ชมรมนักข่าวกองปราบปราม

ชมรมนักข่าวกองปราบปราม ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก ชมรมนักข่าวกองปราบปราม, ห้องสื่อมวลชน กองบังคับการปราบปราม, Bangkok.

15/10/2024

ผู้เสียหายคดีขายตรงของบริษัท “ดิไอคอนกรุ๊ป” สามารถติดต่อนำหลักฐานเข้าแจ้งความได้ 3 ช่องทาง ดังนี้

1.เดินทางเข้ามาแจ้งด้วยตัวเองได้ที่ “ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน (บก.ปคบ.)“ ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ (ตึกกองปราบ) เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.

2.แจ้งความที่สถานีตำรวจ (สน./สภ.) ใดก็ได้ โดยพนักงานสอบสวน จะทำการสอบปากคำ รวบรวมความเสียหาย และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ลงบันทึกข้อมูลในระบบ เพื่อให้ได้เลขแจ้งความ (Case ID) เพื่อส่งมายัง บก.ปคบ. เพื่อดำเนินการต่อไป

3.แจ้งความผ่านระบบออนไลน์ ทาง www.thaipoliceonline.go.th ซึ่งหลังจากนั้น พนักงานสอบสวนจะสอบสวนปากคำ และส่งเอกสารมายัง บก.ปคบ. เพื่อดำเนินการต่อไป

“ผบช.ก้อง จิรภพ” ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางร่วมมือกับตำรวจสอบสวนกลางสิงคโปร์ แลกเปลี่ยนข้อมูลปราบอาชญากรรมไซเบอร์ - แก๊ง...
15/04/2022

“ผบช.ก้อง จิรภพ” ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางร่วมมือกับตำรวจสอบสวนกลางสิงคโปร์ แลกเปลี่ยนข้อมูลปราบอาชญากรรมไซเบอร์ - แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชี้เป็นปัญหาใหญ่ของโลก

วันที่ 14 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ว่า เมื่อวันที่ 7-12 เม.ย. ที่ผ่านมา พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปอท.พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ผบก.ปอศ. และคณะข้าราชการตำรวจในสังกัด บช.ก. เดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์ เพื่อไปพบปะพูดคุยกับผู้ช่วยผู้บัญชาการอาวุโส (Senior Assistant Commissioner: SAC) ฮาว ควาง ฮวี
(How Kwang Hwee) ผู้อำนวยการสำนักงานตำรวจสอบสวนกลาง (Director of the Criminal Investigation Department)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หน่วยงาน Criminal Investigation Department หรือที่ได้ยินกันบ่อยๆ ว่า CID ก็คือหน่วยงานที่มีหน้าที่และภารกิจที่ใกล้เคียงกับ บช.ก. หรือ CIB คือ ทำคดีอาชญากรรมที่ความซับซ้อน หรืออาชญากรรมเฉพาะทางต่างๆ เช่น อาชญากรรมรุนแรง อาชญากรรมไซเบอร์ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ และเป็นหน่วยงานสนับสนุนการทำงานให้กับตำรวจท้องที่ ทั้งนี้ผู้บัญชาการทั้งสองคนมีอายุที่ใกล้เคียงกันแล้ว ยังเป็นนายตำรวจรุ่นใหม่นักพัฒนา และมีวิสัยทัศน์ในการทำงานใกล้เคียงกันด้วย

พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า ได้แลกเปลี่ยนพูดคุยทัศนคติในการทำงาน ข้อมูลสำคัญที่จะเป็นประโยชน์ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมให้แก่ทั้งสองประเทศ รวมถึงกำหนดทิศทางในการทำงานร่วมกันในอนาคต ถึงแม้ว่าประเทศสิงคโปร์จะถือเป็นประเทศที่ปลอดภัย มีสถิติคดีอาชญากรรมอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะคดีอุกฉกรรจ์ที่ในหลายปีที่ผ่านมามีสถิติฆาตกรรมต่ำกว่า "ปี" ละ 10 คดี แต่อย่างไรก็ตามกว่าร้อยละ 50 ของคดีที่เกิดขึ้นทั้งหมดในประเทศเป็นคดีที่เกี่ยวกับการฉ้อโกง หลอกลวง และเกิดความเสียหายเป็นมูลค่าทางการเงินนับพันล้านบาทไม่ต่างกับประเทศอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่าในหลายๆ คดีก็คงมีส่วนพัวพันกับประเทศไทยบ้าง ไม่ว่าจะเป็นคนไทยเป็นผู้เสียหาย เป็นคนร้าย หรือบริษัทไทยไปเกี่ยวข้องเป็นต้น เพราะทุกวันนี้คนร้ายก็ก่อเหตุได้ทุกวันโดยไม่มีพรมแดน แนวโน้มต่อไปเราคงได้เห็นตำรวจไทยกับตำรวจสิงคโปร์จับมือกันทำงานอย่างเข้มแข็ง และยกระดับศักยภาพการทำงานขององค์กรไปด้วยกัน

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวด้วยว่า เห็นว่าอาชญากรรมไซเบอร์ในโลกยุคปัจจุบันได้กลายเป็นเทรนด์ใหม่ของโลกยุคออนไลน์ จึงได้ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสากล ที่รับผิดชอบคดีอาชญากรรมไซเบอร์ ณ Interpol Global Complex for Innovation (IGCI) ด้วยโดยหารือในประเด็นการพัฒนาบุคลากรของ บช.ก. ในด้านอาชญากรรมทางไซเบอร์ จัดการฝึกอบรมร่วมกันระหว่างสองหน่วยงาน รวมถึง บช.ก. ก็พร้อมสนับสนุนการปฏิบัติของ Interpol ในทุกมิติ เพราะการฉ้อโกงออนไลน์เป็นอาชญากรรมที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในทุกประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ที่เปรียบเสมือนปัจจัยกระตุ้นให้คดีฉ้อโกงออนไลน์ทวีความรุนแรงและเพิ่มความหลากหลายมากขึ้นไปอีก

“ผมให้ความสำคัญกับข้อมูลเป็นอย่างมาก ยิ่งข้อมูลมากเท่าใดก็ยิ่งทำให้การสืบสวนปราบปรามได้มากขึ้นเท่านั้น ผมเชื่อว่าต่อไปเรากับสิงคโปร์จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านอาชญากรรม ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ข้อมูลข่าวกรองโดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวกับการฉ้อโกงออนไลน์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงสนับสนุนการปฏิบัติของตำรวจไทยในหลายๆ ด้านอีกด้วย” ผบช.ก. กล่าว
#แก๊งคอลเซนเตอร์ #จิรภพ #กองปราบปราม

วาเลนไทน์ปีนี้ระวังกันด้วยนะ!!! พี่ตำรวจเค้าฝากเตือนมาค่าาาาา"จิตอาสาตำรวจสอบสวนกลางโดย บก.ปอท."ภายใต้การอำนวยการของ พล....
13/02/2022

วาเลนไทน์ปีนี้ระวังกันด้วยนะ!!! พี่ตำรวจเค้าฝากเตือนมาค่าาาาา

"จิตอาสาตำรวจสอบสวนกลางโดย บก.ปอท."

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปอท. ได้จัดทำจิตอาสาตำรวจสอบสวนกลางเพื่อประชาสัมพันธ์เตือนภัยในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ ให้ประชาชนเรียนรู้เท่าทันคนร้ายบนโลกออนไลน์ ในรูปแบบ "หลอกรักออนไลน์หรือ Romance Scam " คือ การหลอกให้หลงรัก หลอกให้เชื่อว่ารัก หลอกให้เชื่อใจและให้ความหวังเหยื่อเพื่อจะ แสวงหาประโยชน์จากเหยื่อ เช่น การหลอกให้โอนเงินหรือทรัพย์สินอื่นๆ ตลอดจนการหลอกให้กระทำการอันเป็น ความผิด เป็นต้น

🤵🏻‍♂️ Romance Scammer มักสร้างตัวตนเป็นลักษณะที่ดีและน่าหลงใหล ที่สังเกตุได้ง่ายๆ คือ

1.มีโปรไฟล์รูปร่างหน้าตาดี บุคคลิกมีเสน่ห์ น่าหลงใหล
2.ผู้ที่มาจากครอบครัวที่ดี มีการศึกษาสูง
3.หน้าที่การงานดี
4.พูดจาดีให้เหยื่อเป็นคนสำคัญ และเอกอกเอาใจ

👩‍❤️‍👨 รูปแบบการหลอกลวง Romance Scam มีหลัก 3 หลอก

1. หลอกว่ากำลังจะได้มรดกแต่ต้องมีค่าใช้จ่าย
2. หลอกว่าส่งสิ่งของมีราคาสูงมากมาให้
3. หลอกว่ากำลังเดือดร้อน

🚨วิธีป้องกันตัวจากRomanceScammer

1. ตรวจสอบข้อมูลบุคคลว่ามีตัวตนจริงๆหรือไม่
2ตรวจสอบความน่าเชื่อถือบัญชีโซเชียลมีเดีย เช่น ระยะเวลาการใช้โซเชียลลักษณะการโพสต์กลุ่มเพื่อน รูปภาพส่วนตัว
3.อย่าหลงเชื่อและโอนเงินให้ใครที่รู้จักผ่านทางออนไลน์จนกว่าจะมีการตรวจสอบตัวบุคคลได้อย่างชัดเจน
4. อย่าได้ใจกับคนแปลกหน้าในโลกออนไลน์
5. ห้ามให้ข้อมูลส่วนตัวกับบุคคลอื่นเด็ดขาด
6. ห้ามส่งภาพส่วนตัวกับบุคคลอื่นเด็ดขาด
7. ไม่ควรใส่ข้อมูลส่วนตัวไว้บนสื่อออนไลน์

ตำรวจสอบสวนกลางเปิดแฟ้ม 11 คดีสำคัญ ประจำปี 2564 กองปราบปรามตำรวจสอบสวนกลางภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช...
31/12/2021

ตำรวจสอบสวนกลางเปิดแฟ้ม 11 คดีสำคัญ ประจำปี 2564
กองปราบปราม

ตำรวจสอบสวนกลางภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เปิดผลงาน 11 คดีสำคัญในไตรมาสสุดท้ายของ ปี 2564 ของหน่วยงานภายใต้สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งหลายคดีเป็นคดีอาชญากรรมที่สร้างความเสียหายทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และจิตใจของผู้ที่ได้รับผลกระทบและอีกหลายครอบครัว

ถึงแม้ว่าอาชญากรรมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยีและการใช้ชีวิตของประชาชน “ตำรวจสอบสวนกลาง” เราไม่เคยหยุดนิ่งในการเรียนรู้อาชญากรรมที่เกิดขึ้นใหม่ อีกทั้งยังศึกษาพฤติกรรมของอาชญากร เพื่อเก็บเป็นสถิติ นำไปวิเคราะห์ สร้างองค์ความรู้ ถ่ายทอดให้กับตำรวจทุกนาย ในสังกัด “ตำรวจสอบสวนกลาง”

ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการดำเนินงานตามนโยบาย “มืออาชีพ เป็นกลาง เคียงข้างประชน” ทำการสืบสวน ปราบปรามคดีที่มีความซับซ้อนและส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมากมายหลายคดี โดยตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม 2564

ตำรวจสอบสวนกลางมีสถิติการจับกุมรวมแล้วกว่า 2,000 คดี จับกุมผู้ต้องหาไปแล้วกว่า 3,000 ราย ซึ่งมีรายละเอียดผลงานชิ้นสำคัญ จำนวน 11 คดี ดังนี้

1. กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)
หลังจากที่ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เล็งเห็นว่าปัจจุบันคนร้ายส่วนใหญ่มักใช้อาวุธปืนที่มีการซื้อขายหรือครอบครองโดยผิดกฎหมายในการก่อเหตุอุจฉกรรจ์ สะเทือนขวัญประชาชน ในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 จึงได้สั่งการให้ทุกกองบังคับการภายใต้สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำโดยกองบังคับการปราบปรามสนธิกำลังปราบปรามต้นเหตุความรุนแรงที่เกิดจากการใช้อาวุธปืน ซึ่งกลายเป็นภัยใกล้ตัวของประชาชนในยุทธการ “สอบสวนกลางกวาดล้างปืนเถื่อน” ตรวจค้นเป้าหมายทั้งสิ้น 126 จุด จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 51 ราย สามารถตรวจยึดอาวุธปืนกว่า 300 กระบอก พร้อมของกลางอื่นๆ รวมกว่า 1,000 รายการ ถือเป็นการตัดวงจรเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตได้

2. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.)
ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคบ. ได้ตรวจสอบพบกลุ่มคนร้ายฉวยโอกาสซ้ำเติมความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยการการลักลอบจำหน่ายยาฟาวิพิราเวียร์ ยี่ห้อฟาเวียร์ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์เกินราคา จึงสนธิกำลังเข้าตรวจค้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่อยู่ในขบวนการได้ 9 ราย และตรวจยึดยาฟาเวียร์ของกลาง ซึ่งได้มาจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่สั่งซื้อในนามโรงพยาบาลจากองค์การเภสัชกรรม แล้วนำออกมาจำหน่ายเพื่อหากำไร ตรวจสอบสอบพบราคาต้นทุนอยู่ที่ กล่องละ 1,600 บาท แต่เมื่อนำมาจำหน่ายทางสื่อออนไลน์ กลับจำหน่ายในราคาถึงกล่องละ 4,000-8,000 บาท ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด พร้อมสืบสวนขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้องในขบวนการต่อไป

3.กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.)
ในปัจจุบันเยาวชนได้หันมาใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการติดต่อสื่อสารกันเป็นจำนวนมาก โซเชียลมีเดียจึงเป็นช่องทางหนึ่งที่คนร้ายใช้ในการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีเด็กและเยาวชน
กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) จึงได้เปิดยุทธการ “ลูกแกะน้อยออนไลน์เฟส 1 และ เฟส 2” สืบสวนจับกุมเครือข่ายโมเดลลิ่ง นำเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ขายบริการทางเพศออนไลน์ จากการสืบสวนพบว่ามีเหยื่อเป็นเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งจากทั้งสองยุทธการสามารถจับกุมผู้ต้องหาค้ามนุษย์ได้มากกว่า 10 ราย และสามารถช่วยเหลือผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กได้อีกหลายราย และยังพบข้อมูลว่ามีกลุ่มผู้ที่อาจถูกแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบกว่า 40 ราย ซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีการขยายผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อดำเนินจับกุมเครือข่ายผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายแบบถอนรากถอนโคน

4. กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ (บก.ปพ.)
กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ (บก.ปพ.) เปิดยุทธการปิดล้อมจับกุมผู้มีอิทธิพล ระดมจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาตามหมายจับคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ โดยได้นำกำลังกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง คดีสำคัญ คดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ ในพื้นที่ จ.พัทลุง และพื้นที่ใกล้เคียง โดยสามารถจับกุมนายธีระพงศ์ (กำนันตุ้ม) อายุ 52 ปี หนึ่งในผู้ต้องหารายสำคัญที่เป็นผู้มีอิทธิพล เเละเป็นอดีตกำนันใน อ.ป่าบอน จ.พัทลุง มีประวัติเกี่ยวข้องกับคดีฆ่า, พยายามฆ่า, ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, อาวุธปืน, ปลอมแปลงเอกสาร จำนวนหลายคดี
พร้อมกันนี้ยังได้มีการระดมจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดีสำคัญ/น่าสนใจ อีกจำนวน 9 ราย ประกอบด้วย คดีร่วมกันฆ่า พยายามฆ่า และ พรบ.อาวุธปืน จำนวน 2 ราย คดีข่มขืนและรีดเอาทรัพย์ 1 ราย คดีฉ้อโกงประชาชน และยักยอก 5 ราย และคดีหมิ่นประบาทโดยการโฆษณา 1 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางหลายรายการ ประกอบด้วย อาวุธปืน จำนวน 43 กระบอก, เครื่องกระสุนปืนชนิดต่างๆ จำนวน 237 นัด, รถยนต์และรถจักรยานยนต์ รวมกว่า 42 คัน

5. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.)
สืบเนื่องมาจากประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้รับความเดือดร้อนจากการนำเศษขยะมูลฝอย เศษพลาสติก เศษไม้ เศษหิน และวัสดุก่อสร้าง มาทิ้งในพื้นที่ชุมชน ทำให้ขยะส่งกลิ่นเหม็น สร้างมลภาวะอากาศ และน้ำเน่าเสียจากขยะมูลฝอยรั่วซึมไปยังบริเวณใกล้เคียง
บก.ปทส.จึงได้ทำการสืบสวนจนพบแปลงที่ดินที่ประกอบกิจการรับทิ้งขยะโดยไม่ได้รับอนุญาต จำนวน 7 แห่ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ จึงได้เข้าทำการตรวจสอบ พบว่าแต่ละแปลงมีรถบรรทุกเล็กและใหญ่เข้ามาทิ้งขยะไม่ต่ำกว่า 50-200 คันต่อวัน โดยบางแปลงมีการลงทุนเช่าที่ดินขนาดใหญ่ ค่าเช่ากว่า 100,000 บาท และเช่ารถแบคโฮ อีกคันละ 8,000 บาทต่อวัน จึงได้ดำเนินการจับกุมบ่อขยะผิดกฎหมายทั้ง 7 แห่ง ทั่วกรุงเทพฯ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

6. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.)
ในช่วงที่สภาวะเศรษฐกิจ ได้รับผลกระทบเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 กลุ่มผู้ต้องหาได้หลอกลวงประชาชนที่ขาดรายได้และต้องการเข้าถึงแหล่งทุน จึงออกกลอุบายชักชวนว่าสามารถหาแหล่งเงินทุนให้ได้ เพียงแค่ใช้บัตรประชาชนใบเดียว ก็สามารถกู้เงินได้ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อกลุ่มผู้ต้องหาจะพาผู้เสียหายไปสแกนใบหน้ากลางป่า ซึ่งอ้างว่าเป็นขั้นตอนหนึ่งของการยื่นกู้ จากนั้น 1 เดือน กลุ่มผู้ต้องหาได้นำโทรศัพท์สมาร์ทโฟนมามอบให้ พร้อมกับเงินประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท ซึ่งอยู่ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ ต่อมาผู้เสียหายกลับได้รับใบแจ้งหนี้จากธนาคารว่าตนเองเป็นหนี้ 160,000 บาท ซึ่งได้รับเงินจริงเพียง 1 ใน 4 ของยอดที่ขอกู้ เนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมากตกเป็นลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์โดยไม่รู้ตัว กลุ่มผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา โดยมูลค่าความเสียหายกว่า 223 ล้านบาท
บก.ปอศ. จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน จนทราบเครือข่ายผู้ร่วมกระทำความผิดทั้งสิ้นจำนวน 14 ราย และทำการสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหา จนกระทั่งสามารถปิดล้อมตรวจค้น จับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ จำนวน 10 จุด ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กว่า 100 นาย จนจับตัวผู้ต้องหา และยึดของกลาง จำนวน 390 รายการ ได้ในที่สุด

7. กองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.)
ตามนโนบายของทางรัฐบาล ที่ให้ดำเนินการปราบปรามขบวนการลักลอบนําน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาจําหน่ายในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ในวันที่ 14 ตุลาคม 2564 กองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) จึงนำเรือตรวจการณ์ลาดตระเวนไปยังแม่น้ำเจ้าพระยา หลังจากที่ได้รับเเจ้งว่าจะมีการลักลอบขนน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลผิดกฎหมายเข้ามาเพื่อจำหน่ายในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน จากการตรวจการณ์ลาดตระเวน สามารถสกัดจับเรือบรรทุกน้ำมันสีดำ MITA 1 ได้บริเวณปากร่องน้ำเจ้าพระยา ภายในเรือพบน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลประมาณ 1.2 ล้านลิตร พร้อมกับกัปตันและลูกเรือจำนวนรวม 9 คน

8. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี (ปอท.)
ปัจจุบันการกระทำความผิดที่ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือ กำลังกลายภัยใกล้ตัวที่ประชาชนมักจะถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงได้ง่ายยิ่งขึ้น
คดีสำคัญอีกหนึ่งคดีที่ทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี (ปอท.) ได้ทำการสืบสวนติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้นั้น เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในส่วนของข้อมูลส่วนบุคคล โดยทาง บก.ปอท. สามารถสืบสวนติดตามตัว นายวรพลฯ อดีตพนักงานบริษัทฯ เอกชนแห่งหนึ่ง ที่แอบลักลอบนำข้อมูลของทางบริษัทฯ ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนบุคคลไปประกาศขายทางออนไลน์ โดยให้ชำระผ่านทางสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนที่ถูกนายวรพลฯ นำไปประกาศขายนั้น มีจำนวนกว่า 600,000 รายชื่อ

9. กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.)
บก.ปปป. มอบเงินสด 63 ล้านบาท ถวายคืนแด่พระราชมงคลวัชราจารย์ หรือหลวงพ่อพัฒน์ เจ้าอาวาสวัดห้วยด้วน หลังจากกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้รับหนังสือร้องเรียนขอให้ตรวจสอบไวยาวัจกร และคนใกล้ชิดของหลวงพ่อพัฒน์ ที่มีพฤติการณ์ทุจริตยักยอกเงินของวัดห้วยด้วน จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบไวยาวัจกรทั้ง 3 ราย ที่ได้กระทำการทุจริตยักยอกเงินจำนวน ดังกล่าวไป และถึงแม้ว่าไวยาวัจกรทั้ง 3 ราย จะยินยอมนำเงินมาคืนให้แก่ทางวัดแล้วก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ฯ ก็จะยังคงดำเนินการตามกฎหมายในส่วนอื่นต่อไป

10. กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.)
การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและการแข่งรถบนท้องถนน เป็นอีกหนึ่งการปฏิบัติงานที่มีความสำคัญต่อความปลอดภัยของประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน
กองบังคับการตำรวจทางหลวง จึงได้ดำเนินการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวเรื่อยมา จนกระทั่งวันที่ 3 พฤศจิกายน 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้สกัดจับกระบะตู้ทึบ ที่ขับขี่หลบหนีการจับกุมของทางเจ้าหน้าที่ไปตามถนน กม.358-359 ต.โนนท่อน อ.เมือง จ.ขอนแก่น จนรถเสียหลักตกลงไปข้างทาง ซึ่งภายในรถคันดังกล่าวเจ้าหน้าที่ฯ พบยาบ้าจำนวนกว่า 2 ล้านเม็ด และยาไอซ์จำนวน 200 กก.

11. กองบังคับการตำรวจรถไฟ (บก.รฟ.)
จากกรณีที่มีเหตุลักลอบตัดสายไฟในโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการสัญจรในระบบรางรถไฟ และสร้างความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน กองบังคับการตำรวจรถไฟจึงได้เพิ่มมาตรการในการเฝ้าระวังในการตรวจตราทรัพย์สินของทางการรถไฟ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ ท้ายที่สุดจึงนำไปสู่การจับกุม 3 ผู้ต้องหา ที่ลักลอบตัดสายไฟบริเวณโครงการรถไฟฟ้าสานสีแดงย่านสถานีกลางบางซื่อ

11 คดีสำคัญประจำปี พ.ศ.2564 ของตำรวจสอบสวนกลางนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นตั้งใจของ “ตำรวจสอบสวนกลาง” เพื่อจะเป็นสิ่งกระตุ้นเตือนสังคม ให้ทราบถึงภัยของอาชญากรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงเป็นการกระตุ้นเตือนตำรวจในสังกัด “ตำรวจสอบสวนกลาง” ให้ตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชน ที่กำลังต้องการความช่วยเหลือจากตำรวจ ให้สำนึกในหน้าที่ของข้าราชการที่ดี ในการปฏิบัติหน้าที่ ให้สมกับนโยบาย และวิสัยทัศน์ ของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ว่า “มืออาชีพ เป็นกลาง เคียงข้างประชาชน”

26/10/2021
รวบสาวแสบเครือข่ายแชร์ “แม่มณี” ตุ๋นเหยื่อลงทุนดอกเบี้ยท่วมถึง ร้อยละ 93 ต่อเดือน สโลแกนจูงใจ “โอนจริง โอนไว 100%” พบหมา...
24/10/2021

รวบสาวแสบเครือข่ายแชร์ “แม่มณี” ตุ๋นเหยื่อลงทุนดอกเบี้ยท่วมถึง ร้อยละ 93 ต่อเดือน สโลแกนจูงใจ “โอนจริง โอนไว 100%” พบหมายจับติดตัวอีก 4 คดี

วันที่ 24 ต.ค.ที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. สั่งการให้พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. พ.ต.ท.หัตถพร ทองคำ สว.กก.6 บก.ป. พร้อมกำลังจับกุม น.ส.ณฐพร (สงวนชื่อจริง) อายุ 34 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดตรัง ที่ 417/2563 ลงวันที่ 17 พ.ย.63 ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน” ได้ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

จากการจับกุมทราบว่า เมื่อประมาณต้นปี 2562 ผู้ต้องหา ได้ชักชวนให้หลุ่มผู้เสียหายร่วมลงทุนกับแชร์แม่มณี โดยการจูงใจด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า 93 เปอร์เซ็นต์ ในระยะเวลาเพียง 1 เดือน โดยคำโฆษณานั้นระบุรายละเอียดด้วยว่า ฝาก 1,000 บาท แค่ 1 เดือน ก็จะรับเงินคืนถึง 1,930 บาท รับคืนทั้งต้นทั้งดอกเบี้ย

ประกอบกับโฆษณาชวนเชื่อด้วยว่า “โอนจริง โอนไว 100 % เครดิตแน่นๆ ดอกเบี้ยงาม” จึงมีผู้หลงเชื่อร่วมลงทุนจำนวนมาก แต่ปรากฎว่า หลังผู้เสียหายที่ร่วมลงทุนด้วยไม่นาน ก็ไม่ได้รับเงินปันผลคืนตามที่กล่าวอ้าง จึงมีการเข้าแจ้งความดำเนินคดีหลายร้อยราย เป็นเงินประมาณ 5 ล้านบาท

ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบสวนเพื่อติดตามตัวผู้ต้องหารายนี้ จนทราบว่าหลบหนีมาอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จึงเข้าจับกุมตัวได้ดังกล่าว เบื้องต้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ นอกจากนี้ผู้ต้องหายังมีหมายจับติดตัว ส่วนใหญ่เป็น คดีฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ของพื้นที่ต่างๆอีก 4 หมายจับ จึงนำตัวส่ง สภ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ดำเนินคดีต่อไป.

ชมรมนักข่าวกองปราบปราม เว็บไซต์ข่าว  Police news  varieties นิตยสาร COP’S และตัวแทน ผบ.ตร. ร่วมบริจาคโลงศพ สถาบันนิติเวช...
10/08/2021

ชมรมนักข่าวกองปราบปราม เว็บไซต์ข่าว Police news varieties นิตยสาร COP’S และตัวแทน ผบ.ตร. ร่วมบริจาคโลงศพ สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อนำไปให้ผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19

ที่ สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เวลา 11.00 วันที่ 10 สิงหาคม 2564 นายวัสยศ งามขำ ประธานชมรมนักข่าวกองปราบปราม นายสุรชัย นิโครธานนท์ ตัวแทนเว็บไซต์ข่าว Police news varieties นายชนาธิป กฤษณสุวรรณ ผู้ก่อตั้งนิตยสาร COP’S และนักข่าวกองปราบปราม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 ตัวแทน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำเงินรายได้จากการระดมสมทุนของเพื่อนสื่อมวลชน และข้าราชการตำรวจ ซื้อโลงศพ 150 โลง (โลงละ 1,300) มูลค่า 195,000 บาท มอบให้แก่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ มี พ.ต.อ.วาที อัศวุตมางกุร รองโฆษกโรงพยาบาลตำรวจ เป็นตัวแทนรับมอบเพื่อนำไปให้ผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มียอดความสูญเสียรายวันจำนวนสูงขึ้น

นายวัสยศ กล่าวว่า สำหรับงบบริจาคอีกส่วนจะบริจาคให้กับ วัดชินวรารามวรวิหาร ตำบลบางขะแยง อำเภอเมืองปทุมธานี เพื่อสมทบกองทุนสร้างเตาเผาศพและค่าน้ำมันให้ผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด และบริจาคอุปกรณ์การแพทย์แก่โรงพยาบาลสนาม ซึ่งจะแจ้งกำหนดการให้ทราบต่อไป ทั้งนี้ชมรมนักข่าวกองปราบฯ ขออนุโมทนาบุญไปยังผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านที่ร่วมบุญในครั้งนี้.

รวบรอบสอง!! “หลงจู๊สมชาย” จ้างวานฆ่าhttps://www.cops-magazine.com/topic/37668/?fbclid=IwAR2isPzDf962T9dqSFjvc4EEqxFlkln6...
25/03/2021

รวบรอบสอง!! “หลงจู๊สมชาย” จ้างวานฆ่า

https://www.cops-magazine.com/topic/37668/?fbclid=IwAR2isPzDf962T9dqSFjvc4EEqxFlkln6b14N_X077zLadvW9hLZG5sc_ti8

ปิดเกมคำสั่งตาย By เขม่าปืน - 25 มีนาคม 2564 แชร์ Facebookทวิตส่ง Line“ในชีวิตไม่เคยรู้จักหลงจู๊ ไม่เคยคุยกัน แค่เคยได้ยิ....

กองปราบฯ เปิดศูนย์รับเเจ้งความร้องทุกข์ผ่านระบบออนไลน์      เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 18 ก.พ. ที่ กองบังคับการปราบปราม (...
18/02/2021

กองปราบฯ เปิดศูนย์รับเเจ้งความร้องทุกข์ผ่านระบบออนไลน์

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 18 ก.พ. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. เป็นประธานในพิธีเปิดจุดบริการรับเเจ้งความร้องทุกข์ผ่านระบบออนไลน์ ลดการสัมผัสระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมี พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.สาธิต สมานภาพ รอง ผกก.1 บก.ป. กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการเปิดจุดให้บริการดังกล่าว

พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า ระบบการแจ้งความร้องทุกข์ผ่านทางออนไลน์นี้ กองปราบปรามได้คิดค้นพัฒนามาเพื่อรองรับเทียบเท่ากับมาตราฐานสากล และลดความเสี่ยงจากการสัมผัสระหว่างพนักงานสอบสวนกับประชาชน โดยระบบจะครอบคลุมทั้งการแจ้งความ ให้ปากคำและส่งมอบพยานหลักฐาน ที่สามารถทำพร้อมกันได้ในคราวเดียว ซึ่งจะทำให้ความเสี่ยงนั้นลดน้อยลงแต่ยังคงประสิทธิภาพเช่นเดิม

ด้าน พ.ต.ท.สาธิต กล่าวว่า การแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ของกองปราบ มีขั้นตอนที่ประชาชนสามารถเข้าใจได้ง่าย ซึ่งจะแบ่งช่องสำหรับติดต่อ เป็น 2 ช่องบริการ ช่องที่ 1 สำหรับผู้ที่จะปรึกษาคดีความและแจ้งความครั้งแรก ให้เข้าใช้ช่องที่ 1 จะมีเจ้าหน้าที่พนักวานสอบสวนคอยพูดคุยผ่านช่องทางคอมพิวเตอร์ เพื่อแนะนำการใช้บริการเบื้องต้นก่อนสอบปากคำ โดยจะมีชุดหูฟัง เสียบเชื่อมต่อเข้าระบบให้สื่อสารโต้ตอบกันง่ายขึ้น ขณะเดียวกันหน้าจอ จะแสดงผล คำให้การที่พนักงานสอบสวนพิมพ์ระหว่างสอบปากคำ เพื่อที่ว่าหากไม่ตรงตามคำให้การประชาชนสามารถแย้งเพื่อแก้ไขได้ เมื่อสอบปากคำเสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนจะสั่งปริ้นคำให้การออกมาให้ และหากมีหลักฐานจะมอบเพิ่มเติ่มก็สามารถเอาไปวางไว้ที่จุดบริเวณหน้าห้องรับแจ้งความได้

พ.ต.ท.สาธิต กล่าวต่ออีกว่า ขณะเดียวกันหากประชาชนจะติดต่อเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมหรือติดตามความคืบหน้าทางคดี ซึ่งเคยแจ้งความไว้แล้ว รวมถึงมาตามนัดหมายของพนักงานสองสวนจะให้ไปใช้บริการที่ช่อง 2 ซึ่งมีขั้นตอนคล้ายกันกับการแจ้งความครั้งแรก คือจะมีพนักงานสอบสวนคอยพูดคุยโต้ตอบผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์และสนทนาผ่านชุดหูฟัง ซึ่งทั้ง 2 ช่องบริการนอกจากลดความเสี่ยงจากการสัมผัสระหว่างพนักงานสอบสวนกับประชาชนแล้ว ขั้นตอนต่างๆยังสะดวกรวดเร็วขึ้น ในขณะที่ประสิทธิภาพก็ไม่ลดลง อนาคตเตรียมต่อยอด ขยายผล เพื่อติดตั้งระบบสอบปากคำนอกสถานที่ผ่านระบบออนไลน์อีกด้วย

รวบหลงจู๊ระยอง!!! เอาตัวเข้าสอบ ภ.2รุ่งเช้า วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ตำรวจกองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) นำโดยชุดปฏิบัติการพิเศ...
11/02/2021

รวบหลงจู๊ระยอง!!! เอาตัวเข้าสอบ ภ.2

รุ่งเช้า วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ตำรวจกองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) นำโดยชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบปราม สนธิกำลังร่วมหลายหน่วยงานเข้าจับกุมตัว นายสมชาย จุติกิติ์เดช หรือหลงจู๊สมชาย เจ้าของบ่อนพนันหลายแห่งในภาคตะวันออกที่ก่อนหน้านี้เป็นครัสเตอร์ระบาดโควิด-19 ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง โดยมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่จะคุมตัวไปสอบปากคำที่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กำลังเดินทางไปสอบสวนด้วยตัวเอง ส่วนรายละเอียดในการเข้าจับกุมนายสมชาย จะแถลงต่อสื่อมวลชนที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 จ.ชลบุรี

กองปราบฯ ทลายโกดังข้าวสุรินทร์ ยึดตู้ม้าเพียบ!!!ป.ยึดตู้สล็อต-ตู้เกมส์กว่า 300 ตู้ซุกโกดังข้าว ใน อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ เต...
30/01/2021

กองปราบฯ ทลายโกดังข้าวสุรินทร์ ยึดตู้ม้าเพียบ!!!

ป.ยึดตู้สล็อต-ตู้เกมส์กว่า 300 ตู้ซุกโกดังข้าว ใน อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ เตรียมขยายผลจับกุมเสี่ยโบกเจ้าของมาดำเนินคดีต่อไป

เมื่อวันที่ 29 ม.ค.พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก.สั่งการ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป.พ.ต.ต.พัชญา ทวิชศรี สว.กก.3 บก.ป.สนธิกำลังร่วมกับ ตำรวจ สภ.จอมพระ จ.สุรินทร์ นำหมายค้นศาลแขวงสุรินทร์ เข้าตรวจค้นโกดังเก็บข้าว ใน อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ หลังสืบทราบว่ามีการซุกซ่อนตู้เกมส์ ตู้สล็อตผิดกฎหมายจำนวนมาก

จากการตรวจค้นพบ ตู้สล๊อต (ผลไม้) จำนวน 314 ตู้ แผงวงจร 100 แผ่นและอุปกรณ์ประกอบตู้หลายพันรายการ ทั้งนี้ขณะตรวจค้น เจ้าหน้าที่ได้พบนายกือ และนายชอบ ผู้ดูแลโกดังเก็บข้าวดังกล่าว ซึ่งทั้งสองให้ข้อมูลว่า ของกลางข้างต้น เสี่ยโบก ได้สั่งให้นำมาเก็บไว้ในโกดัง เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยขนเข้ามาด้วยรถบรรทุกพร้อมกับมีชายไม่ทราบชื่อ 2-3 คน นำอุปกรณ์ลูกกุญแจมาเปิดตู้สล็อตแล้วถอดแผงวงจรที่ใช้ควบคุมการเล่นออก ซึ่งทั้งสองคนไม่ทราบว่าของกลางดังกล่าวถูกขนมาจากที่ใด

จากการสืบสวนเพิ่มเติมทราบว่าของกลางดังกล่าว ถูกนำมาเก็บซุกซ่อนไว้ในโกดังเก็บข้าว แต่ไม่ได้มีการลักลอบนำมาเล่นภายในพื้นที่แต่อย่างใด เนื่องจากในช่วงก่อนหน้านี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการระดมกวาดล้างบ่อนการพนันทั่วประเทศ ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลติดตามจับกุมผู้ที่อยู่เบื้องหลังการกระทำความผิดดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย อีกทั้ง จะประสานไปยังเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานให้ตรวจสอบอุปกรณ์ของกลางที่ตรวจยึดมาทั้งหมดโดยละเอียด หากพบว่าของกลางดังกล่าว เป็นอุปกรณ์การพนันทางอิเล็คทรอนิค ผู้ลักลอบนำมาซุกซ่อนจะต้องรับโทษตามกฎหมาย ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายมูลฐานความผิดฟอกเงินอีกด้วย

พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้กำชับให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกวดขัน จับกุมบ่อนการพนัน เครื่องจักรกลไฟฟ้า โดยเฉพาะตู้เกมส์ ตู้สล๊อต ตู้อิเล็กทรอนิกส์การพนันต่างๆ ที่ได้มีการลักลอบนำไปจัดวางไว้ในพื้นที่ชนบทตามชุมชนต่างๆ และประกอบกับในปัจจุบันเป็นช่วงระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งอาจจะทำให้กลุ่มเด็ก เยาวชน หรือนักพนัน ที่เข้าไปเล่นหรือสัมผัสกับตู้พนันดังกล่าว ติดเชื้อ หรือมีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ง่ายขึ้น

ไม่รอด!!! เด้งแล้ว 5 เสือโรงพักบางบัวทอง เซ่นจับบ่อนเมื่อวันที่ 15 ม.ค. พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 ลงนามในคำสั่งที่ 24...
15/01/2021

ไม่รอด!!! เด้งแล้ว 5 เสือโรงพักบางบัวทอง เซ่นจับบ่อน

เมื่อวันที่ 15 ม.ค. พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 ลงนามในคำสั่งที่ 24/264 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจมาปฎิบัติราชการ โดยมีใจความว่า ตามคำสั่ง ตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 23/2564 ลงวันที่ 15 มกราคม 2564 แต่งตั้ง
คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี เมื่อวันที่14 มกราคม เวลาประมาณ 22.00 นาฬิกา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามและเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ได้ร่วมกันจับกุมผู้ลักลอบเล่นการพนันไพ่เสือมังกร ผู้ต้องหา จำนวน 40 คน พร้อมของกลางหลายรายการ

เหตุเกิดในบ้านเลขที่ 14/11 ปากชอยวัดลาดปลาดุก ถนนกาญจนาภิเษก ตำบลบางรักพัฒนา อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี นั้น ดังนั้น เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค ๑ โดยขาดจากตำแหน่งเดิม และมอบหมายให้ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ที่รับผิดชอบศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 1 เป็นผู้ควบคุมกำกับดูแลการปฏิบัติราชการของข้าราชการตำรวจดังกล่าว

จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ดังนี้ พ.ต.อ.พรเทพ เพ็ชรรักษ์ ผกก.สภ.บางบัวทอง พ.ต.ท.พล พื้นพรม รองผกก.ป.สภ.บางบัวทอง พ.ต.ท.สมชาย ขำสัจจา รองผกก.สส.สภ.บางบัวทอง พ.ต.ท.วรวุฒิ นุริตมนต์ สว.สส.สภ.บางบัวทอง และ พ.ต.ต.สีน้ำ นิยมพลอย สว.(สอบสวน)ปรท.สวป.สภ.บางบัวทอง

ทั้งนี้มีรายงานว่าหากผลการสืบสวนข้อเท็จจริงปรากฏว่าบกพร่องก็ต้องมีการลงโทษทางวินัย แต่หากพบว่าไม่บกพร่อง ก็จะมีคำสั่งให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติต่อไป

กองปราบฯ จับบ่อน!!!!!เมื่อเวลา 22.30 น.วันที่ 14 ม.ค. มีรายงานข่าวว่า พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง...
15/01/2021

กองปราบฯ จับบ่อน!!!!!

เมื่อเวลา 22.30 น.วันที่ 14 ม.ค. มีรายงานข่าวว่า พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(รองผบช.ก.) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานสืบสวนปราบปรามเครือข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง สั่งการให้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.บก.ป.) พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.วิญญู แจ่มใส รองผกก.2 บก.ป. นำกำลังเข้าตรวจค้น บ้านเลขที่ 14/11 ปากซอยวัดลาดปลาดุก ถนนกาญจนาภิเษก ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังได้มีเบาะแสว่าบ้านหลังดังกล่าวแอบลักลอบเล่นการพนัน

จากการตรวจค้นพบนักพนัน 40 คน แบ่งเป็นชาวไทย จำนวน 33 ราย บุคคลต่างด้าว จำนวน 7 ราย ทำหน้าที่เป็นพนักงานโต๊ะพนัน ทางเจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมก่อนที่จะคัดแยกนักพนันและให้ใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดอุปกรณ์การเล่นพนัน เสือ - มังกร เงินสด รวมไปถึงชิพแทนเงินสด นอกจากนี้ยังพบว่าบริเวณทางเข้าบ่อนมีเครื่อวัดไข้ติดตั้งไว้ด้วย

พ.ต.อ.บุญลือ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากทางตำรวจกองปราบปราม กองกำกับการ 2 ได้ทำการสืบสวนแหล่งที่ลักลอบเล่นพนันในพื้นที่ต่าง ๆ จนกระทั่งพบข้อมูลว่าบ้านหลังนี้แอบลักลอบเปิดเป็นบ่อนพนันเสือ - มังกร จึงได้วางแผนก่อนเข้าจับกุม จากการสอบสวนคนดูแลบ่อนเล่าวว่าบ่อนแห่งนี้เป็นบ่อนวิ่ง เพิ่งลักลอบเปิดได้เพียง 2 วันก็ถูกตำรวจจับ

พ.ต.อ.บุญลือ กล่าวด้วยว่า ในส่วนการติดตามตัวเจ้าของบ่อนพนันหรือนายทุนตัวจริง ทางเจ้าหน้าที่มีข้อมูลแล้ว อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามตัว สำหรับนักพนันและพนักงานบ่อนจะคุมตัวส่งให้พนักงานสอบสภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ดำเนินคดีต่อไป.

กองปราบฯราบแล้ว!!! แก๊งงัดบ้าน “บอย ปกรณ์” โจรสองผัวเมียรับสารภาพ ตระเวนลักทรัพย์ช่วงปีใหม่ หาเงินเปิดบ่อนวิ่งเล่นพนันเม...
11/01/2021

กองปราบฯราบแล้ว!!! แก๊งงัดบ้าน “บอย ปกรณ์” โจรสองผัวเมียรับสารภาพ ตระเวนลักทรัพย์ช่วงปีใหม่ หาเงินเปิดบ่อนวิ่งเล่นพนัน

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 11 ม.ค. ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พร้อมด้วย พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย, รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. และเจ้าหน้าที่กก.1บก.ป.ร่วมกันแถลงข่าวผบการจับกุมนายสุกิจ หรือตั้ม ดวงบัว อายุ 40 ปี น.ส.ยุวดี หรือ ยุ ภูธนต์ อายุ 41 ปี พร้อมของกลาง ตุ๊กตา Bearbrick จำนวน 6 ตัว มูลค่ากว่า 1.5แสนบาท อุปกรณ์ก่อสร้างสายไฟ อุปกรณ์การพนัน อาทิ ไฮโล ลูกเต๋า ไพ่สำหรับ จำนวนมาก โดยจับกุมได้บ้านเลขที 29-31 ซ.ลาดพร้าว 43 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว

พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา กองบังคับการปราบปรามได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ว่ามีเหตุคนร้ายตระเวนใช้รถเก๋งสีฟ้าก่อเหตุลักทรัพย์ตามหมู่บ้านย่านลาดพร้าว, โชคชัย และ รามอินทรา ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนหลายราย จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าว กระทั่งทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุจะใช้รถยนต์ยี่ห้อเซฟโรเลต สีฟ้า ทะเบียน กม.1943 จ.อุบลราชธานี ซึ่งมีนายสุกิจและน.ส.ยุวดี สองสามีภรรยา เป็นเจ้าของ และหลังก่อเหตุได้จอดรถทิ้งไว้ที่บ้านดังกล่าว ทางชุดสืบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายค้นต่อศาลอาญา ตามหมายค้นที่ ค.2 และ ค.3 ลงวันที่ 10 ม.ค.2564 เข้าตรวจค้นก็พบของกลางหลายรายการ

จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับว่า จะขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวออกตระเวนไปตามบ้านในช่วงกลางดึก หากพบว่าบ้านหลังใดไม่มีกล้องวงจรปิดหรือเป็นบ้านที่เชื่อว่ามีทรัพย์สินของมีค่าอยู่ภายในบ้าน กลุ่มคนร้ายจะขับรถวนดูเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีคนอยู่ภายในบ้านจริง แล้วจะลงมือเข้าไปลักเอาทรัพย์สินภายในบ้าน นอกจากนี้ยังจะเลือกเอาบ้านที่อยู่ในระหว่างก่อสร้างหรือต่อเติมบ้านในการก่อเหตุ โดยทรัพย์สินที่ได้จะนำไปเล่นการพนัน และซื้อยาเสพติด ทั้งนี้ภายหลังจับกุมได้ขยายผลเพิ่มเติมพบว่าทรัพย์สินของกลางบางส่วนเป็นของดาราชื่อดัง “บอย ปกรณ์” หรือนายปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ซึ่งได้แจ้งความเอาไว้ที่ สน.พหลโยธิน เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม
จากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายสุกิจ เคยต้องโทษคดียาเสพติดและลักทรัพย์มาแล้วหลายครั้ง โดยระหว่างตรวจค้นพบของกลางเป็นอุปกรณ์การพนัน ซึ่งผู้ต้องหาให้การว่าเงินที่ได้จากการขโมยก็จะนำไปเล่นการพนัน และรับเป็นเจ้ามือเปิดบ่อนวิ่งตามที่ต่างๆ อีกทั้งมีการติดอุปกรณ์รีโมทที่บังคับลูกเต๋าไว้หลอกนักพนันที่มาเล่นด้วย ผบก.ป. กล่าว

ด้านบอย ปกรณ์ ดารานักแสดงชื่อดัง ซึ่งได้เดินทางมาร่วมแถลงข่าวได้ กล่าวว่า บ้านของตนอยู่ระหว่างการต่อเติม อีกทั้งช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาตนไม่ได้อยู่ที่บ้าน ซึ่งภายหลังมาทราบว่าถูกคนร้ายขโมยเอาทรัพย์สินเป็นโมเดลหมีและของเล่นสะสมที่วางอยู่ในห้องเก็บของชั้นล่างก่อนที่จะหลบหนีไป และได้มีการแจ้งความไว้ที่สน.พหลโยธิน ทั้งนี้ในวงจรปิดพบว่าคนร้ายได้ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านของตน จากนั้นได้ลงจากรถเพื่อสอดส่องดูว่ามีคนอยู่ในบ้านหรือไม่ เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดอยู่ในบ้าน จึงได้ขับขี่รถยนต์ออกไปเพื่อไปนำอุปกรณ์ที่ใช้ในการงัดแงะ กลับมาก่อเหตุโดยทำทีเป็นเจ้าของบ้านถอยรถเข้ามาเพื่อไม่ให้เพื่อนบ้านผิดสังเกต อย่างไรก็ตามขอขอบคุณทางตำรวจที่ช่วยติดตามทรัพย์สิน และคนร้ายมาดำเนินคดีได้

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถาน ในเวลากลางคืน โดยทำอันตราย สิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปโดยประการใดๆ โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร” ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองส่งพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

บิ๊กต่อ มาแล้ว!!! บช.ก. เข้มเลือกตั้งท้องถิ่น ส่งกองปราบฯ ดูผู้มีอิทธิพลมือปืนรับจ้างเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พล.ต.ท.ต่อ...
16/11/2020

บิ๊กต่อ มาแล้ว!!! บช.ก. เข้มเลือกตั้งท้องถิ่น ส่งกองปราบฯ ดูผู้มีอิทธิพลมือปืนรับจ้าง

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) Torsak Sukvimol กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บช.ก.เพื่อรับมือการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่จะมีขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมนี้ ว่า ได้เน้นย้ำมาตั้งแต่วันมอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติงาน โดยให้เป็นไปตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งในเรื่องของผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง อันนี้ตนได้ให้นโยบายไปหมดแล้ว ว่าช่วงปลายปีนี้จะมีการเลือกตั้งท้องถิ่น ก็มักจะมีกลุ่มผู้มีอิทธิพล กลุ่มผลประโยชน์ กลุ่มการเมือง หรือคู่แข่งทางการเมืองต่างๆ มีการตัดกำลังกัน เช่น ส่งมือปืนมาดักทำร้าย มายิงกัน เพื่อตัดกำลังคู่แข่งทางการเมืองออกไป รวมทั้งภายหลังการเลือกตั้งแล้ว หัวคะแนนที่มีการหักหลังกัน เรื่องของหัวคะแนนเราก็จะเห็นเป็นข่าวในหลายๆ ปี

ผบช.ก.กล่าวต่อว่า ได้สั่งการทั้งกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ที่มีกองกำกับการต่างๆ ดูแลพื้นที่ทั่วประเทศ และกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ ที่มีกองกำลังปฏิบัติการได้ทั่วราชอาณาจักร โดยให้ไปในพื้นที่ต่างๆ สืบสวนหาข่าวและเป็นการป้องปรามไม่ให้ซุ้มมือปืนขยับ ตนได้มอบนโยบายให้ พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบก.ปฏิบัติการพิเศษ ไปแล้ว ถ้าซุ้มไหนขยับ ก็เอาทั้งซุ้ม บอกไว้เลยว่าจะลงไปจัดการทั้งซุ้ม เรื่องนี้ไม่ได้เลย การเมืองก็คือการเมือง ไม่ใช่เรื่องของการเอาชีวิตกัน แล้วก็ไม่ใช่การเอาชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปเข่นฆ่าเขา เราต้องป้องปราม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้น

“ผมจะไม่ให้มีการใช้ผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างในช่วงก่อน ระหว่าง และหลังการเลือกตั้ง เราจะควบคุมไว้ทั้งหมด เพราะว่าหลังการเลือกตั้ง อาจจะมีการเช็คบิล เราก็ต้องป้องกันไว้อีก ผมสั่งการลงไปแล้ว” พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ กล่าวและว่า ขณะนี้ยังไม่พบความเคลื่อนไหวของมือปืนซุ้มไหน ยังค่อนข้างเงียบ ซึ่งเขาอาจจะรู้ว่าเราเอาจริง แต่ก็เน้นไปที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะว่ามีผู้สมัครบางคนที่เป็นผู้มีอิทธิพลเสียเอง ตนได้ข่าวมาว่ามีมือปืนอยู่ด้วย อันนี้ถ้าขยับเป็นเรื่องแน่ ตนไม่ยอม และจะให้เกิดเหตุไม่ได้เลย

พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ กล่าวถึงเรื่องที่ได้รับร้องทุกข์เข้ามา คือ แก๊งเด็กแว้น และแก๊งนักเรียนตีกัน ยังเกิดขึ้น แล้วก็ยิงใส่กันแต่ไปถูกผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ตายไป เหตุเกิดในพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 1 ตนประสานกับทางตำรวจภูธรภาค 1 แล้ว ก็ต้องไปตาม ถ้ามีการร้องขอกำลังเสริม ตนจะให้ชุดปฏิบัติการพิเศษลงพื้นที่ ถ้ายิงพวกที่มีเรื่องกันตนไม่ว่าเลย แต่ยิงโดนผู้บริสุทธิ์ที่เขาไม่รู้เรื่อง เขาอาจจะเป็นหัวหน้าครอบครัว หรือเป็นเสาหลักของครอบครัว เขาอาจจะเป็นลูกที่ดีของพ่อของแม่ ทำอย่างนี้ไม่ถูก อย่างนี้ตนไม่ยอม ก็จะให้ชุดปฏิบัติการทำงาน

ที่อยู่

ห้องสื่อมวลชน กองบังคับการปราบปราม
Bangkok
10900

เบอร์โทรศัพท์

+66 2 939 3701

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ชมรมนักข่าวกองปราบปรามผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง ชมรมนักข่าวกองปราบปราม:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์