CPU Brain จิตวิทยา & ชีวมนุษย์ ชม.บิน + ประสบการณ์ตรง 10,000 ชม.+�
รับให้คำปรึกษา Free

ประธานผู้เป็นของเผด็จการ ถอยให้หมด แต่ไม่เป็นไรถือว่าได้ฉีกหน้าสรรพสัตว์ ที่ปลกคลุมด้วยเนื้อหนังของมนุษย์ เอาหละจะเล่นกั...
04/08/2023

ประธานผู้เป็นของเผด็จการ ถอยให้หมด แต่ไม่เป็นไรถือว่าได้ฉีกหน้าสรรพสัตว์ ที่ปลกคลุมด้วยเนื้อหนังของมนุษย์ เอาหละจะเล่นกันแบบไหนก็เอาให้เต็มที่ก่อนจะไม่มีที่ยืนอีก ถึงตอนนี้จะอยู่ปากเหวแล้วก็เถอะ

ไม่ใช่สภาล่ม แต่ประธานวันนอร์ สั่งปิดประชุม ทั้งที่เริ่มไปได้แค่ 2 ชั่วโมง หลัง สส.ก้าวไกล ลุกเสนอญัตติ ให้ทบทวนเรื่องห้ามเสนอชื่อนายกฯ ซ้ำ

บรรยากาศการประชุมสภาในวันนี้ ที่ต้องมีนัดถกกันเรื่องการยื่นแก้ไข ม.272 เรื่องอำนาจ สว.โหวตนายก แต่หลังเปิดประชุมสภาไปได้เพียง 2 ชั่วโมง ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ก็สั่งเลื่อนการประชุมในวันนี้ออกไป

โดยก่อนจะมีการสั่งเลื่อน สส.รังสิมันต์ โรม เสนอญัตติด่วนด้วยวาจาให้ที่ประชุมทบทวนมติในวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ไม่อนุญาตให้เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้ที่ประชุมพิจารณาซ้ำได้ เพราะขัดข้อบังคับข้อ 41

ซึ่งประธานวันนอร์ ได้คัดค้านการเสนอญัตติดังกล่าว โดยบอกว่าเรื่องนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ หากดำเนินการต่อไปอาจทำให้มีปัญหาในภายหลัง

ขณะที่ สส.รังสิมันต์ และ สส.ก้าวไกล อีกส่วนหนึ่ง ลุกมาคัดค้าน แต่ประธานวันนอร์ ยังยืนยันเหมือนเดิม จนกระทั่ง นพ.ชลน่าน สส.และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลุกมาอภิปรายสนับสนุนพรรคก้าวไกลว่า "ประธานไม่มีอำนาจหน้าที่วินิจฉัย เมื่อสมาชิกเสนอญัตติ รับรองถูกต้อง สภาต้องพิจารณา จะให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ"

สุดท้าย ประธานวันนอร์จึงอนุญาตให้เสนอญัตติได้ และดำเนินการต่อไป จากนั้น สว.สมชาย แสวงการ ได้เสนอญัตติว่า การเสนอญัตติให้ทบทวนมติ เป็นญัตติที่ไม่ชอบ ไม่สามารถเสนอได้

จากนั้นประธานได้อนุญาตให้สมาชิกได้ลุกขึ้นมาอภิปรายแสดงความเห็นต่อการเสนอญัตติทั้ง 2 ฝ่าย หลังใช้เวลาอภิปรายอยู่ประมาณ ครึ่งชั่วโมง ประธานวันนอร์ ก็ได้สั่งปิดประชุม โดยเลื่อนการพิจารณาวาระนี้ออกไป

ก็ทำให้วาระแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เลิกอำนาจ สว.ในการเลือกนายกฯ หรือ ปิดสวิตซ์ สว.ไม่สามารถเข้าสู่การพิจารณาในวันนี้ได้

#ประชุมสภา #ปิดประชุม #สภาล่ม #โหนกระแส

03/08/2023

ง่ายๆ ก็คือ รอพวกตังเองได้เป็นรัฐบาลก่อน ระบบพวกกู ไม่ใช่ระบบสังคม

27/07/2023

[ อย่าหลอกลวงประชาชนว่ารัฐบาลรักษาการทำงานไม่ได้ เพื่อหวังสลับขั้วตั้งรัฐบาล 3ป ]
- - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ตอนนี้มีบางคนชอบออกมาพูดหลอกประชาชนว่า รัฐบาลรักษาการทำงานไม่ได้ เราเสียเวลารอการจัดตั้งรัฐบาลแห่งความหวัง 8 พรรคร่วมไม่ได้ เพื่อขู่ให้ประชาชนกลัว และยอมรับชะตากรรม ยอมให้เกิดการสลับขั้วจัดตั้งรัฐบาล 3ป ให้มาผูกขาดกินรวบประเทศต่อไป
ผมถามตรงๆ เลยครับว่า ระหว่างได้รัฐบาล 3ป แล้วต้องสิ้นหวังต่อไปอีก 4ปี กับรอเต็มที่ไม่เกิน 10 เดือน แล้วจะได้รัฐบาลแห่งความหวังของประชาชน มีใครยอมสิ้นหวังไปอีก 4 ปีด้วยหรือครับ
ระหว่างที่รอ บ้านเมืองก็ไม่ได้อยู่ในสภาวะสุญญากาศนะครับ สภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมาธิการ และรัฐบาลรักษาการ ก็ยังทำงานได้
รัฐบาลที่ผ่านมา บริหารบ้านเมืองได้ตกต่ำถึงขีดสุดแล้วครับ ไม่มีอะไรที่จะเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้วครับ การเป็นรัฐบาลรักษาการ โดยถูกจำกัดอำนาจบางส่วน ก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว เพราะจะได้ไม่ไปก่อความเสียหายอะไร ให้กับบ้านเมืองไปมากกว่านี้
ตามมาตรา 169 ของรัฐธรรมนูญ รัฐบาลรักษาการ ทำงานได้ครอบคลุมพอสมคววรนะครับ ไม่ใช่ว่าทำงานไม่ได้เลย มีข้อห้ามหลักๆ ก็แค่ 3 เรื่อง เท่านั้น คือ
1. ห้ามอนุมัติโครงการ ที่ก่อภาระผูกพันคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป ยกเว้นกรณีที่กำหนดไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีอยู่แล้ว แสดงว่าโครงการที่อนุมัติไปแล้ว ก็ยังเดินหน้าต่อได้ เพียงแต่โครงการใหม่ๆ ห้ามเซ็นก็เท่านั้นเอง ซึ่งก็สมควรอยู่แล้ว เพราะจะได้ป้องกันไม่ให้รัฐบาลนี้ผลาญเงินภาษีของประชาชนไปมากกว่านี้
2) ห้ามการแต่งตั้งโยกย้ายหรือถอดถอนบุคลากรของรัฐ ซึ่งก็ดีอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้น ระบบตั๋ว และการซื้อขายตำแหน่ง ที่เป็นบ่อเกิดของการทุจริตคอร์รัปชั่น ก็จะรุนแรงขึ้น แถมยังจะทำให้เครือข่ายอุปถัมภ์ที่กินรวบสัมปทาน ขยายเครือข่ายของตนอีกด้วย แต่ในกรณีที่จำเป็นต้องแต่งตั้งโยกย้ายจริงๆ ก็ทำได้ครับ เพียงแต่ต้องขอความเห็นชอบจาก กกต. ก่อน ก็เท่านั้นเอง
3) ห้ามอนุมัติการใช้จ่ายงบกลางเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ก็ดีอยู่แล้ว จะได้เลิกเอางบกลางไปผลาญตามอำเภอใจของนายกฯ คนนี้ซะที แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้จริงๆ เช่น กรณีภัยพิบัติ ก็ใช้ได้ครับ เพียงแต่ต้องขอความเห็นชอบจาก กกต. ก่อน ก็เท่านั้นเอง
รัฐบาลรักษาการพอที่จะทำงานได้ครับ ไม่ได้ถึงกับสิ้นสภาพ อย่างที่เอามาขู่ให้กลัวเลย
แล้วก็ไม่ต้องมาอ้างเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศเลยครับ นักลงทุนจากต่างประเทศ เวลาที่จะมาลงทุน เขาต้องพิจารณาในระยะยาวเป็นหลักสิบปี ไม่ใช่ว่าต้องเร่งให้มีรัฐบาลกเฬวรากอะไรก็ได้
นักลงทุนจากต่างประเทศ เขาคำนึงถึงเสถียรภาพของรัฐบาลเป็นสำคัญ ซึ่งคำว่า "เสถียรภาพ" ในโลกยุคปัจจุบัน ไม่ได้ดูแค่จำนวน สส. เท่านั้น แต่รัฐบาลจะต้องมีความชอบธรรม ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ประชาชนพร้อมเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้ อย่างนี้ถึงเรียกว่าเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ไม่ใช่เริ่มต้นมาก็ทรยศหักหลัง เป็นปรปักษ์กับประชาชนเสียแล้ว
นอกจากนี้ ปัญหาการคอร์รัปชั่น ก็เป็นอีกประเด็นที่นักลงทุนต่างชาติพิจารณา ถ้าบ้านเมืองเต็มไปด้วยส่วย และการเรียกรับผลประโยชน์ จะประกอบกิจการอะไร ก็ต้องจ่ายใต้โต๊ะตั้งแต่หัวโต๊ะยันท้ายโต๊ะ อย่างที่เป็นอยู่ นักลงทุนต่างประเทศเขาไม่มาลงทุนหรอกครับ
ดังนั้น รัฐบาลที่ยอมพลิกขั้วยอมเป็นร่างทรง ให้ 3ป มาสิงสู่สืบทอดอำนาจ มีแต่จะถูกประชาชนสาปแช่ง บั่นทอนการลงทุนจากต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม การที่ ส.ส. จากพรรคอื่น ที่ไม่อยู่ใน 8 พรรคร่วม จะบ่นว่า การตั้งรัฐบาลจะเสียเวลารอนานไม่ได้ ผมก็เห็นด้วยว่าควรบ่นครับ ผมก็บ่นเหมือนกัน ไม่มีใครอยากตั้งรัฐบาลช้าหรอกครับ บ่นน่ะได้ แต่ต้องบ่นให้ถูกคน เรามาช่วยกันบ่นไปที่ สว. กลุ่มที่ขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลดีกว่าครับ ถ้าผนึกกำลังช่วยกันบ่น และบ่นให้ถูกคน สักพักรัฐบาลก็จะตั้งได้เองครับ

20/07/2023
รับคำวิจารณ์ไม่ได้ก็ออกไปครับ เป็นผู้ที่ทำงานให้ราษฎรก็ต้องพร้อมให้ราษฎรวิจารณ์ เอ้ะ หรือทำงานให้ใคร อ่อทำงานให้พวกรัฐปร...
16/07/2023

รับคำวิจารณ์ไม่ได้ก็ออกไปครับ เป็นผู้ที่ทำงานให้ราษฎรก็ต้องพร้อมให้ราษฎรวิจารณ์ เอ้ะ หรือทำงานให้ใคร อ่อทำงานให้พวกรัฐประหารชิมิ เพราะเท่าที่จำได้ราษฎรไม่เลือกมา

วันที่ 14 ก.ค.66 นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์แจ้ง

“แจ้งฝูงฮายีน่าที่คุ้มคลั่งกำลังรุมถล่มสว เตรียมตัวรับหมาย #ดำเนินคดีถึงที่สุด #คุกมีไว้ขังคนเลว #ไม่ปล่อยคนชั่วลอยนวล”

15/07/2023

‘วิโรจน์’ สรุปจุดยืน ‘ก้าวไกล’

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล

“เราจะทุ่มเทพยายามอย่างสุดความสามารถที่สุด ในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พร้อมกับเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ อย่างควบคู่กัน

อย่างไรก็ตาม เราก็ตระหนักดีว่า ประชาชน และอนาคตของประเทศ นั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด หากเราพบว่า ไม่ว่าเราจะพยายามสักเพียงไร ก็ไม่มีโอกาสที่ทั้ง 2 ภารกิจข้างต้น จะสำเร็จลุล่วงลงได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม

เราก็พร้อมที่จะเสียสละ ถอยออกจากการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพื่อให้พรรคในลำดับต่อมา ได้เข้ามาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลแทน โดยที่เราพร้อมที่จะร่วมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อให้ 8 พรรคร่วม มีความแน่นแฟ้นกลมเกลียว และสามารถเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลผสม 8 พรรค ซึ่งเป็นรัฐบาลแห่งความหวังของประชาชน ให้สำเร็จให้จงได้

อำนาจ ตำแหน่ง และยศถา หาได้สำคัญกว่าผลประโยชน์ของประชาชนไม่

อุดมการณ์ และสัจจะวาจา เป็นสิ่งที่เราต้องรักษาต่อผองชน พรรคใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรคเสมอครับ”

14/07/2023

ขอทุกท่านร่วมกันส่งเรื่องขึ้นศาลเพื่อเป็นอีกเสียงในการแก้ไข ม.272 เพื่อยุติการทำงานของ ส.ว. ที่ไม่ชอบธรรมด้วยนะครับ ทุกเสียงของทุกท่านจะเป็นผลในการหันเหทิศทางของประเทศ ในวันที่ 19 ก.ค. นี้ครับ

14/07/2023

ถึงสมาชิกรัฐสภาทั้ง 750 คน และโดยเฉพาะ 250 ส.ว. :
วันนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสมาชิกรัฐสภาหลายท่านที่นี้ แม้จะเห็นด้วยกับนโยบายของเราหลายประการ ชื่นชอบในแนวทางการทำงานของเราไม่น้อย และเห็นว่าประเทศไทยที่พวกเราอยากจะเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น เป็นประเทศไทยแบบเดียวกับที่ท่านอยากเห็น ไม่มากก็น้อย
แต่ท่านก็ยังมีความคลางแคลงใจในตัวผม คลางแคลงใจในคุณสมบัติ จุดยืนทางการเมือง หรือนโยบายบางประการของเรา ความคลางแคลงใจนี้มากพอที่จะทำให้ท่านไม่สามารถยกมือโหวตให้ผมได้ แม้จะได้ยินเสียงเรียกร้องจากพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ว่าเขาต้องการรัฐบาลแบบไหน และนายกรัฐมนตรีคนไหน
ผมจะขอใช้พื้นที่นี้ อธิบายในทุกข้อกังวลสงสัยที่ท่านมีต่อผม เพื่อให้ท่านเชื่อใจผม วางใจว่าอนาคตของประเทศไทยในอีก 4 ปีข้างหน้า จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นภายใต้การบริหารของผม
ผมจะฉายภาพให้ทุกท่านได้เห็นว่าถ้าหากผมได้รับเลือกให้เป็นผู้นำในการบริหารราชการแผ่นดิน ร่วมกับพรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนเสียงข้างมากจากประชาชนผ่านการเลือกตั้งตามกลไกประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ประเทศไทยในระยะเวลา 4 ปีต่อจากนี้ จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร จะมีทิศทางการพัฒนาไปทางใด และชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประชาคมโลก และความสัมพันธ์ภายในสังคมไทยเราเองจะวิวัฒน์ไปเช่นใด
***จุดร่วม
ท่ามกลางกระแสที่ถูกปลุกปั่นให้เห็นแต่ความแตกต่าง เรื่องสำคัญที่สมาชิกรัฐสภาจำนวนไม่น้อยมองข้ามไปคือ สังคมไทยในความใฝ่ฝันของท่านกับพวกเรานั้น อันที่จริงแล้วมีความสอดคล้องต้องกันอยู่ไม่น้อย
• การสร้างการเมืองโปร่งใสไร้คอร์รัปชัน, การปฏิรูปราชการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ, การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ตลอดจนการมองเห็นความเหลื่อมล้ำและการผูกขาดทางเศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่ ที่ว่ามาทั้ง 5 เรื่องนี้ ล้วนเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมืองที่เราเห็นพ้องต้องกันว่าจำเป็นต้องแก้ไขจัดการอย่างจริงจัง
ผมเชื่อว่าทุกท่านในที่นี้ปรารถนาอยากเห็น “การเมืองโปร่งใสไร้คอร์รัปชัน”การเมืองที่อาศัยกับอิทธิพลและเครือข่ายอุปถัมภ์เป็นต้นตอของการทุจริตฉ้อฉล การจัดสรรทรัพยากรที่บิดเบือน ท่านก็ต่อสู้เพื่อสร้างการเมืองโปร่งใสไร้คอร์รัปชัน ไม่ต่างจากผม
• ผมเชื่อว่าทุกท่านในที่นี้ปรารถนาอยากเห็น “การปฏิรูปราชการ” ซึ่งเป็นเรื่องที่พูดกันมายาวนานหลายทศวรรษ แต่กลับส่งผลแย่ลงทุกที การเลื่อนขั้นได้ดีของข้าราชการกลับขึ้นกับการรับใช้นาย ตำแหน่งราชการกลายเป็นเครื่องมือในการหาเงินหาส่วย ท่านก็ต่อสู้เพื่อปฏิรูปราชการให้เป็นราชการเพื่อประชาชน ให้เป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพในการส่งมอบบริการสาธารณะ ไม่ต่างจากผม
• ผมเชื่อว่าทุกท่านในที่นี้ปรารถนาอยากเห็น “การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น” เพราะถึงแม้เราจะเริ่มต้นกระบวนการมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 แต่อำนาจหน้าที่ งบประมาณ ตลอดจนความสามารถในการดูแลประชาชนในจังหวัดต่างๆ ก็ยังคงเป็นอย่างจำกัด ท่านก็ต่อสู้เพื่อให้ประเทศไทยไม่ใช่แค่กรุงเทพ อยากให้คนไทยทั่วประเทศมีถนนหนทาง น้ำประปา และการศึกษาที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะอยู่จังหวัดไหนตำบลใด ไม่ต่างจากผม
• ผมเชื่อว่าทุกท่านในที่นี้มองเห็น “ความเหลื่อมล้ำและการผูกขาด” เป็นปัญหาใหญ่ที่กัดกินชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เพราะทำให้ต้นทุนการใช้ชีวิตของคนไทยสูงขึ้นเรื่อยๆ คนที่อยากตั้งตัวทำธุรกิจก็ไม่มีหนทางจะเติบโตเหมือนรุ่นพ่อรุ่นแม่เรา ท่านก็ต่อสู้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ต่อสู้เพื่อเศรษฐกิจที่แข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม ไม่ต่างจากผม
นี่เป็น “ประตูแห่งโอกาส” อันยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในสังคมไทยมาก่อน เป็นช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ไทย ที่เราจะสามารถร่วมกันสร้างการเมืองโปร่งใสไร้คอร์รัปชัน, การปฏิรูปราชการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ, กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ตลอดจนแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำและการผูกขาดทางเศรษฐกิจร่วมกัน เป็นโอกาสอันดีที่ผู้แทนจาก ส.ส. และ ส.ว. จะร่วมกันสร้างสังคมไทยที่เราใฝ่ฝัน
***จุดต่าง
แน่นอนว่ามีประเด็นที่เรายังเห็นแตกต่างกันอยู่ ซึ่งเกิดขึ้นด้านหนึ่งจากการที่ไม่มีโอกาสได้สื่อสารทำความเข้าใจกัน ผมจึงขอใช้โอกาสนี้ในการชี้แจงทำความเข้าใจใน 3 เรื่องสำคัญ คือ ความเร็วในการเปลี่ยนแปลง, การต่างประเทศ, และความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน
• เรื่องแรก ความเร็วการเปลี่ยนแปลง มีสมาชิกวุฒิสภาหลายท่านที่ผมและทีมงานมีโอกาสพูดคุย และพบว่าเราเห็นตรงกันหมดเลยเรื่องการปฏิรูปการเมือง ระบบราชการ กระจายอำนาจ แต่แสดงความกังวลว่า รัฐบาลของพิธาจะเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านั้นเร็วเกินไป
พูดอีกอย่างก็คือ เห็นด้วยกับแนวทาง แต่กังวลเรื่องความเร็วในการเปลี่ยนแปลง ก็ต้องขออธิบายว่าเราเพียงแต่กำหนดทิศทางให้ชัดเจนว่าแต่ละเรื่องต้องมุ่งหน้าไปด้านไหน จากนั้นเราก็ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตามกระบวนการทางรัฐสภา ยกตัวอย่างการเสนอกฎหมาย…
• เรื่องที่สอง ในด้านการต่างประเทศ รัฐบาลของผมต้องการรักษาสมดุลบทบาทของไทยในกระแสการเมืองระหว่างประเทศที่เข้มข้น ซึ่งเราจะทำเช่นนั้นได้ก็ต้องยืนยันแนวทาง Rule-based Diplomacy ซึ่งหมายถึง การดำเนินยุทธศาสตร์การต่างประเทศที่ตั้งอยู่บนหลักการสากล ไม่โอนอ่อนไหวตามกระแสหรือไปตามประเทศมหาอำนาจโดยไม่สนหลักการพื้นฐาน
-Revive เราต้องฟื้นฟูความเป็นผู้นำของไทยในอาเซียน บนพื้นฐานที่คำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย ที่ผ่านมาเรานิ่งเฉยหรือ passive เกินไป จนทำให้ปัญหาการค้ามนุษย์ ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ตลอดจนปัญหายาเสพติด ถูกซุกซ่อนเอาไว้ใต้พรมจนทวีความรุนแรงขึ้น
-Rebalance คือ การปรับและรักษาสมดุล แม้จะไม่ใช่ประเทศยักษ์ใหญ่ แต่ไทยก็ไม่ใช่ประเทศเล็กๆ ที่ไร้เกียรติภูมิ เราเป็นประเทศที่มีอำนาจปานกลาง ไม่ใช่การโอนอ่อนลู่ลม แต่การยึดในหลักการเพื่อตัดสินใจบนจุดยืนที่มั่นคงต่างหาก ที่จะทำให้เราเพิ่มอำนาจต่อรองในเวทีโลกได้
ด้วยหลักการนี้ การจะยอมให้ใครมาตั้งฐานทัพบนแผ่นดินไทยย่อมเป็นไปไม่ได้
• และเรื่องที่สาม ความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชน ผมอยากชวนทุกท่านมองเรื่องนี้ในมุมมองประวัติศาสตร์ให้ยาวไกลขึ้น (Think backward and think forward)
หากเรานับปี พ.ศ. 2549 เป็นหมุดหมายสำคัญในฐานะจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งในสังคมไทย เราจะเห็นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของคนบางกลุ่มมาตั้งแต่เวลานั้น เพื่อล้มรัฐบาลเลือกตั้งถึงสองครั้งสองครา กลุ่มคนที่มีผลประโยชน์ส่วนตนและไม่มีเครดิตทางสังคมล้วนต้องดึงสถาบันมาอ้างอิงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มการเมืองหรือกลุ่มธุรกิจ
ในปัจจุบัน เมื่อกลุ่มการเมืองและกลุ่มธุรกิจบางกลุ่มกำลังจะเสียผลประโยชน์ ก็จงใจดึงสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้ปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองอีกครั้ง จับมาวางเป็นคู่ตรงข้ามกับการลงคะแนนเสียงของประชาชนในวันที่ 14 พฤษภาคม ผมอยากชวนวิญญูชนคนที่มีสติไตร่ตรองให้ดีว่าการกระทำเช่นนี้มีราคาและต้นทุนอย่างไรกับสังคม
ผมเชื่อว่า ถ้าไม่มีใครชูคำขวัญ “เราจะสู้เพื่อในหลวง” เพื่อโค่นล้มรัฐบาล ถ้าไม่มีใครอิงแอบสถาบันเพื่อก่อรัฐประหาร ถ้าไม่มีใครเอาเรื่องล้มล้างสถาบันมาปลุกปั่นทางการเมืองให้คนเกลียดชังกันเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ถ้าเราไม่ใช้ ม.112 มาเป็นเครื่องมือมาทำลายล้างกัน ความขัดแย้งในสังคมไทยคงไม่มาถึงจุดนี้ ถึงเวลาแล้ว ที่พวกเราต้องเผชิญหน้ากับปัญหาใหม่ๆ อย่างมีวุฒิภาวะ แก้ปัญหาที่ต้นตอ ด้วยการยุติการนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นประเด็นการเมือง แล้วหากุศโลบายที่ดีเพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชนท่ามกลางยุคสมัยที่เปลี่ยนไป จัดวางพระราชอำนาจและพระราชสถานะให้เหมาะสมสอดคล้องกับสังคมประชาธิปไตยสมัยใหม่ ทำแบบนี้สถาบันจึงจะดำรงอยู่ได้อย่างสง่างามในสังคมไทย
***ปิดท้าย “ฉันทามติใหม่ของสังคมไทย”
• เป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อสิ่งใหม่เกิดขึ้นย่อมถูกต่อต้านจากสิ่งเก่า แต่สุดท้าย ผมเชื่อว่าสังคมไทยจะหาจุดลงตัวได้ เป็นจุดลงตัวที่ไม่มีใครได้ทั้งหมด ไม่มีใครเสียทั้งหมด เป็นจุดลงตัวที่เรายอมรับร่วมกันได้ แม้จะไม่เห็นตรงกันทุกเรื่อง แต่จะไปถึงจุดนั้นได้ เราต้องสร้างสังคมไทยให้พร้อมรับความแตกต่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างหลากหลายทางเพศ เชื้อชาติ ศาสนา รวมทั้งความคิดทางการเมือง
• นี่คือก้าวที่สำคัญของสังคมไทยในการร่วมกันสร้าง “ฉันทามติใหม่” ที่เป็นเรื่องของกระบวนการจัดการความขัดแย้งด้วยกระบวนการทางประชาธิปไตย ฉันทามติใหม่ไม่ได้แปลว่าทุกคนในสังคมต้องคิดเหมือนกันทั้งหมด นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ฉันทามติใหม่ที่เรากำลังจะสร้างร่วมกันคือการยึดถือกระบวนการที่เป็นธรรมในการตัดสินใจเรื่องสำคัญของสังคม เราควรนำเรื่องที่ผู้คนเห็นแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปฏิรูปกองทัพ การยกเลิกการผูกขาดทางเศรษฐกิจ การจัดการที่ดิน การเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด กระบวนการสร้างสันติภาพในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ การแก้ไขปรับปรุง ม.112 หรืออื่นๆ มาหาข้อยุติร่วมกันโดยใช้กระบวนการในสภาหรือกลไกทางประชาธิปไตยต่างๆ แทนที่จะไปปะทะกันบนท้องถนน มิใช่หรือ
• เราต้องบริหารจัดการความเห็นต่างไม่ให้กลายมาเป็นความขัดแย้ง ด้วยการปกป้องเสรีภาพในการแสดงออก และทำให้เรามีระบบนิติรัฐ มีระบบกฎหมายที่ดี มีกระบวนการยุติธรรมที่ทุกคนเสมอภาคเท่าเทียมกัน ทำให้การคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนเจ้าของประเทศ เป็นเป้าหมายหลักของรัฐ ความมั่นคงของชาติคือความมั่นคงของประชาชน ไม่ใช่มองประชาชนเป็นศัตรูของชาติ
สิ่งที่เรากำลังจะร่วมกันทำต่อไปนี้ไม่ใช่การลงมติเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ใช่การลงมติเลือกพรรคก้าวไกล แต่คือการเลือกยืนยันหลักการประชาธิปไตยในฐานะกลไกหลักในการตัดสินใจร่วมกันของสังคม
นี่ไม่ใช่การลงมติเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ใช่การลงมติเลือกพรรคก้าวไกล แต่คือการเลือกให้โอกาสกับอนาคตประเทศไทย ให้ประเทศได้เดินทางต่อตามฉันทามติที่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศได้ตัดสินใจแล้ว นี่คือการตัดสินประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ที่ผมไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียว ต้องอาศัยการตัดสินใจของสมาชิกรัฐสภาที่ยึดหลักการ กล้าหาญ และเห็นแก่อนาคตของชาติที่มีประชาชนเป็นหัวใจ
ผมขอเชิญชวนทุกท่าน อย่าให้ความคลางแคลงใจที่ท่านมีต่อผม ขวางกั้นประเทศไทยไม่ให้เดินหน้าต่อตามเสียงและเจตนารมณ์อันแรงกล้าของประชาชน
มาร่วมกันเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยกัน
ขอบคุณครับ
#ก้าวไกล #ประชุมสภาฯ #โหวตนายก #พิธา

ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองกันเก่งนะ และผมบอกให้เลยว่าทางก้าวไกลไม่เคยปุกระดมให้ชุมนุม ปชช นี่แหละปุกระดมกันเอง แผนของพวกท่า...
12/07/2023

ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองกันเก่งนะ และผมบอกให้เลยว่าทางก้าวไกลไม่เคยปุกระดมให้ชุมนุม ปชช นี่แหละปุกระดมกันเอง แผนของพวกท่านคิดว่า ปชช ตามไม่ทันหรอครับ ที่ต้องการให้ ปชช ชุมนุม แล้วส่งคนปะปนในกลุ่มชุมนุมเพื่อทำให้เกิดความรุนแรง แล้วก็อ้างระงับเหตุเพื่อยึดรัฐอีกรอบ สภาพ
#ใจเย็นนะ

ด่วน! ‘กกต.’ มีมติส่งศาล รธน. วินิจฉัยคุณสมบัติ ‘พิธา’ พ้น ส.ส.หรือไม่ ปมหุ้นสื่อ ITV พร้อมขอสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.

วันนี้ (12ก.ค.) มีรายงานว่า ที่ประชุมกกต.มีมติให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพส.ส.ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อและแคนดิเนตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 ( 3 )ประกอบมาตรา 101 ( 6 )หรือไม่ จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นสื่อบริษัทไอทีวีจำกัดมหาชนจำนวน 42,000 หุ้น

รวมทั้งมีคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ไว้จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย หลังใช้เวลากว่า 3 วัน รับฟังและพิจารณาผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสำนักงานกกต.แล้วเห็นว่ามีข้อมูลพยานหลักฐานเพียงพอให้เชื่อว่ามีเหตุตามที่มีการยื่นคำร้องจริง โดยนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต.ได้ลงนามในคำร้องและมอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักงานฯนำไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญทันที

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ในส่วนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีการนัดประชุมประจำสัปดาห์วันนี้ในช่วงบ่าย เวลา 13.00 น.

🥸
04/07/2023

🥸

ภายหลังข้อสรุปการตัดสินใจร่วมกันระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเมื่อวานนี้ หลายคนตั้งคำถามว่าทำไมพรรคก้าวไกลถึงยอมถอยเรื่องตำแหน่งประธานสภาทั้งที่ได้ประกาศวาระที่ต้องการผลักดันไปแล้วกับประชาชน
ผมขอยืนยันว่าการตัดสินใจของเรา เราตัดสินใจภายใต้การรักษาเอกภาพการทำงานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล พวกเราถอยจากเงื่อนไขเดิมที่พวกเราตั้ง ภายใต้เงื่อนไขการบริหารงานสภาภายใต้นโยบายที่พรรคก้าวไกลแถลงไปแล้ว
ก่อนที่เราจะทำการตัดสินใจ พวกเราได้มีโอกาสพูดคุยกับอาจารย์วันนอร์ เราได้พูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาว่า “สภาก้าวหน้า”, “สภาโปร่งใส”, “สภาที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง” จะเป็นนโยบายหลักภายใต้การดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรของอาจารย์วันนอร์
นอกจากนี้ อ.วันนอร์ยังให้คำมั่นกับพวกเราว่ากฎหมายสำคัญของพรรคก้าวไกล เช่น สุราก้าวหน้า สมรสเท่าเทียม กฎหมายเพื่อกลุ่มพี่น้องแรงงาน และกฎหมายเพื่อกลุ่มชาติพันธุ์ จะไม่ถูกขัดขวางหรือถ่วงให้ช้าไม่ว่าด้วยความไม่ไว้วางใจหรือความไร้ประสิทธิภาพภายใต้การทำงานของ อ.วันนอร์
โดยส่วนตัว ผมได้มีโอกาสร่วมงานกันภายใต้พรรคร่วมฝ่ายค้านในรัฐบาลที่ผ่านมา ในทุกการประชุมร่วมกัน อ.วันนอร์ยืนอยู่ข้างเหตุผลและความถูกต้องอยู่เสมอ ซึ่งเป็นจุดร่วมกันกับที่พรรคก้าวไกล จนผมกล้าพูดได้ว่า อ.วันนอร์เป็นหนึ่งคนที่ผมสามารถไหว้ได้อย่างสนิทใจ
ภายใต้ฉากทัศน์ที่ไม่แน่นอนของการเมืองไทย พวกเราไม่ประมาทในทุกสถานการณ์ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าการตัดสินใจของพวกเรา พรรคก้าวไกลทำภายใต้ความคิดว่า “หลักการสำคัญกว่าตัวบุคคล” สาเหตุที่เราเสนอชื่อปดิพัทธ์ ไม่ใช่เพราะคุณปดิพัทธ์คือคุณปดิพัทธ์ แต่เพราะเราเชื่อว่าคุณปดิพัทธ์คือคนที่พรรคก้าวไกลเชื่อมั่นว่าจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงสภาให้เป็นแบบที่เราอยากเห็นได้
สุดท้าย ไม่ว่าฉากทัศน์จะเป็นอย่างไร ผมพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะเผชิญกับทุกสถานการณ์ การตัดสินใจครั้งนี้ของพวกเราไม่ใช่การเอาประโยชน์ของผมหรือพรรคก้าวไกลเป็นตัวตั้ง แต่เป็นภารกิจเพื่ออนาคตการฟื้นฟูประชาธิปไตยของประเทศ
การตัดสินใจภายใต้เงื่อนไขรัฐบาลผสม สิ่งสำคัญคือการเรียนรู้ที่จะเดินหน้าและถอยภายใต้สถานการณ์ที่เหมาะสม การตัดสินใจของพรรคก้าวไกลในวันนี้ ไม่ใช่เป็นไปเพื่อเหตุผลทางการเมืองเฉพาะหน้า แต่เราตัดสินใจจากคุณค่าพื้นฐานร่วมกันของพรรคในการทำงานการเมืองระยะยาวเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศให้สำเร็จได้ โดยมีเส้นที่เราจะไม่สามารถล่วงล้ำได้เลย คือการทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน

#ก้าวไกล #ประชุมสภา #ประธานสภา

29/06/2023
28/06/2023

'ธเนศวร์ เจริญเมือง' โพสต์

"ด้วยความเคารพยิ่งครับ
ผมไปลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทยทั้ง 2 ใบเมื่อ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา

หลักการของระบบรัฐสภา เมื่อพรรคก้าวไกลได้คะแนนเป็นที่หนึ่ง ก็คือประชาชนให้ความไว้วางใจแก่พรรคนี้ไปทำงานนำฝ่ายประชาธิปไตย ไปรื้อฟื้นระบอบประชาธิปไตยเพื่อรับใช้ประชาชนและนำพาประเทศชาติสู่ความเจริญรุ่งเรือง
ตำแหน่งการนำทั้งสภาและฝ่ายบริหารจึงควรตกเป็นของพรรคก้าวไกล

จะมาอ้างคณิตศาสตร์อะไรครับว่าใครได้มากน้อยกว่ากันเท่าไหร่ จึงต้องมาแบ่งอะไ่รกันแบบเด็กเล่นขายของ คนนี้ได้นี่ เราต้องได้นั่น

ก็เขาชนะที่ 1 ไปแล้ว เห็นชัดเจน จะต้องมาจุกจิกทำไมครับ

ผมคิดว่าการนำ ควรให้พรรคได้ที่ 1 ส่วนกระทรวงต่างๆ ท่านก็จะได้ไปมากโขแล้วนี่ครับ

รู้จักการนำอย่างมีเอกภาพไปสร้างความเข้มแข็งของประชาธิปไตยเพื่ออนาคตของประเทศและลูกหลานอย่างเป็นเอกภาพไหมครับ ??

ยอมรับเถิดครับ คุณเพื่อไทยว่าคุณได้ที่ 2 ก็ขอให้ที่ 1 ได้นำงานและทำงานสำคัญครั้งนี้ทั้งสภาและฝ่ายบริหารเถิดนะครับ

แพ้เขาแล้ว ก็ยืดอก เป็นลูกนักสู้ตามรอยนักสู้คนสันกำแพง เป็นนักกีฬา ต้องยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ปรับปรุงตัวเองแล้วกลับมาที่ 1 ในวันหน้า ดีกว่านะครับ

นี่คือกติกาของนักสู้ กติกาของระบบ ประชาธิปไตยแบบอารยะ

เขาชนะที่ 1 ก็คือชนะที่ 1 มากกว่ากี่แต้ม ก็คือชนะที่ 1
ทำใจให้ใหญ่ๆๆๆ มองความผิดพลาดเป็นครู ยอมรับ และก้าวต่อไปอย่างทระนง………….

ผมเลือกพวกคุณมาตั้งแต่ พ.ศ. 2544
ไม่เคยพลาดแม้แต่ครั้งเดียวตลอดมา

ขออย่าให้ผมต้องเลือกพวกคุณครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายเลยนะครับ………

ด้วยคารวะ……….
จากผม
ธเนศวร์ เจริญเมือง.
คนเชียงใหม่.
27 มิถุนายน 2566."

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=734582552004537&id=100063583960338&mibextid=qC1gEa

👍
22/06/2023

👍

'ณัฐวุฒิ' ยัน ปธ.สภาเป็นของพรรคอันดับ 1 บอก คณะเจรจา 'ก้าวไกล-เพื่อไทย' ต้องหาข้อยุติให้ได้ก่อนวันเลือกประธานสภา ถ้าฟรีโหวต ฝ่ายรัฐบาลเดิมจะแทรกเข้ามา ฝ่ายประชาธิปไตยชนะเลือกตั้งถล่มทลาย แต่ถ้าแพ้ทางการเมือง เพื่อไทย-ก้าวไกลไม่ได้ตั้งรัฐบาล หรือ 2 พรรคแตกกัน ชัยชนะประชาชนจะลับหาย

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โพสต์

"สื่อมวลชนถามมาทุกทิศทาง ขอตอบตรงนี้

เรื่องประธานสภา ผมเห็นด้วยกับหลักการของทีมเจรจาพรรรคเพื่อไทย คือประธานเป็นของพรรคอันดับ 1 หลักคิดคือ คะแนนน้อยกว่า แต่ใจไม่ได้เล็กกว่า แพ้ให้คม แล้วสร้างชัยชนะขึ้นใหม่

แต่จะให้วิพากษ์วิจารณ์พรรคเพื่อไทย หรือพี่น้องในพรรคที่เห็นต่าง ผมไม่ทำ เพราะเราเพิ่งผ่านศึกสำคัญ บาดเจ็บมาด้วยกัน และผมเป็นคนหนึ่งในทัพใหญ่ ย่อมต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา

เป้าหมายใหญ่อยู่ที่การตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย และจะตั้งได้ 2 พรรคหลักต้องจับมือกัน จะด้วยเหตุใดก็ตามหากนำมาสู่การแตกหักแยกทางถือว่าผิด ซึ่งประชาชนจะตัดสินในที่สุด

คณะเจรจา 2 พรรคต้องหาข้อยุติกันให้ได้ก่อนวันเลือกประธานสภา ถ้าฟรีโหวตฝ่ายรัฐบาลเดิมจะแทรกเข้ามา แต่ละก้าวเต็มไปด้วยกับดัก ฝ่ายประชาธิปไตยชนะเลือกตั้งถล่มทลาย แต่ถ้าแพ้ทางการเมือง โดยเพื่อไทย ก้าวไกลไม่ได้ตั้งรัฐบาล หรือ 2 พรรคแตกกัน ชัยชนะของประชาชนจะลับหาย

ผมคงขัดตา ขัดใจเพื่อนมิตรหลายคนในเรื่องนี้ แต่ด้วยความปรารถนาดี เราอยู่ด้วยกันตั้งแต่วันรุ่งเรือง ทุกครั้งพรรคมีเรื่องผมก็ไม่เคยถอยหนี

เพื่อไทยอาจได้หรือไม่ได้เก้าอี้ตัวใด แต่ต้องไม่สูญเสียเก้าอี้ในหัวใจประชาชน"

21/06/2023

ควรให้พรรคอันดับ 1 เป็นประธานครับ เนื่องจากเสียง ปชช.ส่วนมากได้เลือกแล้ว อันดับ 2 ก็เป็นรองประธาน ทำไมถึงคิดว่าเป็นการกิน ดาว-เดือน ไม่เชื่อมั่นในเสียงของ ปชช. หรอครับ เสียเวลา แทนที่จะตั้งสภาให้เสร็จมัวมาห่วงเรื่องอำนาจของตน

15/06/2023

#นาฬิกาทราย #จิตวิทยาเพื่อชีวิต #ปราสาททราย

ชีวิตคนเราก็เหมือนนาฬิกาทราย ไม่สามารถไหลย้อนกลับมาได้แต่ไหลไปเรื่อยๆ จนกว่าทรายด้านบนจะหมดลง ส่วนรูที่กำลังปล่อยให้ทรายไหลนั่นก็คือตัวคุณเอง รูที่ปล่อยมานั้นทุกคนมีเท่ากัน อยู่ที่ว่าคุณกำลังสร้างทรายที่ไหลลงมาให้เป็นปราสาทหรือปล่อยมันไหลไปตามกาลเวลา ทุกสิ่งล้วนมีทรายจำกัด คุณจงสร้างปราสาทในแบบของคุณเอง 🤜🤛🧡⏳️⌛️

14/06/2023

#จิตวิทยาเพื่อชีวิต #ชีวิตพลังบวก

ทุกคนล้วนมีพื้นที่ปลอดภัย หรือ ของตัวเอง ซึ่งเป็นที่สำหรับการพักผ่อนและความปลอดภัย จนบางคนไม่กล้าก้าวข้ามเซฟของตัวเองมาเจอโลกใบใหม่ และผมไม่ได้บอกว่าพวกคุณผิดมันอาจเป็นที่ ที่ดีสำหรับคนที่มีความสามารถในการใช้ในการดูแลชีวิตของตัวเองได้ แต่สำหรับคนที่ยังไม่เติบโตพอที่จะสามารถดูแลตัวเองนั้น คุณผิดครับ หากคุณอยากเติบโตคุณจำเป็นต้องเดินออกมาจาก SafeZone เเล้วคุณมองไปรอบๆ ฟังให้มาก แล้วทำความเข้าใจกับสิ่งต่างๆ หยิบฉวยทุกโอกาสที่เข้ามา ล้มบ้าง เจ็บบ้าง หากคุณผ่านมันไปได้ SafeZone ของคุณก็ขยายใหญ่ขึ้น ก้าวไปด้วยกันนะครับ 🤜🤛🧡🔥

ที่อยู่

Kanchanaburi
71190

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ CPU Brainผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง CPU Brain:

แชร์