LM Thai LM (Logistics Manager) แหล่งข่าวสารด้านโลจิสติกส์ชั้นนำ

Yusen Logistics (Lao) เข้าร่วมงาน Laos Logistics Fair 2024บริษัท Yusen Logistics (Lao) เข้าร่วมงานจัดแสดงสินค้าและบริการ...
19/11/2024

Yusen Logistics (Lao) เข้าร่วมงาน Laos Logistics Fair 2024

บริษัท Yusen Logistics (Lao) เข้าร่วมงานจัดแสดงสินค้าและบริการด้านโลจิสติกส์ Laos Logistics Fair 2024 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยสมาคมผู้ขนส่งสินค้าทางรถบรรทุกและผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศประจำประเทศลาว (Lao International Truckers and Freight Forwarders Association: LITFA) ซึ่งนับเป็นการจัดแสดงสินค้าและบริการในประเทศลาวเป็นครั้งแรกของบริษัทฯ

โดยภายในงานดังกล่าว Yusen Logistics (Lao) ได้ร่วมนำเสนอแบรนด์ แบ่งปันความรู้ความเชี่ยวชาญ และร่วมเสวนาในหัวข้อเกี่ยวกับธุรกิจโลจิสติกส์ที่กำลังพัฒนาในลาว ผ่านการพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้องในธุรกิจฯ ซึ่งช่วยให้ Yusen Logistics (Lao) ได้รับข้อมูลที่จะช่วยยกระดับบริการและตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นภายในภูมิภาค ภายใต้เป้าหมายเพื่อการยกระดับสถานะของบริษัทฯ ในประเทศลาวและทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านการสำรวจโอกาสและสร้างความสัมพันธ์ภายในอุตสาหกรรมฯ

บริษัท Ben Line Agencies (Thailand) Ltd. กำลังเปิดรับสมัครพนักงานหลายตำแหน่ง- Freight Solution – Commercial (Senior Leve...
18/11/2024

บริษัท Ben Line Agencies (Thailand) Ltd. กำลังเปิดรับสมัครพนักงานหลายตำแหน่ง
- Freight Solution – Commercial (Senior Levelor Manager Level)
- Freight Solution – Customer Service & Operations
- IT (Senior level or Manager level)
- ISO Tank and ChemicalLogistics (Senior levelor Manager level)
- Sales Executive – Chemical Logistics

📍 ตึก เศรษฐีวรรณ ถนนสีลม
ท่านใดที่มีประสบการณ์ทางด้านโลจิสติกส์และกำลังมองหาโอกาสเติบโตในตำแหน่งงานใหม่ สามารถกดลิ้งค์สมัครงานด้านล่าง
หรือส่ง Resume เข้ามาที่ [email protected]
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 02-352-3157

DP World รับมอบตู้สินค้าจำนวน 47,000 ทีอียูDP World รับมอบตู้สินค้า 47,000 ทีอียู ซึ่งได้รับการลงทะเบียนและตกแต่งตู้ภายใ...
18/11/2024

DP World รับมอบตู้สินค้าจำนวน 47,000 ทีอียู

DP World รับมอบตู้สินค้า 47,000 ทีอียู ซึ่งได้รับการลงทะเบียนและตกแต่งตู้ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ เป็นครั้งแรก​ โดยตู้สินค้าใหม่จะเพิ่มความสามารถในการรองรับสินค้าของ DP World และยกระดับความสามารถและความยืดหยุ่นในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

การรับมอบตู้สินค้าดังกล่าวจะช่วยยกระดับความสามารถในการรองรับสินค้าให้แก่ลูกค้าของ DP World ได้อย่างไร้รอยต่อ ช่วยให้ลูกค้าวางใจได้ว่าจะสามารถขนส่งสินค้าได้อย่างราบรื่นแม้จะเป็นช่วงที่มีความต้องการในการขนส่งสินค้ามากเป็นพิเศษหรือเกิดเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและคาดไม่ถึง ช่วยให้ DP World ลดความเสี่ยงในการขนส่งสินค้าล่าช้า ช่วยให้ซัพพลายเชนของลูกค้ามีความยืดหยุ่นและสามารถตอบรับกับสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้

การรับมอบตู้สินค้าในครั้งนี้เป็นการเน้นย้ำกลยุทธ์ของ DP World ในการให้บริการลูกค้าด้วยอุปกรณ์ที่น่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพ ด้วยการลงทุนในกองตู้ที่มีอายุน้อยลง ทำให้มีความต้องการในการบำรุงรักษาน้อยลงตามไปด้วย บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการลดค่าใช้จ่ายด้านปฏิบัติการ ซึ่งท้ายที่สุดจะช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ลูกค้าได้ โดยที่ยังได้รับบริการคุณภาพสูง

Mr. Ganesh Raj ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการระดับโลก หน่วยธุรกิจบริการขนส่งสินค้าทางทะเล บริษัท DP World กล่าวว่า “ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางการค้าที่มีความซับซ้อนและการแข่งขันสูง ซัพพลายเชนอยู่ภายใต้ภาวะความกดดันที่เพิ่มขึ้น การรับมอบตู้สินค้า 47,000 ทีอียูเข้าในระบบของ DP World จะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงความสามารถในการรองรับสินค้าที่ลูกค้าต้องการ สามารถวางใจได้ว่าสินค้าจะได้รับการขนส่งตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางได้อย่างปลอดภัยภายใต้การให้บริการของพันธมิตรเพียงรายเดียว”

LEO Global Logistics เปิดตัว LEO COLDBOTIC คลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าควบคุมอุณหภูมิระบบอัจฉริยะแห่งแรกของไทยเมื่อวัน...
15/11/2024

LEO Global Logistics เปิดตัว LEO COLDBOTIC คลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าควบคุมอุณหภูมิระบบอัจฉริยะแห่งแรกของไทย

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา บริษัท LEO Global Logistics (LEO) นำโดยคุณเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้เปิดตัวคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า LEO COLDBOTIC ซึ่งถือเป็นคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าควบคุมอุณหภูมิที่ติดตั้งระบบอัจฉริยะสำหรับจัดเก็บไวน์โดยเฉพาะแห่งแรกของไทย อีกทั้งยังเป็นคลังสินค้าทัณฑ์บนที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแห่งประเทศไทย (Thailand Board of Investment: BOI) อีกด้วย ถือเป็นการรวบรวมข้อได้เปรียบด้านประสิทธิภาพการบริการด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยตามมาตรฐานสากล ซึ่งจะช่วยยกระดับธุรกิจประเภท Non-freight และ Non-Logistics ให้แก่ LEO Global Logistics ได้เป็นอย่างดี

โดยคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า LEO COLDBOTIC ตั้งอยู่ในท่าเทียบเรือ Sahathai Terminal จังหวัดสมุทรปราการ และถือเป็นคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าสำหรับสินค้าประเภทไวน์แห่งแรกของไทยที่ติดตั้งระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติ (Automation & Robot) นอกจากนี้ คลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าแห่งนี้ยังได้รับการอนุมัติจากกรมศุลกากรให้เป็นคลังสินค้าทัณฑ์บน ช่วยให้ลูกค้าสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ในด้านภาษีนำเข้าจากการใช้บริการคลังสินค้าทัณฑ์บนทุกประการ ไม่เพียงเท่านั้น คลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า LEO COLDBOTIC ยังถือเป็นคลังสินค้าทัณฑ์บนควบคุมอุณหภูมิที่ตั้งอยู่ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจและการค้าของกรุงเทพฯ มากที่สุดอีกด้วย
คุณเกตติวิทย์กล่าวว่า “คลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า LEO COLDBOTIC ให้บริการคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าครบวงจรด้วยระบบควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะและระบบหุ่นยนต์อัจฉริยะ อีกทั้งยังเป็นคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าแห่งแรกในไทยที่ติดตั้งระบบอัตโนมัติสี่ช่องทาง (4-ways shuttle Automatic) สำหรับการจัดเก็บสินค้าประเภทเหล้าและไวน์ ช่วยให้สามารถจัดเก็บไวน์ในช่วงอุณหภูมิตั้งแต่ 15-18 องศาเซลเซียส เป็นจำนวนมากกว่า 1,200,000 ขวด ถือเป็นการส่งมอบบริการโลจิสติกส์ครบวงจรที่มีประสิทธิภาพให้แก่ลูกค้าในกลุ่มธุรกิจผู้นำเข้าไวน์ ซูเปอร์มาร์เก็ต โรงแรม และร้านอาหาร นอกจากนี้ คลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า LEO COLDBOTIC ยังได้รับการรับรองประเภทกิจการศูนย์กระจายสินค้าทันสมัย (Distribution Center: DC) จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแห่งประเทศไทยอีกด้วย”

ไม่เพียงเท่านั้น คลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า LEO COLDBOTIC ยังมาพร้อมห้องชิมไวน์ สำหรับการนำเสนอและชิมไวน์ในบรรยากาศหรูหราให้แก่ลูกค้า รวมถึงห้องประชุมสำหรับเสวนาธุรกิจด้วย”

Maersk และ Danone จับมือเป็นพันธมิตรลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยบริการ ECO Delivery OceanMaersk จับมือกับ Danone หนึ่งใ...
15/11/2024

Maersk และ Danone จับมือเป็นพันธมิตรลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยบริการ ECO Delivery Ocean

Maersk จับมือกับ Danone หนึ่งในบริษัทด้านอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำระดับโลก ร่วมลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ด้วยการใช้บริการ Maersk ECO Delivery Ocean ผลิตภัณฑ์บริการที่ให้ความสำคัญกับการใช้เชื้อเพลิงที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างดีเซลชีวภาพหรือเมทานอลชีวภาพ ซึ่งผลิตจากของเสียจากกากพืชกากสัตว์ โดยเชื้อเพลิงเหล่านี้จะใช้ในกองเรือ Maersk ทั้งนี้ การใช้บริการ ECO Delivery Ocean จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงฟอสซิลแบบดั้งเดิม

“เรามีความยินดีที่ได้จับมือกับ Maersk ผ่านโครงการ Partner for Growth ของ Danone ผลิตภัณฑ์ ECO Delivery Ocean และแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสอดคล้องกับกลยุทธ์การลดการปล่อยคาร์บอนของเรา ซึ่งให้ความสำคัญกับการใช้เชื้อเพลิงทางเลือกและการขนส่งสินค้าต่อเนื่องหลายรูปแบบ Maersk ถือเป็นพันธมิตรรายสำคัญ และการใช้ผลิตภัณฑ์ของ Maersk เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนจากการขนส่งสินค้าทางทะเลถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในเส้นทางลดการปล่อยคาร์บอนของเรา” Mr. Jean-Yves Krummenacher ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อจัดจ้างระดับโลก บริษัท Danone กล่าว

Danone มีความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยคาร์บอนเท่ากับศูนย์ให้สำเร็จภายในปี 2050 และดำเนินการตามเส้นทางการปล่อยคาร์บอนเท่ากับศูนย์ตามโครงการกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก (SBTi) ในปี 2017 โดย Maersk ได้วางเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนเท่ากับศูนย์ให้สำเร็จภายในปี 2040 และถือเป็นบริษัทขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์รายแรกที่ดำเนินตามเส้นทางการปล่อยคาร์บอนเท่ากับศูนย์ที่ได้รับการรับรองโดย SBTi

“การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างรวดเร็วถือเป็นหัวใจสำคัญของทั้งสองบริษัทฯ บริษัทที่มีชื่อเสียงอย่าง Danone เป็นเหมือนผู้นำทางในอุตสาหกรรมของเราด้วยการใช้แนวทางลดการปล่อยคาร์บอนในซัพพลายเชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราภาคภูมิใจที่ได้เป็นพันธมิตรที่น่าเชื่อถือของ Danone ในภารกิจที่สำคัญเช่นนี้” Mr. Emilio de la Cruz กรรมการผู้อำนวยการประจำภูมิภาคยุโรปตะวันตกเฉียงใต้ บริษัท Maersk กล่าว

Maersk เปิดตัวศูนย์กระจายสินค้าใหญ่ที่สุดในฟิลิปปินส์บริษัท Maersk Contract Logistics ประจำประเทศฟิลิปปินส์ ในเครือของบร...
14/11/2024

Maersk เปิดตัวศูนย์กระจายสินค้าใหญ่ที่สุดในฟิลิปปินส์

บริษัท Maersk Contract Logistics ประจำประเทศฟิลิปปินส์ ในเครือของบริษัท A.P. Moller – Maersk (Maersk) จัดพิธีเปิดศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ขนาด 10 เฮกตาร์ ในชื่อ Maersk Optimus Center ซึ่งถือเป็นศูนย์กระจายสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในฟิลิปปินส์ ณ เมือง Calamba จังหวัด Laguna โดยได้รับเกียรติจาก Mr. Ferdinand R. Marcos Jr. ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ และ Mrs. Cristina A. Roque เลขานุการประจำกระทรวงการคลังและอุตสาหกรรมแห่งฟิลิปปินส์ เข้าร่วมพิธีเปิดในฐานะแขกผู้ทรงเกียรติ

โดยศูนย์กระจายสินค้า Maersk Optimus Center จะให้บริการในฐานะศูนย์กลางการขนส่งสินค้าในเกาะ Luzon ตอนใต้ ด้วยขีดความสามารถในการจัดเก็บสินค้าที่มากถึง 76,000 พาเล็ท รวมถึงจุดขนถ่ายสินค้าทั้งหมด 75 จุด พร้อมติดตั้งระบบ Fleet Operational Control Centre (FOCC) เพื่อช่วยให้การจัดการและการปฏิบัติการกองรถบรรทุกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด นอกจากนี้ Maersk ยังตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาให้ศูนย์กระจายสินค้าแห่งนี้ได้รับการรับรอง LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงาน การใช้น้ำ และการลดปริมาณขยะ

ศูนย์กระจายสินค้า Maersk Optimus Center สามารถให้บริการจัดเก็บสินค้าและบรรจุสินค้าแก่อุตสาหกรรมที่หลากหลาย อาทิ สินค้าอุปโภคบริโภค อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าไลฟ์สไตล์ สินค้าเพื่อสุขภาพ สินค้ากลุ่มเทคโนโลยี ยานยนต์ และสินค้ากลุ่มค้าปลีก โดย ณ ปัจจุบัน ลูกค้าในกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคของ Maersk จะเป็นลูกค้ากลุ่มแรกที่ใช้บริการศูนย์กระจายสินค้า Maersk Optimus Center

การเปิดตัวศูนย์กระจายสินค้า Maersk Optimus Center สะท้อนให้เห็นถึงเป้าหมายของ Maersk ในการส่งมอบบริการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพให้แก่ลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งพัฒนาศักยภาพเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ที่มาพร้อมข้อได้เปรียบด้านที่ตั้งเชิงกลยุทธ์ เทคโนโลยีล้ำสมัย และประสิทธิภาพและการจัดการด้านซัพพลายเชน เพื่อช่วยส่งมอบบริการขนส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ

Wallenius Wilhelmsen ขยายระยะข้อตกลงห้าปีกับผู้ผลิตอุปกรณ์การเกษตร ป่าไม้ และการก่อสร้างถนนชั้นนำเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท W...
14/11/2024

Wallenius Wilhelmsen ขยายระยะข้อตกลงห้าปีกับผู้ผลิตอุปกรณ์การเกษตร ป่าไม้ และการก่อสร้างถนนชั้นนำ

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท Wallenius Wilhelmsen ได้ลงนามข้อตกลงกับบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์การเกษตร ป่าไม้ และการก่อสร้างถนนชั้นนำ เป็นระยะเวลาห้าปี เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของการเป็นพันธมิตรระยะยาวร่วมกับลูกค้าในการจองพื้นที่ระวางขนส่งสินค้าทางทะเลและตอกย้ำความมุ่งมั่นในการลดอัตราการปล่อยคาร์บอนในซัพพลายเชน

ทั้งนี้ ข้อตกลงด้านการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ฉบับใหม่นี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมเป็นต้นไป และมีมูลค่ารวมราว 766 ล้านเหรียญสหรัฐ อิงจากปริมาณสินค้าที่คาดว่าจะได้รับตลอดช่วงเวลาห้าปี โดยอัตราค่าใช้จ่ายสอดคล้องกับระดับตลาดปัจจุบัน อีกทั้งข้อตกลงดังกล่าวยังครอบคลุมถึงการเป็นพันธมิตรด้านการขนส่งสินค้าปลอดคาร์บอน ซึ่งลูกค้ามีความเห็นชอบเรื่องค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงหมุนเวียนสีเขียว

Mr. Pia Synnerman ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดูแลลูกค้า บริษัท Wallenius Wilhelmsen กล่าวว่า “เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของการเป็นพันธมิตรระยะยาวร่วมกับลูกค้าประเภทสินค้าหนักและมูลค่าสูงรายสำคัญนี้ ข้อตกลงในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการในการสงวนพื้นที่ระวางสำหรับการขนส่งสินค้าทางทะเลระยะยาวที่สามารถคาดการณ์ได้ และความมุ่งมั่นในการลดอัตราการปล่อยคาร์บอนในซัพพลายเชนของลูกค้า”

CMA CGM และ SUEZ ลงนาม MoU เตรียมพัฒนาการผลิตเชื้อเพลิงไบโอมีเทนและเชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำCMA CGM Group ผู้ให้บริการขนส่งสิ...
13/11/2024

CMA CGM และ SUEZ ลงนาม MoU เตรียมพัฒนาการผลิตเชื้อเพลิงไบโอมีเทนและเชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำ

CMA CGM Group ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเล ทางบก ทางอากาศ และโซลูชันโลจิสติกส์ และ SUEZ ผู้นำโซลูชันการบริหารจัดการของเสียแบบหมุนเวียนชั้นนำระดับโลก ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) เป็นพันธมิตรระยะยาวในการพัฒนาเชื้อเพลิงไบโอมีเทนและเชื้อเพลิงหมุนเวียนที่ผลิตจากการนำของเสียมาแปรใช้ใหม่ เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในการขนส่งในยุโรป

โดยการลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้จะให้ความสำคัญกับการร่วมมือในสามส่วนหลัก ได้แก่

SUEZ จะรับหน้าที่จัดหาเชื้อเพลิงไบโอมีเทน ปริมาณ 100,000 ตันต่อปีให้ได้ภายในปี 2030 โดยเชื้อเพลิงไบโอมีเทนเหล่านี้จะถูกนำไปใช้บนเรือพลังงานก๊าซ เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนจากการขนส่งสินค้าทางทะเล
การสร้างโครงสร้างการลงทุนร่วมโดยมีมูลค่าลงทุนเริ่มต้นที่ 100 ล้านยูโรในขั้นแรกภายในปี 2030 เพื่อพัฒนาศูนย์กลางการผลิตไบโอมีเทน โดยศูนย์ปฏิบัติการเหล่านี้แรกเริ่มจะตั้งอยู่ในยุโรป เพื่อจัดหาเชื้อเพลิงให้ทั้ง CMA CGM และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องรายอื่นในภาคส่วน
โครงการวิจัยและพัฒนา (R&D) ร่วมกัน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อออกแบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยสำหรับการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขั้นตอนการเปลี่ยนสารอินทรีย์ในน้ำเสียให้เป็นแก๊สเชื้อเพลิง (hydrothermal gasification)
CMA CGM Group ให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนถ่ายพลังงานในการขนส่งและโลจิสติกส์ โดยตั้งเป้าหมายเพื่อบรรลุโครงการ ‘Net Zero Carbon’ ให้สำเร็จภายในปี 2050 ด้วยการใช้เชื้อเพลิงทางเลือก กลุ่มบริษัทฯ ได้ทำการลงทุนเป็นมูลค่า 18 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในการสั่งซื้อเรือที่ใช้พลังงานคาร์บอนต่ำจำนวน 131 ลำ (เชื้อเพลิงไบโอมีเทน ไบโอเมทานอล และน้ำมันเชื้อเพลิงสังเคราะห์) ซึ่งจะนำมาปฏิบัติการภายในปี 2028 นอกจากนี้ กลุ่มบริษัท CMA CGM Group ยังได้ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการด้านพลังงาน เพื่อพัฒนาศูนย์กลางการผลิตและซัพพลายเชนสำหรับเชื้อเพลิงเหล่านี้อีกด้วย

ทั้งนี้ SUEZ มีความเชี่ยวชาญในการผลิตพลังงานท้องถิ่นและยั่งยืน รวมทั้งวัตถุดิบทดแทนจากของเสีย เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการปลอดคาร์บอนจากหน่วยงานท้องถิ่นและลูกค้าในอุตสาหกรรม ด้วยการใช้โซลูชันหมุนเวียน ทำให้ SUEZ ช่วยให้ลูกค้าลดการปล่อยคาร์บอนได้มากถึง 6.4 ล้านตันในปี 2023 โดยกลุ่มบริษัทฯ​ ได้ทำการเปลี่ยนของเสียมากกว่า 5 ล้านตันเป็นพลังงานในทุกปี และผลิตเชื้อเพลิงไบโอมีเทน 382 GWh ในปี 2023

Boxes.
13/11/2024

Boxes.

Rhenus Group เปิดตัว Rhenus Fresh บริการขนส่งสินค้าประเภทของสดเสียง่ายในสเปนRhenus Group เปิดตัวบริการขนส่งสินค้าประเภทข...
13/11/2024

Rhenus Group เปิดตัว Rhenus Fresh บริการขนส่งสินค้าประเภทของสดเสียง่ายในสเปน

Rhenus Group เปิดตัวบริการขนส่งสินค้าประเภทของสดเสียง่ายในสเปนภายใต้ชื่อแบรนด์ Rhenus Fresh เพื่อให้บริการโซลูชันขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบ door-to-door สำหรับผลไม้ ผัก เนื้อสัตว์ ปลา และอาหารทะเล โดยการเปิดตัวโซลูชันใหม่นี้เป็นการตอบรับความต้องการผลิตภัณฑ์อาหารสดในสเปนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นภาคส่วนที่ต้องการการขนส่งที่มีประสิทธิภาพและความยั่งยืนในซัพพลายเชนเพิ่มขึ้น

Rhenus Fresh ผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งสินค้าประเภทของสดเสียง่ายในเครือ Rhenus Group กำลังก้าวเข้าสู่ตลาดสเปน เพื่อขยายรูปแบบความสำเร็จที่เคยปฏิบัติการในตลาดสำคัญแห่งอื่นๆ อาทิ ยุโรปเหนือ เอเชีย และละตินอเมริกา สู่ประเทศสเปน โดยโซลูชันใหม่นี้จะให้บริการแก่ผู้ผลิตและผู้กระจายสินค้าในสเปนด้วยรูปแบบการขนส่งสินค้าทางทะเลและทางอากาศระดับโลกที่ครอบคลุม ซึ่งได้รับการออกแบบเฉพาะสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสดและอาหารแช่แข็ง เพื่อสนับสนุนการขยายตลาดในครั้งนี้ Rhenus ได้ก่อตั้งทีมงานเฉพาะในประเทศเพื่อบริหารจัดการสินค้านำเข้าและส่งออกเพื่อขนส่งสินค้าไปยังตลาดระหว่างประเทศแห่งต่างๆ อย่างยุโรป ละตินอเมริกา และเอเชีย

ทั้งนี้ สเปนถือเป็นหนึ่งในตลาดผู้ผลิตผลไม้และผักที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป โดยมีความต้องการสินค้าสดตลอดปีเป็นปัจจัยที่ขับเคลื่อนโซลูชันโลจิสติกส์ที่ล้ำสมัยขึ้น ดังนั้น Rhenus Fresh จึงสามารถตอบสนองความท้าทายในครั้งนี้ด้วยการเสนอบริการและทรัพย์สินที่หลากหลาย เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถให้บริการโลจิสติกส์ระดับโลกสำหรับสินค้าประเภทของสดเสียง่ายได้ครอบคลุมตลอดซัพพลายเชน ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง

CMA CGM ผนึกกำลัง Marsa Maroc ลงนามข้อตกลงกิจการร่วมค้า ติดตั้งอุปกรณ์และปฏิบัติการท่าเทียบเรือ Nador West Medเมื่อเร็วๆ...
12/11/2024

CMA CGM ผนึกกำลัง Marsa Maroc ลงนามข้อตกลงกิจการร่วมค้า ติดตั้งอุปกรณ์และปฏิบัติการท่าเทียบเรือ Nador West Med

เมื่อเร็วๆ นี้ กลุ่มบริษัท CMA CGM Group ผู้นำด้านโซลูชันโลจิสติกส์และการขนส่งสินค้าทางทะเล ทางบก และทางอากาศระดับโลก ได้ลงนามข้อตกลงกิจการร่วมค้ากับบริษัท Marsa Maroc ผู้นำด้านการจัดการท่าเรือและท่าเทียบเรือในประเทศโมร็อกโก เพื่อติดตั้งอุปกรณ์และปฏิบัติการท่าเทียบเรือขนาด 750 เมตร ซึ่งมาพร้อมระดับกินน้ำลึกสูงสุด 18 เมตร และพื้นที่ลานตู้สินค้าขนาด 35 เฮกตาร์ ภายในท่าเทียบเรือ Nador West Med ในโมร็อกโก เป็นระยะเวลา 25 ปี

โดยการดำเนินการในครั้งนี้เป็นการตอบสนองต่อเป้าหมายของ CMA CGM Group ในด้านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และการปฏิบัติการเพื่อยกระดับสถานะของกลุ่มบริษัทฯ ต่อยอดจากการปฏิบัติการในท่าเทียบเรือ Eurogate Tangiers และ Casablanca ในฐานะผู้ให้บริการรายสำคัญในซัพพลายเชนของโมร็อกโก

ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว CMA CGM Group จะถือครองหุ้นทั้งหมด 49 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ Marsa Maroc จะถือครองหุ้นจำนวน 51 เปอร์เซ็นต์

ทั้งนี้ CMA CGM Group และ Marsa Maroc จะร่วมลงทุนเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 280 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยตั้งเป้าหมายที่จะปฏิบัติการตู้สินค้าให้ได้ราวปีละ 1,200,000 ทีอียู พร้อมติดตั้งเครนเคลื่อนย้ายสินค้าเพิ่มเป็นแปดเครื่อง จากเดิมที่มีหกเครื่อง และเครนคานชนิดล้อยาง (RTG) พลังงานไฟฟ้าเพิ่มเป็น 24 เครื่อง จากเดิม 15 เครื่อง

นอกจากนี้ ท่าเทียบเรือ Nador West Med ยังตั้งเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางการเติมเชื้อเพลิงเรือขนส่งสินค้าด้วยพลังงานทดแทน อาทิ เชื้อเพลิงอีมีเทนเหลว (e-methane) และเชื้อเพลิงอีเมทานอล (e-methanol) ภายในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียน โดยเฉพาะกองเรือขนส่งสินค้าของ CMA CGM Group ที่ปฏิบัติการด้วยระบบเชื้อเพลิงร่วมและเชื้อเพลิงเมทานอลได้เป็นอย่างดี

PIL และ SSES ประสบความสำเร็จในการเติมเชื้อเพลิง LNG ให้กับเรือเชื้อเพลิงคู่ ขนาด 14,000 ทีอียู ลำแรกสายการเดินเรือ PIL แ...
12/11/2024

PIL และ SSES ประสบความสำเร็จในการเติมเชื้อเพลิง LNG ให้กับเรือเชื้อเพลิงคู่ ขนาด 14,000 ทีอียู ลำแรก

สายการเดินเรือ PIL และบริษัท Shanghai SIPG Energy Service (SSES) ผู้ให้บริการจัดหาเชื้อเพลิงเรือ ประสบความสำเร็จในการเติมเชื้อเพลิงธรรมชาติเหลว (LNG) ให้กับเรือ Kota Eagle เรือขนส่งสินค้าเชื้อเพลิง LNG ลำแรกของ PIL ในการปฏิบัติการเดินเรือเที่ยวปฐมฤกษ์

สำหรับการปฏิบัติการเติมเชื้อเพลิงธรรมชาติเหลว (LNG) จากเรือสู่เรือนั้นได้ดำเนินการที่ท่าเรือ Yangshan ใน Shanghai โดยเรือขนส่งตู้สินค้า Kota Eagle ขนาด 14,000 ทีอียู ได้มีการเติมเชื้อเพลิง LNG ราว 8,000 คิวบิกเมตร จากเรือเติมเชื้อเพลิง Hai Gang Wei Lai

ทั้งนี้ การใช้เชื้อเพลิงธรรมชาติเหลว LNG ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยให้อุตสาหกรรมการขนส่งสินค้าทางทะเลสามารถลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนได้จริงและเห็นผลในทันที โดยการปฏิบัติการเติมเชื้อเพลิงธรรมชาติเหลวครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองบริษัทฯ​ ในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนเท่ากับศูนย์ของบริษัทฯ เช่นเดียวกับเป้าหมายขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ที่ตั้งไว้ให้ดำเนินการสำเร็จภายในปี 2050

เรือ Kota Eagle ถือเป็นเรือลำแรกในกองเรือของ PIL ที่ปฏิบัติการโดยใช้พลังงานเชื้อเพลิง LNG โดยภายหลังเติมเชื้อเพลิงแล้ว เรือจะออกเดินทางไปยัง Ningbo และออกเดินทางต่อไปยังภูมิภาคละตินอเมริกา ผ่านบริการ West Coast Central and South America Service 2 ของ PIL

Mr. Chia Yujin หัวหน้าฝ่าย Sustainability, Decarbonisation and Marine Fuels สายการเดินเรือ PIL กล่าวว่า “การปฏิบัติการเติมเชื้อเพลิง LNG บนเรือ PIL ครั้งแรกนั้นสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยการดำเนินการนี้เป็นผลจากการลงทุนในโครงการต่อเรือใหม่ที่สายการเดินเรือฯ ลงทุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยการให้ความสำคัญกับเรือเชื้อเพลิงคู่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ PIL ในการปฏิบัติการขนส่งสินค้าอย่างยั่งยืน เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า การเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงที่สะอาดขึ้นจะสำเร็จได้ผ่านการร่วมมือของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลายภาคส่วนในซัพพลายเชน เราขอขอบคุณ SSES ซัพพลายเออร์ของเรา และกลุ่มท่าเรือ SIPG ที่ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ช่วยให้เราสามารถปฏิบัติการได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ”

Toll ลงทุนกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ยกระดับกองรถในออสเตรเลียToll Group ประกาศแผนการลงทุนมูลค่ามากกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ...
08/11/2024

Toll ลงทุนกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ยกระดับกองรถในออสเตรเลีย

Toll Group ประกาศแผนการลงทุนมูลค่ามากกว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ สั่งซื้อรถหัวลากมาตรฐาน เครื่องยนต์ Euro 6 จำนวน 400 คัน และรถบรรทุกเดี่ยวจำนวน 20 คัน ผ่านความร่วมมือกับ Penske, Volvo Group Australia และ ISUZU สะท้อนความมุ่งมั่นที่มีต่อกลุ่มลูกค้าในออสเตรเลีย โดยการลงทุนดังกล่าวถือเป็นการปรับเปลี่ยนกองยานยนต์ในออสเตรเลียใหม่ถึง 25 เปอร์เซ็นต์

Mr. Shaun O’Flaherty ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายบริหารกองยานยนต์ระดับโลก บริษัท Toll กล่าวว่า “การลงทุนในครั้งนี้จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการลดอัตราการปล่อยคาร์บอน พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความสะดวกสบายให้กับคนขับ โดยกองยานยนต์ชุดใหม่ของเราใช้เครื่องยนต์ Euro 6 รุ่นล่าสุด และมีการยกระดับประสิทธิภาพด้านเชื้อเพลิง ซึ่งคาดว่าจะลดการปล่อยคาร์บอนได้ราว 5-10 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งเครื่องยนต์ชุดใหม่ยังเป็นระบบอัตโนมัติ พร้อมการออกแบบที่นั่งคนขับที่ถูกต้องตามหลักสรีระศาสตร์และมีระบบความปลอดภัย ทั้งระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ ระบบเตือนการออกนอกช่องทางเดินรถ กล้องตรวจจับความเหนื่อยล้าขณะขับรถ และระบบรวบรวมข้อมูลที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์โดยรวมของผู้ขับขี่”

Hapag-Lloyd ลงนามสั่งซื้อกองเรือขนส่งตู้สินค้าชุดใหม่ 24 ลำเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สายการเดินเรือ Hapag-Lloyd ไ...
07/11/2024

Hapag-Lloyd ลงนามสั่งซื้อกองเรือขนส่งตู้สินค้าชุดใหม่ 24 ลำ

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สายการเดินเรือ Hapag-Lloyd ได้ลงนามสัญญาสั่งซื้อเรือขนส่งตู้สินค้าชุดใหม่จำนวน 24 ลำ กับอู่ต่อเรือสัญชาติจีนสองบริษัท

โดยเรือขนส่งสินค้าขนาดพื้นที่ระวาง 16,800 ทีอียู จำนวน 12 ลำ จะได้รับการต่อขึ้นโดยบริษัท Yangzijiang Shipbuilding Group จากนั้นสายการเดินเรือฯ จะนำไปปฏิบัติการร่วมกับเรือขนส่งสินค้าอื่นๆ ในบริการที่มีอยู่เดิม ขณะที่เรือขนส่งสินค้าขนาดพื้นที่ระวาง 9,200 ทีอียู จำนวน 12 ลำ สายการเดินเรือฯ ได้สั่งซื้อจากบริษัท New Times Shipbuilding Company และจะถูกนำไปปฏิบัติการแทนเรือขนส่งสินค้าลำเก่าที่กำลังจะสิ้นสุดระยะการใช้งานในช่วงปลายทศวรรษนี้

ทั้งนี้ เรือขนส่งสินค้าชุดใหม่จะได้รับการติดตั้งด้วยเครื่องยนต์พลังงานคู่เชื้อเพลิงก๊าซเหลวระบบความดันสูงรุ่นใหม่ซึ่งมีอัตราการปล่อยมลพิษต่ำและมีอัตราการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ กองเรือชุดดังกล่าวยังสามารถปฏิบัติการโดยใช้เชื้อเพลิงไบโอมีเธนซึ่งสามารถลดอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึง 95 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับระบบขับเคลื่อนโดยทั่วไป อีกทั้งยังรองรับการใช้เชื้อเพลิงแอมโมเนียได้อีกด้วย

สายการเดินเรือ Hapag-Lloyd คาดว่าจะได้รับมอบเรือขนส่งสินค้าชุดใหม่นี้ ซึ่งมีพื้นที่ระวางรวมกันถึง 312,000 ทีอียู ภายใต้เงินลงทุนราวสี่พันล้านเหรียญสหรัฐ ในระหว่างปี 2027–2029

TNSC แถลงข่าวสถานการณ์ส่งออกเดือนกันยายน 2024 เชื่อมั่นส่งออกไทยปี 2024 โตมากกว่า 2 เปอร์เซ็นต์เมื่อเร็วๆ นี้ สภาผู้ส่งส...
07/11/2024

TNSC แถลงข่าวสถานการณ์ส่งออกเดือนกันยายน 2024 เชื่อมั่นส่งออกไทยปี 2024 โตมากกว่า 2 เปอร์เซ็นต์

เมื่อเร็วๆ นี้ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (TNSC) นำโดย ดร.ชัยชาญ เจริญสุข ประธาน TNSC ร่วมกับคุณสุภาพ สุวรรณพิมลกุล รองประธาน TNSC และคุณคงฤทธิ์ จันทริก ผู้อำนวยการบริหาร TNSC ได้จัดงานแถลงข่าวสถานการณ์ส่งออกของไทยประจำเดือนกันยายนที่ผ่านมา

โดยข้อมูลจากสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทยระบุว่าสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนกันยายน ปี 2024 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) พบว่า การส่งออกมีมูลค่า 25,983.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 1.1 เปอร์เซ็นต์ และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 889,074 ล้านบาท หดตัว 0.8 เปอร์เซ็นต์ (เมื่อหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธยุทธปัจจัย พบว่าการส่งออกในเดือนกันยายนขยายตัว 3.1 เปอร์เซ็นต์) ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 25,589 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 9.9 เปอร์เซ็นต์ และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 886,336 บาท ขยายตัว 7.8 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือนกันยายน ปี 2024 เกินดุลเท่ากับ 394.2 ล้านเหรียญสหรัฐ และเกินดุลในรูปของเงินบาท 2,738 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือนมกราคม-กันยายน ปี 2024 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) พบว่า ไทยส่งออกรวมมูลค่า 223,176 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 3.9 เปอร์เซ็นต์ และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 7,957,895 ล้านบาท ขยายตัว 8.6 เปอร์เซ็นต์ (เมื่อหักทองคำ น้ำมัน และอาวุธยุทธปัจจัย พบว่าการส่งออกในช่วงมกราคม-กันยายน ขยายตัว 4.2 เปอร์เซ็นต์) ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 229,132.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 5.5 เปอร์เซ็นต์ และมีมูลค่าในรูปเงินบาทเท่ากับ 8,264,589 ล้านบาท ขยายตัว 10.2 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยในเดือนมกราคม-กันยายน ปี 2024 ขาดดุลเท่ากับ 5,956.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 306,694 ล้านบาท

อนึ่ง สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าการส่งออกปี 2024 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ (ณ เดือนพฤศจิกายน ปี 2024) โดยมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง ได้แก่ 1) ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับนโยบายกีดกันทางการค้าและมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกากับประเทศคู่ค้าที่ได้ดุลการค้าจากสหรัฐอเมริกา รวมถึงสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลางที่ยังคงยืดเยื้อ 2) ดัชนีภาคการผลิต (Manufacturing PM) ที่ยังคงชะลอตัวในตลาดสำคัญ 3) ปัจจัยเฝ้าระวังที่ส่งผลต่อต้นทุนภาคการผลิต อาทิ ค่าเงินบาทที่ยังคงมีความผันผวน แม้ว่าจะอ่อนค่าลงมาเล็กน้อยจากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายจากการประชุม กนง. ครั้งล่าสุด ขณะที่ FED มีแนวโน้มที่จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก สถานการณ์ค่าระวางขนส่งสินค้าทางทะเลที่เริ่มผ่อนคลายและปรับลดลงจากช่วงเวลาก่อนหน้าและมีแนวโน้มปรับตัวลดลง แต่ยังต้องเฝ้าระวังหลายสัญญาณที่อาจเกิดขึ้นช่วงปลายปีอีกครั้งหนึ่ง และราคาน้ำมันที่ปรับลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเปลี่ยนแผนการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีกจากเดิมที่กำหนดไว้ในเดือนธันวาคมจากความกังวลด้านอุปสงค์ที่ชะลอตัวในหลายตลาดสำคัญ ขณะที่ความยืดเยื้อของสงครามในตะวันออกกลางยังคงคุกรุ่นเป็นระยะและส่งผลให้ทิศทางราคายังคงมีความผันผวน และ 4) มาตรการทางการค้าที่ต้องเฝ้าระวัง อาทิ การยกเลิกมาตรการห้ามส่งออกข้าวของอินเดียที่กระทบต่อผู้ส่งออกข้าวในไทย การเลื่อนการบังคับใช้ EUDR ออกไปยังปี 2026 ซึ่งกระทบราคาและการส่งมอบต่อผู้ส่งออกยางพารา

CORTEN SHIPPING (Thailand) จัดพิธีเปิดสำนักงานแห่งแรกในไทยเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา บริษัท CORTEN SHIPPING (Thail...
06/11/2024

CORTEN SHIPPING (Thailand) จัดพิธีเปิดสำนักงานแห่งแรกในไทย

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา บริษัท CORTEN SHIPPING (Thailand) ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเลชั้นนำระดับโลก ได้จัดพิธีเปิดสำนักงานแห่งแรกในประเทศไทย ณ อาคาร Q House Lumpini กรุงเทพมหานคร โดยได้รับเกียรติจากทีมผู้บริหาร พนักงาน ลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และตัวแทนจากภาครัฐ เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธี

โดยภายในงานดังกล่าว คุณภูมิสิทธิ์ ชิตามระ Country Head ประจำประเทศไทย บริษัท CORTEN SHIPPING (Thailand) ในฐานะประธานในพิธี ได้กล่าวต้อนรับและขอบคุณแขกผู้มีเกียรติ พร้อมให้คำมั่นว่า CORTEN SHIPPING (Thailand) จะมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจเพื่อส่งมอบบริการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพให้แก่ลูกค้าทุกรายในประเทศไทยในฐานะคู่ค้าที่ไว้วางใจได้ จากนั้นจึงได้ร่วมตัดริบบิ้นร่วมกับคุณสุวัฒน์ อัศวทองกุล ประธานกรรมการกิตติมศักดิ์ สมาคมเจ้าของและตัวแทนเรือกรุงเทพฯ (Bangkok Shipowners and Agents Association: BSAA) และ ดร.ชัยชาญ เจริญสุข ประธาน สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เพื่อเปิดสำนักงานแห่งใหม่อย่างเป็นทางการ
นอกจากนี้ ภายในพิธียังได้จัดการแสดงโขนชุด ‘หนุมานจับนางสุพรรณมัจฉา’ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่สำนักงานแห่งใหม่ รวมถึงเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงสถานะของบริษัทในฐานะผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเลชั้นนำด้วย

ทั้งนี้ ปัจจุบัน CORTEN SHIPPING ถือเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเลระดับโลก ซึ่งเป็นตัวแทนให้แก่สายการเดินเรือชั้นนำมากมาย อาทิ สายการเดินเรือ Volta, VUXX รวมถึงสายการเดินเรือ Sealead ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสายการเดินเรือสิบห้าอันดับแรกของโลก เพื่อส่งมอบบริการขนส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ครอบคลุมทั้งในตลาดของสหรัฐอเมริกา ภูมิภาคเมเดิเตอร์เรเนียน แอฟริกาเหนือ แอฟริกาตะวันออก ตะวันออกกลาง อนุทวีปอินเดีย และทะเลแดง

โดยสำนักงานแห่งใหม่ของ CORTEN SHIPPING (Thailand) ตั้งอยู่ที่ชั้น 25 อาคาร Q House Lumpini เลขที่ 1 ถนนสาทร แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพ 10120 โดยผู้ที่สนใจบริการสามารถติดต่อได้ที่เว็บไซต์: https://bit.ly/48Bzc14

Hapag-Lloyd จัดพิธีตั้งชื่อเรือ Hamburg Express ณ ท่าเรือ Hamburgเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สายการเดินเรือ Hapag-L...
05/11/2024

Hapag-Lloyd จัดพิธีตั้งชื่อเรือ Hamburg Express ณ ท่าเรือ Hamburg

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สายการเดินเรือ Hapag-Lloyd จัดพิธีตั้งชื่อเรือ Hamburg Express และปล่อยเรือลงน้ำ ณ ท่าเทียบเรือตู้สินค้า Container Terminal Burchardkai ในท่าเรือ Hamburg ประเทศเยอรมนี

โดยภายในพิธีดังกล่าวมี Ms. Eva Maria Tschentscher สตรีหมายเลขหนึ่ง และภรรยาของ Dr. Peter Tschentscher นายกเทศมนตรีเมือง Hamburg ในฐานะผู้อุปถัมภ์เรือ ให้เกียรติเป็นผู้ดำเนินพิธีตั้งชื่อเรือและปล่อยเรือลงน้ำ ก่อนที่เรือลำใหม่จะถูกนำไปปฏิบัติการในบริการ FE3 Far East ซึ่งเชื่อมระหว่างทวีปเอเชียและยุโรป

Mr. Rolf Habben Jansen ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการเดินเรือ Hapag-Lloyd กล่าวว่า “การปฏิบัติการเรือ Hamburg Express ถือเป็นการกำหนดมาตรฐานใหม่ทั้งในด้านเทคโนโลยีและความยั่งยืน โดยเรือลำใหม่นี้จะช่วยยกระดับสถานะของเราให้เป็นผู้นำด้านคุณภาพและประสิทธิภาพสำหรับลูกค้า โดยเฉพาะในเส้นทางการค้าเชิงกลยุทธ์อย่างภูมิภาคเอเชียตะวันออกและยุโรป”

ทั้งนี้ เรือ Hamburg Express เป็นเรือขนส่งตู้สินค้าลำที่เจ็ดจากทั้งหมด 12 ลำ ซึ่งสายการเดินเรือสั่งต่อขึ้นที่อู่ต่อเรือ Hanwha Ocean ในเกาหลีใต้ โดยเป็นเรือขนส่งตู้สินค้าขนาด 23,660 ทีอียู ที่มาพร้อมความยาว 399 เมตร และถือเป็นตระกูลเรือขนส่งตู้สินค้าที่ปฏิบัติการภายใต้ธงเยอรมนีที่มีขนาดใหญ่ที่สุด

Hellmann ประกาศเป็นพันธมิตรโลจิสติกส์ร่วมกับ Lacoste MexicoHellmann Worldwide Logistics ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระดับโลก ป...
05/11/2024

Hellmann ประกาศเป็นพันธมิตรโลจิสติกส์ร่วมกับ Lacoste Mexico

Hellmann Worldwide Logistics ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระดับโลก ประกาศเป็นพันธมิตรผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบสัญญาจ้างกับ Lacoste แบรนด์แฟชั่น-กีฬา ในคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า ของ Lacoste Mexico ในประเทศเม็กซิโก

โดยความร่วมมือในครั้งนี้ Hellmann จะทำหน้าที่ในการจัดการศูนย์กระจายสินค้าของ Lacoste Mexico อย่างเต็มรูปแบบ ครอบคลุมถึงการปฏิบัติการคลังสินค้าที่ทันสมัยบนพื้นที่ 11,000 ตารางเมตร ใน Mexico City และการจัดส่งสินค้าสำหรับห้างค้าปลีกทั้งหมด 45 แห่ง พร้อมบริการขนส่งสินค้าตรงสู่มือผู้บริโภคทั่วประเทศเม็กซิโก โดยขอบข่ายการให้บริการครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการรับสินค้า การจัดการสินค้าคงคลัง รวมถึงการปฏิบัติการรับ-บรรจุ-และขนส่งสินค้า สำหรับคำสั่งซื้อสำหรับธุรกิจแบบ B2B และช่องทางอีคอมเมิร์ซ

นับตั้งแต่ Hellmann เริ่มก่อตั้งหน่วยธุรกิจโลจิสติกส์สินค้าแฟชั่นมาเป็นเวลามากกว่ายี่สิบปี บริษัทฯ ได้ให้บริการโลจิสติกส์แบบ end-to-end นับตั้งแต่หน้าโรงาน ไปจนถึงจุดขายหน้าร้านสำหรับบริษัทแฟชั่นและค้าปลีกหลายราย นอกจากนี้ยังให้บริการทีมงานผู้เชี่ยวชาญประจำภูมิภาคในตลาดหลักหลายแห่ง เพื่อส่งมอบโซลูชันโลจิสติกส์และการจัดเก็บสินค้าพร้อมจัดส่ง สำหรับการขายหลายช่องทาง (omni-channel) และอีคอมเมิร์ซ แก่ลูกค้าทั่วโลก

ที่อยู่

888/119 Mahatun Plaza Building, 11th Floor
Bangkok
10330

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 18:00
อังคาร 09:00 - 18:00
พุธ 09:00 - 18:00
พฤหัสบดี 09:00 - 18:00
ศุกร์ 09:00 - 18:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ LM Thaiผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง LM Thai:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์

LM | Logistics Manager


  • ค้นหาตำแหน่งงานโลจิสติกส์ที่เหมาะกับคุณ http://jobs.logistics-manager.com/

  • ติดต่อลงโฆษณา-ประกาศรับสมัครงานโลจิสติกส์ 02-026-3262

  • ติดตามข่าว บทความ และความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับโลจิสติกส์ได้ที่ https://www.logistics-manager.com/th/
  • ตำแหน่งใกล้เคียง บริษัท สื่อ


    เว็บไซต์ข่าวและสื่อ อื่นๆใน Bangkok

    แสดงผลทั้งหมด