The trap news "ดีทุกประเด็น เด่นทุกข่าว"

ข่าว : มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดเต็ม!! ลงพื้นที่เร่งลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาส สร้างชีวิตแก่ชาวหนองคายอย่างยั่งยืน.. *มอบอ...
20/12/2024

ข่าว : มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดเต็ม!! ลงพื้นที่เร่งลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาส สร้างชีวิตแก่ชาวหนองคายอย่างยั่งยืน.. *มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพผู้ยากไร้ พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่บริการประชาชนฟรี *มอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบท และ *สนับสนุนค่าพาหนะพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ให้แก่ผู้รับขาเทียม ช่างและอาสาสมัคร ในโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 172
ระหว่างวันที่ 16 – 20 ธันวาคม พ.ศ. 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ห่วงใยเยาวชน ประชาชนผู้ยากไร้ และผู้พิการ มอบหมายคณะกรรมการมูลนิธิฯ ลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย เร่งลดความเหลื่อมล้ำ มอบโอกาส สร้างชีวิต แก่ชาวหนองคายอย่างยั่งยืน รวมมูลค่าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งดำเนินการกว่าเจ็ดแสนบาท โดยเมื่อวันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2567 นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ผู้ช่วยกรรมการ และ นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย (จังหวัดที่ 16 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จำนวน 21 ครัวเรือน พร้อมมอบจักรยาน จำนวน 50 คัน แก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 5 โรงเรียน เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวหนองคายในครั้งนี้ทั้งสิ้น จำนวน 560,120 บาท (ห้าแสนหกหมื่นหนึ่งร้อยยี่สิบบาทถ้วน) นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ) และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยมี นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายสุรพล แก้วอินธิ ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชนเป็นประธานร่วมในพิธี มูลนิธิฯ / สมาคมจีนประจำจังหวัดต่างๆ เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี รวมทั้ง ประชาชน เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งร่วมมอบและสร้างสีสันภายในงาน ณ บริเวณหอประชุมที่ว่าการอำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
และวันนี้ (วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ.2567) นางสาวดวงชุตา ติยะพจนพรกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำทีมแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ลงพื้นที่ มอบค่าพาหนะ พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ผ้าห่ม ปลากระป๋อง เส้นหมี่ขาว ทิชชูเปียก รองเท้าฟองน้ำ และ ขนม บรรจุถุงผ้าดิบ ให้แก่ผู้รับขาเทียม ช่างและอาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมโครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 172 รวมจำนวน 160 ชุด พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่เจ้าหน้าที่มูลนิธิขาเทียมอีก 50 ชุด คิดเป็นงบประมาณมูลค่าทั้งสิ้น 162,132.50 บาท (หนึ่งแสนหกหมื่นสองพันหนึ่งร้อยสามสิบสองบาทห้าสิบสตางค์) โดยมี นายสมภพ สมิตะสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต เลขาธิการมูลนิธิขาเทียม ในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กรรมการมูลนิธิขาเทียมฯ และผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ ร่วมในพิธี ณ หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองคาย อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย
รวมงบประมาณการดำเนินภารกิจ 3 โครงการ เพื่อชาวหนองคายและผู้เข้าร่วมโครงการในรอบนี้ทั้งสิ้น 722,252.50 บาท (เจ็ดแสนสองหมื่นสองพันสองร้อยห้าสิบสองบาทห้าสิบสตางค์)
ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และเฟซบุ๊ก แฟนเพจ มูลนิธิ ป่อเต็กตึ๊ง / POH TECK TUNG FOUNDATION
“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

ข่าว : รรท.ผบช.สตม. บินด่วนตรวจความพร้อมสนามบินภูเก็ต ถก ผอ.ท่าอากาศยาน เตรียมรับนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเที่ยวเทศกาลคริสต์...
19/12/2024

ข่าว : รรท.ผบช.สตม. บินด่วนตรวจความพร้อมสนามบินภูเก็ต ถก ผอ.ท่าอากาศยาน เตรียมรับนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเที่ยวเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ คาดผู้โดยสารสูงถึงวันละ 23,000 คน มั่นใจเจ้าหน้าที่มีความพร้อม ทั้งด้านการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัย

วันที่ 19 ธ.ค.67 เวลา 12.00 น. พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.ฯ รรท.ผบช.สตม. พร้อมคณะ เดินทางมาตรวจความพร้อมการปฏิบัติงานของ ด่าน ตม.ท่าอากาศยานภูเก็ต มอบนโยบายแก่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมหารือแนวทางการบริหารงานร่วมกับ นายมนต์ชัย ตะโหนด ผอ.ท่าอากาศยานภูเก็ต เน้นการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลเข้ามาในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2568

พล.ต.ต.ภาณุมาศฯ กล่าวว่า ภูเก็ตเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวหลักในภาคใต้ตอนบนที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ประกอบกับ รัฐบาลโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีนโยบายเร่งด่วนเรื่องส่งเสริมการท่องเที่ยวต่อยอดมาจากการยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยว (Visa Free) ให้กับ 93 ประเทศและดินแดนทั่วโลก ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญ ซึ่งส่งผลดีให้เศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของไทยเป็นอย่างมาก

ปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานภูเก็ตมากเป็นอันดับสาม รองจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง โดยคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศช่วง High season คือ ต.ค.-มี.ค. เฉลี่ยต่อวันสูงสุด 23,000 คน โดยในช่วงเดือน พ.ย. 67 นักท่องเที่ยวสัญชาติที่เดินทางเข้ามามากอันดับแรกยังคงเป็น รัสเซีย เฉลี่ย 4,100 คนต่อวัน รองลงมา จีน วันละ 1,800 คน อินเดีย เฉลี่ยวันละ 1,790 คน ออสเตรเลีย 780 คน และสหราชอาณาจักร 730 คนต่อวัน ตามลำดับ เฉลี่ยทั้งเดือนมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประมาณ 520,000 ราย เปรียบเทียบปริมาณนักท่องเที่ยวเฉลี่ยช่วงเวลาเดียวกันกับในปี 62 ก่อนสถานการณ์โควิด พบว่ามีปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 6%

ด้าน นายมนต์ชัย ฯ ผอ.ท่าอากาศยานภูเก็ต กล่าวว่า ในห้วงเวลาเทศกาลคริสต์มาสถึงปีใหม่ มีผู้โดยสารจองตั๋วเข้ามาแล้ว มีเที่ยวบินเฉลี่ย 355 เที่ยวบินต่อวัน เป็นเที่ยวบินภายในประเทศ 210 เที่ยว และเที่ยวบินระหว่างประเทศ 144 เที่ยวบิน จำนวนผู้โดยสารเข้าและออกประมาณ 60,000 คน ต่อวัน ซึ่งคิดเป็น 110% ของก่อนสถานการณ์โควิด โดยเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประมาณ 40,000 คน และเป็นผู้โดยสารภายในประเทศประมาณ 20,000 คน ในอดีตก่อนช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด สัญชาติที่เดินทางมากที่สุดได้แก่ จีน รัสเซีย อินเดีย แต่ปัจจุบันกลับกัน โดยมีสัญชาติรัสเซีย จีน อินเดีย สูงที่สุดตามลำดับ

รรท.ผบช.สตม. กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว สตม. จึงต้องเตรียมความพร้อมรองรับ โดยมีแนวทางลดขั้นตอนการตรวจเข้าราชอาณาจักร อาทิ ลดขั้นตอนการสแกนเอกสารขาเข้า งดการลงลายมือชื่อกำกับในตราประทับขาเข้า การบริหาร Snake line เพื่อลดระยะเวลาการตรวจที่อาจเกิดจากเหตุปัจจัยอื่น มีการเพิ่มกำลังในวันหยุดราชการ เสริมกำลังพลระหว่างงานแบบ SWING โดยใช้ตราประทับกลาง ระดมอุปกรณ์เครื่องมือ ยานพาหนะ เพื่อให้เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน ควบคู่ไปกับการคัดกรองกลุ่มคนต้องห้าม ไม่ให้แฝงตัวเข้ามารวมกลุ่มแก๊งก่ออาชญากรรมในประเทศได้

ทั้งนี้ได้กำชับให้เพิ่มความเข้มในการตรวจโดยเฉพาะบุคคลที่เดินทางมาจากประเทศเป้าหมาย จะต้องมีความเข้มงวดเป็นพิเศษ โดยได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อเฝ้าระวังเหตุและสืบสวนหาข่าวโดยเฉพาะในสนามบิน โดยไม่ให้กระทบต่อการอำนวยความสะดวกในการตรวจหนังสือเดินทางแก่นักท่องเที่ยว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าออกในช่วงเวลาดังกล่าว

ข่าว : รมวฯ กระทรวงยุติธรรม ประชุม ครส. แนะแนวทางการแก้ไขปัญหาผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตเวชจากยาเสพติด พร้อมนำผู้ป่วยจิตเวช...
19/12/2024

ข่าว : รมวฯ กระทรวงยุติธรรม ประชุม ครส. แนะแนวทางการแก้ไขปัญหาผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตเวชจากยาเสพติด พร้อมนำผู้ป่วยจิตเวชเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาของกระทรวงสาธารณสุข

วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม 2567 พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการติดตาม เร่งรัดการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ครั้งที่ 2/2567 โดยมี นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายแพทย์ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พลตำรวจโท สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายแพทย์กู้ศักดิ์ บำรุงเสนา รองผู้อำนวยการสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ผศ.ดร.นพ. อภินันท์ อร่ามรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์วิชาการสารเสพติดภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย นายศิริสุข ยืนหาญ และ นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ทำหน้าที่คณะกรรมการและเลขานุการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุม ศรียานนท์ อาคาร 1 ชั้น 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวเปิดการประชุมโดยเน้นย้ำถึง การให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยจากการก่อเหตุร้ายจากยาเสพติด การทำร้ายร่างกายและกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์สิน และกล่าว ชื่นชมศูนย์วิชาการสารเสพติดภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ดำเนินการเรื่องป้องกันและแก้ไขยาเสพติดมาเป็นเวลานาน จากข้อมูลของกรมคุมประพฤติพบว่าข้อมูลผู้ป่วยยาเสพติดในภาคเหนือน้อยกว่าภาคอีสานมาก ทั้งที่ยาเสพติดมีแหล่งแพร่กระจายมาจากภาคเหนือ ส่วนหนึ่งเกิดจากความเข้มแข็งของชุมชน พร้อมแนะนำให้คณะกรรมการมีนวัตกรรมในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ให้ผู้ติดยามีสุขภาพดี เพราะการติดยาคือโรคสมองติดยา เน้นย้ำให้เลขาธิการ ป.ป.ส. ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดให้แก้ไขปัญหาผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตเวชจากยาเสพติด พร้อมแนะนำแต่งตั้งหน่วยงานตำรวจร่วมเป็นคณะทำงาน

ที่ประชุมร่วมกันหารือเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตเวชจากยาเสพติด โดยนายแพทย์ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นำเสนอความคืบหน้าการดำเนินงานตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และให้ข้อมูลสถานการณ์ของผู้ป่วยจิตเวชรวมถึงผู้ป่วยจิตเวชจากการใช้ยาเสพติด และ ผศ.ดร.นพ. อภินันท์ อร่ามรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์วิชาการสารเสพติดภาคเหนือมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำเสนอแนวทางการดูแลผู้ป่วยจิตเวช นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับรองมติการประชุม ดังนี้
1.มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข จัดทำข้อมูลผู้ป่วยจิตเวช และแนวทางการแก้ไขปัญหาผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตเวชจากยาเสพติด เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ นำไปดำเนินการต่อไป
2.เห็นชอบในหลักการแต่งตั้งกลไกการดำเนินงานภายใต้คณะกรรมการติดตาม เร่งรัดการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน 4 คำสั่ง
3.เห็นชอบในหลักการ (ร่าง) แผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แบบบูรณาการในทุกมิติ (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 – 2570)

การประชุมครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการลดปัญหาผลกระทบของผู้ป่วยจิตเวชรวมถึงผู้ป่วยจิตเวชจากการใช้ยาเสพติด จึงเห็นควรมีแนวทางการแก้ไขปัญหาผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตเวชจากยาเสพติดให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญและร่วมมือกันในการดำเนินงานโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยจิตเวชที่เข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาของกระทรวงสาธารณสุข

รายงานพิเศษ : องค์พระบิดาแห่งทหารเรือไทย         วันที่ 19 ธันวาคมของทุกปี ได้เวียนมาบรรจบเพื่อระลึกถึงวันคล้ายวันประสูต...
19/12/2024

รายงานพิเศษ : องค์พระบิดาแห่งทหารเรือไทย

วันที่ 19 ธันวาคมของทุกปี ได้เวียนมาบรรจบเพื่อระลึกถึงวันคล้ายวันประสูติ ของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งพระองค์ได้ประสูติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2423 ดังนั้นจึงถือเป็นวันที่สำคัญยิ่งอีกวันหนึ่ง โดยกองทัพเรือ ตลอดจน ประชาชนชาวเรือที่ประกอบอาชีพประมง พสกนิกรทั่วประเทศ ได้น้อมรำลึกถึงพระองค์ท่านด้วยพระกรุณาธิคุณ ที่พระองค์ผู้ทรงวางรากฐานกองทัพเรือไทย และเป็นผู้มีพระปรีชาสามารถ หลายด้าน
อีกทั้งยังเป็นต้นแบบของการนำพืชสมุนไพร มาสกัดเป็นยารักษาโรคให้กับประชาชนผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วย จนทำให้พสกนิกรขนานนามว่า หมอพร อีกทั้งยังมีความเพียรในการศึกษาวิชาทุกแขนง โดยเฉพาะทางการศึกษาได้เล่าเรียนวิชาและเป็นศิษย์เอกของหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท จนเป็นที่เรื่องรือ ครั้งเมื่อพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ กองทัพเรือและประชาชน ทั่วประเทศที่รักและเคารพศรัทธาพระองค์ท่าน จึงได้มีการดำเนินการจัดสร้างอนุสรณ์สถานและศาลพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือ ที่เรียกขานกันในนาม เสด็จเตี่ย ตั้งอยู่ทุกหนแห่งทั่วประเทศไทย เพื่อน้อมรำลึกสักการะบูชาพระองค์ท่าน เพื่อความเป็นสิริมงคล
เมื่อช่วงเวลา 07.00 น.วันที่ 19 ธันวาคม 2567 ที่สมาคมการประมงจังหวัดสมุทรปราการ ได้ร่วมกันจัดพิธีสักการะบูชาศาลพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เนื่องในวันคล้ายวันประสูติของท่านพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่กองทัพเรือ,ชาวเรือ,ชาวประมง,พสกนิกรชาวไทย เคารพศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งในพิธีดังกล่าวนี้ได้รับเกียรติจาก พลเรือโท เบญจพล หรูสกุล เจ้ากรมพลาธิการทหารเรือ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีสักการะบูชา โดยมีนาวาเอก ทิฆัมพร สมนึก รองผอ.ศรชล.จว.สป.นาวาเอก นรเศรษฐ์ พนาสถิตย์ หน.ศคท.จว.สป.นายวัฒนา เจริญจิต นายอำเภอเมืองสมุทรปราการ นายพิชัย แซ่ซิ้ม ตลอดจนข้าราชการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบกิจการธุรกิจการประมง ได้ให้การต้อนรับ
โดยในพิธีดังกล่าวได้ร่วมกันจัดเครื่องเซ่นไหว้สักการะบูชา ต่อหน้าศาลพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ อย่างพร้อมเพียงและได้ร่วมกันทำบุญตักบาตรร่วมกัน ต่อมาได้เข้าสู่พิธีสวดเจริญพุทธมนต์ จากพระสงฆ์ จำนวน 9 รูป จากนั้นได้ร่วมกันถวายจตุปัจจัยทัยทาน เป็นที่เสร็จสิ้นพิธีสงฆ์ ในเวลาต่อประธานในพิธีได้รับการกล่าวรายงาน จากนายพิชัย แซ่ซิ้ม นายกสมาคมการประจังหวัดสมุทรปราการ และได้รับมอบธงพระยศและธงราชนาวี โดยในเวลา 08.45 น.ได้เชิญธงราชนาวีขึ้นสู่ยอดเสา เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์และแสดงถึงความเคารพศรัทธาต่อดวงวิญญาณของศาลพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พร้อมกับจุดประทัดถวายพระองค์ท่านเป็นการเสร็จสิ้นพิธีดังกล่าว และได้เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้เข้ากราบไหว้สักการะบูชาตามลำดับต่อไป

ข่าว : ศรชล.จว.สป./ศคท.จว.สป.ร่วมกับกรมสรรพาวุธทหารเรือ เตรียมจัดสร้างลองเปล่าลูกปืน ขนาด ๑๓๐ มิลลิเมตร เพื่อนำไปประดับอ...
17/12/2024

ข่าว : ศรชล.จว.สป./ศคท.จว.สป.ร่วมกับกรมสรรพาวุธทหารเรือ เตรียมจัดสร้างลองเปล่าลูกปืน ขนาด ๑๓๐ มิลลิเมตร เพื่อนำไปประดับอย่างสมพระเกียรติ ณ ศาลเสด็จเตี่ย วัดโพธิยาราม ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

เนื่องด้วยศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดสมุทรปราการ สังกัดศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1(ศคท.จว.สป.ศรชล.ภาค 1 ) โดยนาวาเอก นรเศรษฐ์ พนาสถิตย์ หัวหน้าศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดสมุทรปราการ สังกัดศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ ของชาติทางทะเลภาค 1(ศคท.จว.สป.ศรชล.ภาค 1 ) ร่วมกับกรมสรรพาวุธทหารเรือ จะจัดกิจกรรมพัฒนาและปรับปรุงศาลพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ณ วัดโพธิยาราม ถ.ท้ายบ้าน ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
จึงขอความอนุเคราะห์กรมสรรพาวุธทหารเรือ จัดทำลองเปล่าลูกปืน ขนาด 130 มิลลิเมตร จำนวน 2 ชุด ( 4 ลูก) เพื่อนำมาใช้ในการตกแต่งศาลพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ให้เกิดความสง่างาม สมพระเกียรติ และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์หน่วยงาน ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดสมุทรปราการ สังกัดศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ ของชาติทางทะเลภาค 1(ศคท.จว.สป.ศรชล.ภาค 1 )ให้เป็นที่ประจักษ์ต่อพี่น้องประชาชน ที่เดินทางมากราบไหว้สักการะบูชา
รวมไปถึงพี่น้องประชาชนในชุมชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ซึ่งมีความเคารพศรัทธาต่อพระองค์ท่านเป็นอย่างมาก และได้รับรู้ถึงพระราชประวัติและพระบารมีของพระองค์ท่านพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ อีกด้วย ซึ่งเมื่อได้จัดทำลองเปล่าลูกปืน ขนาด 130 มิลลิเมตร จำนวน 2 ชุด ( 4 ลูก) เป็นที่แล้วเสร็จ จะได้รับมอบจากกรมสรรพาวุธทหารเรือ และจะได้นำมาถวายเพื่อประดับยังศาลพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ในลำดับต่อไป
โดยก่อนหน้านี้ทางด้านนาวาเอก คัคเนศ ปาลศรี ครั้งที่เคยดำรงค์ตำแหน่งเป็นหัวหน้าศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดสมุทรปราการ สังกัดศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ ของชาติทางทะเลภาค1(ศคท.จว.สป.ศรชล.ภาค 1 ) ก็ได้มีการจัดสร้างและนำไปประดับยังศาลพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่ตั้งอยู่ ณ สมาคมการประมงจังหวัดสมุทรปราการ,สมาคมการประมงคลองด่านและวัดแจ่มราษฎร์ศรัทธาธรรม(วัดสีล้ง)เพื่อให้เกิดความสง่างามสมพระเกียรติ มาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้พี่น้องประชาชนชาวสมุทรปราการ และนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมาได้เข้ามากราบไหว้สักการะบูชาต่อไป

#ศรชลจวสป./ศคท.จว.สป.

ข่าว : "ศุลกากรบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สกัดเฮโรอีน 21.8 กิโลฯ พร้อมตรวจยึดไอซ์ – ช่อดอกกัญชา และสินค้าละเมิดเคร...
16/12/2024

ข่าว : "ศุลกากรบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สกัดเฮโรอีน 21.8 กิโลฯ พร้อมตรวจยึดไอซ์ – ช่อดอกกัญชา และสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าก่อนส่งออกนอกประเทศ"

กรมศุลกากรยังคงมุ่งมั่นในการปกป้องประเทศจากภัยคุกคามยาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมาย ด้วยการตรวจยึดเฮโรอีนและช่อดอกกัญชาที่เตรียมลำเลียงออกนอกประเทศ พร้อมทั้งยึดสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์
ตอกย้ำความพร้อมในการสกัดกั้นทุกช่องทาง

วันนี้ (วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม 2567) เวลา 10.00 น. นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษา ด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร นายจักกฤช อุเทนสุต รองอธิบดีกรมศุลกากรพร้อมผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และสำนักงานพิทักษ์เขตแดนแห่งออสเตรเลีย (Australian Border Force : ABF)ร่วมกันแถลงข่าว "ศุลกากรบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สกัดเฮโรอีน 21.8 กิโลฯ พร้อมตรวจยึดไอซ์ – ช่อดอกกัญชา และสินค้าละเมิดเครื่องหมายการค้าก่อนส่งออกนอกประเทศ" ณ ศูนย์แถลงข่าว อาคาร 1 ชั้น 2 กรมศุลกากร คลองเตย

นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษก กรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้า - ส่งออก นำผ่าน และจำหน่ายยาเสพติด เพื่อให้ประชาชนปลอดภัย ด้านกระทรวงการคลัง โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จึงขานรับนโยบายและสั่งการให้กรมศุลกากรเข้มงวดกวดขันในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร จึงกำชับให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรเฝ้าระวังและเร่งปราบปรามการลักลอบ นำเข้ามาในและส่งออกไปนอกราชอาณาจักร โดยเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2567 กรมศุลกากร โดยกองสืบสวนและปราบปราม ได้ตรวจค้นผู้โดยสารต้องสงสัย 2 ราย ณ อาคารผู้โดยสารขาออก ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ได้มีการสืบทราบและทำการเฝ้าระวังติดตามมาระยะหนึ่ง ว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดออกนอกประเทศ โดยผู้โดยสารต้องสงสัยเตรียมเดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ มุ่งหน้าสู่ประเทศกานา เมื่อพบผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าวจึงทำการตรวจค้น พบเฮโรอีนซุกซ่อนอยู่ในสัมภาระของผู้โดยสารทั้ง 2 ราย น้ำหนัก 21.8 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 21.8 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของปฏิบัติการสกัดกั้นยาเสพติดข้ามชาติ โดยการปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างกรมศุลกากร ชุดปฏิบัติการ
สกัดกั้นยาเสพติดผ่านท่าอากาศยาน (Airport Interdiction Task Force : AITF) ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด รวมถึงสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ) และสำนักงานพิทักษ์เขตแดนแห่งออสเตรเลีย (Australian Border Force : ABF)

นอกจากนี้ กรมศุลกากร โดยกองสืบสวนและปราบปราม ตรวจยึดยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาไอซ์ (Methamphetamine) ณ ศูนย์ไปรษณีย์สุวรรณภูมิ จำนวน 2 คดี โดยเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2567 ได้ทำการวิเคราะห์ความเสี่ยงในการลักลอบส่งของต้องห้ามต้องกำกัดออกนอกราชอาณาจักร พบพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศต้องสงสัย ปลายทางประเทศอิสราเอล สำแดงเป็น “Coffee Medicines Dietary Supplement Products” ตรวจสอบพบ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาไอซ์ (Methamphetamine) ลักษณะเป็นเกล็ดสีขาวใส ซุกซ่อนในซองเครื่องดื่มสำเร็จรูป น้ำหนัก 2,000 กรัม มูลค่า 600,000 บาท ต่อมาในวันที่ 9 ธันวาคม 2567 พบพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศต้องสงสัย ปลายทางประเทศออสเตรเลีย สำแดงเป็น “Food” ตรวจสอบพบ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาไอซ์ (Methamphetamine) บรรจุในห่อพลาสติกใสซุกซ่อนในซองเครื่องดื่มสำเร็จรูป น้ำหนัก 3,900 กรัม มูลค่าประมาณ 1.17 ล้านบาท
ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นความผิดตามมาตรา 242 และมาตรา 252 ประกอบมาตรา 166 และมาตรา 167 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และประมวลกฎหมายยาเสพติด

และเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2567 กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ตรวจสอบสินค้าขาออกแสดงข้อมูลในใบขนสินค้าเป็น เสื้อผ้า อาหารแห้ง และของใช้ในครัวเรือน ระบุปลายทางประเทศอังกฤษ ตรวจพบเป็นช่อดอกกัญชาบรรจุในอาหารแห้ง (กะปิ) น้ำหนักรวม 51.35 กิโลกรัม มูลค่า 513,500 บาท นอกจากนั้นยังตรวจพบสินค้าต้องสงสัยว่าละเมิดเครื่องหมายการค้ากว่า 240 ชิ้น น้ำหนักรวม 182.63 กิโลกรัม มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 336,000 บาท
เนื่องด้วยช่อดอกกัญชาจัดเป็นสมุนไพรควบคุม ผู้ใดประสงค์จะส่งออกจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาต ซึ่งในขณะตรวจค้นผู้ส่งของออกไม่มีใบอนุญาตดังกล่าวมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ฯ กรณีนี้จึงเป็นความผิดฐานแสดงข้อมูลไม่ถูกต้องครบถ้วน และส่งของที่กำลังผ่านพิธีการศุลกากรออกไปนอกราชอาณาจักร โดยหลีกเลี่ยงข้อห้ามข้อจำกัดเกี่ยวกับของนั้น อันเป็นความผิดตามมาตรา 202, 208, 244 และ 252 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบกับประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องสมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ. 2565 และ พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 สำหรับสถิติการจับกุมยาเสพติดของกรมศุลกากร ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 – 15 ธันวาคม 2567 จับกุมได้ 57 คดี มูลค่า 109.67 ล้านบาท กัญชาและช่อดอกกัญชา จำนวน 204 คดี มูลค่า 13.88 ล้านบาท สินค้าละเมิดเครื่องหมายทางการค้า (1 ตุลาคม 2567 - 30 พฤศจิกายน 2567) จำนวน 101 คดี มูลค่า 3.57 ล้านบาท

ทั้งนี้ โฆษกกรมศุลกากรกล่าวต่ออีกว่า กรมศุลกากรจะเดินหน้าสกัดกั้นภัยยาเสพติดและของละเมิดกฎหมายอย่างไม่ลดละ และยืนยันว่าจะเดินหน้าเฝ้าระวังและทำงานเชิงรุกอย่างเข้มข้น พร้อมเป็นด่านหน้าในการสกัดกั้นการกระทำความผิดในทุกช่องทาง เพื่อเป็นการขานรับนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการสร้างความสุขให้สังคมไทย และสร้างความปลอดภัยและความมั่นคงให้ประเทศ”

ข่าว : “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งจัดกำลังทีมบรรเทาสาธารณภัยพร้อมอุปกรณ์ มุ่งหน้าเร่งด่วนช่วยชาวนครศรีธรรมราชที่ประสบอุทุกภัย”  ...
16/12/2024

ข่าว : “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งจัดกำลังทีมบรรเทาสาธารณภัยพร้อมอุปกรณ์ มุ่งหน้าเร่งด่วนช่วยชาวนครศรีธรรมราชที่ประสบอุทุกภัย”

เช้านี้ 16/12/67 โดยนายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการฯ มอบหมายให้ นายอรัณย์ โตทวด ผจก.ใหญ่มูลนิธิฯ จัดทีมแผนกบรรเทาฯ เจ้าหน้ากู้ชีพ-กู้ภัย และโรงครัวเคลื่อนที่ จำนวน 54 นาย เรือท้องแบน4 ลำ ถุงยังชีพ 1,000 ชุด ยาสามัญประจำบ้าน 1,000 ชุด เสื้อชูชีพ 100 ตัว อาหารสัตว์ สุนัขและแมว 6 กระสอบ ออกเดินทางช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมจ.นครศรีธรรมราช และพื้นที่ประสบภัย

ข่าว : รมว. ยุติธรรมพร้อมคณะ ลงพื้นที่เขตลาดกระบัง เพื่อตรวจเยี่ยมติดตามการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดและสารเส...
13/12/2024

ข่าว : รมว. ยุติธรรมพร้อมคณะ ลงพื้นที่เขตลาดกระบัง เพื่อตรวจเยี่ยมติดตามการดำเนินงานป้องกัน
และแก้ไขปัญหายาเสพติดและสารเสพติดและการให้ความช่วยเหลือนักเรียนไม่ให้ออกจากระบบการศึกษา

วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม 2567 เวลา 13.30 น. พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมพร้อมคณะ ลงพื้นที่เขตลาดกระบัง เพื่อตรวจเยี่ยมติดตามการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดและสารเสพติดและการให้ความช่วยเหลือนักเรียนไม่ให้ออกจากระบบการศึกษา ณ ห้องประชุมโรงเรียนวัดปากบึง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร
โดยมีคณะผู้บริหารให้การต้อนรับ ประกอบด้วย นายอำนาจ เหล่ากอที ผอ.ปปส.กทม., ดร.สุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร รองศาสตราจารย์ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หน่วยงานทั้งภายในและภายนอกสังกัดกรุงเทพมหานคร และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมติดตามการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดและสารเสพติดและการให้ความช่วยเหลือนักเรียนไม่ให้ออกจากระบบการศึกษา โดยบูรณาการความช่วยเหลือกับหน่วยงานและภาคีเครือข่าย พร้อมทั้งให้ทุนประกอบอาชีพแก่ครอบครัวที่ประสบปัญหาด้านรายได้ ซึ่งโรงเรียนวัดปากบึง สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร เป็นต้นแบบการดำเนินงาน ZERO DROP OUT
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มอบนโยบายในการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 การทำงานแบบบูรณาการร่วมกันอย่างจริงจังและมีความต่อเนื่อง เกิดผลการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความพึงพอใจให้กับประชาชน หลังจากกล่าวมอบนโยบายเสร็จได้รับชม VTR สรุปภาพรวมการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กเสี่ยงในสถานศึกษา เขตลาดกระบัง และรับฟังรายงานผลการดำเนินงานที่ผ่านมา โดย ผอ.ปปส.กทม. ได้นำเสนอข้อมูลสถานการณ์ปัญหายาเสพติดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกรุงเทพมหานคร , ผู้อำนวยการเขตลาดกระบังนำเสนอการดำเนินงานตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก, ผู้อำนวยการสถานศึกษาโรงเรียนวัดปากบึงรายงานผลการดำเนินงานที่ผ่านมา สะท้อนปัญหาและอุปสรรค, ผู้แทนเครือข่ายในพื้นที่ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ได้แก่ ชุมชน คณะกรรมการสถานศึกษา สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสถานีตำรวจนครบาลร่มเกล้า
หลังจากนั้นเวลาประมาณ 14.30 น. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและผู้บริหารกรุงเทพมหานครลงพื้นที่ ชุมชนเคหะร่มเกล้าโซน 1 เขตลาดกระบัง เพื่อเยี่ยมบ้านนักเรียนที่อยู่ในการดูแลช่วยเหลือ ตรวจเยี่ยมชุมชนเคหะร่มเกล้าโซน 1 เพื่อดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน รับฟังปัญหาที่ต้องการให้ช่วยเหลือ และร่วมแถลงข่าวก่อนเดินทางกลับ

ข่าว : รมว.ยุติธรรม ตั้งวอร์รูมบัญชาการ ประชุมติดตามสถานการณ์ ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมจังหว...
10/12/2024

ข่าว : รมว.ยุติธรรม ตั้งวอร์รูมบัญชาการ ประชุมติดตามสถานการณ์ ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมจังหวัดชายแดนใต้

(9 ธันวาคม 2567 เวลา 17.00 น.) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตั้งวอร์รูมบัญชาการ ประชุมติดตามสถานการณ์ ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมจังหวัดชายแดนใต้ กับ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ แบบออนไลน์ ผ่าน ห้องวอร์รูม ชั้น 11 กระทรวงยุติธรรม แจ้งวัฒนะ โดยมี ข้าราชการ พนักงานและเจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานระดับกรมในสังกัด กระทรวงยุติธรรม และในกำกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทั้ง 13 องค์กร ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม, สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงยุติธรรม, กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ, กรมคุมประพฤติ, กรมบังคับคดี, กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน, กรมราชทัณฑ์, กรมสอบสวนคดีพิเศษ, สำนักงานกิจการยุติธรรม, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.), สถาบันนิติวิทยาศาสตร์, สถาบันอนุญาโตตุลาการ, สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ร่วมประชุมด้วย

ข่าว : รรท.ผบช.สตม.สั่งตรวจสอบด่วน ชาวเมืองเอกร้องถูกมาเฟียต่าวด้าวยึดถนนตั้งร้านขายของเก็บค่าจอดรถถนนในเมืองเอกจากกรณีป...
10/12/2024

ข่าว : รรท.ผบช.สตม.สั่งตรวจสอบด่วน ชาวเมืองเอกร้องถูกมาเฟียต่าวด้าวยึดถนนตั้งร้านขายของเก็บค่าจอดรถถนนในเมืองเอก

จากกรณีปรากฎในสื่อสังคมออนไลน์ ช่อง “ไทยรัฐออนไลน์” วันที่ 9 ธ.ค.67 เวลา 13.30 น.ความว่า “ชาวเมืองเอก ร้องถูกมาเฟียต่างด้าวยึดถนนตั้งร้านขายของ แถมเก็บค่าจอดรถพื้นที่จังหวัดปทุมธานี”

ในวันเดียวกัน พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รรท.ผบช.สตม. สั่งการให้ ผกก.ตม.จว.ปทุมธานี ประสานตำรวจพื้นที่และ จัดหางานจังหวัดปทุมตรวจสอบด่วน ถ้าพบการกรระทำความผิดให้ดำเนินคดีทุกราย และหากมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด

ต่อมาเวลา 17.00 น. ผกก.ตม.จว.ปทุมธานี บูรณาการกำลังร่วมกับ สภ.ปากคลองรังสิต, จัดหางาน,กอ.รมน. จว.ปทุมธานี ,เทศบาลหลักหก จว.ปทุมธานี ร่วมกันตรวจบริเวณ ถนนเอกเจริญ ซอยตรงข้ามนาวงศ์พัฒนา4 ต.หลักหก อ.เมือง จว.ปทุมธานี ผลการตรวจสอบ
1.พบร้านค้าตั้งเรียงอยู่สองข้างทางตามแนวซอยถนน จำนวน 20 ร้าน ตั้งแต่ปากซอย-ท้ายซอย ไม่พบร้านขายอาหารตั้งอยู่บนทางเท้าที่มีลักษณะกีดขวางการจราจร ไม่พบคนต่างด้าวที่เป็นเจ้าของร้าน หรือคนต่างด้าวทำตัวเป็นมาเฟียเรียกเก็บค่าจอดรถ และไม่พบรถจักรยานยนต์พ่วงข้างจอดขายของ
2.จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 1 ราย
-ผู้ถูกจับ mrs.la somchanmavong อายุ 32 ปี สัญชาติลาว หนังสือเดินทางเลขที่ P1588684
ข้อหาทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน
3.ร้องทุกข์กล่าวโทษ น.ส.ชัชฎาพร (สงวนนามสกุล) ในข้อหา รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน ต่อ พงส.สภ.ปากคลองรังสิต ดำเนินคดีตามกฎหมาย
4.เปรียบเทียบปรับนายจ้างข้อหารับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่แจ้งต่อนายทะเบียนภายใน 15 วัน(ต่างด้าว 2 ราย)

รรท.ผบช.สตม. กล่าวต่อว่า แม้ว่าการลงพื้นที่ตรวจสอบในครั้งนี้ จะพบผู้กระทำความผิดเพียง 2 ราย และไม่พบว่ามีการเรียกเก็บค่าจอดรถ แต่อย่างไรก็ดี ตนได้กำชับให้ ตม.จว.ปทุมธานี รวมถึง ตม.ทั่วประเทศ หมั่นออกตรวจสอบในพื้น อย่าให้มีการกระทำพฤติการณ์ตามที่มีการร้องเรียนโดยเด็ดขาด หากพบเบาะแสสามารถแจ้งเข้ามาได้ที่ ตม.ในพื้นที่ หรือสายด่วน 191 ทั่วประเทศ

ข่าว : มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ตอกย้ำปณิธาน “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” มอบห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ มาตรฐาน ISO7 มูลค่ากว่า ...
10/12/2024

ข่าว : มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ตอกย้ำปณิธาน “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” มอบห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ มาตรฐาน ISO7 มูลค่ากว่า 4.1 ล้านบาท แก่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม มอบโอกาสการรักษา ช่วยเหลือชาวนครพนมอย่างยั่งยืน
วันนี้ (วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2567) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ และคณะกรรมการมูลนิธิ ร่วมในพิธีมอบห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ มาตรฐาน ISO7 มูลค่า 4,180,000 บาท (สี่ล้านหนึ่งแสนแปดหมื่นบาทถ้วน) แก่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม จังหวัดนครพนม โดยมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ประธานกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช กล่าวขอบคุณ และคณะกรรมการฯ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม ร่วมรับมอบ ณ ห้องประชุม ชั้น 2 อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ
การสนับสนุนเครื่องมือทางการแพทย์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ริเริ่มสนับสนุนครั้งใหญ่เนื่องในโอกาสครบรอบ 110 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เมื่อปีพ.ศ.2563 รวมทั้งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยได้มีการสนับสนุนเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นการมอบครุภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ มอบรถพยาบาลติดตั้งอุปกรณ์ มอบรถ X-Ray เคลื่อนที่ระบบดิจิทัล เป็นต้น รวมมูลค่าการสนับสนุนทางการแพทย์ไม่ต่ำกว่า 197 ล้านบาท
ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และเฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

ข่าว : รรท.ผบช.สตม. ขานรับนายก สั่ง ตม.ทั่วประเทศระดมกวาดล้างอาชญากรรม รุดตรวจสนามบินสุวรรณภูมิ เตรียมรับนักท่องเที่ยวช่...
09/12/2024

ข่าว : รรท.ผบช.สตม. ขานรับนายก สั่ง ตม.ทั่วประเทศระดมกวาดล้างอาชญากรรม รุดตรวจสนามบินสุวรรณภูมิ เตรียมรับนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่ คาดอาจสูงถึง 120,000 คนต่อวัน

วันนี้ (9 ธ.ค.67) เวลา 13.30 น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รรท.ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช.สอท.ปรก.รอง ผบช.ตม. และ พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง บริเวณช่องตรวจทั้งระบบ เพื่อดูสภาพปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีผู้โดยสารหนาแน่นมากๆ พร้อมเรียก ตม.สนามบินทั่วประเทศประชุมเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่จะเดินทางเข้ามาในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้

พล.ต.ต.ภาณุมาศ ฯ​ เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศ 10 นโยบายเร่งด่วน ซึ่งการส่งเสริมการท่องเที่ยวถือเป็นนโยบายหนึ่ง ต่อยอดมาตั้งแต่รัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ที่มีนโยบาย Visa Free ให้กับ 93 ประเทศและดินแดนทั่วโลก ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยมากขึ้นนับตั้งแต่ช่วงหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 เป็นต้นมา และคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากที่สุดในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยอาจสูงถึง 120,000 คนต่อวันทีเดียว ซึ่งนับตั้งแต่ 1 ม.ค.67 ถึงปัจจุบัน มีคนต่างชาติเดินทางเข้าไทยมากถึง 28 ล้านคน โดยสัญชาติที่เดินทางเข้าไทยมากที่สุด 5 อันดับคือ จีน 6.4 ล้านคน อินเดีย 2 ล้านคน เกาหลีใต้ 1.7 ล้านคน รัสเซีย 1.4 ล้านคน และญี่ปุ่น 1.1 ล้านคน

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ ตม.จะต้องเตรียมการรองรับ ทั้งระบบเทคโนโลยี ที่ต้องนำมาใช้ในการตรวจคัดกรอง คือระบบ Biometric ต้องมีความพร้อม 100% พร้อมเตรียมแผนสำรองไว้กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ระบบล่ม ซึ่งจะไม่เกิดปัญหาในการปฏิบัติอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มอัตรากำลังพลเพื่อให้เพียงพอต่อการให้บริการ โดยการระดมกำลังจากทุกส่วนมาช่วยสนับสนุนเพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าในการตรวจ

รรท.ผบช.สตม.กล่าวต่อว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีข้อจำกัด บริเวณพื้นที่รองรับผู้โดยสาร ซึ่งสามารถรองรับได้สูงสุด 2,000 คน แต่หากมีไฟล์ทบินเข้ามาพร้อมกันเป็นจำนวนมาก อาจมีผู้โดยสารสูงถึง 5,000-6,000 คน ทำให้การระบายผู้โดยสารล่าช้าเกิดปัญหาแถวยาวเหมือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ สตม.ได้แก้ปัญหาโดยการปรับลดขั้นตอนการตรวจลง เช่น ยกเลิกการเขียนเที่ยวบินและลงนามในตราประทับ ยกเลิกการ Scan Boarding Pass โดยเป็นการ Pop Up อัตโนมัติจากระบบ APPS ยกเลิกการประทับตราคนต่างชาติที่ใช้ Auto Channel ขาออก และการยกเลิก Scan Boarding Pass ที่ช่องตรวจ Auto Channel ที่ขาเข้า และ ขาออก เป็นต้น เชื่อมั่นว่าการปฏิบัติงานของ ตม. เป็นไปตามมาตรฐานสากล และจะสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอย่างแน่นอน

นอกจากนี้แล้ว ยังได้สั่งการให้ ตม.ทั่วประเทศ ระดมกวาดล้างจับกุมคนต่างด้าว ที่กระทำผิดกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 11-17 ธ.ค.67 อย่างเช่น ความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ร.ก.การบริหารการทำงานของคนต่างด้าว หรือ พฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายละเมิดต่อกฎหมายอื่นๆ การรวมตัวกันเป็นกลุ่มแก๊ง ตามนโยบาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ซึ่งตนมองว่า การรวมตัวกันไปกระทำเรื่องที่ดี เช่นทำบุญ หรือไปท่องเที่ยวไม่ใช่เรื่องผิด แต่การรวมตัวกันแล้วไปก่อความเดือดร้อนรำคาญ หรือเพื่อไปหาเรื่องกับกลุ่มแก๊งอื่น แบบนี้เอาไว้ไม่ได้ ต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ล่าสุด ได้สั่งการให้ ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร นำกำลังไป X-Ray จุดเสี่ยงที่มีการรวมตัวกัน สามารถจับกุมนาย Aung อายุ 40 ปี สัญชาติเมียนมา ข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน และเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ และขอเตือนไปยังคนต่างด้าวที่มีพฤติกรรมในลักษณะนี้ว่าให้เลิกเสีย เพราะต่อจากนี้ไป ตม.จะดำเนินการอย่างจริงจังอย่างต่อเนื่อง โดยการบูรณาการกับทุกภาคส่วน

ที่อยู่

Changwat Rayong

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ The trap newsผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

วิดีโอทั้งหมด

แชร์