Salika พื้นที่ของความรู้และความคิดสร้างสรรค์เพื่อการ
เปลี่ยนแปลง จากการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนาศักยภาพของผู้คน สังคม และธุรกิจ

https://www.salika.co/2025/01/08/salika-news-vol-8-5/การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินภาพรวมเศรษฐก...
09/01/2025

https://www.salika.co/2025/01/08/salika-news-vol-8-5/
การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทย ปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวได้ 2.4 – 2.9% โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยยังเติบโตต่ำกว่าระดับศักยภาพ จากปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น หนี้ครัวเรือนสูงถึง 104% ของ GDP, เศรษฐกิจนอกระบบ ที่มีสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของ GDP และธุรกิจ SMEs ขาดความสามารถในการปรับตัวและการแข่งขัน ที่จะรับมือกับการตีตลาดของสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ
ดังนั้น จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย เช่น ผันเศรษฐกิจนอกระบบเข้าสู่ในระบบ, เพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการในการแข่งขันและก้าวทันกระแสโลก, ลดอุปสรรคในการทำธุรกิจ, ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ, แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นระบบ รวมถึงการเติมเครื่องมือให้ SMEs สามารถปรับตัวได้ เป็นต้น
Knowledge Sharing Space | www.salika.co

https://www.salika.co/2025/01/08/salika-news-vol-8-5/เว็บไซต์ IQAir จัดอันดับเมืองใหญ่ที่มีมลพิษมากที่สุด โดยล่าสุด เมื่...
09/01/2025

https://www.salika.co/2025/01/08/salika-news-vol-8-5/
เว็บไซต์ IQAir จัดอันดับเมืองใหญ่ที่มีมลพิษมากที่สุด โดยล่าสุด เมื่อเวลา 09.35 น. วันนี้ (8 ม.ค.2025) พบว่า กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ติดอันดับ 9 ของเมืองใหญ่ที่มีมลพิษมากสุดของโลก โดยค่า AQI วัดได้ 169 (สีแดง) ซึ่งเป็นระดับที่มีผลกระทบต่อทุกคน
ขณะที่อันดับ 1 คือ เมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม ค่า AQI วัดได้ 219 อยู่ในระดับสีม่วง อันดับ 2 เมืองธากา ประเทศบังกลาเทศ ค่า AQI วัดได้ 209 อยู่ในระดับสีม่วง และอันดับ 3 เมืองเดลี ประเทศอินเดีย ค่า AQI วัดได้ 204 อยู่ในระดับสีม่วง
ทั้งนี้ ค่า AQI หรือดัชนีคุณภาพอากาศ จะเป็นการวัดค่าความเข้มข้นของสารมลพิษทางอากาศ 6 ชนิด ได้แก่ 1. ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) 2. ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM 10) 3. ก๊าซโอโซน (O3) 4. ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) 5. ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) และ 6. ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2)
โดยหากดัชนีคุณภาพอากาศ มีค่าสูงเกินกว่า 100 แสดงว่า ค่าความเข้มข้นของมลพิษทางอากาศ มีค่าเกินมาตรฐาน และคุณภาพอากาศในวันนั้นจะเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน
Knowledge Sharing Space | www.salika.co

:: Pomodoro ::Pomodoro มีที่มาจากหนังสือ The Pomodoro Technique เขียนโดย Francesco Cirillo นักวิชาการชาวอิตาลี ซึ่งเป็นห...
08/01/2025

:: Pomodoro ::
Pomodoro มีที่มาจากหนังสือ The Pomodoro Technique เขียนโดย Francesco Cirillo นักวิชาการชาวอิตาลี ซึ่งเป็นหนังสือขายดีตลอดกาล ได้รับการพิมพ์ซ้ำอย่างสม่ำเสมอ
นอกจากจะเป็นนักวิชาการแล้ว Francesco Cirillo ยังเป็นที่ปรึกษาให้กับองค์กรภาคธุรกิจชั้นนำของอิตาลีในประเด็น Time Management หรือ “การบริหารเวลา” ซึ่ง Francesco Cirillo โดดเด่นเป็นอย่างมาก
การที่ Francesco Cirillo ตั้งชื่อกลเม็ดเคล็ดลับการบริหารเวลาของเขาเอาไว้ว่า Pomodoro Technique นั้นก็มีที่มาจากนาฬิกาจับเวลารูปมะเขือเทศที่เขาใช้ในการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 นั่นเอง
โดย “นาฬิกามะเขือเทศ” สุดแสนน่ารักของ Francesco Cirillo นี้ 1 ลูกมะเขือเทศจะมีค่าเท่ากับ 1 ชั่วโมง โดยจะแบ่งออกเป็นช่องวัดเล็กๆ ช่องละ 5 นาที
Pomodoro Technique มีสูตรสำคัญที่ Francesco Cirillo กำหนดรูปแบบไว้ดังนี้
1. วางแผนการทำงานใน 1 ชั่วโมง โดย 1 ชั่วโมงจะเท่ากับ 1 Pomodoro
2. ตั้งนาฬิกานับถอยหลังเป็นเวลา 25 นาที จากนั้นให้เริ่ม Start ชิ้นงาน
3. เมื่อครบ 25 นาที ให้ Break หรือ “ตามระเบียบพัก” เป็นเวลา 5 นาที ซึ่งถือเป็นการจบ Session ที่ 1
4. เริ่มต้น Session ที่ 2 ให้ทำงานต่อไปอีก 25 นาที แล้วพัก 5 นาที จากนั้นต่อที่ Session ที่ 3 ก็ยังคงทำ Pomodoro เหมือนเดิม
5. เมื่อทำงานครบ 4 session แล้วก็สามารถ “ตามสบายพัก” หรือการพักผ่อนเป็นเวลา 15 ถึง 30 นาที
หากท่านผู้อ่าน แฟนพันธุ์แท้ SALIKA ปฏิบัติตาม Pomodoro Technique ของ Francesco Cirillo อย่างเคร่งครัดตามขั้นตอนทั้ง 5 ของ Pomodoro Technique แล้ว
ผมเชื่อว่า ชิ้นงานของท่านจะมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากเราจะมี Focus กับเนื้องานทุกๆ 15 นาที ซึ่งถือเป็นการทำงานไปทบทวนผลงานไป และสามารถมีช่วงพักเพื่อคิดแก้ปัญหาโน่นนี่นั่นให้กับตัวงานต่างๆ นั่นเองครับ.........................................................................................
:: Hara Hachi Bu ::
มีคำกล่าวในภาษาญี่ปุ่นที่ว่า อย่ากินอาหารลงท้อง (Hara) มากเกินกว่า 8 ส่วน Hachi Bu)
เป็นคำเตือนที่มีความหมายว่า อย่าทำให้ตัวเองท้องพองอืดจนกระเพาะแทบแตก เนื่องจากการกินเข้าไปอย่างไม่หยุดหย่อน จนกว่าจะรู้สึกอิ่ม
คำเตือนนี้ส่งนัยเกี่ยวข้องกับความรู้สึกขยัน หรือขี้เกียจทำงานด้วยนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่คุณกินอาหารเข้าไปจนแน่นท้อง เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็จะหย่อน อยากงีบหลับแทนการทำงาน
คำแนะนำให้กินอาหารเพียง 8 ส่วนของท้องนี้ มาจากจังหวัด “โอกินาวา” ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น ซึ่งคนท้องถิ่นทำตามหลักการดังกล่าวมาแต่โบราณ เพื่อควบคุมนิสัยการกิน และรักษาสุขภาพ
วิธีการกินดังกล่าวมีประโยชน์มาก เพราะช่วยให้ผู้คนไม่กินมากเกินไป โดยหยุดกินก่อนที่จะเริ่มรู้สึกอิ่มเพียงเล็กน้อย
โดยเมื่อคุณตักอาหารใส่จาน ให้ลองกะดูว่าต้องกินในปริมาณเท่าใดจึงจะอิ่มพอดี จากนั้นให้ตักใส่จานเพียงแค่ 80% ของปริมาณที่กะไว้ว่าจะทำให้อิ่ม
หรืออาจลองกินเพียง 2 ใน 3 ของปริมาณอาหารในจานที่มีคนตักมาให้แล้ว โดยช่วงหลังอาหารคุณควรจะรู้สึกพึงพอใจและไม่หิว แต่ไม่ควรคิดว่าจะต้องกินจนอิ่ม.........................................................................................
:: Shoshin ::
แนวคิดนี้มาจากคำสอนของพุทธศาสนานิกายเซน โดยคำว่า Shoshin แปลว่าจิตของผู้เริ่มต้น โดยพระภิกษุชุนริว ซูสุกิ ผู้ให้กำเนิด Shoshin
พระภิกษุชุนริว ซูสุกิ กล่าวว่า จิตของผู้เริ่มต้นมีความเป็นไปได้อยู่มหาศาล แต่จิตของผู้เชี่ยวชาญนั้นมีความเป็นไปได้อยู่น้อยมาก
หลักการนี้คือการทำทุกสิ่งด้วยทัศนคติที่เปิดกว้าง ไม่ด่วนตัดสินด้วยประสบการณ์ในอดีตที่เคยพบเจอมาก่อน ไม่ว่าจะมีความช่ำชองหรือเชี่ยวชาญในเรื่องดังกล่าวมามากเพียงใดก็ตาม
โดยให้ทำใจเสมือนว่าเป็นผู้มาใหม่ที่ไร้ประสบการณ์อย่างสิ้นเชิง
ในแง่หนึ่งปรัชญา Shoshin จะทำให้เรายอมรับได้ว่า ตนเองไม่ใช่ผู้ที่รู้รอบไปเสียทุกสิ่ง
ปัจจุบันมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์หลายชิ้นที่พิสูจน์ยืนยันถึงประโยชน์ของทัศนคติแบบ Shoshin ซึ่งส่งผลดีเกินคาดแก่ผู้ที่ยึดถือปฏิบัติตาม
เพราะการเข้าหาสิ่งใหม่ด้วยความกระตือรือร้นอยากรู้อยากเห็นและมีใจเปิดกว้าง จะนำเราไปสู่ความเพียรพยายาม ความกล้าหาญ และการสร้างสรรค์นวัตกรรม.........................................................................................
:: Kaizen ::
Kaizen มีรากฐานอยู่บนหลักการสร้างความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ โดยให้หมั่นปรับปรุงพัฒนาอย่างสม่ำเสมอในทุกแง่มุมของชีวิต
ตรงกันข้ามกับความทะเยอทะยาน อยากประสบความสำเร็จตั้งแต่วันแรกที่ลงมือทำ ซึ่งนอกจากจะเป็นไม่ได้แล้ว ความรีบร้อน ยิ่งทำให้เกิดความสับสน จนอาจถึงกับต้องพับโครงการไปในที่สุด
การประยุกต์ใช้ Kaizen ในชีวิตประจำวัน อาจเป็นการตั้งเป้าหมายที่ต้องการทำให้สำเร็จลุล่วงในแต่ละวัน โดยมุ่งให้ความสนใจกับการปรับปรุงพัฒนาไปทีละน้อย
เคล็ดลับอยู่ที่ความมุ่งมั่น เพื่อสร้างความก้าวหน้าเล็กๆ น้อยๆ ที่นำพาให้เข้าใกล้เป้าหมายใหญ่มากขึ้นทุกขณะ
ย่างก้าวเหล่านี้ จะช่วยคุณเอาชนะความเกียจคร้านเฉื่อยชา อีกทั้งยังช่วยสร้าง “แรงส่ง” ที่สม่ำเสมอ เพื่อผลักดันให้สามารถผลิตผลงานออกมาได้ตามเป้าหมาย
นอกจากนี้ Kaizen ยังช่วยให้มองเห็นรายละเอียด ซึ่งจะนำไปใช้ในการพัฒนาไปทีละเล็กละน้อยได้เป็นอย่างดี
Kaizen มีประวัติความเป็นมาย้อนไปได้ถึงยุคหลังสงครามของญี่ปุ่น โดย Toyota ถึงกับยอมรับแนวคิดนี้ให้เป็นหนึ่งในหลักการพื้นฐานของระบบการผลิต
Kai หมายถึงความเปลี่ยนแปลง ส่วนคำว่า Zen หมายถึงการไปในทิศทางที่ดีขึ้น
หลักการนี้สามารถจะช่วยรับประกันได้ว่า ผลงานที่ออกมาจะมีคุณภาพในระดับสูงสุด ลดปริมาณของเสียเหลือทิ้ง และเพิ่มพูนประสิทธิภาพทั้งในการทำงานของเครื่องจักรและกระบวนการทำงานของมนุษย์นั่นเอง.........................................................................................
:: Wabi-Sabi ::
Wabi-Sabi มีต้นกำเนิดมาจากคำสอนลัทธิเต๋าในยุคราชวงศ์ซ่งของจีน ระหว่างปี ค.ศ. 960 – 1279 และต่อมาได้ถ่ายทอดไปเป็นส่วนหนึ่งของคำสอนในพุทธศาสนานิกายเซน
ในตอนแรกมีความเข้าใจกันว่า ปรัชญานี้คือการแสดงความชื่นชมยินดีต่อสิ่งต่างๆ ในรูปแบบที่จำกัด
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน Wabi-Sabi มีความหมายถึงการยอมรับภาวะตามธรรมชาติที่เป็นอนิจจังไม่เที่ยงแท้
เมื่อเราตั้งใจสร้างผลงานในอาชีพ หรือทำงานอดิเรกทั่วไป การยอมรับความบกพร่องไม่สมบูรณ์แบบเป็นหลักการที่ควรยึดถือปฏิบัติแทนที่จะมุ่งเน้นความเป็นเลิศในทุกรายละเอียด
เพราะแท้ที่จริงแล้ว “ความสมบูรณ์แบบ” คือ “ศัตรูของความงาม”
ดังนั้น การที่เราดื้อรั้นจะสร้างสิ่งสมบูรณ์แบบขึ้นมาให้ได้ โดยมุ่งไปที่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ มีแต่จะทำให้เราสูญเสียเวลาอันมีค่าไปโดยเปล่าประโยชน์นั่นเอง.........................................................................................
:: Ikigai ::
Ikigai เป็นศัพท์ที่ใช้เรียกแนวคิดเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข ซึ่งแท้จริงแล้วมันคือเหตุผลที่ทำให้คุณตื่นขึ้นมาในทุกเช้า
คล้าย Venn Diagram ของตะวันตก ที่มีวงกลม 4 วงซ้อนทับกัน โดยแต่ละส่วนแสดงถึงข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่รัก สิ่งที่ทำได้ดี สิ่งที่ต้องการ และสิ่งที่ซื้อหาได้ด้วยเงิน
Ikigai คือแนวคิดโบราณที่คนญี่ปุ่นรู้จักคุ้นเคยมานาน ซึ่งอาจจะนิยามความหมายได้ว่า Ikigai คือเหตุผลที่ทำให้ตื่นนอนในตอนเช้า ซึ่งเป็นการตื่นขึ้นด้วยความสุขใจ
Ikigai คือสุขภาวะของกาย และจิต ที่เกิดขึ้นจากการทุ่มเทอุทิศตนทำในสิ่งที่ชื่นชอบ โดยกิจกรรมดังกล่าว นำมาซึ่งความรู้สึกว่าชีวิตถูกเติมเต็มจนสมบูรณ์
Ikigai คือการมองหาสิ่งที่สร้างแรงจูงใจในทุกๆ วัน และสิ่งนั้นจะกลายเป็นเหตุผลที่ผลักดันให้ก้าวไปข้างหน้า เช่น การปลูกต้นไม้ จัดดอกไม้ ดูแลสัตว์เลี้ยง หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ อยู่เสมอครับ.........................................................................................
เรื่อง : ดร.จักรกฤษณ์ สิริริน
https://www.salika.co/2025/01/07/secret-to-happiness-of-japanese-people/
Knowledge Sharing Space | www.salika.co
#คนญี่ปุ่น #ความสุข

https://www.salika.co/2025/01/07/salika-news-vol-7-5/ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (...
08/01/2025

https://www.salika.co/2025/01/07/salika-news-vol-7-5/
ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และ นาย หู เตอ หมิง ผู้จัดการใหญ่และเลขาธิการพรรคฯ ของสำนักงานใหญ่ภาคใต้ กลุ่มพลังงานแห่งประเทศจีน ร่วมกันลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เรื่อง The Cooperation on Eastern Economic Corridor เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือในระดับภูมิภาค ที่จะร่วมกันผลักดันการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวในพื้นที่อีอีซี โดยมีผู้บริหารระดับสูง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จากทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมงาน
ทั้งนี้ กรอบความร่วมมือภายใต้ MOU ดังกล่าว สกพอ. และ China Energy Engineering Group Southern Construction Investment Co., Ltd. จะร่วมกันส่งเสริมการลงทุนและพัฒนาภาคพลังงานในพื้นที่อีอีซี โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ด้านพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ระบบขนส่งอัจฉริยะ และอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยสกพอ. จะสนับสนุนข้อมูลแนวทางการลงทุนโครงการต่างๆ การให้สิทธิประโยชน์ และมาตรการอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนจากประเทศจีน ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้มีเป้าหมายร่วมกัน ที่จะขับเคลื่อนการลงทุนให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนในพื้นที่อีอีซี
บริษัท China Energy Engineering Group Southern Construction Investment Co., Ltd. ถือเป็นบริษัทในเครือของ China Energy Engineering Group Co., Ltd. ตั้งอยู่ในเมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง เป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีบทบาทสำคัญในการลงทุนและก่อสร้างในภูมิภาคใต้ของประเทศจีน มีความเชี่ยวชาญในหลายด้าน เช่น การสำรวจและออกแบบ การก่อสร้างโรงไฟฟ้า การพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน โครงสร้างพื้นฐาน และมีเป้าหมายในการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงพลังงานทั่วโลกเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน
Knowledge Sharing Space | www.salika.co

https://www.salika.co/2025/01/07/salika-news-vol-7-5/ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 7 ม.ค.68 มีมติเห็นชอบ โครงการระบ...
08/01/2025

https://www.salika.co/2025/01/07/salika-news-vol-7-5/
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 7 ม.ค.68 มีมติเห็นชอบ โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ระยะทาง 8.84 กม. วงเงินลงทุน 6,473.98 ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอขอทบทวนมติ ครม. และปรับกรอบวงเงินเดิม เมื่อเดือน ก.พ. 2562 จากวงเงิน 6,570.40 ล้านบาท ซึ่งลดลง 96.42 ล้านบาท และปรับกรอบระยะเวลาดำเนินการจาก 5 ปี เหลือ 4 ปี
มีจำนวน 4 สถานี ได้แก่ สถานีคลองหนึ่ง สถานีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สถานีเชียงราก และสถานีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
โดยหลังจากนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะเร่งดำเนินการขั้นตอนการประกวดราคา คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2568 กำหนดแล้วเสร็จในเดือนธ.ค.2570 และเปิดเดินรถในเดือนม.ค. 2571
Knowledge Sharing Space | www.salika.co

https://www.salika.co/2025/01/07/salika-news-vol-7-5/นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังกา...
08/01/2025

https://www.salika.co/2025/01/07/salika-news-vol-7-5/
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายชาทิตย์ ห้วยหงส์ทอง ประธานหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย พร้อมด้วยผู้แทนหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย (American Chamber of Commerce: AMCHAM) เมื่อวันจันทร์ที่ 6 มกราคม 2568 ว่า
ทั้งสองฝ่ายได้หารือแนวทางการส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าและการลงทุน โดยสหรัฐฯ ถือเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญของไทยและภาคเอกชนสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ของสองประเทศ กระทรวงพาณิชย์จึงพร้อมสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ เพื่อเพิ่มพูนมูลค่าการค้าการลงทุนที่จะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโต
โดยกระทรวงพาณิชย์มีแผนเดินทางไปเยือนสหรัฐฯ ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อเจรจาไม่ให้มีการขึ้นภาษีกับสินค้าส่งออกจากไทย โดยจะมีการพบปะและประชุมร่วมกับหลายหน่วยงานของสหรัฐฯ ซึ่ง AMCHAM สนับสนุนให้ไทยได้ต่ออายุโครงการ GSP (สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร) ของสหรัฐฯ เพื่อรักษาห่วงโซ่อุปทานและขีดความสามารถในการส่งออกของผู้ประกอบการทั้งผู้ส่งออกและผู้นำเข้าของทั้งสองประเทศ
Knowledge Sharing Space | www.salika.co

https://www.salika.co/2025/01/07/salika-news-vol-7-5/เมื่อวันจันทร์ (6 ม.ค.) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวต้อนรับแ...
08/01/2025

https://www.salika.co/2025/01/07/salika-news-vol-7-5/
เมื่อวันจันทร์ (6 ม.ค.) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีกับอินโดนีเซียอย่างอบอุ่น หลังจากที่อินโดนีเซียเข้ามาเป็นสมาชิกกลุ่มประเทศบริกส์ (BRICS) อย่างเป็นทางการ
ด้านบราซิล ในฐานะประธานกลุ่มประเทศบริกส์ ปี 2025 ออกแถลงการณ์ระบุว่าอินโดนีเซียเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาคมระหว่างประเทศเป็นวงกว้าง
โฆษกกล่าวว่า อินโดนีเซียเป็นประเทศกำลังพัฒนาขนาดใหญ่และเป็นขุมกำลังสำคัญในกลุ่มประเทศโลกใต้ โดยอินโดนีเซียให้ความสำคัญกับจิตวิญญาณกลุ่มบริกส์และมีส่วนร่วมในความร่วมมือ “บริกส์ พลัส” (BRICS Plus) อย่างแข็งขัน พร้อมชี้ว่าการร่วมเป็นสมาชิกครั้งนี้ถือเป็นผลประโยชน์ร่วมของกลุ่มบริกส์และกลุ่มประเทศโลกใต้ และเชื่อว่าอินโดนีเซียจะมีส่วนส่งเสริมสำคัญในการพัฒนากลุ่มบริกส์ต่อไป
สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า กลุ่มบริกส์นับเป็นเวทีหลักสำหรับการส่งเสริมความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความร่วมมือของประเทศโลกใต้ รวมถึงเป็นกำลังสำคัญที่ขับเคลื่อนการปฏิรูประบบธรรมาภิบาลโลก โดยกลุ่มบริกส์ยึดมั่นในระบบพหุภาคี ความยุติธรรมและความเที่ยงธรรม และการพัฒนาร่วมกัน ซึ่งการเพิ่มจำนวนสมาชิกล่าสุดนี้เป็นไปตามแนวโน้มทางประวัติศาสตร์ของกลุ่มประเทศโลกใต้ที่มีการเติบโตร่วมกัน
โฆษกเสริมว่าจีนเตรียมพร้อมที่จะทำงานร่วมกับอินโดนีเซีย และสมาชิกกลุ่มประเทศบริกส์อื่นๆ เพื่อร่วมกันสร้างความเป็นหุ้นส่วนที่รอบด้าน ใกล้ชิด ปฏิบัติได้จริง และครอบคลุมยิ่งขึ้น ยกระดับการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงในความร่วมมือกลุ่มบริกส์ ตลอดจนมีส่วนสำคัญในการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ
https://www.xinhuathai.com/china/488663_20250107
Knowledge Sharing Space | www.salika.co

ในโลกที่เศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตและสร้างโอกาสใ...
08/01/2025

ในโลกที่เศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตและสร้างโอกาสใหม่ๆ สำหรับทุกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเทศต่างๆ เล็งเห็นความสำคัญของการเชื่อมต่อทั้งด้านการลงทุน การพัฒนาเทคโนโลยี และการเติบโตของตลาด การเปิดตัวเขตเศรษฐกิจพิเศษยะโฮร์-สิงคโปร์ (JS-SEZ) ถือเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของความร่วมมือระหว่างสองประเทศยักษ์ใหญ่ในอาเซียน ซึ่งกำลังจะเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจของทั้งมาเลเซียและสิงคโปร์ และเป็นกรณีศึกษาที่ไทยไม่ควรมองข้ามในยุคที่การแข่งขันทางเศรษฐกิจกำลังเข้มข้นขึ้น
เขตเศรษฐกิจพิเศษยะโฮร์-สิงคโปร์ (JS-SEZ) เป็นโครงการเศรษฐกิจใหม่ที่มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างมาเลเซียและสิงคโปร์ โดยเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 ได้มีการลงนามข้อตกลงสำคัญในระหว่างการประชุมผู้นำมาเลเซีย-สิงคโปร์ ครั้งที่ 11 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตและพัฒนาทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ ภายหลังจากที่มีการลงนามข้อตกลงจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าวในเดือนตุลาคม 2566.........................................................................................
:: หวังดึงดูดเม็ดเงินลงทุนและสร้างงานคุณภาพจำนวนมาก ::
เขตเศรษฐกิจพิเศษยะโฮร์-สิงคโปร์ (JS-SEZ) ได้รับการออกแบบให้เป็นจุดยุทธศาสตร์ใหม่ของภูมิภาค โดยมาเลเซียและสิงคโปร์มุ่งดึงดูดการลงทุนระดับโลก ด้วยเป้าหมายสร้างตำแหน่งงานที่มีทักษะสูงถึง 20,000 ตำแหน่งภายใน 5 ปีแรก พร้อมรองรับโครงการลงทุน 50 โครงการในช่วงเวลาดังกล่าว และขยายเป็น 100 โครงการใน 10 ปี .........................................................................................
:: สองผู้นำอาเซียนร่วมพลิกโฉมเศรษฐกิจภูมิภาค ::
อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และ ลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ร่วมประกาศความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ในที่ประชุมผู้นำมาเลเซีย-สิงคโปร์ ครั้งที่ 11 ณ เมืองปุตราจายา มาเลเซีย โดยทั้งสองประเทศจะมีบทบาทที่แตกต่างแต่มุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน มาเลเซียรับหน้าที่ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่สิงคโปร์เน้นการสนับสนุนเพื่อดึงดูดนักลงทุน.........................................................................................
:: “เร็วกว่า ฉลาดกว่า” แนวคิดใหม่ของการลงทุน ::
ราฟิซี รามลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจมาเลเซียอธิบายว่า โครงการ JS-SEZ จะดำเนินการในรูปแบบ “โครงการต่อโครงการ” ซึ่งจะมีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเฉพาะที่ตรงกับความต้องการของนักลงทุน แทนที่จะสร้างโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เดียวล่วงหน้าเหมือนที่ผ่านมา
“วิธีการใหม่นี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเลือกทำเลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการดำเนินงาน เพิ่มความยืดหยุ่น และลดระยะเวลาในการพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ราฟิซี กล่าว
สำหรับ JS-SEZ จะครอบคลุมพื้นที่ 3,571 ตารางกิโลเมตร และประกอบด้วย 9 โซนเศรษฐกิจ ได้แก่ Iskandar Puteri, Forest City และ Desaru โดยจะรองรับ 11 ภาคอุตสาหกรรม เช่น การผลิต โลจิสติกส์ เศรษฐกิจดิจิทัล พลังงานสะอาด และการท่องเที่ยว เป็นต้น.........................................................................................
:: แรงบันดาลใจจากการร่วมมือสองชาติ ::
นายกรัฐมนตรีอันวาร์เอ่ยอ้างว่า JS-SEZ คือ “โครงการริเริ่มที่ไม่เหมือนใคร” ซึ่งหาได้ยากที่สองประเทศจะร่วมมือกันอย่างเท่าเทียม ด้านนายกรัฐมนตรีหว่องได้เน้นย้ำถึงศักยภาพของการรวมจุดแข็งทั้งสองประเทศ เพื่อสร้างระบบนิเวศน์เศรษฐกิจที่ทรงพลัง “มันไม่ใช่แค่การที่ธุรกิจสิงคโปร์ไปลงทุนในยะโฮร์ แต่ยังเป็นการดึงดูดโครงการใหม่จากทั่วโลกอีกด้วย”
เพื่อสร้างแรงจูงใจ มาเลเซียเสนออัตราภาษีนิติบุคคลและภาษีรายได้ส่วนบุคคลแบบพิเศษ สำหรับธุรกิจที่ลงทุนในกิจกรรมที่มีมูลค่าและการเติบโตสูง
พร้อมกันนี้ ราฟิซียืนยันว่าการลงทุนใน JS-SEZ จะเน้นไปที่โครงการที่ใช้เทคโนโลยีสูง ซึ่งจะต้องการแรงงานที่มีทักษะเฉพาะทางและความชำนาญในการทำงานมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการลดความกังวลเกี่ยวกับการที่คนงานในมาเลเซียอาจได้รับค่าจ้างที่ต่ำกว่าตำแหน่งงานในภาคอื่นๆ โดยเน้นว่า การลงทุนในโครงการเทคโนโลยีสูงจะสร้างตำแหน่งงานที่มีค่าตอบแทนสูง และช่วยพัฒนาแรงงานในประเทศให้มีทักษะที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลและอุตสาหกรรมที่ทันสมัยมากขึ้น.........................................................................................
:: มาเลเซีย-สิงคโปร์ สัมพันธ์การค้าที่แนบแน่น ::
ในปี 2023 มาเลเซียและสิงคโปร์ตอกย้ำความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้น โดยมาเลเซียก้าวขึ้นเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับสามของสิงคโปร์ ด้วยมูลค่าการค้าระหว่างกันสูงถึง 92,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน สิงคโปร์ยังคงครองตำแหน่งแหล่งลงทุนจากต่างประเทศอันดับหนึ่งในมาเลเซีย ด้วยยอดการลงทุนมหาศาลกว่า 9,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 23.2% ของการลงทุนต่างชาติทั้งหมดในมาเลเซีย สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและศักยภาพทางเศรษฐกิจที่ทั้งสองประเทศมอบให้กันและกันอย่างมั่นคง.........................................................................................
:: พลิกเกมเศรษฐกิจอาเซียน! ไทยพร้อมหรือไม่กับการแจ้งเกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษยะโฮร์-สิงคโปร์ ::
การเปิดตัวเขตเศรษฐกิจพิเศษยะโฮร์-สิงคโปร์ (JS-SEZ) ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่อาจเปลี่ยนสมการเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน ด้วยศักยภาพของการรวมจุดแข็งระหว่างมาเลเซียและสิงคโปร์ ไทยในฐานะหนึ่งในผู้เล่นสำคัญของภูมิภาคจำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการเคลื่อนไหวนี้ โดยพิจารณาทั้งความท้าทายและโอกาสที่จะเกิดขึ้น
ความท้าทายที่ไทยต้องเผชิญคือการแข่งขันด้านการดึงดูดการลงทุน การที่ JS-SEZ ใช้จุดเด่นของการผนึกกำลังสองประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานและระบบเศรษฐกิจที่แตกต่างกันอย่างลงตัว การดึงดูดการลงทุนของพื้นที่นี้จึงอาจทำให้นักลงทุนจากประเทศที่สามหันมาสนใจโครงการที่พร้อมกว่า แทนที่จะเลือกไทย
นอกจากนี้ ทั้งมาเลเซียและสิงคโปร์ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เชื่อมต่อทางทะเลและการขนส่งได้อย่างสะดวก อาจทำให้พื้นที่ใน JS-SEZ มีข้อได้เปรียบในด้านโลจิสติกส์ โดยเฉพาะการเป็นประตูสู่อินโดนีเซียและออสเตรเลีย
JS-SEZ ยังมาพร้อมกับข้อเสนอด้านแรงงานและเทคโนโลยี โดยมีแนวทางมุ่งสู่การลงทุนในโครงการที่มีเทคโนโลยีและมูลค่าสูง ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนที่ต้องการใช้แรงงานที่มีทักษะสูงเลือกโครงการเหล่านี้มากกว่าการลงทุนในไทย ที่ยังพึ่งพาแรงงานต้นทุนต่ำในหลายภาคส่วน
กลยุทธ์ที่ไทยต้องใช้เพื่อปรับตัวและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่ส่อเค้าร้อนระอุนี้คือ การพัฒนาแรงงานไทยให้แข่งขันได้ โดยไทยต้องเร่งยกระดับแรงงานให้มีทักษะที่สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมยุคใหม่ เช่น เทคโนโลยีดิจิทัล พลังงานสีเขียว และการผลิตอัจฉริยะ ผ่านการลงทุนในโครงการฝึกอบรมและสร้างแรงจูงใจให้คนรุ่นใหม่เรียนรู้ทักษะที่สำคัญ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง เช่น รถไฟฟ้าความเร็วสูง เส้นทางโลจิสติกส์ และท่าเรือที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ต้องได้รับการเร่งรัดเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดภูมิภาค
ขณะเดียวกัน ต้องเร่งสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษเชิงยุทธศาสตร์ที่สามารถตอบโจทย์อุตสาหกรรมเป้าหมายเฉพาะกลุ่มให้มากขึ้น เช่น โครงการเขตพัฒนาพิเศษอีอีซี (EEC) ที่มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 โดยต้องเน้นสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนจากคู่แข่ง เช่น การให้สิทธิประโยชน์ที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
ไม่เพียงเท่านี้ ไทยควรผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่สามารถรวมจุดแข็งของประเทศในอาเซียนเพื่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ร่วมกัน เช่น การร่วมมือด้านพลังงานทดแทน เศรษฐกิจสีเขียว หรือการเชื่อมโยงการค้าและการลงทุนข้ามพรมแดน
ที่สำคัญ ไทยสามารถเปลี่ยนความท้าทายเป็นโอกาส ด้วยการใช้บทเรียนจาก JS-SEZ เป็นแรงผลักดันให้เกิดการปรับเปลี่ยนนโยบายและกลยุทธ์ เช่น การสร้างระบบนิเวศเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด การใช้ตำแหน่งที่ตั้งของไทยเป็นศูนย์กลางในภูมิภาค และการสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวในอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพ
การก่อตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษยะโฮร์-สิงคโปร์ เป็นมากกว่าการแข่งขันในระดับภูมิภาค แต่เป็นสัญญาณสำคัญที่กระตุ้นให้ไทยเร่งพัฒนาตัวเองและปรับตัวให้ทันต่อกระแสโลก ทั้งนี้ การผสมผสานนโยบายที่เน้นการพัฒนาอย่างมีคุณภาพควบคู่ไปกับการสร้างจุดแข็งเชิงยุทธศาสตร์ จะช่วยให้ไทยก้าวขึ้นเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างมั่นคงและยั่งยืน พร้อมต่อกรกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมีวิสัยทัศน์.........................................................................................
ที่มา :
https://www.channelnewsasia.com/asia/johor-singapore-sez-special-economic-zone-jobs-anwar-lawrence-wong-4840336
https://www.malaymail.com/news/malaysia/2025/01/04/all-you-need-to-know-about-the-special-economic-zone-and-how-it-will-drive-economic-growth-for-malaysia-singapore/162031
https://www.straitstimes.com/singapore/johor-singapore-special-economic-zone-agreement-inked-at-leaders-retreat
https://www.salika.co/2025/01/07/js-sez-aisian-competition/
Knowledge Sharing Space | www.salika.co
#ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ #มาเลเซีย #สิงคโปร์ #อาเซียน #เขตเศรษฐกิจพิเศษยะโฮร์สิงคโปร์ #ไทย

ใครที่เคยได้ไปเยี่ยมเยือน เมืองซ่านโถว หรือที่คนไทยคุ้นหูในชื่อ เมืองซัวเถา ต่างต้องมีความทรงจำที่ดีกับการไปเดินช้อปที่โ...
07/01/2025

ใครที่เคยได้ไปเยี่ยมเยือน เมืองซ่านโถว หรือที่คนไทยคุ้นหูในชื่อ เมืองซัวเถา ต่างต้องมีความทรงจำที่ดีกับการไปเดินช้อปที่โรงงานผลิตของเล่นหลากหลายชนิด หรือไปเดินชมหอนิทรรศการของเล่นพร้อมเลือกซื้อสินค้าที่มีให้เลือกมากมาย โดยห้องโถงในหอนิทรรศการนี้จะเป็นสถานที่รวบรวมของเล่นจากโรงงานต่างๆ ที่สะดวกสบาย โดยจัดหมวดหมู่อย่างพิถีพิถันเพื่อให้ลูกค้าเลือกดูได้ง่าย
ยกตัวอย่าง หอนิทรรศการของเล่นเหยาเซิง ตั้งอยู่ในที่เคารพนับถือ เฉิงไห่ ย่านนี้หรือที่เรียกขานกันว่า “เมืองหลวงของเล่นนานาชาติ” โดยศูนย์นิทรรศการของเล่น Yao Sheng แผ่ขยายครอบคลุมพื้นที่ 28,888 ตารางเมตร ด้วยผู้จัดแสดงสินค้ากว่า 6,000 รายที่จัดแสดงผลิตภัณฑ์มากกว่า 1 ล้านชิ้น ห้องโถงแห่งนี้จึงเป็นสวรรค์สำหรับผู้ชื่นชอบของเล่นซัวเถา หรือจะเป็นหอนิทรรศการของเล่นหงเต็งซัวเถา ที่เป็นที่ตั้งของผู้แสดงสินค้าเกือบ 5,000 ราย โดยมีผลิตภัณฑ์มากมายถึง 300,000 รายการ ฐานข้อมูลที่กว้างขวางซึ่งมีสินค้ามากกว่า 3.57 ล้านรายการ ดึงดูดผู้ซื้อของเล่นมากกว่า 8,000 รายต่อปี
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลสถิติล่าสุดในบทความเรื่อง “ทันโลก ซัวเถาเร่งเครื่อง จากเมืองแห่งของเล่นสู่ ‘เศรษฐกิจดิจิทัล’” ที่ยืนยันว่าของเล่นพลาสติกในจีนร้อยละ 70 ผลิตที่เมืองซัวเถา และยังเป็นเมืองที่ส่งออกของเล่นไปยัง 120 ประเทศทั่วโลก
แต่อย่างไรก็ดี ในยุคที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นอนาคตของเศรษฐกิจทั่วโลกและปัญญาประดิษฐ์เป็นตัวเร่งให้ภาคเศรษฐกิจเข้าสู่ยุคดิจิทัลขั้นสูง เมืองซัวเถา เองได้หันมาเตรียมพร้อมสู่การพัฒนารูปแบบเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวตามการเปลี่ยนแปลงได้ทันเช่นกัน.......................................................................................
อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ https://www.salika.co/2025/01/06/from-toy-city-to-digital-economic-city-shantou-china/
Knowledge Sharing Space | www.salika.co
#ประเทศจีน #มณฑลกวางตุ้ง #เมืองของเล่น #เมืองซัวเถา #เศรษฐกิจดิจิทัล

ปัจจุบัน เมืองซัวเถา มุ่งมั่นที่จะพัฒนาเศรษฐกิจแบบดั้งเดิมให้เป็น ‘ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลอันดับ 1 ของภ...

https://www.salika.co/2025/01/06/salika-news-vol-6-5/สำนักบริหารวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติจีนเปิดตัวแผนปฏิบัติการไมโครดราม...
07/01/2025

https://www.salika.co/2025/01/06/salika-news-vol-6-5/
สำนักบริหารวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติจีนเปิดตัวแผนปฏิบัติการไมโครดรามาพลัส (micro drama plus) โดยมีเป้าหมายผสมผสานละครขนาดสั้นออนไลน์หรือไมโครดรามาเข้ากับหลายอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมทางวัฒนธรรมและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ปัจจุบันละครขนาดสั้นออนไลน์ ซึ่งมีจุดเด่นที่การเล่าเรื่องรวดเร็ว มีธีมหลากหลาย และต้นทุนการผลิตที่ไม่สูงมากนัก ได้กลายมาเป็นศิลปะสำคัญรูปแบบใหม่ในภูมิทัศน์วัฒนธรรมของจีน
แผนริเริ่มไมโครดรามาพลัสมุ่งใช้ประโยชน์จากศิลปะรูปแบบนี้ เพื่อเสริมสร้างภาคส่วนต่างๆ กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และเสริมสร้างวัฒนธรรม โดยจะผลิตละครขนาดสั้นออนไลน์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ราว 300 เรื่องในปีนี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า แผนริเริ่มข้างต้นประกอบด้วยหลายโครงการ เช่น “การเดินทางผ่านละครสั้น” ซึ่งออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการฟื้นฟูชนบทด้วยการผลิตละครสั้นออนไลน์ 100 เรื่องที่เกี่ยวกับสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรม ทิวทัศน์ธรรมชาติ และแหล่งท่องเที่ยวในเมือง
https://www.xinhuathai.com/china/488405_20250106
Knowledge Sharing Space | www.salika.co

https://www.salika.co/2025/01/06/salika-news-vol-6-5/สถานการณ์การแข่งขันในเรื่องสินค้าปล่อยคาร์บอนตํ่า เพื่อลดภาวะโลกร้อ...
07/01/2025

https://www.salika.co/2025/01/06/salika-news-vol-6-5/
สถานการณ์การแข่งขันในเรื่องสินค้าปล่อยคาร์บอนตํ่า เพื่อลดภาวะโลกร้อนที่เกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขั้นตอนการผลิต ซึ่งข้าวก็เป็นหนึ่งในสินค้าเป้าหมาย ปัจจุบันไทยมีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวกว่า 4.9 ล้านครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่นาปี – นาปรัง รวมกว่า 70 ล้านไร่ คิดเป็นพื้นที่เกือบกึ่งหนึ่งของพื้นที่ภาคการเกษตรของประเทศไทย จึงจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อให้การผลิตข้าวเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
กรมการข้าวจึงได้ปรับวิธีการปลูกข้าว มาเป็นการปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้ง ซึ่งเป็นเทคนิคการจัดการน้ำในแปลงนาให้มีทั้งสภาพเปียกและสภาพแห้งที่เหมาะสม นอกจากเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำแล้ว ยังสามารลดการปลดปล่อยก๊าซมีเทน ซึ่งถือได้ว่าเป็นก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตข้าวได้กว่าร้อยละ 30 เป็นการพลิกโฉมการผลิตข้าวที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และลดสาเหตุการเกิดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ ฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเป็นแนวทางส่งเสริมให้เกิดตลาดพรีเมี่ยม เปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และที่สำคัญคือเป็นช่องทางเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันเราสามารถผลิตข้าวคาร์บอนต่ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 10 ล้านไร่ โดยการปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้ง และการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนอย่างเหมาะสม รวมถึงการพัฒนาเชื้อจุลินทรีย์ที่สามารถย่อยสลายตอซังข้าวโดยไม่ต้องเผา ช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซมีเทนในระหว่างการย่อยสลายตอซังอีกด้วย
Knowledge Sharing Space | www.salika.co

https://www.salika.co/2025/01/06/salika-news-vol-6-5/นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่...
07/01/2025

https://www.salika.co/2025/01/06/salika-news-vol-6-5/
นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่าภายใต้สถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูง นโยบายการเงินจะต้องพร้อมรองรับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้น หรืออาจเกิดขึ้นเร็วหรือช้า การคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.25% เป็นระดับที่สอดคล้องกับศักยภาพ และเงินเฟ้อโน้มเข้าสู่กรอบเป้าหมาย เป็นการดำเนินนโยบายแบบยืดหยุ่น รองรับได้หลายสถานการณ์ (Robust Policy)
หากภาพรวมเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ มีการเปลี่ยนไปกว่าที่คาดการณ์ นโยบายการเงินก็พร้อมจะปรับเปลี่ยน ภายใต้เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวลักษณะ K Shape ขณะที่ทิศทางค่าเงินบาทในปี 2568 ยอมรับว่ามีความผันผวนมากขึ้น เนื่องจากนโยบายการเงินประเทศหลัก คาดเดาได้ค่อนข้างยาก โดยเงินบาทจะมีความผันผวนสูงขึ้นจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก
Knowledge Sharing Space | www.salika.co

“ข้าว” เป็นสินค้าเกษตรส่งออกหลักของประเทศไทย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกมากที่สุด โดย สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรระบุว่าในป...
07/01/2025

“ข้าว” เป็นสินค้าเกษตรส่งออกหลักของประเทศไทย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกมากที่สุด โดย สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรระบุว่าในปี 2565 มีพื้นที่นาข้าวประมาณ 70 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 46 ของพื้นที่เกษตรทั้งหมดของประเทศ โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีพื้นที่นาข้าวมากที่สุด รองลงมาคือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ตามลำดับ
ซึ่งภายหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าว จะก่อให้เกิดวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ตอซัง และฟางข้าว โดยพบว่า พื้นที่นาข้าว 1 ไร่ จะมีปริมาณตอซังและฟางข้าว โดยเฉลี่ยปีละ 650 กิโลกรัม ดังนั้นเพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการเพาะปลูกในรอบถัดไป ทำให้เกษตรกรจำเป็นต้องจัดการวัสดุเหลือใช้โดยวิธีการเผาตอซังและฟางข้าว เป็นวิธีจัดการที่สะดวกและง่าย ค่าใช้จ่ายน้อย แต่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางอากาศ โดยก่อให้เกิดปัญหาหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่ส่งผลต่อปัญหาสุขภาพทั้งในระยะสั้น ทำให้เกิดการระคายเคือง และในระยะยาวก่อให้เกิดมะเร็งหรือโรคทางเดินหายใจ
การเผาตอซังข้าว นอกจากจะเป็นต้นเหตุของ PM2.5 แล้ว ยังทำให้โครงสร้างของดินเปลี่ยนแปลงไป อนุภาคของดินจับตัวกันแน่นและแข็ง ทำให้รากพืชแคระแกร็น ไม่สมบูรณ์และอ่อนแอ การหาอาหารลดลงรวมทั้งเชื้อโรคพืชสามารถเข้าทำลายได้ง่าย ทำให้ดินสูญเสียอินทรียวัตถุและธาตุอาหารในดิน เพราะคาร์บอนและอินทรียวัตถุในดิน เมื่อถูกเผาจะกลายเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สูญเสียไปในบรรยากาศ ส่วนธาตุอาหารจะแปรสภาพให้อยู่ในรูปที่สามารถสูญเสียไปจากดินได้ง่าย
นอกจากนี้ยังทำลายจุลินทรีย์และแมลงที่เป็นประโยชน์ในดิน ทำให้ปริมาณและกิจกรรมของจุลินทรีย์ดินลดลง เช่น กิจกรรมการเปลี่ยนก๊าซไนโตรเจนจากบรรยากาศให้อยู่ในรูปของสารประกอบไนโตรเจนที่พืชใช้ประโยชน์ได้ ตัวอ่อนของแมลงศัตรูพืช เช่น ตัวห้ำ ตัวเบียนที่อาศัยอยู่ในดินหรือตอซังพืชรวมทั้งจุลินทรีย์ที่สามารถควบคุมโรคพืชถูกเผาทำลายไป ซึ่งหากระบบนิเวศน์ของดินไม่สมดุลจะทำให้การแพร่ระบาดของโรคเกิดได้ง่ายขึ้น รวมถึงเกิดการสูญเสียน้ำในดิน เนื่องจากการเผาตอซังพืชทำให้ผิวดินมีอุณหภูมิสูงถึง 90 องศาเซลเซียส น้ำในดินจะระเหยสู่บรรยากาศอย่างรวดเร็ว ให้ความชื้นของดินลดลง
ดังนั้นเพื่อช่วยแก้ปัญหาและนำองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) เข้าไปส่งเสริมและสนับสนุน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) จึงได้ทำข้อตกลงความร่วมมือกับสำนักงานเกษตรจังหวัดปทุมธานี เพื่อทำการศึกษาและพัฒนากลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพในการย่อยสลายตอซังข้าว เพื่อเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการลดกิจกรรมการเผาตอซังข้าวของเกษตรกร
ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว วว. โดย ห้องปฏิบัติการทดสอบการการสลายตัวทางชีวภาพของวัสดุ (BioD) ศูนย์พัฒนาและวิเคราะห์สมบัติของวัสดุ ได้ศึกษาและพัฒนากลุ่มจุลินทรีย์ “BioD I วว.” ที่มีประสิทธิภาพย่อยสลายตอซังข้าว รวมถึงการออกแบบชุดบ่มเลี้ยงฯ ที่มีระบบให้อากาศและระบบควบคุมการทำงานแบบอัตโนมัติ สามารถผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์ฯ “BioD I วว.” ได้อย่างต่อเนื่อง
โดยกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพในการย่อยสลายตอซังข้าว “BioD I วว.” จะใช้ระยะเวลาประมาณ 5-10 วัน ทำให้ตอซังข้าวนิ่ม ไถกลบได้ง่าย และไม่ส่งผลเสียต่อการเจริญเติบโตของข้าวและเป็นมิตรต่อระบบนิเวศ ในเบื้องต้นมีการนำไปใช้จริงแล้วมากกว่า 10 พื้นที่ในจังหวัดปทุมธานี (ช่วงพฤษภาคมถึงกันยายน 2567)
ทั้งนี้กลุ่มจุลินทรีย์ดังกล่าว สามารถนำไปใช้ได้ทุกพื้นที่ ตามความสะดวกและทรัพยากรที่มีอยู่ในมือของเกษตรกร เช่น ใช้โดรนในการฉีดพ่น ใช้ถังฉีดพ่น หรือละลายน้ำและขังน้ำไว้เพียง 7 วัน สามารถทำให้ตอซังและฟางข้าวนุ่ม เปื่อยยุ่ย ไม่ติดล้อรถที่มาตีนาในขั้นตอนเตรียมดิน โดยลักษณะของน้ำในแปลงนาที่หมักด้วยจุลินทรีย์ชนิดนี้ จะมีสีฟางข้าว ไม่มีกลิ่นเหม็น โดยรวมจะใช้เวลาน้อยกว่าการขังน้ำโดยไม่มีการเติมจุลินทรีย์ ส่งผลให้เกษตรกรสามารถเริ่มการทำนาได้เร็วขึ้นจากเดิม
วว. ได้ยื่นจดอนุสิทธิบัตรชุดบ่มเลี้ยงหัวเชื้อจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพย่อยสลายตอซังข้าวเรียบร้อยแล้ว และพร้อมให้คำแนะนำปรึกษาแก่วิสาหกิจชุมชน เกษตรกรในพื้นที่อื่นๆ ของประเทศไทย เพื่อการสนับสนุนให้ภาคการเกษตรลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ได้อย่างเป็นรูปธรรม
การพัฒนาและวิจัยการใช้กลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพฯ เพื่อลดการเผาในพื้นที่เกษตร ถือเป็นการส่งเสริมการใช้ซังข้าวอย่างสร้างสรรค์ ถือเป็นความสำเร็จของนักวิจัยไทยในการใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ให้เกิดประโยชน์ ทั้งนี้ วว. คาดการณ์ว่าการใช้กลุ่มจุลินทรีย์ฯ จะทำให้เกษตรกรลดการใช้ปุ๋ยเคมีในนาข้าวลงได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 และปรับเปลี่ยนกลุ่มเกษตรกรที่เคยเผาตอซังข้าวก่อนไถกลบให้มาทดลองใช้กลุ่มจุลินทรีย์ฯ ได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวนี้ จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างยั่งยืน........................................................................................
https://www.salika.co/2025/01/06/microorganisms-decompose-rice-stubble/
Knowledge Sharing Space | www.salika.co
#งานวิจัย #จุลินทรีย์ #ตอซังข้าว #ภาคการเกษตร #ย่อยสลาย #สิ่งแวดล้อม

ที่อยู่

Dusit

เบอร์โทรศัพท์

+66610123210

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Salikaผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Salika:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์