Salika พื้นที่ของความรู้และความคิดสร้างสรรค์เพื่อการ
เปลี่ยนแปลง จากการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนาศักยภาพของผู้คน สังคม และธุรกิจ

26/03/2025

รัฐบาลแจง!!! แก้สัญญารถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ไม่ซ้ำรอย “โฮปเวลล์” ยืนยันรัฐจ่ายเงินน้อยลงเหลือ 1.2 แสนล้าน ประหยัดดอกเบี้ย 2.4 หมื่นล้านบาท

นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.)​ เปิดเผยว่า กรมทางหลวงชนบท ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างถนนทางหลวงชนบทสาย ฉช.2...
25/03/2025

นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.)​ เปิดเผยว่า กรมทางหลวงชนบท ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างถนนทางหลวงชนบทสาย ฉช.2004 แยก ทล.34 – ทล.314 อำเภอบางปะกง, อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา รวมระยะทาง 10.925 กิโลเมตร โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้างรวม 1,419.30 ล้านบาท
โดยถนนสายดังกล่าวเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่าง ทล.34 (บางนา – ตราด) กับถนนทางหลวงชนบทสาย ฉช.3001 (ลาดกระบัง – ฉะเชิงเทรา) เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดฉะเชิงเทรากับจังหวัดสมุทรปราการ เป็นเส้นทางสนับสนุนการขนส่งของนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ อีกทั้งยังเชื่อมโยงการเดินทางและการขนส่งสินค้าไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ เมื่อโครงการก่อสร้างถนนทางหลวงชนบทสาย ฉช.2004 อำเภอบางปะกง, อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ดำเนินการแล้วเสร็จ จะเป็นการเพิ่มศักยภาพโครงข่ายคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ให้สมบูรณ์ สามารถใช้เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดฉะเชิงเทรากับจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมทั้งเป็นเส้นทางสนับสนุนการขนส่งของนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่อีกด้วย
อีกทั้งถนนสายดังกล่าว ยังสามารถเชื่อมโยงการเดินทางและการขนส่งสินค้าไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รวมถึงลดต้นทุนในการขนส่งสินค้า ช่วยพัฒนาการคมนาคมในพื้นที่ให้ประชาชนสามารถใช้เส้นทางเข้าสู่แหล่งชุมชนที่พักอาศัยได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
https://www.salika.co/2025/03/24/salika-news-vol-83-5/
Knowledge Sharing Space | www.salika.co

นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า จากมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำในรูปแบบคืนเงิน (Cash Rebate) สูงสุดถึ...
25/03/2025

นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า จากมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำในรูปแบบคืนเงิน (Cash Rebate) สูงสุดถึงร้อยละ 30 ซึ่งเป็นมาตรการที่ได้รับความสนใจอย่างมาก จากผู้ผลิตและผู้สร้างภาพยนตร์จีน ฮ่องกง และประเทศอื่นๆ
ทำให้ขณะนี้มีผู้ผลิตภาพยนตร์รายใหญ่กว่า 20 ราย แสดงความประสงค์ที่จะเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยช่วงปี 2568 – 2569 และคาดการณ์ว่าจะมีงบประมาณลงทุนในประเทศไทยรวมกันมากกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระจายรายได้ไปสู่อุตสาหกรรมภาพยนตร์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
อีกทั้งยังเป็นโอกาสสำคัญในการประชาสัมพันธ์ประเทศไทย สถานที่ท่องเที่ยว และวัฒนธรรมไทยไปสู่สายตาผู้ชมภาพยนตร์ทั่วโลก นำเม็ดเงินไหลเข้าสู่ประเทศ กระตุ้นการใช้จ่ายทั้งภาคบริการ โรงแรม การคมนาคม และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับประชาชนไทยอย่างเป็นรูปธรรม
https://www.salika.co/2025/03/24/salika-news-vol-83-5/
Knowledge Sharing Space | www.salika.co

นอกจากบทความเรื่อง “บิ๊กเทคทุ่มแสนล้าน ขณะที่จีนเดินเกมต้นทุนต่ำ ไทยจะตามทันหรือไม่?” โดย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ...
25/03/2025

นอกจากบทความเรื่อง “บิ๊กเทคทุ่มแสนล้าน ขณะที่จีนเดินเกมต้นทุนต่ำ ไทยจะตามทันหรือไม่?” โดย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI จะชี้ให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่ประเทศมหาอำนาจทั่วโลกใช้ เพื่อเปลี่ยนให้เทคโนโลยี AI เป็นขุมพลังในการพัฒนาประเทศด้วยแนวทางที่แตกต่างกันแล้ว ในบทความเดียวกันนี้ ยังแนะนำ 3 แนวทางสำคัญให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการเลือก เส้นทาง AI ให้เหมาะกับการพัฒนาประเทศไทยด้วย
เพราะอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังกลายเป็นสมรภูมิการแข่งขันที่ร้อนแรงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง OpenAI, Microsoft, Google และ Meta ต่างทุ่มงบประมาณมหาศาลเพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ขณะที่ขั้วตรงข้ามอย่างจีนใช้กลยุทธ์ที่แตกต่าง โดยเน้นลดต้นทุนและใช้โมเดล AI แบบเปิด (Open Source) เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน..........................................................................................
:: การแข่งขันที่ขับเคลื่อนด้วยเงินทุนมหาศาล ::
กลุ่มบริษัท OpenAI, SoftBank, Oracle, NVIDIA และ Microsoft ร่วมกันลงทุนกว่า 17 ล้านล้านบาทในโครงการ “Project Stargate” เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่รองรับการใช้งานระดับอุตสาหกรรม ขณะเดียวกัน Meta ก็ลงทุนกว่า 6 แสนล้านบาทในการซื้อชิป NVIDIA H100 ซึ่งเป็นชิปประมวลผล AI ที่ทรงพลังที่สุดในตลาด
ศูนย์ข้อมูลสำหรับ AI ใช้พลังงานจำนวนมหาศาล Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta เคยกล่าวว่า “การฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ต้องการพลังงานมากกว่าที่คาดไว้มาก” บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งจึงเร่งลงทุนในพลังงานสะอาด เช่น โซลาร์ฟาร์ม และพลังงานนิวเคลียร์..........................................................................................
:: จีนพลิกเกมด้วยต้นทุนต่ำและ AI Open Source ::
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่บริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ทุ่มงบประมาณในการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง ประเทศมหาอำนาจฝั่งตะวันออกอย่างจีนกลับเลือกเส้นทางที่แตกต่าง โดยใช้แนวทางที่มีต้นทุนต่ำและเน้นความคุ้มค่าในการพัฒนา AI
กรณีของ DeepSeek AI เป็นตัวอย่างสำคัญที่ทำให้เห็นว่า แม้จีนจะเผชิญข้อจำกัดในการเข้าถึงเทคโนโลยีชิปจากสหรัฐฯ แต่สามารถพัฒนาโมเดลที่มีประสิทธิภาพเทียบเคียง OpenAI ได้ในราคาต่ำกว่าถึง 95% ซึ่งกลยุทธ์ของ DeepSeek ยังรวมไปถึงการพัฒนาโมเดลที่ใช้พลังงานต่ำ และลดการพึ่งพาศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ ตลอดจนการให้บริการ AI ที่มีต้นทุนถูกลงกว่าคู่แข่งในตลาด และแนวทางนี้ทำให้ AI เข้าถึงได้ง่ายขึ้นและมีราคาถูกลง ซึ่งกำลังเปลี่ยนสมดุลการแข่งขันในอุตสาหกรรม AI ทั่วโลก
DeepSeek ได้พิสูจน์ว่า การพัฒนา AI อาจไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีระดับสูงสุด หรือข้อมูลปริมาณมหาศาลเสมอไป ทำให้เกิดข้อถกเถียงว่าอุตสาหกรรม AI อาจเผชิญ “วิกฤติการใช้เทคโนโลยีที่สูงเกินจำเป็น” (Overcapacity Crisis) การเปิดตัวของ DeepSeek ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง NVIDIA (-17%), BroadCom (-17%), Oracle (-14%) และ Cisco (-5%) ที่อยู่ในห่วงโซ่อุตสาหกรรม AI
นอกจากนี้ความสำเร็จของ DeepSeek ยังทำให้เกิดคำถามว่า AI จำเป็นต้องใช้พลังงานมหาศาลจริงหรือไม่ จนหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานในสหรัฐฯ เช่น Constellation Energy (-20%) และ Vistra (-30%) ลดลงอย่างมาก..........................................................................................
:: ไทยควรเดินตามแนวทางไหน? ::
หลายประเทศ พยายามผลักดัน อธิปไตย AI (Sovereign AI) เพื่อลดการพึ่งพาบริษัทเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะยุโรปที่พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของตนเอง แต่สำหรับไทย แนวทางนี้อาจมีข้อจำกัดเนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนและบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญสูง โดยแนวทางที่เป็นไปได้มากกว่าสำหรับไทยคือ
1. การพัฒนา Task-Specific AI หรือปัญญาประดิษฐ์ที่มุ่งเน้นงานเฉพาะทาง
แนวทางนี้กำลังกลายเป็นแนวทางที่หลายประเทศให้ความสนใจมากขึ้น แทนที่จะพัฒนา General AI ซึ่งต้องการทรัพยากรขนาดมหาศาลและมีความซับซ้อนสูง การพัฒนา AI ที่มุ่งเน้นงานเฉพาะทางมีข้อดีหลายประการ เช่น ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ : Task-Specific AI สามารถออกแบบให้เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของอุตสาหกรรม
ลดการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ : การพัฒนา AI เฉพาะทางช่วยให้สามารถทำงานบนระบบประมวลผลที่เล็กกว่า ลดความต้องการใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์หรือศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ และรองรับการพัฒนาในระดับท้องถิ่น: การมุ่งเน้น Task-Specific AI ช่วยให้ประเทศไทยสามารถพัฒนา AI ที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจภายในประเทศได้โดยตรง เช่น AI สำหรับภาคเกษตรกรรม ภาคการท่องเที่ยว หรือภาคการผลิต
2. สนับสนุน Edge Data Center ในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานจากต่างประเทศ
Edge Data Center หรือศูนย์ข้อมูลขนาดเล็กในประเทศ เป็นโซลูชั่นที่ช่วยลดการพึ่งพาศูนย์ข้อมูลในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมที่ต้องการการประมวลผลแบบเรียลไทม์ เช่น IoT, AI สำหรับยานยนต์อัตโนมัติ และบริการสตรีมมิ่ง แนวทางนี้มีข้อดีหลายประการ เช่น ลดเวลาแฝงในการประมวลผล ทำให้บริการ AI มีประสิทธิภาพและตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และลดต้นทุนสำหรับธุรกิจในประเทศ โดยเฉพาะ SMEs ที่ต้องการใช้ AI แต่ไม่มีงบประมาณเพียงพอสำหรับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่
3. ใช้ Open-Source AI ที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าต้นทุน Open-Source AI กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเนื่องจากลดต้นทุนการพัฒนาและเปิดโอกาสให้ธุรกิจสามารถปรับแต่งโมเดลให้เหมาะสมกับความต้องการได้ ตัวอย่างโมเดลที่ได้รับความนิยม เช่น LLaMA, Falcon และ Stable Diffusion แนวทางนี้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการพัฒนา AI ธุรกิจไม่ต้องลงทุนสร้างโมเดลตั้งแต่ต้น เพิ่มความโปร่งใสและความปลอดภัย สามารถตรวจสอบและปรับปรุงโค้ดได้โดยอิสระ และส่งเสริมการพัฒนา AI ในประเทศ ไทยสามารถพัฒนาโมเดล AI ที่เหมาะกับภาษาไทยหรือบริบทเฉพาะของประเทศได้..........................................................................................
:: บทสรุป : ทำไมไทยต้องเลือก เส้นทาง AI ที่เหมาะกับตนเอง? ::
แต่เดิมบริษัทยักษ์ใหญ่ในตะวันตกเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่เพื่อรองรับ AI อัจฉริยะ ในขณะที่จีนเป็นผู้บุกเบิกการใช้แนวทางที่เน้นต้นทุนต่ำ และการใช้ Open-Source AI ซึ่งช่วยให้เกิดการพัฒนาที่คล่องตัวและสามารถแข่งขันได้โดยไม่ต้องลงทุนมหาศาล
ประเทศไทยไม่สามารถแข่งขันโดยตรงกับมหาอำนาจเทคโนโลยีในแง่ของเงินทุนและขนาดของโครงสร้างพื้นฐาน ดังนั้น แทนที่จะเน้นขยายขนาดโครงสร้างพื้นฐานเพียงอย่างเดียว ไทยสามารถสร้างความได้เปรียบโดยพัฒนา Task-Specific AI ที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมเฉพาะ และสนับสนุน Edge Data Center ในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานต่างประเทศและเพิ่มความมั่นคงทางดิจิทัล รวมทั้งใช้ Open-Source AI เพื่อลดต้นทุนและเร่งการพัฒนานวัตกรรมที่เหมาะสมกับบริบทของไทย
การสร้างระบบนิเวศ AI ที่สมดุลระหว่างเทคโนโลยีของเอกชน และการสนับสนุนจากภาครัฐ จะช่วยให้ไทยสามารถใช้ AI เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันโดยไม่ต้องทุ่มงบประมาณจำนวนมหาศาล ดังนั้นการวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมตั้งแต่วันนี้ รวมถึงการพัฒนาทักษะของบุคลากรจะเป็นกุญแจสำคัญในการกำหนดตำแหน่งของไทยในโลกยุค AI แห่งอนาคต..........................................................................................
ที่มา : บทความโดย ดร.สลิลธร ทองมีนสุข นักวิชาการอาวุโส ด้านกฎหมายดิจิทัลและการกำกับดูแลโครงสร้างพื้นฐาน และนภสินธุ์ คามะปะโส นักวิจัยนโยบายด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)
https://www.salika.co/2025/03/24/ai-pathway-for-thailand-development-policy/
Knowledge Sharing Space | www.salika.co
#การพัฒนา #ทีดีอาร์ไอ #นโยบายภาครัฐ #เทคโนโลยีเอไอ

ท่ามกลางแสงแดดอันร้อนแรงของแอฟริกาตะวันตก “บูร์กินาฟาโซ” ประเทศที่ไร้ทางออกทะเลแต่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติอันล้ำค่าและ...
25/03/2025

ท่ามกลางแสงแดดอันร้อนแรงของแอฟริกาตะวันตก “บูร์กินาฟาโซ” ประเทศที่ไร้ทางออกทะเลแต่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติอันล้ำค่าและผู้คนที่มุ่งมั่น เคยเผชิญเส้นทางที่ขรุขระของความไม่มั่นคงและความท้าทายที่ทับถมมายาวนาน ก่อนที่แสงแห่งความหวังจะส่องผ่านเมฆหมอกแห่งวิกฤติ เมื่อ “อิบราฮิม ตราโอเร” (Ibrahim Traoré) ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำ........................................................................................
:: ประเทศที่ล้มลุกคลุกคลาน ท่ามกลางมรสุมรอบด้าน ::
บูร์กินาฟาโซมีประวัติศาสตร์ทางการเมืองที่เต็มไปด้วยความปั่นป่วน ตั้งแต่ปี 2014 ที่ประชาชนลุกฮือต่อต้านการปกครองอันยาวนานของเบลส กอมปาโอเร ผู้ครองอำนาจมานานกว่า 27 ปี แม้ว่าเขาจะถูกโค่นล้ม แต่ประเทศกลับต้องเผชิญ รัฐประหารซ้ำซาก โดยเฉพาะในปี 2022 ที่เกิดรัฐประหารถึงสองครั้งภายในปีเดียว ส่งผลให้ประเทศจมอยู่ในวังวนของความไร้เสถียรภาพ
ขณะเดียวกัน ความหวาดกลัวแผ่ปกคลุมไปทั่วแผ่นดิน เมื่อกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ ที่เชื่อมโยงกับอัลกออิดะห์และไอซิส โจมตีเมืองและหมู่บ้าน ทำให้ประชาชนกว่า 2 ล้านคน ต้องอพยพหนีตาย และรัฐบาลสูญเสียการควบคุมบางพื้นที่โดยสิ้นเชิง ภายใต้เงาของภัยก่อการร้าย เศรษฐกิจของประเทศก็อ่อนแรงลงอย่างหนัก บูร์กินาฟาโซพึ่งพาเกษตรกรรมและเหมืองทองคำเป็นหลัก แต่ภัยแล้งและการขูดรีดทรัพยากรโดยบรรษัทต่างชาติทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงจมอยู่กับความยากจน
ความสิ้นหวังยิ่งทวีคูณ เมื่อรัฐบาลต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจาก IMF และธนาคารโลก นำมาซึ่งนโยบายที่เอื้อผลประโยชน์แก่ต่างชาติ มากกว่าชาวบูร์กินาฟาโซเอง ขณะเดียวกันการมีทหารฝรั่งเศสเสนอหน้าเข้ามาเกี่ยวข้องกับการปราบปรามกลุ่มติดอาวุธ ยิ่งทำให้ประชาชนรู้สึกว่าพวกเขายังคงถูกกดขี่และครอบงำไม่จบโดยอดีตเจ้าอาณานิคม
ทั้งนี้ บูร์กินาฟาโซเคยอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 1896 จนถึงปี 1960 แต่แม้จะได้รับเอกราชแล้ว บูร์กินาฟาโซกลับพบว่าความเป็นอิสระของตนเองนั้นยังคงมีเงาของฝรั่งเศสทาบทับอยู่ โดยเฉพาะในแง่เศรษฐกิจและการเมือง ฝรั่งเศสแม้จะถอนตัวจากการครอบครองแบบดั้งเดิม แต่ก็ยังคงมีอิทธิพลลึกซึ้งในหลายมิติ ผ่านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและการกำหนดทิศทางทางการเงินในลักษณะที่แทบไม่ต่างจากการบังคับบัญชาจากระยะไกล การสนับสนุนในรูปแบบของความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจกลับกลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้บูร์กินาฟาโซเดินตามเส้นทางที่ฝรั่งเศสได้ขีดไว้ แทนที่จะเป็นการเปิดโอกาสให้บูร์กินาฟาโซพัฒนาตามวิถีของตนเองอย่างแท้จริง........................................................................................
:: อิบราฮิม ตราโอเร ผู้นำที่ปลุกไฟแห่งความหวังให้ลุกโชน ::
ท่ามกลางวิกฤตการณ์เหล่านี้ การปรากฏตัวของอิบราฮิม ตราโอเร เปรียบเสมือนกระแสลมที่พัดพาความเปลี่ยนแปลงสู่บูร์กินาฟาโซ เขาไม่ใช่นักการเมืองผู้คร่ำหวอดหรือมีประสบการณ์ในการบริหารกิจการบ้านเมืองหากแต่เป็นทหารหนุ่มวัยเพียง 34 ปี ที่ก้าวขึ้นสู่อำนาจด้วยจิตวิญญาณของผู้ปลดแอก
อิบราฮิม ตราโอเร ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีของบูร์กินาฟาโซ หลังจากเกิดการรัฐประหารถึงสองครั้งภายในเวลาไม่ถึง 9 เดือน ครั้งแรกเกิดขึ้นในเดือนมกราคม 2565 เมื่อพันโทพอล อองรี ดามีบา ทำการยึดอำนาจจากรัฐบาลเดิมและขึ้นเป็นประธานาธิบดี แต่เพียงแค่ 8 เดือนให้หลัง ในเดือนกันยายน อิบราฮิม ตราโอเร ซึ่งขณะนั้นยังเป็นนายทหาร ก็ได้ร่วมกับกลุ่มทหารโค่นล้มอองรี ดามีบาและขึ้นเป็นผู้นำประเทศแทน
เขาให้เหตุผลว่าการทำรัฐประหารของเขาเกิดจากความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาการก่อความไม่สงบที่ยืดเยื้อมานาน ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ประชาชนและกองทัพไม่พอใจ เขาประกาศเรื่องนี้ผ่านโทรทัศน์เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2022
ความน่าสนใจคือ พอล อองรี ดามีบา วัย 41 ปี ถูกโค่นอำนาจโดย อิบราฮิม ตราโอเร ซึ่งอายุน้อยกว่าเขาถึง 7 ปี และมีตำแหน่งในกองทัพต่ำกว่าถึงสองลำดับ แต่สุดท้าย อิบราฮิม ตราโอเรก็สามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำที่อายุน้อยที่สุดในโลก ณ ขณะนั้น
ด้านประวัติส่วนตัว อิบราฮิม ตราโอเร เกิดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 1998 ที่เกรา เมืองบอนโดกุย จังหวัดมูอูน หลังจากจบการศึกษาระดับประถมในบอนโดกุย เขาได้ศึกษาต่อในระดับมัธยมปลายที่บอบูดีวลาสโซ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในฐานะเด็กที่ “เงียบขรึม” แต่ “มีความสามารถอย่างยิ่ง” ในปี 2006 เขาได้ศึกษาด้านธรณีวิทยาที่มหาวิทยาลัยอูอากาดูกู และคว้าเกียรตินิยมมาครองได้ เขามีส่วนร่วมในกิจกรรมของสมาคมนักศึกษามุสลิม รวมถึงสมาคมนักศึกษามาร์กซิสต์แห่งชาติของบูร์กินาฟาโซ (ANEB) ซึ่งในสมาคมนี้ เขาได้ก้าวขึ้นเป็นตัวแทนและโดดเด่นในการปกป้องเพื่อนร่วมชั้นในเวลามีข้อพิพาท
เขาเข้าร่วมกองทัพบูร์กินาฟาโซในปี 2009 และสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนทหารจอร์จ-นามัวโน เขาฝึกการต่อต้านเครื่องบินรบที่โมร็อกโก ก่อนย้ายไปยังหน่วยทหารราบในคายา ในปี 2014 เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยนายทหารและเข้าร่วมภารกิจ MINUSMA ในมาลี
ในปี 2018 เขาได้รับการยกย่องจากการรบอย่างกล้าหาญในภูมิภาคทอมบูคตู ต่อมาเขากลับมาช่วยปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายในภาคเหนือของบูร์กินาฟาโซ และได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นกัปตันในปี 2020 แต่เขาเริ่มผิดหวังกับการขาดแคลนอุปกรณ์ของทหารบูร์กินาฟาโซ ท่ามกลางการติดสินบนจากนักการเมือง จนกลายเป็นหนึ่งในเสียงของทหารที่ไม่พอใจการปกครองของรัฐบาล........................................................................................
:: ทองคำต้องเป็นของประชาชน ไม่ใช่ของจักรวรรดินิยม! ::
หนึ่งในนโยบายที่กล้าหาญที่สุดของอิบราฮิม ตราโอเรคือ การควบคุมเหมืองทองคำให้อยู่ในมือของรัฐ ยุติการส่งออกทองคำดิบ และจัดตั้งโรงกลั่นทองคำแห่งชาติ เพื่อให้ทรัพยากรที่ล้ำค่าของประเทศ สร้างประโยชน์แก่ประชาชนแทนที่จะไหลออกสู่ตลาดโลก
อิบราฮิม ตราโอเร ไม่ใช่ผู้นำที่รอพึ่งพาความช่วยเหลือจากต่างชาติ เขาเชื่อมั่นว่าบูร์กินาฟาโซต้องพึ่งพาตัวเองและยืนหยัดบนขาของตัวเองให้ได้ จึงเดินหน้าเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจครั้งใหญ่ด้วยแนวคิด “ผลิตเอง ใช้เอง รวยเอง” ประเทศของเขาเต็มไปด้วยทรัพยากร แต่ที่ผ่านมากลับปล่อยให้ประเทศอื่นได้ประโยชน์ก่อน แล้วค่อยซื้อคืนมาในราคาที่สูงขึ้น เขาจึงปิดฉากวัฏจักรโสมมนี้และเริ่มสร้างอุตสาหกรรมของตัวเอง
บูร์กินาฟาโซเป็นดินแดนที่อุดมไปด้วยทองคำ แต่แทนที่จะส่งออกเป็นแร่ดิบให้ฝรั่งเศสและสวิตเซอร์แลนด์เอาไปสกัด แล้วนำทองคำบริสุทธิ์กลับมาขายให้ในราคาสูง อิบราฮิม ตราโอเรสั่งสร้างโรงสกัดทองคำของตัวเอง เปลี่ยนสิ่งที่เคยเป็นเพียง “วัตถุดิบ” ให้กลายเป็น “ขุมทรัพย์” ที่สร้างมูลค่าให้กับประเทศ เงินทองต้องไหลเวียนในบ้านตัวเอง ไม่ใช่ในกระเป๋าคนอื่น
นอกจากนี้ หากบูร์กินาฟาโซอยากแข็งแกร่ง ต้องเริ่มจากการมีกินก่อน เขาจึงผลักดันโครงการพัฒนาเกษตรกรรมให้ทันสมัย ตั้งเป้าพลิกประเทศให้กลายเป็นศูนย์กลางด้านอาหาร ลดการนำเข้าพืชผลจากต่างชาติ และสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับประชาชน จากที่เคยต้องพึ่งพาผลผลิตจากนอกประเทศ วันนี้บูร์กินาฟาโซกำลังเดินหน้าไปสู่การเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของภูมิภาค
ขณะเดียวกัน อิบราฮิม ตราโอเร ไม่ต้องการให้ประเทศของเขาเป็นเพียงผู้ส่งออกวัตถุดิบราคาถูก แล้วกลับต้องซื้อและนำเข้าสินค้าแปรรูปในราคาที่แพงกว่าเดิม เขาสนับสนุนให้เกิดการแปรรูปสินค้าเกษตรและวัตถุดิบภายในประเทศ สร้างโรงงานแปรรูปมะเขือเทศและโรงทอผ้าฝ้ายขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้าและกระจายความมั่งคั่งไปสู่ประชาชน
จากดินแดนที่เคยส่งออกแต่ทรัพยากรธรรมชาติและวัตถุดิบ บูร์กินาฟาโซในยุคของอิบราฮิม ตราโอเรกำลังเปลี่ยนไป เขากำลังสกัดความมั่งคั่งจากขุมทรัพย์บนผืนแผ่นดินของตัวเอง ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อประชาชนของเขานั่นเอง........................................................................................
:: ฉีกตำราการเงินโลก เชิดใส่ IMF ::
ในขณะที่หลายประเทศยังคงต่อแถวขอกู้เงินจาก IMF และธนาคารโลก อิบราฮิม ตราโอเรกลับฉีกตำราทุนนิยมทิ้งอย่างไร้เยื่อใย เขาปฏิเสธการกู้ยืมที่มาพร้อมโซ่ตรวนทางเศรษฐกิจ ไม่ยอมให้บูร์กินาฟาโซต้องก้มหน้ารับเงื่อนไขอัปยศจากต่างชาติ และไม่เพียงเมินเงินกู้จากต่างชาติเท่านั้น แต่เขายังทำลายสมการเศรษฐกิจที่เคยทำให้ประเทศของเขาต้องเป็นลูกหนี้ตลอดกาล แม้จะเลือกเดินบนเส้นทางที่ยากกว่า แต่น่าภาคภูมิใจ ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในมือพลิกเศรษฐกิจ ไม่ให้เม็ดเงินรั่วไหลออกนอกประเทศสู่กระเป๋านายทุนต่างชาติ
กระนั้น การปลดแอกเศรษฐกิจไม่ได้มีแค่ในตัวเลขบัญชี แต่ต้องเริ่มจากการหั่นเนื้อตัวเองก่อน อิบราฮิม ตราโอเรจึงลงดาบ เฉือนเงินเดือนรัฐมนตรีและ ส.ส. ทิ้ง 30% เพราะหากจะสร้างประเทศใหม่ คนเป็นผู้นำและนักการเมืองที่อาสามารับใช้ประชาชนต้องเจ็บก่อน! แล้วหันไปเพิ่มเงินเดือนข้าราชการ 50% เพราะรู้ดีว่าการพัฒนาประเทศไม่อาจเกิดขึ้นได้หากคนทำงานเพื่อชาติยังต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบ มาตรการนี้ไม่ใช่แค่การปรับงบประมาณ แต่เป็นการตบหน้าระบบอำนาจเก่าที่ปล่อยให้อภิสิทธิ์ชนร่ำรวยบนความทุกข์ยากของประชาชน
นี่จึงไม่ใช่แค่เรื่องของเศรษฐกิจ แต่นี่คือการปฏิวัติ อิบราฮิม ตราโอเรไม่ได้แค่ปฏิเสธเงินกู้ แต่เขากำลังสั่นคลอนโครงสร้างอำนาจโลก กำลังส่งสารไปถึงบรรดาอดีตเจ้าอาณานิคมและทุนโลกาภิวัตน์ว่า “เงินของบูร์กินาฟาโซต้องเป็นของบูร์กินาฟาโซ ไม่ใช่ของประเทศอื่นอีกต่อไป!”
นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้อิบราฮิม ตราโอเร เป็นที่รักของประชาชน มิใช่เพียงแค่วิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจ แต่คือความเรียบง่ายและความจริงใจของเขา ขณะที่ผู้นำหลายคนใช้ชีวิตหรูหรา ตราโอเรกลับเลือกลงทุนในเครื่องจักรกลการเกษตรแทนรถยนต์ราคาแพงและเดินทางไปยังเมืองเล็กและหมู่บ้านห่างไกลเพื่อรับฟังปัญหาจากประชาชนโดยตรง........................................................................................
:: สู่เส้นทางแห่งอนาคตที่บูร์กินาฟาโซกำหนดเอง ::
แม้ว่าอิบราฮิม ตราโอเร ยังต้องเผชิญกับความท้าทายอีกมาก แต่สิ่งที่แน่นอนคือ บูร์กินาฟาโซกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ยุคที่ประชาชนเริ่มมีความหวังและศรัทธา ในทิศทางของประเทศอีกครั้ง ภายใต้การนำของผู้นำที่ไม่ได้เป็นเพียงนักปฏิรูป แต่คือสัญลักษณ์ของการปลดปล่อยจากการครอบงำและการกำหนดอนาคตของตนเอง
นี่คือช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง และบูร์กินาฟาโซกำลังก้าวเดินไปบนเส้นทางของตนเองอย่างภาคภูมิและมั่นคงกว่าที่เคยเป็นมา........................................................................................
:: ผู้นำสายชาตินิยม เด็ดขาด ตรงไปตรงมา ::
เขามีสไตล์การบริหารที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ ไม่เล่นการเมืองแบบเกรงใจใคร และเลือกเดินบนเส้นทางที่ยากแต่มั่นคง เขาให้ความสำคัญกับอธิปไตยของชาติ ปฏิเสธอิทธิพลของชาติตะวันตก และวางตำแหน่งบูร์กินาฟาโซให้เป็นรัฐอิสระที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้
การบริหารราชการแผ่นดินของเขาสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของบูร์กินาฟาโซ ไม่เพียงแต่ในแง่ของเศรษฐกิจและความมั่นคง แต่ยังรวมถึงการกำหนดทิศทางของประเทศให้หลุดพ้นจากการครอบงำของมหาอำนาจภายนอก จึงไม่น่าแปลกใจที่เขากลายเป็นผู้นำขวัญใจประชาชนของเขาในปัจจุบัน
อิบราฮิม ตราโอเร กลายเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลง ความมุ่งมั่น และพลังของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้เอาแต่เพ้อเจ้อ บ้าน้ำลายไปวันๆ แต่ใช้แนวทางตรงไปตรงมา พูดน้อยแต่ทำมาก และเน้นปฏิบัติมากกว่าวาทกรรมสวยหรูที่ฟังแล้วชวนสะอิดสะเอียน
ล่าสุด อิบราฮิม ตราโอเร ผู้นับถือศาสนาอิสลาม ได้ปฏิเสธข้อเสนอจากซาอุดีอาระเบียที่จะแบ่งสร้างมัสยิด 200 แห่งในประเทศของเขา โดยหันมาเรียกร้องให้ซาอุดีอาระเบียลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มีประโยชน์ต่อประชาชน เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล และธุรกิจที่จะช่วยสร้างงานและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
เขาชี้ว่า บูร์กินาฟาโซมีมัสยิดเพียงพออยู่แล้ว และหลายแห่งยังไม่ได้รับการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ อีกทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจและการลดความยากจนเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งกว่าการขยายศาสนสถาน........................................................................................
:: ปักหมุดความมั่นคง เสริมแกร่งกองทัพ ::
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลคือบูร์กินาฟาโซเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการก่อการร้ายมากที่สุดเป็นอันดับสองในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา รองจากอัฟกานิสถาน จากการประมาณการในระดับนานาชาติ พบว่ากลุ่มติดอาวุธควบคุมพื้นที่ของประเทศอยู่ประมาณ 40%
ดังนั้น อิบราฮิม ตราโอเร ได้ให้ความสำคัญกับการยกระดับกองทัพเป็นอันดับแรก เพื่อรับมือกับภัยก่อการร้ายที่รุมเร้าบูร์กินาฟาโซมายาวนาน ภายใต้การนำของเขา ได้มีการจัดตั้งกองกำลังพิเศษที่คล่องตัวและติดอาวุธหนักขึ้น พร้อมเกราะป้องกันชั้นเยี่ยม เป้าหมายไม่ใช่แค่การป้องกันประเทศ แต่เป็นการแสดงให้โลกรู้ว่า บูร์กินาฟาโซจะไม่เป็นเหยื่อของความไม่สงบอีกต่อไป
นอกจากนี้ เพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว บูร์กินาฟาโซจึงร่วมมือกับกองกำลังต่อต้านการก่อการร้ายทางทหารอิสลามที่มีฐานอยู่ในริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบียเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่เพิ่มมากขึ้นจากอัลกออิดะห์และ ISIS ในแถบซาเฮล........................................................................................
:: ความสัมพันธ์ทางการทูต เศรษฐกิจ และการค้าระหว่างไทยกับบูร์กินาฟาโซ ::
ไทยและบูร์กินาฟาโซได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ โดยมีการเยือนระดับสูงระหว่างกัน ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2548 ประธานาธิบดีของบูร์กินาฟาโซได้เยือนไทยอย่างเป็นทางการ และในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2555 นายกรัฐมนตรีของบูร์กินาฟาโซได้เยือนไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้รับรอง
บูร์กินาฟาโซมีการค้ากับประเทศในเอเชียหลายประเทศ รวมถึงสมาชิกอาเซียน สำหรับประเทศไทย การค้าระหว่างไทยกับบูร์กินาฟาโซคิดเป็นสัดส่วน 3.3% ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของบูร์กินาฟาโซกับประเทศในเอเชีย
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับมูลค่าการค้าและรายละเอียดสินค้าที่แลกเปลี่ยนระหว่างไทยกับบูร์กินาฟาโซมีจำกัด เนื่องจากบูร์กินาฟาโซเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล การคมนาคมขนส่งสินค้าจึงต้องพึ่งพาเส้นทางผ่านประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อปริมาณการค้าระหว่างสองประเทศ
แม้ว่าไทยและบูร์กินาฟาโซจะมีความสัมพันธ์ทางการทูตที่ดีและมีการเยือนระดับสูงระหว่างกัน แต่ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้ายังอยู่ในระดับที่จำกัด การพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าเพิ่มเติมอาจเป็นโอกาสในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในอนาคต
ทั้งนี้ บูร์กินาฟาโซมีทรัพยากรที่สำคัญคือแมงกานีส หินปูน หินอ่อน ทองคำ ฟอสเฟต หินภูเขาไฟ หินปูน เกลือ มีอุตสาหกรรมหลักคือ ผ้าฝ้ายสำหรับพันแผล เครื่องดื่ม แปรรูปเกษตรกรรม สบู่ บุหรี่ สิ่งทอ ทองคำ และสินค้าส่งออกที่ทำคัญคือ ทองคำ ฝ้ายดิบ บราซิลนัทและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ แร่สังกะสี มะพร้าว เมล็ดพืชน้ำมัน........................................................................................
ที่มา :
https://futures.issafrica.org/blog/2025/Can-Ibrahim-Traore-turn-the-fortunes-of-Burkina-Faso-around?utm_source=perplexity
https://trtafrika.com/insight/ibrahim-traore-why-burkina-fasos-leader-attracts-attention-14479334
https://english.aawsat.com/gulf/5073551-saudi-arabia-backs-special-forces-training-programs-burkina-faso
https://wacsi.org/a-resounding-ovation-what-ibrahim-traores-reception-reveals-about-the-youths-perception-of-leadership/?utm_source=chatgpt.com -widget
https://sameaf.mfa.go.th/th/country/BF?menu=5d847e0915e39c256c004edd&page=5d847e0915e39c256c004edc&utm_source=chatgpt.com
https://www.salika.co/2025/03/24/burkina-faso-ibrahim-traore-turning-point/
Knowledge Sharing Space | www.salika.co
#บูร์กินาฟาโซ #ปฏิวัติ #อิบราฮิมตราโอเร #แอฟริกา

ฉางซา, 23 มี.ค. (ซินหัว) — นุ่น วรนุช นักแสดงหญิงชาวไทย วัย 44 ปี ได้เข้าร่วมแสดงความสามารถทางดนตรีผ่านเพลง “พิง” ของนนท...
25/03/2025

ฉางซา, 23 มี.ค. (ซินหัว) — นุ่น วรนุช นักแสดงหญิงชาวไทย วัย 44 ปี ได้เข้าร่วมแสดงความสามารถทางดนตรีผ่านเพลง “พิง” ของนนท์ ธนนท์ ฉบับภาษาไทย-ภาษาจีนที่รายการ “ไรด์ เดอะ วินด์” (Ride The Wind) หรือเฉิงเฟิง ปี 2025 ของช่องแมงโกทีวี (Mango TV) ในจีน ซึ่งเริ่มต้นออกอากาศตอนแรกเมื่อวันศุกร์ (21 มี.ค.) ที่ผ่านมา
ไรด์ เดอะ วินด์ หรือเฉิงเฟิง เป็นรายการวาไรตี้โชว์ชื่อดังที่ออกอากาศมา 6 ซีซันแล้ว เปิดโอกาสให้ดารานักแสดงหญิงจากทั่วโลกมาทำการแสดงด้วยเป้าหมายส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างจีนกับนานาชาติ โดยซีซันก่อนหน้านี้มีนักแสดงหญิงชาวไทยอย่างใหม่ ดาวิกา เข้าร่วมด้วย
รายงานระบุว่านุ่น วรนุช ได้รับเชิญเข้าร่วมรายการนี้ ขณะปี 2025 ตรงกับวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย โดยนุ่นเผยว่าครั้งนี้มีโอกาสเดินทางเยือนจีนและขึ้นทำการแสดงบนเวทีที่สวยงาม ซึ่งเธอจะพยายามทำการแสดงออกมาให้ดีเยี่ยมที่สุด
อนึ่ง ไรด์ เดอะ วินด์ หรือเฉิงเฟิง ปี 2025 จะมีทั้งหมด 12 ตอน ออกอากาศทางช่องแมงโกทีวีทุกวันศุกร์และวันเสาร์ โดยนอกจากไห่หนาน (ไหหลำ) แขกผู้เข้าร่วมรายการยังจะได้ทำการแสดงที่เมืองคุนหมิง มองโกเลียใน ซินเจียงอุยกูร์ และภูมิภาคอื่นๆ ของจีน
https://www.xinhuathai.com/china/504784_20250323
https://www.salika.co/2025/03/24/salika-news-vol-83-5/
Knowledge Sharing Space | www.salika.co

สำนักข่าวซินหัว รายงาน เมื่อวันศุกร์ (21 มี.ค.) สื่อสหรัฐฯ รายงานการคาดการณ์ว่ารัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ...
24/03/2025

สำนักข่าวซินหัว รายงาน เมื่อวันศุกร์ (21 มี.ค.) สื่อสหรัฐฯ รายงานการคาดการณ์ว่ารัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเพิกถอนสถานะทางกฎหมายชั่วคราวของผู้อพยพชาวคิวบา เฮติ นิการากัว และเวเนซุเอลา ราว 5.32 แสนคน ในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้
ผู้อพยพกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวจะถูกเพิกถอนใบอนุญาตทำงาน และการคุ้มครองการเนรเทศภายใต้โครงการ CHNV ที่ริเริ่มโดยรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งมาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้วันที่ 24 เม.ย. นับเป็นเวลา 30 วันหลังจากมีการประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 มี.ค.
กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิเผยว่าผู้อพยพที่เดินทางมาถึงสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2022 ควรออกจากสหรัฐฯ ภายในกรอบเวลา 30 วันดังกล่าว มิฉะนั้นพวกเขาอาจถูกจับกุมหรือเนรเทศ
ทริเซีย แม็กลาฟลิน โฆษกของกระทรวงฯ กล่าวว่าผู้อพยพที่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศภายใต้โครงการ CHNV ในยุคของไบเดนนั้น “ผ่านการตรวจสอบอย่างไม่เข้มงวด”
https://www.xinhuathai.com/inter/504608_20250322
https://www.salika.co/2025/03/23/salika-news-vol-82-5/
Knowledge Sharing Space | www.salika.co

เมื่อกฎหมายสมรสเท่าเทียมหรือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 มีผล...
24/03/2025

เมื่อกฎหมายสมรสเท่าเทียมหรือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ มอบสิทธิให้กับบุคคลที่มีอัตลักษณ์ทางเพศไม่ว่าเพศใดสามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างเท่าเทียมภายใต้กฎหมาย ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในหลากหลายมิติ
โดยทันทีที่มีการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ นับเป็นการส่งสัญญาณให้โลกได้รับรู้ถึงปณิธานมุ่งมั่นของไทยที่มีต่อการยอมรับความหลากหลายทางเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมภาพลักษณ์ของไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางที่เป็นมิตรกับคนทุกเพศ ทุกวัย ซึ่งคาดว่าจะผลักดันให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยโตได้อย่างต่อเนื่องด้วย
ก้าวย่างสำคัญนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการเปิดบันทึกประวัติศาสตร์ใหม่ถึงการเปิดกว้าง ยอมรับ ความหลากหลายทางเพศของไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงหนุนเสริมสำคัญที่ดันให้ไทยมีบทบาทในระดับแนวหน้าของโลก กับการเป็นเจ้าภาพจัดงาน WorldPride ที่ นักท่องเที่ยว LGBTQIA+ รอคอย ซึ่งการจัดงานนี้ในแต่ละปี ได้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวให้ประเทศไทยได้อย่างมหาศาล.........................................................................................
:: ยกระดับไทยให้เป็นชาติที่ยอมรับเรื่องความหลากหลายทางเพศ พร้อมปักหมุดสู่การเป็นฮับ ‘การท่องเที่ยวสีรุ้ง’ ::
ไทยเป็นประเทศที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นดินแดนที่เป็นมิตรสำหรับชุมชน LGBTQIA+ เมื่อพิจารณาจากการมีจิตวิญญาณที่ยอมรับความหลากหลายทางเพศอยางกว้างขวางในหมุ่ประชาชนทั่วไป ซึ่งจากการสำรวจพบว่าชาวไทยสนับสนุนให้บุคคลเปิดเผยเกี่ยวกับอัตลักษณ์ของ กลุ่ม LGBTQIA+ ของตนเองสูงถึง 68 เปอร์เซ็นต์ นับเป็นอัตราการยอมรับที่สูงที่สุดในโลก ทำให้ไทยมีจุดยืนในฐานะผู้สนับสนุนความหลากหลายทางเพศอย่างเข้มแข็ง
ทั้งนี้ จากข้อมูลทางสถิติ ยังพบว่าเมืองและเขตเศรษฐกิจต่างๆ ที่ให้การสนับสนุนต่อการสมรสเท่าเทียมและให้การยอมรับชุมชน LGBTQIA+ ในระดับสูง เมืองนั้นจะดึงดูดคนเก่งที่มีทักษะและการลงทุนได้มากกว่า ยกตัวอย่าง ดัชนีการยอมรับทั่วโลกของ UCLA Williams Institute ปรับเพิ่มขึ้น 4 จุด หลังผ่านการวัดประเมินเรื่องการยอมรับความหลากหลายทางเพศโดยรวมของประเทศที่มีต่อบุคคล LGBTQIA+ และปรากฎการณ์นี้ยังนำไปสู่การมีมืออาชีพที่เป็นคน กลุ่ม LGBTQIA+ ที่เต็มใจย้ายสถานที่ไปทำงานที่ได้รับมอบหมายเพิ่มขึ้น 10% ด้วย
ดังนั้น การที่ไทยขยายสิทธิความเท่าเทียมไปสู่คู่รักเพศเดียวกันในด้านต่างๆ ที่สำคญ เช่น การรับบุตรบุญธรรม การสาธารณสุข และการรับมรดกนั้น ยังช่วยส่งเสริมให้สังคมมีความเท่าเทียมกันมากขึ้น อีกทั้งชวยเพิ่มแรงดึงดูดให้แก่ประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับ นักท่องเที่ยว LGBTQIA+ ที่แสวงหาสถานที่ที่ให้การยอมรับในอัตลักษณ์ของพวกเขาอย่างแท้จริง.........................................................................................
:: จากสมรสเท่าเทียมสู่โอกาสทางเศรษฐกิจ ดึงดูด การท่องเที่ยวสีรุ้ง ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเที่ยวไทยให้ปังได้อีก ::
การท่องเที่ยวสีรุ้ง (Rainbow Tourism) ได้รับการนิยามว่าเป็นการท่องเที่ยวที่ตอบสนองความต้องการของชุมชน LGBTQIA+ เป็นวิถีการเดินทางท่องเที่ยวที่โอบรับความหลากหลาย ซึ่งแน่นอนว่าเราสามารถต่อยอดจากโปรไฟล์ของประเทศไทยที่เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักเดินทางทั่วโลก สู่การเป็น Dream destination หรือจุดหมายปลายทางในฝันของเหล่านักท่องเที่ยว LGBTQIA+ ได้ไม่ยากเลย
เพราะการศึกษาวิจัยของ Agoda ที่ทำร่วมกับบริษัท Access Partnership เรื่อง ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากกฎหมายสมรสเท่าเทียมต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ระบุชัดเจนว่านักท่องเที่ยวทั่วโลก มีแนวโน้มที่จะตัดสินใจเดินทางไปเยือนประเทศที่สนับสนุนสิทธิของ LGBTQIA+ เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยผลสำรวจพบว่า นักท่องเที่ยว LGBTQIA+ กว่า 43 เปอร์เซ็นต์ จะยกเลิกทริป เมื่อพวกเขารับรู้ว่าจุดหมายปลายทางมิได้ให้การสนับสนุนแก่ชุมชน LGBTQIA+
นอกจากนี้ กฎหมายสมรสเท่าเทียมยังช่วยส่งเสริมให้มีการจัดงานและกิจกรรมต่างๆ เพิ่มมากขึ้นอีกดวย อาทิ การจัดงานวิวาห์ในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในประเทศไทย โดยเฉพาะในจังหวัดที่ติดทะเล เช่นจังหวัดชายฝั่งทะเลทางฝั่งอันดามัน อย่างงานเทศกาลวิวาห์ใต้สมุทร ที่เกาะกระดาน จ.ตรัง ซึ่งดังไปทั่วโลก และแนะนอนว่าถ้าดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยว LGBTQIA+ มาจัดงานวิวาห์ของพวกเขาที่สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ นั่นย่อมเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ จังหวัด ชุมชน และสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นได้อย่างแน่นอน
โดย “กฎหมายสมรสเท่าเทียม” จะเปิดโอกาสให้ประเทศไทยดึงดูดนักท่องเที่ยว LGBTQIA+ ทั่วโลก ซึ่งมีมูลค่ากว่า 200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น 4 ล้านคนต่อปี และมีแนวโน้มดัน GDP ไทยโตขึ้น 0.3% จากการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งสร้างงานใหม่ๆ ในภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจโดยรวมหลังจากกฎหมายบังคับใช้.........................................................................................
ทั้งนี้รายงานได้คาดการณ์ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะแพร่กระจายไปสู่เศรษฐกิจไทยในวงกว้างหลังกฎหมายประกาศบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ดังนี้
• เพิ่มรายรับจากการท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 7 หมื่นล้านบาทต่อปี
• รายได้จะกระจายไปยังหลายภาคส่วน เช่น ประมาณ 0.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากการจองที่พัก, 0.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากการบริการอาหารและเครื่องดื่ม, 0.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากการจับจ่ายซื้อสินค้า, 0.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากการเดินทางภายในประเทศ และอีก 0.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ความบันเทิงและบริการทางการแพทย์
• สนับสนุนการสร้างงานประจำเพิ่มอีก 152,000 ตำแหน่ง
• เกิดการจ้างงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกว่า 76,000 ตำแหน่ง
• ผลักดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยเพิ่มขึ้น 0.3%.........................................................................................
:: ILGA Asia ยืนยัน กฎหมายสมรสเท่าเทียมของไทย สร้างแต้มต่อให้ไทยเป็น Dream Destination ของ นักท่องเที่ยว LGBTQIA+ ทั่วโลกได้ไม่ยาก ::
ขณะที่ สมาคม International Le***an, Gay, Bisexual, Trans and Intersex Association Asia (ILGA Asia) ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทโดดเด่นในการสนับสนุนสิทธิของชาว LGBTQIA+ ที่มองว่า กฎหมายสมรสเท่าเทียมของไทยนับเป็นก้าวย่างสำคัญไปสู่การยอมรับในความหลากหลายมากขึ้น กฎหมายฉบับนี้สะท้อนถึงปณิธานของไทยที่มีต่อความยุติธรรมและความเท่าเทียม โดย ILGA Asia คาดว่า ไทยจะดึงดูดนักเดินทาง LGBTQIA+ ที่ให้ความสำคัญกับจุดหมายที่เปิดรับความหลากหลายและให้ความเคารพในความต่างได้เป็นจำนวนมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะงานกิจกรรมที่โดดเด่นต่างๆ อาทิ Bangkok Pride ซึ่ง ILGA Asia เข้าร่วม รวมทั้งงาน G-Circuit Songkran และ White Party Bangkok ที่สามารถดึงดูดผู้เข้าร่วมงานจากนานาชาติที่มาจากชุมชน LGBTQIA+ ได้เป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงเป็นการช่วยส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กที่มาออกร้านในงาน ตลอดจนสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในวงกว้าง.........................................................................................
https://www.salika.co/2025/03/23/thailand-dream-destination-for-rainbow-tourism-lgbtqia/
Knowledge Sharing Space | www.salika.co
#การท่องเที่ยวสีรุ้ง #งานวิจัย #ธุรกิจท่องเที่ยว #อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

ที่อยู่

Dusit

เบอร์โทรศัพท์

+66610123210

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Salikaผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Salika:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์