The trap news "ดีทุกประเด็น เด่นทุกข่าว"

ข่าว : สมุทรปราการ นายกบางเมือง กระตุ้นการเรียนรู้ผู้เยาว์ เปิดอบรมโครงการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น สอนทักษะการทำผลิตภัณ...
15/01/2025

ข่าว : สมุทรปราการ นายกบางเมือง กระตุ้นการเรียนรู้ผู้เยาว์ เปิดอบรมโครงการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น สอนทักษะการทำผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (ยาหม่อง)

วันพุธที่ 15 มกราคม 2568 เวลา 09.00 น. นาวาเอก อนุศักดิ์ นาคทิม นายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง เป็นประธานเปิดโครงการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น ประจำปีการศึกษา 2567 โดยมีนางสาวศิริวรรณ จันทะวงษ์ ครูชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเทศบาลบางเมือง เป็นผู้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์
โครงการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น ประจำปีการศึกษา 2567 จัดขึ้นเพื่อให้เด็กนักเรียนเข้าใจ มีทักษะที่จำเป็น มีประสบการณ์ ความคิดสร้างสรรค์ เพิ่มพูนทักษะกระบวนการแก้ปัญหา และให้นักเรียนเกิดการทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งในวันนี้เป็นการทำผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (ยาหม่อง) โดยให้นักเรียนระดับชั้น ป.1 - ป.6 ทดลองทำการผสมยาหม่อง และเรียนรู้วิธีขั้นตอนต่าง ๆ โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด
โดยมีนายเลิศชาย ยั่งยืน รองนายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง นายณรงค์พล ทองกร รองนายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง นางยุพิน ชัยทัศน์ เลขานุการนายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง นายเฟื่องวุฒิ จินาวัลย์ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลบางเมือง นายอิทธิชัย ชูเรณู ปลัดเทศบาลตำบลบางเมือง นางกาญจนา ปั้นศิริ รองปลัดเทศบาลตำบลบางเมือง คณะครู บุคลากรทางการศึกษา เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมโครงการในครั้งนี้ด้วย ณ อาคารอเนกประสงค์ โรงเรียนอนุบาลเทศบาลบางเมืองอีกด้วย

ข่าว : ป.ป.ส. นำคณะศาลไทยดูงานบำบัดผู้ติดยาเสพติดในสหรัฐฯ หวังเพิ่มมาตรฐานการดูแล ผู้บำบัดรักษาฯ ในไทย และแนวทางพัฒนาการ...
15/01/2025

ข่าว : ป.ป.ส. นำคณะศาลไทยดูงานบำบัดผู้ติดยาเสพติดในสหรัฐฯ หวังเพิ่มมาตรฐานการดูแล ผู้บำบัดรักษาฯ ในไทย และแนวทางพัฒนาการป้องกันการกลับมาใช้ยาเสพติดซ้ำ

วันจันทร์ที่ 13 มกราคม 2568 พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) นำคณะผู้แทนไทย พร้อมด้วย พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ นางอภิรดี โพธิ์พร้อม ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่ง ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา นายนพดล คชรินทร์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่ง ประธานแผนกคดียาเสพติดในศาลฎีกา นายธีรทัย เจริญวงศ์ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นางสาวอารีภักดิ์ เงินบำรุง รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นายสมภพ นันทโกวัฒน์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดสงขลา ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลชั้นต้นประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา และคณะเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ศึกษาดูงานด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดในสถานบำบัดซานเท (Sante Center for Healing) และการรูปแบบการดูแลแบบเข้มข้นในเรือนจำโครงสร้างเบาเมืองคอลลิน (Collin County Minimum Security Facility) รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา

ช่วงเช้าคณะผู้แทนไทยได้เข้าเยี่ยมชมศูนย์บำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดในสถานบำบัดซานเท (Sante Center for Healing) และรับฟังการบรรยายสรุป เรื่องรูปแบบการบำบัดรักษาการเสพติด โดยมีคุณฮอลลี่ ฮิกกินส์ (Hollie Higgins) ผู้อำนวยการด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ให้การต้อนรับ โดยศูนย์ฯ ซานเท เป็นศูนย์บำบัดรักษาการเสพติดเอกชน ให้บริการบำบัดรักษาการเสพติดและพฤติกรรมการเสพติด โดยใช้รูปแบบกายจิตสังคมบำบัด (Cognitive Behavioral Therapy) ในผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน และการให้คำปรึกษารายบุคคลและครอบครัว รวมทั้งการถอนพิษยา และให้ยาเพื่อการบำบัดรักษา ผู้ป่วยมีทั้งแบบสมัครใจเข้ารับการบำบัดและศาลสั่ง ซึ่งในกรณีที่ศาลสั่งให้เข้ารับการบำบัดแต่ผู้ป่วยไม่ปฏิบัติตามหรือบำบัดไม่ครบโปรแกรม ทางศูนย์ฯ จะรายงานผลการบำบัดไปยังศาลเพื่อพิจารณาปรับแผนการคุมประพฤติต่อไป ทั้งนี้ ในการบำบัดผู้ป่วยยาเสพติดที่ใช้เมทแอมเฟตามีน จะมีการให้ยานาลเทรกโซน (Naltrexone) เพื่อระงับการหลั่งสารสื่อประสาทในสมอง ทำให้ไม่มีความต้องการใช้ยาเสพติด
ช่วงบ่าย คณะผู้แทนฯ เดินทางไปยังเรือนจำโครงสร้างเบาเมืองคอลลิน (Collin County Minimum Security Facility) เพื่อเยี่ยมชมและรับฟังการบรรยายการดำเนินงานบำบัดรักษาผู้ถูกคุมความประพฤติในเรือนจำ โดยมีคุณบริตตานี เกอร์เนอร์ (Brittany Gurney) ผู้อำนวยการโปรแกรมสถานฟื้นฟูระยะยาว โดยโปรแกรม S.C.O.R.E (Sheriff’s Convicted Offender Reentry Effort) รับผิดชอบโดย สำนักงานคุมประพฤติและราชทัณฑ์ และสำนักงานตำรวจเมืองคอลลิน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1991 เพื่อควบคุมตัวและให้บริการบำบัดรักษาแก่ผู้ถูกคุมความประพฤติที่มีความเสี่ยงปานกลางและเสี่ยงสูงโดยใช้พื้นที่ในเรือนจำโครงสร้างเบา มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้เข้าโครงการมีความคิดและพฤติกรรมที่ดีขึ้น ฝึกวินัยการทำงาน และมีวิถีการใช้ชีวิตที่ดีขึ้น ผ่านหลักสูตรที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ได้แก่ การจัดการความโกรธ การส่งเสริมให้เปลี่ยนแปลง การจัดการเงิน การพัฒนาทักษะชีวิต การให้ความรู้ยาเสพติดและให้คำปรึกษา โดยมีการดำเนินงานใน 2 รูปแบบ ได้แก่ แบบพื้นฐาน ระยะเวลา 45 วัน และแบบเข้มข้น ระยะเวลา 120-180 วัน และเมื่อสิ้นสุดโปรแกรม จะได้รับการส่งต่อเข้ารับการให้คำปรึกษาในรูปแบบผู้ป่วยนอก 12 สัปดาห์ ทั้งนี้ จากการดำเนินงานในปี ค.ศ. 2024 มีผู้เข้าโปรแกรม 140 คน

ข่าว : สืบ ตม.1 แท็กทีม สน.คลองตัน บุกตรวจร้านทำผมชื่อดังถนนสุขุมวิท รวบผีน้อยเกาหลี 4 ราย ถือวีซ่าท่องเที่ยวแอบตัดผมฉ่ำ...
15/01/2025

ข่าว : สืบ ตม.1 แท็กทีม สน.คลองตัน บุกตรวจร้านทำผมชื่อดังถนนสุขุมวิท รวบผีน้อยเกาหลี 4 ราย ถือวีซ่าท่องเที่ยวแอบตัดผมฉ่ำ

พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดยกระดับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยเฉพาะความผิดที่เกี่ยวกับคนเข้าเมือง ซึ่งเป็นความรับผิดชอบหลักของ สตม. โดยสั่งการและกำชับให้เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบบังคับใช้กฎหมาย โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่รับผิดชอบงานสืบสวนเน้นลงพื้นที่ X-RAY ตรวจสอบป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง บก.ตม.1 โดย พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รอง ผบก.ตม.1 รับผิดชอบงานตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้รับการประสานงานจาก สน.คลองตัน โดย พ.ต.อ.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ผกก.สน.คลองตัน เกี่ยวกับเบาะแสของร้านทำผมชื่อดังแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทตอนกลางจึงสั่งการให้ พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน พร้อมชุดปฏิบัตินำโดย พ.ต.ท.ทวีทรัพย์ ชัยภูมิ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1, พ.ต.ท.ธงไทย ไพเราะ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 ร่วมกับ พ.ต.ท.ธนากร งามเย็น รอง ผกก.ป.สน.คลองตันพร้อมกำลังนับสิบนายลงพื้นที่ตรวจสอบ ในวันที่ 14 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา
สำหรับพฤติการณ์ในการจับกุม เจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงบริเวณสถานประกอบการตามที่ได้รับเบาะแส ในเวลาประมาณ 15.30 น. เมื่อขึ้นไปชั้น 2 จะมีห้องสำหรับทำผม และเปิดประตูเข้าไป เจ้าหน้าที่ตำรวจพบทั้งลูกค้าคนไทยและต่างชาติกำลังรับบริการตัดแต่งและจัดทรงผมเป็นจำนวนมาก ลูกค้าบางส่วนยังเข้าคิวรอรับบริการอยู่ โดยมีช่างตัดแต่งทรงผมทั้งที่เป็นชาวไทยและที่มีลักษณะรูปพรรณคล้ายชาวต่างชาติเอเชียตะวันออกอีกหลายราย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ และเจ้าพนักงานตาม พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ฯ ขอตรวจสอบเอกสารประจำตัวและใบอนุญาตทำงานของช่างทำผมที่กำลังทำหน้าที่อยู่ทั้งหมด ผลการตรวจสอบจึงพบว่า ช่างทำผมมีสัญชาติเกาหลี 4 คน เป็นชาย 2 และหญิง 2 ดังนามสมมติต่อไปนี้ MR.LEE สัญชาติเกาหลีใต้ อายุ 25 ปี, MR.KIM สัญชาติเกาหลีใต้ อายุ 30 ปี, MS.JIYOEN สัญชาติเกาหลีใต้ อายุ 25 ปี, MS.JI HYE สัญชาติเกาหลีใต้ อายุ 24 ปี และยังพบหญิงสัญชาติเมียนมา 1 คน คือ MS.THIN THIN สัญชาติเมียนมา อายุ 33 ปี โดยชาวเกาหลีใต้ทั้ง 4 รายเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยด้วยการผ่อนผันการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว 90 วันซึ่งจะไม่สามารถทำงานได้ ส่วนชาวเมียนมาอีก 1 รายนั้นมีใบอนุญาตทำงานแต่ขณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกำลังทำผมให้กับลูกค้าซึ่งอาชีพการทำผม ตัดผม เสริมสวย เป็นหนึ่งในงานต้องห้ามทำโดยเด็ดขาด ตามประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ เช่นเดียวกับ งานเร่ขายสินค้า และงานนวดไทย เป็นต้น เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้ทั้งหมดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” และแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาชาวเมียนมาในข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ทำงาน ทำงานนอกเหนือสิทธิ์ที่จะกระทำได้ ควบคุมตัวส่ง พงส.สน.คลองตัน ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวกล่าวสอบถาม พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า การประกอบอาชีพสงวนที่ต้องห้ามเด็ดขาดตามกฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว หากถูกจับกุม นอกจากจะมีโทษปรับตามกฎหมายคือตั้งแต่ 5,000-50,000 บาทแล้ว จะมีผลไปถึงการถูกบันทึกรายชื่อเป็นบุคคลต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และผลักดันออกไปนอกราชอาณาจักรนอกจากนี้ยังขอฝากประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนผ่านผู้สื่อข่าวว่า สตม. เป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายที่มาตรฐานสากลในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามคนต่างด้าวที่เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และทำความผิดอื่นๆ ทั้งนี้หากท่านใดพบเห็นเบาะแส การกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารพระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ จักขอบพระคุณยิ่ง

ข่าว : กรมศุลกากรจับกุม “ขยะอิเล็กทรอนิกส์” นำเข้าทางท่าเรือแหลมฉบัง จำนวน 10 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนักกว่า 256 ตัน” วันนี้...
15/01/2025

ข่าว : กรมศุลกากรจับกุม “ขยะอิเล็กทรอนิกส์” นำเข้าทางท่าเรือแหลมฉบัง จำนวน 10 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนักกว่า 256 ตัน”

วันนี้ (วันที่ 15 มกราคม 2568) เวลา 10.30 น. นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร นายจักกฤช อุเทนสุต รองอธิบดีกรมศุลกากร ร่วมกันแถลงข่าว กรมศุลกากรจับกุม “ขยะอิเล็กทรอนิกส์” นำเข้าทางท่าเรือแหลมฉบังจำนวน 10 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนักกว่า 256 ตัน” ณ สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี
นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ โฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อความปลอดภัย ด้านสุขภาพของประชาชน โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จึงได้สั่งการให้กรมศุลกากรเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากรจึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรเฝ้าระวังและเร่งรัดปราบปรามสินค้าประเภทขยะอิเล็กทรอนิกส์ ในการนำเข้าและนำผ่านราชอาณาจักร
จากการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดมาโดยตลอด พบว่าอาจมีการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ผ่านทางท่าเรือแหลมฉบัง ในวันที่ 3 และ 6 มกราคม 2568 กรมศุลกากร โดยกองสืบสวนและปราบปรามร่วมกับสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จึงทำการตรวจสอบตู้สินค้าต้องสงสัย จำนวน 10 ตู้คอนเทนเนอร์ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี พบว่า มีการแสดงข้อมูลในใบขนสินค้าเป็น “เศษโลหะและโลหะเก่าใช้แล้ว”เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ จึงได้ทำการอายัดตู้สินค้าดังกล่าวเพื่อตรวจสอบโดยละเอียด ผลการตรวจสอบ พบว่าสินค้ามีต้นกำเนิดจากญี่ปุ่น จำนวน 9 ตู้ และฮ่องกง จำนวน 1 ตู้ ภายในพบ “เศษชิ้นส่วนอุปกรณ์หรือส่วนประกอบของเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ไม่ได้ มีสภาพเป็นเศษขยะอิเล็กทรอนิกส์ ปริมาณกว่า 256,320 กิโลกรัม” ซึ่งสินค้าดังกล่าว ถือเป็นของต้องห้ามตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2563 มีผลบังคับใช้วันที่ 15 กันยายน 2563 และถือเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ต้องได้รับอนุญาตให้นำเข้าจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และการนำเข้าสินค้าดังกล่าวต้องปฏิบัติตามอนุสัญญาบาเซล ว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายและการกำจัดของเสียอันตรายข้ามแดนกรณีเป็นความผิดตามมาตรา 202 มาตรา 244 ประกอบมาตรา 252 มาตรา 243 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 มาตรา 5 วรรคสอง มาตรา 18 วรรคสอง มาตรา 23 และมาตรา 73 ประกอบประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. 2556 บัญชีที่ 5.2 ของเสียเคมีวัตถุ ลำดับที่ 2.18 ชิ้น ส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์หรือเศษชิ้นส่วนอุปกรณ์หรือส่วนประกอบของเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ไม่ได้ และอนุสัญญาบาเซล ว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายและการกำจัดของเสียอันตรายข้ามแดน
สำหรับสถิติการจับกุมของที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ในปีงบประมาณ 2568 (1 ตุลาคม 2567 -
14 มกราคม 2568) ได้แก่ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 19 คดี น้ำหนัก 256,643 กิโลกรัม เศษพลาสติก จำนวน 6 คดี น้ำหนัก 322,980 กิโลกรัม รวมทั้งหมด 25 คดี น้ำหนัก 579,623 กิโลกรัม สำหรับในปีงบประมาณ 2567 จับกุมขยะเทศบาล จำนวน 9 คดี น้ำหนัก 1,259,942 กิโลกรัม
โฆษกกรมศุลกากร กล่าวต่ออีกว่า นอกจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ กรมศุลกากรยังเฝ้าระวังสินค้าที่มีผลกระทบ ต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพและสุขอนามัยของประชาชนอื่น ๆ ด้วย เช่น เศษพลาสติก ซึ่งเป็นไปตามประกาศของกระทรวงพาณิชย์ ที่ห้ามนำเข้าเศษพลาสติก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568

ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ ..       "หนึ่งปีมีครั้งเดียว" มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งขอเชิญชวนสาธุชน ทานสาคูสิริมงคล ทำบุญสะเดาะเ...
14/01/2025

ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ ..
"หนึ่งปีมีครั้งเดียว"
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งขอเชิญชวนสาธุชน ทานสาคูสิริมงคล ทำบุญสะเดาะเคราะห์(พะเก่ง) ในงานเทศกาลตรุษจีนประจำปี ๒๕๖๘ ณ ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย สักการะหลวงปู่ไต้ฮง ลงชื่อสวดชัยมงคลคาถา [พะเก่ง] หนึ่งปีมีครั้งเดียว! เฮง เฮง เฮง ตลอดปีมะเส็ง
ระหว่างวันที่ 28 มกราคม - 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดยนายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ขอเชิญทุกท่าน ร่วม “สักการะหลวงปู่ไต้ฮง” ขอพรเนื่องในเทศกาลตรุษจีนเพื่อความเป็นสิริมงคลต้อนรับปีใหม่ ลงชื่อ สวดชัยมงคลคาถา หรือ “พะเก่ง” ซึ่งหนึ่งปีมีครั้งเดียวเท่านั้น .. เพื่อสะเดาะเคราะห์ ขอให้ครอบครัวมีสุข เสริมโชคลาภ เสริมดวงชะตา เสริมความมั่นคงสถาพร ตลอดปี รวมถึงทำบุญสะเดาะเคราะห์และเสริมความเป็นสิริมงคลกับรูปปั้นนักษัตรปีมะเส็ง พร้อม รับประทาน “สาคูสิริมงคล” เพื่อความกลมเกลียวและอยู่เย็นเป็นสุข อัญเชิญ “ฮู้แดง” (ยันต์) ของหลวงปู่ไต้ฮง เพื่อนำไปประทับหน้าบ้าน เคหะสถาน หรือพกติดตัวเพื่อคุ้มครอง “เคาะระฆังทอง” ให้ก้องกังวานเพื่อให้ชีวิตสดใส การงานรุ่งเรืองระบือไกล และ ร่วม “พิธีเวียนธูปศักดิ์สิทธิ์” เพื่อขอพรเทพยดาฟ้าดินเนื่องในวันประสูติ (ทีกงแซ) ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ขออำนาจฟ้าดินเป็นที่พึ่ง ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนนับถือ เช่น หลวงปู่ไต้ฮง ช่วยดลบันดาลให้ประสบโชคดีตลอดปีใหม่ (โดยในวันที่ 28 มกราคม และ 5 กุมภาพันธ์ 2568 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดบริการโต้รุ่ง)
พิธีสวดชัยมงคลคาถา [พะเก่ง] สำหรับท่านที่สะดวกการทำบุญออนไลน์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดให้มีการลงชื่อสวดชัยมงคลคาถา ทำบุญพะเก่งออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ได้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2568 ที่ www.pttfny.net/cnny ให้ผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านได้ร่วมพิธีเพื่อสริมความมั่งมีศรีสุขตลอดปีมะเส็ง ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418
ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ มูลนิธิ ป่อเต็กตึ๊ง / POH TECK TUNG FOUNDATION
ทั้งนี้ เนื่องจากมีผู้มีจิตศรัทธามาร่วมทำบุญบริจาคเป็นจำนวนมาก อาจส่งผลให้ผู้ที่ใช้เส้นทางใกล้เคียงมูลนิธิฯ ได้แก่ ถนนพลับพลาไชย ถนนเจ้าคำรพ ถนนมังกร ถนนหลวง ถนนเสือป่า ไม่ได้รับความสะดวกในการสัญจร มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งจึงขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้
** ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ ตรุษจีนปีนี้ ขอให้มั่ง มี ศรี สุข **

ข่าว : สมุทรปราการ เทศบาลตำบลบางเมือง เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการพัฒนาศักยภาพกลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลตำบลบางเมือง ประจำปีงบประ...
14/01/2025

ข่าว : สมุทรปราการ เทศบาลตำบลบางเมือง เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการพัฒนาศักยภาพกลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลตำบลบางเมือง ประจำปีงบประมาณ 2568 ครั้งที่ 2 ซึ่งในครั้งนี้เป็นการฝึกอบรมหลักสูตร “ส่งเสริมและพัฒนาสตรีมุ่งสู่ความสำเร็จ”

วันอังคารที่ 14 มกราคม 2568 เวลา 09.00 น. กองสวัสดิการสังคม เทศบาลตำบลบางเมือง จัดโครงการพัฒนาศักยภาพกลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลตำบลบางเมือง ประจำปีงบประมาณ 2568 ครั้งที่ 2 ซึ่งในครั้งนี้เป็นการฝึกอบรมหลักสูตร “ส่งเสริมและพัฒนาสตรีมุ่งสู่ความสำเร็จ” โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการเป็นสมาชิกกลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลตำบลบางเมือง จำนวน 900 คน
ในการนี้ นาวาเอก อนุศักดิ์ นาคทิม นายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเทศบาลตำบลบางเมือง เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้อย่างพร้อมเพียง นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก นางสาวแพรวพรรณ พุกพิบูลย์ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมงานในครั้งนี้อีกด้วย

ข่าว : สมุทรปราการ นายกบางเมือง พร้อมรองนายก,ทีมงาน สท.ลงพื้นที่ชุมชนหมอเสนอ เยี่ยมชาวบ้าน สร้างขวัญกำลังใจจนท.เร่งระดม ...
13/01/2025

ข่าว : สมุทรปราการ นายกบางเมือง พร้อมรองนายก,ทีมงาน สท.ลงพื้นที่ชุมชนหมอเสนอ เยี่ยมชาวบ้าน สร้างขวัญกำลังใจจนท.เร่งระดม ขุดลอกท่อระบายน้ำ หลังพบปัญหาขยะอุดตัน

วันจันทร์ที่ 13 มกราคม 2568 เวลา 08.30 น. นาวาเอก อนุศักดิ์ นาคทิม นายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง พร้อมด้วย นายเลิศชาย ยั่งยืน รองนายกเทศมนตรีตำบลบางเมือง นายเฟื่องวุฒิ จินาวัลย์ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลบางเมือง ลงพื้นที่ดูความเรียบร้อยและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ลอกท่อระบายน้ำชุมชนหมอเสนอ
การลอกท่อระบายน้ำเป็นการแก้ไขปัญหาท่อระบายน้ำอุดตัน ทำให้น้ำไหลได้สะดวกยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการป้องกันปัญหาน้ำท่วมในเขตเทศบาลตำบลบางเมืองอีกด้วย ทั้งนี้คณะกรรมการชุมชนและประชาชนในชุมชน ร่วมสังเกตการณ์ด้วย

ข่าว : ป.ป.ส.ติวเข้ม ตัดรากถอนโคนนักค้ายาเสพติด เพิ่มขีดความสามารถด้านการสอบสวนริบทรัพย์    วันจันทร์ที่ 13 มกราคม 2568 ...
13/01/2025

ข่าว : ป.ป.ส.ติวเข้ม ตัดรากถอนโคนนักค้ายาเสพติด เพิ่มขีดความสามารถด้านการสอบสวนริบทรัพย์

วันจันทร์ที่ 13 มกราคม 2568 นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมหลักสูตร พัฒนาศักยภาพด้านการสอบสวนในการริบทรัพย์สินคดียาเสพติด ณ โรงแรมปริ๊นส์ตั้น พาร์ค สวีท กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้เข้าร่วมพิธี ได้แก่ นางจีระพรรณ กาญจนประดิษฐ์ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลากรด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายไพศาล กันทะเตียน ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบทรัพย์สิน คดียาเสพติด นายวุฒิพงษ์ เกษภาษา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักบังคับคดีและบริหารงานกองทุน และผู้เข้ารับการฝึกอบรมจากส่วนตรวจสอบทรัพย์สินและบังคับโทษปรับ สำนักงาน ปปส.ภ.1-9/กทม.
สำนักตรวจสอบทรัพย์สินคดียาเสพติด และสำนักบังคับคดีและบริหารงานกองทุน จำนวน 44 คน สืบเนื่องจากนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในนโยบายข้อที่ 8 เรื่อง ยาเสพติด ให้ถือเป็นวาระแห่งชาติ
โดยเฉพาะด้านการปราบปราม เน้นการปราบปรามอย่างเด็ดขาดและครบวงจร ตั้งแต่ต้นตอการผลิตจนไปถึง
การจำหน่าย การสกัดกั้นสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ โดยความร่วมมือกับต่างประเทศ การใช้มาตรสมคบ สนับสนุนช่วยเหลือ และ มาตรการยึด/อายัดทรัพย์สินแก่ผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อตัดรากถอนโคน นักค้าหรือเครือข่ายยาเสพติด ไม่ให้มีเงินหรือทรัพย์สินมากระทำความผิดอีก การตรวจสอบทรัพย์สิน ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด เป็นการดำเนินการโดยเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ผู้ได้รับมอบหมาย เพื่อดำเนินการตรวจสอบว่าทรัพย์สินของผู้ต้องหาที่กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด หรือทรัพย์สินที่บุคคลอื่นถือครองแทนผู้ต้องหานั้น เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยว กับยาเสพติดหรือไม่ ซึ่งเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. จะต้องมีการสืบสวน จับกุม และรวบรวมพยานหลักฐานให้มีมูลอันควรเชื่อได้ว่า ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด โดยจะมีการให้อำนาจดุลยพินิจในการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐาน ตั้งแต่การสืบทรัพย์สิน กระบวนการรวบรวมพยานหลักฐานของเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. และการสรุปผลการตรวจสอบทรัพย์สินต่อคณะอนุกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินและคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน ซึ่งจะต้องมีการหลักฐานข้อเท็จจริงว่ามีน้ำหนักน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในกระบวนการยุติธรรม
เพื่อเป็นการรองรับภารกิจด้านปฏิบัติงานตรวจสอบทรัพย์สิน สถาบันพัฒนาบุคลากรด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ร่วมกับ สำนักตรวจสอบทรัพย์สินคดียาเสพติด กำหนดจัดโครงการฝึกอบรมหลักสูตร พัฒนาศักยภาพด้านการสอบสวนในการริบทรัพย์สินคดียาเสพติด ขึ้น เพื่อให้เข้าใจกระบวนการสอบสวนในการริบทรัพย์สินคดียาเสพติด การรวบรวมพยานหลักฐาน การแสวงหาพยานหลักฐานจากการสืบสวน จับกุม การวิเคราะห์ทรัพย์สิน การสรุปสำนวน การเบิกความเป็นพยานศาล การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงาน และเพื่อให้การดำเนินการด้านการตรวจสอบทรัพย์สินมีความเป็นมาตรฐานและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ข่าว : ป.ป.ส. นำคณะศาลร่วมศึกษากระบวนการยุติธรรมอเมริกา พร้อมรูปแบบการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดและผู้ที่มีอาการทางจิต เพื...
13/01/2025

ข่าว : ป.ป.ส. นำคณะศาลร่วมศึกษากระบวนการยุติธรรมอเมริกา พร้อมรูปแบบการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดและผู้ที่มีอาการทางจิต เพื่อนำมาต่อยอดพัฒนาหาแนวทางสมดุลการป้องกันบำบัดในไทย

วันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. นำคณะผู้แทนไทยเดินทางไปศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้กระบวนการยุติธรรมในสหรัฐอเมริกา และรูปแบบการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดและผู้ที่มีอาการทางจิต ณ มหาวิทยาลัยนอร์ทเท็กซัส (University of North Texas) รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา คณะผู้แทนไทย ซึ่งประกอบด้วย พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ
นางอภิรดี โพธิ์พร้อม ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่ง ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา นายนพดล คชรินทร์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่ง ประธานแผนกคดียาเสพติดในศาลฎีกา นายธีรทัย เจริญวงศ์ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นางสาวอารีภักดิ์ เงินบำรุง รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นายสมภพ นันทโกวัฒน์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดสงขลา ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลชั้นต้นประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา และคณะเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.

ในช่วงเช้าคณะผู้แทนไทยได้เข้ารับฟังบรรยายสรุปเรื่องสถานการณ์ยาเสพติดในสหรัฐอเมริกาและกระบวนการยุติธรรมทางอาญาและศาลยาเสพติด จาก ดร.ราชิตา ชามา (Dr. Rachita Sharma) และ
ดร. ฮาลีย์ เซตเลอร์ (Dr.Haley Zettler) จาก มหาวิทยาลัยนอร์ทเท็กซัส (University of North Texas) ในปัจจุบัน กัญชายังเป็นปัญหาชองสหรัฐอเมริกา โดยมีการอนุญาตให้ใช้กัญชาเสรีได้ใน 23 รัฐ ส่งผลให้ลดจำนวนคดีอาชญากรรมลง แต่กลับเพิ่มผลกระทบทางสุขภาพในกลุ่มผู้ใช้กัญชา นอกจากนั้น ยังพบปัญหาการใช้เฟนตานิลที่นำไปสู่การเสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาด ปี ค.ศ. 2022 พบผู้เสียชีวิตจากการใช้เฟนตานิล เกินขนาดกว่า 107,000 รายทั่วประเทศ ในขณะที่พบการใช้สารกระตุ้นประสาทตามใบสั่งแพทย์ ได้แก่
แอดเดอรอล (Adderall) และริทาลิน (Ritalin) เพิ่มมากขึ้นในกลุ่มเด็กนักเรียนนักศึกษา โดยส่วนใหญ่ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียน ซึ่งหากใช้ระยะยาวจะส่งผลต่อร่างกาย ส่วนเมทแอมเฟตามีนจะใช้กันมากในกลุ่มแรงงานเหมืองแร่และชุมชนยากจน ผลกระทบจากการใช้ยาเสพติดส่งผลต่อสุขภาพ การเสียชีวิต การก่อความรุนแรง และการเป็นคนไร้บ้าน สำหรับสถานการณ์ในภาพรวมของผู้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
มีผู้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม 2 ใน 3 ได้รับการควบคุมสอดส่อง จำนวนกว่า 3.6 ล้านคน แบ่งเป็น การกำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติ 2.9 ล้านคน และพักการลงโทษ 7 แสนคน โดยร้อยละ 60 เป็นคดีร้ายแรง ส่วนผู้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอีก 1 ใน 3 ถูกจำคุกในเรือนจำ 1.8 ล้านคน ทั้งนี้ ในปี ค.ศ. 2023 มีการจับกุมคดียาเสพติด 746,292 คดี โดยร้อยละ 83.1 เป็นฐานความผิดครอบครองยาเสพติด และมากกว่า 2 แสนคดีเป็นความผิดเกี่ยวกับกัญชา โดยสหรัฐอเมริกามีการปรับนโยบายเน้นการบำบัดรักษามากกว่าการลงโทษโดยเฉพาะในกลุ่มผู้เสพในปี ค.ศ. 2014 ซึ่งเลขาธิการ ป.ป.ส. ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลในประเด็นประมวลกฎหมายยาเสพติดชองไทยซึ่งมีเจตนารมณ์บำบัดรักษาผู้เสพมากกว่าการลงโทษจำคุก

สำหรับในช่วงบ่าย คณะฯ ได้เดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์ฟื้นฟูสภาพผู้ติดยาเสพติด (Recovery resource council)
ณ เมืองฟอร์ทเวิร์ธ (Fort Worth) โดยมีนายอีริค ไนเดอร์เมเยอร์ (Mr.Eric Neidermayer) ประธานกรรมการบริหาร ให้การต้อนรับและบรรยายการดำเนินงานของศูนย์ฯ โดยศูนย์ฟื้นฟูสภาพผู้ติดยาเสพติดเป็นศูนย์คัดกรอง ดูแล และรับส่งต่อผู้ใช้ยาเสพติดและผู้กระทำความผิดยาเสพติดจากศาลยาเสพติด เข้าสู่การฟื้นฟู และโครงการช่วยเหลือต่างๆ เช่น จัดหาที่พัก (Housing First) โดยใช้กลไกอาสาสมัครเพื่อการฟื้นฟู (Recovery outreach team) และผู้จัดการรายกรณี Case manager ในการเข้าถึงผู้ป่วยยาเสพติดที่อยู่ในชุมชนเพื่อชักชวนให้เข้าสู่การบำบัดรักษา นอกจากนั้น ยังมีการนำผู้ที่เคยใช้ยาเสพติดมาพัฒนาศักยภาพเพื่อเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือและให้กำลังใจผู้ติดยาเสพติด โดยการดำเนินงานจะคำนึงถึงความต้องการพื้นฐานของผู้ป่วยเป็นสำคัญ

การศึกษาดูงานครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อนำองค์ความรู้และแนวทางการป้องกันและบำบัดยาเสพติดในสหรัฐอเมริกา มาปรับใช้และพัฒนาต่อยอดให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย เพื่อลดปัญหาและความเสี่ยงด้านยาเสพติดในระยะยาว คณะศึกษาฯ ยังได้มีการหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ยาเสพติดในประเทศไทย และการป้องกันการแพร่ระบาด เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการป้องกัน บำบัด และฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดในอนาคต

ข่าว : ระยอง องค์การบริหารส่วนตำบลมาบยางพร จัดยิ่งใหญ่ งานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568    วันเสาร์ที่ 11 ม.ค.2568 เวลา 0...
11/01/2025

ข่าว : ระยอง องค์การบริหารส่วนตำบลมาบยางพร จัดยิ่งใหญ่ งานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568

วันเสาร์ที่ 11 ม.ค.2568 เวลา 08.30 น.ที่ โรงเรียนบ้านห้วยปราบ ต.มาบยางพร อ.ปลวกแดง จ.ระยอง
โดยนายอภิชาติ เงินท้วม นายก อบต.มาบยางพร ดร.สุรศิษฎ์ เกียรติธนะกูล ผู้อ่านวยการ โรงเรียนบ้านห้วยปราบ พร้อมคณะผู้บริหาร อบต.มาบยางพร และคณะครูอาจารย์โรงเรียนบ้านห้วยปราบ ร่วมกันจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568.โดยนายยงยุทธ วังภูงา ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลมาบยางพรกล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน นายอภิชาติ เงินท้วม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลมาบยางพร ประธานในพิธี เปิดงานวันเด็ก

วัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้
1.เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชน ได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาท สิทธิและหน้าที่ของตนเอง
2.เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้เด็กและเยาวชน ได้แสดงออกกล้าคิดกล้าทำ ในทางสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ และมีส่วนร่วมในกิจกรรมตามความสามารถและความเข้าใจ
3.เพื่อส่งเสริมกิจกรรมให้เกิดประโยชน์ ต่อเด็กและเยาวชนให้เกิดการพัฒนา ทางด้านร่างกายอารมณ์สังคมและสติปัญญา จากการเล่นเกมส์กิจกรรมและนันทนาการ
4. เพื่อให้ทุกภาคส่วนของสังคมได้ตระหนัก และเห็นความสำคัญของเด็ก และมีส่วนร่วมในกิจกรรมของเด็กและเยาวชน

ในการจัดงานในครั้งนี้ ได้รับงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนตำบลมาบยางพร และยังได้รับความอนุเคราะห์จากหน่วยงานต่างๆ บริษัทห้างร้าน บุคคลในการสนับสนุนอาหาร เครื่องดื่ม ของรางวัล กิจกรรมเกมส์นันทนาการ การสนับสนุนชุดการแสดงของนักเรียน จากโรงเรียนบ้านห้วยปราบ ตลอดจนคณะกรรมการ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้จัดกิจกรรม การเรียนรู้ การเล่มเกมส์ อาหารและเครื่องดื่ม การของรางวัลต่างๆจำนานมาก เพื่อให้สำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์การจัดงาน

กิจกรรมที่จัดขึ้น ในครั้งนี้ มีการเล่นเกมส์เพื่อรับของรางวัล การแสดงของนักเรียนและกิจกรรมต่างๆมากมาย พร้อมอาหารเครื่องดื่มฟรีตลอดงาน

ข่าว : มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขยายพื้นที่ บรรเทาทุกข์ มอบไออุ่น แก่ผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดารพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี แล...
09/01/2025

ข่าว : มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขยายพื้นที่ บรรเทาทุกข์ มอบไออุ่น แก่ผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดารพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี และชัยนาท รวมมูลค่ากว่า 8 แสนบาท
วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายชุมพล บุญภักดี ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีมสาธารณภัยลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มกันหนาว พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มกันหนาว พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช น้ำปลา ให้แก่ผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่ ตำบลวังยาว และตำบลองค์พระ อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี รวมผ้าห่มกันหนาวพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค รวม 750 ชุด รวมมูลค่าเป็นเงินทั้งสิ้น 412,500 บาท (สี่แสนหนึ่งหมื่นสองพันห้าร้อยบาทถ้วน) โดยมี นายพิริยะ ฉันทดิลก ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมด้วย ผู้แทนจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดสุพรรณบุรี และ มูลนิธิร่วมบุญสุพรรณบุรี เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี ณ บริเวณวัดวังยาว ตำบลวังยาว และบริเวณโรงเรียนบ้านทุ่งมะกอก ตำบลองค์พระ อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี
และในวันพรุ่งนี้ (วันศุกร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิฯ กำหนดลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค รวม 750 ชุด ให้แก่ผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่ตำบลวังตะเคียน อำเภอหนองมะโมง จังหวัดชัยนาท เป็นการต่อไป รวมงบประมาณการบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี และชัยนาท รวม 2 จังหวัดทั้งสิ้น 811,076 บาท (แปดแสนหนึ่งหมื่นหนึ่งพันเจ็ดสิบหกบาทถ้วน)
โครงการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยหนาว เป็นโครงการที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งดำเนินการต่อเนื่องมาไม่ต่ำกว่า 60 ปี โดยเมื่อปลายปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้กำหนดลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบ “ภัยหนาว” ในถิ่นทุรกันดาร ครอบคลุมพื้นที่ ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ ครอบคลุม 4 ภาค 43 จังหวัด ผ้าห่มกันหนาวพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภครวม 51,500 ชุด รวมมูลค่ากว่า 34.6 ล้านบาท ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินและเข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านต่าง ๆ ต่อไป
ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้ขยายโตรงการบรรเทาทุกข์ในอีกหลาย ๆ ด้าน เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป
ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418

ข่าว : ป.ป.ส. จับมือ สธ. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และหน่วยงานภาคี ลงนาม MOU ร่วมพัฒนายาช่วยในการบำบัดรักษาผู้ติดยาบ้า ก้าวสำ...
08/01/2025

ข่าว : ป.ป.ส. จับมือ สธ. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และหน่วยงานภาคี ลงนาม MOU ร่วมพัฒนายาช่วยในการบำบัดรักษาผู้ติดยาบ้า ก้าวสำคัญสู่สังคมปลอดภัยจากยาเสพติด

​วันอังคารที่ 7 มกราคม 2568 พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ร่วมเป็นเกียรติในพิธีลงนามบันทึกเพื่อความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อดำเนินโครงการวิจัยประสิทธิภาพของยาที่ใช้ใน การบำบัดรักษายาบ้า โดยสำนักงาน ป.ป.ส. จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อความร่วมมือทางวิชาการใน 2 ระดับ ทั้งในระดับนโยบาย และระดับปฏิบัติ โดยในระดับนโยบายเป็นการลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่าง สำนักงาน ป.ป.ส. และกระทรวงสาธารณสุข โดยมีพลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ สำนักงาน ป.ป.ส. และ นายแพทย์ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้ลงนาม โดยมี นายแพทย์กิตติศักดิ์ อักษรวงศ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต นายแพทย์สุรโชค ต่างวิวัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และแพทย์หญิงธญรช ทิพยวงษ์ นายแพทย์เชี่ยวชาญ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ ร่วมเป็นพยาน เป็นการสร้างความร่วมมือและผลักดันให้เกิดนวัตกรรมในการพัฒนายาช่วยในการบำบัดรักษาผู้ติดยาบ้า (Medication Assisted Treatment) และลดอันตรายจากการเสพยาบ้า
​ในระดับปฏิบัติเป็นการลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โรงพยาบาลธัญญารักษ์เชียงใหม่ และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น โดยมี นางสาวอารีภักดิ์ เงินบำรุง รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นายแพทย์อภิศักดิ์ วิทยานุกูลลักษณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธัญญารักษ์เชียงใหม่ และ นายแพทย์ชาญชัย ธงพานิช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น เป็นผู้ลงนาม ซึ่งจะร่วมกันสนับสนุนทรัพยากร และพื้นที่สำหรับการดำเนินงานวิจัย
​พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่าปัญหายาบ้าเป็นปัญหาหลักของประเทศไทยซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบทางสังคมเป็นอย่างมาก เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจมหาศาล สร้างภาระค่าใช้จ่าย ทั้งงบประมาณในการป้องกันและแก้ไขปัญหาค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้เสพ ผู้ติด ผู้กระทำผิด ผู้มีอาการทางจิต และสูญเสียแรงงานคุณภาพในการพัฒนาประเทศ เนื่องจากต้องถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม การบำบัดรักษา ผู้ติดยาบ้า ในปัจจุบันยังไม่มียาชนิดใดที่ใช้ได้ผล ผมจึงมอบหมายให้ สำนักงาน ป.ป.ส. หารือผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนายาช่วยในการบำบัดรักษาผู้ป่วยติดยาบ้า (Medication Assisted Treatment) และลดอันตรายจากการเสพยาบ้า
​ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจัดทำขึ้นเพื่อศึกษาวิจัยประสิทธิผลของยาโพรพิออน (Bupropion) ยาเมอร์เทซาปีน (Mitazapine) และยาลองแอคติง เมทิลเฟนิเดต (Long-acting methylphenidate) เปรียบเทียบกับการรักษาแบบปกติ ว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ติดยาบ้าเป็นอย่างไร รวมระยะเวลาศึกษาวิจัย 3 ปี ตั้งแต่ ธันวาคม พ.ศ. 2567 ถึง พฤศจิกายน พ.ศ. 2571 โดยหากใช้ได้ผลดี จะมี การนำมาขึ้นทะเบียนยาเพื่อใช้รักษาผู้ติดยาบ้า และจัดทำเงื่อนไขในการเบิกจ่ายสำหรับผู้ป่วยต่อไป โดยสำนักงาน ป.ป.ส. เชื่อมั่นว่า โครงการดังกล่าวจะมีส่วนสำคัญต่อการแก้ไขปัญหายาบ้าของประเทศไทยในอนาคตต่อไป


​เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวทิ้งท้ายว่า การพัฒนาประสิทธิผลของยาที่ใช้ในการบำบัดรักษาผู้ติดยาบ้า ในประเทศไทย ถือเป็นการลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และสังคมเป็นมูลค่ามากมายมหาศาล รวมถึงลดสูญเสียกำลังแรงงานที่มีคุณภาพ ลดการเกิดปัญหาอาชญากรรม และลดผลกระทบต่อสุขภาพกาย สุขภาพจิตของผู้เสพ ผู้ติดยาบ้า ครอบครัว และชุมชน ซึ่งมีแนวโน้มความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น และยังไม่มียาชนิดใดที่ให้ผลการรักษาผู้เสพผู้ติดยาบ้าได้ โครงการนี้จึงเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของประเทศ และเป็นการนำไปสู่การแก้ไขปัญหาผู้เสพ ผู้ติด ยาบ้าได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างสังคมปลอดภัยจากยาเสพติด

ข่าว : ป.ป.ส. เปิดประชุมศูนย์ปฏิบัติการติดตามเร่งรัดการบำบัดรักษา ฟื้นฟูสภาพทางสังคม ป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด ครั้งที...
08/01/2025

ข่าว : ป.ป.ส. เปิดประชุมศูนย์ปฏิบัติการติดตามเร่งรัดการบำบัดรักษา ฟื้นฟูสภาพทางสังคม ป้องกัน
และปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 1/2568 ย้ำความก้าวหน้า พร้อมจับมือท้องถิ่น เร่งขับเคลื่อนนโยบาย

วันอังคารที่ 7 มกราคม 2567 พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการติดตามเร่งรัดการบำบัดรักษา ฟื้นฟูสภาพทางสังคม ป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด หรือ ศปก.ครส. เปิดการประชุม ศปก.ครส. ครั้งที่ 1/2568 ร่วมกับคณะที่ปรึกษาของ ศปก.ครส ได้แก่ นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต นายนิยม เติมศรีสุข พลเอก สุนัย ประภูชะเนย์ พลตำรวจโท นพดล ศรสำราญ พันตำรวจเอก ดุษฎี อารยวุฒิ และ นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พันเอก สุทธิศักดิ์ นาคคงคำ ผู้แทนกองทัพบก พลตำรวจโทสำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ นางสาวอารีภักดิ์ เงินบำรุง และ นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. เข้าร่วมพร้อมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัด 76 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร ผ่านระบบออนไลน์ ณ ห้องประชุมชิดชัย วรรณสถิตย์ สำนักงาน ป.ป.ส.

พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ กล่าวเปิดการประชุมว่า นายกรัฐมนตรีมีนโยบายสำคัญในการการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการร่วมแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อทำให้ประชาชนมีความสุข โดยขยายผลโมเดลต้นแบบการแก้ไขปัญหายาเสพติด จากจังหวัดน่าน และร้อยเอ็ด ไปสู่ 10 จังหวัด เพิ่มเติม ได้แก่ เชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ ระยอง สกลนคร นราธิวาส ปทุมธานี อุทัยธานี นครพนม นครศรีธรรมราช และตรัง โดยมี พล.ต.อ. ไกรบุญ ทรวดทรง เป็นประธาน ฯ และ ได้กล่าวถึงแหล่งผลิตยาเสพติดที่สำคัญในประเทศเพื่อนบ้าน ที่ต้องสกัดกันสกั้ด หากลดการนำเข้าได้ยากจำเป็นต้องมีการควบคุม จำกัดความต้องการภายในประเทศให้ได้

ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงาน ป.ป.ส. แจ้งประเด็นสำคัญในเรื่องสถานการณ์ข่าวเกี่ยวกับยาเสพติด ในช่วงเดือนธันวาคม 2567 - มกราคม 2568 พบว่า มีการนำเข้ายาบ้าเป็นจำนวนมาก และยังพบประเด็นการใช้ช่องทางส่งยาเสพติด ผ่านสถานประกอบการเอกชน การแพร่ระบาดของ Happy Water ที่เพิ่มขึ้น และยังมีรายงานเกี่ยวกับมิติด้านการปราบปราม มิติด้านการแก้ไขปัญหาผู้เสพยาเสพติด มิติด้านการป้องกันยาเสพติด และ มิติด้านการบริหารจัดการ โดยผู้แทนจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทยสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. และ สำนักยุทธศาสตร์ สำนักงาน ป.ป.ส.

นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานผลการปฏิบัติที่เป็นแบบอย่างและข้อเสนอแนะจากจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะจังหวัดสกลนคร และขอนแก่น ทั้งนี้ พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ ยังได้ให้ข้อเสนอแนะ และขอความร่วมมือ ดังนี้
1. ขอความร่วมมือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัด ตลอดทั้งท่านนายก อบจ. เน้นย้ำภารกิจ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เพื่อร่วมขับเคลื่อนและบูรณาการการทำงานและงบประมาณฯ ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด
2. ขอความร่วมมือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ ผู้ว่าราชการจังหวัด จัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม ในเขตกรุงเทพมหานคร และท้องถิ่น พร้อมกำกับดูแลให้มีประสิทธิภาพ
3. ขอความร่วมมือให้ทุกหน่วยงานที่ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด บันทึกข้อมูลกำลังพลให้ครบถ้วน ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2568

ที่อยู่

Changwat Rayong

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ The trap newsผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

วิดีโอทั้งหมด

แชร์