The trap news "ดีทุกประเด็น เด่นทุกข่าว"

ข่าว : ป.ป.ส. จับมือ INCB ยกระดับการปราบปราม ทำลายเครือข่ายยาเสพติดด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง และ AI  วันที่ 22 พฤศจิกายน 2567...
22/11/2024

ข่าว : ป.ป.ส. จับมือ INCB ยกระดับการปราบปราม ทำลายเครือข่ายยาเสพติดด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง และ AI

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ประชุมหารือกับคณะผู้แทนจากคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ (The International Narcotics Control Board: INCB) นำโดยนายแมทธิว ไนซ์ (Mr. Matthew Nice) ผู้จัดการโครงการโอปิออยด์ ภายใต้โครงการ GRIDS Programme (The Global Rapid Interdiction of Dangerous Substances Programme) และนายอเล็กซานเดอร์ พีซิก (Mr. Aleksander Piecyk) เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคประจำภูมิภาค (The Regional Technical Officer: RTO) โดยมีนางสาวศรีตระกูล เวลาดี ผู้อำนวยการสำนักการต่างประเทศ พร้อมด้วยผู้แทนจากสำนักปราบปรามยาเสพติด ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักการต่างประเทศ และศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงาน ป.ป.ส. เข้าร่วม ณ ห้องประชุมศูนย์บัญชาการ สำนักงาน ป.ป.ส.

นายแมทธิว ไนซ์ ได้นำเสนอเครื่องมือและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่พัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายของประเทศสมาชิก ได้แก่ 1) ระบบ IONICS (Project ION Incident Communication System) ซึ่งเป็นระบบแบ่งปันข่าวกรองเกี่ยวกับสารออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทชนิดใหม่ (New Psychoactive Substances: NPS) โดยเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายสามารถรายงานข้อมูลการจับกุม ซึ่งจะสามารถประมวลผลได้อย่างเรียลไทม์ และรองรับการใช้งานผ่านสมาร์ทโฟน 2) CHEMPROFILER แพลตฟอร์มที่ช่วยเจ้าหน้าที่ด่านหน้าในการตรวจสอบชนิดและประเภทของสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่ตรวจพบระหว่างปฏิบัติหน้าที่ 3)แพลตฟอร์ม SNOOP (Scanning Novel Opioids on Online Platforms) ระบบติดตามข้อมูลซื้อขายสารเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซทั่วโลก ซึ่งจะเริ่มใช้งานอย่างเป็นทางการในปี 2568

INCB เป็นองค์กรอิสระที่ก่อตั้งขึ้นภายใต้อนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติด ค.ศ. 1961 (Single Convention on Narcotic Drugs, 1961) มีหน้าที่ติดตามและควบคุมการใช้ยาเสพติดในทางการแพทย์ และป้องกันไม่ให้รั่วไหลไปสู่การนำไปใช้ในทางที่ผิดหรือค้าขายอย่างผิดกฎหมาย รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกเพื่อทำลายเครือข่ายการค้า ทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลกต่อไป

นอกจากนี้ INCB พร้อมให้การสนับสนุนการจัดฝึกอบรมให้แก่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของไทยในการใช้งานระบบ IONICS และการวิเคราะห์ข้อมูลข่าวกรอง เพื่อเสริมศักยภาพในการดำเนินการสืบสวนและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป โดยได้สาธิตวิธีการใช้ระบบ IONICS แบบเรียลไทม์จากการประมวลผลด้วย AI ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดการสืบสวนและขยายผลสู่การจับกุมได้อย่างเป็นรูปธรรม

โดยในช่วงท้าย นายอภิกิตฯ ได้กล่าวขอบคุณ INCB สำหรับการสนับสนุนและความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านการจัดฝึกอบรมและการแบ่งปันเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการรับมือกับปัญหายาเสพติดในประเทศไทย สำนักงาน ป.ป.ส. ยินดีที่จะสานต่อความร่วมมือกับ INCB ต่อไปในอนาคต

ข่าว : ศุลกากรคุมเข้มต่อเนื่อง จับกุมยาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมาย กว่า 16.6 ล้านบาท วันนี้ (21 พฤศจิกายน 2567) นายพันธ์ทอง...
21/11/2024

ข่าว : ศุลกากรคุมเข้มต่อเนื่อง จับกุมยาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมาย กว่า 16.6 ล้านบาท

วันนี้ (21 พฤศจิกายน 2567) นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญ กับการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้า - ส่งออก นำผ่าน และจำหน่ายยาเสพติด และสินค้าอื่น ๆ ที่ผิดกฎหมาย กระทรวงการคลัง โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จึงสั่งการให้กรมศุลกากรเข้มงวดกวดขันในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ นายธีรัชย์ อัตนวานิช
อธิบดีกรมศุลกากรได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรเฝ้าระวังและเร่งปราบปรามการลักลอบนำเข้ามาในและส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งยาเสพติดและสินค้าอื่น ๆ ที่ผิดกฎหมายในทุกช่องทาง เพื่อปกป้องสังคมไทย โดยในระหว่าง วันที่ 5 – 20 พฤศจิกายน 2567 กรมศุลกากรได้เร่งปฏิบัติการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมาย มีผลงานการจับกุมที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้

1. ยาเสพติด

- เมฟีโดรน (Mephedrone)
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรกรุงเทพ ร่วมกับกองสืบสวนและปราบปราม และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้ทำการตรวจสอบพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศต้องสงสัย ต้นทาง
สหราชอาณาจักร เบื้องต้นพบความผิดปกติจากภาพ X – RAY ตรวจสอบพบ ยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เมฟีโดรน (Mephedrone) ลักษณะเป็นก้อนผลึกและเกล็ดสีขาว ซุกซ่อนภายในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเวย์โปรตีน จำนวน 2 กระปุก น้ำหนัก 2,340 กรัม มูลค่าประมาณ 2.34 ล้านบาท
ต่อมาเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 พบพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศต้องสงสัย ต้นทาง
สหราชอาณาจักร เบื้องต้นพบความผิดปกติจากภาพ X – RAY ตรวจสอบพบ ยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เมฟีโดรน (Mephedrone) ลักษณะเป็นผลึกสีน้ำตาล ซุกซ่อนภายในผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเวย์โปรตีน จำนวน 2 กระปุก น้ำหนัก 2,989 กรัม มูลค่าประมาณ 2.989 ล้านบาท

- คีตามีน (Ketamine)
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรกรุงเทพ ร่วมกับกองสืบสวนและปราบปราม ชุดปฏิบัติการ AITF และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด พบพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศต้องสงสัย
ต้นทางสหราชอาณาจักร เบื้องต้นพบความผิดปกติจากภาพ X – RAY ตรวจสอบพบ ยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 คีตามีน (Ketamine) ลักษณะเป็นผงสีขาว น้ำหนัก 33 กรัม มูลค่าประมาณ 33,000 บาท

- M**A (Ecstasy)
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรกรุงเทพ ร่วมกับ
กองสืบสวนและปราบปราม ชุดปฏิบัติการ AITF และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้ทำการวิเคราะห์ความเสี่ยงในการลักลอบส่งของต้องห้ามต้องกำกัดเข้ามาในราชอาณาจักร พบพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศต้องสงสัย ไม่ระบุประเทศต้นทาง เบื้องต้นพบความผิดปกติจากภาพ X – RAY ตรวจสอบพบ ยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 M**A (Ecstasy) ลักษณะ
เป็นผลึกสีเหลืองน้ำตาล บรรจุในถุงพลาสติกใสห่อหุ้มด้วยถุงสีเงิน น้ำหนัก 108 กรัม มูลค่าประมาณ 648,000 บาท

การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดในการพยายามนำยาเสพติดให้โทษ เข้ามาในราชอาณาจักร
โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 244 และ 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และประมวลกฎหมายยาเสพติด

สำหรับสถิติในการจับกุมยาเสพติด ปีงบประมาณ 2568 (1 ตุลาคม 2567 – 21 พฤศจิกายน 2567) จับกุมได้ 29 คดี มูลค่า 61.61 ล้านบาท

2 ช่อดอกกัญชา

จากการวิเคราะห์ข้อมูลทางการข่าวและการแลกเปลี่ยนข้อมูลในด้านการป้องกันการลักลอบขนยาเสพติดกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างประเทศ พบว่า ช่อดอกกัญชา เป็นที่นิยมและมีราคาสูงในประเทศแถบทวีปยุโรป จึงมีความเสี่ยงในการลักลอบนำกัญชาออกไปนอกราชอาณาจักร รวมถึงยาเสพติดประเภทอื่น ๆ ที่ยังคง
มีการลักลอบนำเข้าและส่งออกอย่างต่อเนื่อง กรมศุลกากรจึงได้ร่วมกับชุดปฏิบัติการสกัดกั้นยาเสพติด
ผ่านท่าอากาศยาน (Airport Interdiction Task Force : AITF) ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช. ปส.) เฝ้าระวังและติดตามตรวจสอบการลักลอบส่งออก – นำเข้ากัญชา รวมถึงยาเสพติดประเภทอื่น ๆ ผ่านท่าอากาศยาน อย่างเข้มงวด

โดยระหว่างวันที่ 5 และ 6 พฤศจิกายน 2567 กรมศุลกากร โดยด่านศุลกากรท่าอากาศยานภูเก็ต
ในสังกัดสำนักงานศุลกากรภาคที่ 5 ได้ดำเนินการตรวจค้นผู้โดยสารที่มีความเสี่ยงในการลักลอบนำกัญชาออกนอกราชอาณาจักร และจับกุมผู้ต้องหาพร้อมยึดของกลางเป็นช่อดอกกัญชา ที่ซุกซ่อนไว้ในกระเป๋าสัมภาระ มีรายละเอียดดังนี้

วันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 เวลา 19.25 น. จับกุมชายสัญชาติอังกฤษ อายุ 20 ปี กำลังจะเดินทางไป
ท่าอากาศยานนานาชาติฮะมัด โดฮา ประเทศกาตาร์ เพื่อต่อเที่ยวบินไปยังท่าอากาศยานลอนดอน แกตวิก
สหราชอาณาจักร พร้อมของกลางช่อดอกกัญชา จำนวน 33 ห่อ น้ำหนัก 19 กิโลกรัม มูลค่า 190,000 บาท
ต่อมาเวลา 21.30 น. จับกุมชายสัญชาติอังกฤษ อายุ 37 ปี กำลังจะเดินทางไปท่าอากาศยานนานาชาติ อิสตันบูล
ประเทศตุรกี เพื่อต่อเที่ยวบินไปยังท่าอากาศยานแมนเชสเตอร์ สหราชอาณาจักร พร้อมของกลางช่อดอกกัญชา จำนวน 42 ห่อ น้ำหนัก 24.5 กิโลกรัม มูลค่า 245,000 บาท

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 น. จับกุมชายสัญชาติอังกฤษ อายุ 23 ปี กำลังจะเดินทางไป
ท่าอากาศยานนานาชาติซายิด กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อต่อเที่ยวบินไปยังท่าอากาศยานอัมสเตอร์ดัมสคิปโฮล ประเทศเนเธอร์แลนด์ พร้อมของกลางช่อดอกกัญชา จำนวน 24 ห่อ น้ำหนัก 52.5 กิโลกรัม มูลค่า 525,000 บาท
ต่อมาเวลา 21.30 น. จับกุมหญิง สัญชาติอังกฤษ อายุ 18 ปี กำลังจะเดินทางไปท่าอากาศยานนานาชาติอิสตันบูล
ประเทศตุรกี เพื่อต่อเที่ยวบินไปยังท่าอากาศยานนานาชาติเบอร์มิงแฮม สหราชอาณาจักร พร้อมของกลางช่อดอกกัญชา จำนวน 18 ห่อ น้ำหนัก 18.1 กิโลกรัม มูลค่า 181,000 บาท และเวลา 23.30 น. จับกุมชายสัญชาติอินเดีย อายุ 36 ปี กำลังจะเดินทางไปท่าอากาศยานนานาชาติเนตาจี สุภาษ จันทระ โพส (โกลกาตา) ประเทศอินเดีย พร้อมของกลางช่อดอกกัญชา จำนวน 15 ห่อ และขนาดซองพกพา 356 ซอง น้ำหนัก 9.1 กิโลกรัม มูลค่า 91,000 บาท

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ดำเนินการตรวจสอบใบขนสินค้าที่ต้องสงสัยว่ามีสิ่งผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ ซึ่งมีคำขอส่งของเร่งด่วน
ออกโดยรีบด่วน (Urgently Request) ปลายทางสหราชอาณาจักร (GB) สำแดงสินค้าเป็น HOME DECORATION LAMP BOX เจ้าหน้าที่ศุลกากรจึงประสานบริษัทตัวแทนผู้ส่งออกเพื่อดำเนินการตรวจค้น พบช่อดอกกัญชาซุกซ่อนอยู่ภายในโคมไฟไฟฟ้าที่ได้ถอดอุปกรณ์ต่าง ๆ ออก และปิดบังอำพรางด้านบนด้วยโคมไฟปกติ จำนวน 60 ห่อ น้ำหนัก 63 กิโลกรัม มูลค่า 630,000 บาท และต่อมาเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 ได้ดำเนินการตรวจสอบสินค้าขาออกปลายทางสหราชอาณาจักร (GB) สำแดงชนิดสินค้าเป็นเซรามิก โดยตรวจพบสินค้าเป็นช่อดอกกัญชาบรรจุซุกซ่อนอยู่ในกล่องกระดาษ จำนวน 18 กล่อง น้ำหนักรวม 160 กิโลกรัม มูลค่า 1,600,000 บาท เนื่องจากช่อดอกกัญชาจัดเป็นสมุนไพรควบคุม และผู้ใดประสงค์จะส่งออกจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาต ซึ่งในขณะตรวจค้นผู้ส่งออก
ไม่มีใบอนุญาตดังกล่าวมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ฯ

การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานสำแดงข้อมูลไม่ถูกต้อง ปฏิบัติพิธีการไม่ถูกต้อง และส่งออกของที่กำลังผ่านพิธีการศุลกากรออกไปนอกราชอาณาจักร โดยหลีกเลี่ยงข้อห้ามข้อจำกัดเกี่ยวกับของนั้น อันเป็นความผิดตามมาตรา 202 208 244 และ 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบกับประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 และพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542

สำหรับสถิติในการจับกุมกัญชา ช่อดอกกัญชา ต้นกัญชา น้ำมันกัญชา ยางกัญชาและเมล็ดกัญชา ปีงบประมาณ 2568 (1 ตุลาคม 2567 – 21 พฤศจิกายน 2567) จับกุมได้ 105 คดี ปริมาณ 764 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 7.644 ล้านบาท

3. เครื่องใช้ไฟฟ้า

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 กรมศุลกากร โดยกองสืบสวนและปราบปราม ได้ขอหมายค้น
เพื่อเข้าตรวจสอบโกดังเก็บสินค้าในพื้นที่ตำบลบางจาก อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เนื่องจากได้รับแจ้งว่า มีการเก็บสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรมไว้เป็นจำนวนมาก เมื่อเข้าตรวจสอบ พบสินค้าที่ไม่มีหนังสือรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) อาทิ ปืนนวดไฟฟ้า น้ำยาทำความสะอาดครัวเรือน น้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำ เครื่องชงกาแฟ เครื่องทำน้ำแข็ง และอื่น ๆ จำนวนกว่า 40,000 ชิ้น มูลค่า 5,000,000 บาท ทั้งนี้ สินค้าทั้งหมดมีเมืองกำเนิดต่างประเทศ และเบื้องต้นไม่พบเอกสารหลักฐานการผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง

กรณีนี้เป็นความผิดตามมาตรา 246 ประกอบมาตรา 166 และ 167 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร
พ.ศ. 2560 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

4. เครื่องเล่นเกม (ตู้คีบตุ๊กตา)

เมื่อวันที่ 5 – 13 พฤศจิกายน 2567 กรมศุลกากร โดยด่านศุลกากรนครพนม ในสังกัดของสำนักงานศุลกากรภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบใบขนสินค้าขาเข้า พบสินค้าไม่ตรงตามสำแดง เป็นเครื่องเล่นเกม (ตู้คีบตุ๊กตา) จำนวน 50 ตู้
มูลค่า 1.177 ล้านบาท

ต่อมาเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง ตรวจสอบใบขนสินค้าขาเข้า สำแดงเป็นตู้โชว์ (CABINET SHOWCASE) เมื่อทำการตรวจสอบพบสินค้าเป็นเครื่องเล่นเกม
(ตู้คีบตุ๊กตา) จำนวน 48 ตู้ มูลค่า 672,893 บาท

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ตรวจสอบใบขนสินค้าขาเข้า พบสินค้าที่ไม่ได้สำแดง เป็นเครื่องเล่นเกม (ตู้คีบตุ๊กตา) จำนวน 6 ตู้ มูลค่า 105,930 บาท

และเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรกรุงเทพ และ
กองสืบสวนและปราบปราม เข้าตรวจค้นตู้คอนเทนเนอร์ต้องสงสัย ต้นทางจากประเทศจีน สำแดงสินค้าเป็นตู้โชว์ (CUPBOARD) เมื่อทำการตรวจสอบ พบสินค้าเป็นเครื่องเล่นเกม (ตู้คีบตุ๊กตา) จำนวน 25 ตู้ มูลค่า 112,570 บาท

การกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดตามมาตรา 202 243 244 และ 252 ประกอบมาตรา 166 และ 167 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำเครื่องเล่นเกมเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2548

ข่าว : “ป่อเต็กตึ๊งเป็นตัวแทนผู้มีจิตศรัทธาส่งมอบไออุ่นจัดงบฯ 2 ล้านกว่าบาท แจกจ่ายผ้าห่มกันหนาวพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค...
21/11/2024

ข่าว : “ป่อเต็กตึ๊งเป็นตัวแทนผู้มีจิตศรัทธาส่งมอบไออุ่นจัดงบฯ 2 ล้านกว่าบาท แจกจ่ายผ้าห่มกันหนาวพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ให้"ชาวเชียงราย" ที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการมูลนิธิฯ ห่วงใยผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร มอบหมายให้ นายชุมพล บุญภักดี ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ พร้อมเจ้าหน้าที่แผนกสาธารณภัย,แผนกบรรเทาสาธารณภัย,แผนกอาสาสมัคร,แผนกสื่อสารองค์กรไทย ลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคอาทิ ผ้าห่มกันหนาวข้าวสาร,บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป,ปลากระป๋อง,ขนม,น้ำปลา,น้ำตาล,น้ำมันพืช และถุงผ้าบรรจุสิ่งของ
ให้แก่ผู้ประสบ “ภัยหนาว” ในจังหวัดเชียงราย ประกอบด้วย อ.เมือง,อ.แม่สาย,อ.แม่จัน,อ.แม่สรวย,
อ.พาน รวม 3,300 ชุด คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2,145,000 บาท (สองล้านหนึ่งแสนสี่หมื่นห้าพันบาทถ้วน)
โดยมีประธานฯและคณะกรรมการมูลนิธิสาธารณกุศลสงเคราะห์เชียงรายมูลนิธิสาธารณกุศลสงเคราะห์แม่จัน
มูลนิธิเมืองพานสงเคราะห์ มูลนิธิกวงเม้งแม่สาย
พร้อมหน่วยงานภาครัฐและผู้นำท้องถิ่นร่วมในพิธีแจกจ่าย ในระหว่างวันที่ 16 พฤศจิกายน – 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567
ติดต่อสอบถาม ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มูลนิธิ ป่อเต็กตึ๊ง / POH TECK TUNG FOUNDATION
โครงการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยหนาว เป็นโครงการที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งดำเนินการต่อเนื่องมาไม่ต่ำกว่า 60 ปี โดยตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาการดำเนินงานอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคทรัพย์ เครื่องอุปโภคบริโภค สละแรงกาย แรงใจ สมทบทุน ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยต่าง ๆ ขอบุญบารมีหลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ส่งผลให้ท่านและครอบครัว มีความสุขความเจริญตลอดไป
“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

ข่าว : เลขาธิการ ป.ป.ส. หารือ ปลัดฯ มท. เข้มข้น ขับเคลื่อนแก้ปัญหายาเสพติดทุกมิติ เน้นผู้ว่าเป็น CEO ทุกจังหวัด   วันจัน...
18/11/2024

ข่าว : เลขาธิการ ป.ป.ส. หารือ ปลัดฯ มท. เข้มข้น ขับเคลื่อนแก้ปัญหายาเสพติดทุกมิติ เน้นผู้ว่าเป็น CEO ทุกจังหวัด

วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2567 พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย นายศิริสุข ยืนหาญ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นางสาวอารีภักดิ์ เงินบำรุง รองเลขาธิการ ป.ป.ส. และผู้บริหารสำนักงาน ป.ป.ส. เข้าร่วมแสดงความยินดีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และหารือการขับเคลื่อน การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ประจำปี 2568 และจังหวัดต้นแบบ 12 จังหวัด โดยมี นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ร.ต.ท.ภพชนก ชลานุเคราะห์ รองอธิบดีกรมการปกครองมนายสุรพล เจริญภูมิ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ณ ห้องรับรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ชั้น 2 อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย

พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวแสดงความยินดีกับปลัดกระทรวงมหาดไทย ในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ และกล่าวขอบคุณกระทรวง มหาดไทยที่ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความเอาจริง เอาจังของผู้ว่าราชการ (ผู้ว่าราชการ CEO) และข้าราชการในพื้นที่คือปัจจัยสู่ความสำเร็จของการแก้ไขปัญหายาเสพติด ในช่วงการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการเร่งรัดฯ 25 จังหวัด เมื่อปีที่ผ่านมาความยั่งยืนของการแก้ไขปัญหายาเสพติด อยู่ที่การสร้างกลไกในพื้นที่รองรับการส่งต่อจากภาครัฐ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยมีบทบาทที่สำคัญยิ่งและเป็นกลไกที่สามารถเข้าถึงพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชน ได้ทั่วทั้งประเทศ

นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ถึงแม้ว่างบประมาณบูรณาการด้านยาเสพติดของกระทรวงมหาดไทยจะมีสัดส่วนอยู่เพียง ร้อยละ 5 จากงบประมาณบูรณาการด้านยาเสพติดทั้งหมด แต่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยคือการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขของประชาชนเป็นที่ตั้ง และยินดีที่จะเพิ่มเข้มข้นให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัด เป็น CEO ขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด ปี 2568 ให้บรรลุเป้าหมายตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล

นอกจากนี้เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวเพิ่มเติมว่า ความเข้มข้นของการแก้ไขปัญหายาเสพติดในปี 2568 ได้กำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จในทุกมาตรการลงสู่ทุกอำเภออย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่น ความพึงพอใจและความปลอดภัยของประชาชนให้เพิ่มสูงขึ้น พร้อมขยายพื้นที่จังหวัดต้นแบบการแก้ไขปัญหายาเสพติด จาก 2 จังหวัดเป็น 12 จังหวัด และขอความร่วมมือกระทรวงมหาดไทยในการรองรับการขับเคลื่อนดังกล่าว ขณะเดียวกันเห็นว่าความยั่งยืนของการแก้ไขปัญหายาเสพติดอยู่ที่กลไกภาคประชาชนในพื้นที่ที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชนมองเห็นเป็นปัญหาร่วมกัน โดยกองทุนแม่ของแผ่นดิน ถือเป็นกลไกที่เริ่มต้นจากความดีงาม มีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 20 ปี ที่พร้อมรองรับการส่งต่อความยั่งยืนได้อย่างเป็นรูปธรรม และจะขยายเพิ่มขึ้นในปี 2568 และสำนักงาน ป.ป.ส. ยังได้เพิ่มการมีส่วนร่วมขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอีกด้วย ส่วนในมิติการป้องกันยาเสพติดมุ่งขยาย EF ให้เข้าไปสู่ในโรงเรียนสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นให้มากขึ้น เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีภูมิคุ้มกันตั้งแต่เด็ก รู้สึกถึงความปลอดภัยจากยาเสพติด

สุดท้ายนี้ขอความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วนให้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน การป้องกันและแก้ไขยาเสพติด เพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยอย่างยั่งยืนร่วมกัน หากพบเบาะแสยาเสพติดสามารถแจ้งได้ที่สายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386

ข่าว : มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบของขวัญเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้พิการ ในงานวันคนพิการ ครั้งที่ 55 ประจำปี 2567 ณ บริษัท...
17/11/2024

ข่าว : มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบของขวัญเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้พิการ ในงานวันคนพิการ ครั้งที่ 55 ประจำปี 2567 ณ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด สำนักงานแจ้งวัฒนะ
วันนี้ (วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2567) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ร่วมกับสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่มอบกระบอกน้ำพลาสติก ขนาด 1 ลิตร รวมจำนวน 4,000 ใบ รวมงบประมาณเป็นเงิน 248,000 บาท (สองแสนสี่หมื่นแปดพันบาทถ้วน) นอกจากนี้ยังมีแจกกระปุกออมสินมูลนิธิฯ เพื่อเป็นของขวัญ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับผู้พิการ เนื่องในงานวันคนพิการ ครั้งที่ 55 ประจำปี 2567 โดยมี พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี เป็นประธานในพิธี และมอบโล่เกียรติคุณแด่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ เป็นผู้รับมอบ ณ ห้องจัดเลี้ยงอาหาร 9 ชั้น 1 บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด สำนักงานแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ
ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป
ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มูลนิธิ ป่อเต็กตึ๊ง / POH TECK TUNG FOUNDATION
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

ข่าว : "รองนายกฯ ภูมิธรรม" นั่งหัวโต๊ะประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ส. เห็นชอบแผนปฏิบัติการปี 68เร่งรัดอนุบัญญัติยาเสพติด พร้อมเพ...
11/11/2024

ข่าว : "รองนายกฯ ภูมิธรรม" นั่งหัวโต๊ะประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ส. เห็นชอบแผนปฏิบัติการปี 68
เร่งรัดอนุบัญญัติยาเสพติด พร้อมเพิ่มพื้นที่ 5 อำเภอ จ.กาญจนบุรี สกัดยาเสพติดเข้าชายแดนตะวันตก

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (คณะกรรมการ ป.ป.ส.) ครั้งที่ 3/2567 โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และคณะกรรมการ ป.ป.ส. ประกอบด้วย ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และพล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ทำหน้าที่กรรมการและเลขานุการ ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

นายภูมิธรรมฯ กล่าวในที่ประชุมว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากมติที่ประชุมครั้งที่ 2/2567 ที่ได้มีการรับรองหลักการสำคัญในแผนปฏิบัติการฯ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการนำเสนอสถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่ ประจำปีงบประมาณ 2567 รวมถึงการรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด พร้อมทั้งนำเสนอผลการดำเนินการ และการแต่งตั้งคณะกรรมการติดตาม เร่งรัดการดำเนินงานฯ เพื่อให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือในการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และเน้นย้ำถึงความสำคัญในการวางแผนปฏิบัติการฯ ปี 2568 ให้มีความชัดเจนขึ้น สอดคล้องกับสภาพปัญหาและสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะ
ในพื้นที่ที่ถูกกำหนดให้มีความจำเป็นเร่งด่วน

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้แจ้งที่ประชุมเกี่ยวกับความคืบหน้าเรื่องการดำเนินงานจัดทำอนุบัญญัติรองรับประมวลกฎหมายยาเสพติด ตามที่ได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ให้ใช้กฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 352/2567 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กับ เลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นรองประธาน โดยเลขาธิการ ป.ป.ส. จะขับเคลื่อนติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง 2 เดือน ต่อ 1 ครั้ง และจะปรับแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของแต่ละจังหวัด ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่สำนักงาน ป.ป.ส. เราจะไม่ตัดเสื้อโหลที่ให้ทุกจังหวัดแก้ปัญหาเหมือนกัน นอกจากนี้ที่ประชุมได้รับทราบผลการทำลายยาเสพติดของกลางจากสำนักงาน อย. และสำนักงาน ป.ป.ส. รวม 4 ครั้ง คิดเป็นน้ำหนักรวมเกือบ 87 ตัน รวมทั้งเห็นชอบในหลักการเพื่อให้หน่วยงานได้กำหนดทิศทางและนำไปปฏิบัติ จำนวน 4 เรื่อง ได้แก่ 1. (ร่าง) แผนปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568, 2. (ร่าง) แผนปฏิบัติการโครงการหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน ระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2568 - 2570), 3. (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการระบุชื่อยาเสพติดให้โทษตามประมวลกฎหมายยาเสพติด และ 4. การพิจารณากำหนดพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตามมาตรา 5 (10) แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนภาคตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้กำหนดพื้นที่ 5 อำเภอ ของจังหวัดกาญจนบุรี ได้แก่ อ.สังขละบุรี อ.ทองผาภูมิ อ.เมือง อ.ไทรโยค และอ.ด่านมะขามเตี้ย เป็นพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยให้กองทัพภาคที่ 1 เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบในพื้นที่ดังกล่าว ภายใต้หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคตะวันตก (นบ.ยส.17) โดยมี แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้บัญชาการ (ผบ.นบ.ยส.17) และ ผอ.ปปส.ภ.7 เป็นฝ่ายเลขานุการ

พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการกำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจนในการใช้ระบบติดตามผู้กระทำผิดซ้ำด้วยกำไล EM เพื่อลดอัตราการกลับมากระทำผิดซ้ำ และเสนอให้มีการยกระดับการทำงานในระดับชุมชนโดยให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ท้องถิ่น เข้ามามีส่วนร่วม และมีตัวชี้วัดความรับผิดชอบ ซึ่งประธานในที่ประชุมได้มอบหมายให้ ป.ป.ส. พิจารณาเพื่อแนวทางปฏิบัติต่อไป

การประชุมครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง ด้วยการวางแผนเชิงรุก บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดปัญหายาเสพติดในประเทศอย่างยั่งยืน รัฐบาลย้ำว่าปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายสำคัญที่จะเดินหน้ายกระดับการปราบปรามยาเสพติดให้เข้มข้นยิ่งขึ้น พร้อมขยายผลการดำเนินงานไปทั่วประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการเพิ่มมาตรการควบคุมพื้นที่ชายแดน เพื่อสกัดกั้น การลักลอบนำเข้ายาเสพติดอย่างจริงจัง โดยการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ส. ครั้งต่อไป จะประชุมในวันที่ 17 ธันวาคม 2567

ข่าว : “หนาวนี้ ให้ป่อเต็กตึ๊งดูแล..” มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ส่งมอบไออุ่นจากผู้มีจิตศรัทธา จัดงบฯ กว่า 34.6 ล้านบาท กระจ่ายท...
11/11/2024

ข่าว : “หนาวนี้ ให้ป่อเต็กตึ๊งดูแล..” มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ส่งมอบไออุ่นจากผู้มีจิตศรัทธา จัดงบฯ กว่า 34.6 ล้านบาท กระจ่ายทีมลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค บรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร 4 ภาค 43 จังหวัด
ระหว่างเดือน พฤศจิกายน - ธันวาคม 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการมูลนิธิฯ ห่วงใยผู้ประสบภัยหนาวในถิ่นทุรกันดาร มอบหมายให้ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จัดทีมสังคมสงเคราะห์ นำโดย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน ลงพื้นที่แจกจ่ายผ้าห่มพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบ “ภัยหนาว” ในถิ่นทุรกันดาร ครอบคลุมพื้นที่ ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ รวมการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวทั้งสิ้น 4 ภาค 43 จังหวัด ผ้าห่มกันหนาวพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภครวม 51,500 ชุด รวมมูลค่าทั้งสิ้น 34,637,500 บาท (สามสิบสี่ล้านหกแสนสามหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยบาทถ้วน) โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยมูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนในบางพื้นที่ฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา คัดกรองเบาหวาน ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ โดยมูลนิธิฯ ได้เริ่มออกเดินช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวภาคเหนือ และอีสาน ในระหว่างวันที่ 4 พฤศจิกายน – 20 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ติดต่อสอบถาม ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง www.facebook.com/atpohtecktung
โดยในวันนี้ (วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567) นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำทีมลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่อำเภอสารภี อำเภอหางดง อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอบ้านธิ และอำเภอเมือง จังหวัดลำพูน มอบผ้าห่มกันหนาว พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค อาทิ ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช น้ำปลา ฯลฯ บรรจุลงกระเป๋าผ้า รวมจำนวน 1,950 ชุด โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยมูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี
โครงการสงเคราะห์ผู้ประสบภัยหนาว เป็นโครงการที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งดำเนินการต่อเนื่องมาไม่ต่ำกว่า 60 ปี โดยตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาการดำเนินงานอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคทรัพย์ เครื่องอุปโภคบริโภค สละแรงกาย แรงใจ สมทบทุน ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยต่าง ๆ ขอบุญบารมีหลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ส่งผลให้ท่านและครอบครัว มีความสุขความเจริญตลอดไป
“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

ข่าว : พุทธศาสนิกชน อุบาสก อุบาสิกา คณะศิษยานุศิษย์ หลั่งไหล ร่วมพิธีทอดกฐินสามัคคี พร้อมจัดเป็นเจ้าภาพโรงทานเกือบ 200 โ...
11/11/2024

ข่าว : พุทธศาสนิกชน อุบาสก อุบาสิกา คณะศิษยานุศิษย์ หลั่งไหล ร่วมพิธีทอดกฐินสามัคคี พร้อมจัดเป็นเจ้าภาพโรงทานเกือบ 200 โรงทาน ร่วมบุญสมทบจตุปัจจัยทาน รวมกว่าล้านบาท ณ วัดในสองวิหาร

พระครูพิพิธกิจจาภิรัต เจ้าอาวาสวัดในสองวิหาร ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้กำหนดจัดพิธีทอดกฐินสามัคคี ขึ้นเมื่อเวลา 09.00 น.ของวันที่ 10 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมาโดยมอบหมายให้พระครูปลัดไพโรจน์ กตสาโร พร้อมด้วยคณะพระสงฆ์ จัดสถานที่ไว้รองรับคณะเจ้าภาพและพุทธศาสนิกชน อุบาสก อุบาสิกา คณะศิษยานุศิษย์ หลั่งไหล ร่วมพิธีทอดกฐินสามัคคี พร้อมจัดเป็นเจ้าภาพโรงทานเกือบ 200 โรงทาน โดยในการทอดกฐินสามัคคี ประจำปี 2567 นี้ก็ได้มีประธานอุปถัมภ์ ได้แก่ครอบครัวศิริปัญจนะ,ครอบครัวชุ่มสุนทร,ครอบครัวจันทรัตน์,ครอบครัวชื่นบุญ มาร่วมเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้
ซึ่งพิธีทอดกฐินสามัคคีได้เริ่มตั้งขบวนแห่เวียนรอบพระอุโบสถวัดในสองวิหาร ในเวลา 09.00 น.จากนั้นเจ้าภาพประธานอุปถัมภ์,รองประธาน,กรรมการ,พุทธศาสนิกชน,อุบาสก อุบาสิกา,คณะศิษยานุศิษย์ ทั้งหลายจึงได้นำผ้าพระกฐิน พร้อมเครื่องอัฐบริขาร ที่นำถวายได้เข้าสู่พระอุโบสถโดยพร้อมเพียง โดยมีพระครูวินัยธรทองใบ ปโยโค ผู้ช่วยเจ้าอาวาส,พระครูปลัดไพโรจน์ กตสาโร ผู้ช่วยเจ้าอาวาส และคณะพระภิกษุ เข้าประชุมสงฆ์เพื่อรับการถวายผ้าพระกฐิน เมื่อเข้าสู่พิธีสงฆ์พระคู่สวด จึงได้สวดรับประชุมสงฆ์ตามมติ ได้ถวายให้พระครูวินัยธรทองใบ ปโยโค
ซึ่งเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ เป็นผู้ครองผ้าพระกฐิน ตลอดกาล 3 เดือนภายหลังจากที่ได้ครองผ้าในระยะเวลาช่วงเข้าพรรษา จากนั้นเมื่อเสร็จสิ้นพิธีสงฆ์ในพระอุโบสถเป็นที่เรียบร้อย คณะพระภิกษุสงฆ์ ทั้งหมด จึงได้โปรดญาติโยมสวดเจริญพระพุทธมนต์ พร้อมรับภัตราหารเพล ที่พุทธศาสนิกชน อุบาสก อุบาสิกา คณะศิษยานุศิษย์ ได้จัดเตรียมทำบุญถวายเพื่อเป็นสิริมงคล
ภายหลังจากเสร็จสิ้นพิธีฉลองเพลพระภิกษุสงฆ์เป็นที่เรียบร้อย ทางด้านไวรยาวัจกรณ์พร้อมคณะกรรมการวัดในสองวิหาร และได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย นำเครื่องนำธนบัตรมาตรวจนับเงินทำบุญกฐินสามัคคี ครั้งนี้ซึ่งรวบรวมได้ทั้งสิ้น 1,076,683 บาท เพื่อนำถวายวัดในสองวิหาร ซึ่งจะได้นำไปทำนุบำรุงศาสนสถานของทางวัดให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป

ทีมข่าว : Specialfocus รายงาน
#สารคดีเชิงข่าวSpecialfocus
#วัดในสองวิหาร

ข่าว : รฟฟท. ถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2567 ณ วัดเพชรสมุทรวรวิหาร จ.สมุทรสงครามบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ได้รับพ...
08/11/2024

ข่าว : รฟฟท. ถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2567 ณ วัดเพชรสมุทรวรวิหาร จ.สมุทรสงคราม

บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้อัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2567 ไปถวายพระภิกษุสงฆ์ผู้จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ณ วัดเพชรสมุทรวรวิหาร ตำบลแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่า กฐินพระราชทาน เป็นกฐินที่พระมหากษัตริย์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานผ้าพระกฐิน ให้แก่หน่วยงานราชการ องค์กร คณะบุคคล หรือบุคคลผู้ประสงค์ขอรับพระราชทานนำไปทอดถวาย ณ พระอารามหลวง ทั้งกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด และในส่วนของกฐินกาล มีกำหนดระยะเวลา 1 เดือน หลังออกพรรษา 1 วัน ระหว่างวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ของทุกปี พุทธศาสนิกชนจะร่วมทำบุญถวายผ้ากฐิน เพื่อเป็นการอุปถัมภ์พระสงฆ์ที่จำพรรษากาลครบถ้วนไตรมาสให้ได้รับอานิสงส์ตามพระวินัย และเป็นทุนในการบูรณปฏิสังขรณ์พระอาราม โดยเป็นการรวมพลังแห่งความสามัคคี ทั้งทางกาย วาจา และจิตใจในการสร้างบุญกุศล สร้างความสุขของการอยู่ร่วมกันในสังคม รวมทั้งเป็นการจรรโลงและส่งเสริม สืบทอดให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมั่นคงสืบไป

ทั้งนี้ เนื่องในเทศกาลกฐิน พุทธศักราช 2567 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐิน ประจำปี 2567 ตามที่บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ขอพระราชทานไปทอดถวายยังที่ชุมนุมสงฆ์ ณ วัดเพชรสมุทรวรวิหาร ตำบลแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ในวันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2567 โดยมีนายมนตรี ตั้งเจริญถาวร ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม , นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เป็นประธาน และ พระราชสมุทรวชิรโสภณ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม เจ้าอาวาสวัดเพชรสมุทรวรวิหารพระอารามหลวง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี พ.ศ. 2567 พร้อมทั้งคณะกรรมการบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ประกอบด้วย นายกริช ธนิกุล , นายยศสรัล การพานิช และคณะผู้บริหาร พนักงานบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด รวมทั้งข้าราชการภาคส่วนต่าง ๆ ในจังหวัดสมุทรสงคราม ตลอดจนพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธา ร่วมบริจาคจตุปัจจัยและร่วมเป็นเจ้าภาพพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน โดยมียอดเงินบริจาคถวายโดยเสด็จพระราชกุศล จำนวน 1,762,028.47 บาท (หนึ่งล้านเจ็ดแสนหกหมื่นสองพันยี่สิบแปดบาทสี่สิบเจ็ดสตางค์) ในโอกาสนี้ได้จัดให้มีการมอบทุนการศึกษาให้แก่โรงเรียนในจังหวัดสมุทรสงคราม จำนวน 3 โรงเรียน ได้แก่ สำนักศาสนศึกษานักธรรม-บาลี วัดเพชรสมุทรวรวิหาร, วงโยธวาทิต โรงเรียนศรัทธาสมุทร , โรงเรียนศรัทธาสมุทร และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก วัดเพชรสมุทรวรวิหาร อีกด้วย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ ผลานิสงส์แห่งการถวายผ้าพระกฐินครั้งนี้ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นฉัตรแก้วปกเกศอาณาประชาราษฎรตลอดไป รวมทั้งบันดาลให้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญกุศล มีจิตตั้งมั่นในความดีงาม ถึงพร้อมด้วยสรรพกำลังในอันที่จะบำเพ็ญคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาและประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรือง

สำหรับวัดเพชรสมุทรวรวิหาร เดิมชื่อ "วัดศรีจำปา" สร้างขึ้นในราวรัชสมัยพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา ตามตำนานเล่าว่า ในปี พ.ศ. 2307 ชาวบ้านแหลมในเขตเมืองเพชรบุรีอพยพหนีพม่ามาตั้งบ้านเรือน อยู่บริเวณตำบลแม่กลอง เหนือวัดศรีจำปา และเรียกหมู่บ้านนี้ว่า "บ้านแหลม" ตามชื่อหมู่บ้านเดิมของตน ชาวบ้านแหลมได้ช่วยกันบูรณะวัดศรีจำปาและเรียกวัดนี้ใหม่ว่า “วัดบ้านแหลม" ต่อมาวัดบ้านแหลมได้ยกฐานะขึ้นเป็นอารามหลวง ชั้นวรวิหาร ได้รับพระราชทานนามว่า “วัดเพชรสมุทรวรวิหาร” มาจนถึงปัจจุบัน

ที่อยู่

Changwat Rayong

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ The trap newsผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

วิดีโอทั้งหมด

แชร์

ตำแหน่งใกล้เคียง บริษัท สื่อ


บริษัทด้านสื่อ/ข่าวสาร อื่นๆใน Changwat Rayong

แสดงผลทั้งหมด