ทันเหตุทั่วไทย

ทันเหตุทั่วไทย นำเสนอข่าวของอาสาทุกพื้นที่
(192)

ทันเหตุทั่วไทย รายงานข่าวสด เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ สาธารณะภัย สภาพการจราจร สภาพภูมิอากาศต่างๆ พร้อมเตือนภัย อีกทั้งทันเหตุทั่วไทย ยังเป็นสื่อสังคมจิตอาสา..และขอร่วมเป็นสือกลางในการประสานงานเหตุในการให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนทุกท่าน...(คนไทยไม่ทิ้งกัน..สังคมยังมีคนดี)

29/08/2024

รมว.สธ. มอบรางวัลความเป็นเลิศแก่ รพ. ที่ลดความแออัดการตรวจทางแล็บ

สุโขทัยยังวิกฤต ระดมกำลังช่วยชาวบ้าน 142 หมู่บ้านจมน้ำท่วม วัดเปิดศูนย์ให้พักพิงชั่วคราววันที่ 28 ส.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรา...
28/08/2024

สุโขทัยยังวิกฤต ระดมกำลังช่วยชาวบ้าน 142 หมู่บ้านจมน้ำท่วม วัดเปิดศูนย์ให้พักพิงชั่วคราว

วันที่ 28 ส.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วม จ.สุโขทัย ยังคงวิกฤตหลายหน่วยงานยังต้องระดมกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมทหาร กู้ภัย จิตอาสา พระสงฆ์เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งนำข้าว-อาหาร-น้ำดื่มเข้าไปแจกจ่าย และช่วยขนย้ายสิ่งของมีค่ากับผู้สูงอายุ ผู้ป่วย ออกมายังที่ปลอดภัย

ขณะที่วัดท่าทอง ต.เมืองบางยม อ.สวรรคโลก ได้มีการเปิดศาลาการเปรียญเป็นศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัย เพื่อให้ผู้ประสบภัยที่มีทั้งเด็ก คนชรา และผู้ป่วยสูงอายุ จำนวนหลายครอบครัวได้อาศัยหลับนอนชั่วคราว

ส่วนตรงบริเวณประตูระบายน้ำแม่น้ำยมบ้านหาดสะพานจันทร์ เจ้าหน้าที่เร่งใช้รถแบ็คโฮตักเศษสวะกว่า 500 ตันที่อุดกั้นขวางทางเดินน้ำ เพื่อให้สามารถระบายน้ำได้เร็วขึ้น

สำหรับรายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ จ.สุโขทัย ล่าสุดพบมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 4 อำเภอ 27 ตำบล 142 หมู่บ้าน 5,603 ครัวเรือน และมีพื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย 21,638 ไร่ ประกอบด้วย อ.เมืองสุโขทัย อ.ศรีสำโรง อ.ศรีสัชนาลัย อ.สวรรคโลก

ขอบคุณภาพ/ข่าว : ข่าวสด
khaosod.co.th/around-thailand/news_9385307

#ทันเหตุทั่วไทย

แนวโน้มเข้าขั้นวิกฤต! พิษณุโลกเร่งพร่องน้ำยมรองรับน้ำเหนือคาดมาต่อเนื่อง เสี่ยงน้ำล้นตลิ่งชลประทานพิษณุโลก เร่งพร่องน้ำแ...
28/08/2024

แนวโน้มเข้าขั้นวิกฤต! พิษณุโลกเร่งพร่องน้ำยมรองรับน้ำเหนือคาดมาต่อเนื่อง เสี่ยงน้ำล้นตลิ่ง

ชลประทานพิษณุโลก เร่งพร่องน้ำแม่น้ำยมสายเก่า รับน้ำจากสุโขทัย เข้าสู่เขตพิจิตรและลุ่มภาคกลาง รองรับน้ำเหนือที่คาดว่าจะมาอีกต่อเนื่อง ชี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเข้าสู่สถานการณ์วิกฤตระดับมาก เสี่ยงน้ำเอ่อล้นตลิ่ง

วันที่ 28 ส.ค.2567 นายชำนาญ ชูเที่ยง ชลประทานจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยสถานการณ์น้ำในจ.พิษณุโลก ว่าต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะแม่น้ำยมสายหลัก และแม่น้ำยมสายเก่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นซึ่งเข้าสู่สถานการณ์วิกฤตระดับมาก เสี่ยงน้ำเอ่อล้นตลิ่ง จากสถานการณ์ฝนตกชุกพื้นที่ต้นน้ำแม่น้ำยม จ.แพร่ และ จ.สุโขทัย

คาดการณ์ปริมาณน้ำสูงสุดจะไหลเข้าสู่แม่น้ำยมในเขต อ.พรหมพิราม และ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ช่วงวันที่ 29-30 ส.ค.นี้ หลังจากปริมาณน้ำไหลผ่านสูงสุดที่สถานีวัดน้ำ Y.14A อ.ศรีสัชนาลัย สุโขทัย ปริมาณ 1,704 ลบ.ม/วินาที

นายชำนาญ กล่าวต่อว่า โดยในส่วนการเตรียมการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ ได้เพิ่มการระบายน้ำสูงสฺดของประตูระบายน้ำแม่น้ำยมสายหลัก อ.บางระกำ (ปตร.วังสะตือ,ปตร.ท่านางงาม,ปตร.ท่าแห) และ เพิ่มการระบายน้ำแม่น้ำยมลงสู่แม่น้ำน่าน ผ่านทางคลองผันน้ำยมน่าน, คลองระบาย DR-2.8 และ คลอง DR-15.8 รวมทั้งดำเนินการพร่องน้ำในแม่น้ำยมสายเก่า อ.พรหมพิราม และ อ.บางระกำ โดยเฉพาะที่ประตูระบายน้ำบางแก้ว

โดยปกติทางชลประทานจะเปิดประตูระบายน้ำ 3 บานพร่องน้ำได้ 150 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งได้นำท่อสูบน้ำพร่องน้ำเพิ่มขึ้นอีก 3 ท่อ จะสามารถพร่องน้ำขึ้นอีกประมาณ 10 ลบ.ม.ต่อวินาที ปัจจุบันเริ่มรับน้ำเข้าพื้นที่ลุ่มต่ำโครงการบางระกำโมเดล เพื่อรองรับปริมาณน้ำจากพื้นที่แม่น้ำยมตอนบนและลดผลกระทบอุทกภัย

ปัจจุบันแม่น้ำยมสายเก่าที่ไหลผ่าน อ.พรหมพิราม และ อ.บางระกำ ปริมาณน้ำไหลผ่าน 260-280 ลบ.ม/วินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่งประมาณ -0.30 เมตร/ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก และเริ่มรับน้ำเข้าทุ่งบางระกำแล้ว ปริมาณน้ำที่รับเข้าประมาณ 50 ล้าน ลบ.ม หรือ อยู่ 12% ซึ่งโครงการบางระกำโมเดล สามารถกักเก็บน้ำได้ถึง 400 ล้าน ลบ.ม.

ขอบคุณภาพ/ข่าว : ข่าวสด
khaosod.co.th/around-thailand/news_9385170

#ทันเหตุทั่วไทย

กู้ภัย ขับเรือท้องแบน ลุยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยว ช่วย2ชายวัยกลางคน ติดอยู่ในเล้าหมูกลางทุ่งนาเมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 28 ส.ค.2...
28/08/2024

กู้ภัย ขับเรือท้องแบน ลุยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยว ช่วย2ชายวัยกลางคน ติดอยู่ในเล้าหมูกลางทุ่งนา

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 28 ส.ค.2567 ว่าที่ร้อยตรีคฑา ลีลายุทธ หัวหน้าทีมสมาคมกู้ภัยวังเหนือ จังหวัดลำปาง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยวังเหนือร่วมกันแบกเรือท้องแบนติดเครื่องยนต์ลุยกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวจากลำห้วยแม่เย็น

และน้ำอีกหลายสายหลายลำห้วยที่ไหลหลากเข้าท่วมทุ่งนาและกลางทุ่งนา แปลงไร่ข้าวโพดที่กลางน้ำมีเล้าหมูของชาวบ้านอยู่ และมีผู้ชายวัยกลางคน 2 คนติดภายในเล้าหมู รอการช่วยเหลือ จุดเกิดเหตุอยู่ที่กลางทุ่งนาบ้านทุ่งฝาง หมู่ 5 ต.วังทรายคำ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง

ว่าที่ร้อยตรีคฑา ลีลายุทธ ได้ขับเรือท้องแบนไปกับเจ้าหน้าที่ พร้อมเสื้อชูชีพสำรองไปด้วย ขับเรือฝ่ากระแสน้ำที่ค่อนข้างไหลเชี่ยวก่อนที่จะไปถึงจุดที่ ชาย 2 คนติดอยู่จากนั้นให้สวมเสื้อชูชีพแล้วขับเรือกลับมาถึงฝั่งที่ปลอดภัยได้สำเร็จ ก่อนที่จะตรวจสอบสุขภาพร่างกายพบว่ายังปกติดี

ส่วนสาเหตุที่ทั้ง 2 คนติดอยู่กลางน้ำนั้น เพราะขณะอยู่ในจุดดังกล่าวพบว่ากระแสน้ำไหลเชี่ยวและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถฝ่ากระแสน้ำออกมาได้ ก่อนที่จะแจ้งประสานทางญาติและติดต่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือได้สำเร็จ

โดยกระแสน้ำที่ไหลหลากครั้งนี้มาจากฝนที่ตกหนักและเกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ทางตอนบนของอำเภอวังเหนือสร้างผลกระทบกระจายไปทั่ว ก่อนที่จะไหลมาท่วมท้ายน้ำตามลำดับและไหลลงสู่แม่น้ำวังเข้าสู่เขื่อนกิ่วคอหมาต่อไป

ขอบคุณภาพ/ข่าว : ข่าวสด
khaosod.co.th/around-thailand/news_9385016

#ทันเหตุทั่วไทย

เขื่อนสิริกิติ์ ระงับระบายน้ำ หวั่นเกิดอุทกภัยพื้นที่ท้ายเขื่อน ป้องผลกระทบชาวบ้าน28 ส.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เขื่อน...
28/08/2024

เขื่อนสิริกิติ์ ระงับระบายน้ำ หวั่นเกิดอุทกภัยพื้นที่ท้ายเขื่อน ป้องผลกระทบชาวบ้าน

28 ส.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ แจ้งปรับแผนการระบายน้ำรายวัน เนื่องจากขณะนี้ พื้นที่ท้ายเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ประสบปัญหา อุทกภัย และพบว่าบริเวณท้ายเขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำมาก จากฝนที่ตกหนัก ปริมาณแม่น้ำสาขาต่างๆ ไหลลงสู่แม่น้ำน่านอย่างต่อเนื่องและเพิ่มระดับสูงขึ้น

ดังนั้นเพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อน เพื่อลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่พื้นที่ท้ายเขื่อน จึง งดการระบายน้ำ ระหว่างวันที่ 28-29 ส.ค.67 หลังจากมีการติดตามสถานการณ์และการเกิดอุทกภัยจังหวัดท้ายเขื่อนสิริกิติ์อย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเกิดอิทธิพลของร่องมรสุมพาดผ่านทางเหนือตอนบนของภาคเหนือ โดยเฉพาะที่ จ.น่าน ทำให้มีน้ำไหลเข้าเขื่อนสิริกิติ์ มากที่สุดในรอบ 5 ปี ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 มีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ กว่า 2,398 ล้านลูกบาศก์เมตร มีน้ำไหลเข้าสูงสุดวันที่ 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา 192 ล้านลูกบาศก์เมตร เฉลี่ยมีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ วันละ 98 ล้านลูกบาศก์เมตร

ล่าสุดเขื่อนสิริกิติ์มีระดับน้ำอยู่ที่ 151.29 เมตร รทก.หรือ 6,934.51 ล้านลูกบาศก์เมตร (72.92%) สามารถรับน้ำได้อีก 2,575.49 ล้านลูกบาศก์เมตร ( 27.08%) โดยระดับน้ำปีนี้ ช่วงเวลาเดียวกันสูงกว่าปีที่ผ่านมา 2,500.74 ล้าน ลบ.ม

นายเทพวิทักษณ์ แก้วยอด หัวหน้ากองเดินเครื่องเขื่อนสิริกิติ์ กล่าวว่า การบริหารจัดการน้ำเขื่อนสิริกิติ์ มีการระบายน้ำตามแผนของคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง จึงได้ปรับแผนวันที่ 28-29 ส.ค.67 เขื่อนสิริกิติ์งดการระบายน้ำ เพื่อลดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำน่านตอนล่าง และเป็นประโยชน์ต่อการกักเก็บน้ำต้นทุนไว้ใช้ช่วงฤดูแล้งปีหน้า

ซึ่งได้กำชับให้เฝ้าระวังและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด รวมทั้งบูรณาการบริหารจัดการน้ำรวมกับหน่วยงานชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดผลกระทบและบรรเทาความเดือดร้อนในพื้นที่ประสบอุทกภัยที่เกิดขึ้น

ขอบคุณภาพ/ข่าว : ข่าวสด
khaosod.co.th/around-thailand/news_9384814

#ทันเหตุทั่วไทย

ราคาผัก พุ่งรับน้ำท่วม ต้นหอม ขึ้นวันเดียวจาก 90 เป็น 150 บาทต่อกก.วันที่ 28 ส.ค.2567 ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองเบตง จ.ยะลา พบ...
28/08/2024

ราคาผัก พุ่งรับน้ำท่วม ต้นหอม ขึ้นวันเดียวจาก 90 เป็น 150 บาทต่อกก.

วันที่ 28 ส.ค.2567 ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองเบตง จ.ยะลา พบว่า ราคาผักสด หลังเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ทำให้ราคาผักปรับขึ้นหลายรายการ เช่น ต้นหอม ราคาพุ่ง วันเดียวปรับจากกิโลกรัมละ 90 บาท พุ่งไป 150 บาทต่อกิโลกรัม

จากการสอบถาม พ่อค้าผักสดรายหนึ่ง กล่าวว่า ผักมีราคาแพง สาเหตุมาจากฝนตก ทำให้เกิดโรคเน่า และในพื้นที่ฝนตกเกษตรกรปลูกกันไม่ได้ ถ้าปลูกช่วงฝนตก ดินเละก็ปลูกไม่ได้

พ่อค้า กล่าวต่อว่า จากปัญหาดังกล่าว ราคามีแนวโน้มจะปรับสูงขึ้นไปถึง 200 บาทต่อกิโลกรัม ผักสดที่ อ.เบตง สั่งมาจาก จ.ราชบุรี เป็นส่วนใหญ่ จึงยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ผักหลายรายการก็ปรับราคาขึ้นมาแล้ว

ด้าน ผู้บริโภคที่มาซื้อผักสด กล่าวว่า จากราคาเห็ดนางฟ้าที่เคยซื้อราคา 70 บาท ขึ้นเป็น 90 บาทแล้ว ช่วงนี้มีแต่ของแพงทุกอย่างไม่ใช่เฉพาะแต่ผัก

นอกจากต้นหอมแล้ว ผักอื่น ๆ ในตลาดสดเทศบาลเมืองเบตงก็ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศเช่นกัน ผักชี พุ่งไปถึง 150 บาทต่อกิโลกรัม ต้นหอม ขีดละ 200 บาท ต้นหอม กิโลกรัมละ 170-180 บาท ผักกาดขาว กิโลกรัมละ 60 บาท แตงกวากิโลกรัมละ 40 บาท

จากสถานการณ์ในห้วงนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อเกษตรกรและผู้บริโภคในพื้นที่และมีแนวโน้มจะมีการปรับตัวสูงขึ้นหากยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงของเดือนสิงหาคม

จากราคาผักสดที่พุ่งสูงเช่นนี้ ทำให้การบริโภคผักสดในช่วงนี้อาจเป็นภาระหนักต่อครอบครัวทั่วไป และเกษตรกรที่ยังคงต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับสภาพอากาศที่ไม่แน่นอนในระยะนี้

ขอบคุณภาพ/ข่าว : ข่าวสด
khaosod.co.th/around-thailand/news_9384393

#ทันเหตุทั่วไทย

ลดขยะอาหาร เริ่มได้ที่ “ตัวเรา” ร่วมปรับ-เปลี่ยนพฤติกรรม ช่วยลดมลพิษ ลดโลกร้อนอาหารเหลือทิ้ง กลายเป็นปัญหาขยะอาหาร (Food...
27/08/2024

ลดขยะอาหาร เริ่มได้ที่ “ตัวเรา” ร่วมปรับ-เปลี่ยนพฤติกรรม ช่วยลดมลพิษ ลดโลกร้อน

อาหารเหลือทิ้ง กลายเป็นปัญหาขยะอาหาร (Food waste) กองโตที่สะสมไว้ให้กับโลกของเรา ซึ่งจากการสำรวจองค์ประกอบขยะมูลฝอย โดยกรมควบคุมมลพิษ ณ สถานที่กำจัดขยะมูลฝอย เมื่อปี 2564 พบสัดส่วนของขยะอาหารมีมากถึงร้อยละ 39 คิดเป็นปริมาณ 9.68 ล้านตันต่อปี หรือประชากร 1 คน ผลิตขยะอาหาร 146 กิโลกรัมต่อคนต่อปี โดยสาเหตุหนึ่งมาจากไม่มีการคัดแยกตั้งแต่ต้นทางทำให้ปะปนกับขยะทั่วไป ไม่สามารถบริหารจัดการแยกกำจัดได้ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้บ่อขยะเกิดกลิ่นเหม็น เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค ทำให้ไม่สามารถนำขยะไปรีไซเคิลหรือใช้ประโยชน์ต่อได้ เป็นภาระขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการต้องจ่ายค่ากำจัดเป็นจำนวนมาก ทำให้งบประมาณส่วนนี้อาจจะไม่เพียงพอที่จะใช้บริหารจัดการขยะให้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกจำนวนมากจากบ่อขยะ ดังนั้นหากการจัดการขยะอาหารไม่ถูกวิธีจะส่งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก เพราะขยะอาหารอาจก่อให้เกิดก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีศักยภาพในการทำให้โลกร้อนสูงกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 28 เท่า

ด้วยเหตุนี้ องค์การสหประชาชาติ (UN) มีความกังวลต่อปัญหาขยะอาหารจึงกำหนดให้การลดขยะอาหารเป็นหนึ่งในเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs: เป้าหมายย่อย 12.3) โดยให้ทั่วโลกลดขยะอาหารลงครึ่งหนึ่งในระดับค้าปลีกและผู้บริโภค ภายในปี 2573 จะเห็นได้ว่าปัญหาขยะอาหารที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่กลับตรงกันข้าม เพราะปัญหาขยะอาหารกำลังคุกคามโลกของเราให้ร้อนระอุมากขึ้น

กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ระบุว่า ได้เร่งประสานหน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการตามแผนปฏิบัติด้านการจัดการขยะอาหาร ระยะที่ 1 (ปี 2566 – 2570) โดยตั้งเป้าหมายลดสัดส่วนของขยะอาหารในขยะมูลฝอยชุมชนจากร้อยละ 39 ลงเหลือไม่เกินร้อยละ 28 ภายในปี 2570 ภายใต้มาตรการที่มุ่งเน้นการลดหรือทิ้งให้น้อยลงในกลุ่มผู้จำหน่าย ผู้ประกอบอาหาร ผู้บริโภค ครอบคลุม การจัดซื้อและขนส่งอาหาร การประกอบอาหาร การจำหน่ายอาหาร การเก็บรักษาอาหาร และการบริโภค ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เกิดขยะอาหารน้อยลง ลดการตกค้างของขยะที่เป็นแหล่งแพร่เชื้อโรค ลดมลพิษจากขยะ รวมถึงลดการปล่อยก๊าซมีเทนและคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

กรมควบคุมมลพิษ ดำเนินงานเชิงรุกเพื่อให้ขยะอาหารลดลงตามเป้าหมายที่วางไว้ ด้วยการขับเคลื่อนการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนอย่างต่อเนื่อง ในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการบริโภคอย่างยั่งยืน เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการป้องกันและลดขยะอาหารของผู้ซื้อและผู้บริโภค ป้องกันให้เริ่มวางแผนก่อนซื้อ และซื้อเท่าที่จำเป็น ก่อนนำมาประกอบอาหารให้พอดีกับจำนวนสมาชิกในบ้าน รวมถึงวางแผนเมนูอาหารที่จะทำในแต่ละสัปดาห์ และจัดเก็บอาหารให้เหมาะสม รวมถึงพัฒนากลไกในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการขยะอาหารมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เหลือขยะอาหารที่ต้องกำจัดน้อยที่สุด ขณะเดียวกันประชาชนยังสามารถช่วยกันลดขยะอาหารได้อีกทางด้วยการบริโภคอาหารแต่พอดี รู้จักถนอมอาหาร หรือนำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น ๆ เช่น ผลิตปุ๋ยหมัก นำไปเลี้ยงสัตว์ หรือแปรสภาพเป็นก๊าซชีวภาพ เป็นต้น ส่วนการทิ้งขยะอาหาร ควรคัดแยกออกจากขยะทั่วไปเพื่อไม่ให้ขยะมีกลิ่นเหม็นและจัดการได้ยาก

อย่าปล่อยให้ขยะอาหารในมือเรา กลายเป็นมลพิษสะสมอีกต่อไป มาเริ่มต้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยคัดแยกขยะอาหารออกจากขยะทั่วไปตั้งแต่ต้นทางทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน หรือที่อื่น ๆ ก็ถือว่าได้เป็นอีกหนึ่งแรงพลังที่ช่วยลดขยะอาหารไม่ให้ปนเปื้อนกับขยะอื่น ๆ แถมยังได้ช่วยเซฟโลกของเราไม่ให้ร้อนมากไปกว่าเดิมอีกด้วย

AIR4Thai แอปเช็กค่าฝุ่นจิ๋วทั่วไทย ทันใจ ทันสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เป็นปัญหามลพิษทางอากาศที่สร้างความกังวลใจให...
26/08/2024

AIR4Thai แอปเช็กค่าฝุ่นจิ๋วทั่วไทย ทันใจ ทันสถานการณ์

ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เป็นปัญหามลพิษทางอากาศที่สร้างความกังวลใจให้แก่ผู้คนทั่วโลก เนื่องจากสถานการณ์นี้มีแนวโน้มรุนแรง ซึ่งนอกจากจะสร้างมลพิษแล้วยังทำให้ผู้ที่สัมผัสกับฝุ่น PM2.5 ต้องเผชิญกับโรคภัยที่ตามมา เช่น กลุ่มโรคตาอักเสบ กลุ่มโรคทางเดินหายใจ กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบและกลุ่มโรคหัวใจหลอดเลือดและสมองอุดตันขาดเลือด ขณะที่ประเทศไทยตระหนักถึงปัญหานี้เป็นอย่างดีและขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ให้เป็นวาระแห่งชาติ โดยกรมควบคุมมลพิษ เป็นหน่วยงานที่ขับเคลื่อนดำเนินงานการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาให้มีประสิทธิภาพและเห็นผลเป็นรูปธรรม ดังนั้นการนำเทคโนโลยีมาพัฒนา รูปแบบการรายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศผ่านแอปพลิเคชัน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้ประชาชน เข้าถึงข้อมูลค่าฝุ่น PM2.5 ได้อย่างทันท่วงที

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า คพ.ได้ดำเนินนโยบายในมาตรการต่าง ๆ ในการบริหารจัดการมลพิษ เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมของประเทศ โดยเฉพาะการร่วมกันบูรณาการแก้ไขสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ต่าง ๆ ปัจจุบันได้มีการพัฒนาการใช้งานแอปพลิเคชัน Air4thai ให้เป็นผู้ช่วยสำคัญในการรายงานคุณภาพอากาศประจำวัน ซึ่งเลือกดูข้อมูลผลการตรวจวัดได้ทั้ง รายชั่วโมงและค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง รวมถึงดูย้อนหลัง หรือดูการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นล่วงหน้าได้ 7 วัน ซึ่งการตรวจวัดคุณภาพอากาศของแอปพลิเคชัน Air4thai เป็นไปตามมาตรฐานสากลจากองค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา U.S. EPA และได้รับการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าให้ค่าถูกต้องตลอดเวลา โดยประชาชนผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน Air4thai สามารถเข้าถึงข้อมูลค่าฝุ่น PM 2.5 ในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศได้อย่างรวดเร็วเพียงปลายนิ้วมือ โดยจะเห็นถึงสภาพของคุณภาพอากาศว่าอยู่ในระดับใดเพื่อ เตรียมการและวางแผนการดำเนินชีวิตหรือเดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งการอ่านค่าดัชนีวัดคุณภาพอากาศ สามารถดูได้จากแถบสี 5 ระดับ ประกอบด้วย สีฟ้า คุณภาพอากาศระดับดีมาก สีเขียว คุณภาพอากาศระดับดี สีเหลือง คุณภาพอากาศระดับปานกลาง สีส้ม คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบ และสีแดงคุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งคุณภาพอากาศระดับสีส้มและสีแดง ถือเป็นระดับที่เกินค่ามาตรฐาน ประชาชนควร ตระหนักถึงผลกระทบและหาวิธีรับมือหรือป้องกันไม่ให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

นอกจากนี้ กรมควบคุมมลพิษ ยังได้จัดตั้งศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) เพื่อเกาะติดสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในประเทศอย่างใกล้ชิด โดยรายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศในประเทศผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย รวมถึงการแจ้งเตือนประชาชนรับมือและเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันผลกระทบจาก ปัญหาฝุ่น PM2.5 ในแต่ละพื้นที่หากมีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐาน ทั้งนี้ ประชาชนสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Air4Thai ได้ฟรีทั้งในระบบ iOS Android และ AppGallery

นาวาอากาศเอกอธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการ อพท. พร้อมด้วยนางสาววัชรี ชูรักษา ผู้ช่วยผู้อำนวยการ อพท. ลงพื้นที่จังหวัดน่าน ร่วมก...
24/08/2024

นาวาอากาศเอกอธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการ อพท. พร้อมด้วยนางสาววัชรี ชูรักษา ผู้ช่วยผู้อำนวยการ อพท. ลงพื้นที่จังหวัดน่าน ร่วมกิจกรรมส่งกำลังใจให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดน่าน ผ่านพ้นวิกฤติน้ำท่วม ซึ่งหนักที่สุดในรอบ 100 ปี

ในโอกาสนี้ได้ส่งมอบอาหาร น้ำดื่มให้กับวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร และชุมชุนบ้านช้างค้ำ และแจกจ่ายให้กับผู้ประสบอุทกภัย ณ สำนักงานพื้นที่พิเศษ เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเมืองเก่าน่าน

23/08/2024

กรมวิทย์ฯ จับมือ มูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ วิจัยและพัฒนานวัตกรรมอาหารทางการแพทย์และเวชภัณฑ์จากสมุนไพร

ตรวจ จับ เข้มงวด รถควันดำ เสียงดัง ลดมลพิษควันดำที่เกิดจากท่อไอเสียรถยนต์ดีเซลเต็มไปด้วยเหล่าสารพิษที่มีมากกว่า 100 ชนิด...
23/08/2024

ตรวจ จับ เข้มงวด รถควันดำ เสียงดัง ลดมลพิษ

ควันดำที่เกิดจากท่อไอเสียรถยนต์ดีเซลเต็มไปด้วยเหล่าสารพิษที่มีมากกว่า 100 ชนิด ซึ่งร้อยละ 90 ของควันดำมีขนาดเล็กกว่า 1 ไมครอน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 หากแพร่กระจายเข้าระบบทางเดินหายใจเข้าสู่ถุงลมในปอดและกระแสเลือดโดยตรง จะส่งผลเสียต่อร่างกายก่อให้เกิดโรคภัยต่าง ๆ ตามมา นอกจาควันดำแล้วการวัดระดับเสียงดังของรถที่ใช้งานให้อยู่ในกำหนดกฎหมาย ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่หลายฝ่ายต้องร่วมมือกันบริหารจัดการ เพื่อควบคุมและป้องกันไม่ให้เกิดมลพิษทางอากาศและทางเสียง จนส่งผลกระทบต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ล่าสุดกรมควบคุมมลพิษ ร่วมมือกับสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ และกองบังคับการตำรวจจราจร จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ ประจำปี 2567 เพื่อเพิ่มศักยภาพการตรวจสอบตรวจจับและห้ามใช้รถยนต์ควันดำ การตรวจวัดระดับเสียงจากรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานของ บก.จร. และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 – 16 ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 โดยรถยนต์ที่จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 เป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตรวจพบรถยนต์มีมลพิษหรือเสียงดังเกินค่ามาตรฐาน จะสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองนำรถไปแก้ไขปรับปรุงเครื่องยนต์อุปกรณ์เพื่อให้ควันดำหรือระดับเสียง มีค่าไม่เกินมาตรฐาน และต้องนำรถมาให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ หากไม่ได้นำรถกลับมาตรวจสอบภายในกำหนดเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ถูกคำสั่ง ถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 65 มีโทษตามมาตรา 102 ปรับไม่เกิน 5,000 บาท

การตรวจวัดระดับเสียง ทางสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ ได้พัฒนาเครื่องมือและซอฟต์แวร์ เครื่องตรวจวัดระดับเสียงจากยานพาหนะ และนำมาใช้งานจริง เพื่อให้การปฏิบัติงานตรวจสอบตรวจวัดรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถวิเคราะห์ ประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ มีระบบการตรวจสอบย้อนกลับของข้อมูลที่ตรวจวัดได้

ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีร้องเรียนเรื่องรถยนต์และจักรยานยนต์แต่งซิ่ง ดัดแปลงสภาพ ทำให้เกิดมลพิษทางเสียงสร้างความเดือดร้อนรำคาญกับประชาชน โดยกรมควบคุมมลพิษได้ร่วมกับกองบังคับการตำรวจจราจร เพิ่มความเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมาย ตั้งจุดกวดขันจับกุมบริเวณที่มีการร้องเรียนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยใช้เครื่องวัดระดับเสียงจากยานพาหนะที่สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ พัฒนาขึ้น สามารถอ่านค่าระดับเสียงแบบอัตโนมัติตามรอบของเครื่องยนต์ของรถแต่ละคันตามที่กฎหมายกำหนด ทำให้การบังคับใช้กฎหมายมีความโปร่งใส เป็นธรรม และลดข้อโต้แย้งในการปฏิบัติ ซึ่งผลการจับกุมรถที่มีค่าเสียงเกินเกณฑ์ ที่กำหนด ระหว่างเดือนมิถุนายน 2567 จนถึงปัจจุบัน จับกุมรถยนต์ 19 คัน รถจักรยานยนต์ 225 คัน ซึ่งมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 อัตราโทษปรับไม่เกิน 4,000 บาท และเจ้าหน้าที่จะออกคำสั่งห้ามใช้รถชั่วคราว ติดสติ๊กเกอร์เครื่องหมายคำสั่งห้ามใช้ชั่วคราวไว้ที่ตัวรถ ให้นำไปปรับปรุงแก้ไขท่อไอเสีย จากจำนวน ที่จับกุม 244 คัน แก้ไขแล้ว 115 คัน (ร้อยละ 47) ผลจากการปฏิบัติ ทำให้ลดปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้เป็นอย่างดี

สำหรับการตรวจสอบตรวจจับและห้ามใช้รถยนต์ควันดำ กรมควบคุมมลพิษมีการบูรณาการร่วมกับ กองบังคับการตำรวจจราจร กรมการขนส่งทางบก และ กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 - 31 กรกฎาคม 2567 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เรียกรถตรวจสอบทั้งหมด 103,349 คัน เป็นรถตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 จำนวน 54,949 คัน และรถตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 จำนวน 48,400 คัน พบรถยนต์ควันดำเกินมาตรฐานและออกคำสั่งห้ามใช้ยานพาหนะ จำนวน 1,023 คัน แก้ไขแล้ว 514 คัน (ร้อยละ 50) พื้นที่ต่างจังหวัด สำนักงานขนส่งจังหวัด ตรวจทั้งหมด 79,809 คัน เป็นรถตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 จำนวน 74,441 คัน และรถตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 จำนวน 5,368 คัน พบรถยนต์ควันดำเกินมาตรฐานและออกคำสั่งห้ามใช้ยานพาหนะ จำนวน 1,333 คัน แก้ไขแล้ว 921 คัน (ร้อยละ 69)

จะเห็นว่าการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหามลพิษจากควันดำและเสียงดังเกินมาตรฐาน ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากประชาชนผู้ใช้รถช่วยกันหมั่นตรวจสภาพการใช้งานสม่ำเสมอ ในระยะยาวคงทำให้ฝุ่น PM2.5 ต้นเหตุปัญหามลพิษทางอากาศรวมถึงมลพิษทางเสียงลดลงไปได้ ซึ่งจะช่วยปกป้องระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมไม่ให้ถูกทำร้ายไปมากกว่านี้

น้ำกว๊านวิกฤต เกินกักเก็บ มวลน้ำเอ่อล้นทะลัก ไหลโอบล้อมท่วม จมตัวเมือง-พื้นที่เศรษฐกิจ23 ส.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถ...
23/08/2024

น้ำกว๊านวิกฤต เกินกักเก็บ มวลน้ำเอ่อล้นทะลัก ไหลโอบล้อมท่วม จมตัวเมือง-พื้นที่เศรษฐกิจ

23 ส.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำกว๊านพะเยา ถึงขั้นวิกฤต ปริมาณน้ำเกินอัตราการเก็บ น้ำได้ไหลทะลักเข้าโอบล้อมตัวเมืองพะเยา ทำให้ถนนบริเวณชายกว๊าน และถนนพหลโยธิน สถานีขนส่ง บขส. ร้านค้า วัด และบ้านเรือนประชาชน ชุมชน วัดบุญยืน มวลน้ำมหาศาลเอ่อล้นเข้าท่วม ตำบลเวียง และ ตำบลแม่ต๋ำ บ้านเรือนชาวบ้านได้รับความเสียหายหลายร้อยหลังคาเรือน

ทั้งนี้ ปริมาณน้ำ ที่ไหลมาจากหลายพื้นที่รอบกว๊านพะเยา ทั้งสิ้น 13 สายน้ำในจังหวัดพะเยา ได้ไหลลงรวมกันในกว๊านพะเยา ทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้น และน้ำได้ไหลเอ่อล้นท่วม ถนน โรงเรียน ชุมชน วัดบุญยืน ทำให้ชาวบ้าน ต้องเร่งขนของขึ้นไว้ที่สูง นอกจากนี้น้ำท่วมถนนส่งผลกระทบด้านการจราจร บนเส้นทางพหลโยธิน ทำให้รถสัญจรไปมาด้วยยากลำบาก

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วม แต่ละอำเภอ พื้นที่จังหวัดพะเยา บางพื้นที่ปริมาณน้ำได้ลดลง ตามพื้นที่ก็ยังมีน้ำเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทางฝ่ายปกครอง พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน แต่ละอำเภอ ได้ร่วมกัน ช่วยเหลือชาวบ้าน ที่ประสบภัยถูกน้ำท่วมและได้รับความเสียหายเดือดร้อน

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่เร่งระดมอุปกรณ์สิ่งของสาธารณประโยชน์ เข้าแก้ไขซ่อมแซม ถนน สะพาน ที่ชำรุดเสียหายให้กลับมาใช้การโดยเร็ว ลดความเดือดร้อนประชาชน

ขอบคุณภาพ/ข่าว : ข่าวสด
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9375693

#ทันเหตุทั่วไทย

เสือปุ่น ปชน.3 คนดังโซเชียล โชว์พระเครื่อง เกจิดัง ช่วยรอดตายถูกถล่มยิงจากกรณีที่คนร้ายไม่ทราบจำนวนขับรถเก๋งสีขาว ผ่านกล...
23/08/2024

เสือปุ่น ปชน.3 คนดังโซเชียล โชว์พระเครื่อง เกจิดัง ช่วยรอดตายถูกถล่มยิง

จากกรณีที่คนร้ายไม่ทราบจำนวนขับรถเก๋งสีขาว ผ่านกลุ่มของ นายวรวัฒน์ (ขอสงวนนามสกุล) หรือ เสือปุ่น ปชน.3 ก่อนรัวกระสุนปืนใส่ไม่ยั้งมือ จนเป็นเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา บริเวณหน้าร้านขายของชำแห่งหนึ่ง ในหมู่บ้านประชานิเวศน์ 3 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

นายวรวัฒน์ กล่าวต่อว่า ซึ่งกระสุนเฉี่ยวผ่านตนไปอย่างฉิวเฉียด ตนยังแทบไม่เชื่อว่ารอดตายมาได้ยังไง น่าจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนนับถือและห้อยอยู่ในคอ คือรูปถ่ายยืนหลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ที่ตนนับถือมาก

นายวรวัฒน์ กล่าวอีกว่า และเชื่อว่าเหตุการณ์ที่รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด โดยไม่ถูกยิงสักนัด ทั้ง ๆ ที่คนร้ายรัวยิงกระหน่ำใส่ มาจากความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อกวย

ด้าน นายแจ็ค หนึ่งในกลุ่มที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ กระสุนถากหลังจนเป็นแผล กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุการณ์รัวยิงใส่ ตนคิดว่าคงจะแย่แล้ว เพราะรู้สึกเจ็บที่กลางหลังเหมือนถูกยิง แต่ก็พยายามวิ่งไปหลบซ่อนตัวก่อน

นายแจ็ค กล่าวต่อว่า จนกระทั่งเหตุการณ์สงบลง เมื่อให้เพื่อนมาช่วยดูแผลที่ด้านหลัง ก็รู้สึกประหลาดใจว่า ทั้ง ๆ ที่กระสุนทะลุเสื้อที่ตนใส่จนเป็นรู แต่หัวกระสุนกลับถากหลังตนออกไปเป็นแผล ไม่ถูกยิงเข้าที่ตัวหรือจุดสำคัญ

นายแจ็ค กล่าวอีกว่า ตนเชื่อว่าที่รอดตายมาได้เป็นเพราะเหรียญหลวงปู่ทวด ของหลวงพ่อพรหม วัดพลานุภาพ จ.ปัตตานี ที่ตนห้อยติดตัวอยู่ จึงทำให้ตนรอดตายมาได้ มีแค่แผลถลอกจากลูกกระสุนเท่านั้น

ขอบคุณภาพ/ข่าว : ข่าวสด
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9375920

#ทันเหตุทั่วไทย

พัชรวาท กำชับ “กรมน้ำ” ตรวจเช็คสถานี Early Warning พร้อมแจ้งเตือนชาวบ้านเมื่อเกิดอุทกภัยปัจจุบันความแปรปรวนของลมฟ้าอากาศ...
22/08/2024

พัชรวาท กำชับ “กรมน้ำ” ตรวจเช็คสถานี Early Warning พร้อมแจ้งเตือนชาวบ้านเมื่อเกิดอุทกภัย

ปัจจุบันความแปรปรวนของลมฟ้าอากาศและสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดภาวะภัยแล้งและน้ำท่วม รวมถึงสถานการณ์ภัยพิบัติน้ำหลาก-ดินถล่ม ที่นับวันจะทวีความรุนแรงและมีความถี่ของการเกิดบ่อยครั้งขึ้น ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน สภาพเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ นับเป็นมูลค่ามหาศาลในแต่ละปี การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยในเตือนภัยล่วงหน้าเป็นทางหนึ่งที่จะลดผลกระทบและป้องกันการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งหลายพื้นที่ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงเห็นความสำคัญของโครงการระบบเตือนภัยล่วงหน้า (Early Warning system) และให้ความร่วมมือในการศึกษา รับฟัง ตลอดจนปฏิบัติตามการแจ้งเตือนในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

วันนี้ (21 สิงหาคม 2567) นายสุเมธ สายทอง รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้นำท้องถิ่น ลงพื้นที่ตรวจติดตามระบบเตือนภัยล่วงหน้า (Early Warning system) บ้านขุนกลาง และบ้านน้ำลัด ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากในปี 2565 เกิดสถานการณ์ฝนตกหนักเทกระหน่ำในพื้นที่ภาคเหนือส่งผลให้มีปริมาณน้ำฝนไหลเอ่อลงห้วยหนอง คลอง บึงเป็นจำนวนมาก น้ำสีขุ่นแดงและดำไหลมารวมกับแม่น้ำสายสำคัญ ปริมาณสูงและไหลหลากลงสู่พื้นที่ราบลุ่มอย่างรวดเร็ว ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ติดกับลำน้ำได้รับความเดือดร้อนเป็นบริเวณกว้าง ชาวบ้านในพื้นที่อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับผลกระทบจำนวนมาก เนื่องจากน้ำท่วมเข้าบ้านอย่างหนัก สูงท่วมหัว ซึ่งไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์น้ำเยอะและไหลท่วมบ้านเรือนอย่างรวดเร็ว ข้าวของขนไม่ทัน รถยนต์และสิ่งของอื่น ๆ จมน้ำเสียหาย บางคนก็ต้องลอยคอหนีออกบ้าน บางคนก็เอาทรัพย์สินที่พอจะเอาออกมาได้ ซึ่งน้ำที่ไหลเข้าท่วมกินพื้นที่ประมาณ 100 ไร่

นายสุเมธ สายทอง กล่าวว่า “กรมทรัพยากรน้ำ โดย กองวิจัย พัฒนา และอุทกวิทยา และสำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 1 เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือด้วยมาตรการ 3 ต. คือ 1.“เตือน” ระบบเตือนภัยล่วงหน้า Early Warning มีความพร้อมใช้งานได้ปกติ มีช่องทางการติดตามสถานการณ์ผ่านอินเทอร์เน็ต และ Mobile Application : EWS DWR มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเฝ้าระวัง 24 ชม. รวมถึงมีการตรวจสอบระดับน้ำให้อยู่ในระดับปกติ 2. “ตรวจ” ตรวจสอบความมั่นคงและการชำรุดของสิ่งก่อสร้าง อาคารบังคับน้ำต่างๆ ให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับการใช้น้ำ พื้นที่ชุ่มน้ำ และการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำ และ 3. “เตรียม” การสนับสนุนประสานงานต่างๆ เตรียมเครื่องจักร น้ำมันเชื้อเพลิงให้พร้อมใช้งาน รวมถึงน้ำดื่มสะอาด และเจ้าหน้าที่เผชิญเหตุสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งนี้ปัจจุบัน กรมทรัพยากรน้ำได้ดำเนินการติดตั้งสถานีเตือนภัยล่วงหน้ามาแล้ว ทั้งสิ้น 2,156 สถานี ครอบคลุม 5,947 หมู่บ้าน ทั่วประเทศ และในปีงบประมาณที่ผ่านมา ตั้งแต่ตุลาคม 2566 - กรกฎาคม 2567 มีการแจ้งเตือนภัย 899 ครั้ง ในพื้นที่ 2,542 หมู่บ้าน จากการดำเนินงานที่ผ่านมายังไม่พบรายงานการสูญเสียชีวิตของประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ซึ่งโครงการดังกล่าวสามารถลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ นอกจากนี้กรมทรัพยากรน้ำได้บูรณาการทำงานร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย โดยจะส่งข้อมูลเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ความเสี่ยงให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ หากจำเป็นต้องอพยพประชาชน จะมีการวางแผนเรื่องการอพยพและพื้นที่อยู่อาศัยชั่วคราว และปัจจุบันกรมทรัพยากรน้ำไม่หยุดพัฒนาโครงการระบบเตือนภัยล่วงหน้า (Early Warning system) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย–ดินถล่ม บริเวณพื้นที่ลาดชันและพื้นที่ราบเชิงเขา เพื่อติดตามเฝ้าระวังและเตือนภัยล่วงหน้าพื้นที่เสี่ยง โดยใช้หลักการในการตรวจวัดข้อมูลปริมาณน้ำฝนหรือระดับน้ำท่า พร้อมทั้งหาความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณน้ำฝนและเหตุการณ์อุทกภัยน้ำหลาก - ดินถล่ม ที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้น ทำให้เกิดความเสียหายเพื่อกำหนดค่าวิกฤติที่จะใช้ในการเตือนภัย โดยข้อมูลอุตุนิยมวิทยาและอุทกวิทยาที่ตรวจวัดได้จะถูกส่งผ่านระบบสื่อสารข้อมูลที่ทันสมัยเพื่อประมวลผล ณ ห้องปฏิบัติการเฝ้าระวังและเตือนภัยน้ำหลาก - ดินถล่ม (Early Warning Room) ซึ่งมีเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำปฏิบัติงาน 24 ชั่วโมง”

นายสุเมธ สายทอง ย้ำอีกว่า “กรมทรัพยากรน้ำได้เตรียมความพร้อมและได้สั่งการกำชับให้ทุกพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารในทุกช่องทางให้กับประชาชนรับทราบโดยเร็ว พร้อมทั้งให้นําข้อมูลมาวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ด้วยโปรแกรมเฉพาะที่ทันสมัย และให้มีการแจ้งเตือนภัย รายงานผลผ่านทางอินเทอร์เน็ต และ Mobile Application เพื่อความรวดเร็วในการแจ้งข้อมูลแก่ส่วนภูมิภาคและประชาชน เมื่อมีสถานการณ์เสี่ยงภัยพิบัติ ผู้รู้จะทำการแจ้งเตือนภัยแก่ประชาชนในพื้นที่ และเป็นผู้ประสานแจ้ง ข้อมูลให้ผู้นําชุมชนตัดสินใจอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย”

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลการเตือนภัยผ่านช่องทาง application : EWS DWR ทั้งในระบบ Android และระบบ IOS และผ่านเว็บไซต์ https://ews.dwr.go.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 1310 กด 5

เข้าขั้นวิกฤต ระดับน้ำยมเช้าวันนี้ เวลา 07.00 น. ที่สะพานบ้านมหาโพธิ์ และสะพานบ้านน้ำโค้ง อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ คาดว่ามวลน้...
22/08/2024

เข้าขั้นวิกฤต ระดับน้ำยมเช้าวันนี้ เวลา 07.00 น. ที่สะพานบ้านมหาโพธิ์ และสะพานบ้านน้ำโค้ง อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ คาดว่ามวลน้ำขนาดใหญ่จากห้วยสัก อ.สอง จะมาถึงอ.เมืองแพร่ ประมาณช่วงเย็นวันนี้ เวลาประมาณ 15.00 น. ซึ่งมีปริมาณน้ำจากที่วัดจากห้วยสัก อ.สอง นั้น ปีนี้ปริมาณน้ำใกล้เคียงกับปี 2538 ซึ่งเกิดน้ำท่วมใหญ่ของจังหวัดแพร่ ขอให้ประชาชนที่มีบ้านเรือนอยู่ในพื้นที่ความเสี่ยงติดตามสถานการณ์และเก็บของขึ้นที่สูง

ขอบคุณภาพ/ข่าว : แพร่โพสต์ แพร่ ทุกโพสต์ ที่โดนใจ

เทศบาลเมืองน่าน ประกาศเตือนปชช.ในพื้นที่เคย น้ำท่วมใหญ่ ปี54วันที่ 22 ส.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีฝนตกหนักต่อเน...
22/08/2024

เทศบาลเมืองน่าน ประกาศเตือนปชช.ในพื้นที่เคย น้ำท่วมใหญ่ ปี54

วันที่ 22 ส.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดทั้งคืนและตกติดต่อกันมาหลายวัน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมบริเวณสะพานบ้านม่วง ม.7 ต.พญาแก้ว อ.เชียงกลาง จ.น่าน ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำกอน แม่น้ำสาขาของแม่น้ำน่าน

ล่าสุด เทศบาลเมืองน่าน ได้เผยแพร่ประกาศเตือนภัยจากเทศบาลเมืองน่าน วันที่ 21 สิงหาคม 2567 เวลา 18.10 น. ระบุว่า เนื่องด้วยมีฝนตกสะสม ปริมาณน้ำในแม่น้ำน่าน ลำน้ำสาขา ลำน้ำห้วยลี่ เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เครื่องสูบน้ำ ณ คลองเจ้าฟ้า อาจจะระบายน้ำปริมาณมากในตัวเมืองไม่ทัน ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดน้ำท่วมในที่ลุ่มต่ำ

ขอให้ชุมชนในเขตเทศบาลเมืองน่านที่มีความเสี่ยงโดยเฉพาะชุมชนที่เคยประสบภัยน้ำท่วมเมื่อปี พ.ศ.2554 เก็บข้าวของเครื่องใช้ขึ้นบนที่สูง และเตรียมอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค ให้พร้อม

ขอบคุณภาพ/ข่าว : ข่าวสด
khaosod.co.th/around-thailand/news_9373549

#ทันเหตุทั่วไทย

เชียงรายวิกฤต น้ำป่าซัดคอสะพานขาด สังเวยน้ำท่วมแล้...เชียงรายวิกฤต น้ำป่าซัดคอสะพานขาด สังเวยน้ำท่วมแล้ว2 พบ 20 ชีวิต ติ...
21/08/2024

เชียงรายวิกฤต น้ำป่าซัดคอสะพานขาด สังเวยน้ำท่วมแล้...
เชียงรายวิกฤต น้ำป่าซัดคอสะพานขาด สังเวยน้ำท่วมแล้ว2 พบ 20 ชีวิต ติดอยู่ในมินิมาร์ท น้ำท่วมสูง 2 เมตร

วันที่ 21 ส.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันหลายวันใน จ.เชียงราย ส่งผลให้แม่น้ำหลายสายระดับน้ำเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะแม่น้ำอิง ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลัก มีต้นน้ำจากกว๊านพะเยา ไหลผ่าน อ.เทิง และ อ.ขุนตาล ก่อนไหลลงแม่น้ำโขงใน อ.เชียงของ โดยเช้านี้ระดับน้ำอิง ใน อ.เทิง จ.เชียงราย เพิ่มสูงขึ้นจนท่วมพื้นที่ทางการเกษตรนาข้าว กว่า 15,000 ไร่

รายงานข่าวแจ้งว่า น้ำที่ท่วมในหลายพื้นที่จ.เชียงราย พบมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย โดยรายแรกจมน้ำที่หมู่บ้านปงน้อย หมู่ 10 ต.ปงน้อย อ.ดอยหลวง เป็นชายอายุ 77 ปี เสียชีวิตขณะออกไปหาปลา บริเวณทุ่งนาที่ถูกน้ำท่วม รายที่ 2 เป็นหญิง อายุ 39 ปี ชาว ต.ตับเต่า อ.เทิง สูญหายไปตั้งแต่เกิดน้ำหลากเมื่อเช้าวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พบร่างเสียชีวิตอยู่ในลำน้ำหงาว พื้นที่หมู่บ้านทรายกาด หมู่ 6 ต.ตับเต่า

ขณะเดียวกัน เพจท้องถิ่นนิวส์ ได้แจ้งว่า เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ผ่านมา สะพานบ้านปางค่า ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงราย ถูกน้ำป่าพัดคอสะพานขาดไม่สามารถสัญจรได้แล้ว นอกจากนี้บยังพบมีคนติดอยู่ใน 7-11 บ้านเอียน ต.หงาว อ.เทิง 20 คน น้ำสูง 1 เมตร- 1 .5 เมตร ขอความช่วยเหลือด่วน

ขอบคุณภาพ/ข่าว : ข่าวสด
khaosod.co.th/breaking-news/news_9373094

#ทันเหตุทั่วไทย

เปิดคำให้การ ปลัดอำเภอ จ่อยิงดับแฟนสาว เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจากกรณี นายฐากูร (ขอสงวนนามสกุล) ปลัดอำเภอสังขะ ช่วยราชการ...
20/08/2024

เปิดคำให้การ ปลัดอำเภอ จ่อยิงดับแฟนสาว เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

จากกรณี นายฐากูร (ขอสงวนนามสกุล) ปลัดอำเภอสังขะ ช่วยราชการ อ.เมืองสุรินทร์ ใช้อาวุธปืนยิง น.ส.กันยา (ขอสงวนนามสกุล) แฟนสาวเสียชีวิตบริเวณด้านข้างลานจอดรถ สภ.วังม่วง จ.สระบุรี แล้วถืออาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังม่วง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 20 ส.ค.2567 นายปรีชา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี พี่ชายของ น.ส.กันยา พร้อมด้วย นางกมลวรรณ ไชยชาญ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ และญาติ ๆ ได้เดินทางมาจาก จ.สุรินทร์ เพื่อเข้าพบ ร.ต.อ.ศราวุทธ สาลีพันธ์ รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.วังม่วง เจ้าของคดี

เพื่อขอคัดค้านการประกันตัวนายฐากูร เพราะถือว่านายฐากูรเป็นผู้มีวุฒิภาวะและเป็นคนพื้นที่ เกรงไม่ได้รับความเป็นธรรมของรูปคดี ซึ่งลักษณะการก่อเหตุไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายและเป็นสถานที่ราชการ

ซึ่ง นายปรีชา กล่าวภายหลังเข้าพบพนักงานสอบสวนว่า พวกตนมาก็เพื่อขอรับศพน.ส.กันยาไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด แต่ศพถูกนำไปพิสูจน์ที่นิติเวช โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ จ.ปทุมธานี ซึ่งเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ จะช่วยเหลือนำศพกลับไปที่ จ.สุรินทร์ เลย

นายปรีชา กล่าวต่อว่า ส่วนตนและญาติก็ได้ยื่นขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาไว้แล้ว และได้รับการชี้แจงจากร้อยเวรฯว่า วันนี้คงนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังไม่ทัน ต้องเป็นวันที่ 21 ส.ค.นี้ ส่วนสาเหตุถึงกับมีการยิงกันจนเสียชีวิตนั้นตนไม่ทราบ เพราะปกติตนไม่ค่อยได้คุยกับน.ส.กันยามากนัก ส่วนคนก่อเหตุแม้แต่หน้าก็ไม่อยากมอง

ด้าน ร.ต.อ.ศราวุทธ กล่าวว่า เรื่องการคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาที่ญาติมายื่นขอประกันตัวนั้น พนักงานสอบสวนก็คัดค้านอยู่แล้ว ซึ่งในวันที่ 21 ส.ค.นี้ จะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดสระบุรี อาจมีญาติผู้ต้องหาขอยื่นประกันตัวนั้น คงเป็นอำนาจของศาลที่จะให้ประตัวหรือไม่

สำหรับ นายฐากูร ผู้ต้องหานั้นเมื่อคืนถูกคุมขังในห้องควบคุมบน สภ.วังม่วง เหตุการณ์เป็นปกติ และเช้าวันนี้มีญาติมาขอเยี่ยมตามระเบียบการเข้าเยี่ยม มีหญิงสูงอายุมาด้วย เข้าใจว่าน่าจะเป็นแม่ของผู้ต้องหา

ทางด้านการดำเนินคดี จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “คิดดีแล้ว” จึงก่อเหตุเช่นนี้ ไม่ต้องการให้ใครเดือดร้อน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายฐากูรว่า “ฆ่าคนตายโดยเจตนา”

นางกมลวรรณ กล่าวว่า สาเหตุมาจากเรื่องที่เกิดขึ้นที่นายฐากูรได้ทำร้ายร่างกายจนซี่โครงหัก น.ส.กันยา เมื่อเดือน ก.ค.2567 และ น.ส.กันยานำภาพวงจรปิดร้องเรียนผู้บังคับบัญชานายฐากูร และเข้าแจ้งความดำเนินคดี และมีการเคลียร์กันไม่ลงตัว

นางกมลวรรณ กล่าวต่อว่า โดยหลังจากนั้น นายฐากูรมีคำสั่งโยกย้ายมาดำรงตำแหน่งที่ จ.สระบุรี และได้มีการแชทลวงให้ผู้ตายมาหา กระทั่งก่อเหตุขึ้นดังกล่าว

ขอบคุณภาพ/ข่าว : ข่าวสด
khaosod.co.th/around-thailand/news_9370296

#ทันเหตุทั่วไทย

ที่อยู่

Bangkok
10170

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ทันเหตุทั่วไทยผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง ทันเหตุทั่วไทย:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์

Our Story

ว.2 ว.8 ทันเหตุทั่วไทย ของศูนย์วิทยุวันเรสคิว (One Rescue) เป็นศูนย์ประสานเหตุ วิทยุสื่อสารเครื่องแดง ความถี่ 245.9500MHz (ช่อง77) และในระบบ Zello ช่อง ศูนย์ข่าว วันเรสคิว (One Rescue) รายงานข่าวสด เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ สาธารณะภัย สภาพการจราจร สภาพภูมิอากาศต่างๆ พร้อมเตือนภัย ทุกวัน อีกทั้งยังเป็นสื่อสังคมจิตอาสา..และขอร่วมเป็นสื่อกลางในการประสานงานเหตุในการให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนทุกท่าน...(คนไทยไม่ทิ้งกัน..สังคมยังมีคนดี)

ตำแหน่งใกล้เคียง บริษัท สื่อ


บริษัทด้านสื่อ/ข่าวสาร อื่นๆใน Bangkok

แสดงผลทั้งหมด