Salika พื้นที่ของความรู้และความคิดสร้างสรรค์เพื่อการ
เปลี่ยนแปลง จากการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนาศักยภาพของผู้คน สังคม และธุรกิจ

.เซี่ยงไฮ้, 18 พ.ย. (ซินหัว) — หวังเฮ่อ วัย 28 ปี นักศึกษาปริญญาเอกสาขาวิชาการเพาะเลี้ยงพืชและสัตว์น้ำ มหาวิทยาลัยสมุทรศ...
19/11/2024

.เซี่ยงไฮ้, 18 พ.ย. (ซินหัว) — หวังเฮ่อ วัย 28 ปี นักศึกษาปริญญาเอกสาขาวิชาการเพาะเลี้ยงพืชและสัตว์น้ำ มหาวิทยาลัยสมุทรศาสตร์เซี่ยงไฮ้ของจีน กำลังวิจัยการเพาะเลี้ยงไข่มุกน้ำจืดทางพันธุกรรมภายใต้การชี้แนะของศาสตราจารย์ไป๋จื้ออี้
นอกจากการทำงานที่ห้องปฏิบัติการแล้ว หวังเฮ่อและทีมงานมักเยือนฐานเพาะเลี้ยงไข่มุกน้ำจืดในอำเภออู่อี้ มณฑลเจ้อเจียงทางตะวันออกของจีน เพื่อเพาะเลี้ยงไข่มุกน้ำจืดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ไข่มุกคุณภาพสูงอันเป็นที่นิยมในตลาด
ทั้งนี้ หวังเฮ่อและทีมงานประสบความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญในการเพาะเลี้ยงไข่มุกน้ำจืดสองสายพันธุ์ใหม่
หวังเฮ่อกล่าวว่างานวิจัยในอนาคตของเธอคือการเพาะเลี้ยงไข่มุกน้ำจืดที่มีสีสันยิ่งขึ้น และผลักดันไข่มุกที่ทีมงานของเธอเพาะเลี้ยงให้ก้าวไกลสู่ตลาดในต่างประเทศ
https://www.xinhuathai.com/china/478135_20241118
https://www.salika.co/2024/11/18/salika-news-vol-324-4-1/
Knowledge Sharing Space | www.salika.co

ค่าเงินบาทของไทยอาจกลายเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่เปราะบางที่สุดในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ของเอเชีย หลังโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาดำรงตำแ...
19/11/2024

ค่าเงินบาทของไทยอาจกลายเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่เปราะบางที่สุดในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ของเอเชีย หลังโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างลึกซึ้ง เพราะไทยพึ่งพาการค้าระหว่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการส่งออกและนำเข้า ซึ่งทำให้ค่าเงินบาทมีความอ่อนไหวต่อการปรับเปลี่ยนในนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนี้ ค่าเงินบาทยังแสดงความสัมพันธ์เชิงบวกที่แข็งแกร่งกับค่าเงินหยวนของจีน และเมื่อพิจารณามูลค่าตามดัชนี Bloomberg ค่าเงินบาทถูกจัดให้เป็นหนึ่งในสกุลเงินที่มีมูลค่าสูงเกินจริง (overvalued) มากที่สุดในภูมิภาคเมื่อเทียบกับพื้นฐานการค้า
หากพิจารณาข้อมูลจากปี 2561 ค่าเงินบาทมีแนวโน้มผันผวนอย่างต่อเนื่องในหลายเดือนข้างหน้านับจากนี้ หากนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกายังคงมุ่งเน้นการขึ้นภาษีศุลกากร เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2561 ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินของประเทศที่พึ่งพาการค้า
ในทางตรงกันข้าม สกุลเงินอย่างเปโซ (ฟิลิปปินส์) และรูปี (อินเดีย) ดูจะสามารถรับมือกับนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ได้ดีขึ้น เนื่องจากทั้งสองประเทศมีการพึ่งพาการค้าน้อยกว่า และแสดงความยืดหยุ่นต่อดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (Dollar Index) ที่แข็งค่าขึ้นในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์คาดว่า สกุลเงินเอเชียรวมถึงเงินบาท อาจเผชิญกับแรงกดดันเพิ่มเติม หากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจากนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ที่มุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ เช่น การลดภาษีและสนับสนุนการลงทุนในภาคการผลิต ซึ่งจะเพิ่มอุปสงค์ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และส่งผลกระทบเชิงลบต่อสกุลเงินในเอเชีย
คริสโตเฟอร์ หว่อง นักยุทธศาสตร์ด้านสกุลเงินจาก Oversea-Chinese Banking Corporation (OCBC) ในสิงคโปร์ แสดงความเห็นว่า “ระยะเวลาและระดับความเข้มข้นของมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐอเมริกา จะเป็นตัวกำหนดผลกระทบที่แท้จริง แต่ปัจจุบันยังคงมีความไม่แน่นอนสูงในเรื่องนี้”
ประเทศไทยในฐานะประเทศที่พึ่งพาการค้าอาจต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจอย่างหนัก หากค่าเงินบาทยังคงผันผวนและเปราะบางต่อปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ในยุคโดนัลด์ ทรัมป์ หวนคืนทำเนีนบขาว การเตรียมความพร้อมและการปรับตัวเชิงนโยบายของรัฐบาลไทยจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจและลดความเสี่ยงในระยะยาว.......................................................................................
:: “เงินบาท” กับความเสี่ยงทางการค้า: การประเมินมูลค่าและผลกระทบจากนโยบายการค้าโลก ::
อัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริง (REER) และความสามารถในการแข่งขันทางการค้าตามข้อมูลจากธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ระบุว่าอัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริง (Real Effective Exchange Rate – REER) ของเงินบาทในปัจจุบันสูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีถึง 1.5%
REER คือค่าที่วัดมูลค่าของสกุลเงินหนึ่งเมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอื่น โดยคำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อที่แตกต่างกันระหว่างประเทศด้วย การที่ REER สูงกว่าค่าเฉลี่ย บ่งชี้ว่าค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับคู่ค้า ซึ่งอาจส่งผลให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้นในตลาดโลก ลดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าของประเทศ
เศรษฐกิจไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการพึ่งพาการค้าสูงที่สุดในภูมิภาค โดยปริมาณการค้าของไทยคิดเป็น 129% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามข้อมูลจากธนาคารโลก
อย่างไรก็ตาม การเปิดกว้างทางการค้านี้อาจกลายเป็นความเสี่ยง หากสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของไทย ใช้นโยบายจำกัดการนำเข้า ภายใต้การบริหารของโดนัลด์ ทรัมป์ โดยสหรัฐอเมริกาและจีน สองคู่ค้าหลักของไทย มีสัดส่วนรวมกันถึง 1 ใน 3 ของมูลค่าการค้าการส่งออกทั้งหมดของไทย
ฟิลิป ยิน ที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ของซิตี้กรุ๊ป ระบุว่าเงินบาทและดอลลาร์ไต้หวันเป็นสองสกุลเงินในเอเชียที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดต่อการเปลี่ยนแปลงด้านภาษีศุลกากรและข้อจำกัดทางการค้า นโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกาอาจสร้างแรงกดดันให้สกุลเงินเหล่านี้อ่อนค่าในกรณีที่เกิดความขัดแย้งทางการค้าเพิ่มเติม
ค่าเงินบาทที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับ REER และการพึ่งพิงการค้าระหว่างประเทศในระดับสูง ทำให้ไทยต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าระดับโลก การบริหารจัดการความเสี่ยงและสร้างความยืดหยุ่นให้กับเศรษฐกิจในประเทศจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อปกป้องเสถียรภาพและความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว.......................................................................................
:: ความสัมพันธ์ของสกุลเงินเอเชียกับดอลลาร์สหรัฐฯ ::
ในช่วง 30 วันก่อนถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน ความสัมพันธ์ระหว่างเงินเปโซ (ฟิลิปปินส์) และรูปี (อินเดีย) กับดัชนี Bloomberg Dollar Spot อยู่ในระดับต่ำที่สุด สถานการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นพิเศษกับผลการเลือกตั้งของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งสร้างความไม่มั่นคงในตลาดการเงิน อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ที่ต่ำระหว่างสองสกุลเงินนี้กับดอลลาร์สหรัฐฯ อาจกลายเป็นจุดแข็งในอนาคต โดยเฉพาะหากนโยบายเศรษฐกิจของโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการทำให้ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น ส่งผลกระทบเชิงลบต่อสกุลเงินในภูมิภาคอื่น
ผลกระทบต่อสกุลเงินในภูมิภาค เมื่อพิจารณาสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย เช่น เงินหยวน (จีน), วอน (เกาหลีใต้), และเงินบาท (ไทย) พบว่ามีความสัมพันธ์เชิงลบกับดัชนีดอลลาร์อย่างชัดเจน หมายความว่าการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้สกุลเงินเหล่านี้อ่อนค่าลงมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ดอลลาร์สหรัฐฯ พุ่งสูงจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา
ความสัมพันธ์ที่แตกต่างกันนี้สะท้อนถึงโครงสร้างเศรษฐกิจและการพึ่งพิงดอลลาร์สหรัฐฯ ของแต่ละประเทศ สกุลเงินที่มีความสัมพันธ์ต่ำกับดอลลาร์สหรัฐฯ เช่น เปโซและรูปี อาจได้รับผลกระทบน้อยกว่าในสถานการณ์ที่ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น ในขณะที่สกุลเงินที่มีความสัมพันธ์เชิงลบสูงอย่างหยวน วอน และบาท มีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันที่รุนแรงกว่า .......................................................................................
:: ความผันผวนของสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่ ::
ในช่วงต้นปี 2561 ความผันผวนของสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับสกุลเงินในตลาดพัฒนาแล้ว สาเหตุสำคัญมาจากการประกาศนโยบายภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเริ่มต้นด้วยการกำหนดภาษีนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์ในอัตรา 30% นโยบายดังกล่าวส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาดการเงินโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก
เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2560 ซึ่งความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดเกิดใหม่ยังอยู่ในระดับต่ำ การประกาศนโยบายภาษีในปี 2561 ได้สร้างแรงกดดันอย่างมากต่อสกุลเงินในภูมิภาคเอเชียที่มีเศรษฐกิจพึ่งพาการค้าโลก เช่น เงินบาท (ไทย), รูปี (อินเดีย), และริงกิต (มาเลเซีย)
รูปแบบที่เกิดขึ้นในปี 2561 ชี้ให้เห็นว่าสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะในเอเชีย อาจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนต่อไปในอนาคต (อย่างน้อยก็อีกหลายเดือน) ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับรายละเอียดนโยบายเพิ่มเติมจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาซึ่งมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนโดยตรง
สิ่งที่เกิดขึ้นกับสกุลเงินเหล่านี้ไม่เพียงสะท้อนถึงผลกระทบของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา แต่ยังมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของตลาดการเงินในประเทศกำลังพัฒนาอีกด้วย ความไม่แน่นอนในนโยบายการค้าอาจส่งผลมากกว่าภัยคุกคามที่เกิดขึ้นจากการหาเสียงทางการเมือง เนื่องจากกระทบโดยตรงต่อการค้าระหว่างประเทศและการไหลเวียนของเงินทุนในตลาดโลก
การเตรียมตัวรับมือกับความผันผวนและความไม่แน่นอนเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับประเทศในตลาดเกิดใหม่ที่ต้องการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินในระยะยาว.......................................................................................
:: ความสัมพันธ์ของสกุลเงินเอเชียอื่นๆ กับเงินหยวน ::
ในปี 2561 สกุลเงินเปโซ (ฟิลิปปินส์), รูปี (อินเดีย) และวอน (เกาหลีใต้) แสดงความสัมพันธ์รายวันกับการเคลื่อนไหวของเงินหยวนในประเทศจีนในระดับต่ำที่สุด โดยสถานการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่นโยบายภาษีของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะนั้น เริ่มมีผลบังคับใช้ ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าสกุลเงินเหล่านี้ได้รับผลกระทบน้อยลงจากความผันผวนทางเศรษฐกิจอันเกิดจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
ในทางกลับกัน สกุลเงินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ เงินบาท (ไทย) และริงกิต (มาเลเซีย) กลับมีความสัมพันธ์กับเงินหยวนในระดับสูงที่สุดในช่วงเวลาเดียวกัน สะท้อนถึงกทารพึ่งพิงทางเศรษฐกิจที่มากกว่า รวมถึงการเชื่อมโยงในห่วงโซ่อุปทานและการค้าในภูมิภาคที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเศรษฐกิจจีน
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสกุลเงินเหล่านี้กับเงินหยวนเป็นปัจจัยสำคัญที่สะท้อนถึงความเสี่ยงที่แตกต่างกันในบริบทของสงครามการค้า นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่าความสัมพันธ์ที่ต่ำอาจเป็นผลจากการพึ่งพาตลาดหรือคู่ค้าอื่นๆ ที่นอกเหนือจากจีน ในขณะที่ความสัมพันธ์ที่สูงอาจสะท้อนถึงความเปราะบางต่อแรงกดดันจากเศรษฐกิจจีนโดยตรง
การทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสกุลเงินกับเงินหยวนช่วยให้สามารถประเมินความเสี่ยงและวางกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจได้อย่างเหมาะสมในยุคที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีผลต่อเสถียรภาพทางการเงินของภูมิภาคอย่างชัดเจน.......................................................................................
ที่มา :
https://www.bloomberg.com/news/articles/2024-11-14/thai-baht-most-vulnerable-in-emerging-asia-to-trump-second-term
https://www.asianinvestor.net/article/how-will-trump-2-0-affect-asias-emerging-markets/499295
https://www.salika.co/2024/11/18/baht-vulnerability-trump-dollar-impact/
Knowledge Sharing Space | www.salika.co
#ความผันผวนทางเศรษฐกิจ #ดอลลาร์สหรัฐฯ #ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา #สกุลเงินเอเชีย #เงินบาท #เศรษฐกิจไทย #โดนัลด์ทรัมป์

ปัจจุบันการวิจัยข้าวมีบทบาทสำคัญในการรับมือกับความท้าทายที่ อุตสาหกรรมข้าวไทย กำลังเผชิญหน้า เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิ...
18/11/2024

ปัจจุบันการวิจัยข้าวมีบทบาทสำคัญในการรับมือกับความท้าทายที่ อุตสาหกรรมข้าวไทย กำลังเผชิญหน้า เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การขาดแคลนน้ำ และความต้องการผลผลิตที่สูงขึ้นโดยใช้ทรัพยากรน้อยลง และเพื่อส่งเสริมและพัฒนาการวิจัยข้าว ขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่จะนำไปสู่การพัฒนาการเกษตรที่ยั่งยืนและสร้างการประกันความมั่นคงทางอาหารในอนาคต รวมถึงเป็นเวทีสร้างเครือข่ายนักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญ และนักวิชาการข้าวทั้งในและต่างประเทศ ศูนย์กลางความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และการวิจัยข้าวของประเทศไทย (Hub of Rice)
โดยศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับภาคีเครือข่ายด้านการวิจัยข้าวของประเทศไทย จัดงานประชุมวิชาการนานาชาติ ครั้งที่ 3 เรื่องข้าวเพื่ออนาคต (3rd International Conference on Rice for The Future 2024: ICRF 2024) ไปเมื่อวันที่ 14 – 15 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา
โดย ศ.กิตติคุณ นพ.สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ประธานคณะทำงานที่ปรึกษาเพื่อการพัฒนาศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญ (Hub of Talents) และศูนย์กลางด้านความรู้ (Hub of Knowledge) สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวในฐานะประธานเปิดการประชุม ว่า
“การประชุมครั้งนี้เป็นโครงการริเริ่มสำคัญที่กำลังดำเนินการเพื่อจัดตั้งเครือข่ายนักวิจัยที่ทำงานในพื้นที่สำคัญต่างๆ รวมถึงการปรับปรุงผลผลิตข้าว เพิ่มความต้านทานโรค และจัดการกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความพยายามเหล่านี้สอดคล้องกับเป้าหมายระดับโลกของการพัฒนาที่ยั่งยืนและความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอนาคต โดยงานนี้จะเป็นประโยชน์ต่อนักวิจัยข้าวและใช้การวิจัยและนวัตกรรมขับเคลื่อนประเทศไปเดินหน้าต่อไป”............................................................................................
อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ https://www.salika.co/2024/11/17/hub-of-rice-conference-on-rice-for-the-future-2024/
Knowledge Sharing Space | www.salika.co
#งานวิจัยข้าว #สวทช #ไบโอเทค

ปัจจุบันการวิจัยข้าวมีบทบาทสำคัญในการรับมือกับความท้าทายที่ อุตสาหกรรมข้าวไทย กำลังเผชิญหน้า เช่น การเ.....

จากข้อมูลขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2567) พบว่า การเติบโตของภาคอุตสาหกรรม ท...
18/11/2024

จากข้อมูลขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2567) พบว่า การเติบโตของภาคอุตสาหกรรม ทำให้จังหวัดสระบุรีมีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเป็นอันดับ 3 ของประเทศ (รองจากกรุงเทพมหานครและจังหวัดชลบุรี) ประมาณ 22.10 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งการปลดปล่อยอยู่ในภาคอุตสาหกรรมสูงถึง 66.87% ของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดในจังหวัด รองลงมาคือ ภาคพลังงาน 22.63% ภาคการขนส่ง 5.16% ภาคเกษตร 4.45% และภาคการจัดการของเสีย 0.89% ตามลำดับ จึงมีโครงการ ”สระบุรี แซนด์บ็อกซ์” ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมหนักสู่เศรษฐกิจสีเขียว ผ่านการดำเนินการ 6 โครงการ ประกอบด้วย
1. เปลี่ยนสู่พลังงานสะอาด ส่งเสริมการใช้พื้นที่ว่างผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทน
2. สร้างอุตสาหกรรมสีเขียวและผลิตภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิ ผู้ผลิตปูนซีเมนต์จะเปลี่ยนการผลิตเป็นแบบคาร์บอนต่ำ ตั้งแต่ปี 2567
3. การจัดการของเสีย จัดตั้งศูนย์จัดเก็บและรับซื้อวัสดุที่ไม่ใช้แล้วจากชุมชน ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน
4. เกษตรคาร์บอนต่ำ มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน เช่น การทำนาแบบเปียกสลับแห้ง ลดการใช้น้ำและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
5. เพิ่มพื้นที่สีเขียวปลูกป่าชุมชนเพิ่ม 38 แห่ง ทั่วจังหวัด
และ 6.บูรณาการการทำงานระดับจังหวัด เอกชน และหน่วยงานภาครัฐ
https://www.salika.co/2024/11/17/salika-news-vol-323-5/
Knowledge Sharing Space | www.salika.co

“สับปะรดห้วยมุ่น” มีเอกลักษณ์จุดเด่นในเรื่องของเนื้อที่หนาและนุ่ม รสชาติหวาน พร้อมทั้งมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทำให้เป็นที...
18/11/2024

“สับปะรดห้วยมุ่น” มีเอกลักษณ์จุดเด่นในเรื่องของเนื้อที่หนาและนุ่ม รสชาติหวาน พร้อมทั้งมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทำให้เป็นที่ต้องการสำหรับผู้บริโภคญี่ปุ่น โดยประเทศไทยมีผู้ประกอบการมากกว่า 850 ราย ที่กำลังการผลิตกว่า 180,000 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่าตลาดกว่า 1,200 ล้านบาท ล่าสุด กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงของประเทศญี่ปุ่น ได้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) “สับปะรดห้วยมุ่น” ซึ่งเป็นผลไม้ของประเทศไทยรายแรกที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI ในประเทศญี่ปุ่น
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากสับปะรดสดที่ได้รับความนิยมของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นแล้ว ญี่ปุ่นยังมีความต้องการสับปะรดแปรรูปสูงเช่นเดียวกัน เช่น น้ำสับปะรด สับปะรดกระป๋อง และสับปะรดอบแห้ง โดยประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศคู่ค้าสำคัญในการส่งออกสับปะรดมากเป็นอันดับ 4 รองจากฟิลิปปินส์ คอสตาริกา และอินโดนีเซีย สามารถนำเอาประโยชน์จากความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ในการลดภาษีนำเข้า เพื่อเพิ่มความได้เปรียบให้กับการส่งออกสับปะรดของประเทศได้
https://www.salika.co/2024/11/17/salika-news-vol-323-5/
Knowledge Sharing Space | www.salika.co

ปัจจุบันชาวจีนนิยมท่องเที่ยวนอกเส้นทางหลักมากขึ้น เน้นความแปลกใหม่และเป็นส่วนตัว ดังเช่น “หม่าซินอวี่” วัย 30 ปี และเพื่...
18/11/2024

ปัจจุบันชาวจีนนิยมท่องเที่ยวนอกเส้นทางหลักมากขึ้น เน้นความแปลกใหม่และเป็นส่วนตัว ดังเช่น “หม่าซินอวี่” วัย 30 ปี และเพื่อนๆ แทนที่จะเดินทางไปเที่ยวกุ้ยหลิน เมืองท่องเที่ยวชื่อดังในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงทางตอนใต้ของจีน พวกเขากลับตัดสินใจเดินทางไกลออกไปในเขตทุรกันดารเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ๆ จากการออกนอกเส้นทางท่องเที่ยวเดิมๆ
หม่า ซึ่งเป็นคนปักกิ่ง ตัดสินใจเลือกสถานที่หลบเร้นและมุมสงบซึ่งยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายในคู่มือท่องเที่ยว เพื่อตักตวงประสบการณ์สุดพิเศษและมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวจีนในลักษณะนี้กำลังมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“เพราะเป็นช่วงพีคของฤดูท่องเที่ยว เราเลยตั้งใจหลีกเลี่ยงเส้นทางที่คุ้นเคยและขับรถไปตามเส้นทางที่สวยงาม” หม่ากล่าว “เราใช้เวลาสองสัปดาห์รวบรวมข้อมูลจากโซเชียลมีเดียก่อนออกเดินทางท่องเที่ยวแบบประหยัด”
เมื่อสิ้นสุดการเดินทาง หม่าและเพื่อนๆ รู้สึกโชคดีมากที่เลือกท่องเที่ยวนอกเส้นทางหลัก เนื่องจากคนไม่พลุกพล่านมากนัก โดยมีจุดหมายปลายทางอย่างถ้ำหินปูน หลุมยุบใต้น้ำ และหมู่บ้านชาติพันธุ์ในเมืองเหอฉือ เป็นไฮไลต์ของการเดินทางครั้งนี้
“เมืองเหอฉือมีอัญมณีซุกซ่อนอยู่มากมายในธรรมชาติ” เว่ยหงเจิน หัวหน้าสำนักวัฒนธรรม วิทยุ โทรทัศน์ กีฬา และการท่องเที่ยวเมืองเหอฉือ กล่าว “เนื่องจากการแสวงหาธรรมชาติที่แท้จริงและการสำรวจอัตลักษณ์ของท้องถิ่นเป็นแรงผลักดันให้หลายคนออกเดินทาง ดังนั้น เมืองของเราซึ่งมีทั้งแม่น้ำ ถ้ำ หลุมยุบ และชุมชนที่มีเอกลักษณ์ทางชาติพันธุ์ จึงพร้อมที่ก้าวขึ้นไปอยู่ในแนวหน้าและศูนย์กลางของแวดวงการท่องเที่ยวระดับชาติ”
ความรู้สึกของหม่าสอดคล้องกับความรู้สึกของสวีหยาเม่ย นักกฎหมายขององค์กรจากปักกิ่ง ซึ่งบินไปยังนครหนานหนิง เมืองเอกของกว่างซี หนึ่งวันก่อนวันหยุดยาววันชาติ และออกเดินทางท่องเที่ยวทางรถยนต์เป็นเวลา 5 วันมุ่งหน้าไปทางใต้
“เมื่อเทียบกับสถานที่ท่องเที่ยวที่เน้นขายของและมีค่าบัตรเข้าชมราคาแพงเกินเหตุ ฉันขอเลือกสถานที่ที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักและยังไม่ถูกรบกวนจากการพัฒนาที่มากเกินไปและนักท่องเที่ยวที่ล้นเกินไปดีกว่า” สวีกล่าว
เหยาหัว นักสังคมวิทยาจากสถาบันบัณฑิตสังคมศาสตร์กว่างซี กล่าวว่า เสน่ห์ของการท่องเที่ยวตามสถานที่ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักคือความตื่นตาตื่นใจ ขณะที่ผู้คนเริ่มเหนื่อยหน่ายมากขึ้นกับย่านการค้าที่พลุกพล่านและแหล่งท่องเที่ยวที่แน่นขนัด เช่น เมืองกุ้ยหลินในกว่างซี และเมืองชายฝั่งเป่ยไห่
“นอกเหนือจากการเที่ยวชมสถานที่ตามปกติแล้ว สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ได้เรียนรู้คือ ฉันได้เรียนรู้ที่จะยอมรับสิ่งที่ไม่คุ้นเคย” สวีกล่าว “ฉันมีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมในเหอฉือ โดยได้เรียนรู้เกี่ยวกับการสำรวจถ้ำเป็นครั้งแรก และการนั่งรถไปตามทางหลวงเลียบชายฝั่งเมืองฉินโจวเป็นเวลาสองชั่วโมงทำให้ฉันได้สัมผัสกับทุกอย่างที่เคยคาดหวังว่าจะได้รับจากการท่องเที่ยวด้วยรถยนต์ ฉันรู้สึกเหมือนกำลังผจญภัยไปในสถานที่ที่ไม่รู้จัก”
ขณะที่เมืองไทย เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของคนจีน สถิติล่าสุดของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 3 พ.ย. 2567 จำนวน 5,756,998 คน รูปแบบและพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทย ต้องเร่งปรับตัว ก่อนที่จะพลาดโอกาสและเปิดทางให้เกิดผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาด เสนอบริการที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวยุคใหม่ได้มากกว่า
ทุกธุรกิจใน Value chain ของการรับนักท่องเที่ยวชาวจีนมาไทยจึงจำเป็นต้องปรับตัวตั้งแต่โรงแรม สายการบิน บริษัททัวร์ในไทย ไปจนถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว เช่น ธุรกิจโรงแรม ควรนำเสนอบริการที่มากกว่าการเข้าพักธรรมดาและแสดงเอกลักษณ์ที่โดดเด่น, สายการบินสัญชาติไทยเน้นขยาย เที่ยวบินพร้อมทั้งเสนอบริการพรีเมียมรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม FIT และทัวร์ Tailor-made, สถานที่ท่องเที่ยวอาจเสนอประสบการณ์พิเศษเพื่อดึงให้นักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวซ้ำ บริษัททัวร์ในไทยต้องปรับตัวจากทัวร์รูปแบบเดิม เป็นทัวร์ที่หลากหลายและตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะมากขึ้น, บริษัทรถทัวร์หรือรถเช่าต้องเพิ่มบริการเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม FIT และทัวร์กรุ๊ปเล็ก, ร้านอาหารต้องเตรียมรองรับระบบการชำระเงินของจีนและจับกลุ่มลูกค้า Food delivery ชาวจีนมากขึ้น, และร้านค้าควรพัฒนาสินค้าสร้างสรรค์ที่ใส่ความเป็นไทยและเพิ่มความคุ้มค่า
เนื่องจากปัจจุบันข้อมูลและแผนท่องเที่ยว สามารถหาได้ตามคอนเทนต์ออนไลน์ ประกอบกับความชอบของแต่ละบุคคลที่ไม่เหมือนกัน ทำให้การเดินทางด้วยตนเองเพื่อไปเที่ยวตามรอยคอนเทนต์ที่ชื่นชอบได้รับความนิยมมากขึ้น จากข้อมูลของ Dragon Trail International พบว่า รูปแบบการเดินทางไปยังต่างประเทศที่ชาวจีนเลือกในการเดินทางครั้งต่อไปแบ่งเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ 1. กลุ่มนักท่องเที่ยวอิสระ (Free Independent Travler : FIT) 2. กลุ่มกึ่งทัวร์กึ่งเที่ยวเอง (Semi guided tour) 3. กลุ่มกรุ๊ปทัวร์ (Guided tour) และ 4 กลุ่มทัวร์ส่วนตัว (Private tour) ความต้องการของนักท่องเที่ยวจีนที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น (Hyper-segmentation) ประกอบกับปริมาณนักท่องเที่ยวจีนที่มีค่อนข้างมาก สร้างโอกาสในการขยายตลาดการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ๆ ให้แก่ภาคการท่องเที่ยวไทย ที่จะต้องรู้และเข้าใจความต้องการของนักท่องเที่ยวเพื่อนำเสนอประสบการณ์พิเศษที่ตรงกับความต้องการอย่างแท้จริง.................................................................................
ที่มา :
สำนักวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเทศบาลเมืองอู่โจว
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC)
https://www.salika.co/2024/11/17/modern-chinese-tourists/
Knowledge Sharing Space | www.salika.co
#การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ #การท่องเที่ยวไทย #นักท่องเที่ยวจีนยุคใหม่ #ประสบการณ์ใหม่ #เมืองเหอฉือ

NordPass เปิดเผยผลการศึกษาเกี่ยวกับรหัสผ่านที่พบได้บ่อยที่สุด 200 อันดับทั่วโลกเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน พบว่ารายชื่อรหัสผ่า...
17/11/2024

NordPass เปิดเผยผลการศึกษาเกี่ยวกับรหัสผ่านที่พบได้บ่อยที่สุด 200 อันดับทั่วโลกเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน พบว่ารายชื่อรหัสผ่านส่วนใหญ่ยังเปิดช่องให้ถูกเจาะได้ง่ายเหมือน 5 ปีที่ผ่านมา จนสามารถพูดได้ว่าไม่มีการพัฒนามากนักในนิสัยการตั้งรหัสผ่านของผู้คนในโลกออนไลน์
โดยการศึกษาของ NordPass ในปีนี้ดำเนินการร่วมกับ NordStellar ด้วยการใช้ฐานข้อมูลขนาด 2.5 เทราไบต์ ซึ่งรวบรวมจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ ครอบคลุมข้อมูลจากผู้คนใน 44 ประเทศรวมถึงบางส่วนที่พบในดาร์กเว็บ
พบว่ารหัสผ่านเหล่านี้เป็นรหัสที่เคยถูกเปิดเผยจากมัลแวร์หรือการรั่วไหลของข้อมูล การเจาะรหัสผ่านเหล่านี้ใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งวินาทีสำหรับแฮกเกอร์ โดยรหัสผ่าน “ยอดแย่” ที่มีการใช้งานมากที่สุดทั่วโลก 10 อันดับแรกในปี 2567 ได้แก่
1. 123456
2. 123456789
3. 12345678
4. password
5. qwerty123
6. qwerty1
7. 111111
8. 12345
9. secret
10. 123123
https://www.salika.co/2024/11/16/salika-news-vol-322-5/
Knowledge Sharing Space | www.salika.co

ปี 2024 เป็นปีที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง ผู้ประกอบการ SME ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายและโอกาสในปี 2025 ไม่ว่าจะเ...
17/11/2024

ปี 2024 เป็นปีที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง ผู้ประกอบการ SME ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายและโอกาสในปี 2025 ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวกับการทำงานที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยีที่ก้าวหน้า หรือการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน
finbiz by ttb พาผู้ประกอบการส่องเทรนด์ธุรกิจที่จะส่งผลต่อการเติบโตในปีหน้า “Pet Parent” เทรนด์สัตว์เลี้ยงจะยังคงเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกในครอบครัว เห็นการเพิ่มขึ้นของความต้องการบริการเกี่ยวกับสุขภาพสัตว์เลี้ยง สินค้าพรีเมียม และการดูแลแบบเฉพาะทาง เช่น บริการตรวจสุขภาพประจำปีสัตว์เลี้ยง พร้อมให้คำปรึกษา ซึ่งการให้คำปรึกษาด้านการเลี้ยงสัตว์ออนไลน์ก็อยู่ในความสนใจ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และอุปกรณ์ติดตามสุขภาพสัตว์เลี้ยง
สำหรับแนวทางธุรกิจ คือ พัฒนาผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงที่เน้นคุณภาพสูง เช่น อาหารเพื่อสุขภาพ หรือบริการพรีเมียม นำเทคโนโลยี เช่น แอปติดตามสุขภาพสัตว์เลี้ยง มาเพิ่มคุณค่าและประสบการณ์ลูกค้า จัดสรรโซนรองรับสัตว์เลี้ยงในสถานที่บริการต่างๆ พร้อมมาตรฐานความสะอาดที่ชัดเจน การสร้างระดับมาตรฐานเดียวกัน เพื่อวัดความสะอาดให้กับกลุ่มธุรกิจบริการที่ Pet-Friendly
ขณะที่ธุรกิจประกันสำหรับสัตว์เลี้ยง ต้องหาวิธีระบุเลขทะเบียนสัตว์เลี้ยงที่เป็นมาตรฐาน เพื่อให้ประวัติการรักษาของสัตว์เลี้ยงมีฐานข้อมูลเดียวกัน รวมถึงการนำเทคโนโลยีประเภท Robot ที่มี AI สร้างพฤติกรรมแบบสัตว์เลี้ยงจริงๆ ให้เจ้าของสามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยง Robot ยุคใหม่
https://www.salika.co/2024/11/16/salika-news-vol-322-5/
Knowledge Sharing Space | www.salika.co

“ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ” ผู้ก่อตั้ง “ตลาดดอตคอม” เว็บไซต์ขายของออนไลน์เว็บแรกๆ ของไทย ได้ออกมาโพสต์ข้อความจดหมายเปิดผนึกถึงร...
17/11/2024

“ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ” ผู้ก่อตั้ง “ตลาดดอตคอม” เว็บไซต์ขายของออนไลน์เว็บแรกๆ ของไทย ได้ออกมาโพสต์ข้อความจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลไทย ในประเด็นการดึงบริษัทต่างชาติประเภทธุรกิจ DATA CENTER มาลงทุนในประเทศไทยสุดท้ายแล้วประเทศเราจะได้ประโยชน์แค่ไหน
โดยระบุข้อความว่า การที่บริษัทต่างชาติ มาลงทุนในประเทศไทย ทั้ง Data Center หรือ บริการอื่นๆ ทางรัฐได้ศึกษารายละเอียด รวมไปถึงผลประโยชน์ที่จะเข้าประเทศไทยจริงๆ มีมากแค่ไหน? ธุรกิจ Digital อื่นๆ ที่วันนี้เข้ามาลงทุนในไทย แต่พอถึงเวลาเก็บเงิน ก็ดึงเงินไทยออกไปจ่ายนอกประเทศ
เลยต้องถามดังๆ ว่า เงินที่จะเข้าที่ประเทศไทยกี่เปอร์เซนต์ Google, Meta (Facebook), TikTok และบริษัทอื่นๆ ส่วนใหญ่ ให้คนไทยจ่ายค่าบริการผ่านบัตรเครดิตออกไปประเทศอื่น ยกตัวอย่างเช่น DAAT แจ้งว่าบรรดาบริษัทเอเจนซีไทยจ่ายเงินให้กับ Facebook (Meta) ปีนึง 8 พันกว่าล้านบาท .. แต่พอไปดูรายได้ของ Facebook ประเทศไทย แค่ 463 ล้านบาทเท่านั้น คำถามคือ 7 พันกว่าล้านบาท หายไปไหน?
ผมต่อสู้และผลักดันเรื่อง “การขาดดุลดิจิทัล” มาหลายปี เห็นเรื่องนี้มานาน.. อยากให้รัฐไทยเริ่มหันมมามองเรื่องนี้จริงๆ จังๆ ดังนั้นการที่รัฐไปคุยกับบริษัทต่างชาติแล้วดีใจกับการที่เค้าเข้ามาลงทุนในไทย เราดีใจแบบฉาบฉวยไปหรือเปล่า?​
อยากนำเสนอเรื่องนี้ถึงคนที่มีอำนาจที่สามารถผลักดันเรื่องนี้ได้จริงๆ เพื่อที่เราจะได้วางแผน ปรับการทำงานของประเทศเพื่อรองรับกับการเติบโตด้านดิจิทัล แบบจริงๆ ไม่ใช่เติบโตแบบฉาบฉวย แบบที่เราแทบไม่ได้อะไร
https://www.salika.co/2024/11/16/salika-news-vol-322-5/
Knowledge Sharing Space | www.salika.co

บริษัท CHN Energy ของจีนได้เชื่อมต่อหน่วยพลังงานแสงอาทิตย์ชุดแรกจากฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์นอกชายฝั่งทะเลเปิดหรือที่รู้จัก...
17/11/2024

บริษัท CHN Energy ของจีนได้เชื่อมต่อหน่วยพลังงานแสงอาทิตย์ชุดแรกจากฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์นอกชายฝั่งทะเลเปิดหรือที่รู้จักในชื่อฟาร์มโซลาร์เซลล์แสงอาทิตย์แบบลอยน้ำ ขนาด 1 กิกะวัตต์ (GW) ซึ่งเป็นแห่งแรกและใหญ่ที่สุดในโลก เข้ากับโครงข่ายไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำด้านพลังงานสะอาดของจีนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
โครงการขนาดใหญ่นี้ตั้งอยู่นอกชายฝั่งเมืองตงอิ๋งในมณฑลซานตง ทางตะวันออกของจีน พัฒนาโดยบริษัท Guohua Energy Investment ในเครือ CHN Energy มีเป้าหมายที่จะทำหน้าที่เป็นมาตรฐานสำหรับฟาร์มโซลาร์นอกชายฝั่งขนาดใหญ่ในอนาคต
โครงการนี้ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่ง 8 กม. และมีพื้นที่ครอบคลุมถึง 3,023 เอเคอร์ (ราว 7,650 ไร่) โดยใช้แท่นพลังงานแสงอาทิตย์ 2,934 แท่นซึ่งตั้งอยู่บนฐานโครงเหล็กนอกชายฝั่งขนาดใหญ่ โดยแต่ละแท่นมีขนาด 60 x 35 เมตร
นับเป็นครั้งแรกในประเทศจีนที่มีการใช้สายเคเบิลนอกชายฝั่ง 66 กิโลโวลต์ที่จับคู่กับสายเคเบิลบนชายฝั่งเพื่อส่งไฟฟ้าระยะไกลที่มีความจุสูงในภาคส่วนพลังงานแสงอาทิตย์
เมื่อสร้างเสร็จ ฟาร์มโซลาร์นอกชายฝั่งแห่งนี้คาดว่าจะผลิตไฟฟ้าได้ 1,780 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ซึ่งเพียงพอสำหรับบ้านเรือนในเมืองประมาณ 2.67 ล้านหลัง นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดถ่านหินมาตรฐานได้ประมาณ 503,800 ตัน และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 1.34 ล้านตันต่อปี
เมกะโปรเจกต์นี้ยังรวมถึงการเพาะเลี้ยงปลา การใช้พื้นที่ทางทะเลให้เกิดประโยชน์มากขึ้นโดยบูรณาการพลังงานหมุนเวียนกับการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
ทั้งนี้ Open Sea หมายถึง บริเวณของมหาสมุทรหรือทะเลที่อยู่ห่างจากชายฝั่ง ครอบคลุมพื้นที่น้ำทะเลตั้งแต่ผิวน้ำจนถึงส่วนที่ลึกที่สุดของมหาสมุทร รวมถึงมวลน้ำทั้งหมดนอกเขตไหล่ทวีป ถือเป็นระบบนิเวศที่กว้างใหญ่และหลากหลาย มีลักษณะเฉพาะและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเนื่องจากปัจจัยทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำหรับ CHN Energy (China Energy Investment Corporation) เป็นหนึ่งในบริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของจีนและของโลก ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 จากการควบรวมระหว่าง China Guodian Corporation และ Shenhua Group ซึ่งเป็นผู้ผลิตถ่านหินและพลังงานไฟฟ้าชั้นนำของประเทศ ส่งผลให้ CHN Energy กลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมพลังงานที่มีความหลากหลายครอบคลุมทั้งพลังงานฟอสซิลและพลังงานหมุนเวียน
CHN Energy ให้ความสำคัญกับการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งแบบติดตั้งบนพื้นดินและโซลาร์เซลล์แบบลอยน้ำ (Floating Solar) ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์สำคัญในอุตสาหกรรมนี้
นอกจากพลังงานแสงอาทิตย์แล้ว บริษัทยังดำเนินโครงการในหลายรูปแบบ เช่น พลังงานลม ถ่านหินสะอาด พลังน้ำ และการพัฒนาพลังงานไฮโดรเจน เป็นต้น
CHN Energy มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายของจีนในการลดการปล่อยคาร์บอน โดยมุ่งสู่การเป็นประเทศที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral) ภายในปี 2060 และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในจีน ที่มุ่งสู่การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว.......................................................................................
:: “ฟาร์มโซลาร์นอกชายฝั่งทะเลเปิด” พลังงานสะอาดจากพื้นที่ที่ไร้ขีดจำกัด ::
ฟาร์มโซลาร์นอกชายฝั่งที่เปิดโล่งมีข้อดีหลายประการเนื่องจากทำเลที่ตั้งและเงื่อนไขการทำงานที่ไม่เหมือนใคร ต่อไปนี้คือข้อดีที่พึงทราบ
1. ใช้พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ : การวางแผงโซลาร์นอกชายฝั่งเป็นหนึ่งในวิธีอนุรักษ์ทรัพยากรที่ดินทำให้สามารถสงวนที่ดินอันมีค่าไว้สำหรับการเกษตรที่อยู่อาศัยหรือแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติได้ขณะเดียวกันทะเลเปิดมีพื้นที่ขนาดใหญ่และไม่มีสิ่งกีดขวางสำหรับการติดตั้งโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ทำให้สามารถติดตั้งแผงจำนวนมหาศาลได้สะดวกส่งผลให้ผลิตพลังงานไฟฟ้าได้สูง
2. ประสิทธิภาพพลังงานแสงอาทิตย์ที่สูงขึ้น : แผงโซลาร์เซลล์เหนือน้ำจะระบายความร้อนตามธรรมชาติลดการสูญเสียความร้อนและเพิ่มประสิทธิภาพขณะที่พื้นผิวสะท้อนแสงของทะเลสามารถเพิ่มการรับแสงอาทิตย์และกระตุ้นการผลิตพลังงาน
3. การบูรณาการกับโครงสร้างพื้นฐานนอกชายฝั่ง : ฟาร์มโซลาร์นอกชายฝั่งสามารถทำงานร่วมกันกับฟาร์มลมนอกชายฝั่งได้โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกันเช่นการเชื่อมต่อโครงข่ายและระบบบำรุงรักษาเป็นต้นขณะเดียวกันยังทำให้เกิดโซลูชันพลังงานไฮบริดเนื่องจากการผสมผสานพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมสามารถสร้างระบบพลังงานหมุนเวียนที่เชื่อถือได้มากขึ้นช่วยปรับสมดุลความผันผวนของการผลิต
4. ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม : ฟาร์มโซลาร์นอกชายฝั่งหลีกเลี่ยงการตัดไม้ทำลายป่าการเคลื่อนย้ายพื้นที่หรือผลกระทบต่อระบบนิเวศบนบกและด้วยระบบที่ออกแบบอย่างเหมาะสมสามารถสร้างแนวปะการังเทียมช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลได้เป็นอย่างดี
5. ความใกล้ชิดกับศูนย์กลางความต้องการชายฝั่ง : จากการที่เมืองใหญ่หลายแห่งตั้งอยู่ใกล้แนวชายฝั่งฟาร์มโซลาร์นอกชายฝั่งสามารถจัดหาพลังงานโดยตรงให้กับพื้นที่ที่มีความต้องการสูงเหล่านี้ได้
6. เทคโนโลยีลอยน้ำที่มีศักยภาพ : แผงโซลาร์เซลล์ลอยน้ำสามารถปรับให้เหมาะกับสภาพทะเลเปิดได้ช่วยให้มีความยืดหยุ่นและปรับขนาดได้ทั้งยังมีความสามารถในการต้านทานคลื่นและน้ำขึ้นน้ำลงด้วยการออกแบบขั้นสูงสามารถใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนที่ของคลื่นหรือพลังงานน้ำขึ้นน้ำลงควบคู่ไปกับพลังงานแสงอาทิตย์
7. ความทนทานต่อสภาพอากาศ : ฟาร์มโซลาร์ในพื้นที่ทะเลเปิดสามารถออกแบบให้ทนต่อสภาพอากาศที่เลวร้ายอย่างพายุและลมกรรโชกแรงช่วยให้ดำเนินงานได้ในระยะยาว
8. ส่งเสริมเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน : ฟาร์มโซลาร์นอกชายฝั่งมีส่วนสนับสนุนอย่างมากต่อเป้าหมายด้านพลังงานหมุนเวียนช่วยกระจายพอร์ตโฟลิโอพลังงานและลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลจึงมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการลดคาร์บอน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีความท้าทายไม่น้อย เช่น ต้นทุนการติดตั้งที่สูง ความซับซ้อนในการบำรุงรักษา และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการเดินเรือในทะเล ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากฟาร์มโซลาร์นอกชายฝั่งที่เปิดโล่งอย่างเต็มที่.......................................................................................
ที่มา :
https://electrek.co/2024/11/14/china-worlds-largest-open-sea-offshore-solar-farm/?utm_source=flipboard&utm_content=topic/sustainability
https://undecidedmf.com/how-offshore-solar-could-be-the-future-of-energy
https://www.linkedin.com/pulse/offshore-solar-energy-sea-pv-tranquility-travis-hannah-bdr-sales
https://www.salika.co/2024/11/16/china-leads-clean-energy-with-largest-offshore-solar-farm/
Knowledge Sharing Space | www.salika.co
#จีน #พลังงานสะอาด #ฟาร์มโซลาร์เซลล์นอกชายฝั่งทะเลเปิด #ฟาร์มโซลาร์เซลล์ลอยน้ำ

ในการพิชิตภารกิจการผลิตบุคลากรเพื่อตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC จำเป็นอย...
17/11/2024

ในการพิชิตภารกิจการผลิตบุคลากรเพื่อตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งบุคลากรจากภาคการศึกษา ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม รวมถึงองค์กรต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมา คณะทำงานประสานงานด้านการพัฒนาบุคลากรในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC HDC) ได้รับความร่วมมือดีๆ จากทุกภาคส่วนมาอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเหตุนี้ในทุกปี EEC HDC จึงได้มีการจัดงานประกาศผลรางวัลอันทรงเกียรติ EEC HDC Award ขึ้น เพื่อเชิดชู ยกย่อง บุคลากรการศึกษาผู้มีความรู้ สติปัญญา มีความเสียสละ ทุ่มเทสรรพกำลัง มันสมอง และสถาบันตัวอย่างที่มีความตั้งใจในการวางหลักสูตรและปรับสร้างการศึกษาตามแนวทาง Demand driven ผ่านการจัดการศึกษา EEC Model
มาในปี 2567 ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ที่จะถึงนี้ EEC HDC ได้มีการจัดรางวัล EEC HDC Awards 2024 ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ณ ห้องประชุมมารีน่า เบย์ บอลรูม ชั้น 2 โรงแรมโนโวเทล อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยในปีนี้มี 5 บุคคล & 5 สถาบันดีเด่นทรงคุณค่า ได้รับการคัดเลือกให้ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้.......................................................................................
อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ https://www.salika.co/2024/11/16/eec-hdc-awards-2024-pre-press-release/
Knowledge Sharing Space | www.salika.co
#อีอีซีโมเดล

มาในปี 2567 ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 ที่จะถึงนี้ EEC HDC ได้มีการจัดรางวัล EEC HDC Awards 2024 ขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันศุกร์ (15 พ.ย.) สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ซึ่งพบปะหารือกับแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี...
17/11/2024

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันศุกร์ (15 พ.ย.) สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ซึ่งพบปะหารือกับแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย นอกรอบการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 31 ในกรุงลิมาของเปรู กล่าวว่าจีนและไทยควรเร่งรัดการก่อสร้างทางรถไฟจีน-ไทย และขยับขยายความร่วมมือด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น พลังงานใหม่ เศรษฐกิจดิจิทัล และปัญญาประดิษฐ์
จีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดและมีมิตรภาพ แนวคิด “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ได้ยืนหยัดผ่านกาลเวลาและมีพลังชีวิตชีวาใหม่ โดยสีจิ้นผิงย้อนนึกถึงการเยือนไทยในเดือนพฤศจิกายน 2022 และได้บรรลุฉันทามติสำคัญกับคณะผู้นำของไทยเกี่ยวกับการสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน พร้อมแสดงความยินดีที่มีการดำเนินการตามผลลัพธ์ของการเยือนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ความร่วมมือทวิภาคีก้าวหน้าเชิงบวกหลายด้านและนำพาผลประโยชน์อันจับต้องได้มาสู่ประชาชน
https://www.xinhuathai.com/high/477766_20241116
https://www.salika.co/2024/11/16/salika-news-vol-322-5/
Knowledge Sharing Space | www.salika.co

ที่อยู่

Dusit

เบอร์โทรศัพท์

+66610123210

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Salikaผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Salika:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์

ตำแหน่งใกล้เคียง บริษัท สื่อ


เว็บไซต์ข่าวและสื่อ อื่นๆใน Dusit

แสดงผลทั้งหมด