ผลิตโดย
บริษัท บางกอกโพสต์ โพสต์ จำกัด (มหาชน)

เว็บไซต์และบริการในเครือ
นสพ. บางกอกโพสต์ : https://www.bangkokpost.com/
บริษัท บางกอกโพสต์ โพสต์ จำกัด (มหาชน) : https://www.bangkokpost.co.th/

เมื่อ “ Made in Thailand ” คือความสำเร็จของโรงงานผลิตนาฬิกา ORIENT ในประเทศไทยORIENT Manufacture Visit 2024 ในวันพฤหัสบด...
09/12/2024

เมื่อ “ Made in Thailand ” คือความสำเร็จของโรงงานผลิตนาฬิกา ORIENT ในประเทศไทย

ORIENT Manufacture Visit 2024

ในวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน 2024 ที่ผ่านมา กลุ่มผู้บริหารแบรนด์นาฬิกา ORIENT นำโดย คุณมาซาชิ ฮายาชิ (Mr. Masashi Hayashi) Executive Officer, Wearable Products Operations Division, Seiko Epson Corporation ประเทศญี่ปุ่น และ คุณยุทธพล ตันติวงษากิจ กรรมการผู้จัดการบริษัทสหกรุงทองเทรดดิ้ง จำกัด พร้อมคุณคม สัจจวโรดม ผู้จัดการสินค้าแบรนด์ ORIENT และคณะ ได้มีโอกาสต้อนรับคณะสื่อมวลชน, ยูทูบเบอร์, KOL, ตัวแทนห้างสรรพสินค้า และร้านค้าผู้แทนจำหน่ายทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ซึ่งได้ให้เกียรติเดินทางเข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิตนาฬิกา เอปสัน (EPSON) แห่งแรกในประเทศไทย ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา โดย EPTH (EPSON THAILAND) ได้เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2013 และโรงงานผลิตนาฬิกาก่อตั้งขึ้นในปี 2019 ปัจจุบันมีพื้นที่ทั้งหมดคือ 48,804 ตารางเมตร ควบคุมการผลิตภายใต้มาตรฐานคุณภาพของเอปสันแบบเดียวกันทั้งหมด โดยมีสำนักงานใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นถ่ายทอดมาตรฐานคุณภาพ กฎระเบียบด้านเทคโนโลยี และวิธีการผลิตไปยังฐานการผลิตแต่ละแห่งทั่วโลก สำหรับประเทศไทย จากการเปรียบเทียบและประเมินฐานการผลิตของเอปสัน โดยพิจารณาการจัดหาชิ้นส่วนและการขนส่ง จึงตัดสินใจว่า EPTH เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดและได้เลือกบริษัทดังกล่าว นอกจากนี้ ความไว้วางใจที่มีต่อคนไทยจากประสบการณ์อันยาวนานของ EPTH ในธุรกิจยังช่วยสนับสนุนการตัดสินใจในครั้งนี้อีกด้วย และสำหรับพนักงานคนไทยเมื่อเข้าทำงานในบริษัท พนักงานทุกคนจะต้องเข้ารับการฝึกอบรมการควบคุมคุณภาพตามมาตรฐาน EPSON หลังจากนั้น พนักงานจะได้เรียนรู้หลักปฏิบัติผ่านเอกสารมาตรฐานการทำงานที่ระบุขั้นตอนและประเด็นสำคัญสำหรับงานที่ได้รับมอบหมายแต่ละงาน จากนั้นพนักงานจะได้รับทักษะและประสบการณ์ผ่านการฝึกอบรมในงาน (OJT) เฉพาะพนักงานที่แสดงให้เห็นถึงทักษะที่ได้มาในระดับหนึ่งเท่านั้น ซึ่งได้รับการรับรองจากการสอบรับรองทักษะ จึงจะได้รับอนุญาตให้ทำงานในสายการผลิตได้

ปัจจุบันนี้แบรนด์นาฬิกา ORIENT ได้อยู่ภายใต้การดำเนินงานของ SEIKO EPSON CORPORATION ที่ดูแลในส่วนของแบรนด์นาฬิกา ORIENT และ ORIENT STAR โดยมี บจก.สหกรุงทอง (UKT) เป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์นาฬิกาทั้งสองอย่างเป็นทางการในประเทศไทย และในปัจจุบันได้มีร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั้งในกรุงเทพฯ และในต่างจังหวัด รวมทั้งเคาน์เตอร์แบรนด์นาฬิกาทั้งสอง ณ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเช่นกัน

ซึ่งในการเยี่ยมชมครั้งนี้ทางผู้บริหารแบรนด์นาฬิกา ORIENT ได้จัดงาน “Pride of Thai Proud to be Orient” ขึ้นเพื่อเลี้ยงรับรองแขกผู้มีเกียรติ และคณะสื่อมวลชนทั้งหมดในตอนค่ำอีกด้วย ท่ามกลางบรรยากาศภายในงานที่เต็มไปด้วยความสดชื่นและมีมิตรภาพที่ดี โดยมีคุณยุทธพล ตันติวงษากิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัทสหกรุงทองเทรดดิ้ง จำกัด และ คุณมาซาชิ ฮายาชิ ผู้บริหารชาวญี่ปุ่น ขึ้นกล่าวเปิดงาน และกล่าวต้อนรับผู้ร่วมงานทุกคนด้วยความยินดี โดยในตอนท้ายทางคุณคม สัจจวโรดม ผู้จัดการสินค้าแบรนด์ ORIENT ได้กล่าวเชิญ ดร.ปราโมทย์ เหรียญเจริญสุข ขึ้นมาเป็นแขกรับเชิญพิเศษเพื่อร่วมพูดคุยกันบนเวทีถึงจุดเริ่มต้นของความชื่นชอบในนาฬิกา ORIENT โดยทั้งสองท่านก็ได้กล่าวสรุปถึงแบรนด์นาฬิกา ORIENT ไว้ดังนี้ “นาฬิกาโอเรียนท์มีหลายรุ่นที่ได้รับความนิยม อย่างเช่น Bambino, Sunandmoon, Diver Design แต่ละรุ่นจะมีดีไซน์คอนเซ็ปต์ที่แตกต่างกัน เริ่มจากซีรี่ส์ซันแอนด์มูน แน่นอนว่าจุดเด่นคือ การใช้ฟังก์ชั่นซันแอนด์มูนมาร่วมกับงานดีไซน์ในหลากหลายรูปแบบทั้งรุ่นที่เป็นกระจกซัพไฟร์รุ่นกระจกโดม ส่วนซีรีส์ Diver Design หรือที่หลายคนเรียกว่า มาโก้ (Mako) จะเป็นนาฬิกาในกลุ่มดีไซน์แบบดำน้ำ จะมีหลากหลายดีไซน์ ขนาด และกลไกนาฬิกา ที่มีทั้งออโตเมติกและโซล่าพาวเวอร์ สำหรับ แบมบิโน่ ชื่อทางการคือ Classic and Simple Style แต่แฟนๆ โอเรียนท์เรียกว่า “แบมบิโน่” เอกลักษณ์ของรุ่นนี้จะเป็นกระจกและหน้าปัดแบบโค้ง ก็จะออกมาหลายเวอร์ชั่น รุ่นล่าสุดที่น่าสนใจคือ รุ่นที่มีขนาดตัวเรือน 38 มม. และรุ่นที่มีการนำฟังก์ชั่น “ซันแอนด์มูน” เข้ามาใส่ รวมถึงมีการเลือกใช้สีสันใหม่ๆ เข้ามาเพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับกลุ่มลูกค้าใหม่ และทุกๆ รุ่นที่กล่าวมาก็จะอยู่ในไลน์การผลิตทั้งหมดที่ประเทศไทย ตั้งแต่การประกอบเครื่องกลไกต่างๆ จนเป็นนาฬิกาที่สมบูรณ์ประทับตรา “Made in Thailand” เพื่อส่งจำหน่ายไปยังประเทศต่างๆ ในมาตรฐานของประเทศญี่ปุ่น” โดยในช่วงท้ายของการพูดคุย ก็ได้มีการประกาศเซอร์ไพรส์ทุกคนภายในงานด้วยการเปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษ! จากคุณคม

“เนื่องจากในโอกาสที่เราจะประกาศเปิดไลน์การผลิตนาฬิกาโอเรียนท์ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ทางบริษัทสหกรุงทองร่วมกับทางญี่ปุ่นร่วมกันรังสรรค์นาฬิกาในรุ่นพิเศษออกมาถือเพื่อเป็นที่ระลึก และเป็นความทรงจำครั้งพิเศษกับความเป็นนาฬิกาแบรนด์แรกที่มีฐานการผลิตในประเทศไทยอย่างสมบูรณ์แบบ ภายใต้ชื่อรุ่น Pride Of Thailand Limited Edition โดยกำหนดให้มีจำนวนการผลิตในแบบจำกัดที่ 500 เรือนพร้อมหมายเลขประจำเรือนที่สลักบนขอบฝาด้านหลัง พร้อมตราสัญลักษณ์ Pride of Thailand และข้อความ “A NEW MILESTONE OF QUALITY DEFINITION” ที่บ่งบอกได้ถึงความพิเศษสุดในนาฬิกาเรือนนี้”

สำหรับการตัดสินใจเลือกรุ่น “แบมบิโน่” มาใช้เป็นรุ่น Thailand Limited นั้นเพราะอยากแสดงเห็นถึงอัตลักษณ์ของแบรนด์ โดยมีสีสันบนหน้าปัดในโทนสีคอปเปอร์ผิวสัมผัสแบบซันเบิร์ด สื่อให้เห็นถึงแสงยามรุ่งอรุณ ณ ประเทศไทยให้เช้าวันใหม่เต็มไปด้วยความสดใส และแสดงให้เห็นถึงความรุ่งโรจน์ของแบรนด์นาฬิกาโอเรียนท์ ที่เริ่มต้นในการนำเสนอนาฬิกาที่ออกมาจากฐานการผลิตในประเทศไทยเป็นครั้งแรก และยังทำให้นึกไปถึงสีของชาไทยได้อีกด้วยซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ขึ้นชื่อเป็นเอกลักษณ์ของไทย ซึ่งทุกประเทศทั่วโลกก็รู้จักและชื่นชอบจนติดอันดับเครื่องดื่มที่มีความอร่อยของโลก ขนาดตัวเรือนจะอยู่ที่ 38 มม. สามารถใส่ได้ทั้งสุภาพบุรุษและสตรี ช่องหน้าปัดย่อยที่แสดงค่าวินาทีตรงจำแหน่ง 6 นาฬิกาจะเป็นสีซิลเวอร์ (เหมือนน้ำแข็งสะท้อนแสงของน้ำ) สายนาฬิกาจะมีให้แบบสองสาย นาฬิกาจะมาพร้อมสายนูบัค และแบบสายสตีล มาในกล่อง Box Set ที่ถูกดีไซน์ขึ้นมาใหม่ ซึ่งภายในกล่องจะบรรจุทั้งนาฬิกา สายสตีล พร้อมเข็มที่สามารถเปลี่ยนสายได้เอง สามารถเปลี่ยนลุคการใช้งานในแต่ละวัน โดยราคาจำหน่ายอยู่ที่เรือนละ 13,800 บาท ท่านที่สนใจสามารถ Pre-Order อย่างเป็นทางการครั้งแรก ในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ ที่โชว์รูมสำนักงานใหญ่ 02-255-8822 หรือ เฟสบุ๊ก Orient Watch Thailand Forum และเคาน์เตอร์ ORIENT ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมถึงร้านค้าผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

ORIENT, Made in Thailand

สำหรับแนวคิดของ SEIKO EPSON ในการย้ายฐานการผลิตนาฬิกา ORIENTจากประเทศญี่ปุ่นมาสู่ประเทศไทยอย่างสมบูรณ์แบบเป็นครั้งแรกนั้น ก็เพื่อใช้เป็นจุดเริ่มต้นของไลน์การผลิตนาฬิกา ORIENT ในทุกคอลเลคชั่นสำหรับจัดจำหน่ายไปทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการผลิตของโรงงานแห่งนี้ จากการควบคุมคุณภาพอย่างจริงจัง ตามมาตรฐานของโรงงาน EPSON ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้นาฬิกา ORIENT ที่ผลิตในประเทศไทยเป็นนาฬิกาที่มีคุณภาพระดับโลกได้อย่างสมบูรณ์แบบ อีกทั้งยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับแรงงานไทยในระยะยาว และที่สำคัญเป็นการสร้างสกิลชั้นสูงในการผลิตนาฬิกาให้กับแรงงานไทย โดยเฉพาะในนาฬิการูปแบบออโตมาติกที่ต้องใช้ทักษะโดยเฉพาะและความปราณีตสูง ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นในฝีมือแรงงานไทยที่มีความสามารถทัดเทียมไปทั่วโลก โดยการผลิตจากโรงงาน EPSON ในประเทศไทยนั้นจะมีข้อความ “Made in Thailand” ระบุไว้ที่ฝาหลังทุกเรือนด้วยความภาคภูมิใจ ซึ่งคำว่า Made in Thailand สามารถบอกความหมายได้ถึงหลายอย่าง และมีความเกี่ยวข้องกับวงการนาฬิกาในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยความที่ประเทศไทยมีแรงงานที่มีคุณภาพ รวมถึงความพร้อมในหลายด้าน จนทำให้เกิดงานที่เกี่ยวข้องกับวงการนาฬิกา ในหลากหลายผลิตภัณฑ์มานานหลายสิบปีแล้ว ซึ่งรวมไปถึงงานด้านการผลิตและประกอบชุดกลไก จนเป็นนาฬิกาที่สมบูรณ์แบบพร้อมส่งออกจำหน่ายทั่วโลก ทั้งภายใต้แบรนด์หรือในแบบโออีเอ็ม แต่ก็ยังไม่เคยมีแบรนด์นาฬิกาใดที่ตั้งฐานการผลิตนาฬิกาทั้งไลน์ได้อย่างครบถ้วนแบบนี้ขึ้นในประเทศไทย

บางจากฯ ร่วมสนับสนุนนักกีฬาเทนนิสเยาวชนทีมชาติไทย ในสนามระดับโลก เมื่อเร็ว ๆ นี้ นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ...
04/12/2024

บางจากฯ ร่วมสนับสนุนนักกีฬาเทนนิสเยาวชนทีมชาติไทย ในสนามระดับโลก

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ต้อนรับ “น้องลูกคิด” เด็กชายพศิน สินฉลอง นักกีฬาเทนนิสเยาวชนทีมชาติไทย อายุ 13 ปี ปัจจุบันพำนักที่ประเทศฝรั่งเศส และฝึกซ้อมเทนนิสอยู่ที่ Mouratoglou Tennis Academy

น้องลูกคิด เป็นนักกีฬาเทนนิสเยาวชนทีมชาติไทยที่ประสบความสำเร็จด้วยชัยชนะทั้งในระดับโลก ระดับภูมิภาคเอเชีย และระดับประเทศ ในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมารวมกว่า 20 รายการ โดยในปี 2567 นี้ มีผลงานโดดเด่นด้วยการคว้าแชมป์การแข่งขัน Tennis Europe Under 14 (การแข่งขันเทนนิสระดับเยาวชนที่จัดโดย Tennis Europe ซึ่งเป็นองค์กรที่ดูแลและพัฒนากีฬาเทนนิสในยุโรป สำหรับนักกีฬาอายุไม่เกิน 14 ปี) หลายรายการ ได้แก่ ชนะเลิศประเภทชายเดี่ยว จากการแข่งขัน Leo Cup ที่ประเทศเบลเยี่ยม และชนะเลิศประเภทชายคู่ การแข่งขัน Quality Hotel Open ที่ประเทศสวีเดน การแข่งขัน XII Memorial Jovana Kukarasa ที่ประเทศเซอร์เบีย การแข่งขัน Leo Cup ที่ประเทศเบลเยี่ยม และการแข่งขัน Passau Open ที่ประเทศเยอรมนี รวมถึงได้รับรางวัลรองแชมป์และเข้ารอบรองชนะเลิศอีกหลายรายการ

นอกจากนี้ ในเดือนตุลาคม ปี 2566 น้องลูกคิดยังสามารถคว้าแชมป์ชายเดี่ยวจากรายการเทนนิส Top 10-12 Bressuire 2023 ซึ่งนับเป็นรายการที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในรายการเทนนิสรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จัดแข่งขันในทวีปยุโรป จัดที่ประเทศฝรั่งเศส

บางจากฯ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและสนับสนุนกีฬาหลากหลายประเภทมาโดยตลอด และได้ให้การสนับสนุนน้องลูกคิดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อร่วมผลักดันเยาวชนไทยให้ก้าวสู่ความสำเร็จและสร้างชื่อเสียงในเวทีระดับโลก

Dow ผนึกจิตอาสา เก็บขยะป่าชายเลน 2.2 ตัน เผยสาเหตุหลักที่ขยะตกค้างลดลง  ระยอง – 3 ธันวาคม 2567 – กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไ...
03/12/2024

Dow ผนึกจิตอาสา เก็บขยะป่าชายเลน 2.2 ตัน เผยสาเหตุหลักที่ขยะตกค้างลดลง

ระยอง – 3 ธันวาคม 2567 – กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) จัดกิจกรรม “เก็บ...เซฟ...โลก ลดขยะ พิทักษ์ป่าชายเลน” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 หนุนภารกิจภาคีเครือข่ายป่าชายเลนประเทศไทย (Thailand Mangrove Alliance) ร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เพื่อขับเคลื่อนการดูแลป่าชายเลน ระบบนิเวศชายฝั่ง และความหลากหลายทางชีวภาพ ผนึกกำลังภาครัฐ พนักงาน และประชาชนจิตอาสา ในการอนุรักษ์ป่าชายเลนจังหวัดระยองอย่างมีส่วนร่วม ช่วยลดปริมาณขยะตกค้างกว่า 2,265 กิโลกรัม มุ่งแก้วิกฤตโลกร้อนและลดปัญหาขยะทะเลอย่างยั่งยืน

กิจกรรม “เก็บ...เซฟ...โลก กำจัดขยะ พิทักษ์ป่าชายเลน” ช่วยกำจัดขยะที่ตกค้างในป่าชายเลน ปากน้ำประแส อำเภอแกลง และป่าชายเลนบริเวณกลุ่มประมงเก้ายอด หาดแหลมเจริญ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ระหว่างเดือนมิถุนายน -พฤศจิกายน 2567 รวม 6 ครั้ง ได้รับความสนใจจากจิตอาสากว่า 400 คน โดยสามารถป้องกันขยะหลุดรอดสู่สิ่งแวดล้อมได้กว่า 2,265 กิโลกรัม ซึ่งลดลงจากปีที่แล้วกว่า 30% โดยขยะที่เก็บได้โดยเฉพาะพลาสติกและวัสดุรีไซเคิลได้จะเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลหรืออัปไซเคิลเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าและรายได้ให้กับชุมชน ซึ่งขยะที่เหลือจะถูกนำไปกำจัดโดยเทศบาลตามกระบวนการอย่างเหมาะสมต่อไป

นายณัฐพงศ์ จิรวัฒนาวรกุล ผู้อำนวยการแผนกองค์กรสัมพันธ์และชุมชนสัมพันธ์ประจำโรงงาน กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า “Dow มีการรณรงค์และส่งเสริมการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางให้กับเยาวชนและชุมชนอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับมีโครงการนำขยะและวัสดุใช้แล้วที่สามารถรีไซเคิลได้ โดยเฉพาะพลาสติก กลับเข้าสู่กระบวนการตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน เรายินดีที่ได้เห็นปริมาณขยะตกค้างในสิ่งแวดล้อมค่อย ๆ ลดน้อยลง สืบเนื่องจากชุมชนมีความตระหนักถึงผลกระทบของขยะ และเห็นว่าขยะคือทรัพยากรที่มีค่าและช่วยสร้างรายได้หากแยกอย่างถูกต้องตามประเภท กิจกรรมในครั้งนี้ยังกระตุ้นให้จิตอาสาเห็นถึงความสำคัญของการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติป่าชายเลนให้มีความอุดมสมบูรณ์ เพื่อเป็นปราการป้องกันและลดปริมาณขยะในธรรมชาติ รวมทั้งสร้างทัศนียภาพที่สวยงามซึ่งจะนำรายได้จากการท่องเที่ยวมาสู่ชุมชนต่อไป ตอบโจทย์เป้าหมายในการสร้างประโยชน์ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง”

กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งภาคีเครือข่ายป่าชายเลนประเทศไทย (Thailand Mangrove Alliance) จะยังคงเป็นกำลังสำคัญร่วมกับ ทช. ในการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศผ่านป่าชายเลน ซึ่งสามารถดูดซับคาร์บอนได้มากกว่าป่าบกหลายเท่า โดยนับตั้งแต่ พ.ศ. 2552 จวบจนปัจจุบัน พนักงานดาวอาสา ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร และประชาชนในจังหวัดระยองได้ร่วมกันดูแลป่าชายเลนอย่างต่อเนื่อง และยังมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการต้านโลกร้อน เปลี่ยนขยะเป็นผลิตภัณฑ์ และส่งเสริมวงจรรีไซเคิลตามเป้าการทำงานด้านความยั่งยืนขององค์กร

บางจากฯ ร่วมปันน้ำใจช่วยผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้  นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารอง...
02/12/2024

บางจากฯ ร่วมปันน้ำใจช่วยผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้

นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มอบบัตรเติมน้ำมันบางจาก ให้แก่ พลเรือโทธันยกร เสนาลักษณ์ เจ้ากรมกิจการ พลเรือนทหารเรือ กองทัพเรือ เพื่อนำไปใช้ในภารกิจการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ โดยพี่น้องประชาชนสามารถแจ้งขอความช่วยเหลือจากศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการดำรงการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและสำรวจพื้นที่และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ได้ที่สายด่วน
ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ 1696 ตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้ บางจากฯ ยังได้เชิญชวนให้ลูกค้าที่ได้รับแจกน้ำดื่ม 1.5 ลิตร จากการเติมน้ำมันในสถานีบริการน้ำมันบางจากทั่วประเทศที่ร่วมรายการ ร่วมบริจาคน้ำดื่มให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ที่ยังอยู่ในภาวะวิกฤตผ่านแคมเปญ "บางจากฯ ชวนปันน้ำใจ ช่วยผู้ประสบภัย มอบน้ำดื่มหนึ่งล้านขวด” ต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 1 - 31 ธันวาคม 2567 หรือจนกว่าจะครบ 1 ล้านขวด โดยที่ผ่านมา ได้ส่งมอบน้ำดื่มให้กับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดยะลา เทศบาลนครยะลา สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดปัตตานี องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปัตตานี สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดสงขลา โรงพยาบาลเทพา จังหวัดสงขลา รวมถึงมอบ
บัตรเติมน้ำมันให้กับหน่วยงานราชการ องค์กร มูลนิธิ ทีมอาสาสมัคร ฯลฯ เช่น ทีมใจถึงใจคนไทยไม่ทิ้งกัน เป็นต้น

บางจากฯ ร่วมส่งกำลังใจให้พี่น้องประชาชนภาคใต้ที่กำลังประสบภัยน้ำท่วม รวมถึงทีมช่วยเหลือจากหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ และอาสาสมัครทุกหน่วยงาน ขอให้ทุกคนปลอดภัยและสถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว

บางจากฯ เปิดเวที Greenovative Forum ครั้งที่ 14  ชูสมดุล AI สร้างอนาคตยั่งยืน  บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ...
02/12/2024

บางจากฯ เปิดเวที Greenovative Forum ครั้งที่ 14 ชูสมดุล AI สร้างอนาคตยั่งยืน

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (บางจากฯ) จัดงาน Greenovative Forum ครั้งที่ 14 "Crafting Tomorrow's Future with Sustainable Energy and AI" อย่างยิ่งใหญ่ ในวาระครบรอบ 40 ปีบางจากฯ ก้าวสู่ทศวรรษที่ 5 ร่วมกับสำนักข่าว The Standard ณ ทรู ดิจิทัล พาร์ค เวสต์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายวงการทั้งในและต่างประเทศมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและความรู้เกี่ยวกับบทบาทสำคัญของปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ในการสร้างอนาคตที่เป็นมิตรกับการจัดการด้านพลังงาน สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 600 คน และได้รับเกียรติจาก นายประสงค์ พูนธเนศ รักษาการประธานกรรมการ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้กล่าวเปิดงาน

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “AI, Energy and Environment” กล่าวถึงการนำประโยชน์ของ AI มาใช้ ภายใต้ความท้าทายในการรักษาสมดุลระหว่างเทคโนโลยีล้ำสมัย พลังงาน และสิ่งแวดล้อม โดยได้ชี้ให้เห็นว่าแม้ AI จะสร้างประโยชน์เป็นอย่างมากในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและร่นระยะเวลาในการปฏิบัติงานต่าง ๆ แต่กระบวนการพัฒนาและใช้งาน AI ต้องการพลังงานมหาศาลเช่นกัน ซึ่งส่งผลต่อทรัพยากรโลก เช่น น้ำและพลังงาน ทำให้ต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานก๊าซธรรมชาติมากขึ้น หรือ พลังงานนิวเคลียร์จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือก? รวมถึงแนะนำแนวคิดเรื่อง DNA Data Storage ซึ่งเป็นการปฏิวัติระบบการจัดเก็บข้อมูลที่ไม่เพียงแต่ มีความกะทัดรัดและทนทานสูง แต่ยังช่วยลดการใช้พลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับศูนย์ข้อมูลแบบดั้งเดิม ต่อด้วยการพูดคุยกับนายนครินทร์ วนกิจไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และบรรณาธิการบริหาร สำนักข่าว The Standard ในช่วงสนทนาพิเศษ (Fireside Chat) ในหัวข้อ "Living Sustainably with AI " โดยสะท้อนมุมมองเกี่ยวกับการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและการอยู่ร่วมกันกับ AI อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว เสริมด้วยการแบ่งปันประสบการณ์จากการทำงานด้านการให้คำปรึกษาด้านความยั่งยืนโดยนางสาวชญานิศ โควาวิสารัช Senior Consultant, Net Zero, ERM (สหราชอาณาจักร) ว่า AI มีศักยภาพอย่างยิ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิตของมนุษย์ และสามารถช่วยแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ตั้งแต่ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคมและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ดังนั้นการกำกับดูแลที่เป็นระบบและการวางแผนกลยุทธ์อย่างเร่งด่วนจึงมีความสำคัญ เพื่อให้การพัฒนา AI เป็นไปอย่างยั่งยืนและเหมาะสม

นอกจากนี้ Mr. Carlos Aggio Senior Enterprise AI Value Strategy Executive จาก Accenture (สิงคโปร์) ได้นำเสนอแนวทางการพัฒนานวัตกรรม AI สู่การพลิกโฉมโลกพลังงาน กับเป้าหมายการลดคาร์บอนอย่างยั่งยืน ในหัวข้อ “Tomorrow's Innovations Today” พร้อมด้วยสองเวทีเสวนาโดย เคน-นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ แลกเปลี่ยนมุมมองกับผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายวงการ โดยหัวข้อแรก “Smart Solutions for Everyday Wellness” ศ.ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภามหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล และนายกร วรรณไพโรจน์ ศิลปินวง PROXIE และนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข วิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ร่วมแบ่งปันเทรนด์การใช้ AI ในนวัตกรรมการแพทย์และสาธารณสุข

สำหรับหัวข้อที่สอง “Forward-Looking Organizations: Efficiency Meets Intelligence” นางสาวอรนุช เลิศสุวรรณกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด ดร.วิโรจน์ จิรพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท สคูลดิโอ จำกัด และนายรณพงศ์ คำนวณทิพย์ กรรมการผู้จัดการส่วนภูมิภาค บริษัท มายด์ เอไอ เซาท์อีสเอเซีย จำกัด ร่วมกันแลกเปลี่ยนทัศนคติในการนำ AI เข้ามาปรับใช้ในโลกธุรกิจที่ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในแง่ของการพัฒนาศักยภาพของบุคลากร เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างเทคโนโลยีอัจฉริยะกับทักษะและความสามารถของมนุษย์

ปิดท้ายด้วยการนำเสนอโดย ดร.พัทน์ ภัทรนุธาพร Postdoctoral Researcher at MIT Media Lab และ Co-director of Advancing Human-AI Interaction (AHA) Initiative ในหัวข้อ "The Next Frontier AI and Future Generation" ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาและยกระดับความสามารถของมนุษย์ควบคู่ไปกับเทคโนโลยี ที่จำเป็นต้องหาจุดร่วมที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืนและเสริมสร้างประโยชน์ซึ่งกันและกัน

งานสัมมนา Greenovative Forum จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่องโดยบางจากฯ ตั้งแต่ปี 2554 เพื่อสร้างเวทีแห่งการแลกเปลี่ยนความรู้และมุมมองใหม่ ๆ ในการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในด้านพลังงาน เทคโนโลยี นวัตกรรม และสิ่งแวดล้อม สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบางจากฯ ในการเชิญชวนให้สาธารณชนตระหนักถึงประเด็นที่ควรให้ความสำคัญและร่วมมือกันในการผลักดัน ผ่านการร่วมมือจากทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ เอกชน หรือประชาชน เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ร่วมสร้างสังคมที่สมดุลและยั่งยืน

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ คว้ารางวัลสุดยอดแบรนด์แห่งปี “Superbrands Thailand 2024”วิศรุต พูลวรลักษณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค...
28/11/2024

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ คว้ารางวัลสุดยอดแบรนด์แห่งปี “Superbrands Thailand 2024”

วิศรุต พูลวรลักษณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กรบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) รับรางวัลสุดยอดแบรนด์แห่งปี ประจำปี 2567 (Superbrands Thailand’s Choice Awards 2024) จาก นางสาวแชมเปญ เทียนแขวะ ผู้อำนวยการ ซูเปอร์แบรนด์ประเทศไทย ตอกย้ำความแข็งแกร่งด้านความเป็นผู้นำที่มอบประสบการณ์ความบันเทิงระดับโลกอย่างต่อเนื่อง นับเป็นการการันตีความสำเร็จของการเป็นแบรนด์โรงภาพยนตร์อันดับ 1 ที่ผู้บริโภคเชื่อมั่นและไว้วางใจ ต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 16 เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ณ แกรนด์ ฮอลล์ ทรู ดิจิตอล ปาร์ค เวสต์

บางจาก และ อินทนิล คว้า 2 รางวัลสุดยอดแบรนด์ Superbrands Thailand 2024 ต่อเนื่องปีที่ 7 และปีที่ 4 นายเสรี อนุพันธนันท์ ...
28/11/2024

บางจาก และ อินทนิล คว้า 2 รางวัลสุดยอดแบรนด์ Superbrands Thailand 2024 ต่อเนื่องปีที่ 7 และปีที่ 4

นายเสรี อนุพันธนันท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รับรางวัลสุดยอดแบรนด์แห่งปี หรือ Superbrands 2024 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 สำหรับแบรนด์ “บางจาก” พร้อมชูความสำเร็จของ “บางจาก ไฮ พรีเมียม 97” น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูง และ นายยศธร อรัญนารถ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก รีเทล จำกัด รับรางวัล Superbrands 2024 สำหรับแบรนด์ “อินทนิล” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 จากเวที Superbrands Thailand 2024 แสดงถึงความมุ่งมั่นในการสร้างแบรนด์ที่สามารถครองใจผู้บริโภค และยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความยั่งยืนให้กับลูกค้า โดยงานประกาศผลรางวัล Superbrands Thailand ประจำปี 2567 จัดโดย ซูเปอร์แบรนด์ ประเทศไทย องค์กรอิสระที่วัดความเป็นเลิศของ แบรนด์ ณ แกรนด์ ฮอลล์ ทรู ดิจิทัล พาร์ค เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567

รางวัลนี้ ถือเป็นการสะท้อนความสำเร็จของกลุ่มบริษัทบางจาก ที่มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการจนได้รับความเชื่อมั่นและวางใจในแบรนด์อย่างต่อเนื่อง โดยแบรนด์บางจาก ชูความสำเร็จจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพสูง “Bangchak Hi Premium 97” ที่ผ่านการคัดสรร และสร้างสรรค์ภายใต้แนวคิด “การสร้างสรรค์พลังไม่รู้จบ” สู่การเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงสูตรที่ดีที่สุดของบางจากฯ ถึงมือผู้บริโภคทุกคน และสำหรับ “อินทนิล” แบรนด์กาแฟรักษ์โลกอันดับหนึ่งของประเทศไทย มีความโดดเด่นในด้านการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนวิถีชีวิตที่ยั่งยืน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “อินทนิล เพื่อคุณ เพื่อโลก”

รางวัล Superbrands เป็นรางวัลอันทรงเกียรติ ที่มอบให้องค์กรที่มีความเป็นเลิศในการสร้างแบรนด์ ให้แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ครอบคลุมทั้งด้านคุณภาพของแบรนด์ (Brand Quality) ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ (Reliability) และเอกลักษณ์และความโดดเด่นของแบรนด์ (Distinction) ได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูงจากผู้บริโภคในประเทศไทย รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิในสายงานด้านการตลาด การสร้างแบรนด์ การประชาสัมพันธ์ สื่อมวลชนและตัวแทนคณะกรรมการอิสระผ่านการสำรวจการตลาดจากทั่วประเทศ

ใหม่! MAURICE LACROIX AIKON AUTOMATIC CERAMIC MAURICE LACROIX AIKON AUTOMATIC CERAMIC 39 MM & 42 MM สร้างความประทับใจที่...
27/11/2024

ใหม่! MAURICE LACROIX AIKON AUTOMATIC CERAMIC

MAURICE LACROIX AIKON AUTOMATIC CERAMIC 39 MM & 42 MM
สร้างความประทับใจที่ยากจะลืมเลือน

ปลายปี 2024 นี้ Maurice Lacroix พร้อมเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุด AIKON Automatic Ceramic ที่สะกดทุกสายตา โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่มีให้เลือกถึง 2 ขนาด ได้แก่ 39 มม. และ 42 มม. พร้อมโทนสีสุดคลาสสิกให้เลือกทั้งสีดำและสีขาว ผลงานชิ้นเอกนี้เป็นผลลัพธ์จากการวิจัยและพัฒนายาวนานถึง 3 ปี มุ่งสร้างมาตรฐานใหม่ด้านความคุ้มค่าและความหรูหรา เพื่อให้การเป็นเจ้าของนาฬิกาเซรามิกไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป

Maurice Lacroix ได้ยกระดับขึ้นอีกขั้นด้วยการใช้วัสดุ ‘Technical Ceramic’ ซึ่งมีคุณสมบัติที่เหนือกว่าเซรามิกทั่วไป ด้วยการผสมผสานสารออกไซด์ของเซอร์โคเนียมเข้ากับสารออกไซด์ชนิดพิเศษอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความทนทาน

ทุกมิติของตัวเรือนและสายได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ทั้งพื้นผิวและรายละเอียดแต่ละจุดล้วนเปี่ยมด้วยความประณีต อีกทั้งสายแต่ละข้อยังถูกออกแบบให้ปรับรับกับข้อมือได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อความสบายสูงสุดในการสวมใส่ รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ยังคงสะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ของ AIKON ที่เน้นรายละเอียดล้ำลึกและสัมผัสที่เหนือระดับ หนึ่งวัสดุ สองลุค คุณอยากเผยสไตล์แห่งเมืองของคุณในแบบไหน?

TECHNICAL CERAMIC: วัสดุที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์เหนือกาลเวลา

ในปีนี้ Maurice Lacroix ได้สร้างสรรค์หลากหลายรุ่นของนาฬิกา AIKON ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มคนรักสไตล์เมือง โดยเลือกใช้วัสดุที่หลากหลายอย่างพิถีพิถัน และเพื่อปิดท้ายปี 2024 อย่างยิ่งใหญ่ บริษัทสวิสแห่งนี้ได้นำเสนอ ‘Technical Ceramic’ วัสดุที่ทนต่อรอยขีดข่วนและไม่ซีดจางตามกาลเวลา แม้ว่าตัวเรือนเซรามิกที่ผลิตจากเซอร์โคเนียมออกไซด์จะมีมาอย่างยาวนาน แต่ Maurice Lacroix ได้ยกระดับคุณสมบัติของวัสดุนี้ไปอีกขั้น ด้วยการสร้างสรรค์เทคนิคเฉพาะตัวที่ทำให้ Technical Ceramic มีความคงทนต่อการกัดกร่อนและไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้เช่นเดียวกับเซรามิกทั่วไป แต่เหนือกว่าด้วยความทนทาน ความเสถียรทางความร้อน และความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้น กระบวนการพิเศษนี้ใช้การผสมเซอร์โคเนียมออกไซด์กับสารออกไซด์อีกสามชนิด ได้แก่ ฮาฟเนียมออกไซด์, อิทเทรียมออกไซด์ และอะลูมิเนียมออกไซด์ ภายใต้การควบคุมอย่างละเอียดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบ

เบื้องหลังความสำเร็จระดับโลก
การสร้างตัวเรือนและสายเซรามิกแบบใหม่ต้องอาศัยการวิจัยและพัฒนายาวนานถึง 3 ปี พร้อมเผชิญความท้าทายทางเทคนิคในทุกขั้นตอน ทีม R&D ของ Maurice Lacroix ทุ่มเทความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อให้ทุกพื้นผิวและมุมของตัวเรือนและสายสะท้อนถึงความหรูหราและคุณภาพ เช่น การออกแบบขอบตัวเรือนที่มีแขนเด่นชัดและพื้นผิวที่ตัดกัน ซึ่งเป็นความท้าทายทางเทคนิคอย่างมาก นอกจากนี้ การผลิตสายที่สามารถปรับให้โค้งรับกับข้อมือเพื่อความสบายสูงสุดยังเป็นอีกหนึ่งงานที่ต้องการความพิถีพิถัน

การสร้างสรรค์เพื่อทุกคน
ตลอดกระบวนการพัฒนา Maurice Lacroix ได้สำรวจความคิดเห็นจากทั้งผู้ค้าปลีกและผู้บริโภค เพื่อปรับปรุงรูปลักษณ์และความรู้สึกของนาฬิการุ่นใหม่ให้สมบูรณ์แบบที่สุด โดยให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวเรือน สาย และผู้สวมใส่อย่างลงตัว

ผลลัพธ์ของความพยายามที่ยาวนานนี้คือ Maurice Lacroix AIKON Automatic Ceramic นาฬิการุ่นใหม่ที่เหมาะกับทุกเพศ พร้อมให้เลือกใน 2 ขนาด ได้แก่ 39 มม. และ 42 มม. แต่ละรุ่นสะท้อนสไตล์ที่แตกต่างและน่าประทับใจอย่างลงตัว

TECHNICAL CERAMIC: ก้าวสู่ยุคใหม่แห่งความหรูหรา

นับตั้งแต่ปี 1975 Maurice Lacroix ยังคงยืนหยัดในความมุ่งมั่นที่จะมอบคุณค่าเหนือระดับให้แก่ผู้ใช้นาฬิกาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกับ Maurice Lacroix AIKON Automatic Ceramic แบรนด์ดังจาก Franches-Montagnes ได้สร้างมาตรฐานใหม่ด้านคุณภาพและความคุ้มค่า ทำให้วัสดุสุดพิเศษนี้เข้าถึงผู้คนในวงกว้างได้มากยิ่งขึ้น

นิยามใหม่แห่งความแตกต่าง
ย้อนกลับไปในปี 2016 Maurice Lacroix เปิดตัวนาฬิการุ่น AIKON ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่น CALYPSO ซึ่งเคยเป็นนาฬิกาขายดีในยุค 90s และในปี 2018 ได้เพิ่มรุ่นระบบกลไกเข้ามาในคอลเลกชัน จนทำให้ AIKON ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ ตลอดเวลาที่ผ่านมา Maurice Lacroix ได้ต่อยอดความสำเร็จนี้ด้วยการเปิดตัวหลากหลายขนาดตัวเรือน สีหน้าปัด และฟังก์ชันเพิ่มเติม

ในปีนี้ Maurice Lacroix ได้นำเสนอ AIKON Automatic Ceramic ที่เน้นการตัดกันอย่างลงตัว โดยมีให้เลือก 2 สี คือ สีดำด้าน (Matt Black) ขนาด 42 มม. ที่สะท้อนความลึกลับและสไตล์คนเมืองที่ออกไปโลดแล่นในยามค่ำคืน และ สีขาวเงา (Glossy White) ขนาด 39 มม. ที่ให้ความรู้สึกบริสุทธิ์และสว่างไสว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความโดดเด่นในยามกลางวัน

ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน สีสันที่เรียบง่ายหรือสะดุดตา AIKON Automatic Ceramic ก็พร้อมเติมเต็มทุกอารมณ์และบุคลิกของผู้สวมใส่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ Maurice Lacroix ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านวัสดุและการออกแบบที่โดดเด่นอีกครั้ง

"YOUR TIME IS NOW WITH MAURICE LACROIX"
กว่า 50 ปีที่ Maurice Lacroix สะท้อนความเชี่ยวชาญด้านการผลิตนาฬิกา ผ่านผลงานที่สร้างขึ้นใน Manufacture ของแบรนด์ในเมือง Saignelégier ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยรางวัลกว่า 15 รายการ Maurice Lacroix แสดงถึงจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม ความล้ำสมัย และความสมบูรณ์แบบ

AIKON รุ่นนี้ได้รับการออกแบบเพื่อคนรุ่นใหม่ที่มีความทันสมัย เชื่อมต่อกับโลกใบนี้ และพร้อมก้าวสู่ความสำเร็จในเมืองใหญ่ Maurice Lacroix ไม่เพียงสร้างนาฬิกา แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตอย่างมีพลังในเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา

สัมผัสประสบการณ์ AIKON Automatic Ceramic ได้แล้ววันนี้
พบกับนาฬิการุ่นนี้ได้ที่ Maurice Lacroix Boutique ชั้น 2 Gaysorn Village ในราคา 119,900 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. 02-853-9742 หรือทาง LINE Official . คลิกที่นี่: https://lin.ee/TYO5J3F



YOUR TIME IS NOW.

บางจากฯ ผนึกกำลังสจล. มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล และมูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร สร้างสรรค์นวัตกรรมทางการแพทย์ ยกร...
27/11/2024

บางจากฯ ผนึกกำลังสจล. มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล และมูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร สร้างสรรค์นวัตกรรมทางการแพทย์ ยกระดับสุขภาพและความยั่งยืน

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (บางจากฯ) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ ระหว่าง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) (คณะแพทยศาสตร์ / โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล และมูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ โดยมี นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ศาสตราจารย์ นพ.อนันต์ ศรีเกียรติขจร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานมูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ รองศาสตราจารย์ ดร. สุพันธุ์ ตั้งจิตกุศลมั่น อธิการบดีมหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมศักดิ์ วลัยรัชต์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร (ในนามรองศาสตราจารย์ นพ.ประเสริฐ ตรีวิจิตรศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร) ร่วมลงนาม ณ โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร

บันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนานวัตกรรมด้านการแพทย์ที่สามารถสร้างผลกระทบในวงกว้าง มุ่งเน้นการสำรวจและสร้างสรรค์โอกาสใหม่ ๆ ที่ครอบคลุมตั้งแต่การวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพ ไปจนถึงการพัฒนาศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์แห่งใหม่ โดยมีสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ Bangchak Initiative and Innovation Center หรือ BiiC ศูนย์กลางด้านนวัตกรรมของบางจากฯ ในการพัฒนาและสนับสนุนเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ความต้องการของอนาคต ทำหน้าที่เป็นพื้นที่สำหรับการเชื่อมโยงนักวิจัย นักลงทุน และพันธมิตรธุรกิจ เพื่อสร้างเครือข่ายนวัตกรรมที่แข็งแกร่งและขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสสำหรับความร่วมมือใหม่ๆ เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีด้านการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการยกระดับการดูแลสุขภาพที่ครอบคลุม ทันสมัย และเข้าถึงประชาชนในวงกว้างได้มากขึ้น รวมถึงการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์เพื่อการแพทย์และสาธารณสุข และความร่วมมืออื่นๆ เช่น การตั้ง
จุดบริการชาร์จรถไฟฟ้า และร้านกาแฟอินทนิล แบรนด์กาแฟรักษ์โลกอันดับหนึ่งของประเทศไทย ฯลฯ เพื่อให้บริการในพื้นที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร

Dow รับรางวัลรับผิดชอบต่อสังคมระดับแพลตินัมต่อเนื่องปีที่ 14 จากหอการค้าอเมริกันในประเทศไทยกรุงเทพฯ – 26 พฤศจิกายน 2567 ...
26/11/2024

Dow รับรางวัลรับผิดชอบต่อสังคมระดับแพลตินัมต่อเนื่องปีที่ 14 จากหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย

กรุงเทพฯ – 26 พฤศจิกายน 2567 - กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) รับรางวัล “องค์กรที่มีผลงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมดีเด่นประจำปี 2567 ระดับแพลตินัม” เป็นครั้งที่ 5 นับเป็นปีที่ 14 ติดต่อกัน จากการทำกิจกรรมเพื่อสังคมในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีนายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย และนายวิชาญ ตั้งเคียงศิริสิน ผู้อำนวยการฝ่ายขายภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย เป็นผู้รับมอบรางวัลจาก มร. โรเบิร์ต โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และมี มร. ไซมอน เดนนี่ กรรมการบริหารหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย และผู้ประสานงานคณะกรรมการ Corporate Social Impact ร่วมแสดงความยินดี ณ โรงแรมอวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ

รางวัล AMCHAM Corporate Social Impact Awards จัดขึ้นทุกปีเพื่อยกย่องบริษัทสมาชิกหอการค้าอเมริกันในประเทศไทยที่เป็นแบบอย่างในการดำเนินงานด้านธุรกิจควบคู่กับการดูแลสังคม โดย Dow เน้นการส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสังคม ผลักดันการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ใส่ใจดูแลชุมชนรอบข้าง และส่งเสริมการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ จึงได้รับการยกย่องให้เป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมดีเด่นเป็นปีที่ 14 ติดต่อกัน และได้รับรางวัล “ระดับแพลตินัม” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Dow ในการสร้างผลกระทบที่ดีต่อสังคมผ่านการทำธุรกิจและกิจกรรมที่มีคุณค่าและต่อเนื่องในประเทศไทย

Maurice Lacroix X Pond Review AIKON Automatic Limited Edition 39 mm. แน่วแน่ในความเชื่อ  แบรนด์ มอริส ลาครัวซ์ เรือนเวลา...
25/11/2024

Maurice Lacroix X Pond Review AIKON Automatic Limited Edition 39 mm.

แน่วแน่ในความเชื่อ

แบรนด์ มอริส ลาครัวซ์ เรือนเวลาหรูจากสวิสฯ สร้างปรากฏการณ์น่าตื่นใจขึ้นอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษ อย่าง มอริส ลาครัวซ์ เอ็กซ์ ปอนด์ รีวิว ไอคอน ลิมิเต็ด อิดิชั่น 39 มม. (Maurice Lacroix X Pond Review AIKON Automatic Limited Edition 39 mm.) เป็นการตอกย้ำความเชื่อของแบรนด์ที่ว่า “วิถีของคนเมืองรุ่นใหม่นั้นต้องการความแตกต่าง มีความเป็นตัวของตัวเองสูง และจะสร้างแนวทางโดดเด่นตามแบบฉบับของตัวเอง ไม่เดินตามใคร พวกเขาจะภูมิใจที่ได้ใส่นาฬิกาที่พวกเขาได้เลือกและชื่นชอบ ถึงแม้จะเป็นนาฬิการุ่นยอดนิยม แต่ก็ยังต้องมีความพิเศษที่เห็นเด่นชัดไปพร้อมๆ กันอยู่ด้วยเสมอ” เป็นเวลาหลายปีที่แบรนด์ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความเชื่อนี้ และได้ลงมือทำตามแนวคิดนี้อย่างจริงจัง ดูได้จากการที่แบรนด์มีนาฬิการุ่นพิเศษใหม่ๆ ออกมาให้นักสะสมได้สัมผัสอยู่เสมอ และทุกรุ่นพิเศษที่ปรากฏสู่สายตาก็ได้รับคำชื่นชมทุกครั้งถึงความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่เคยหยุดนิ่งของ มอริส ลาครัวซ์ ..ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน

คุณปอนด์ ยูทูปเบอร์นาฬิกาชาวไทยที่มีผู้ติดตามมากกว่า 2 แสนคนในปัจจุบัน จากการสร้างช่องรีวิวนาฬิกาเป็นของตัวเองลงบนแพลตฟอร์มดังอย่าง YouTube ในชื่อ “Pond Review” และด้วยความรักความหลงใหลในนาฬิกาอย่างจริงจังทำให้ช่องรีวิวเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา 5 ปี ซึ่งตั้งแต่ได้เริ่มสร้างช่องขึ้นมาปอนด์ รีวิวได้ผ่านการรีวิวนาฬิกาแบรนด์ต่างๆ ที่ตัวเองชื่นชอบไปแล้วมากกว่า 2,000 เรือน โดยมีมากกว่า 70 เรือนเป็นนาฬิกาแบรนด์ มอริส ลาครัวซ์ ที่คุณปอนด์นำมารีวิวด้วยความชื่นชม จากจุดเริ่มต้นที่ได้เป็นเจ้าของนาฬิกาแบรนด์ มอริส ลาครัวซ์ เรือนแรก คือ รุ่นไอคอน ออโตเมติค ขนาด 39 มิล. หน้าปัดสีน้ำเงิน และด้วยความประทับใจจึงได้เลือกรุ่นนี้เป็นเรือนแรกในการนำมารีวิวทางช่องของตัวเองเพื่อแนะนำให้กับผู้ติดตามได้รู้จักกับแบรนด์เป็นครั้งแรก และก็ตามมาด้วยรุ่นต่างๆ อย่างสม่ำเสมอไม่เคยหยุดจนมาถึงวันนี้

นาฬิกาเรือนพิเศษที่อยู่ในใจ

จากความเชื่อดั้งเดิมของแบรนด์ที่ว่า “วิถีของคนเมืองรุ่นใหม่นั้นต้องการความแตกต่าง” ทำให้ทางแบรนด์ไม่เคยปิดกั้นมุมมองใหม่ๆ ที่จะเข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ชื่นชอบในแนวคิดและติดตามการออกแบบของ มอริส ลาครัวซ์ มาโดยตลอด ทางแบรนด์พร้อมเปิดโอกาส และรับฟังในไอเดียของคนรุ่นใหม่ด้วยความสนใจอยู่ตลอดเวลาจากทั่วทุกมุมโลก และแม้ว่าไอเดียนั้นจะหวือหวาแค่ไหนก็ตาม แบรนด์ก็ยังคงรักษาคุณค่าอันสูงสุดและความหรูหราแห่งเรือนเวลาสวิสฯตามมาตรฐานของแบรนด์ไว้อยู่เสมอ และท่ามกลางเรือนเวลาของ มอริส ลาครัวซ์ รุ่นต่างๆ มากมายที่คุณปอนด์ ได้รีวิวออกไปนั้นได้ทำให้เกิดมุมมอง และแนวคิดใหม่ๆ ที่แตกต่างไปจากเดิมที่เป็นอยู่ จากความชื่นชอบเป็นทุนเดิมจึงได้ลองจินตนาการใส่ความเป็นตัวเองเพิ่มเติมเข้าไปจนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้นมา และไอเดียเรือนเวลาพิเศษนี้ได้ถูกเก็บไว้เงียบๆ เป็นการส่วนตัว จนกระทั่งเมื่อแบรนด์ได้มีโอกาสร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนแนวคิดกันกับปอนด์ รีวิว โปรเจคต์พิเศษนี้จึงได้เริ่มต้นขึ้น!

เรือนเวลารุ่นพิเศษ! Maurice Lacroix X Pond Review AIKON Automatic Limited Edition 39 mm. จากผลงานการออกแบบร่วมกันของ ปอนด์ รีวิว ยูทูปเบอร์นาฬิกาชาวไทยกับแบรนด์ มอริส ลาครัวซ์ ได้ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “ครั้งแรก” ในเรือนเวลารุ่นพิเศษนี้ขึ้นมา อาทิ โลโก้ M สีทอง ที่ดูโดดเด่นพร้อมกับเข็มวินาทีสีแดงบนหน้าปัดสีขาวลายกลู เดอ ปารีส์ และดีไซน์ขอบหน้าปัดด้านใน (Chapter Ring) สีน้ำเงิน พร้อมโลโก้ Pond Review บนฝาหลังกระจกแซฟไฟร์ใส ไล่เฉดสีเทาดำแบบสโม้ค นับว่าเป็น มอริส ลาครัวซ์ รุ่น ไอคอน 39 mm.เรือนแรกที่มีหน้าปัดสีขาว ส่วนคู่สี 3 สีบนหน้าปัดก็ได้แรงบันดาลใจมาจากหุ่นยนต์ในตำนานที่ปอนด์ รีวิวและใครอีกหลายคนชื่นชอบอย่าง “กันดั้ม” แถมคู่สีนี้ยังสื่อไปถึงสีของธงชาติไทยได้อีกทางหนึ่งด้วย สำหรับการเลือกใช้โลโก้สีทองบนนาฬิการุ่นไอคอนนี้ ก็เป็นครั้งแรกของแบรนด์เช่นกัน โดยตัวปอนด์ รีวิว ได้อธิบายว่าเปรียบเหมือนกับ ระฆังทอง (Golden Bell) อันเป็นวัฒนธรรมที่คุ้นเคยของประเทศไทยเรา ตัวเรือนทั้งหมดนี้ถูกดีไซน์ขึ้นมาพร้อมกับสายนาฬิกายางสีใหม่! แบบ cool grey จึงทำให้นาฬิการุ่นพิเศษเรือนนี้มีความลงตัว เรียบหรูและดูดี ลุคสมาร์ท เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์การแต่งตัวได้ง่าย จนสามารถใช้เป็นนาฬิกาที่ใส่ได้ในทุกวันของการใช้ชีวิตในเมืองกับทุกๆ กิจกรรม โดยนาฬิการุ่นนี้จะมาในชุด Box set ที่มีสายสแตนเลสสตีล เพื่อใช้สลับสับเปลี่ยนได้เมื่อคุณต้องการ นาฬิกา Maurice Lacroix x Pond Review AIKON Automatic Limited Edition 39 mm. ผลิตขึ้น 250 เรือนทั่วโลก ในประเทศไทยมีจำหน่ายเพียงแค่ 150 เรือนเท่านั้น และพิเศษ!เฉพาะช่วง Pre-Order นี้ 100 เรือนแรกจะได้รับกล่องหมุนนาฬิกาอัตโนมัติสั่งผลิตพิเศษสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะจากทางช่อง Pond Review ทันที

นาฬิกา Maurice Lacroix x Pond Review AIKON Automatic Limited Edition ขนาด 39 มม. จำหน่ายในราคาเรือนละ 96,900 สามารถสอบถามข้อมูลนาฬิกาเพิ่มเติมได้แล้ววันนี้ที่ มอริส ลาครัวซ์ บูติค ชั้น 2 Gaysorn Village 02-853-9742 หรือ LINE Official คลิ๊ก https://lin.ee/TYO5J3F



Your Time Is Now

ที่อยู่

136 Na Ranong Road, Khlong Toei, Bangkok
Klong Toey
10110

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 06:00
อังคาร 09:00 - 06:00
พุธ 09:00 - 06:00
พฤหัสบดี 09:00 - 06:00
ศุกร์ 09:00 - 06:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ M2FNewsผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง M2FNews:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์

ตำแหน่งใกล้เคียง บริษัท สื่อ


บริษัทด้านสื่อ/ข่าวสาร อื่นๆใน Klong Toey

แสดงผลทั้งหมด