Weekend Magazine Eat well. Travel often. Live sustainably.

Where to find?
- Department stores - Restaurants - Coffee & Bakery Shops
- Hotels and Condominiums - Office Buildings
- Airports, Airlines and Airline Lounges - Credit Card Lounges
- AIS & DTAC - Showrooms - BTS - Many Organizations ,and many more..

นี่คือก้าวที่แตกต่างของ ‘Fillets’ ล่าสุด กับร้านในยุคแรกอย่าง ‘Mini Me’ ของ ‘เชฟแรนดี้-ชัยชัช นพประภา’ หลังจากที่กลับมาเ...
05/01/2025

นี่คือก้าวที่แตกต่างของ ‘Fillets’ ล่าสุด กับร้านในยุคแรกอย่าง ‘Mini Me’ ของ ‘เชฟแรนดี้-ชัยชัช นพประภา’ หลังจากที่กลับมาเมืองไทยในช่วงเวลาที่โอมากาเสะซูชิยังมีไม่เยอะเหมือนทุกวันนี้ เชฟแรนดี้ก็คือแถวหน้าของการลองเปิดโอมากาเสะซูชิขึ้นมาในเวลานั้น แล้วไม่นานที่นี่ก็เติบโต
ยุคแรกที่หลังสวนมีโอมากาเสะกับอาหารญี่ปุ่นอลาคาต แต่แยกกันแบบชัดเจน ซึ่งฐานแฟนโอมากาเสะฝีมือเชฟแรนดี้มีมากกว่า ต่อมาย้ายมาที่ถนนมหาเศรษฐ์จึงเริ่มโฟกัสโอมากาเสะอีกครั้ง และรับเพียงไม่กี่ที่นั่งต่อรอบ แน่นอนว่าฝีมือโตขึ้นและไม่ได้มีเพียงเอโดะมาเอะสไตล์อีกต่อไป มีลูกเล่นมากมาย แต่ที่เห็นชัดที่สุดก็คือ Fillets ล่าสุด ที่ One Bangkok ที่เชฟแรนดี้ประกาศชัดว่าจะทำ ‘คัปโปะโอมากาเสะสมัยใหม่’ ที่ไม่ได้มีแค่ซูชิอีกต่อไป
ถ้าเราสังเกตจากร้านที่รองรับได้ 24 ที่นั่ง พร้อมห้องไพรเวท รวมถึงครัวเปิดพร้อมเครื่องครัวสุดทันสมัยที่เหมือนกับครัวของเชฟฝรั่งมากกว่าครัวเชฟญี่ปุ่น ทั้งหมดถูกเซตเพื่อการทำโอมากาเสะคัปโปะโดยเฉพาะ เล่าคร่าวๆ ว่า ‘คัปโปะโอมากาเสะ’ ต่างจาก ‘โอมากาเสะ’ ตรงที่ไม่ได้มีเฉพาะซูชิ แต่มีอาหารที่ปรุงอย่างหลากหลายมาเป็นส่วนหนึ่งในคอร์สด้วย อาทิ ต้ม นึ่ง ทอด และอื่นๆ
จำได้ว่าก่อนหน้านี้เชฟแรนดี้ไปตามหาหม้อหุงข้าวซูชิ และน้ำแร่ที่เหมาะสำหรับทำซูชิ แต่ที่นี่เชฟวางระบบน้ำใหม่ทั้งหมดให้เป็นน้ำ ‘Soft Water’ ที่เชฟว่าสัมผัสดีกว่า รับรองว่าคนล้างจานมือนุ่มแน่นอน
ด้วยความเป็นคัปโปะ ทำให้เชฟต้องปรับตัวเองมากขึ้น ไม่เพียงต้องค้นหาวัตถุดิบที่ดีที่สุด แต่ยังต้องใส่เทคนิคและต่อยอดวัตถุดิบมากกว่าเคย เริ่มที่ ‘Snack’ 3 คำ ทาร์ตอามะเอบิ มาการองตับปลาอังโกะ และกรวยปลาอินทรีสับมิโซะ ที่ทำออกมาเหมือนอาหารฝรั่ง ตามด้วย ‘Dashi’ ที่ใช้สาหร่ายคอมบุและปลาคัตสึโอะอย่างดี และ ‘Sashimi’ คอร์สปลาซาซิมิเปลี่ยนไปแต่ละวัน มีโชยุหายากที่สุดของอุมามิ
และนี่คือ ‘คัปโปะ’ ที่ไม่ได้มีเพียงซูชิ เริ่มจาก ‘ปลาโอลาย’ รมควันฟางข้าว กับซอสไตปลาคัตสึโอะ ที่เอาเครื่องในไปบดหมักเกลือนาน 1 ปี ผสมกับพริกที่เรียกว่า คันสุหริ ที่เปรียบได้กับยุซุโคโชของอีกฟาก ‘ปูขน’ ที่ใช้ปูขนที่มีความมัน เน้นรสธรรมชาติกับเจลแตงกวาเท่านั้น ‘ปลาโนโดคุโระ’ ปลากะพงคอดำย่างกับซอสงาบดผสมกับมิโซะ ที่ทางคิวชูนิยม ‘หอยเป๋าฮื้อ’ นึ่งไม่นานมากเพราะอยากได้รสที่ชัดขึ้นกับซอสตับผสมกระเทียมดำทำเอง ที่ใช้กระเทียมจากอะโอโมริ มาพร้อมข้าวโอนิกิริกับอูนิซอส ‘ไข่ตุ๋น’ ข้าวริซอตโตตุ๋นพร้อมไข่ ท็อปด้วยชิราโกะ ไข่อ่อนปลาค็อดรมควัน
แน่นอนว่าซูชิยังเป็นหัวใจของที่นี่ เชฟยังคงใส่ใจเรื่องข้าวเป็นพิเศษ โดยใช้ข้าว 3 สายพันธุ์ผสมกัน เพื่อให้ได้คาแรกเตอร์ของข้าวแบบที่ต้องการ และใช้วาซาบิ 2 ชนิดผสมกัน ให้ได้รสเผ็ดและหวาน เชฟเสิร์ฟซูชิมา 4 คำ ก่อนเบรกด้วย ‘ปลาอามาได’ นำปลาไปทอด 2 ครั้ง ก่อนนำไปแช่เย็น แล้วทอดอีกครั้งก่อนจบด้วยย่าง มาในดาชิ ก่อนกลับมาที่ซูชิอีก 4 คำ รวม 8 คำ และใช่ต้องมี ‘ไข่หวาน’ ที่หลายคนรอในตอนจบ พร้อมซุปมิโซะแดง
ส่วนของหวานด้วยความที่ตั้งใจทำร้านให้ไปไกลขึ้นเลยให้เชฟเบียร์จาก Blackitch มาช่วยดูแลไปเลย ทำให้ได้เป็น ‘ซอร์เบซีตัส’ ที่ใช้ส้มหลายชนิด ส้มซ่า คาโบสึ ส้มแป้น และอีกซีตัสหลายชนิด และ ‘ลูกพลับ’ เค้กลูกพลับ ลูกพลับสด เพรสอุเมชู และไอศกรีมน้ำผึ้งป่าหินลาดใน
ใครอยากแวะมากินที่ Fillets จองได้ที่ https://www.tablecheck.com/en/fillets-bangkok/reserve/ ราคา 3,500-7,900++บาท
Fillets ชั้น 3 The Storeys, One Bangkok
17:00-Late
เรื่อง/ภาพ: บัณฑิต ภิญโญวัฒนชีพ

Fillets

เป็นอีกหนึ่งร้านที่เติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับ Sarnies คาเฟ่ดังจากสิงคโปร์ที่เข้ามาผูกมิตรกับคอกาแฟในกรุงเทพฯ ด้วยกาแฟหอม...
05/01/2025

เป็นอีกหนึ่งร้านที่เติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับ Sarnies คาเฟ่ดังจากสิงคโปร์ที่เข้ามาผูกมิตรกับคอกาแฟในกรุงเทพฯ ด้วยกาแฟหอมกรุ่นตั้งแต่ปี 2019 และขยันปักหมุดขยายร้านใหม่แทบทุกปีจนปัจจุบันมีทั้งหมด 5 สาขา ซึ่งรวมสาขาล่าสุดใน The Corner House ย่านตลาดน้อยที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อต้นเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมาด้วย
สาขาล่าสุดใช้ชื่อว่า Sarnies & Friends เป็นทั้งคาเฟ่กึ่งร้านอาหารแบบ all-day eatery และคอนเซ็ปต์สโตร์ที่จะคอลแล็บกับแบรนด์พาร์ตเนอร์สร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ซึ่งเป็นจุดขายอันโดดเด่นของบ้านใหม่หลังนี้
ฝั่งคาเฟ่ Sarnies & Friends นำเสนออาหารและเครื่องดื่มที่ผสมผสานหลากหลายวัฒนธรรม ได้แก่ จีน ไทย และโปรตุเกส ซึ่งหลอมรวมกันเป็นอัตลักษณ์ของย่านตลาดน้อยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีให้สั่งทั้งอาหารเช้า บรันช์ แซนด์วิช เมนูข้าว พาสต้า และสลัด ขณะที่เครื่องดื่มนอกจากกาแฟก็ยังมีชา คอมบูฉะ สมูธตี้ ฯลฯ
หากอยากรองท้องเบาๆ ที่ร้านแนะนำ Mala Egg Benedict (210 บาท) ไข่เบเนดิกต์รสชาติจัดจ้านสไตล์เอเชีย มีให้เลือก 2 แบบคือ ซอสเอ็กซ์โอกับบาคาเลา และ กิมจิกับหมูหย็อง หรืออยากอิ่มท้องนานหน่อยก็มีจานพาสต้าอย่าง Gun Chiang Carbonara (320 บาท) เสิร์ฟรีกาโตนีคลุกเคล้าชีสกรานาพาดาโนเข้มข้นและสโมกเบคอนโรยด้วยกุนเชียงเพิ่มความชุ่มฉ่ำด้วยไข่แดงเยิ้มๆ และเมื่อสั่งอาหารที่ร้านจะเสิร์ฟพร้อมน้ำมันพริกโฮมเมด เกลือ และพริกไทย สำหรับเพิ่มรสชาติและความจัดจ้านได้ตามใจชอบ
สำหรับกาแฟมีแก้วที่น่าลองเป็น Thai Coconut Latte (160 บาท) กาแฟลาเต้ที่มีส่วนผสมของซอสมะพร้าวโฮมเมดและตกแต่งด้วยมะพร้าวคั่วหอมๆ พูนแก้ว อีกแก้วคือ Egg Custard Coffee (160 บาท) กาแฟอเมริกาโนที่มีสัมผัสนุ่มๆ ของครีมไข่แดงอยู่ด้านบน และทอร์ชด้วยไฟก่อนเสิร์ฟเพื่อเพิ่มความหอม ทั้งสองแก้วสามารถสั่งได้ทั้งแบบร้อนและเย็น
พื้นที่ของร้านค่อนข้างกว้าง มีโซนห้องแอร์อยู่ตรงกลางส่วนรอบนอกจะเป็นโซนโอเพนแอร์ติดพัดลมซึ่งเราชอบฝั่งที่ติดกับคลองผดุงกรุงเกษมเป็นพิเศษเพราะค่อนข้างเป็นส่วนตัว มีแสงธรรมชาติ เห็นบรรยากาศด้านนอก และอาจเป็นเพราะช่วงนี้อากาศไม่ร้อนมาก ลมเย็นๆ จากเครื่องปรับอากาศเลยไม่จำเป็นนัก
ถ้ายืนหันหน้าเข้าเคาน์เตอร์สั่งเครื่องดื่ม ด้านหลังสุดจะเป็นพื้นที่คอนเซ็ปต์สโตร์ ล่อตาล่อใจด้วยของน่ารักจากแบรนด์พาร์ตเนอร์ที่มีทั้งแบรนด์ท้องถิ่นและแบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่เน้นความยั่งยืนวางอยู่เต็มชั้น มีครบทุกหมวดสินค้าทั้งของใช้ ของตกแต่ง กระเป๋า เสื้อผ้า สินค้าแฟชั่น สกินแคร์ น้ำหอม ฯลฯ
Sarnies & Friends อยู่ที่ชั้น 1 The Corner House (อาคารไชยพัฒนศิลป์) ถนนเจริญกรุง ตลาดน้อย เปิด 08:00-18:00 (ปิดวันจันทร์)

เรื่อง: สุริยันต์ พาโนมัย
ภาพ: ธนิศร วงษ์สุนทร

ช่วงต้นปีแบบนี้ เชื่อว่าหลายคนอาจจะกำลังแพลนทริปไปไหว้พระที่อยุธยาเพื่อเสริมสิริมงคลรับปีใหม่กันอยู่แน่ๆ เราเองที่เพิ่งข...
05/01/2025

ช่วงต้นปีแบบนี้ เชื่อว่าหลายคนอาจจะกำลังแพลนทริปไปไหว้พระที่อยุธยาเพื่อเสริมสิริมงคลรับปีใหม่กันอยู่แน่ๆ เราเองที่เพิ่งขับรถไปเดินเที่ยวเล่นที่อยุธยามาหมาดๆ เลยอยากแวะมาแนะนำพิกัดร้านอร่อยประจำจังหวัดที่การันตีด้วยรางวัล Bib Gourmand ในเล่ม Michelin Guide ประจำปี 2568 ให้ทุกคนได้ตามไปปักหมุดแวะเติมพลังกันระหว่างทัวร์ทริปไว้พระเติมบุญ
ซึ่งด้วยความที่เป็นร้านอร่อยประจำจังหวัด แถมยังเป็นร้าน Bib Gourmand ด้วย หลายๆ ร้านเลยอาจจะต้องใช้แต้มบุญสักหน่อยถึงจะได้กิน แต่เชื่อว่าถ้าได้ลองแล้วต้องมีรอบหน้าซ้ำแน่ๆ
ปักหมุดตามนี้ได้เลย
📍โรตีสายไหมแม่ป้อม
📍บ้านตะโกราย
📍จุ้งบริการ
📍ก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีกคุณประนอม
📍โรตีสายไหมอาบีดีน

เรื่อง รุจิยาทร โชคสิริวรรณ
ภาพ ธนิศร วงษ์สุนทร

กลับเข้าสู่การทำงานกันอย่างเต็มรูปแบบแล้วก็ได้เวลานับถอยหลังสู่อีเวนต์ใหญ่ช่วงต้นปีอย่าง Bangkok Design Week 2025 ซึ่งตอ...
05/01/2025

กลับเข้าสู่การทำงานกันอย่างเต็มรูปแบบแล้วก็ได้เวลานับถอยหลังสู่อีเวนต์ใหญ่ช่วงต้นปีอย่าง Bangkok Design Week 2025 ซึ่งตอนนี้ผู้จัดงานได้ปล่อยข้อมูลออกมาน่าจะครบทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคอนเซ็ปต์ รายละเอียดโปรแกรม ไฮไลต์ และพื้นที่จัดงาน งั้นก็มาอัปเดตกันสักหน่อย
Bangkok Design Week 2025 มาพร้อมคอนเซ็ปต์ Design Up+rising ‘ออกแบบพร้อมบวก+’ ซึ่งมีที่มาจากการปลุกกระแสสังคมผ่านขบวนการศิลปะและการออกแบบ (Art and Design Movement) ในยุคต่างๆ โดยต้องการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนานและไม่อาจแยกขาดจากกันได้ระหว่าง ‘สังคม’ กับ ‘ศิลปะและการออกแบบ’ และต้องการปลุกพลังให้ทุกคนพร้อมบวกกับทุกความท้าทายในโลกยุคนี้ด้วยการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์
ครั้งที่ 8 ของเทศกาลฯ จะจัดขึ้นใน 7 ย่านหลัก ได้แก่ เจริญกรุง-ตลาดน้อย, เยาวราช-ทรงวาด, ปากคลองตลาด, พระนคร, บางลำพู​-ข้าวสาร, หัวลำโพง, บางโพ, และพื้นที่ใกล้เคียงอื่นๆ อัดแน่นด้วย 350+ โปรแกรมทั้งการจัดแสดงและนิทรรศการ เสวนา ตลาดงานดีไซน์ ดนตรีและการแสดง ทัวร์ อีเวนต์ โปรโมชั่น และเวิร์กช็อปสำหรับทุกคน
ตัวอย่างโปรแกรมไฮไลต์บางส่วน เช่น NEIGHBOURMART Bangkok การจัดแสดงสินค้าจากธุรกิจสร้างสรรค์ทั่วกรุงเทพฯ TCDC กรุงเทพฯ อาคารไปรษณีย์กลาง มีนิทรรศการที่น่าสนใจอย่าง เครื่อง ‘กรุง’ รส ที่จะรวมเครื่องปรุงรสเมดอินบางกอกมาให้ดม ชิม ช้อป แบบเต็มคำ หรือจะเป็นกิจกรรมทัวร์ ‘เดินดูโลกับคนทำโล’ ที่จะพาเดินดูสถานที่ถ่ายทำหนังในย่านหัวลำโพง นำโดย Location Manager ตัวจริง
รวมถึงการจัดแสดงในรูปแบบ Immersive Installation อย่าง Blossom Pak Khlong: Immersive Flower Installation ซึ่งจะฉายภาพดอกไม้ลงบนอาคารไปรสนียาคารด้วยเทคนิค Interactive Projection Mapping และนิทรรศการ Spice Road ที่นำเสนอเอกลักษณ์ของย่านทรงวาด ผ่านกลิ่นหอมของเครื่องเทศตลอดจนวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่คู่กับการค้าขายในย่าน จัดแสดงที่โกดังเจริญวัฒนา
Bangkok Design Week 2025 จะจัดขึ้น 2 ช่วง ดังนี้
🗓️8-16 กุมภาพันธ์ ที่ย่านเจริญกรุง-ตลาดน้อย, เยาวราช-ทรงวาด, ปากคลองตลาด และพื้นที่ใกล้เคียงอื่นๆ
🗓️15-23 กุมภาพันธ์ ที่ย่านพระนคร, บางลำพู​-ข้าวสาร และพื้นที่ใกล้เคียงอื่นๆ
สำหรับย่านหัวลำโพง, บางโพ และพื้นที่ใกล้เคียงอื่นๆ จะจัดแสดงเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์ ระหว่างวันที่ 8-23 กุมภาพันธ์ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้บนเว็บไซต์ https://www.bangkokdesignweek.com/bkkdw2025/program

เรื่อง: สุริยันต์ พาโนมัย
ภาพ: ธนิศร วงษ์สุนทร

Midlife Crisis CNX ค็อกเทลบาร์เจ้าของเดียวกับ Midlife Crisis BKK โดยทีมงานคุณภาพนำโดยบาร์เทนเดอร์มากประสบการณ์อย่าง ‘กอล...
04/01/2025

Midlife Crisis CNX ค็อกเทลบาร์เจ้าของเดียวกับ Midlife Crisis BKK โดยทีมงานคุณภาพนำโดยบาร์เทนเดอร์มากประสบการณ์อย่าง ‘กอล์ฟ-กิติบดี ช่อทับทิม’ อัปเดตเมนูใหม่ยกเล่มผ่านการตีความใหม่ของ ‘สีน้ำเงิน’ ซึ่งเป็นสีธีมของร้านและเชื่อมโยงกับท้องถิ่นมากขึ้นด้วยการนำวัตถุดิบโลคัลมาใช้เป็นส่วนผสมอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก
บาร์นี้เปิดตัวในช่วงโควิด-19 ซึ่งเป็นช่วงที่ชีวิตทุกคนกำลังเผชิญกับวิกฤตหนัก และนั่นก็กลายเป็นที่มาของชื่อร้านที่มาพร้อมความตั้งใจที่จะเป็นมากกว่าบาร์ แต่ขอเป็นพื้นที่เยียวยาปัญหาของทุกคนด้วยเครื่องดื่ม และเลือกตกแต่งร้านด้วย ‘สีน้ำเงิน’ ที่ให้ความรู้สงบและมีความลุ่มลึก แต่เมนูใหม่ที่เพิ่งปล่อยออกมาภายใต้คอนเซ็ปต์ Move to the New Blue จะเป็นการนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ของสีน้ำเงินที่สื่อถึงความยั่งยืน การเชื่อมโยงกับท้องถิ่นและธรรชาติ รวมถึงความเป็นอยู่ที่ดีโดยถ่ายทอดผ่านเครื่องดื่มที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเป็นส่วนผสมหลัก เช่น
Lake Serenity เครื่องดื่มสไตล์ savory ที่ใช้จินเป็นเหล้าหลัก สร้างความแปลกใหม่ให้รสชาติและกลิ่นด้วยส่วนผสมจากปลาน้ำจืดที่แฝงความเค็มแบบกลมกล่อมและตกแต่งด้วยก้างปลาทอด เพื่อสะท้อนถึงความสงบและความลึกลับของทะเลสาบ
Northern Harvest ค็อกเทลวิสกี้แก้วนี้ มีรสชาติและกลิ่นอันซับซ้อนสไตล์ spirit forward ความน่าสนใจคือการนำเสนอวิถีชีวิตเกษตรกรรมแบบดั้งเดิมของภาคเหนือโดยใช้ส่วนผสมที่เป็นผลผลิตทางการเกษตรจากภาคเหนือ ทั้งหนังควายที่ให้ความเข้มลึก น้ำผึ้งที่เพิ่มความหวานละมุน และแก่นฝางที่มาพร้อมกลิ่นหอมสมุนไพร
Crab Cove Martini เครื่องดื่มสไตล์มาร์ตินีที่สะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและการเชื่อมโยงกับท้องถิ่นด้วยส่วนผสมจากปูนาที่เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตในนาข้าวและแหล่งน้ำบริสุทธิ์และยังมีครีมที่ทำจากบลูชีสเพิ่มความกลมกล่อม
Creamy Harvest แก้วนี้โดดเด่นด้วยสัมผัสเนียนนุ่มเหมือนกำมะหยี่ เข้ากันดีกับความหอมละมุนจากข้าวก่ำ งาดำ และรสหวานอ่อนๆ จากน้ำอ้อยสด ส่วนเหล้าหลักใช้วิสกี้ผสมกับกับเหล้าผลไม้ สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ของพืชผลทางการเกษตร
Midlife Crisis CNX อยู่ที่ถนนช้างม่อยเก่า เปิดทุกวัน 18:00-00:30

เรื่อง/ภาพ: สุริยันต์ พาโนมัย

แม้ว่าบ้านเราจะไม่ใช่ประเทศที่สามารถประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้อย่างเสรีขนาดนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ...
04/01/2025

แม้ว่าบ้านเราจะไม่ใช่ประเทศที่สามารถประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้อย่างเสรีขนาดนั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับปลาเล็กหรือผู้ประกอบรายย่อย และผู้เล่นใหม่ๆ ที่กระโจนเข้ามาในสมรภูมิน้ำเมา แต่หลายปีที่ผ่านมาเราก็ยังได้เห็นการเติบโตของค็อกเทลบาร์อย่างต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ ซึ่งต้องให้เครดิตกับผู้บริโภคที่ผลักดันวงการนี้ด้วยอุปสงค์สูงเกินต้าน รวมถึงการแข่งขันบาร์เทนเดอร์หลายๆ เวทีของเอกชนที่ก็มีส่วนช่วยขับเคลื่อนอยู่ไม่น้อย
การเติบโตไม่ใช่แค่เรื่องของจำนวนบาร์ แต่ในทุกๆ ปีวงการบาร์ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือมีอะไรใหม่ๆ มาให้เราต้องคอยอัปเดตอยู่เสมอ หรือบางครั้งก็เป็นพวกเราเองในฐานะนักดื่มที่กลายเป็น Trendsetter ให้กับวงการบาร์ไทย และการเปลี่ยนแปลงหรือความแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นเสมอนี่แหละที่ถือเป็นการเติบโตอย่างแท้จริง
สำหรับปีนี้วงการบาร์ไทยจะมีเทรนด์อะไรเกิดขึ้นใหม่หรือเราจะเห็นการเติบโตของอะไรบ้าง โพสต์นี้ Weekend จะวิเคราะห์ให้ฟังจากข้อมูลที่เรามี ใครเห็นด้วยหรือเห็นต่างยังไง มาแลกเปลี่ยนกันได้นะ

เรื่อง: สุริยันต์ พาโนมัย

หลังจากเปิดตัวในเทศกาลละครกรุงเทพ 2024 (Bangkok Theatre Festival 2024) เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาและได้เสียงตอบรับ...
04/01/2025

หลังจากเปิดตัวในเทศกาลละครกรุงเทพ 2024 (Bangkok Theatre Festival 2024) เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาและได้เสียงตอบรับที่ดีจากคนดู ละครเวที The Life That Was ก็เตรียมกลับมาแสดงอีกครั้ง 10 รอบ ระหว่างวันที่ 23 มกราคม-2 กุมภาพันธ์ 2568
The Life That Was เป็นละครเวทีเรื่องใหม่ล่าสุดจาก LiFE THEATRE ที่จะพาคุณดื่มด่ำไปกับเรื่องราวความรักเพศเดียวกันในมุมที่แตกต่างหลากหลายผ่านความรัก ความเจ็บปวด และความทรงจำ ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ 5 คน พบกับนักแสดงมากฝีมือ สินจัย เปล่งพานิช, ธนพร แวกประยูร, สรินยา ออลสัน, อนุชิต สพันธุ์พงษ์ และดนัยนันท์ กฤดากร ณ อยุธยา
การกลับมาครั้งนี้ ยังมีกิจกรรม Post-show Talk “The Life That Was” ที่คนดูจะได้พูดคุยกับนักแสดงทั้ง 5 คน รวมถึงผู้กำกับการแสดงและผู้เขียนบท เกี่ยวกับเบื้องหลังการทำงาน กระบวนการสร้างตัวละคร และความรู้สึกในการถ่ายทอดเรื่องราวนี้ หลังการแสดงในวันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม เวลา 21:30 (หลังรอบ 19:30)
The Life That Was Re-stage จะกลับมาแสดงอีกครั้ง 10 รอบ ระหว่างวันที่ 23 มกราคม-2 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ LiFE Studio ถนนบำรุงเมือง บัตรทั่วไปราคา 1,350 บาท ซื้อได้ที่ Ticketmelon

ใครได้ลองแวะไปดูศิลปะไฟ ‘The Blue Rest’ ของ SEE FAH ในงาน Awakening Bangkok ก่อนหน้านี้แล้วชอบ ตอนนี้ทาง SEE FAH มีงานศิ...
04/01/2025

ใครได้ลองแวะไปดูศิลปะไฟ ‘The Blue Rest’ ของ SEE FAH ในงาน Awakening Bangkok ก่อนหน้านี้แล้วชอบ ตอนนี้ทาง SEE FAH มีงานศิลปะชิ้นใหม่ที่จัดแสดงเฉพาะที่สาขา centralwOrld
ถ้ายังจำกันได้ SEE FAH ได้ทำเมนูพิเศษที่ขายในงาน Awakening Bangkok ก่อน ล่าสุดได้นำเมนูนี้มาขายที่ร้านพร้อมโชว์ดิจิตอลอาร์ต Lighting Installation ชามบะหมี่สีฟ้าชามยักษ์ที่เก็บความทรงจำ ที่ทำให้เราได้แชร์ความทรงจำที่ดี มาอย่างยาวนานกว่า 88 ปี ของร้านอาหารไทยจีนแห่งนี้
สำหรับวันนี้เราจะพาไปชิมเมนูอาหารปรับโฉมใหม่ อาทิ เกี๊ยวกรอบจิ้มกับน้ำจิ้มบ๊วยและซัลซ่า เปาะเปี๊ยะสดเนื้อปู คอหมูย่างพร้อมน้ำจิ้มแจ่ว ข้าวไข่ข้นหน้าไก่ราชวงศ์ที่เพิ่มไข่ข้นขึ้นมา ข้าวหมูสับปลาเค็มไข่ดาว และของหวาน แคนตาลูปแปะก๊วยน้ำกะทิ
นอกจากมาดูงานศิลปะไฟแล้ว SEE FAH ยังได้เตรียมโปรโมชั่นสุดพิเศษ เมื่อกินอาหารครบ 600 บาท มีสิทธิ์ร่วมกิจกรรมหมุนกาชาปอง ลุ้นรับ 8 เมนูอาหาร หรือถ้ามากินอาหารแล้วแชะ แชร์ บรรยากาศ หรือเมนูใหม่ ก็มีสิทธิ์ได้พวงกุญแจจาก SEE FAH
SEE FAH สาขา centralwOrld ชั้น 6 โซน Beacon
เรื่อง/ภาพ: บัณฑิต ภิญโญวัฒนชีพ
ุกFeelที่สีฟ้า #อย่าลืมสีฟ้าเวลาหิว
SEE FAH Awakening Festivals

นี่คือ จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย ของ ‘EA’ Rooftop at The Empire ที่รวมเอาทุกความที่สุดเอาไว้ หลังจากการมาถึงของ 'Sartoria by P...
04/01/2025

นี่คือ จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย ของ ‘EA’ Rooftop at The Empire ที่รวมเอาทุกความที่สุดเอาไว้ หลังจากการมาถึงของ 'Sartoria by Paulo Airaudo' ร้านอาหารอิตาเลียนแห่งใหม่ โดยเชฟ Paulo Airaudo เชฟเจ้าของอาณาจักรอาหารอิตาเลียนที่ได้ดาวรวมกัน 6 ดวง
เชฟเปาโล มีร้านอาหารในเครือที่ได้ดาวมิชลินทั้งหมด 4 ร้าน ได้แก่ Amelia มิชลิน 2 ดาว ในซานเซบาสเตียน, Aleia มิชลิน 1 ดาว ในบาร์เซโลน่า, Bar Ibai มิชลิน 1 ดาว ในซานเซบาสเตียน และ Noi มิชลิน 2 ดาว ในฮ่องกง ถ้าเราสังเกตดีๆ ดาวทั้งหมดได้มาจากร้านอาหารอิตาเลียนนอกประเทศอิตาลีทั้งหมด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเชฟ เนื่องจากครอบครัวของเขาอพยพจากอิตาลีไปยังอาร์เจนติน่า และเขาเกิดที่นั่น แต่กลับไปประสบความสำเร็จในซานเซบาสเตียน ประเทศสเปน
แม้ว่า 'Sartoria by Paulo Airaudo' จะเปิดช้าที่สุดใน ‘EA’ Chef’s Table ตามหลัง ‘Le Du Kaan’ และ ‘K by Vicky Cheng’ แต่ก็จะตอบโจทย์ให้กับที่นี่ด้วยอาหารอิตาเลียน เพราะก่อนหน้านี้มีเพียงอาหารไทย จีน และญี่ปุ่น ทำให้ที่นี่รวมเอาอาหารที่ผู้คนทั่วโลกนิยมเอาไว้ในพื้นที่เดียว
โดยเชฟเปาโลให้ความสำคัญกับรสชาติของอาหารอิตาเลียนแบบคลาสสิค แต่ใส่เอาความสมัยใหม่เข้ามา เลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลจากเมืองไทยและญี่ปุ่นเป็นหลัก ทำให้อาหารของเขาต่างจากอาหารอิตาเลียนร้านอื่นในเครือ
ตอนนี้ที่นี่มีเฉพาะเทสติ้งเมนู แบบ 6 คอร์ส ราคา 4,800++บาท และ 8 คอร์ส ราคา 6,200++บาท โดยเชฟจะมี ‘Consomme’ สำหรับเริ่มมื้ออาหาร เชฟเปลี่ยนไปในแต่ละวัน วันนี้เป็นซุปแก่นตะวัน ตามด้วยของกินเล่น 2 คำ ‘Red Prawn’ ทาร์ตกุ้งแดงกับเจลาตินสาหร่ายที่ให้รสเปรี้ยวสดชื่น ตามด้วย ‘Mortadella’ แฮมมอททาเดลล่าที่บดมาเนียนในโคนกรอบ มีพิสตาชิโอ้เพิ่มความมันนัว
คอร์สแรกเป็น ‘Hamachi’ จานนี้เป็นเส้นบางๆ ที่แบ่งระหว่างอาหารอิตาเลียนและญี่ปุ่น ด้วยวัตถุดิบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปลาฮามาจิ ดอกชิโสะ สาหร่ายคอมบุ มีเพียงแรดิชสีแดงขาวที่ให้ความเป็นตะวันตก จานนี้ออกรสเปรี้ยวสดชื่น และมีรสเค็มของสาหร่ายพวงองุ่นที่ทดแทนคาเวียร์
ต่อมาเป็น ‘Duck Cappelletti’ พาสต้าไส้เนื้อเป็ดบดราดด้วยซอสเนย เพิ่มมิติของรสชาติด้วยน้ำจากเป็ดอีกครั้ง ตามด้วย ‘Risotto Parsley’ ริชอตโตสีเขียวจากพาสลีย์ ที่เม็ดข้าวกรุบแบบกำลังดี มาพร้อมกุ้งแดงคาราบิเนโรและเพิ่มรสชาติด้วยส้มจี๊ดที่ออกเปรี้ยวหวานช่วยตัดเลี่ยนได้ดี เมนคอร์สเป็น ‘Kinmedai’ ปลาคินเมไดที่ทำให้หนังกรอบ ราดด้วยซอสเนยแชมเปญ กินกับข้าวโพดพิวเรและหอมดอง
จากนั้นล้างปากด้วย Galangal Granita ที่มีมะพร้าวซ่อนอยู่ เราเข้าใจว่าเชฟอยากทำให้คล้ายต้มข่าแบบเย็น ส่วนของหวานเป็น Apple มีแอปเปิลพิวเรและแอปเปิลเจล กินกับเจลาโต้ซอล์ตคาราเมล และบัลซามิกวินิการ์ ส่วนเปอติต์โฟร์เป็น ช็อกโกแลตกานาชชาไทย ช็อกโกแลตไส้ตะไคร้ ชูครีม และผลไม้สด
ส่วนตัวคิดว่าที่นี่มีความผสมผสานอาหารอิตาเลียนที่ใช้วัตถุดิบญี่ปุ่น จนบางทีก็คิดว่าเป็นเส้นบางๆ ของอาหารอิตาเลียนและญี่ปุ่น ถือว่าน่าสนใจ
'Sartoria by Paulo Airaudo' ชั้น 56 ของ ‘EA’ Rooftop at The Empire
เวลา 18:00 - 22:30
เรื่อง/ภาพ: บัณฑิต ภิญโญวัฒนชีพ
Sartoria by Paulo Airaudo

ความน่าสนใจของเมนูเครื่องดื่มล่าสุดของ The Loft บาร์ของโรงแรม Waldorf Astoria Bangkok อยู่ที่การนำเอาเรื่องราว ‘ความคิดส...
03/01/2025

ความน่าสนใจของเมนูเครื่องดื่มล่าสุดของ The Loft บาร์ของโรงแรม Waldorf Astoria Bangkok อยู่ที่การนำเอาเรื่องราว ‘ความคิดสร้างสรรค์แห่งศตวรรษที่ 20’ มาเล่าผ่านเครื่องดื่มทั้ง 14 แก้ว ที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น การถือกำเนิดของพิซซ่าในแบบที่อิตาเลียนบูลลี่ หรือการเริ่มต้นของการเดินทางรูปแบบใหม่อย่างเครื่องบิน
สอง เติบศิริ ผู้จัดการบาร์ของ The Loft ได้บอกว่า ทีมนำเอาแรงบันดาลใจจากความสำเร็จ และความคิดสร้างสรรค์แห่งศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นยุคทองของความคิดสร้างสรรค์มาใช้ครีเอตเครื่องดื่มที่มีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างหลากหลาย
แก้วแรกที่เราต้องเล่าถึงคงต้องเป็นเรื่องราวของพี่น้องตระกูลไรต์ที่ทำให้เราออกเดินทางไปทั่วทุกมุมโลกได้เหมือนอย่างทุกวันนี้ หลังจากที่พี่น้องคู่นี้ประดิษฐ์เครื่องบินได้ครั้งแรกในโลก เมื่อปี ค.ศ. 1903 ‘First Airplane’ เล่าถึงเครื่องดื่มที่ใส่ความเป็นชาวโอไฮโอของสองพี่น้อง ที่มีทั้งรัมและวิสกี้
‘Pizzeria’ ก็เป็นอีกเครื่องดื่มที่น่าสนใจ เพราะมันคือจุดเริ่มต้นของการเกิดพิซซ่าแบบใหม่นอกประเทศอิตาลีเป็นครั้งแรก ในมหานครนิวยอร์ก โดยทีมบาร์นำเอาคาแรกเตอร์ของมะเขือเทศ ชีสมอสซาเรลล่า และใบโหระพา ใส่ลงในเครื่องดื่ม
ตามด้วยการเกิดขึ้นของเกมส์ Nintendo ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าเกมส์ 16 bit และเกมส์ Arcade ที่ไม่มีความสมบูรณ์แบบ ตัวละครหรือสิ่งของล้วนมีเหลี่ยมมุมแต่กลับมีเสน่ห์ในแบบที่ควรจะเป็น ทีมจึงทำเป็นเครื่องดื่ม ‘Level Up’ ที่มีเชอร์รีแบบ 16 bit เป็นตัวเล่าเรื่อง และแน่นอนใส่เอาความเป็นญี่ปุ่น เจ้าของวัฒนธรรมนี้ ทั้งยุซุ และมิโสะ-ฮานะคอร์เดียล
‘Red Velvet’ พูดแทนเชฟที่ต้องการฉีกกฎว่า ทำไมบัตเตอร์เค้กต้องมีสีขาวครีมเท่านั้น ทำไมจะเป็นสีแดงไม่ได้ล่ะ และเราก็เพิ่งรู้ว่า เค้กเรดเวลเวทสีแดง ถูกคิดค้นโดยทีมเชฟของโรงแรม Waldorf Astoria New York
หรือการแข่งรถครั้งแรกของรถ Formula 1 ในช่วงทศวรรษ 1940 ทำออกมาเป็นเครื่องดื่มชื่อว่า Grand Prix ที่มีแชมเปญอยู่ด้วย เนื่องจากถูกใช้ในการเฉลิมฉลอง และ Moon Rock ที่เล่าถึงการเหยียบบนดวงจันทร์ครั้งแรกของนีล อาร์มสตรอง และยานอพอลโล 11
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากเครื่องดื่มทั้ง 14 แก้ว ที่เชื่อว่าน่าจะมีเรื่องเล่าต่อในอนาคต
The Loft เปิดทุกวัน เวลา 17:00-00.00 ยกเว้นวันศุกร์ และเสาร์ เปิดถึง 01:00
เรื่อง/ภาพ: บัณฑิต ภิญโญวัฒนชีพ

The Loft Bangkok Waldorf Astoria Bangkok

นอกจาก 1970 Bar ที่เราพูดถึงเมื่อสัปดาห์ก่อน (ลิงก์ในคอมเมนต์) โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ยังมี Spire รูฟท็อปบาร์ที่อยู่สู...
02/01/2025

นอกจาก 1970 Bar ที่เราพูดถึงเมื่อสัปดาห์ก่อน (ลิงก์ในคอมเมนต์) โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ยังมี Spire รูฟท็อปบาร์ที่อยู่สูงขึ้นไปอีกหนึ่งชั้นซึ่งกำลังจะกลายเป็นที่แฮงเอาต์คิวแน่นในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน
นั่นก็เพราะบาร์แห่งนี้อยู่บนจุดสูงสุดของตึกที่ตั้งอยู่ริมถนนพระราม 4 ฝั่งหนึ่งมองเห็นวิวตึกสูงสลับต่ำของย่านสาทร-สีลม ทอดสายตาเลยไปอีกหน่อยก็เป็นคุ้งน้ำเจ้าพระยา ขณะที่อีกฝั่งก็โชว์วิวสวนลุมพินีแบบเห็นแทบทุกตารางเมตรของสวนเขียมชอุ่มโดยมีวิวสิ่งปลูกสร้างของกรุงเทพฯ ชั้นในตั้งแต่ย่านหลังสวนเป็นต้นไปเป็นฉากหลัง เรื่องวิวไม่ว่าจะมองจากตรงไหนก็กินขาดจริงๆ
นอกเหนือจากนั้น Spire ยังเป็นผลงานการออกแบบตกแต่งของ André Fu แต่เราอาจจะเห็นเอกลักษณ์งานออกแบบของดีไซเนอร์คนดังน้อยหน่อยเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นๆ ของโรงแรม เพราะที่นี่เขาต้องการนำเสนอกลิ่นอายแบบทรอปิคัลเพื่อเชื่อมกับความเขียวขจีของสวนด้านล่าง ซึ่งช่วงนี้อาจจะยังไม่ชัดเท่าไหร่เพราะเพิ่งเปิด แต่ถ้าให้เวลาไม้เมืองร้อนที่นำมาประดับได้แตกกิ่งก้านหรือเพิ่มจำนวนขึ้นอีกสักหน่อยก็น่าจะเชื่อมกับวิวสวนได้ไม่ยาก
เรื่องการตกแต่งสำหรับเรายกให้ยอดเสาสีทอง (Spire) บนยอดตึกอันเป็นหนึ่งในอัตลักษณ์ของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 เป็นไฮไลต์ แม้จะไม่ได้ถูกนำมาตกแต่งบาร์โดยตรง แต่ด้วยความสวยงามและความอลังการที่ยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อได้มาเห็นใกล้ๆ ก็น่าจะทำให้เสานี้เป็นภาพจำของบาร์ไปโดยปริยาย และแน่นอนใครขึ้นมาก็ต้องอยากมาถ่ายรูปคู่กับเสานี้
เครื่องดื่มที่ถูกเสิร์ฟบนนี้คืออีกส่วนที่ช่วยเติมเต็มกลิ่นอายทรอปิคัลให้ชัดเจนขึ้นผ่านรสชาติที่เน้นสร้างความสดชื่น ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา และเข้าใจง่าย วัตถุดิบที่นำมาใช้สร้างรสชาติของเครื่องดื่มส่วนใหญ่จึงเป็นผลไม้เมืองร้อน เช่น มะพร้าว ส้มโอ เกรปฟรุ้ต ส้มยูสุ ลิ้นจี่ กล้วย สับปะรด ฯลฯ ทุกแก้วขายราคาเดียว 420 บาท
Spire Rooftop Bar อยู่ที่ชั้น 39M โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ เปิดทุกวัน 17:00-01:00 ​สำรองที่นั่งได้ที่ 022009000 อีเมล [email protected] หรือเว็บไซต์ dusit.com/Bangkok

เรื่อง: สุริยันต์ พาโนมัย
ภาพ: ธนิศร วงษ์สุนทร

ชาวอารีย์-สนามเป้าและพื้นที่ใกล้เคียง เตรียมตระเวนจิบค็อกเทลในงาน Ari Cocktail Fest ครั้งแรกที่จะจัดขึ้นตลอดเดือนกุมภาพั...
02/01/2025

ชาวอารีย์-สนามเป้าและพื้นที่ใกล้เคียง เตรียมตระเวนจิบค็อกเทลในงาน Ari Cocktail Fest ครั้งแรกที่จะจัดขึ้นตลอดเดือนกุมภาพันธ์นี้
งานนี้เกิดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง 4 บาร์ในย่านอารีย์-สนามเป้า ได้แก่ .BKK ค็อกเทลบาร์เจ้าของเดียวกับ The Rock Pub ผับดนตรีร็อกที่ย้ายจากย่านราชเทวีมาอยู่ใกล้บีทีเอสสนามเป้า, The Key Room No.72 บาร์ลับในโรงแรม Josh Hotel ซอยอารีย์ 4 ฝั่งเหนือ, Brut บาร์สไตล์บรูทัลลิสม์แถวอารีย์ (ซอยประชานิมิตร 1) ที่มีอาร์ตสเปซอยู่ด้านบน และ The Grey Area BKK วิสกี้บาร์ในโครงการ The Hub พหล-อารีย์
ทั้ง 4 บาร์จะออกแบบเมนูเครื่องดื่มพิเศษเพื่อขายในช่วงงานและมีกิจกรรม Guest Shift ที่บาร์เทนเดอร์จะสลับกันไปยืนประจำการที่บาร์ของแต่ละร้านในช่วงสามสัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ 2568
(5 ม.ค.) Ari Cocktails Fest จะแบ่งเป็น 2 ช่วง โดยช่วงแรกจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 มกราคมนี้กับโปรแกรม Guest Shift ที่จะหมุนเวียนกันไปทั้ง 4 บาร์จนถึงสิ้นเดือนมกราคม และต่อด้วยช่วงที่ 2 ซึ่งทั้ง 4 บาร์จะมีค็อกเทลพิเศษที่สร้างสรรค์ขึ้นในธีมเดียวกัน สามารถสั่งได้เฉพาะช่วงเดือนกุมภาพันธ์เท่านั้น ใครสนใจสามารถซื้อเวาเชอร์แล้วฮอปไปชิมค็อกเทลทั้ง 4 แก้ว (ร้านละแก้ว) ได้เลย โดยในวันศุกร์-เสาร์จะมีบริการรถ-ส่งระหว่าง 4 บาร์ด้วย
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมรอติดตามได้ทางโซเชียลมีเดียของทั้ง 4 บาร์

เรื่อง: สุริยันต์ พาโนมัย
ภาพ: ธนิศร วงษ์สุนทร

สวัสดีปีใหม่ทุกคนอีกครั้ง วันนี้น่าจะมีทั้งคนที่เริ่มทำงานแล้วและคนที่ยังอยู่ในช่วงของวันหยุดยาว แต่ไม่ว่ายังไงเราก็หวัง...
02/01/2025

สวัสดีปีใหม่ทุกคนอีกครั้ง วันนี้น่าจะมีทั้งคนที่เริ่มทำงานแล้วและคนที่ยังอยู่ในช่วงของวันหยุดยาว แต่ไม่ว่ายังไงเราก็หวังว่าทุกคนจะอิ่มเอมใจกับช่วงเวลาแห่งความสุขนี้และพร้อมเริ่มต้นปี 2025 ด้วยพลังงานดีๆ ไปด้วยกัน และสำหรับ Weeknd in Bangkok ในสุดสัปดาห์แรกของปีนี้ เราก็ได้รวบรวมอีเวนต์น่าสนใจมาแนะนำเพื่อเป็นการเติมพลังงานนั้นให้ทุกคนแล้ว

เรื่อง: สุริยันต์ พาโนมัย

ชวนไปเดินซื้อดอกไม้สวยๆ ไว้แต่งบ้านรับปีใหม่ พร้อมเดินลัดเลาะหาของอร่อยในวันฟ้าใสและอากาศดีกันที่ย่าน ‘ปากคลองตลาด-บ้านห...
02/01/2025

ชวนไปเดินซื้อดอกไม้สวยๆ ไว้แต่งบ้านรับปีใหม่ พร้อมเดินลัดเลาะหาของอร่อยในวันฟ้าใสและอากาศดีกันที่ย่าน ‘ปากคลองตลาด-บ้านหม้อ’

ชวนเริ่มต้นปีด้วยการอ่านกับกิจกรรมห้องสมุดยามค่ำคืน Night Library ที่กรมศิลปากรจะขยายเวลาเปิดให้บริการหอสมุดแห่งชาติให้ท...
01/01/2025

ชวนเริ่มต้นปีด้วยการอ่านกับกิจกรรมห้องสมุดยามค่ำคืน Night Library ที่กรมศิลปากรจะขยายเวลาเปิดให้บริการหอสมุดแห่งชาติให้ทุกคนสามารถนั่งอ่านหนังสือได้นานขึ้นพร้อมกับกิจกรรมน่าสนใจอีกมากมาย
Night Library เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ (1 ม.ค.) โดยกิจกรรมในวันแรกมีทั้งการบรรเลงเพลงจากเปียโนสองหน้า (เปียโนจุฑาธุช) กิจกรรมแรลลี่ Library on Tour ชมนิทรรศการแผ่นเสียงในสยาม ชมภาพยนตร์ผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง Netflix เป็นต้น
สำหรับคนที่ยังอยู่ในบรรยากาศของการฉลองปีใหม่ ไม่ต้องเสียใจ เพราะกิจกรรมนี้จะจัดยาวไปจนถึงเดือนสิ้นเดือนมีนาคม นอกจากกิจกรรมที่บอกไปแล้ว หอสมุดแห่งชาติยังได้ปรับปรุงพื้นที่รองรับการให้บริการยามค่ำคืน โดยมีพื้นที่ Notebook & Gadget Zone, พื้นที่ Co-working & Meeting Room และคาเฟ่
และตั้งแต่พรุ่งนี้ (2 ม.ค.) เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568 หอสมุดแห่งชาติจะปรับเวลาเปิดให้บริการ ดังนี้
อาคาร 1 ชั้น 1-2
วันจันทร์-ศุกร์ ​​เวลา 09:00-19:30
วันเสาร์-อาทิตย์ ​เวลา 09:00-17:00
อาคาร Smart Library
วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 06:30-19:30
วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09:00-17:00

สมศักดิ์ศรี ‘Times Square of Asia’! กับงานเคานต์ดาวน์สุดยิ่งใหญ่ ‘centralwOrld Bangkok Countdown 2025 – The Original’ ต้...
31/12/2024

สมศักดิ์ศรี ‘Times Square of Asia’! กับงานเคานต์ดาวน์สุดยิ่งใหญ่ ‘centralwOrld Bangkok Countdown 2025 – The Original’ ต้อนรับปี 2568 พร้อมผู้คนนับแสน หนึ่งเดียวใจกลางกรุงเทพฯ
นี่คือ World’s Entertainment Countdown ที่ดีที่สุดตลอดกาล ซึ่งในปีนี้เป็นครั้งแรกที่ร่วมนับถอยหลังพร้อม Digital Art Toys พร้อมพลุ 180 องศา และ Message to the World สู่สายตาคนนับล้าน ผ่านจอ panOramix ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นอกจากนี้งานนี้ยังชวนศิลปิน Asian Sensation นำโดย ‘Countdown Angels’ หลิง-ออม และ ฟรีน-เบ็คกี้ ร่วมด้วย BUS because of you I shine, PROXIE, PiXXiE, 4EVE, Jaylerr, Ice Paris และ พีพี-บิวกิ้น ที่มาร่วมโชว์พิเศษสุดเซอร์ไพรส์ ก่อนปิดท้ายด้วย หมูเด้ง ฮิปโป ที่กลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทยที่ดังไกลระดับโลก
งานนี้ เซ็นทรัลเวิลด์ สร้างความทรงจำของค่ำคืนส่งท้ายปีได้ยิ่งใหญ่ สมศักดิ์ศรีแลนด์มาร์กเคานต์ดาวน์ระดับโลก

In partnership with centralwOrld

31/12/2024

สวัสดีปีใหม่ทุกท่านนะคะ ขอให้มีความสุข สุขภาพดีตลอดปีค่ะ

ใครยังไม่มีแพลนจะไปไหนช่วงหยุดยาวปีใหม่นี้ เราอยากชวนใส่รองเท้าผ้าใบคู่โปรด แล้วออกไปเดินตระเวนลัดเลาะย่านเมืองเก่า ทะลุ...
31/12/2024

ใครยังไม่มีแพลนจะไปไหนช่วงหยุดยาวปีใหม่นี้ เราอยากชวนใส่รองเท้าผ้าใบคู่โปรด แล้วออกไปเดินตระเวนลัดเลาะย่านเมืองเก่า ทะลุตามตรอกซอกซอยของโซน ‘สามยอด-วังบูรพา’ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความทรงจำวัยเด็กที่เราคุ้นเคย แค่นี้วันหยุดปีใหม่นี้ก็น่าสนใจกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว

ที่อยู่

30/2 Sukhumvit 36, Khlong Tan, Khlong Toei
Bangkok
10110

เวลาทำการ

จันทร์ 09:30 - 18:30
อังคาร 09:30 - 18:30
พุธ 09:30 - 18:30
พฤหัสบดี 09:30 - 18:30
ศุกร์ 09:30 - 18:30
เสาร์ 09:30 - 18:30

เบอร์โทรศัพท์

+6622584762

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Weekend Magazineผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Weekend Magazine:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์

Weekend Magazine

“มาปักหมุดจุดเที่ยวที่จะเปลี่ยน Weekend ของคุณให้สุขทุกครั้งที่เดินทาง”

เพราะโลกนี้กว้าง และเวลาก็ไม่เคยหยุดเดิน ดังนั้นเที่ยวครั้งเดียวจึงไม่เคยพอ ทุกวินาทีเราจึงโหยหาการพาร่างกายและหัวใจไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ไปทำความรู้จักเมืองที่ไม่เคยไป ไปเปล่งเสียงหัวเราะกับผู้คนที่ไม่เคยพบเจอ และไปลองอาหารแปลกตาที่ไม่เคยลิ้มลอง

นิตยสารท่องเที่ยว Free Copy ที่มียอดแจกสูงสุดในประเทศไทย

FB : @Weekend.mag