CREATIVE TALK "The Future Belongs to Your Creativity"

ติดต่อฝากข่าวประชาสัมพันธ์/Media Partner: [email protected]

สนใจลงโฆษณา: [email protected]

งานเสวนาภาพรวม และเทรนด์อสังหาริมทรัพย์ไทยที่สุดแห่งปี ที่คุณไม่ควรพลาด!  เตรียมพบกับ 𝙇𝙞𝙫𝙞𝙣𝙜𝙞𝙣𝙨𝙞𝙙𝙚𝙧 𝙉𝙚𝙭𝙩 𝟳.𝟬 𝘾𝙤𝙣𝙛𝙚𝙧𝙧𝙚𝙣𝙘𝙚...
18/11/2024

งานเสวนาภาพรวม และเทรนด์อสังหาริมทรัพย์ไทยที่สุดแห่งปี ที่คุณไม่ควรพลาด!
เตรียมพบกับ 𝙇𝙞𝙫𝙞𝙣𝙜𝙞𝙣𝙨𝙞𝙙𝙚𝙧 𝙉𝙚𝙭𝙩 𝟳.𝟬 𝘾𝙤𝙣𝙛𝙚𝙧𝙧𝙚𝙣𝙘𝙚 𝟮𝟬𝟮𝟰
จับกระแสตลาดอสังหาฯในยุคเปลี่ยนผ่าน…เตรียมพร้อมรับมือกับทุกความท้าทาย
ล้วงลึกทุกมิติของวงการอสังหาริมทรัพย์ พร้อมถอดรหัสเทรนด์ของตลาด พฤติกรรมผู้บริโภค และการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีล่าสุด ที่จะช่วยให้คุณพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจอย่างมั่นใจ รวมทั้งฟังการวิเคราะห์แลกเปลี่ยนมุมมอง การรับมือ กลยุทธ์การลงทุนอสังหาฯไทยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
𝙍𝙀𝘼𝙇 𝙏𝙄𝙈𝙀 | 𝙍𝙀𝘼𝙇 𝙇𝙄𝙁𝙀 | 𝙍𝙀𝘼𝙇 𝙀𝙎𝙏𝘼𝙏𝙀 ฝ่าวิกฤตพลิกโอกาส กับเทรนด์ตลาดอสังหาฯ
📌 วันที่ 28 พ.ย. 2567 Samyan Mitrtown Hall ศูนย์การค้าสามย่าน มิตรทาวน์ ชั้น 5 ตั้งแต่ เวลา 12.00 - 18.00 น.
🎟️ ซื้อบัตรเข้าร่วมงานราคาพิเศษได้แล้ววันนี้! ราคา 890.- (จากราคา 1,590.-)
อ่านรายละเอียด คลิก 👉 : https://www.livinginsider.com/next70_ticket.php?scroll=buy-ticket
✨ เปิดตัว Special Speaker 4 Sessions ในงาน NEXT 7.0 ผู้ที่มาพร้อมกับความรู้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ระดับแนวหน้าของประเทศไทย
🚀 Highlight Sessions ภายในงานนี่ไม่ควรพลาด
▪ PropTech & Living trends เทรนด์ที่เปลี่ยนแปลง กับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป โดย คุณตาล ภูวนัย ภัทรโภคิณ CEO Livinginsider
▪ Smart Living Smart Life ช่วยทำให้บ้าน เป็นมากกว่าบ้าน โดย คุณอาร์ต ขยล ตันติชาติวัฒน์
CEO Metthier
▪ Flipping the future of real estate เปิดช่องว่างตลาด พลิกวงการอสังหาไทย โดยคุณหมิว ศุภนิดา ตั้งตงฉิน Managing director บริษัท HomeRun Proptech
▪ The Power of AI & Innovation สร้างมูลค่าอสังหาฯ ด้วยปัญญาประดิษฐ์ โดยคุณเกน รัชวิทย์ หวังพัฒนธน CEO ANGA Bangkok Agency
▪ Living Introvert เข้าถึงคนรุ่นใหม่ใส่ใจพื้นที่ความเป็นส่วนตัว โดยคุณเขม ณัฏฐกิตติ์ ศิริรัตน์ Head of Marketing SC Asset
▪ Paw-sitive Changes เพื่อบ้านที่เป็นมิตร สำหรับชีวิตคนรักสัตว์ โดยคุณนฤมล อาภรณ์ธนกุล รองกรรมการผู้จัดการสายงานบริหารอาคาร Plus Property
▪ Survival Opportunities ทางเลือก ทางรอด ทางลงทุน โดยคุณตาล CEO Livinginsider, คุณมณีกานต์ อิสรีย์โกศล Director of sales & leasing บริษัท Asset World Corporation Co.,LTD, คุณคิม Kim Property Live และคุณ คุณปพิณริยา พึ่งเขื่อนขันธ์ หัวหน้าแผนกซื้อขายที่พักอาศัยรายย่อย บริษัท CBRE (Thailand)
มาร่วมอัปเดต ข้อมูลเชิงลึก และ เทรนด์ธุรกิจ ก่อนใคร!
เพราะโลกอสังหาฯ ไม่หยุดรอใคร Next 7.0 จะช่วยให้คุณก้าวนำทุกโอกาส! 🌐
#งานเสวนา #เทรนด์ #อสังหาริมทรัพย์

สรุปครบจบในโพสต์เดียว! อัปเดตเทรนด์ผู้บริโภคในปีหน้า โดย Accenture Life Trends 2025 ที่คนทำแบรนด์ คนทำธุรกิจ ต้องรู้เพื่...
18/11/2024

สรุปครบจบในโพสต์เดียว! อัปเดตเทรนด์ผู้บริโภคในปีหน้า โดย Accenture Life Trends 2025 ที่คนทำแบรนด์ คนทำธุรกิจ ต้องรู้เพื่อปรับตัว
อัปเดตเทรนด์ผู้บริโภคในปีหน้า! โดย Accenture Life Trends 2025 เมื่อความต้องการของลูกค้าเปลี่ยนไป แล้วธุรกิจจะต้องปรับตัวอย่างไร ?
❤️ หัวใจสำคัญของ ‘เทรนด์ มักเกิดจาก มนุษย์’
Accenture Life Trends 2025 ที่จัดโดย Accenture ที่ปรึกษาทางด้านเทคโนโลยี และธุรกิจระดับโลก พูดเกี่ยวกับแนวโน้มในแต่ละปีของผู้บริโภค, พฤติกรรม, ทัศนคติต่อสิ่งรอบตัว, ธุรกิจ, เทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
ซึ่งปีนี้แนวโน้มทั้ง 5 เทรนด์ ของ Accenture Life Trends 2025 ที่น่าสนใจจะมีอะไรบ้าง เพื่อเตรียมรับมือกับความต้องการลูกค้าเปลี่ยนไป แล้วธุรกิจจะต้องปรับตัวอย่างไร
#เทรนด์ที่1 : Cost of hesitations ผู้บริโภคมีความกังวลเรื่องของ AI
แกนของเทรนด์เกี่ยวข้องกับ ‘ต้นทุนของความลังเล’ เพราะความลังเลของผู้บริโภคจะนำไปสู่การไม่กล้าตัดสินใจในการซื้อสินค้า หรือเรื่องอื่น ๆ ที่ตามมา เทรนด์แรกนี้จึงเปิดภาพมาเพื่อปูให้เห็นว่า การมาของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แต่ผู้บริโภคมีความเชื่อถือต่อเทคโนโลยีลดน้อยลง เพราะผู้บริโภครู้สึกว่ากำลังถูกคุกคาม และความไม่ไว้วางใจเกิดขึ้น เพราะเทคโนโลยีเข้าถึงง่ายขึ้น แค่ตื่นขึ้นมาเราก็สามารถหยิบมือถือขึ้นมาโพสต์ได้แล้ว!
ไหนจะกระแสของการหลอกลวงแบบ Deep-fake ซึ่งมีรายงานระบุว่า ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พบ Deep-fake เพิ่มขึ้นสูงถึง 1,530% ตั้งแต่ปี 2022 - 2023 เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากอเมริกาเหนือ รวมไปถึงกลุ่มมิจฉาชีพต่าง ๆ ทำให้ผู้บริโภคเริ่มจะแยกแยะได้ยากขึ้นกว่าเดิม ว่าอันไหนเรื่องจริง อันไหนคือการหลอกลวง ความลังเลใจเหล่าส่งผลกระทบอย่างมากต่อคนบนโลกออนไลน์
แนวโน้มนี้เกิดจากปฏิกิริยาความลังเลของผู้บริโภคเมื่อต้องอยู่บนโลกออนไลน์ ซึ่งมีผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ที่ทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ ส่งผลให้ไม่สามารถเชื่อภาพสินค้า, รีวิว, แคมเปญการตลาด และเนื้อหาจากช่องทางออนไลน์ได้อย่างเต็มที่อีกต่อไป ซึ่งถือเป็นความท้าทายของแบรนด์ที่จะต้องสร้างความเชื่อมั่น ทางด้าน Generative AI เองเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังก็จริง แต่ก็มีคนนำมาใช้ทั้งในทางสุจริต และประสงค์ร้าย คนสามารถก่ออาชญากรรมทางออนไลน์ง่ายขึ้น ซึ่งนำมาสู่ความสับสน และความลังเลใจของผู้คน
📍 จากผลสำรวจของ Accenture Life Trends 2024 ระบุไว้ว่า
- 52% ของผู้คนส่วนใหญ่ เคยเห็นข่าวปลอม หรือบทความที่ไม่เป็นความจริง
- 52% เคยประสบกับการโจมตีหรือกลโกงจาก Deepfake เพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัวหรือเงิน
- 38.8% เคยเห็นรีวิวสินค้าที่เป็นการหลอกลวงทางออนไลน์
📍 รายงานจาก Getty Images เปิดเผยว่า ผู้คนรู้สึกไม่ค่อยดีนักกับแบรนด์ที่ใช้ภาพที่สร้างด้วย AI ผลสำรวจจากผู้คนกว่า 7,500 คนใน 25 ประเทศพบว่า
- 90% ของผู้บริโภคต้องการทราบว่าภาพนั้นสร้างด้วย AI หรือไม่
- 87% ให้คุณค่ากับความแท้จริงของภาพ ที่สำคัญ
- 76% บอกว่าพวกเขารู้สึกยากขึ้นในการแยกแยะระหว่างภาพจริงและภาพที่สร้างด้วย AI ซึ่งเพิ่มความสงสัยมากขึ้น
🤔 แนวทางการรับมือ สิ่งที่แบรนด์ หรือธุรกิจต้องคิดทบทวนและไปต่อ
🔹 “The whole point of business is to build that trust with their consumers.” สิ่งที่เรียกว่า Trust หรือความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจ กลายเป็นคีย์สำคัญของการทำธุรกิจไปแล้ว และเป็นหัวใจหลักที่สำคัญมาก ๆ ในโลกดิจิทัล แบรนด์ควรมอบความไว้วางใจในทุกช่องทางที่ลูกค้าของคุณอยู่
🔹 Deep-fake ยังคงเพิ่มขึ้น ดังนั้นความเร็วในการจัดการ + ความปลอดภัย เป็นเรื่องสำคัญ แพลตฟอร์มควรพัฒนา และลงทุนในการจัดการเนื้อหาที่อันตราย และหลอกลวง เพื่อรับมือกับความลังเลใจของผู้บริโภค รวมไปถึงจรรยาบรรณในการใช้ AI ความรับผิดชอบของแบรนด์สำคัญอย่างมาก เพื่อลดความกังวลใจให้กับผู้บริโภค
#เทรนด์ที่2 : The parent trap นี่คือยุคที่สื่อเลี้ยงลูกมากกว่าพ่อแม่
เทรนด์ที่ 2 เรียกได้ว่าคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่มีความท้าทายมากมายรออยู่! ซึ่งหนึ่งในความท้าทายนั้นคือการช่วยให้คนรุ่นใหม่สร้างความสัมพันธ์ภายในครอบครัวที่ปลอดภัย และดีต่อสุขภาพ รวมไปถึงเท่าทันการใช้เทคโนโลยี เพราะการเติบโตปัจจุบันแตกต่างจากยุคเดิมอย่างมาก เรียกได้ว่าพ่อแม่ยุคใหม่มีภาวะความเปราะบางสูงขึ้น ซึ่งมักกังวลอิทธิพลจากสื่อทางออนไลน์แทนลูก และกลัวลูก ๆ จะถูกชักจูงไปสู่พฤติกรรมที่รุนแรง เมื่อไหร่ที่เราสนใจสื่อที่นำไปสู่ในทางที่ไม่ดี อัลกอริทึมก็จะจับได้ว่าเรามีความสนใจเนื้อหาเหล่านั้นมากขึ้น
มีเหตุการณ์หนึ่งในญี่ปุ่น กับปรากฏการณ์ตัดขาดความสัมพันธ์ทางสังคมอย่างสุดขั้วที่เรียกว่า "ฮิกิโคโมริ" (Hikikomori) เป็นที่จับตามองตั้งแต่ปลายทศวรรษ 1990 ซึ่งเป็นช่วงที่การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตแพร่หลาย และเด็กผู้ชายวัยรุ่นเริ่มแยกตัวอยู่คนเดียว โดยคุณ Vivek Murthy ศัลยแพทย์ในสหรัฐอเมริกา ได้บอกไว้ว่า วิกฤตสุขภาพจิตในวัยรุ่น (โดยเฉพาะช่วงอายุ 18-25 ปี) ถือเป็นภาวะฉุกเฉิน ซึ่งมี Social Media เป็นสาเหตุสำคัญ
📍 รายงานจากข้อมูลของ YouGov พบว่า
- 64.7% ของผู้คนทั่วโลกคิดว่าพ่อแม่ควรจำกัดเวลาในการใช้โซเชียลมีเดียของลูก ๆ
ต้องยอมรับว่าบริษัทเทคโนโลยียังขาดความเข้าใจต่อสถานการณ์ของผู้ปกครอง การแนะนำให้ผู้ปกครองเพียงแค่ยึดสมาร์ตโฟนไปจากลูก ๆ เป็นการแนะนำที่ขาดความเข้าใจ ดังนั้นเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับแบรนด์คือ หรือเราอาจจะต้อง Radical Rethink
🤔 แนวทางการรับมือ สิ่งที่แบรนด์ หรือธุรกิจต้องคิดทบทวนและไปต่อ
🔹 การสร้างแบรนด์ หรือการทำการตลาดในกลุ่มวัยรุ่น (คน GEN Z) อาจไม่ได้พึ่งพาเพียงแค่ Social Media อีกต่อไป แต่การผสมผสานออฟไลน์ สร้างความเข้าใจ ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ เชื่อมโยงความเป็นมนุษย์ในโลกแห่งความเป็นจริง รวมไปถึงการมอบข้อเสนอที่เป็นมิตรกับผู้ปกครอง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์
🔹 เรื่องของขอบเขตการเข้าถึงทั้งในแง่โฆษณา, สื่อทุกชนิด แบรนด์ต้องคำนึงให้มาก การทำเนื้อหาที่นำไปสู่การเป็นอันตรายต่อกลุ่มวัยรุ่นคงไม่ดีนัก หรือการเจาะจงเรื่องเพศ อะไรที่มีความสุ่มเสี่ยงเป็นสิ่งที่แบรนด์ต้องระมัดระวัง และต้องรีบจัดการเรื่องนี้ทันทีอย่างเด็ดขาด
#เทรนด์ที่3 : Impatience economy ผู้บริโภคมีความอดทนต่ำ แต่มีความต้องการมากขึ้น!
แกนหลักของเทรนด์นี้คือ ‘เศรษฐกิจแห่งความใจร้อน’ หมายถึง ผู้บริโภคมักแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วผ่านเนื้อหาบนโลกออนไลน์ที่เข้าถึงได้เร็วขึ้น เพื่อตอบสนองความใจร้อนที่เพิ่มขึ้น ในทางกลับกันความอดทนก็ลดลง หากแบรนด์ไม่ตอบสนองความต้องการเหล่านี้ โอกาสที่ผู้บริโภคจะหันไปเชื่อในสังคมออนไลน์ก็จะมากขึ้น สิ่งสำคัญคือแบรนด์จะเติมช่องว่างเหล่านี้เพื่อรักษาลูกค้าไว้ได้อย่างไร
📍 จากผลสำรวจของ Accenture Life Trends 2024 ระบุไว้ว่า
- 68.2% ของผู้คนจะมีส่วนร่วมกับแบรนด์มากขึ้นหากแบรนด์ให้ความรู้ผ่านบล็อก และวิดีโอ
- 63.2% มักจะได้รับแรงบันดาลใจจาก Social Media ในการทำตาม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคน 18-34 ปี
- 55% ของผู้คนชอบวิธีแก้ปัญหาแบบรวดเร็วมากกว่าวิธีดั้งเดิม ยอมเสี่ยงลงทุนเพื่อสุขภาพและการเงินของตนเอง
📍 อีกผลสำรวจเกี่ยวกับ Long-term Support ที่ผู้บริโภคต้องการ
- 61.1% การลงทุนทางการเงิน
- 59.9% สุขภาพร่างกาย
- 58.9% สุขภาพจิต
- 57.2% การประกันภัย
- 56.6% การศึกษาและการพัฒนาทักษะ
สิ่งใดที่แบรนด์สามารถทำให้ชีวิตผู้บริโภคง่ายขึ้นหรือช่วยประหยัดเวลาได้ ถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าแก่การใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นในระยะสั้นหรือระยะยาว รวมไปถึงผู้บริโภคยินดีจ่ายเพื่อประสบการณ์ใหม่ที่น่าจดจำ กลุ่ม Gen Z และ Millennials รักการซื้อสินค้าที่ไม่แพงมาก แต่สามารถเพลิดเพลินได้ไม่รู้จบ เรื่องของ Person-to-Person Quality ก็สำคัญมาก ผู้บริโภคมีความชอบแตกต่างกัน แล้วถ้ายิ่งเนื้อหานั้นมาจาก Influencers ที่เขาชื่นชอบ ได้มีส่วนร่วมในการแบ่งปันเรื่องราวกับแฟนคลับที่ชอบเหมือน ๆ กัน นี่คือความได้เปรียบของแบรนด์ที่จะช่วยสร้างการมีส่วนร่วมให้กับผู้บริโภคมากขึ้น
🤔 แนวทางการรับมือ สิ่งที่แบรนด์ หรือธุรกิจต้องคิดทบทวนและไปต่อ
🔹 แบรนด์ควรใช้เวลานี้ตรวจสอบประสบการณ์ที่มอบให้กับลูกค้า เช่น มีระบบอะไรที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกเข้าถึงง่าย ราบรื่นไม่มีสะดุด รวมถึงความใส่ใจส่วนบุคคล เพื่อมอบประสบการณ์ที่เข้าถึงลูกค้าอย่างแท้จริง และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
🔹 ผู้บริโภคต้องการคำแนะนำและความช่วยเหลือจากแบรนด์ที่เข้าใจ การมีช่องทางที่รู้ว่าลูกค้าอยู่ตรงไหนสำคัญมาก แล้วเข้าไปสื่อสารให้มาก ทำให้เขารู้สึกใกล้ชิดและใช้เสียงของลูกค้าเป็นตัวเชื่อมโยง ซึ่งนี่คือ Insight ที่แท้จริง
#เทรนด์ที่4 : The dignity of work อย่าทำให้ AI เป็นเหมือนมนุษย์ และอย่าทำให้มนุษย์เป็นเหมือน AI
แกนสำคัญของเทรนด์นี้ต้องยกให้กับ ‘ผู้นำ (Leader)’ เพราะการปฏิบัติต่อพนักงานจะเป็นตัวกำหนดว่าพนักงานจะยอมรับหรือกังวลต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งจากทางเทคโนโลยีอย่าง Generative AI หรือการให้คุณค่าในการใช้ชีวิตในองค์กร ดังนั้นการลงทุนในคุณค่าระหว่างนายจ้างและพนักงานจะประสบความสำเร็จได้นั้น ขึ้นอยู่กับการลงทุนในคุณค่าที่เห็นร่วมกันทั้งสองฝ่าย เพราะหากพนักงานขาดแรงจูงใจและไม่มีอิสระในการทำงาน เราจะไม่มีวันคาดหวังในเชิงการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ, การบริการที่ดี และประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้าได้เลยแม้แต่น้อย
📍 จากผลสำรวจของ Accenture Life Trends ระบุไว้ว่า
- 52% พนักงานส่วนใหญ่ ให้ความสำคัญกับสมดุลระหว่างงานและชีวิต
- 48% พนักงานส่วนใหญ่ ให้ความสำคัญกับเงินเดือน
- 39% พนักงานส่วนใหญ่ ให้ความสำคัญกับสมดุลชีวิตมากกว่าปัจจัยอื่น ๆ
สัญญาณนี้น่าสนใจ เพราะมีแนวโน้มที่ว่า ‘เงินอาจมีผลน้อยลงในการกระตุ้นให้คนทำงานหนักขึ้น’ และจากการวิเคราะห์ข้อมูลของ YouGov ทั่วโลกพบว่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา ผู้คนให้ความสำคัญกับเวลาว่างมากขึ้น รวมไปถึงการศึกษาของ Future of Work ของ Accenture พบว่ามีเพียง 29% ของพนักงานที่เชื่อว่าผู้นำองค์กรสนใจในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพนักงาน
📍 นอกจากนี้ยังมีผลสำรวจที่เกี่ยวข้องกับคนทำงาน ระบุไว้ว่า
- 82% จากการศึกษาของ Gartner ระบุไว้ว่า พนักงานอยากให้องค์กรควรมองพวกเขาในฐานะ “คน” มากกว่าเป็นแค่ “ทรัพยากร”
- 49.5% จากการศึกษาของ Accenture Life Trend พบว่า “การเพิ่มประสิทธิภาพ” เป็นข้อความที่พนักงานได้รับจากนายจ้างมากที่สุด ซึ่งมากกว่าข้อความเกี่ยวกับการเพิ่มคุณค่าให้ลูกค้า หรือการพัฒนาบุคลากร
- 42% จากการศึกษาของ Credit Karma พบว่า Gen Z และ Millennials ประสบกับ "Money Dysmorphia" หรือความรู้สึกไม่มั่นคงด้านการเงิน ส่งผลให้บางคน "acting their wage" หรือทำงานเพียงเท่าที่ได้รับค่าจ้าง ไม่ยอมทำงานนอกเหนือจากหน้าที่ในช่วงที่เกิดการปลดพนักงาน หรืองดการจ้างงาน
🤔 แนวทางการรับมือ สิ่งที่แบรนด์ หรือธุรกิจต้องคิดทบทวนและไปต่อ
🔹 พนักงานต้องการได้รับการเติมพลังใหม่ โดยเริ่มจากผู้นำเป็นแบบอย่าง โดยเฉพาะการเห็นความเป็นมนุษย์ร่วมกันอย่างแท้จริง ทั้งการเจอตัวและทำงานผ่านออนไลน์ เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ ความไว้วางใจ ซึ่งผู้นำควรใส่ใจและจับตาดูเรื่องของความรู้สึกของคนทำงานให้มากขึ้น
🔹 อย่าทำให้ AI เป็นเหมือนมนุษย์ และอย่าทำให้มนุษย์เป็นเหมือน AI ภารกิจสำคัญของผู้นำในยุคต่อไปคือการออกแบบงานที่เติมเต็มคุณค่าด้วยศักดิ์ศรีและความเคารพร่วมกัน เพื่อรักษาคนเก่งไว้
🔹 การให้เกียรติคนทำงาน ทำให้เขาเห็นว่าเขามีตัวตน เป็นฟันเฟืองสำคัญต่อเป้าหมายของทีมเป็นสิ่งสำคัญ รวมไปถึงควรมีสิทธิ์ให้พนักงานแสดงความคิดเห็นในการใช้งาน AI เพราะพวกเขาเหล่านี้รู้วิธีการทำงานของตัวเองดีที่สุด ขณะนี้การใช้ Generative AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ผู้นำควรคิดว่าจะให้พนักงานรับผิดชอบต่อผลงานที่ AI สร้างขึ้นอย่างไร
#เทรนด์ที่5 : Social rewilding การปรับสมดุลระหว่างเทคโนโลยี และโลกแห่งความเป็นจริง
แกนสำคัญของเทรนด์นี้คือ “การเชื่อมโยงสังคมกลับสู่โลกจริง” ผู้คนส่วนใหญ่กำลังมองหาประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกับสภาพแวดล้อมและคนรอบตัว นี่คือ Social Rewilding คือการพยายามเชื่อมโยงสังคมกลับสู่โลกจริง ซึ่งมักจะเกี่ยวกับธรรมชาติ และปรับสมดุลบทบาทของเทคโนโลยี ให้ผู้คนละทิ้งหน้าจอบ้าง แล้วหันกลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง เพราะโลกที่เคลื่อนไหวรวดเร็วนี้ การจะหยุดพักจากเทคโนโลยี และมุ่งเน้นกิจกรรมที่เติมเต็มและการสื่อสารพูดคุยกันในชีวิตจริง จะนำไปสู่การสร้างโอกาสใหม่ให้กับธุรกิจ
📍 จากผลสำรวจของ Accenture Life Trends ระบุไว้ว่า กิจกรรมทางกายที่ผู้คนทำมากขึ้นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
- 48% ใช้เวลาอยู่กลางแจ้งหรือในธรรมชาติ
- 47% พบปะกับเพื่อนในชีวิตจริง
- 47% ช้อปปิ้งในร้านโชห่วย หรือร้านขายของชำ
- 36% ช้อปปิ้งในร้านค้าปลีกอื่น ๆ (เช่นค้าปลีกที่อยู่ในห้าง)
- 30% อ่านหนังสือหรือแมกกาซีนแบบเล่ม
📍 นอกจากนี้ยังมีผลสำรวจที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคที่น่าสนใจ ดังนี้
- 79% จากการศึกษาของ Axios และ Generation Lab พบว่า ผู้บริโภคบางกลุ่มมองหาความเชื่อมโยงทางอารมณ์ที่ลึกซึ้งกับคนในโลกจริง Gen Z เลือกปฏิสัมพันธ์แบบเจอหน้ามากกว่าแอปหาคู่
- 62.1% ระบุว่าพวกเขาออกเดตแบบพบปะกันมากขึ้นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา มากกว่าเจอกันในออนไลน์
- ในด้านงานอดิเรก ก็มีผู้คนบางกลุ่มสนใจงานฝีมืออย่างการปั้นเซรามิก หรือทำกิจกรรมออฟไลน์มากขึ้น อาจจะเป็นการอ่านหนังสือแทนการอ่าน E-Book, ออกกำลังกาย, เดินเล่น, ฟังดนตรีสด และก็ยังมีคนกลุ่มเล็ก ๆ ของคนที่อายุต่ำกว่า 30 กำลังหาความสุขจากการขับรถคลาสสิกรุ่นใหม่จากยุค 80 และ 90 Scott Linford เพิ่มขึ้น
- ในมุมของแบรนด์ก็น่าสนใจ เราจะเริ่มเห็นความเรียบง่ายจากแบรนด์มากขึ้น มีหลายบริษัทละทิ้งการออกแบบที่เป็นรายละเอียดหนัก ๆ แล้วหันมาใช้ตัวอักษร sans serif หรือบางแบรนด์ก็กลับมาใช้โลโก้เก่าในสไตล์ที่มีรายละเอียดแบบ sans serif ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มของอุตสาหกรรมแฟชั่น
🤔 แนวทางการรับมือ สิ่งที่แบรนด์ หรือธุรกิจต้องคิดทบทวนและไปต่อ
🔹 แบรนด์ควรเริ่มมองหาวิธีสื่อสารที่ไม่ใช่แค่ในโลกดิจิทัล แต่การเชื่อมต่อประสบการณ์กับลูกค้าแบบเจอตัวในโลกความเป็นจริง จะสร้างความแตกต่างได้มาก โดยเฉพาะแบรนด์ที่มีความสนุก และอยู่เคียงข้างกับลูกค้าในเวลาที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ
🔹 ถึงเวลาที่จะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว บางแบรนด์อาจได้รับประโยชน์จากการใช้สุนทรียะที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ ซึ่งกำลังมีความสำคัญมากขึ้นต่อผู้คน หรือพิจารณาจัดงานอีเวนต์ต่าง ๆ สร้างรูปแบบธุรกิจที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้คนในการออกไปสู่ธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
หากใครสนใจอ่านเพิ่มเติมแบบจัดเต็ม สามารถดาวน์โหลด
Report : Accenture Life Trends 2025
ได้ที่ https://www.accenture.com/us-en/insights/song/accenture-life-trends?c=acn_glb_accenturelifetrmediarelations_14212705&n=mrl_1024
✍🏻 เรียบเรียง: กิตติภพ ปานล้ำเลิศ
🎨 ภาพประกอบ: อลิสา อรุณสิริเลิศ
#สรุป #อัปเดต #เทรนด์ #ผู้บริโภค

17/11/2024

เที่ยวเวียงจันทน์ 2024 เป็นอย่างไร
CREATIVE TALK ทัวร์ สปป.ลาว มาเล่าให้ทุกคนฟังว่ามีอะไรบ้าง และในงาน MUAN AWARDS 2024 งานประกาศรางวัลครีเอเตอร์ที่ลาว น่าสนุกแค่ไหน
มาดูกันเลย!
-----
ຈະເດີນທາງໄປວຽງຈັນ 2024 ແນວໃດ?
CREATIVE TALK ທ່ຽວ ສປປ ລາວ ມາເລົ່າສູ່ທຸກຄົນຟັງ ແລະ ໃນງານ MUAN AWARDS 2024 ພິທີມອບລາງວັນຜູ້ສ້າງໃນລາວ. ມ່ວນຫຼາຍ?
ມາເບິ່ງກັນເລີຍ!
#เวียงจันทน์ #ลาว

📌 อัปเดตเทรนด์ E-Commerce ปีหน้า! คนทำธุรกิจจะต้องปรับตัวอย่างไร และให้ความสำคัญอะไรเป็นพิเศษ
17/11/2024

📌 อัปเดตเทรนด์ E-Commerce ปีหน้า!
คนทำธุรกิจจะต้องปรับตัวอย่างไร และให้ความสำคัญอะไรเป็นพิเศษ

16/11/2024

THE ORGANICE PLANNER ใช้งานอย่างไร?
พามาดูฟีเจอร์ และทำความรู้จักทุกส่วนในแพลนเนอร์ สำหรับคนที่ทั้งเคยใช้ และไม่เคยใช้ มาดูกันว่าเราจะลับคมความคิดสร้างสรรค์ ไปพร้อมกับการบริหารจัดการงานในแพลนเนอร์เล่มนี้อย่างไร
เปิดให้ทุกคนจับจองกันแล้ว!
✱ ราคาเล่มละ 750 บาท (ค่าจัดส่งแบบ EMS เริ่มต้นที่ 50 บาท) ✱
สั่งซื้อได้ทาง Facebook inbox : https://m.me/zequenz
#แพลนเนอร์

ฟรีคอนเสิร์ตที่คนกรุงเทพ ห้ามพลาด!ลงทะเบียนรับบัตรเข้างาน MedMusic in the Park ครั้งที่ 3 ได้แล้ววันนี้เต็มอิ่มทุกอารมณ์...
16/11/2024

ฟรีคอนเสิร์ตที่คนกรุงเทพ ห้ามพลาด!
ลงทะเบียนรับบัตรเข้างาน MedMusic in the Park ครั้งที่ 3 ได้แล้ววันนี้
เต็มอิ่มทุกอารมณ์ ROCK 🎙 🎸 กับฟรีคอนเสิร์ตฉลองครบรอบ 4 ปี โรงพยาบาลเมดพาร์ค 🎵 พร้อมฉลองเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ในธีม “Let’s go for a ROCK” 😎 มาสนุกพร้อมกัน 1 ธ.ค. นี้ @ สวนเบญจกิติ กรุงเทพฯ
📌 ลงทะเบียนรับบัตรเข้างาน คลิก https://medpark.hospital/MedMusic38
โรงพยาบาลเมดพาร์ค ขอเชิญชวนทุกท่านมาเพลิดเพลินกับลีลาการแสดงดนตรี ที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถของ 𝗕𝗥𝗜𝗧𝗔𝗜𝗡’𝗦 𝗙𝗜𝗡𝗘𝗦𝗧 – 𝗧𝗵𝗲 𝗖𝗼𝗺𝗽𝗹𝗲𝘁𝗲 𝗕𝗲𝗮𝘁𝗹𝗲𝘀 𝗘𝘅𝗽𝗲𝗿𝗶𝗲𝗻𝗰𝗲 ที่บินตรงสู่เมืองไทย พาย้อนเวลาไปดื่มด่ำบทเพลงที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก The Beatles และพลาดไม่ได้สำหรับท่านที่ชื่นชอบความหล่อ และลีลาการเล่นกีตาร์โซโล่ ในมาดร็อกเกอร์สุดเท่ของ ก้อง สหรัถ สังคปรีชา ศิลปินซุปเปอร์สตาร์เมืองไทย งานนี้ควงแขนมาพร้อม วงเบญจแบนด์ โชว์ท่วงทำนองเพลงร็อกที่เป็นอมตะตลอดกาล
* การลงทะเบียนรับบัตรเข้าร่วมงาน สามารถลงทะเบียนได้ครั้งละ 1 ท่าน
* เมื่อท่านลงทะเบียนสำเร็จแล้วจึงจะสามารถเพิ่มบัตรสำหรับท่านอื่น ๆ ที่มาด้วยกันได้
📍 ปักหมุดไว้เลย!
📅 วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม 2567
🕓 เวลา: 16.00 - 20.00 น.
🏟️ สถานที่: อัฒจันทร์กลาง, สวนเบญจกิติ
#ฟรีคอนเสิร์ต #กรุงเทพ

อย่าเริ่มทำธุรกิจ จากความรู้สึกที่คิดว่าน่าจะดี เพราะ Insight ที่ใช่จะทำให้เราไม่คิดไปเอง! ถอดบทเรียนวิธีคิดที่จริงใจกับ...
15/11/2024

อย่าเริ่มทำธุรกิจ จากความรู้สึกที่คิดว่าน่าจะดี เพราะ Insight ที่ใช่จะทำให้เราไม่คิดไปเอง! ถอดบทเรียนวิธีคิดที่จริงใจกับลูกค้า จาก AP THAILAND
หลายต่อหลายคน มักตกม้าตาย เวลาทำธุรกิจแล้วเริ่มจากความชอบ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผิดเสมอไป แต่ถ้าคุณอยากอยู่ในระยะยาว อยากทำให้ผู้บริโภคแฮปปี้ มีความสุขกับสิ่งที่คุณคิด สิ่งที่คุณทำ คุณต้องอย่าเริ่มทำธุรกิจจากความ Indie ที่คิดว่าดี! แต่จงให้ความใส่ใจใน Insight อย่างจริงใจ และนี่คือหนึ่งในเคล็ดลับสำคัญของแบรนด์ที่เป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ของไทย AP THAILAND
ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาสำคัญทาง CREATIVE TALK ได้รับเกียรติจาก คุณกิฟต์ นิยมาพร โต๊ะสงวนพันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาด และการขายธุรกิจ กลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียม บมจ. เอพี ไทยแลนด์ มาบอกเล่าถึงเบื้องหลังการทำงานของแบรนด์ชั้นนำ และล่าสุด! ก็มีโครงการใหม่ที่เกิดขึ้นจากความต้องการ และ Insight ของผู้บริโภคอย่างแท้จริง
🌎 🏢 เจาะแนวคิด Customer Insight ทำไมถึงสำคัญ!
ในปัจจุบันต้องยอมรับว่า Generation มีผลต่อการคิดโปรดักต์อย่างมาก คุณกิฟต์ นิยมาพร เล่าให้ฟังว่า AP THAILAND เองก็ไม่ได้สร้างคอนโดในแต่ละโครงการเพียงเพราะเน้นปริมาณ แต่คอนโดในหลาย ๆ โครงการที่เกิดขึ้นมีผลมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เพราะทุกคนมีความชอบไม่เหมือนกัน!
🎯 GEN X 🎯 มักจะซื้อคอนโดในกลุ่ม LUXURY ที่เน้นภาพลักษณ์ และความสะดวกสบายที่ดีที่สุดเป็นหลัก เช่น RHYTHM และ THE ADDRESS
🎯 GEN Y 🎯 มักจะซื้อคอนโดนในกลุ่มเอื้อต่อการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ มีทำเลที่ดี เหมาะแก่การอยู่อาศัยและทำงานไปในตัว เช่น Life และ RHYTHM
🎯 GEN Z 🎯 มักจะซื้อคอนโดที่คุ้มค่า คุ้มราคา และเน้นการอยู่ยาวมากขึ้น มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบพร้อม เพื่อให้แมทกับทั้งด้านการทำงาน และการใช้ชีวิต เช่น Goodday, Aspire
ดังนั้นเราจะเห็นชัดเจนว่าเวลา AP THAILAND จะมีโครงการอะไรใหม่ ไม่ได้เกิดจากคิดเองว่าดี แต่มันมี Insight สำคัญจากลูกค้ามาประกอบเสมอ ก่อนที่จะสร้างสิ่งใหม่นั่นเอง เพราะทุกอย่างคิด Base on Customer Insight โดยมีการทำ Focus Group จากทาง Marketing ร่วมกับทีม Product Development อยู่เสมอ ทั้งกลุ่มเป้าหมายใหม่บริเวณที่กำลังไป และลูกบ้านเดิมที่ใช้พื้นที่ มีอะไรที่เขาแฮปปี้ ไม่แฮปปี้ เพื่อนำมาต่อยอดโครงการในอนาคต โดยทำทุก Secment ตั้งแต่ GEN X ไปจนถึง GEN Z
ซึ่งหนึ่งในแบรนด์น้องใหม่ที่น่าสนใจนั่นก็คือ Goodday ที่ทาง AP THAILAND ได้สร้างขึ้นจาก Customer Insight อย่างแท้จริง โดยพัฒนาตามบริบทของลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา และในแต่ละพื้นที่ ที่ต่างกัน
🌎 🏢 เทรนด์ในการเลือกซื้อคอนโดในปัจจุบัน
ในฝั่งของ Goodday คอนโดน้องใหม่เองก็มีความโดดเด่นใน 5 แกนสำคัญที่ทำให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค
1. GOOD ACCESS - การคมนาคมมีความสำคัญมาก
ผู้บริโภคส่วนใหญ่มองหาใจกลางเมืองทุกทิศทาง ดังนั้นตำแหน่งของโครงการทุกโครงการ หากมีลักษณะพิเศษเป็นเครือข่ายการคมนาคมที่สะดวก สามารถเดินทางเข้าออกได้ทุกทิศทาง เชื่อมต่อเมืองทั้งส่วนในและส่วนนอกได้อย่างรวดเร็วก็จะเป็นโจทย์สำคัญในการเลือกซื้อคอนโด
2. GOOD CONVENIENCE - ของกินต้องมี สะดวกสบายการใช้จ่าย
หากคอนโดไหนรายล้อมด้วยทุกความสะดวก ต่อติดทุกความต้องการของชีวิต ด้วยตำแหน่งที่ตั้งเชื่อมต่อกับทุกความต้องการของชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น คอมมิวนิตีมอลล์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาด ร้านอาหาร และสาธารณูปโภคทุกประเภท ก็จะเป็นอีกหนึ่งจุดที่ดึงดูดคนซื้ออย่างเรา ๆ เหมือนกับที่ Goodday นั่นเอง
3. GOOD DESIGN - ดีไซน์ที่ดีจะทำให้คนอาศัยอยู่ได้ยาว
Goodday ถูกออกแบบทุกองศาให้ฟีลกู้ด ให้คุณมีกู้ดเดย์ในทุกวัน ไม่ว่าจะเส้นสายทางสถาปัตยกรรม งานออกแบบภายในที่เน้นความละมุนละไมกับความรู้สึก เป็นสีพาสเทลอ่อน ๆ ไปจนถึงการดึงธรรมชาติ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ทั้งหมดเพื่อให้คุณได้สัมผัสกับความรู้สึกอ่อนโยนและได้ชาร์จพลังชีวิตในทุกเวลา
เนื่องจาก Goodday เน้นเรื่อง Customer Insight ของลูกค้าในการมีคุณภาพชีวิตที่ดี เมื่อให้เขามองว่าคุ้มค่า อยู่ได้ในระยะยาวอย่างยั่งยืน เรื่องการดีไซน์อย่างสีสำคัญมาก หลาย ๆ คอนโดเองก็ใช้สีสันแรง โดดเด่นสะดุดตา แต่กลับ Goodday คิดต่าง คือเราเน้นการมองระยะยาว การจะอยู่ได้นาน ‘สี’ มันจะต้องมองได้นาน ๆ ไม่เบื่อ ซึ่งสีโทนอ่อน พาสเทล จะสามารถมองได้นานกว่าสีที่จัดเกินไป ซึ่งการมาใช้ชีวิตอยู่เสมือนการมาพักต่างจังหวัด ได้รู้สึกผ่อนคลาย รีชาร์จพักผ่อนในโครงการจริง ๆ
4. GOOD FACILITY - ส่วนกลางฟังก์ชันครบครัน
ไม่ว่าจะ GEN ไหนก็ต่างอยากได้ส่วนกลางเชื่อมต่อกันเพื่อประโยชน์สูงสุดของการใช้งานทุกพื้นที่ การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางทุกจุด รวมไปจนถึงทางเดิน ให้สามารถใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนหรือทำกิจกรรมได้ในทุกจุด เน้นความเป็นส่วนตัวในทุกกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ หรือพื้นที่สวนสีเขียว ให้สามารถใช้งานได้จริงและเป็นสัดส่วน
5. GOOD LAYOUT - ปรับเปลี่ยนได้ทุกไลฟ์สไตล์
สำหรับห้องยูนิตที่ Goodday นั้นสามารถปรับเปลี่ยนได้พร้อมการเติบโต Concept ของพื้นที่ภายในห้องที่สามารถปรับเปลี่ยน มีความคล่องตัวในการจัดพื้นที่ Layout ใหม่ ไม่ว่าชีวิตจะเปลี่ยนไปในบทบาทไหน มีงานอดิเรกใหม่ หรือต้องการพื้นที่ใหม่ภายในพื้นที่เดิมก็สามารถทําได้
คุณกิฟต์ นิยมาพร เสริมเพิ่มเรื่องของเทรนด์ในปัจจุบัน คน GEN Z มักโฟกัสไปที่ “ความคุ้มค่าในด้านราคา” ทุกอย่างต้องคุ้มกับเงินที่เขาจ่ายไป คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสำคัญ เพราะหลัก ๆ แล้ว คนมักจะเช่าอพาร์ทเม้นท์อยู่ แต่ถ้าเขาอยู่คอนโดหลังแรก เขาต้องการสภาพแวดล้อมคุณภาพ เสริมภาพลักษณ์ มีสังคมที่ดี พื้นที่ตอบโจทย์ไลฟสไตล์ทั้งการทำงานและพักผ่อน เพราะคนรุ่นใหม่ Work Hard มาก ๆ พอเหนื่อย ก็อยากลับมาฮิลใจ ฮิลกายในคอนโด ดังนั้นส่วนกลางต้องตอบโจทย์ ทั้งการพักผ่อนส่วนตัว หรือวันไหนชวนเพื่อนมาปาร์ตี้ ก้อเลือกใช้ได้อย่างเต็มที่
สุดท้ายนี้ เพื่อ ๆ สามารถไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่ GOOD DAY สุขุมวิท 93 คอนโดใหม่ ใกล้ BTS บางจา โซนพักอาศัยเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 - 8 กับห้องชุด Fully Furnished พร้อมอยู่ด้วยเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์พิเศษ
1) 1 Bedroom 26 ตร.ม. และ
2) 1 Bedroom Plus 35 ตร.ม.
ราคาขาย 1 ห้องนอน เริ่ม 1.79 ล้านบาท
หรือราคาเฉลี่ยเริ่ม 69,000 บาท/ตร.ม.
รับโปรโมชันพิเศษจองในวันงาน Wishing You a GOOD DAY
เปิดจองครั้งแรก 23 – 24 พฤศจิกายนนี้
รับข้อเสนอพิเศษ ผ่อนเพียง 3,900 บาทต่อเดือน
ลงทะเบียนรับส่วนลดสูงสุด 80,000 บาท
ได้ที่ https://apth.ly/goodday-skv93
#ธุรกิจ

หยุดทำให้การคุยตัวต่อตัวเสมือนเป็นห้องเย็น รวม 7 เทคนิคการคุยกับทีมแบบ 1:1😱 ใกล้สิ้นปี ต้องมีคุยกับทีมแบบ 1:1 ทำไงดี!?กา...
15/11/2024

หยุดทำให้การคุยตัวต่อตัวเสมือนเป็นห้องเย็น รวม 7 เทคนิคการคุยกับทีมแบบ 1:1
😱 ใกล้สิ้นปี ต้องมีคุยกับทีมแบบ 1:1 ทำไงดี!?
การคุยกับทีม การ Feedback กันและกัน สำหรับบางคนเป็นเรื่องยากเสมอ พูดตรงไปก็กลัวจะเศร้า พูดอ้อมเกินก็กลัวจะไม่เก็ท วันนี้เราได้รวบรวมเทคนิคทั้งมุมมองของผู้นำที่ต้องคุยกับลูกทีม และมุมของลูกทีมจะต้องทำอย่างไรให้การคุยกับหัวหน้าเป็นไปได้ด้วยดี ลดความอึดอัด และตามเป้าหมายที่เราคาดหวัง
📘 รวม 7 เทคนิคการคุยกับทีมแบบ 1:1 Meeting
✨ เทคนิคที่ 1 : คุยเพื่อขอคำติชมเกี่ยวกับผลงานของเรา
ไม่ว่างานที่เราได้รับผิดชอบจะทำแล้วสำเร็จ หรือไม่สำเร็จก็ตาม สิ่งที่ควรได้มีโอกาสพูดคุยกัน คือการขอคำติชมเกี่ยวกับผลงานที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าทีม หรือลูกทีม ก็สามารถขอความเห็น ขอรับคำติชมเพื่อนำไปปรับปรุง พัฒนาต่อได้ ซึ่งเหมาะมาก ๆ ในช่วงที่มีการพูดคุย 1:1 Meeting เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่เราได้คุยกันแบบตรงไปตรงมา นำไปสู่การปรับปรุง เรียนรู้ และพัฒนาให้ดีขึ้น
[ คำแนะนำชุดคำถามที่สามารถนำไปใช้ได้ ]
❓ รูปแบบคำถามที่ 1 : พี่สามารถทำได้อย่างที่เราคาดหวังไว้ไหม ?
คำถามลักษณะนี้คือการถามตรง ๆ โดยเฉพาะคนเป็นหัวหน้า สามารถพูดกับลูกทีมได้ เพื่อให้ทีมได้ Feedback อย่างตรงไปตรงมา หรือแม้กระทั่งลูกทีมเอง ก็สามารถถามกลับได้เช่นกัน ว่าเราเองสามารถทำได้อย่างที่พี่คาดหวังไว้ไหม ซึ่งก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เพื่อเช็กความคาดหวังร่วมกัน
❓ รูปแบบคำถามที่ 2 : งานที่พึ่งจบไป มีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง ?
รูปแบบนี้จะเป็นการถามอ้อม ๆ แต่ก็ได้ประเด็นที่ชัดเจนเหมือนกับรูปแบบคำถามที่ 1
❓ รูปแบบคำถามที่ 3 : งานที่พึ่งจบไป เราเผลอมองข้ามอะไรไปหรือเปล่า ?
การถามแบบนี้ ทำไปเพื่อนึกร่วมกันทั้งหัวหน้าทีม และลูกทีม โดยไม่ต้องตำหนิกัน เพื่อเช็กว่าเราได้รับผิดชอบงานครบทั้งปี หรือมีงานไหนที่อาจจะลืม เพื่อแสดงถึงความใส่ใจร่วมกัน
❓ รูปแบบคำถามที่ 4 : มีอะไรที่ฉันควรจะเริ่ม ควรจะหยุด ควรจะทำต่อไป ?
การถามแบบนี้ร่วมกัน จะช่วยให้ทีมเห็นภาพชัดเจน แล้วรู้ด้วยว่า ตัวเราควรจะเริ่มอะไรหลังจากนี้ แล้วมีสิ่งไหนที่ต้องหยุดทำ ซึ่งอาจจะไม่สำคัญ และอะไรที่เราควรเริ่มในอนาคตต่อไปบ้าง
✨ เทคนิคที่ 2 : คุยเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ที่นอกเหนือจากการทำงาน
การคุยแบบนี้เหมาะอย่างมากในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อทีม เช่น เวลาเราเห็นทีมงานพึ่งเข้ามาทำงานใหม่ ในอาทิตย์แรก ๆ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีจะช่วยให้เขาไม่ตื่นตระหนก และรู้สึกสบายใจขึ้น จากเดิมที่จะคุยแต่งาน ลองเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นที่เขาสนใจ คนเป็นหัวหน้าทีมต้องใส่ใจเรื่องนี้อย่างสม่ำเสมอ
[ คำแนะนำชุดคำถามที่สามารถนำไปใช้ได้ ]
❓ รูปแบบคำถามที่ 1 : เป็นอย่างไรบ้าง หัวหน้าทีมโอเคไหม ?
เวลาต้องคุย 1:1 Meeting การที่ผู้นำยิงคำถาม Feedback ร่วมกัน จะช่วยให้เราเห็นมุมมองจากลูกทีมได้ด้วย ถ้าเราไม่ดีตรงไหน หัวหน้าทีมต้องกล้าปรับปรุง และต้องกล้าให้ทีม Feedback ซึ่งบรรยากาศการพูดคุยสำคัญ ทำให้ลูกทีมมั่นใจที่จะกล้าพูดออกมา
❓ รูปแบบคำถามที่ 2 : เอ๋..ช่วงนี้เล่นกีฬาอะไรหรือเปล่า ?
รูปแบบคำถามนี้ไม่จำเป็นต้องแค่กีฬา แต่เป็นรูปแบบคำถามของการสังเกตพฤติกรรมคนในทีม เราในฐานะผู้นำต้องหาความเชื่อมโยงของน้อง ๆ ในทีม ลองถามเขาที่นอกเหนือจากเรื่องงานบ้าง การถามแบบนี้ยังช่วยให้เราเห็นไลฟ์สไตล์ของทีม เห็นว่าเขาชอบอะไร รักอะไรเป็นพิเศษ และยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อทีม
✨ เทคนิคที่ 3 : คุยเพื่อให้การสนับสนุน
บางครั้งการพูดคุยแบบ 1:1 Meeting ก็ไม่ได้ต้องต่อว่าเสมอไป แต่เราสามารถคุยเพื่อสนับสนุนร่วมกัน เพื่อค้นหาพื้นที่ซัพพอร์ตทีม ให้อีกฝ่ายกล้าเปิดใจคุยกับเรา บางครั้งการคุยแบบสนับสนุนจะช่วยให้ผู้นำมองเห็นศักยภาพใหม่ ๆ ของทีมเพิ่มขึ้น และเห็นถึงสิ่งที่ลูกทีมของเราอยากจะทำ เพราะบางครั้งเขาก็อาจจะไม่กล้าพูดมันออกมา หรือไม่มีโอกาสได้พูดคุยกัน จงใช้โอกาสนี้คุยกัน!
[ คำแนะนำชุดคำถามที่สามารถนำไปใช้ได้ ]
❓ รูปแบบคำถามที่ 1 : ช่วงนี้เธอให้ความสำคัญกับเรื่องอะไรอยู่บ้าง ?
คำถามนี้สะท้อนการให้การสนับสนุนคนในทีม ถ้าสิ่งที่คนในทีมมันส่งผลกับการทำงาน เราก็สามารถพัฒนาจุดแข็ง พัฒนาทักษะใหม่ ๆ ให้เขาได้ หรือถ้าช่วงนี้น้องในทีมสนใจเรื่องการลงทุน เราก็อาจจะส่งเสริมหาคอร์สการลงทุน หรือช่วยส่งเสริมให้เขาได้มีความรู้ไปต่อยอดการลงทุนนั่นเอง หรืออีกกรณีถ้าเราเห็นว่าทีมมี Performance ที่ตกลง แทนที่จะไปต่อว่าเขา ให้คิดกลับกันแล้วลองฟังให้มาก เพื่อช่วยซัพพอร์ตให้เขาได้มั่นใจ ให้เขาได้รู้ข้อผิดพลาด แล้วแนะนำ Solution เพื่อปรับปรุงพัฒนาต่อไป
❓ รูปแบบคำถามที่ 2 : ช่วงนี้มีอะไรกวนใจเราหรือเปล่า ?
ความกวนใจของคนเรา มักจะส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ลองถามคนในทีม แล้วให้เขาได้กล้าเปิดใจ ว่าช่วงนี้มีอะไรกังวลใจไหม แนะนำว่าให้ลองค่อย ๆ List ออกมาเป็นข้อ ๆ เพื่อหาแนวทางสนับสนุนร่วมกัน
✨ เทคนิคที่ 4 : คุยเพื่อขอความช่วยเหลือ หรือข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
บางครั้งในที่ประชุมมีคนเยอะมาก เราอาจจะมีคำถามในใจที่อยากให้หัวหน้าซัพพอร์ต แต่ไม่กล้าพูด หรือเกรงใจคนอื่น การเลือกจะมาพูดกับหัวหน้าแบบ 1:1 Meeting ก็เป็นเรื่องที่ดีมาก การคุยลักษณะนี้จะช่วยเปิดใจให้ทีมงานได้กล้าพูด ลดความกังวลใจ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่ผู้นำมองเห็นว่าจะเกิดปัญหาในอนาคตแน่ ๆ
[ คำแนะนำชุดคำถามที่สามารถนำไปใช้ได้ ]
❓ รูปแบบคำถามที่ 1 : มันมีงานนึงที่เป็น ‘ความท้าทาย’
การที่ลูกทีมเดินมาถามแบบนี้ แสดงว่าเขามองเห็นความท้าทายของงาน มันมีความยาก เขาอยากขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าทีม และการเลือกพูดคำว่า ‘ความท้าทาย’ แสดงถึง Mindset ที่ไม่ได้มองว่านี่คือปัญหา แต่มันคือความท้าทายที่เราต้องรับผิดชอบ ทำให้ได้ร่วมกัน ซึ่งเราก็สามารถขอรบกวนหัวหน้าทีม ให้ช่วยไกด์ได้ หรือหา Solution ร่วมกัน
❓ รูปแบบคำถามที่ 2 : มีอะไรที่พอจะให้ช่วยซัพพอร์ตได้บ้างไหม ?
คำถามนี้เหมาะอย่างมากที่คนเป็นผู้นำ หรือหัวหน้าทีม ต้องพูดออกมา เพราะมันเป็นการเปิดโอกาสให้คนในทีมได้รู้ว่าหัวหน้าพร้อมจะซัพพอร์ตเราอยู่เสมอ เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน
❓ รูปแบบคำถามที่ 3 : เล่าไอเดียทั้งหมด หลังจากนั้น มีอะไรจะต่อยอดเพิ่มเติมบ้าง ?
ส่วนใหญ่รูปแบบคำถามนี้คือการเล่าถึงเนื้อหางานสิ่งที่อยากจะขอความช่วยเหลือทั้งหมดออกมา เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพร่วมกัน แล้วค่อยถามปิดท้ายว่า จากทั้งหมดนี้ทุกคนมีอะไรจะต่อยอดเพิ่มเติมบ้าง หรือมีความเห็นอะไรบ้าง
✨ เทคนิคที่ 5 : คุยเพื่อจัดลำดับความสำคัญของงานกับความคาดหวัง
การคุยแบบนี้เหมาะมากในช่วงที่ ‘เราไม่แน่ใจในชิ้นงานที่เรากำลังทำอยู่’ เช่น เอ๋..ทำไมในห้องประชุมคนนี้ขมวดคิ้ว หรือทำไมคนนี้เวลาเราพูดไป เขาตอบกลับมาไม่ตรงคำถาม เป็นต้น ซึ่งเทคนิคนี้เหมาะอย่างมากกับการให้ความสำคัญของคนในทีม รวมไปถึงลูกทีมเองก็สามารถให้ความสำคัญกับเพื่อน กับหัวหน้าทีมได้เช่นกัน
[ คำแนะนำชุดคำถามที่สามารถนำไปใช้ได้ ]
❓ รูปแบบคำถามที่ 1 : อยากขอความเห็นเพิ่มเติม และคุณคิดว่าอย่างไรบ้าง ?
การถามแบบนี้ อาจจะเกิดขึ้นเมื่อเรามีความคาดหวัง กรณีที่เราได้ข้อมูลไม่เพียงพอ หรือมีคน Feedback สั้นเกินไป ทำให้เราลังเลใจว่ามันดีใช่ไหมนะ ? ซึ่งทางที่ดีถ้าไม่แน่ใจ ให้เราเดินไปถามความเห็นเพิ่มเติมได้ แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องยอมรับกับความเห็นเหล่านั้นด้วย ยิ่งคนเป็นหัวหน้าทีมการยอมรับ Feedback ในทีมสำคัญ ลดความหัวดื้อลง แล้วลงมือทำในสิ่งที่เห็นสมควรร่วมกันกับทีม
❓ รูปแบบคำถามที่ 2 : สิ่งที่ฉันทำไป ถูกต้องไหม, มีข้อผิดพลาดตรงไหนหรือเปล่านะ ?
เวลาที่เราไม่แน่ใจ ว่าอีกฝ่ายเข้าใจเหมือนกับเราหรือเปล่า ให้ลองถามประโยคนี้ เพื่อทบทวนเรื่องราวว่าทั้งทีมเห็นตรงกันไหม เข้าใจถูกต้องร่วมกันหรือไม่ หรือมีข้อผิดพลาดตรงไหนหรือเปล่า
❓ รูปแบบคำถามที่ 3 : เธอคิดว่าสิ่งที่ฉันทำไป มันจะไปถึงเป้าหมายได้หรือเปล่า ?
คำถามนี้จะนำไปสู่การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อปรับโฟกัสร่วมกันกับทีมได้เช่นกัน
❓ รูปแบบคำถามที่ 4 : ฉันพลาดอะไรไปหรือเปล่า ?
คำถามนี้ถามได้นะ เพราะบางครั้งเวลาเราเป็นผู้ฟัง โอกาสพลาดฟังผิดฟังถูกเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งสำคัญคือเราอย่ากลัวที่จะพูดว่าไม่เข้าใจ เพราะยิ่งปล่อยเวลาเลยไป ตัวเราต่างหากจะสร้างผลกระทบให้กับทีม รู้แบบนี้แล้ว ควรรีเช็กตัวเอง กล้าถามว่าเราไม่เข้าใจ
✨ เทคนิคที่ 6 : คุยเพื่อเช็กเป้าหมายของเรา ว่าสอดคล้องกับกลยุทธ์ขององค์กรหรือเปล่า
ชุดคำถามนี้มักใช้ตอนที่ทำงานแล้วขาดทิศทางการทำงาน หรือบางคนหมดไฟกับการทำงาน ทำมานานมากแล้วหลายปี ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการทำงาน ดังนั้นเรามาดูชุดคำถามกันดีกว่า ว่าควรทำอย่างไร
[ คำแนะนำชุดคำถามที่สามารถนำไปใช้ได้ ]
❓ รูปแบบคำถามที่ 1 : มันมีการเปลี่ยนแปลงอะไร ที่ฉันควรจะรู้บ้างไหม ?
เช่น น้องในทีมคุยกับหัวหน้า มันมีอะไรในองค์กรที่ผมควรจะรู้บ้าง ซึ่งน้องในทีมถามได้ หรือหัวหน้าทีมก็ถามได้เช่นกันว่า สิ้นปีนี้อยากจะทำอะไรพิเศษบ้าง, หรือปีหน้าเราคาดหวังอะไรบ้าง อยากทำอะไรบ้าง เพราะบางครั้งอาการหมดไฟอาจจะเป็นเพราะเราหมดเป้าหมาย จึงต้องถามคำถามเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง ไปสู่เป้าหมายใหม่ ๆ นั่นเอง
❓ รูปแบบคำถามที่ 2 : ถ้าเต็ม 10 พี่จะให้กี่คะแนน ?
คำถามนี้จะนำไปสู่การเห็นทิศทางใหม่ ๆ เช่น ถ้าเกิดหัวหน้างานลองประเมินตัวเรา หรือลองประเมินภาพใหญ่ขององค์กรเป็นตัวเลข เช่น ผมให้ 7 คะแนน มันจะเกิดคำถามต่อว่า แล้วอีก 3 คะแนนหายไปไหน แล้วทำไมตอนนี้คุณถึงให้ 7 คะแนน เพื่อที่จะได้รู้ถึงทิศทางที่จะเกิดขึ้นต่อไป
❓ รูปแบบคำถามที่ 3 : ตอนนี้พี่กำลังเตรียมทำอะไรอยู่บ้าง ?
การถามแบบนี้จะนำไปสู่การรู้โปรเจกต์ในอนาคต เพื่อให้เห็นว่ามีอะไรที่เราเติมเต็ม หรือต้องเตรียมรับมือบ้าง
❓ รูปแบบคำถามที่ 4 : มีงานไหนที่เราต้องรับผิดชอบ หรือเป็นแกนสำคัญบ้างไหม ?
คำถามนี้จะนำไปสู่การเห็นคุณค่าของคนทำงาน ว่าเขาจะเป็นแกนสำคัญอะไรบ้างในอนาคตต่อจากนี้ แล้วคนทำงานเองก็จะได้รู้ทิศทางของปีหน้า ว่าเราจะมีบทบาทอย่างไร ต้องรับมืออย่างไร หรือถ้างานมันท้าทายมาก เราต้องไปฝึกทักษะอะไรเพิ่มบ้าง ไปเรียนรู้อะไรเพิ่มบ้างนั่นเอง
✨ เทคนิคที่ 7 : คุยเพื่อคอยมองหาโอกาสในการเติบโต และความก้าวหน้าทางอาชีพ
การคุยลักษณะนี้จะเกี่ยวข้องกับความก้าวหน้าทางอาชีพ หรือไปถึงขั้นการย้ายงานเลยก็ได้ เพราะถ้าหากมิชชันขององค์กรไม่ตรงกับเรา เราก็จะได้รู้ก่อนว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร หรือถ้ามิชชันองค์กร เราอยากจะท้าทายกับมัน ตัวเราก็จะได้รู้ว่า ในอนาคตตำแหน่งหน้าที่การงานเราจะเติบโตได้อย่างไร
[ คำแนะนำชุดคำถามที่สามารถนำไปใช้ได้ ]
❓ รูปแบบคำถามที่ 1 : พี่คิดว่าในอนาคต เราอยู่ในแผนพิเศษอะไรของพี่บ้าง ?
ความหมายคือตัวพนักงานต้องการเปลี่ยนแปลง เราอยากรู้ว่า เราจะเติบโตไปในทิศทางไหนบ้าง เพราะการถามแบบนี้แสดงถึงตัวพนักงานไม่ได้อยากอยู่อย่างที่เป็นทุกวันนี้ แต่อยากมีความก้าวหน้าทางอาชีพมากขึ้น
❓ รูปแบบคำถามที่ 2 : พี่ว่าทักษะของเรามีอะไรที่น่าจะพัฒนาไปได้มากกว่านี้บ้าง ?
การถามแบบนี้จะช่วยให้เรารู้จุดอ่อน และจุดแข็งของตัวเอง อย่างชัดเจน เพื่อให้คนที่เป็นหัวหน้าได้ Feedback ได้ส่งเสริมพัฒนาร่วมกัน
❓ รูปแบบคำถามที่ 3 : พี่เคยคิดจะเปลี่ยนงานบ้างไหม อะไรที่ทำให้พี่ไม่คิดจะเปลี่ยนไปไหน ?
การถามแบบนี้ อาจจะเป็นการส่งสัญญาณบางอย่าง ซึ่งก่อนจะถามลองฝึกสังเกตบรรยากาศให้ดีก่อน แต่คำถามที่ตรงแบบนี้ มันหมายถึงคนทำงานกำลังตามหาความหมายของชีวิต เพราะเขาจริงจังกับการทำงานมาก และเขาอยากเห็นความก้าวหน้าอย่างชัดเจน ในฐานะผู้นำควรตอบให้ชัดเจนเป็นข้อ ๆ ให้เขาเห็นภาพจะเป็นการตอบโจทย์ทีมงานได้ดี
อย่าลืมลองนำ 7 เทคนิคนี้! ไปลองปรับใช้ในการทำ 1:1 Meeting ในช่วงปลายปีที่จะถึงนี้ การมีโอกาสได้พูดคุยกันแบบเปิดอกแบบนี้สำคัญมาก
🤩 ประโยชน์ดี ๆ มาบอกต่อกัน 🤩
แอบมาบอกว่าสำหรับใครที่กำลังหา ‘สมุดจด’ ในรูปแบบ Planner ที่จะเป็นสมุดคู่ใจเพื่อหยิบมาเขียนทบทวนตัวเอง และยังสามารถทำ Brain Dump + Prioritization แบบสำเร็จรูปไม่ต้องนั่งตีตารางเองได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทาง CREATIVE TALK เองก็ได้จริงจัง และใส่ใจกับการทำสิ่งที่เรียกว่า…
“The Organice Planner by CREATIVE TALK” โดยเป็นการ Collab กันระหว่าง CREATIVE TALK และ ZEQUENZ เพราะเรารู้ว่าการจัดการเวลาในแต่ละวันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราจะนำเครื่องมือช่วยจัดลำดับความสำคัญ และลับคมความคิด ให้ทุกคนได้กระตุ้นสมอง
Planner ที่จะมาช่วยคุณจัดการความคิดและกระตุกไอเดียสร้างสรรค์ได้ในทุก ๆ วัน ที่มีจำกัดเพียงแค่ 500 เล่มเท่านั้น!!
[ สมุดเล่มนี้ทำอะไรได้บ้าง? ]
📖 ลับคมความคิด ผ่าน Creative Exercise 12 รูปแบบ เลือกทำเดือนละครั้ง
📖 About Yourself คุณรู้จักตัวเองดีแค่ไหน? รู้จักตัวเอง เพื่อทบทวนความคิดอยู่เสมอ
📖 ติดตามอารมณ์ บันทึกอารมณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ด้วยการกำหนดสีแทนอารมณ์
📖 จัดระเบียบงาน เริ่มต้นด้วยการดึงทุกสิ่งที่อยู่ในสมองของเราออกมาวางไว้ด้านนอก
📖 จัดการงานได้มีประสิทธิภาพ ด้วย Brain Dump, Prioritize, Monthly Planner และ Weekly Planner และพื้นที่จดไดอารี่บันทึกเรื่องราวประจำวัน
📖 สมุดแพลนเนอร์ แบบไม่ระบุวันที่ ผลิตจากกระดาษคุณภาพดีปราศจากสิ่งปนเปื้อนหรือสารเคมี
📖 เปิดกางได้ 360 องศา สันโค้งมน ยืดหยุ่น ตามแบบฉบับ ZEQUENZ
📖 มาพร้อม Magnetic Bookmark สำหรับคั่นหน้ากระดาษ มีให้เลือก 2 สี คือ สีขาว (White) หรือ สีชมพู (Magenta)
เปิดให้ทุกคนจับจองกันแล้ว! จำนวนจำกัดเพียง 500 เล่มเท่านั้น
✱ ราคาเล่มละ 750 บาท (ค่าจัดส่งแบบ EMS เริ่มต้นที่ 50 บาท) ✱
สั่งซื้อได้ทาง Facebook inbox : m.me/zequenz
เรา CREATIVE TALK และ ZEQUENZ เชื่อว่า Planner เล่มนี้จะช่วยเปลี่ยนชีวิต ความคิด และการจัดการ ทำให้คุณรู้สึกดีได้ในทุกวัน
✍🏻 เรียบเรียง: กิตติภพ ปานล้ำเลิศ
🎨 ภาพประกอบ: อลิสา อรุณสิริเลิศ
#คุยตัวต่อตัว #เข้าห้องเย็น

ที่อยู่

บจก. ครีเอทีฟทอล์ค 1248 Pattanakarn Road Suanluang
Bangkok
10250

เวลาทำการ

จันทร์ 10:00 - 19:00
อังคาร 10:00 - 19:00
พุธ 10:00 - 19:00
พฤหัสบดี 10:00 - 19:00
ศุกร์ 10:00 - 19:00

เบอร์โทรศัพท์

+6620131490

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ CREATIVE TALKผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง CREATIVE TALK:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์

ตำแหน่งใกล้เคียง บริษัท สื่อ

  • BMW Pattanakarn by Pang

    BMW Pattanakarn by Pang

    พัฒนาการ-ศรีนครินทร์, Suan Luang
  • V-Gaming

    V-Gaming

    75/3 Yothi Rd, Khwaeng Thung Phaya Thai, Khet Ratchathewi, Krung Thep Maha Nakho

เว็บไซต์ข่าวและสื่อ อื่นๆใน Bangkok

แสดงผลทั้งหมด