ไอ่จุ้น จอมซน

19/05/2024

ถ้าหากมีปัญหาที่ทำงานอย่าพึ่งลาออกลองด่าคนที่สร้างปัญหาดูก่อนเผื่อมันจะดีขึ้น?

15/05/2024

ให้ภาพมีมันเล่าเอง

11/05/2024

ลองสิเทอ👇

07/05/2024

07/05/2024

🤔

07/04/2024

เออเกณฑ์ วันเดียวกันด้วย🤭😁😂😂😂

04/04/2024

กินข้าวกับอะไร ทำไม หลายใจจัง 😁

03/04/2024

บางคนมาเฮ็ดงาน
บางคนมาเฮ็ดหยัง

02/04/2024

ภาพลวงตา

29/03/2024

ขิงมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการเนื่องจากมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ และต้านจุลชีพ ประโยชน์หลักบางประการ ได้แก่:

1. ลดการอักเสบ: ขิงมีคุณสมบัติต้านการอักเสบที่สามารถช่วยบรรเทาอาการของโรคข้ออักเสบและภาวะอักเสบอื่นๆ
2. ปรับปรุงระบบย่อยอาหาร: ขิงสามารถเร่งการย่อยอาหาร ลดอาการท้องอืด และบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย รวมถึงอาการคลื่นไส้และอาเจียน
3. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: คุณสมบัติต้านจุลชีพและต้านเชื้อราของขิงสามารถช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและต่อสู้กับการติดเชื้อ
4. บรรเทาอาการ PMS: ขิงอาจช่วยลดอาการปวดประจำเดือนและอาการท้องอืดที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS)
5. ปกป้องผิว: สารต้านอนุมูลอิสระในขิงสามารถปกป้องผิวจากรังสี UV และชะลอการสลายตัวของคอลลาเจน ซึ่งช่วยให้ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
6. สนับสนุนการลดน้ำหนัก: คุณสมบัติในการสร้างความร้อนของขิงสามารถเพิ่มการเผาผลาญและส่งเสริมความรู้สึกอิ่ม ซึ่งอาจช่วยในการจัดการน้ำหนัก
7. ลดคอเลสเตอรอล: การบริโภคขิงอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล LDL ("ไม่ดี") ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
8. ปกป้องระบบประสาท: สารต้านอนุมูลอิสระในขิงอาจปกป้องสมองจากอนุมูลอิสระและปรับปรุงการทำงานของความจำ

ประโยชน์เหล่านี้ทำให้ขิงเป็นส่วนผสมที่มีประโยชน์หลากหลายซึ่งสามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่โดยรวมเมื่อนำไปใช้ในอาหารที่สมดุล อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงอาหารอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีภาวะสุขภาพหรือความกังวลใดๆ อยู่แล้ว
-----

27/03/2024

ฉันผู้ถูกมองว่า
"มีเงินตลอดเวลา"
ทั้งที่จริง ๆ สถานการณ์การเงินของฉันเข้าขั้น "นับเหรียญใช้แล้ว"🤣🤣

17/07/2023

จินตนาการในการทำอาหาร😁

16/07/2023

แอบสงสัย

06/07/2023

02/07/2023

ปังมาก🎉🎉

26/03/2023

แก้วเก็บความเย็นหน้าร้อนนี้ควรมีไว้ พิกัดซื้อ👇👇👇👇 https://shope.ee/6pU4eL48yg ซื้อตอนนี้ลดราคา50%กดเลย🥶🥶🥶

04/12/2022

งานวิจัยเผย ถ้าแมวเป็นคน ก็เป็นคนโรคจิต
การศึกษาของรีเบคกา อีเวนส์ (Rebecca Evans) และทีมงานจากมหาวิทยาลัยแห่งลิเวอร์พูลในสหราชอาณาจักร ได้ทำการสำรวจแมวบ้าน (สายพันธุ์ Felis silvestris catus) และระบุว่าแมวมีพฤติกรรมคล้ายคนที่ป่วยทางจิตหรือมีภาวะจิตที่ไม่มั่นคง (psychopath)
Psychopath หรือ ไซโคพาธนั้นคือโรคบุคลิกภาพผิดปกติในแบบต่อต้านสังคมของมนุษย์ซึ่งประกอบไปด้วยลักษณะอาการที่ขาดความเห็นใจผู้อื่น, ขาดความสำนึกผิด, ความรู้สึกด้านชาไม่เกรงกลัว, ขาดความยับยั้งชั่งใจ และ เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง
คณะวิจัยได้นำแบบวัดที่วัดความผิดปกตินี้ไปปรับใช้กับแมวในแบบสำรวจที่ชื่อว่า CAT-Tri+ ซึ่งประกอบไปด้วยคำถามที่ถามเจ้าของแมวเช่น ทรมานเหยื่อแทนที่จะฆ่ามันทันที” หรือ “เปล่งเสียงดัง (เช่น เหมียว, ร้องโหยหวน) โดยไม่มีเหตุผลชัดเจน” โดยเจ้าของจะให้คะแนนผ่านตัวเลือก "ไม่ได้อธิบายแมวของฉัน" ถึง "อธิบายแมวของฉันได้ดีมาก"
ผลลัพธ์ที่ได้นั้น พวกเขาพบว่าแมวส่วนใหญ่มีพฤติกรรมคล้ายกับคนที่เป็นไซโคพาธ “มีแนวโน้มว่าแมวทุกตัวมีองค์ประกอบของไซโคพาธ เนื่องจากพฤติกรรมนี้เคยเป็นประโยชน์สำหรับบรรพบุรุษของพวกมันในแง่ของการหาทรัพยากร เช่น อาหาร ดินแดน และโอกาสในการผสมพันธุ์” อีแวนส์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้แสดงความเป็นห่วงต่องานศึกษาชิ้นนี้ว่า การให้คำจำกัดความว่า "แมวเป็นไซโคพาธ" นั้นเหมือนกับการบอกว่าแมวตัวนั้นผิดปกติเช่นเดียวกับมนุษย์ ซึ่งอาจสร้างความเข้าใจผิดและส่งผลความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของและแมว
"การแปะป้ายว่าแมวมีลักษณะไซโคพาธแสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมและปัญหาพฤติกรรมเหล่านี้มีมาแต่กำเนิด และไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการฝึกหรือการปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม สิ่งนี้ทำให้ความเข้าใจของเราเกี่ยวกับพฤติกรรมและการรับรู้ของสัตว์ผิดไปและอาจส่งผลเสียต่อแมว" มิเกล เดลกาโด้ (Mikel Delgado) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องแมวกล่าวและเสริมว่า
"หลายรายการอธิบายถึงพฤติกรรมทั่วไปของสายพันธุ์ หรือแม้แต่พฤติกรรมที่พึงประสงค์ในแมว เช่นการข่วนหรือกัด แต่พวกเขายังใช้คำศัพท์เชิงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นลักษณะหนึ่งของไซโคพาธ แมวไม่ได้ใจร้าย นั่นเป็นคำที่ใช้ผิด พวกมันอาจแค่ตอบสนองต่อความเครียดในสภาพแวดล้อมต่างๆ"
ทั้งนี้อีเวนส์กล่าวว่าจุดประสงค์ของแบบสอบถามนี้มุ่งหวังเพื่อให้เจ้าของแมวได้เข้าใจบุคลิกภาพของแมวที่ตนเลี้ยงอยู่ และมีความสัมพันธ์กับแมวในระดับที่น่าพึงพอใจยิ่งขึ้น เช่นการเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของโดยการกระโดดขึ้นโต๊ะอาหารและเธอเองก็เป็นหนึ่งในทาสแมว
ท้ายที่สุด ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าหากรู้สึกว่าพฤติกรรมของแมวมีปัญหาควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือสัตวแพทย์เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับทั้งแมวและเจ้าของ
"แมวที่แสดงพฤติกรรมที่เป็นปัญหาสำหรับคนไม่ควรถูกตัดสินอย่างผิดๆ เช่นเดียวกับแบบสำรวจนี้ หากเราต้องใช้ชีวิตอย่างกลมกลืนกับแมวในฐานะเพื่อนของเรา พวกมันสมควรได้รับความเคารพและให้เกียรติ เพื่อให้ผู้ที่เลี้ยงแมวพบจุดที่พวกเขายืนอยู่บนเงื่อนไขของความเป็นแมว ไม่ใช่แค่ในของมนุษย์" เทรซี่ ฮอทช์เนอร์ (Tracie Hotchner) ผู้เขี่ยวชาญด้านแมวอีกท่านหนึ่ง กล่าว
สืบค้นและเรียบเรียง วิทิต บรมพิชัยชาติกุล
เผยแพร่ครั้งแรก มกราคม 2022