ADayoff An Independent Storyteller: Trip, Food, Art, Culture, Eco, Life

 #ซอยเท้า ไปกิน  #ข้าวซอย ระดับอินเตอร์ที่ ข้าวโซอิ ถนนคอนแวนต์ คลิกอ่าน (2 นาที) https://www.adayoffthailand.com/2024/1...
31/12/2024

#ซอยเท้า ไปกิน #ข้าวซอย ระดับอินเตอร์
ที่ ข้าวโซอิ ถนนคอนแวนต์
คลิกอ่าน (2 นาที) https://www.adayoffthailand.com/2024/12/31/khao-so-i/
วันนี้ให้รางวัลกับวันว่างของตัวเองค่ะ หาที่ไป Brunch กับสองหนุ่ม เลยเลือกไปที่ร้านข้าวโซอิ ที่อยู่ใน Wish Eating List มาหลายเดือนแล้วเพราะอยากมาไขคำตอบว่าอาหารเป็นอย่างไร ทำไมคนมาต่อแถวยาวๆ และที่สำคัญใกล้บ้าน ถิ่นเดิมวัยเด็ก ที่ถนนคอนแวนต์
เช้านี้มาถึงเวลา 10.45 น.​ กะไปแบบไม่แย่งคิวร้านเพราะเปิด 10.30 น. แต่เฮ้ย! เรามาถึงก็อยู่คิวที่ 3 แล้วหวะ คนมาทำอะไรกัน มีทั้งคนไทย ชาวต่างชาติ เอเซีย ยุโรป แบบว่าคนต่างชาติบางคน หิ้วกระเป๋าเดินทางมาด้วยคร่า รอสักพัก ก็ได้คิวเข้าในร้าน
#สัมผัสบรรยากาศในร้าน
ดูมีความ Real เริ่มตั้งแต่พนักงานพูดคุยน่ารักดูกันเอง และเราสามารถชมทำอาหารที่บาร์แบบ Open Kitchen ทำให้เราเห็นกรรมวิธีการทำอาหาร ได้กลิ่นกินเนื้อสัตว์หอมๆ ที่ Burn ไฟและนำมาใส่ข้าวซอย กระตุ้นต่อมอาหารเสียเหลือเกิน
#ประสบการณ์รสชาติ
ข้าวโซฮิ ทำให้เราเข้าถึงการนำอาหารท้องถิ่น มาผสมผสานในรูปแบบความเป็นสากล ผสมผสานโทนญูี่ปุ่นผ่านการเสิร์ฟที่คล้ายๆ ราเมง และการแต่งตัวของ Chef โดยรสชาติกลมกลืนสำหรับคนไทยและเทศ
จานที่ชอบที่สุดวันนี้ คือ ไส้อั่ว เพราะรสชาติเข้มข้นถึงเครื่องเทศ เอามาจัดทำแบบ Fusion เสิร์ฟแบบหมูทอดทงคัตสึ เคียงข้างน้ำพริกหนุ่ม เนื้อแน่นๆๆ รองมา คือ จานหลัก ได้แก่ ข้าวซอย ซุปเข้มข้นเผ็ดปานกลาง รสชาติกลมกลืน คลุกเคล้ากับผักเครื่องเคียง บีบมะนาว และพิเศษ มีถ้วยเล็ก หัวกะทิ สำหรับเพิ่มความมันติดปากให้กับคนชอบความเข้มขัน
กินเสร็จ รีบลุกนิดนึง เพราะคนรอหน้าร้านเป็นแถวยาว ตอนคิดเงิน พนักงานบอกว่าตอนนี้ที่สาขา พารากอน คิวยาว 60 คิว กว่า 2 ชั่วโมงแล้ว! เอาจริงดิ
ใครว่างก็แวะมานะคะ แนะนำค่ะ และมาเช้าๆ เลยน้า จะได้ไม่ต้องรอคิว

I have reached 3K followers! Thank you for your continued support. I could not have done it without each of you. 🙏🤗🎉
19/09/2024

I have reached 3K followers! Thank you for your continued support. I could not have done it without each of you. 🙏🤗🎉

 #โยไค วัฒนธรรมแห่งความหลอน ที่ นิทรรศการ โยไคพาเหรด TCDC กรุงเทพฯคลิกอ่าน (2 นาที) https://www.adayoffthailand.com/2024...
14/07/2024

#โยไค วัฒนธรรมแห่งความหลอน
ที่ นิทรรศการ โยไคพาเหรด TCDC กรุงเทพฯ
คลิกอ่าน (2 นาที) https://www.adayoffthailand.com/2024/07/14/yokai-tcdc/
หายหน้าหายตากันมานานกับรีวิวการท่องเที่ยวแบบ One Day Trip ในแบบฉบับ Adayoff เพราะว่าสุขภาพไม่อำนวยมาเกือบเดือน วันนี้ ขอออกไปเที่ยวแก้เบื่อสักหน่อย มาเที่ยวชมภูติผีปีศาจประจำประเทศญี่ปุ่น ที่นิทรรศการ #โยไคพาเหรด : ขบวนภูตพิศวงจากญี่ปุ่น ที่ กรุงเทพฯ
นิทรรศการนี้ จัดแสดงที่ห้องแกลอรี่ชั้น 1 TCDC กรุงเทพฯ ไปรษณีย์กลาง บางรัก กรุงเทพฯ​ ใช้เวลาไม่นานในการเดินเที่ยวชมเพราะเป็นนิทรรศการขนาดเล็ก ผลงานที่นำมาจัดแสดง คือ ภาพจำลองจากพิพิธภัณฑ์​มิโยชิ โมโมโนเกะ ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเจแปนฟาวเดชั่นเป็นผู้ดำเนินการบริหารจัดการนำเข้ามาแสดงในประเทศไทยและทั่วโลก เพื่อการเผยแพร่ศิลปะและวัฒนธรรมประเทศญี่ปุ่นให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ นิทรรศการนี้ มีภัณฑารักษ์คนญุี่ปุ่น ชื่อ คุณยุโมโตะ โคอิจิ เป็นคนคัดสรรผลงานโยไคนำมาออกแสดง นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่คนไทยจะได้ชมโดยไม่ต้องเดินทางไปถึงประเทศญี่ปุ่น
ความน่าใจน่าเข้าชม
*ศึกษาพัฒนาการอารยธรรมโยไค จากความหลอน สู่ไลฟ์สไตส์ร่วมสมัย
*ชมภาพม้วนจำลอง เฮียกคิยาเกียวเก่าแก่ที่สุด
*ชมประติมากรรมโยไค จากวัดอิโตคุอิน จังหวัดฟุคุชิมะ
(อ่านภาพประกอบคำบรรยายที่หน้าเว็บ)
ในนิทรรศการจะเล่าวัฒนธรรมโยไค ไล่จากอดีตถึงปัจจุบัน โดยเพื่อให้ได้อรรถรสในการเข้าชมตามลำดับ แนะนำให้เดินจากซ้ายไปขวา และนักชมมือโพสต์โซโซียล ต้องให้การระมัดระวังในการถ่ายภาพ ดูให้ดีว่าภาพไหนเก็บภาพได้หรือไม่ เพราะภาพหลายๆ ไม่ได้รับสิทธิ์ให้ทำซ้ำ หรือเผยแพร่ หากกระทำไป เราจะเป็นผู้ละเมิดลิขสิทธิ์และถูกฟ้องร้องได้
เดินชมนิทรรศการไปคิดว่า “ผีมีจริงหรือไม่?” เราไม่กล้าที่จะตอบหรือพิสูจน์ว่ามีจริง แต่ที่แน่ๆ ความกลัวนั้นมีจริงมีมากตั้งแต่ยุคอดีตย้อนหลังไปพันๆ ปี และมีในทุกประเทศ​
ดังนั้น สิ่งที่พิสูจน์ได้ คือ ความหลอนเป็นวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นจริง และประโยชน์ของวัฒนธรรมของความหลอน ทำให้เราไม่ใช้ชีวิตอย่างประมาท และ ไม่เสี่ยงที่จะเสียหาย เสียใจ หรือ เสียชีวิตก่อนวัยอันควร
อ่านภาพประกอบคำบรรยายที่หน้าเว็บ
https://www.adayoffthailand.com/2024/07/14/yokai-tcdc/

#นิทรรศการ #ผีญี่ปุ่น #ญี่ปุ่น
#วันเดียวก็เที่ยวได้

เช้าวันหนึ่ง จิบชาเขียวออริจินัล เมืองอุจิ ญี่ปุ่น ที่เรโกะ คาเฟ่ชมภาพทั้งหมด www.adayoffthailand.com/2024/05/18/reikoo_...
18/05/2024

เช้าวันหนึ่ง จิบชาเขียวออริจินัล
เมืองอุจิ ญี่ปุ่น ที่เรโกะ คาเฟ่
ชมภาพทั้งหมด www.adayoffthailand.com/2024/05/18/reikoo_cafe/
วันนี้ วางแผนมาเที่ยวฆ่าเวลาช่วงเช้า 8-10 โมงย่านสมุทรปราการ เลยค้นหาคาเฟ่ที่เปิดเช้าๆ บรรยากาศดีๆ มาเจอร้าน Keikoo (เรโกะ) Cafe และตัดสินใจแวะมา
Keikoo (เรโกะ) Cafe ตั้งอยู่เกือบสุดซอยเทพารักษ์ 80 ตอนที่ไปถึง เป็นเวลาก่อน 8 โมงเช้า เรานั่งรอสักพักจนร้านเปิด เลยเข้าในเป็นลูกค้าคนแรก
มีอะไรน่าสนใจที่นี่
1. สัมผัสบรรยากาศบ้านญี่ปุ่น แบบมินิมอล
2. ไฮไลท์จิบชาเขียวรสชาติออริจินัล จากเมืองอุจิ
#สัมผัสบรรยากาศบ้านญี่ปุ่นแบบมินิมอล Keikoo Cafe ออกแบบสถาปัตยกรรมเป็นบ้านชั้นเดียวสไตส์ญี่ปุ่น สีทูโทนขาวครีม ลักษณะการออกแบบตกแต่งเป็นรูปฟอร์มเหลี่ยมและวงกลม ด้านหน้ามีสวนญี่ปุ่นเล็กๆ พร้อมไอน้ำสร้างความชุ่มชื้นกับสนามหญ้าและต้นไม้
เจ้าของคาเฟ่นี้ ทำธุรกิจด้านขนส่งระหว่างประเทศไทยและญี่ปุ่น แรกเริ่มออกแบบสถานที่นี้ เพื่อเป็นสำนักงานแต่ในภายหลังปรับให้เป็นคาเฟ่ (จากการบอกเล่าของน้องในร้าน) จนได้รับความนิยมจากนักชิมที่ชอบค้นหาความแตกต่าง เพราะบอกเลยว่า เราไม่นึกเลยว่าจะมีคาเฟ่น่ารักในซอยลึก ย่านโรงงานอุตสาหกรรมย่านเทพารักษ์ และท่ามกลางชุมชนที่พักของคนในท้องถิ่น
#ไฮไลท์จิบชาเขียวรสชาติออริจินัลจากเมืองอุจิ
เครื่องดื่ม Signature ของร้าน คือ เมนูชาเขียวหลากหลายรูปแบบ วันนี้ลองชิม Matcha Coffee Latte ร้อน กับวาฟเฟิล ชาเขียวเข้มจนหวาน ผสมกับนมอุ่นๆ และผสมกาแฟซ็อตเข้ม ดื่มรสชาติกลมกล่อมพอดี กับความหวานหอมของวาฟเฟิลสไตส์โรยน้ำตาลไอซ์ซิ่ง สไตส์ญี่ปุ่น
ก่อนกลับสอบถามน้องคนขายสักนิดว่า ทำไมถึงชื่อร้านว่า เรโกะ 🙂 ได้ข้อมูลมาแค่ว่า #เรโกะ แปลว่า #กตัญญู ถึงน้องจะไม่ทราบมาที่มาที่ไป หรือ แรงบันดาลใจว่าทำไมเจ้าของถึงนำมาตั้งชื่อร้านก็ตาม ขอคาดเดาไปว่าทางว่า เจ้าของร้านน่าจะทำธุรกิจบนความศรัทธาในคำว่ากตัญญู หวังว่าสักวันจะได้เจอกับเจ้าของร้านนะ
แวะมาย่านสมุทปราการ แวะมาสัมผัสรสชาเขียวออรินัล ที่ Keikoo (เรโกะ) Cafe เข้ามาลึกสักหน่อยคุ้มค่ากับรสชาติดีๆ ค่ะ



Visit date : May 1, 2024

วัดสวนแก้ว ระบบนิเวศน์แห่งโอกาสคลิกอ่าน https://www.adayoffthailand.com/2024/05/04/watsuankeawวันนี้ ขนเครื่องอุปกรณ์อิเ...
05/05/2024

วัดสวนแก้ว ระบบนิเวศน์แห่งโอกาส
คลิกอ่าน https://www.adayoffthailand.com/2024/05/04/watsuankeaw
วันนี้ ขนเครื่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และ อุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน ไปบริจาคที่วัดสวนแก้วเต็มคันรถ เพราะได้ศึกษาวิธีการจัดการของวัดในการสานประโยชน์จากรับบริจาค นำไปซ่อมแซม แก้ไขให้กลับมาใช้ได้ใหม่ จากนั้น ก็มาจำหน่ายเพื่อให้คนมาบริจาคอีกต่อ
มาถึงแล้วไม่คุ้นวิถีของวัดเท่าไหร่นัก ปรกติไปวัดเราจะคุ้นชินกับทางเข้าที่มีซุ้มประตู มีโบสถ์ มีวิหาร แต่ทว่า การปลูกสร้างไปเป็นแบบเรียบง่ายท่ามกลางต้นไม้ใหญ่น้อย และมีตลาดผักและผลไม้ คนผลุกผล่าน เจ้าหน้าดูกระตือรือร้น
เมื่อขนของบริจาคลงจากรถเสร็จ เจ้าหน้าที่วัดชวนไปถวายสังฆฑานกับเจ้าอาวาส “พระพยอม” นับเป็นบุญที่ได้พบกับท่าน จากนั้น ด้วยความสงสัย จึงตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมวัดนี้ จึงมีสภาพดูเรียบง่ายแต่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และตามเคย Adayoff ต้องหาคำตอบ
#ความพิเศษของวัดสวนแก้ว หนึ่งเดียวในประเทศไทย
1. ปรัชญาพระพยอม “เผยแพร่ สงเคราะห์ พัฒนา”
2. “ให้มาให้กลับ” ถวายสังฆทานผลผลิตของวัด และสามารถนำกลับบ้านได้
3. “โอกาสชีวิต” เลี้ยงโค กระบือ ที่รอดชีวิตจากโรงฆ่าสัตว์
4. นั่งรถเที่ยวสวนกว้างประมาณ 380 ไร่

#ปรัชญาพระพยอม “เผยแพร่ สงเคราะห์ พัฒนา”
สาเหตุที่วัดสวนแก้วไม่มีโบสถ์​และวิหารใดๆ แต่กลับมีพื้นที่วัดใหญ่โตเกือบ 400 ไร่ พร้อนสวนพืชผัก และคอกสัตว์มากมาย เป็นเพราะ พระพยอม ท่านเจ้าอาวาสยึดหลักการ “เผยแพร่ธรรมะ สงเคราะห์ผู้ยากไร้ พัฒนาคนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี” เป็นหลักการปฏิบัติของท่าน ท่านจึงไม่เอาเงินที่ได้รับจากการบริจาคไปสร้างโบสถ์ วิหาร แต่ท่านเลือกที่จะไปซื้อที่ดิน เพื่อเป็นที่ทำมาหากินของผู้ยากไร้ดีกว่า เพราะการทำให้คนมีอาชีพ เขาจะได้มีโอกาสทำมาหากิน จะได้มีเงินไปตั้งตัว และมีโอกาสยืนในสังคมอีกครั้ง (ดูคลิปสัมภาษณ์จากรายการคนค้นตน)
วันนี้ ขณะนั่งรถไฟฟ้าไปเที่ยวชมสวน ได้พูดคุยเจ้าหน้าที่นำทางเราได้เปิดใจเล่าถึงประสบการณ์ของเขากับการเข้ามาทำงานที่วัด เขาผ่านชีวิตมาเยอะทั้งด้านมืดและสว่าง ตั้งแต่เขาตัดสินใจออกจากสิ่งที่ผิด และมาเข้าทางวิถีของพระพยอมผู้มีความเมตตา ทำให้เขาเจอมิตรใหม่ที่ให้กำลังใจที่จะละทิ้งอดีต เขาได้มีโอกาสที่มีชีวิตใหม่และปฎิบัติทำในสิ่งที่ถูกต้อง
คำพูดของน้องเจ้าหน้าที่ ทำได้เราได้รู้แจ้งเห็นจริง ผลจากการปฎิบัติของพระพยอมนั่นเอง
#ให้มาให้กลับ ถวายสังฆทานผลผลิตของวัด และสามารถนำกลับบ้านได้
วัดสวนแก้ว ได้นำพืช ผัก สวนครัว ผลไม้ จัดลงกระเช้า เพื่อทางเลือกให้กับผู้มาทำบุญในการทำสังฆทาน ความพิเศษ เพื่อเราถวายสังฆทานเสร็จสิ้น เราสามารถลาของสังฆทานกลับบ้านได้ วันนี้ เราเลือก 3 กระเช้า 2 กระเช้าแรก คือ พืชผักสวนครัว และกระเช้าสุดท้าย เป็นมะม่วง สำหรับสองกระเช้าสองเราแจ้งความประสงค์ว่าเราจะไม่นำกลับบ้านแต่ขอให้แจกจ่ายให้ชาวบ้านที่มีช่วยงานในวัด ส่วนขอนำมะม่วงกลับเพียงถุงเดียว เพราะต้องการไปฝากคุณแม่
#โอกาสชีวิต เลี้ยงโค กระบือ ที่รอดจากโรงฆ่าสัตว์
เสร็จจากภารกิจจากการถวายสังฆทาน ทางเจ้าหน้าที่แนะนำว่า “ทำบุญเลี้ยงสัตว์ไหมค่ะ” ตอนแรกไม่ค่อยสนใจ แต่สิ่งที่ทำให้สะดุดตา คือ เจ้าหน้าที่หยิบขนุนสุก! ที่ผ่าติดเปลือกแล้วบอกว่า อาหารสัตว์ ไม่คาดคิด! ต้องลองป้อนกันหน่อย
จากนั้นขึ้นรถไฟฟ้าลุยสวนไป เจอคอกปศุสตว์ วัว ควาย แพะ เยอะมากๆ หน้าตาน่ารัก สุภาพเรียบร้อย และสุขภาพดี กำลังรอเราอยู่
วัว ควาย มาจากไหน ทำไมเยอะขนาดนั้น ปรกติไปวัวก็เจอ 2-3 ตัว และก็มีป้ายใหญ่ทำบุญโน่นนี่นั่น เจ้าหน้านี้ น้องชูเกียรติ์บอกว่า “วัว ควายเหล่านั้น หลวงพ่อไถ่มา หรือไม่ก็สาธุชนไถ่มาแล้ว ไม่มีที่เลี้ยงหรือเลี้ยงไม่ไหว เลยมาไว้ที่วัด” เฮ้ย! ถามต่อ “ทำหมันไหมอ่ะ” เด่วออกลูกออกหลานกัน เจ้าหน้าที่บอก “ไม่ทำนะ” หันไปเจอลูกวัวเดินไปมา
นั่งรถเที่ยวสวนกว้างประมาณ 365 ไร่ #ระบบนิเวศน์ของครอบครัวหลังใหญ่
จากนั้น นั่งรถชมสวนไป เจ้าหน้าที่ขับรถไปซอกซอยต่างๆ สวนใหญ่กว้างขวางมาก มีต้นไม้ ผลไม้นานาพรรณ มีสวนน้ำขนาดใหญ่ ตรงกลางเป็นสวนกระบองเพชร สร้างโดยเจ้าของสวนนงนุช
ระหว่างเดิน เห็นเจ้าหน้าที่ทำงานตามมุมต่างๆ ในสวน ทราบมาว่ามีทั้งหมดร่วม 90 คน ดูแลผลผลิตทางเกษตรกรรม เพื่อมาจำหน่ายรับบริจาค และพวกเขาก็ได้ค่าจ้างด้วยเช่นกัน บางคนที่เติบโตมากับทางวัด แล้วสำเร็จการศึกษาด้านช่าง หรือ เทคนิค ก็ดูแลการซ่อมแซมของบริจาค และนำมาจำหน่ายที่จุดบริจาคอีกเช่นกัน
ให้พื้นที่ทำกิน ให้ประกอบอาชีพ ให้การศึกษา ให้ที่อยู่อาศัย ให้ขีวิตใหม่ และให้อนาคต ระบบนิเวศน์ของพ่อพระผู้เมตตา ทำให้ลูกผู้ด้อยโอกาส ให้มีที่ยืนในสังคม
วันนี้ แวะมาที่่วัดเพื่อบริจาคโดยไม่ได้ตั้งใจมาเที่ยวชมวัด แต่กลับได้แนวคิดแนวปฎิบัติในการดำรงชีวิต ก่อนลากลับบ้าน เราเข้าไปกราบลาพระพยอม และบอกท่านว่าวันนี้ได้เรียนรู้แนวคิด แนวปฎิบัติจากท่าน และในฐานะอุบาสิกา จะน้อมไปปฎิบัติ เพื่อให้โอกาสแต่บุคคลด้อยโอกาสในสังคม
#เมื่อเราได้โอกาสจากสังคมแล้ว_เราก็ควรจะให้โอกาสกับคนที่ไม่ได้รับโอกาส_ได้สิ่งนั้นบ้าง

รหัสลับอัจฉริยะ ลีโอนาร์โด ดาวินซี ที่ Da Vinci Alive Bangkok ไอคอนสยาม กรุงเทพฯอ่านเวอร์ชั่นเดิมที่นี่ https://www.aday...
03/05/2024

รหัสลับอัจฉริยะ ลีโอนาร์โด ดาวินซี
ที่ Da Vinci Alive Bangkok ไอคอนสยาม กรุงเทพฯ
อ่านเวอร์ชั่นเดิมที่นี่ https://www.adayoffthailand.com/2024/05/02/decodingdavinci/
เราอาจจะรูัจักลีโอนาร์โด ดาวินซี ว่าในฐานะที่เป็นศิลปินยุคเรอเนซองส์ ที่วาดภาพ ได้แก่ โมนาลิซ่า และ The Last Supper ดังก้องโลก …หรือเราอาจจินตนาการว่า เขาน่าจะเกิดในครอบครัวที่เพียบพรัอม จนได้มีโอกาสศึกษาวิทยากรครบเครื่อง และยังได้เรียนศิลปะจนสร้างผลงานได้สวยงามขนาดนี้ …แต่แท้ที่จริงแล้ว ชายผู้นี้ ลีโอนาร์โด ดาวินซี คือ ชายธรรมดาที่ไม่ได้เกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่เพราะอะไร ทำให้เขาถูกขนานนามว่าเป็นปราชญ์ในยุคของเขา และและยิ่งกว่านั้น ได้รับการยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะ ด้านศิลปะ วิทยาศาสตร์ สถาปัตยกรรม วิศวกรรม ชีววิทยาในยุคปัจจุบัน
มารู้จักชีวิตลีโอนาร์โด ดาวินซี ผู้ชายธรรมดาจากเมืองวินซี
เขาเป็นลูกนอกสมรส ของนายทะเบียนเซอร์ ปิเอโร กับลูกสาวชาวนา
เขาไม่ได้ใช้นามสกุลบิดา แต่กลับใช้ชื่อเมือง “วินซี” (เมืองที่ใกล้บ้านเกิดเขา)​ เป็นนามสกุล อาจจะเป็นเพราะความแตกต่างของชนชั้น จึงไม่สามารถใช้นามสกุลของพ่อได้
เขาเป็นศิลปิน ที่ฝากงานไว้กับมนุษยชาติ เพียงแค่ 2 โหลเท่านั้น ในขณะที่ศิลปินดังในยุคอดีต เช่น วินเซนต์ แวน โก๊ะ มีผลงานมาถึง 2000 ชิ้น​
เขาไม่เคยคิดว่าตนเอง คือ ศิลปิน เพราะในขณะที่เขาสมัครงาน เขาระบุ
ความชำนาญของเขาด้านสถาปัตยกรรม วิศวกรรม และเขียนว่าการวาดรูปเป็นเพียงงานอดิเรก
เขาได้บันทึกการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ไว้ในสมุดบันทึก โดยเขียนจากพลิกกลับขวาไปซ้าย หลังจากที่เขาเสียชีวิตมาถึง 250 ปี สมุดของเขาถูกเปิดผนึก และต้องใช้วิธีการส่องกระจก จึงจะอ่านได้รู้เรื่อง และบันทึกของเขานี่เอง ที่พิสูจน์ว่า เขาไม่ได้เป็นแค่จิตรกรระดับโลก แต่เขาเป็นอัจฉริยะของมวลมนุษยชาติ
พื่อหาคำตอบทุกมุมในความเป็นอัจฉริยะของลีโอนาโด ดาวินซี ADayoff จึงเดินทางไปไอคอนสยามเพื่อไปงาน “Da Vinci Alive Bangkok” นิทรรศการที่รวบรวมแสดงผลงานของลีโอนาโด ดาวินซี ด้านศิลปะ วิทยาศาตร์ วิศกรรม สถาปิตยกรรม ผ่านแบบจำลอง วิดีทัศน์ ภาพคัดลอกจากสมุดบันทึกของเขา ทั้งหมดถูกนำเสนอในรูปแบบศิลปะดิจิตอลอิมเมอร์ซีฟ (Immersive Multi-Sensory Experience)​ ทำให้เขาเข้าถึงเนื้อหาสาระได้ง่าย บอกเลยว่า แฟนพันธุ์แท้ ลีโอนาโด ดาวินซี ห้ามพลาด วันนี้ เรามาเดินนี้ จะพาเข้าชมกันเลย..
สิ่งน่าสนใจในงาน
1. ชมแบบจำลองทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม สถาปนิก ที่ล้ำหน้ากว่ายุคเขา 500 ปี
2. เจาะลึก “ภาพโมนาลิซ่า” ทฤษฎีซ้อนซ่อนเงื่อน
3. ภาพสเก็ตด้านกายวิภาค รู้เรียนจริงจากศพ
4. ค้นหาคำตอบ “รหัสลับอัจฉริยะของลีโอนาโด ดาวินซี คือ อะไร?”
5. สัมผัสมัลติมีเดียแบบอิมเมอร์ซีฟ เล่าเรื่องราวศิลปินยุคเรอเนซองส์และบาโรค
6. เล่นเป็นโมนาลิซ่าและอดัมสร้างโลก

เข้าอ่านทั้งหมดได้ที่นี่ https://www.adayoffthailand.com/2024/05/02/decodingdavinci/
วันนี้ ใช้เวลาเยี่ยมชมนิทรรศการไปกว่า 3 ชั่วโมง เปิดโลกให้เราได้รู้จักลีโอนาโด ดาวินซี ในอีกมุมมองในฐานะนักวิทยาศาสตร์ วิศวกร มากกว่าเดิมที่รู้จักกันในฐานะอัครศิลปินระดับโลกจากยุคเรอเนซองส์
สิ่งสำคัญที่เราได้เรียนรู้ คือ เราทุกคนควรที่กล้าตั้งคำถามกับสิ่งต่างๆ รอบตัว ว่าเหตุการณ์ หรือสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นได้อย่างไร? เพราะอะไร? และสังเกตุ ทดสอบ ลงมือปฏิบัติ ผู้ใหญ่หลายคนอาจจะบอกว่า ความรู้ของเขาดีที่สุด เป็นบรรทัดฐานให้คนรุ่นหลัง
ถึงเวลาแล้วที่อาจจะต้องเปลี่ยนใจ ทำตัวเองให้เป็นน้ำไม่เต็มแก้ว เพราะโลกยังคงเปลี่ยนแปลงตลอดทุกนาที หากเราหยุดอยู่กับที่เราจะกลายเป็น เรานี่ล่ะ ที่จะล้ำหลังที่สุดก็เป็นได้
ขอบคุณ ลีโอนาโด ดาวินซี อัจฉริยะของชาวโลก



ปล. นิทรรศการมีค่าเข้าชม ตรวจสอบที่เว็บผู้จัดงานค่ะ

กรุทองมหาสมบัติ ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา (ตามรอยกรุสมบัติแห่งชาติ ตอนที่ 2)แนะนำว่าให้อ่านในเวอร์ชั่นเวบ เพ...
29/04/2024

กรุทองมหาสมบัติ ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา
(ตามรอยกรุสมบัติแห่งชาติ ตอนที่ 2)
แนะนำว่าให้อ่านในเวอร์ชั่นเวบ เพราะดูภาพพร้อมคำบรรยายได้ละเอียด https://www.adayoffthailand.com/2024/04/29/ayutthaya-samprayamusuem/
ADayoff กำลังจะพาทุกคนเดินทางกันต่อ จากที่วัดราชบูรณะในตอนที่แล้ว ไปพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยากันต่อเลย
ก่อนเดินทาง ขอทบทวนถึงความสำคัญของวัดราชบูรณะกันสักนิดว่า วัดราชบูรณะสร้างขึ้นในรัชสมัยเจ้าสามพระยา เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้พระราชบิดาพระอินทราชา พร้อมทั้งนำเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ชุดเครื่องราชูปโภค และพระพุทธรูปจำนวนมาก ไปบรรจุไว้ที่กรุใต้พระปรางค์ และถูกปิดผนึกเป็นความลับในพระปรางค์มากว่า 600 ปี
จนความจริงมาปรากฎเมื่อปี พุทธศักราช 2499 เมื่อมีโจรประมาณ 20 คน ลักลอบบุกรุกเข้าไปขนทองจากรุออกไป ใช้เวลาเกือบ 3 วัน จนเป็นข่าวใหญ่บนหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในเวลานั้น ประมาณการกันว่าทองในกรุน่ามีปริมาณมากถึง 100 กิโลกรัม แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจตามของกลางกลับมาได้เพียง 20% ส่วนที่เหลือสันนิษฐานว่าถูกหลอม หรือ การขายต่อไปหมดแล้ว
#กว่าจะเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา
จากเหตุการณ์ดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้เสด็จพระราชดำเนินไปที่โรงพัก จังหวัดพระนครศรีอยุธยาด้วยพระองค์เอง ได้มีพระราชปรารภ ในนำโบราณวัตถุทั้งหมด (หรือของกลางที่ตามกลับมาได้) มาจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์​ และเพื่อเป็นการอนุรักษ์สมบัติของชาติ โดยมีพระบรมราชานุญาต ให้ตั้งชื่อพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา ผู้สร้างวัดราชบูรณะนั่นเอง
#มีโบราณวัตถุอะไรน่าชมที่พิพิธภัณฑ์
1. ชมไฮไลท์เครื่องทองของมหากษัตริย์จากกรุวัดราชบูรณะ
2. วัตถุโบราณถวายเป็นพุทธบูชา และกรุจำลองที่วัดราชบูรณะ
3. เรียนรู้คติการการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และแหล่งที่พบพระบรมสารีริกธาตุในอยุธยา
4. กราบพระบรมสารีริกธาตุวัดมหาธาตุ

#ชมไฮไลท์เครื่องทองของมหากษัตริย์จากกรุวัดราชบูรณะ
เครื่องทองจากกรุวัดราชบูรณะ ที่จะยังหลงเหลือให้เราได้ชมกันจะจัดแสดงอยู่ที่ห้องนิทรรศการที่ 1 และ 2
ห้องนิทรรศการที่ 1 จะจัดแสดงเครื่องราชกกุธภัณฑ์ เครื่องสูง เครื่องราชูปโภค และเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ของพระเจ้าอินทราชาและพระบรมวงศานุวงศ์ เราจะพบเห็นทั้งวัตถุที่มีขนาดใช้งานได้จริง และย่อเป็นขนาดจำลองเพื่อถวายแด่องค์พระเจ้าอยู่หัว ขณะเดินชม เราก็จินตนาการไปด้วยว่ากรุมหาสมบัติส่วนที่เหลืออีก 80% ที่สาบสูญไป จะมากมายก่ายกองขนาดไหน
#วัตถุโบราณถวายเป็นพุทธบูชา และกรุจำลองที่วัดราชบูรณะ
ห้องนิทรรศการที่ 2 ออกแบบจำลองบรรยากาศว่าเราอยู่ในกรุชั้น 2 ตรงกลางจะพบพระปรางค์จำลองสีทองตั้งอยู่ตรงกลาง โดยด้านล่างหรือกรุชั้นที่ 3 จะแสดงจุดที่ตั้งพระบรมสารีริกธาตุ ตามผนังโดยรอบจะจัดแสดงศิลปวัตถุเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ได้แก่ พระพิมพ์ พระปรุ พระเครื่อง ที่พบในกรุ
#เรียนรู้คติการการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และแหล่งที่พบพระบรมสารีริกธาตุในอยุธยา
ที่ห้องนิทรรศการที่ 4 มีวัตถุจำลองรูปแบบการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุตามความเชื่อแบบอินเดียอยู่กลางห้อง พร้อมวิดีทัศน์เพื่อการศึกษา จากนั้น เราสามารถเดินต่อไปยังห้องนิทรรศการที่ 5-8 เพื่อดูแผนผังการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในวัดและเจดีย์สำคัญในสมัยอยุธยา ได้แก่ พระเจดีย์ศรีสุริโยทัย วัดพระศรีสรรเพชญ์​ วัดพระราม และ วัดมหาธาตุ นอกจากนั้น ยังจัดแสดงวัตถุโบราณที่พบในกรุในสถานที่ดังกล่าวอีกด้ว
#กราบพระบรมสารีริกธาตุวัดมหาธาตุ
ที่ห้องสุดท้าย ห้องนิทรรศการที่ 8 จะจัดแสดงวิธีการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่วัดมหาธาตุ พร้อมยังสามารถกราบสักการะพระบรม
สารีริกธาตุได้ที่แห่งนี้
ความพิเศษของวันนี้ ในขณะที่กำลังเดินชมที่ห้องสุดท้าย มีคณะพระสงฆ์และเณรเข้ามาเยี่ยมชม พระสงฆ์ได้นำสวดสักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุ เราจึงเดินไปนั่งสวดและอธิษฐานตาม นับได้ว่าเป็นความโชคดี ถือว่าธรรมะจัดสรรให้มาได้ทั้งความรู้ และสิริมงคลกลับบ้านไป
เที่ยวอยุธยาครั้งนี้ ใช้เวลาเพียง 1 วัน เริ่มจากตามรอยกรุทองสมบัติที่วัดราชบูรณะ และเดินทางมาดูกรุทองของจริงกันต่อที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา นับว่าเป็นความประทับใจในศิลปะของช่างทองกรุงศรีอย่างยิ่ง เห็นความละเมียดละไมของการออกแบบและจัดทำ บ่งบอกเอกลักษณ์ของชาติ และความเป็นอารยะของประเทศ ทำให้เกิดความภูมิใจที่เกิดในแผ่นดินไทย
และวันนี้ ADayoff ได้รวบรวมเนื้อหาและภาพมาเผยแพร่ผ่านโลกออนไลน์ ขอเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ไทย และส่งต่อความรู้ให้ลูกหลานชาวไทย

#วัดราชบูรณะ #พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครแห่งชาติเจ้าสามพระยา #พระอินทราชา #เจ้าสามพระยา #วันเดียวก็เที่ยวได้

ตามรอยกรุสมบัติแห่งชาติ  #วัดราชบูรณะ อยุธยา ตอนที่ 1คลิกอ่าน https://www.adayoffthailand.com/2024/04/28/watraburana_ayu...
28/04/2024

ตามรอยกรุสมบัติแห่งชาติ
#วัดราชบูรณะ อยุธยา ตอนที่ 1
คลิกอ่าน https://www.adayoffthailand.com/2024/04/28/watraburana_ayuthaya/
หายหน้าหายตาไปกว่า 2 เดือน เพราะต้องผ่าตัดจากไหล่ติดและเอ็นไหล่ฉีก วันนี้ พอมีเรี่ยวแรงยกกล้อง ก็ขอออกเดินทาง Adayoff กันต่อ วันนี้ เลือกจุดหมายปลายทาง วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
วันนี้ ออกเดินทางแต่เช้า 7 โมง ผ่ารถติดใจกลางกรุงเทพฯ​ ไปถึงอยุธยากรุงเก่าเวลา 8 โมงครึ่ง วางแผนการเที่ยวโบราณสถานกลางแจ้งให้เสร็จไม่เกิน 10 โมง เพราะกรมอุตุฯ ได้ให้คำพยากรณ์อากาศไว้ที่ 40+ องศา คาดว่าร่างกายจะไม่น่าทนทานได้ไหว และหลังจากนั้น เตรียมมุ่งหน้าเดินทางไป พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา หลบแดดช่วงเที่ยง เริ่มกันเลยว่าวันนี้ได้พบเจอสิ่งใดกันบ้าง
ทำไมถึงเลือกมาวัดราชบูรณะ
1. สัมผัสประวัติศาสตร์ 600 ปี “กว่าจะเป็นวัดราชบูรณะ”
2. ชมรอยวัดวาอารามในสมัยอยุธยา
3. ศึกษาการแกะสลักหินนูนต่ำที่พระปรางค์
4. ตามรอยโจรผู้บุกรุก กรุมหาสมบัติของชาติ จนเป็นข่าวใหญ่ทุกหน้า นสพ. เมื่อ 68 ปีที่แล้ว
5. จุดเริ่มต้นแห่งการศึกษาโบราณวัตถุของชาติ ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา
#กว่าจะเป็นวัดราชบูรณะ
ย้อนในเมื่อ 600 ปีที่แล้ว เมื่อครั้งที่เจ้านครอินทร์ (อีกพระนามของสมเด็จพระอินทราชา) สวรรคต โอรสทั้งสามที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองลูกหลวง ต่างเร่งเสด็จกลับมาที่อยุธยา เจ้าอ้ายพระยาจากเมืองสุพรรณบุรี เจ้ายี่พระยาจากเมืองแพรกศรีราชา (ปัจจุบัน คือ อ. สรรคบุรี จังหวัดชัยนาท)​ ได้พระราชดำเนินมาถึงก่อนพร้อมกัน จึงได้กระทำยุทธหัตถีแย่งชิงราชสมบัติ ที่เชิงสะพานป่าถ่าน ซึ่งเป็นสะพานข้ามคลองประตูข้าวเปลือกเพื่อเข้าพระนครทางด้านเหนือ จนสิ้นพระชนม์ทั้งสองพระองค์
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าสามพระยา พระราชโอรสคนที่ 3 ที่เสด็จพระราชดำเนินมาถึงท้ายสุด จึงได้สืบพระราชบัลลังก์ต่อไป ได้สร้างวัดราชบูรณะบนพื้นที่เคยใช้เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพให้กับเจ้านครอินทร์ เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้กับพระราชบิดา นอกจากนี้ ยังได้สร้างเจดีย์เจ้าอ้ายเจ้ายี่เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระเชษฐาของพระองค์อีกด้วย
#ชมรอยวัดวาอารามในสมัยอยุธยา
วัดราชบูรณะ เป็นโบราณสถานทีอยู่ในการควบคุมดูแลโดยกรมศิลปากร มีค่าเข้าชม 10 บาท เมื่อผ่านเข้าไปบริเวณรั้ววัด จะพบผังสถาปัตยกรรมเรียงรายจากประตูทางเข้าตามนี้ เริ่มต้นจากพระวิหาร ต่อไปเป็นที่ตั้งพระปรางค์ที่มีศาลารายสร้างโดยรอบ และมีพระอุโบสถเป็นอาคารสุดท้าย
พระวิหาร พระอุโบสถที่ได้รับการบูรณะ เหลือคงไว้ซึ่งผนัง และร่องรอยของฐานพระพุทธรูป แต่ด้วยขนาดห้องโถงของพระวิหารและพระอุโบสถ ที่มีขนาดใหญ่มาก ทำให้สามารถสัมผัสความอลังการในอดีต ส่วนพระปรางค์สร้างตามแบบฉบับของขอม ตระหง่านเป็นศูนย์กลาง ดูน่าเกรงขามและศักดิ์สิทธิ์​เป็นอย่างยิ่ง
#ศึกษาลวดลายปูนปั้นที่องค์พระปรางค์
เดินยืนชมสถาปัตยกรรมโดยรอบแล้ว อย่าลืมใหเวลาพินิจลายแกะสลักปูนปั้น ที่ยอดพระปรางค์ เราจะเห็นพญาครุฑยุดนาค 4 มุม พร้อมเทวดา มีร่องรอยฐานบัว แกะสลักลายดอกไม้ ที่ลวดลายวิจิตรบรรจง นอกจากนี้ ที่ฐานพระปรางค์ด้านซ้าย ยังพบโครงสร้างยักษ์อีกด้วย
#กรุมหาสมบัติ ของชาติ ย้อนรอยโจรผู้บุกรุก จนเป็นข่าวใหญ่ทุกหน้า นสพ. เมื่อ 68 ปีที่แล้ว
เมื่อ พุทธศักราช 2499 ข่าวใหญ่ที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศต้องจดจำ เมื่อมีโจรประมาณ 20 คน ขุดกรุที่พระปรางค์ราชบูรณะ ลอบเอาสมบัติออกไปได้ ด้วยความเชื่ออาถรรพ์การลักขโมยสมบัติของแผ่นดินของกษัตริย์ ทำให้โจรเสียสติ เดินไปมอบตัวที่โรงพักเสียเอง ทำให้ตำรวจจับได้ และยังออกตามจับพรรคพวกที่เหลือได้บางส่วน พร้อมของกลาง แต่ก็ของกลางมาเพียง 20% เท่านั้น แต่ถึงกระนั้น เป็นทองโบราณร่วม 100 กิโลกรัม!! ลองคิดสิว่า ทองและสมบัติทั้งหมดนั้นมีจำนวนมากมายมหาศาลขนาดไหน จากการให้ปากคำของโจรที่จับได้ เล่าว่าลอบขนกันถึง 3 วันทีเดียว
วันนี้ ไม่พลาดจึงเดินตามรอยโจร ขึ้นไปที่ห้องโถงพระปรางค์ การเดินขึ้นบันไดที่ค่อนข้างลาดชัน 3 ชุด แต่มีราวบันไดสามารถยึดเกาะได้ ที่โถงพระปรางค์จะมีทางเดินลงไปกรุด้านล่าง แต่ปิดไม่ให้เข้าไป จากการสังเกตการณ์ถึงสาเหตุที่ปิดนั้น ได้แก่ พื้นที่แคบทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าดูแลความเรียบร้อยได้ตลอดเวลา ตลอดจนในกรุด้านล่างมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเก่าแก่ ที่ค่อยๆ เลือนลางเมื่อสัมผัส ดังนั้น เพื่อรักษาศิลปะของชาตินี้ไว้ จึงไม่ได้เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม นอกจากนี้ ยังพบงูเขียวตัวยาว เลื้อยพาดยาวด้านบน น่าสะพรึงกลัว เมื่อได้คุยในภายหลังทราบ ในพื้นที่พระปรางค์ เป็นที่อยู่ของหนู ค้างคาว จึงอาจจะไม่ปลอดภัย และเป็นอันตรายต่อผู้เข้าไป
จุดเริ่มต้นแห่งการศึกษาโบราณวัตถุของชาติอายุ 6 ศตวรรษ ที่ #พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา
มาที่วัดราชบูรณะ เรียกได้ว่าได้ศึกษาทั้งสถาปัตยกรรม ศิลปวัฒนกรรมจากของจริง แถมยังได้สัมผัสเส้นทางอาถรรพ์ของโจรปล้นชาติ เรียกได้ว่าครบรสชาติจริงๆ แต่เที่ยวที่วัดราชบูรณะอย่างเดียวยังไงก็ไม่สุดนะคะ ต้องไปต่อกันที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา เพราะสถานที่แห่งนี้ ได้รวบรวมสมบัติจากกรุทองที่ตำรวจตามกลับมาบางส่วน มาจัดแสดงไว้อย่างน่าชมตามแบบอย่างพิพิธภัณฑ์ระดับโลกเลยทีเดียว ไฮไลท์ คือ พระขรรค์ของสมเด็จพระอินทราชา เครื่องประดับ และแบบจำลองภายในพระปรางค์ ตลอดการเดินชม มีเจ้าหน้าที่ให้ความรู้ และพร้อมวิดีทัศน์
การเล่าเรื่องวัดราชบูรณะ ขอจบเพียงเท่านี้ก่อน เพราะ Adayoff มุ่งหน้าต่อไปที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา ตามรอยสมบัติของชาติ และเพื่อหลบแดดกลางแจ้งก่อนนะคะ ตอนนี้เวลา 10 โมงแล้ว แดดแรงมาก หมวกเอาไม่อยู่ ร่มเงาก็ไม่ช่วยอะไร ไปละค่ะ และเจอกันในเนื้อหาถัดไปเร็วๆ นี้

ติดตามคอนเทนส์จาก ได้ที่ www.adayoffThailand.com

#วันเดียวก็เที่ยวได้

สัมผัสรสชาติแห่งแห่งเมดิเตอร์เรเนียน ที่ Mama Dolores https://www.adayoffthailand.com/2024/02/11/mamadolores/ช่วงนี้งานเ...
11/02/2024

สัมผัสรสชาติแห่งแห่งเมดิเตอร์เรเนียน ที่ Mama Dolores https://www.adayoffthailand.com/2024/02/11/mamadolores/
ช่วงนี้งานเยอะ เลยไม่ได้เดินทางไปหาอะไรกินไกลบ้าน วันนี้ พี่หนึ่ง กับ น้องพี แวะมาหา เลยชวนมากินร้านอาหารใกล้บ้าน Mama Dolores ร้านอาหารสไตส์เมดิเตอร์เรเนียนใจกลางถนนเย็นอากาศ มาดูสิว่าบรรยากาศเป็นยังไงและมีอะไรน่ากิน คลิก Link ไปอ่านเว็บไซต์กันเลย

บ้านคุณวาวา "Than Heritage" จุดหมายปลายทางที่มากกว่าฝันและตั้งใจ https://www.adayoffthailand.com/2024/02/04/wawa-house-b...
05/02/2024

บ้านคุณวาวา "Than Heritage" จุดหมายปลายทาง
ที่มากกว่าฝันและตั้งใจ
https://www.adayoffthailand.com/2024/02/04/wawa-house-bangyai/
วันนี้ นับเป็นความพิเศษที่สุด เพราะได้รับเกียรติเป็นหนึ่งในทีมงาน มีโอกาสเข้าไปเที่ยวบ้านคุณวาวา บางใหญ่ ที่ไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมภายในอย่างเป็นสาธารณะ ด้วยสถาปัตยกรรมที่สร้างตามแบบฉบับคฤหาสน์โคโลเนียลยุครัชกาลที่ 5 จึงเป็นสถานที่ลับใช้เป็นฉากสำหรับการถ่ายละครทีวีดังย้อนยุค เช่น ปริศนา คุณชายจุฑาเทพ สร้อยสะบันงา เป็นต้น และนอกจากนี้ ด้วยบรรยากาศเสมือนชวนฝันว่านำเราเข้าไปในโลกเจ้าชายเจ้าหญิง ทำให้หนุ่มสาวหลายคู่ เลือกสถานที่แห่งนี้ สำหรับจัดงานวิวาห์
มารู้จักบ้านคุณวาวากันก่อน
บ้านคุณวาวา ตั้งอยู่ในอาณาเขตของ ฐาน ฮอริเทจ บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ บ้านคุณวาวาตั้งชื่อตามเจ้าของ คุณแม่วาวาหญิงใจแกร่งเกินร้อย ผู้มีความมุ่งมั่นสร้างคฤหาสน์นี้ด้วยความตั้งใจในทุกรายละเอียด ขนาดลงมือออกแบบเองทุกมุม คัดสรรอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเองกับมือ เพื่อที่จะสร้างความฝันของตนเองในวัยเยาว์ ให้เป็นความจริง
บ้านวาวา ใช้เวลาสร้างกว่า 5 ปี เป็นคฤหาสน์ 3 ชั้น สีเหลืองสีไข่ไก่ เอกลักษณ์ของบ้าน คือ รูปทรง 8 เหลี่ยมด้านหน้าออกแบบสอดรับกับบันไดรูปตัว L ผนังสีเหลืองสลับโครงประตู Arch โค้ง และบานกระจกใหญ่สีเขียว และด้วยสีโมโนโทนนี้ให้ความอบอุ่นคลาสสิค ลงตัวกับทัศนียภาพต้นไม้ใหญ่น้อยรอบบ้าน จนทำให้เราไม่สามารถละสายตา และเชิญชวนให้เข้าไปค้นหาภายใน
ทุกชั้นตกแต่งทุกรายละเอียดด้วยเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับบ้านวินเทจทั้งหมด ชั้น 1 ออกแบบให้เป็นโถงใหญ่ มีฉากประตูแบ่งเป็นห้องเล็ก เพื่อการใช้สอยที่ต่างกัน ชั้น 2 มี 5 ห้องนอนใหญ่ และห้องดินเนอร์หรู ตลอดทางเดินตกแต่งด้วยบานกระจกสูงเปิดกว้าง ทำให้เห็นสวนบัวด้านล่าง
จุดไฮไลท์ คือ ที่ชั้น 2 โถงเต้นรำใต้โคมไฟแชนเดอเลียร์ ตรงหน้ามีบันไดคู่บรรจบไปชั้นลอยชั้น 3 ทำให้นึกถึงฉากในนิทานเรื่องซินเดอริลล่าก้าวเดินลงบันไดที่ละขั้น พร้อมหัวใจที่เต้นรัว เพราะเจ้าชายที่เธอกำลังหลงรัก รอโค้งคำนับเพื่อจะเต้นรำในค่ำคืนนี้
ด้านหลังคฤหาสน์ มีถนนราชวงค์จำลองอาคารร้านค้าในอดีต สำหรับเป็นฉากละครอีกด้วย มีโรงจำนำ ไปรษณีย์ ร้านตัดผม และอื่นๆ อีกหลากหลายร้าน
ถึงนักท่องเที่ยวทั่วไปอาจจะเข้าชมภายในไม่ได้ หากไม่ได้รับอนุญาตก็ตาม เรายังแวะไปเที่ยวได้ เพราะด้านหน้ามีร้านอาหาร "วาวา เฮ้าส์” อาหารไทยรสมือคุณแม่วาวา เสิร์ฟเมนูชื่อพิเศษ เช่น ข้าวผัดปริศนา กินอิ่มแล้ว อย่าลืมพินิจพิจารณาบ้านไทยใช้เป็นร้านอาหารด้วย เพราะบ้านหลังนี้ มีอายุกว่า 100 ปี ยกทั้งหลังมาจากสาทรมาตั้งที่นี่ หลังอิ่มอร่อยจากมื้ออาหารแล้ว สามารถเดินเที่ยวชมอาคารจากด้านนอก ถ่ายภาพที่สะพานข้ามสระบัว ชมสวน ภายใต้บรรยากาศอันร่มรื่น
วันนี้ใช้เวลาเยี่ยมชมตั้งแต่เช้า 9 โมง ถึง 4 โมงเย็น นับเป็นความประทับใจอย่างยิ่งในหัวใจคุณแม่วาวาที่คิดและสร้างบ้านหลังนี้ ในทุกรายละเอียด ให้เห็นหัวใจที่แข่งแกร่งอย่างขุนผาที่ไม่ยอมแพ้ข้อจำกัดใดๆ เพื่อพิสูจน์ว่า ถ้าเรามีความ "ฝันและตั้งใจ” ไม่มีสิ่งใดที่เราจะทำไม่ได้
ขอขอบคุณคุณแม่วาวา คุณเจี๊ยบลูกสาว และฝน-ฝ้ายแห่งเพจ Agelesscult ที่เปิดโอกาสให้ได้มาร่วมการเดินทางสำคัญวันนี้

มีอะไรที่ห้อง 230 ? www.adayoffthailand.com/2024/01/14/room203_naturalmuseum/วันเด็กหาที่เที่ยวในเมือง ที่ได้เรียนรู้เรื...
14/01/2024

มีอะไรที่ห้อง 230 ?
www.adayoffthailand.com/2024/01/14/room203_naturalmuseum/
วันเด็กหาที่เที่ยวในเมือง ที่ได้เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ กันทั้งพ่อแม่และลูก ตัดใจแวะมาพิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่คณะวิทยาศาสตร์ (Chulalongkorn University Museum of Natural History)
วันนี้ มาถึงคนไม่เยอะ มาถึงคณะวิทยาศาสตร์ด้วยการเดินเท้าจากประตูใหญ่หน้าสระน้ำจุฬาฯ เพราะไม่มีที่จอดรถสำหรับบุคคลทั่วไป ตึกพิพิธภัณฑ์อยู่ที่ตึกชีววิทยา 1 ห้อง 230 ชั้น 2 ภาควิชาชีววิทยา
พิพิธภัณฑ์นี้ เปิดให้เข้าชมเป็นทางการเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2530 โดยสมเด็จพระเทพฯ เป็นประธานในพิธี มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมตัวอย่างสิ่งมีชีวิตและทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจนการวิจัยและค้นพบใหม่ๆ ด้านวิชาการและเพื่อการอนุรักษ์
วันนี้ มากันครบสามคน คือ พ่อแม่ลูก ความโชคดีวันนี้ คือ พ่อลิงเป็นนักธรณีวิทยา (Geologist) ทำให้คุณพ่อหาเดินชมและแนะนำสิ่งต่างๆ ให้กับเราและลูกลิงได้สนุกสนาน
มาดูสิว่า มีอะไรน่าสนใจที่วันนี้ พวกเราชอบและได้เรียนรู้
Cabinet of Natural Curiosities #ตู้การเรียนรู้แรก ที่ไม่อาจจะศึกษาเจ้าสัตว์โลกได้ใกล้ชิดขนาดนี้ หากน้องยังมีลมหายใจ เพราะ เป็นตู้รวมหัวและโครงกระดูกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีความดุร้าย เช่น จระเข้ ตะโขง ช้าง หมูป่า ม้า รวมไปถึงเจ้าตัวเล็กๆ ได้แก่ นาก เต่า
#ชมหอยมือเสือยักษ์ เก่าแก่กว่า 260 ปี
ที่พิพิธภัณฑ์รวมเปลือกหอยหลากพันธุ์ ไฮไลท์สำคัญ หอยมีอเสือโบราณขนาดใหญ่ถึง 4 ฟุต 6 นิ้ว น้ำหนักเกือบ 580 ปอนด์​ หรือหนัก 260 กิโลกรัมเลยทีเดียว ไม่อยากคิดว่าตอนมีตัวหอย จะตัวโตขนาดไหน คิดแล้วก็อยากกินหอยย่าง :-) ถ้าเป็นเจ้าตัวนี้ ไม่รู้ว่ากินกันกี่คนกว่าจะหมด
#ศึกษากายวิภาคมนุษย์
ตู้ต่อไป จิตต้องแข็งนิด ชมเด็กดอง ตับดอง และสมองมนุษย์ดอง ที่ตู้นี้ เราสามารถเรียนรู้กระดูกส่วนต่างๆ ของมนุษย์ ดูไปก็จับกระดูกบ่า เข่าขาเราไปด้วย และจินตนาการสิ่งที่อยู่ใต้เนื้อหนังมังสาเรา
#ชมวิวัฒนาการมนุษย์และหิน
ตู้นิทรรศการส่วนหลังจะเป็นอธิบายวิวัฒนาการมนุษย์ กระโหลกมนุษย์ยุคโบราณ จนถึงวันนี้ วิถีชีวิตสัตว์โลก และไม้ประเภทต่างๆ ที่หลายเป็นหิน
ตามผนังรอบๆ บริเวณส่วนิทรรศการ จะมีหัวกวางเก่าสต๊าฟ ดูแล้วน่าสนใจแต่ก็แฝงไปด้วยความน่ากลัว จ้องนานมโนไปว่าตาน้องจะกระพริบได้
#ชมหัวกะโหลกวาฬบรูด้า ขุดพบปี 2519
ขึ้นชั้นลอย จะเห็นกระดูกใหญ่วางที่พื้นดูแปลกตา เมื่ออ่านศึกษารายละเอียด คือ หัวกะโหลกกระดูกวาฬบรูด้า ที่ขุดพบใต้ดินในปี 2519 โดยชาวบ้านที่กำลังขุดบ่อเลี้ยงปลาสลิด บริเวณ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ดูขนาดหัวแล้วให้จินตนาการไปว่าหากเจอกันใต้มหาสมุทรปรากร เจ้าปลาวาฬตัวจะใหญ่ขนาดไหนนะเนี่ย
เดินลึกเข้าไปด้านหลังส่วนนิทรรศการหัวกระโหลกวาฬ จะได้ชมโครงสร้างม้า และควาย ที่เห็นเด่นชัดจากด้านล่างจากประตูทางเข้า
แนะนำนิดนึง ขณะเดินขึ้นชั้นลอย เดินเพลินชมโครงกระดูกปลาพะยูนด้วย
#ชมสีสันกระดองเต่าจากเอเชีย และ แอฟริกา
เดินเลยไปอีกนิดจะเป็นห้องนิทรรศการเต่า ห้องเล็กๆ นี้ แสดงเต่าสต๊าฟ กระตองเต่าหลากหลายลายสีสวย จากประเทศอินเดีย ศรีลังกา เคนยา พม่า และไทย ไฮไลท์ของห้องนี้ คือ ตะพาบม่านลายตัวโตกลางห้อง เป็นตะพาบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สะดุดตา คือ เจ้าเต่าแบนๆ ตอนแรกนึกว่าโดยทับ ปรากฎว่าน้อง คือ เต่าแพนเค้ก จากเคนย่าและ แทนซาเนีย น่ารักจริงๆ
วันนี้ เดินเล่นไปเกือบ ชั่วโมงพ่อลิงลูกลิงก็ดูหมดแรง ก่อนกลับพวกเราได้ชมโครงกระดูกที่ทางเข้าห้อง เป็นโครงกระดูกของ ศาสตราจารย์หลวงศรีสมรรถวิชชากิจ (สิริ หัพนานนท์) 2498-2527 ท่านเป้นอาจารย์คณะวิทยาศาสตร์​ ครูใหญ่ของนิสิตและนักการเรียนรู้ด้านขีววิทยา ท่านบริจาคโครงกระดูกเพื่อการศึกษาให้กับคนรุ่นหลัง

ถึงตายสูญสิ้นไปจากโลก ยังขอให้ร่างเป็นครู ที่สอนคนรุ่นหลังตลอดไป Adayoff ขอให้แสดงเคารพหลวงศรีสมรรถวิชชากิจในจิตวิญญาณครู
วันนี้ พวกเรามาแล้วได้อะไร?
ขอยกเนื้อหาโดยสรุปจากบทความที่ของพิพิธภัณฑ์เขียนไว้หัวข้อ #ถึงคุณ... มนุษย์ธรรมดา มาฝากทิ้งท้ายกัน...
หากวันไหน เราท้อเราเหนื่อย มาลองมองรอบตัวเราสิ สิ่งสีชีวิตทุกชีวิต เขายากลำบากกว่าเราเยอะ และยังต้องต่อสู้เพื่อให้มีชีวิตรอด
มนุษย์อย่าหลงคิดว่า เราเป็นสัตว์ที่เก่ง ยิ่งใหญ่ สิ่งเดียวในโลก เราอยุ่ร่วมกับสัตว์โลกอีกมา เราต้องให้เกียรติ์สิ่งมีชีวิตด้วยกัน และอยู่ด้วยกัน สร้าง Ecosystem ร่วมกัน ไม่ทำร้าย ทำลายกัน
https://www.facebook.com/NHMCU/photos/pb.100063759330643.-2207520000/3179592408965985/?type=3

เที่ยวโบราณสถาน-วัดร้าง ย่านเมืองนนท์​ ตอนที่ 2 วัดเพลง บางกรวยhttps://www.adayoffthailand.com/2024/01/13/watpleng/ มาเล...
13/01/2024

เที่ยวโบราณสถาน-วัดร้าง ย่านเมืองนนท์​ ตอนที่ 2 วัดเพลง บางกรวย
https://www.adayoffthailand.com/2024/01/13/watpleng/
มาเล่ากันต่อ Blog เรื่องก่อนหน้าพาทุกคนไปเที่ยววัดสักน้อยกันมาแล้ว เพราะวันนี้อยากไปวัดเก่าหรือโบราณสถานในกรุง สัมผัสความสงบ คนน้อยๆ อยากไปกราบหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ และวางแผนไปวัดวัดสักน้อยและวัดเพลง เพราะตั้งอยู่ไม่ไกลกัน
เรามาเที่ยวกันต่อที่วัดเพลง
เส้นทางการเดินทางไม่แพ้กัน ถนนเส้นเล็ก ขับรถหลบเมื่อสวนทางกันแต่วันนี้ไม่มีรถยนต์สักคัน เงียบกริบ ขรุขระแต่ไม่โขยกเท่าเส้นทางไปวัดสักน้อย GPS นำสุดถนนเราต้องเดินเท้าต่อไปที่วัด บอกได้เลยว่าเงียบสงบไม่เห็นคน ไม่แนะนำคนต่างถิ่นเดินทางมาหัวค่ำหรือในเวลากลางคืน
ทางเข้าวัด เป็นทางลาดปูน พาดท้องร่อง ระหว่างทางมีที่เก็บอัฐชาวบ้าน ดีที่มาเวลากลางวัน จิตใจเข้มแข็งหน่อย เดินไปไม่เกิน 50 เมตรก็ถึงตัววัดเพลง
มีอะไรน่าชม-ห้ามพลาดที่วัดสักน้อย
1. ชมสถาปัตยกรรมและลายปูนปั้นโบราณ
2. กราบหลวงพ่อโต อายุเก่าแก่กว่า 200 ปี
#ชมสถาปัตยกรรมและลายปูนปั้นโบราณ : สภาพวัดได้รับการบูรณะโดยนำส่วนประกอบของสถาปัตยกรรมเดิมที่มาบูรณะเป็นส่วนประกอบ เช่น เสาสลักลายบัวสลักที่ซุ้มทางเข้า และหน้าบ้น จุดสังเกตุ คือ ฐานอุโบสถสร้างแบบมุมย่อมุมไม้สิบสองตั้งเสา รอบๆ อุโบสถมีใบเสมา ด้านซ้ายของพระอุโบสถที่หอระฆังที่ทรุดลงมาหมดแล้ว
#กราบหลวงพ่อโต อายุเก่าแก่กว่า 200 ปี : เข้าไปในอุโบสถ กราบหลวงพ่อโตองค์ใหญ่ ปางมารวิชัย บอกได้เลยว่ามีความเข้มขลัง เมตตา และ รู้สีกอบอุ่นจริงๆ วันนี้ นั่งสวดมนต์สักพักใหญ่ หลังจากนั้น พินิจความงามขององ์พระ ถ่ายภาพได้หลายมุม ในอุโบสถมีสมุดบันทึกพร้อมภาพวัดก่อนการบูรณะ สภาพแต่ก่อนนั้นไม่ต่างจากวัดสักน้อยเลย
วัดเพลง ไดรับการประกาศเป็นโบราณสถานเมื่อปี 2556 เดิมชื่อวัดทองเพลง สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนกลาง และมีการบูรณะอีกครั้งในสมัยอยุธยาตอนปลาย วัดนี้ มีความสำคัญในอดีต เพราะเป็นที่รับกฐินจากอยุธยาปีละ 2 ครั้ง (ปกติปีละครั้งต่อวัด)
สิ้นสุดการท่องเที่ยว 10.30 น. ขอบอกกันตรงๆ ว่าตอนลงจากรถเข้าไปวัดสักทอง ขนลุกไม่หยุด ส่วนทีวัดเพลง รู้สึกเหงาเศร้านิดหน่อย
บทสรุป ความน่ากลัวในการมาเที่ยววันนี้ ไม่ใช่เรื่องหลอนหรือจิตวิญญาณใดๆ กลับเป็นเรื่องของ หมาวัด เหา ค้อนอะไรกันไม่หยุด ไม่รู้ว่า ขู่ฝ่อๆ เห่าไล่เรา หรือน้องกลัวเราเพราะเราน่ากลัววกว่า! วันนี้ เลยได้ฝึกทักษะคุยกับหมา ส่งเมตตาจิต บอกเขาไปว่า ขอมากราบพระแล้วกลับบ้านนะ นับว่าเป็นประสบการณ์ดีที่เราสื่อสารกับเพื่อนร่วมโลกได้รู้เรื่องคร่า!!

ที่อยู่

Bangkok
10120

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ADayoffผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง ADayoff:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์