่งเสริม รักษา และสืบทอดมรดกภูมิปัญญา ทั้ง 2 รายการ ในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อสนับสนุนให้มรดกภูมิปัญญา “ต้มยำกุ้ง” และ “เคบายา” ดึงดูดให้ผู้คนจากทุกมุมโลกเข้ามาในประเทศ ช่วยสร้างงานสร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ เสริมสร้างขีดความสามารถของประชาชนในการให้บริการ ด้วยการพัฒนาแรงงาน ส่งเสริมอาชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อสร้างรายได้ให้กับครัวเรือนและส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนวัฒนธรรมต่อไป

วันนี้ (วันที่ 14 ธันวาคม 2567) เวลา 17.25 น.  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราช...
14/12/2024

วันนี้ (วันที่ 14 ธันวาคม 2567) เวลา 17.25 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด “สะพานทศมราชัน” ณ สะพานทศมราชัน ทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง -วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร

เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงบริเวณสะพานทศมราชัน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้บริหาร และข้าราชการ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ จากนั้น เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีล จบ เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสูจิบัตร แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายบัตร Easy Pass ที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมาของการก่อสร้าง “สะพานทศมราชัน” โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังแท่นพิธี ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้ายชื่อ “สะพานทศมราชัน” พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้อง ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ เสร็จแล้ว เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายรัชนัย เปรมปราคิน ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย กราบบังคมทูลเบิกผู้มีอุปการคุณ เข้ารับพระราชทานของที่ระลึก เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรนิทรรศการเกี่ยวกับความเป็นมาของการก่อสร้าง “สะพานทศมราชัน” รูปแบบและแนวคิดในการออกแบบงานสถาปัตยกรรมของสะพานทศมราชัน จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และนายชาตรี ตันศิริ รองผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (วิศวกรรมและบำรุงรักษา) เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายของที่ระลึก แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปยังห้องรับรอง ทรงลงพระปรมาภิไธย และพระนามาภิไธย ในสมุดที่ระลึก สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ

สะพานทศมราชัน” เป็นส่วนหนึ่งของโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เป็นสะพานคู่ขนานแม่น้ำเจ้าพระยาคู่ (Cable Stayed Bridge) แบบไม่มีเสาอยู่ในลำน้ำเจ้าพระยา ขนาด 8 ช่องจราจร ความยาวสะพาน 781.2 เมตร ซึ่งกระทรวงคมนาคม โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้มีแนวคิดในการออกแบบสถาปัตยกรรมสะพานแห่งนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยองค์ประกอบต่าง ๆ ของสะพานจะสื่อถึงพระองค์ท่าน ดังนี้

- ส่วนยอดของเสาสะพาน หมายถึง ฝ่าพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงถึงความโอบอุ้มปกป้อง ให้ความรัก และความห่วงใยต่อพสกนิกร และพสกนิกรต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือเกล้า

- สายเคเบิล เป็นสีเหลือง เพื่อสื่อถึงวันพระบรมราชสมภพ คือ วันจันทร์

- รูปปั้นพญานาคสีเหลืองทอง อยู่บนโคนเสาสะพานทั้ง 4 ต้น ซึ่งเป็นราศีประจำปีมะโรง ปีพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อถวายอารักขาแด่พระองค์

- รั้วสะพานกันกระโดด ออกแบบให้เป็นลายดอกรวงผึ้ง ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำพระองค์

โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ระยะทาง 18.7 กิโลเมตร ก่อสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกจากการเดินทางจากภาคใต้สู่กรุงเทพมหานคร และช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดบนทางพิเศษช่วงบางโคล่ - ดาวคะนอง และถนนพระรามที่ 2 ช่วงดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร

ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานชื่อสะพานนี้ว่า “สะพานทศมราชัน” หมายถึง พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 10 และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญตราสัญลักษณ์ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ไปประดิษฐานบนสะพานแห่งนี้ด้วย

#ทรงพระเจริญ #สืบสานรักษาต่อยอด
#สะพานทศมราชัน

ศปช.สั่งเร่งเคลียร์พื้นที่เส้นทางสัญจรโดนน้ำท่วมสายใต้ กำชับให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ หลัง จ.ชุมพร และนครศรีธร...
14/12/2024

ศปช.สั่งเร่งเคลียร์พื้นที่เส้นทางสัญจรโดนน้ำท่วมสายใต้ กำชับให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ หลัง จ.ชุมพร และนครศรีธรรมราช ฝนยังตกหนัก

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.)
รับทราบรายงานสถานการณ์ฝนตกในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะในจังหวัดชุมพรที่มีปริมาณฝนสูงสุดในอำเภอเมืองถึง 265.9 มม. จึงประกาศเขตฯ พื้นที่เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยใน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสวี และอำเภอหลังสวน ขณะที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยทหาร อำเภอ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จิตอาสา เข้าพื้นที่สำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว

“ผอ.ศปช.ยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะเรื่องของเส้นทางการจราจรบนถนนสายเอเชีย 41 ที่มีน้ำท่วมทำให้รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ พร้อมกล่าวขอขอบคุณประชาชนที่ร่วมกันแจ้งข้อมูลเข้ามา โดยพี่น้องชาวชุมพร ได้แจ้งสถานการณ์น้ำท่วมในเส้นทางและพื้นที่ต่างๆ ผ่านทางเพจ Facebook ของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดชุมพร ทำให้เจ้าหน้าที่ทราบข้อมูลและสามารถเข้าไปดำเนินการเคลียร์เส้นทางและช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว“ นางสาวศศิกานต์ กล่าว

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ล่าสุดกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) รายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช และชุมพร รวม 7 อำเภอ 22 ตำบล 73 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 10,000 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ซึ่งยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ใกล้ชิด เนื่องจากระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดย ปภ. ยังคงสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างเต็มกำลังเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ส่วนจุดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วได้ประสานงานกับจังหวัดจัดทำบัญชีความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป

”เอกนัฏ“ ส่ง ”ทีมสุดซอย“ ลุยตรวจโรงงานน้ำตาล 3 จังหวัดภาคอีสาน พบปล่อยมลพิษสั่งหยุดผลิตทันที เข้มปรับปรุงตามเกณฑ์มาตรฐาน...
14/12/2024

”เอกนัฏ“ ส่ง ”ทีมสุดซอย“ ลุยตรวจโรงงานน้ำตาล 3 จังหวัดภาคอีสาน พบปล่อยมลพิษสั่งหยุดผลิตทันที เข้มปรับปรุงตามเกณฑ์มาตรฐาน เผยทุ่มงบ 7 พันล้านบ. หนุนชาวไร่ตัดอ้อยสดขายใบ-ยอด แก้ฝุ่น PM2.5 เพิ่มรายได้เกษตรกร

จากกรณีที่ คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) เห็นชอบกำหนดวันเปิดหีบอ้อยผลิตน้ำตาลทราย ฤดูการผลิตปี 2567/68 ของ 58 โรงงานน้ำตาลทั่วประเทศเป็นรายภาค โดยเริ่มจากภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.67 นั้น

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า นอกเหนือจากการขอความร่วมมือโรงงานน้ำตาล เกษตรกรชาวไร่อ้อย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันลดการปล่อยมลพิษ เก็บเกี่ยวอ้อยสดเพื่อลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่เกิดจากการเผาอ้อยแล้ว ยังได้มีมาตรการเชิงรุกเฝ้าระวัง และควบคุมการปล่อยมลพิษในช่วงเปิดหีบอ้อย โดยทีมตรวจการสุดซอย กระทรวงอุตสาหกรรม ที่นำโดย น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายเดชา จาตุธนานันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายเอกนิติ รมยานนท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม และเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงาน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรมโรงงานอุตสาหกรรม ลงพื้นที่สุ่มตรวจวัดค่ามลพิษทางอากาศโรงงานน้ำตาลใน จ.ชัยภูมิ, มุกดาหาร และกาฬสินธุ์

นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า จากการสุ่มตรวจพบ บริษัท น้ำตาลระยอง จำกัด จ.ชัยภูมิ มีค่ามลพิษจากปล่องระบายอากาศเกินค่ามาตรฐานทั้งหมด สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชัยภูมิ จึงสั่งให้โรงงานหยุดกระบวนการผลิตทั้งหมด และสั่งให้โรงงานแก้ไขปรับปรุงระบบบำบัดอากาศโดยเร็วที่สุด เมื่อโรงงานแก้ไขปรับปรุงเสร็จแล้วให้แจ้งกลับมายังสำนักงานฯ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบแล้วหากเข้าเกณฑ์มาตรฐานถึงจะพิจารณาอนุญาตให้ดำเนินการกระบวนการผลิตต่อได้

นายเอกนัฏ เปิดเผยด้วยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้เสนอของบประมาณจากรัฐบาลประมาณ 7 พันล้านบาท เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสด 100% ผ่านการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับใบและยอดอ้อย ที่นอกจากจะลดการลักลอบเผาอ้อย ลดมลพิษ PM2.5 แล้วยังจะทำให้ชาวไร่อ้อยจะมีรายได้เพิ่มประมาณ 120 บาท/ตันอ้อย เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและนโยบายปฏิรูปอุตสาหกรรรม สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมเกษตร และสร้างอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม.

นายกฯ สั่งเร่งหาตัวคนร้ายก่อเหตุปาระเบิดงานกาชาด อ.อุ้งผาง จ.ตาก พร้อมให้เยียวยาดูแลผู้บาดเจ็บเร่งด่วน ด้านฝ่ายปกครอง อ....
14/12/2024

นายกฯ สั่งเร่งหาตัวคนร้ายก่อเหตุปาระเบิดงานกาชาด อ.อุ้งผาง จ.ตาก พร้อมให้เยียวยาดูแลผู้บาดเจ็บเร่งด่วน ด้านฝ่ายปกครอง อ.อุ้มผาง ตั้งจุดรับลงทะเบียน เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แล้ว

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงาน เหตุการณ์ ปาระเบิดที่งานกาชาด อะเมซิ่งแผ่นดินดอยลอยฟ้า อ.อุ้มผาง จ.ตาก ประจำปี 2567 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และมีผู้บาดเจ็บ ที่ได้ส่งตัวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอุ้มผางขณะนี้แล้ว ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา

โดยนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการไปที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ให้เร่งเข้าดูแลผู้บาดเจ็บ เร่งตรวจสอบ รวมทั้งระดมกำลัง ลงพื้นที่หาพยานหลักฐานและเร่งจับกุมคนร้ายผู้ก่อเหตุให้เร็วที่สุด

พร้อมกันนี้ ได้สั่งให้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคงในทุกๆพื้นที่ ของประเทศไทย ดูแลการจัดงานเทศกาลในทุกพื้นที่ในช่วงเวลานี้ รวมทั้งให้มีการการตรวจวัตถุอันตราย เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามดูแลครอบครัว ทั้งผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ เพี่อช่วยเหลือทั้งค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล รวมทั้งเยียวยาผู้เสียชีวิต ตามระเบียบของแต่ละหน่วยงานอย่างเร่งด่วนต่อไป พร้อมรายงานความคืบหน้าให้นายกรัฐมนตรีทราบ

ด้าน นายมาโนช โพธิ์เนียม นายอำเภออุ้มผาง จ.ตาก ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตั้งจุดรับลงทะเบียนบริเวณหน้า สภ.อุ้มผาง เพื่อช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ระเบิดในงานดังกล่าวแล้ว จนเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกจำนวน 53 คน ในจำนวนนี้อาการสาหัส 6 คน โดยผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวอยู่ทั้งที่โรงพยาบาลอุ้มผางและที่โรงพยาบาลแม่สอด จ.ตาก

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์เนื่องจากผู้ก่อเหตุปาระเบิดเข้าไปในงาน ซึ่งมีคนเป็นจำนวนมาก แม้จะมี ตชด. เจ้าหน้าที่ อส. และชุด ชรบ.ดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา ล่าสุดได้มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเป็นชาย 2 คน มาสอบปากคำที่ สภ.อุ้มผางแล้ว...//

อำเภออุ้มผาง ตั้งจุดรับแจ้งเหตุและช่วยเหลือเยียวยาประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปาระเบิดหน้าเวทีรำวงย้อนยุคในงานกาดชาดป...
14/12/2024

อำเภออุ้มผาง ตั้งจุดรับแจ้งเหตุและช่วยเหลือเยียวยาประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปาระเบิดหน้าเวทีรำวงย้อนยุคในงานกาดชาดประจำปี
นายมาโนช โพธิ์เนียม นายอำเภออุ้มผาง จ.ตาก ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองตั้งจุดรับลงทะเบียนบริเวณหน้า สภ.อุ้มผาง เพื่อช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์คนร้ายปาระเบิดเข้าไปหน้าเวทีรำวงย้อนยุค ในงานกาชาดประจำปี 2567 หรือ งานแผ่นดินดอยลอยฟ้า เมื่อคืนที่ผ่านมา (13 ธันวาคม 2567) ซึ่งจัดขึ้นบริเวณสนามบินเก่าอำเภออุ้มผาง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกจำนวน 53 คน ในจำนวนนี้มี 6 รายที่อาการสาหัส โดยนอนรักษาตัวที่รพ.อุ้มผาง 10 ราย และถูกส่งต่อมารักษาที่ รพ.แม่สอดอีก 10 ราย
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์เนื่องจากผู้ก่อเหตุปาระเบิดเข้าไปในงาน ซึ่งมีคนเป็นจำนวนมาก แม้จะมี ตชด. เจ้าหน้าที่กองร้อย อส. และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา ล่าสุดได้มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเป็นชาย 2 คน มาสอบปากคำที่ สภ.อุ้มผางแล้ว
ดิเรก ปินตาแก้ว สวท.แม่สอด รายงาน

ศศิกานต์” เชิญชวนคนไทยท่องเที่ยว จังหวัดนครพนม - มุกดาหาร สองเมือง สองสไตล์ บนเส้นทาง “นาคาวิถี” เส้นทางแห่งศรัทธา ลัดเล...
14/12/2024

ศศิกานต์” เชิญชวนคนไทยท่องเที่ยว จังหวัดนครพนม - มุกดาหาร สองเมือง สองสไตล์ บนเส้นทาง “นาคาวิถี” เส้นทางแห่งศรัทธา ลัดเลาะริมโขง ใกล้ชิดธรรมชาติไปกับถิ่นอีสานสุดคลาสสิก

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เชิญชวนพี่น้องประชาชนสัมผัสเส้นทางแห่งศรัทธา ระยะทาง 43 กิโลเมตร บนเส้นทาง "นาคาวิถี” จากจังหวัดนครพนม - มุกดาหาร เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ชมสถาปัตยกรรม วิถีชีวิต และวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์

นางสาวศศิกานต์ กล่าวว่า กรมทางหลวงชนบทได้พัฒนาและให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาการท่องเที่ยวและเส้นทางชมทิวทัศน์ (Scenic Route) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่จังหวัดนครพนม ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีแลนมาร์คที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อย่าง “พระธาตุพนม” ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของเส้นทาง “นาคาวิถี”

โดยเส้นทางดังกล่าว ประชาชนสามารถเดินทางมาสักการะองค์พระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเพื่อความเป็นสิริมงคล พร้อมสามารถเดินทางสู่ถนนสาย นพ.3015 รับชมทิวทัศน์และถ่ายภาพบนสะพานน้ำก่ำ – ธาตุพนม และซึ่งจะสามารถเดินทางสู่อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร ที่ตั้งของ “แก่งกะเบา”สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของมุกดาหาร ซึ่งแก่งหินยาวตามลำน้ำโขง มีความสวยงามและร่มรื่นอย่างมาก พร้อมด้วย “องค์พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช” พญานาคองค์ใหญ่สีขาวงดงาม ซึ่งเป็นสถานที่อีกหนึ่งแห่งที่นักเดินทางห้ามพลาด สำหรับการเดินทางที่จะต้องเข้ามาสักการะขอพรทั้งโชคลาภและความสำเร็จ

“เส้นทางดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเส้นทาง “นาคาวิถี” ที่ประชาชนจะได้สัมผัสในการเดินทาง นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางและสถานที่ ที่สำคัญอีกมากในเส้นทางนี้ รัฐบาลโดยกรมทางหลวงชนบท มีแผนที่จะพัฒนาเส้นทางดังกล่าวระหว่างปี 2567 – 2570 ยกระดับถนนให้มีความสะดวกปลอดภัย เตรียมความพร้อมรองรับสนับสนุนการท่องเที่ยวให้กับประชาชนอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่สนใจและต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมในการเดินทางสามารถติดต่อสอบถามได้ที่แขวงทางหลวงชนบทนครพนม โทร. 0 4251 2374 และแขวงทางหลวงชนบทมุกดาหาร โทร. 0 4267 2041 หรือสายด่วน ทช. โทร. 1146” นางสาวศศิกานต์ ระบุ

อัปเดท สถานการณ์อุทกภัยและการช่วยเหลือประชาชน ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช 14 ธันวาคม 2567▶️ อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : http...
14/12/2024

อัปเดท สถานการณ์อุทกภัยและการช่วยเหลือประชาชน ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช 14 ธันวาคม 2567

▶️ อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/39/iid/348012
-----------------------------
🎯Website : www.prd.go.th
🎯Facebook : กรมประชาสัมพันธ์
🎯X :
🎯IG : prdcenter
🎯YouTube : PRD กรมประชาสัมพันธ์
🎯Web App : https://prdee.prd.go.th

นายกฯ เสียใจเหตุระเบิดที่งานกาชาด จ.ตาก สั่ง ตร. ล่ามือระเบิดให้เร็วที่สุด เข้มดูแลการจัดงานเทศกาลทุกที่   #ระเบิด  #งาน...
14/12/2024

นายกฯ เสียใจเหตุระเบิดที่งานกาชาด จ.ตาก สั่ง ตร. ล่ามือระเบิดให้เร็วที่สุด เข้มดูแลการจัดงานเทศกาลทุกที่

#ระเบิด #งานกาชาด #ตาก

📻  รับฟังรายการย้อนหลัง "เสียงจากใจ...ไทยคู่ฟ้า" EP.10 (14 ธ.ค.67) กับหลากหลายประเด็นที่น่าสนใจในรอบสัปดาห์ 👉 โดย จิรายุ...
14/12/2024

📻 รับฟังรายการย้อนหลัง "เสียงจากใจ...ไทยคู่ฟ้า" EP.10 (14 ธ.ค.67) กับหลากหลายประเด็นที่น่าสนใจในรอบสัปดาห์

👉 โดย จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

📌 นายกฯ แถลงผลงานรัฐบาล รอบ 90 วัน “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” ตั้งเป้าผลักดันนโยบายหลัก 5 ด้าน ในปี 68

📌 นายกฯ สั่งเร่งเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม 9,000 ทุกครัวเรือน ยืนยันลงพื้นที่ภาคใต้ช่วงปีใหม่นี้

📌 นายกฯ เตรียมร่วมประชุม ไทย - มาเลเซีย ครั้งที่ 7 เมืองปูตราจายา หารือปัญหาเศรษฐกิจ / การค้าชายแดน และร่างข้อตกลงขุดลอกปากแม่น้ำโก-ลก ลดปัญหาน้ำท่วม

📌 ข้อแนะนำประชาชน ไม่แต่งดำ ไม่พกของมีคม เข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว)

📌 เชิญชวนเที่ยวงานวิจิตรเจ้าพระยา 2024 ชมบรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จนถึงวันที่ 15 ธ.ค.2567

พร้อมประเด็นที่น่าสนใจในรอบสัปดาห์

รับชมย้อนหลังได้ที่

📻 สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://www.facebook.com/radiothailand/videos/591925899992853/

📺 Live NBT2HD
https://www.facebook.com/LiveNBT2HD/videos/1266322084652176/

รัฐบาลขับเคลื่อน นโยบาย Digital ส่งผลเศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตสูงกว่าเศรษฐกิจโดยรวม กว่า 2 เท่า ในปี 2567บทสรุปนางสาวแพทองธา...
14/12/2024

รัฐบาลขับเคลื่อน นโยบาย Digital ส่งผลเศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตสูงกว่าเศรษฐกิจโดยรวม กว่า 2 เท่า ในปี 2567
บทสรุป
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านดิจิทัล และเร่งให้รัฐบาลผลักดันภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เผยแพร่ตัวเลขเศรษฐกิจดิจิทัล ปี 2567 พบว่า เศรษฐกิจดิจิทัลช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดย Broad Digital GDP (มูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลแบบกว้าง) ประมาณการขยายตัว 5.7 คิดเป็น 2.2 เท่า ของ GDP โดยรวมที่ขยายตัวร้อยละ 2.6 ในด้านการค้าต่างประเทศ คาดว่าการส่งออกสินค้าและบริการดิจิทัล จะขยายตัวร้อยละ 17.2 คิดเป็น 2.8 เท่า ของการส่งออกสินค้าและบริการโดยรวมที่ขยายตัวร้อยละ 6.1 โดยรัฐบาลเร่งผลักดันและส่งเสริมการลงทุนเรื่อง cloud services และ data centers ตลอดจนการลงทุนที่เกี่ยวข้องด้านดิจิทัล เชื่อว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจดิจิทัลขยายตัวอย่างดี ในปี 2567 และสูงกว่าเศรษฐกิจโดยรวม กว่า 2 เท่าตัว
ในปี 2567 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศด้านดิจิทัลขยายตัวร้อยละ 5.71 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัว ร้อยละ 2.75 ตามการขยายตัวของการผลิตในทุกหมวดอุตสาหกรรม โดยอุตสาหกรรมที่ขยายตัวสูงสุด 2 อันดับแรก ได้แก่ อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ (+12.64%) และอุตสาหกรรมโทรคมนาคม
(+10.00%) ในปี 2568 และ 2569 การลงทุนด้านดิจิทัลภาคเอกชน จะเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล และเศรษฐกิจโดยรวมอย่างมีนัยยะสำคัญ
รายละเอียด
(13 ธ.ค. 67) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล
เพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เผยแพร่ตัวเลขเศรษฐกิจดิจิทัล ปี 2567 การดำเนินโครงการฯ เรื่อง Thailand Digital Economy 2024 พบว่า ปี 2567 เศรษฐกิจดิจิทัลช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดย Broad Digital GDP (มูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลแบบกว้าง) (ราคาที่แท้จริง หรือ CVM) ประมาณการว่าขยายตัว 5.7 คิดเป็น 2.2 เท่า ของ GDP โดยรวมที่ขยายตัวร้อยละ 2.6 (สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประมาณการ) ในด้านการค้าต่างประเทศ คาดว่าการส่งออกสินค้าและบริการดิจิทัล (ราคาที่แท้จริง หรือ CVM) จะขยายตัวร้อยละ 17.2 คิดเป็น 2.8 เท่า ของการส่งออกสินค้าและบริการโดยรวมที่ขยายตัวร้อยละ 6.1 (สศช. ประมาณการ)
“รัฐบาลก่อนหน้าและรัฐบาลนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร รวมทั้งตนให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านดิจิทัล รวมทั้งเร่งผลักดันภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล ได้มีการส่งเสริมการลงทุนเรื่อง cloud services และ data centers ตลอดจนการลงทุนที่เกี่ยวข้องด้านดิจิทัล เชื่อว่าส่งผลให้เศรษฐกิจดิจิทัลขยายตัวอย่างดี ในปี 2567 สูงกว่าเศรษฐกิจโดยรวม กว่า 2 เท่าตัว”
สรุปประมาณการเศรษฐกิจดิจิทัล ปี 2567
นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ คณะกรรมการดีอี ได้สรุปประมาณการเศรษฐกิจดิจิทัลที่สำคัญ ในปี 2567 ดังนี้
1. เศรษฐกิจโดยรวม
Broad Digital GDP (CVM) (มูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลแบบกว้าง วัดราคาที่แท้จริง) มีมูลค่า 4.44 ล้านล้านบาท มีการขยายตัว ร้อยละ 5.7 จากปี 2566 และคิดเป็นการขยายตัว 2.2 เท่า ของการขยายตัวของ GDP โดยรวมที่ขยายตัวร้อยละ 2.6 (ศสช. ประมาณการ) แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญเติบโต
2. ด้านการลงทุน
การลงทุนด้านดิจิทัลภาคเอกชน (CVM) มีการขยายตัวร้อยละ 2.8 จากปี 2566 ในขณะที่การลงทุนด้านดิจิทัลภาครัฐขยายตัวที่ร้อยละ 4.5 จากปี 2566 ปัจจัยสำคัญมาจากการเพิ่มขึ้นของการลงทุนภาคเอกชน และการลงทุนภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐ ที่ขยายตัวจากฐานที่ติดลบในปีก่อนหน้า
3. ด้านการบริโภค
การบริโภคภาคเอกชนในอุตสาหกรรมดิจิทัลขยายตัวร้อยละ 5.6 สูงกว่าการขยายตัวของการบริโภคของประเทศที่เท่ากับร้อยละ 4.8 สำหรับการบริโภคภาครัฐ ขยายตัวร้อยละ 11.4 จากการเร่งการใช้จ่ายงบประมาณของประเทศ จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า สินค้าดิจิทัลเป็นสินค้าที่มีความต้องการบริโภคในระดับสูงทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน
4. ภาคการค้าและบริการ
ในปี 2567 มูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการอุตสาหกรรมดิจิทัล ขยายตัวร้อยละ 17.2 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 5.1 สอดคล้องกับทิศทางการส่งออกสินค้าและบริการของประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 6.1 จากเดิมที่ขยายตัวร้อยละ 2.1 ในปีที่ผ่านมา ในด้านการนำเข้าสินค้าและบริการดิจิทัลขยายตัวร้อยละ 9.0 เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ขยายตัวร้อยละ 3.0 ในปีที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการนำเข้าสินค้าและบริการของประเทศ
อุตสาหกรรมดิจิทัล จึงเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูงในการสร้างเม็ดเงินจากเงินตราต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประเทศไทยยังคงพึ่งพาสินค้าดิจิทัลทั้งที่เป็นสินค้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นสุดท้าย ตลอดจนสื่อดิจิทัลคอนเทนต์จากต่างประเทศ จึงทำให้เมื่อการส่งออกสินค้าขยายตัวจะมีผลทำให้การนำเข้าเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
5. ภาคการผลิต
ในปี 2567 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศด้านดิจิทัลขยายตัวร้อยละ 5.71 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัว ร้อยละ 2.75 ตามการขยายตัวของการผลิตในทุกหมวดอุตสาหกรรม โดยอุตสาหกรรมที่ขยายตัวสูงสุด 2 อันดับแรก ได้แก่ อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ (+12.64%) และอุตสาหกรรมโทรคมนาคม (+10.00%) นอกจากนี้ เมื่อวิเคราะห์ที่มาของการเติบโต (Source of growth) พบว่า เกือบร้อยละ 80 ของการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศด้านดิจิทัลเป็นผลจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม (+1.90%) อุตสาหกรรมบริการดิจิทัล (+1.36%) และอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์ (+1.27%)
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าการขยายตัวของอุตสาหกรรมหมวดโทรคมนาคมมีผลต่อการเติบโตโดยรวมสูงเกือบ 1 ใน 3 ของการขยายตัวทั้งหมด โดยกิจกรรมการผลิตที่ขยายตัวสูงในปีนี้ ได้แก่ การผลิตเคเบิลเส้นใยนำแสง การขายส่งและการขายปลีกโทรศัพท์ และอุปกรณ์การสื่อสารโทรคมนาคม
• เศรษฐกิจดิจิทัลในปี 2567 ขยายตัวได้ดี และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยการลงทุนและการบริโภคภาครัฐด้านดิจิทัล รวมทั้งการส่งออกสินค้าและบริการดิจิทัล เป็นปัจจัยหลักในการส่งเสริมการเติบโตด้านเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย การลงทุนด้านดิจิทัลภาคเอกชนยังไม่ขยายตัว
• เชื่อว่าในปี 2568 และ 2569 การลงทุนด้านดิจิทัลภาคเอกชน จะเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล และเศรษฐกิจโดยรวมอย่างมีนัยยะสำคัญอย่างแน่นอน

แฮชแท็กเพื่อการสื่อสาร
#รัฐบาลขับเคลื่อนนโยบายDigitalส่งผลเศรษฐกิจดิจิทัลเติบโตสูงกว่าเศรษฐกิจโดยรวมกว่า2เท่าในปี2567
#กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม #สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
#นโยบายรัฐบาล20กระทรวง

-----------------------------------------------------

ภาคใต้ฝนตกหนัก ปภ. ส่ง SMS แจ้งเตือนน้ำล้นตลิ่ง จ.นครศรีธรรมราช ขอให้ประชาชนขนย้ายสิ่งของและเคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบางไปยั...
14/12/2024

ภาคใต้ฝนตกหนัก ปภ. ส่ง SMS แจ้งเตือนน้ำล้นตลิ่ง จ.นครศรีธรรมราช ขอให้ประชาชน
ขนย้ายสิ่งของและเคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบางไปยังพื้นที่ปลอดภัย

บทสรุป
(13 ธ.ค. 67) เวลา 12.00 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ส่งข้อความสั้น (SMS) แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงน้ำล้นตลิ่ง พื้นที่ลุ่มต่ำริมคลองทุ่งปรัง เขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช อ.เมืองนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช ขอให้ประชาชนขนย้ายสิ่งของและเคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบางไปยังพื้นที่ปลอดภัย โดยสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” หรือโทรสายด่วนนิรภัย (ปภ.) 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
ปัจจุบัน (14 ธ.ค. 67) เวลา 05.45 น. กรมทรัพยากรน้ำ แจ้งเตือนภัยวิกฤติ (สีแดง) บ้านหน้าเหมือง ต.ควนทอง อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ปริมาณฝนสะสม 12 ชั่วโมง 149.0 มิลลิเมตร ปริมาณฝนสะสม
15 นาที 1.0 มิลลิเมตร ระดับน้ำในคลองท่ากลางและห้วยดินสอ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ในพื้นที่
น้ำเริ่มล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ จากการตรวจสอบเรดาร์กรมอุตุนิยมวิทยา ยังมีกลุ่มเมฆฝนปกคลุมในพื้นที่ และแจ้งเตือนภัยวิกฤติ (สีแดง) บ้านเขาวง ต.ปากแพรก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ปริมาณฝนสะสม 12 ชั่วโมง 140.5 มิลลิเมตร ปริมาณฝนสะสม 15 นาที 1.5 มิลลิเมตร ขอให้เฝ้าระวังต่อเนื่อง

รายละเอียด
ปภ.แจ้งเตือนภัยระดับ 3 (สีเหลือง) ในพื้นที่เสี่ยงน้ำล้นตลิ่ง จ.นครศรีธรรมราช ให้ขนย้ายสิ่งของและเคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบางไปยังพื้นที่ปลอดภัย
(13 ธ.ค. 67 เวลา 12.00 น.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ส่งข้อความสั้น (SMS) แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงน้ำล้นตลิ่ง พื้นที่ลุ่มต่ำริมคลองทุ่งปรัง เขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช อ.เมืองนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช ขอให้ประชาชนขนย้ายสิ่งของและเคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบางไปยังพื้นที่ปลอดภัย โดยสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” หรือโทรสายด่วนนิรภัย (ปภ.) 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

กรมทรัพยากรน้ำ แจ้งเตือนภัยวิกฤติ
(14 ธ.ค. 67) เวลา 05.45 น. กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) แจ้งข้อมูลการเตือนภัย
เตือนภัยวิกฤติ (สีแดง) บ้านหน้าเหมือง ต.ควนทอง อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ปริมาณฝนสะสม 12 ชั่วโมง 149.0 มิลลิเมตร ปริมาณฝนสะสม 15 นาที 1.0 มิลลิเมตร ระดับน้ำในคลองท่ากลางและห้วยดินสอ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ในพื้นที่ น้ำเริ่มล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ จากการตรวจสอบเรดาร์กรมอุตุนิยมวิทยา ยังมีกลุ่มเมฆฝนปกคลุมในพื้นที่ แจ้งเฝ้าระวังต่อเนื่อง
เตือนภัยวิกฤติ (สีแดง) บ้านหนองบัว ต.ไชยมนตรี อ.เมืองฯ จ.นครศรีธรรมราช ปริมาณฝนสะสม 12 ชั่วโมง 119.5 มม. ระดับน้ำ 3.87 ม. ระดับวิกฤติ 3.0 ม. แนวโน้มเพิ่มระดับขึ้นต่อเนื่อง เฝ้าระวังพื้นที่ลุ่มต่ำ ตำบลไชยมนตรี ตำบลมะม่วงสองต้น บริเวณเขตเทศบาลเมืองนครศรีธรรมราช
เตือนภัยวิกฤติ (สีแดง) บ้านเขาวง ต.ปากแพรก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ปริมาณฝนสะสม 12 ชั่วโมง 140.5 มิลลิเมตร ปริมาณฝนสะสม 15 นาที 1.5 มิลลิเมตร

อุตุนิยมวิทยา เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมาก 14 - 16 ธันวาคม 2567
(14 ธ.ค. 67) เวลา 05.00 น. กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย ฉบับที่ 10 (337/2567) มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 14 - 16 ธันวาคม 2567 เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณทะเลอันดามันและด้านตะวันออกของประเทศมาเลเซีย ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากมีดังนี้
วันที่ 14 ธันวาคม 2567
ภาคใต้: จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา กระบี่ และตรัง
วันที่ 15 ธันวาคม 2567
ภาคใต้: จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ตรัง และสตูล
วันที่ 16 ธันวาคม 2567
ภาคใต้: จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรัง และสตูล
ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้
(14 ธ.ค. 67) เวลา 06.00 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ จ.ชุมพร และ นครศรีธรรมราช และ จำนวน 7 อำเภอ 22 ตำบล 73 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10,295 ครัวเรือน
1) จ.ชุมพร วันที่ 14 ธ.ค. 67 เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 1 อำเภอ 4 ตำบล 9 หมู่บ้าน ได้แก่ ต.ตะโก ช่องไม้แก้ว ตะไคร้ ปากตะโก อ.ทุ่งตะโก ประชาชนได้รับผลกระทบ 345 ครัวเรือน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว (ปริมาณฝนสูงสุด อ.เมืองฯ 265.9 มม. ข้อมูลจาก สสน. ฝนสะสม 24 ชม.) ปัจจุบันคลองหลังสวนระดับน้ำเพิ่มขึ้น
2) จ.นครศรีธรรมราช เกิดอุทกภัยในพื้นที่ 6 อำเภอ 18 ตำบล 64 หมู่บ้าน ได้แก่ อ.ชะอวด เฉลิมพระเกียรติ เมืองฯ ปากพนัง เชียรใหญ่ พระพรหม ประชาชนได้รับผลกระทบ 9,950 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือ ประกาศเขตฯ พื้นที่การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) 13 อำเภอ (นาบอน เชียรใหญ่ ทุ่งสง เมืองฯ จุฬาภรณ์ สิชล ชะอวด เฉลิมพระเกียรติ พระพรหม ร่อนพิบูลย์ พรหมคีรี บางขัน พิปูน) 52 ตำบล 315 หมู่บ้าน/ชุมชน (ปริมาณฝนสูงสุด อ.นบพิตำ 264.5 มม. ข้อมูลจาก สสน. ฝนสะสม 24 ชม.) ปัจจุบันคลองท่าดีระดับน้ำเพิ่มขึ้น

ปภ. ส่งทีมส่วนหน้าให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้
(13 ธ.ค. 67) นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นำทีม กอปภ.กลาง (ส่วนหน้า) ติดตามการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 ภาคใต้ โดยได้ลงพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดนราธิวาส 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมืองนราธิวาส ตากใบ สุไหงโก-ลก แว้ง และ สุไหงปาดี
ซึ่งประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่ได้เข้ามายื่นคำร้องขอรับเงินเยียวยาน้ำท่วม 9,000 บาทแล้ว โดยหลังจากนี้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะทำการประชาคมหมู่บ้านเพื่อส่งข้อมูลให้กับคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) และคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.) ให้ความเห็นชอบก่อนส่งข้อมูลมายังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวบรวมและนำส่งข้อมูลให้กับธนาคารออมสินโอนเงินให้กับผู้ประสบภัยต่อไป จากจากนี้ ปภ. ยังสั่งการวางกำลังเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัยของ ปภ. อยู่ในพื้นที่พร้อมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างรวดเร็ว

แฮชแท็กเพื่อการสื่อสาร
#ภาคใต้ฝนตกหนัก #ปภส่งSMSแจ้งเตือนน้ำล้นตลิ่งนครศรีธรรมราช #กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
#กรมทรัพยากรน้ำ #กรมอุตุนิยมวิทยา #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง
----------------------------------------------------

ที่อยู่

ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดเลย (หลังใหม่)
Loei
42000

เวลาทำการ

จันทร์ 08:30 - 17:00
อังคาร 08:30 - 17:00
พุธ 08:30 - 17:00
พฤหัสบดี 08:30 - 17:00
ศุกร์ 08:30 - 17:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ข่าวสารงานรัฐ PR.Loeiผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

วิดีโอทั้งหมด

แชร์


บริษัทด้านสื่อ/ข่าวสาร อื่นๆใน Loei

แสดงผลทั้งหมด