เว็บไซต์คืออะไร?

https://www.facebook.com/1832643927041502/

เขวี้ยงรีโมท, Bangkok (2024)

11/12/2024

“Undersell Killer ข้า/ฆ่า/ค่า” ซีรีส์แอคชั่นสุดมันส์ปั่นสมอง เมื่อชีวิตคนจะตุยจากการประมูลผ่านแอป
ส่งเรื่องสุดท้ายลงจอเป็นที่เรียบร้อยกับ “Undersell Killer ข้า/ฆ่า/ค่า” ฝีมือการันตีความถนัดคิวบู๊ของ MonoOriginal ที่เส้นเรื่องเรื่องนี้เดิมพันด้วยชีวิตของคนที่รับหน้าที่กำจัดและคนที่ถูกกำจัด
เรื่องนี้ขายความทันสมัยให้เข้ายุคกับเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการสังหาร เมื่อ “บื้อ” ฮีเป็นอดีตนักโทษที่พ้นโทษก็มาเป็นนักฆ่าฟรีแลนซ์ แต่ที่เหนือกว่าคือ ไม่ใช่โทรไปสั่งเก็บใครได้ แต่มันต้องบิทราคาผ่านแอป Undersell Killer ทำให้ราคาปั่นป่วน และเกิดศึกระหว่างนักฆ่าด้วยกันเอง
“บื้อ” รับบทโดย “เบิ้ล ปทุมราช” ตอนที่ดูใน MONOMAX เอาดีๆ จะไหวมั้ยวะ แต่พอดูไปดูมา เออ ฮีไม่ได้มีดีที่ร้องเพลง “อ้ายมีเหตุผล” นะ แต่มันสมเหตุสมผลที่มารับบทนี้ เพราะด้วยหน้าตา รูปร่าง และ ลีลาแล้ว เหมาะสมกับบทนำนี้มาก เรื่องนี้จะได้เห็นอีกมิติหนึ่งของ “เปิ้ล ปทุมราช” ที่สาดความมันส์ และสกิลการปลอมตัวในแต่ละอีพี
โปรดักชั่น ไม่ต้องพูดเยอะเจ็บคอ ด้วยยี่ห้อความบู๊ที่ไม่ได้แบบเข้าป่าของ “MonoOriginal” นางค่อนข้างเก็บรายละเอียดและมีลูกเล่นแตกต่างจากคนอื่นที่ทำ ลองสังเกตดีๆ มีซีรีส์บู๊เยอะมาก แต่ละเรื่องนางใส่ลูกเล่นคนละแบบ และ “Undersell Killer” นางก็ใส่ลูกเล่นแบบล้ำๆ เล่นกับเทคโนโลยี แอปพลิเคชัน สแกนหน้าตา มีโดรนซุ่มยิง ความอุปกรณ์มีเพียบ ลากซีนยาวๆ อิ่มๆ ให้ดูแบบหายใจหอบๆ หน้าจอไปเลย
การันตีงานโปรดักชั่นจาก “ก้องเกียรติ โขมศิริ” ชื่อนี้คุ้นๆ ก็ “ขุนพันธ์ ไตรภาค” คือผลงานของคุณเค้า ใครที่อยากดูคิวบู๊ฟีลภาพยนตร์ในรูปแบบของซีรีส์เรื่องนี้ตอบโจทย์
ดารานักแสดงสมทบก็น่าสนใจ ทั้ง “เร แม๊คโดแนลด์” แค่เห็นหน้าก็รู้ถึงสรรพคุณแล้ว ที่โฟกัสอีกคนคือ “อร พัศชนันท์” ที่ถอดความ “มะงึกอุ๋งอุ๋ง” มาเป็นเด็กเอนที่พัวพันในเรื่อง เล่นซีรีส์ยังไม่พอขอร้องเพลงประกอบซีรีส์ด้วย แถมยังมีมากหน้าหลายตาที่พากันมาแย่งซีนสาดความสนุก โดยเฉพาะ “เต้ ปิติศักดิ์” (คนนี้จับตาดูให้ดี) อย่าลืม! ดูแล้วหลบโดรนหลบกระสุนให้ทันแล้วกัน
“Undersell Killer ข้า/ฆ่า/ค่า” ออนแอร์ในรูปแบบของเวอร์ชันทีวี ได้ทุกวันจันทร์และอังคาร เวลา 2 ทุ่มครึ่งทางช่อง MONO29 เเละดูแบบ Uncut เเบบไม่ตัดออกได้ที่แอป Monomax (ละไว้ในฐานที่เข้าใจ) เวอร์ชันทีวี มันมีฉากที่ตัดออกไปบ้างนะ แต่อรรถรสยังคงครบ มีเซนเซอร์เบลอๆ บ้างนิดๆ หน่อย ปล่อยผ่านได้
ตอนนี้ออนแอร์ไปแล้ว 4 EP. ยังเหลือให้ติดตามอีก 12EP. ถือว่าเป็นของขวัญส่งท้ายปีเก่าต้อนรับใหม่จาก “MonoOriginal” ที่มอบความสุขบนหน้าจอ Mono29 กดดูได้เลยตามวันและเวลาที่บอกไปเลยจ้า
#เขวี้ยงรีโมท #ทีวีดิจิทัล

10/12/2024

“เอม ภูมิภัทร ถาวรศิริ” เกิดมากมาก 3 บทเจิดจรัส จำชื่อคนนี้ให้ดีๆ มีทีเด็ดทุกครั้ง
ท่ามกลางวิกฤต “ดารา” งานหด ละครเปิดกล้องนับเรื่องได้ หลายคนต้องเปลี่ยนไปหาอาชีพเสริม ไลฟ์ต๊อกต๊อกหารายได้พิเศษ เพิ่มเติมผลงานแสดงหนีไปโลดแล่นบนออนไลน์ แต่ปรากฏว่ามี 1 นักแสดงหนุ่ม ที่แจ้งเกิดด้วยคำว่า “ฝีมือ” ที่พุ่งทะลุทุกขีดจำกัด ภายใต้การสั่งสมประสบการณ์ จนระเบิดออกมาเป็น “ความสามารถ” ทางการแสดง จนอดเขียนถึงไม่ได้
เค้าคนนั้นคือ “เอม ภูมิภัทร ถาวรศิริ”
ไม่น่าเชื่อว่าในช่วงเดือนสุดท้าย ปลายปีที่วงการบันเทิงดูเป็นโรคซึมเศร้า แต่ฮีกลับกลายเป็นผู้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ ด้วยผลงาน 3 คาเรกเตอร์ จาก 3 แพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยม และถูกพูดถึงย้ำๆ เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นบทบาท “ฟลุ๊ค” จาก “วัยหนุ่ม 2544” ที่ถ่ายทอดเรื่องราวสุดสะเทือนใจของชีวิตคนที่มีความหลากหลายทางเพศที่ถูกพรากอิสระ ต้องใช้มิติทางการแสดงชั้นยอด ตีบทแตกภายใต้ลูกกรงกระจุย จนทำคนดูหลายคนเสียน้ำตาให้กับชะตากรรมของตัวละครนี้
ไล่เรียงมาถึง “เภสัชกรชาญชัย” หรือ “บอส” ที่บอกเลยว่าทันทีที่เห็นภาพของ “เอม” ในโปสเตอร์แนะนำตัวละคร เรามั่นใจว่า บทบาทนี้ต้องไม่ธรรมดา และก็เป็นจริง เพราะการแสดงออกทางอารมณ์ของเด็กกำพร้าที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด และซีนเด็ดที่ประกาศกร้าวว่า “ไม่ใช่เกย์ แต่เป็น SURVIVOR” ก็กลายเป็น 1 ในไวรัลที่ถูกกล่าวขาน ซึ่งต้องดูต่อไปว่า “เภสัชกร” คนนี้จะเป็น “ลาสบอส” ของเรื่องหรือไม่? หายใจไม่ทั่วท้องจริงๆ
ถัดมาไม่กี่อึดใจ เราก็เห็นหน้าหล่อของ “เอม” ในลุคหนุ่มล้ำยุค สมัยใหม่ ผมเรียบแปล้ “นีโอ” จากตอน “ศาสดาต้า” ซีรีส์ล้ำเทคโนโลยี “อนาคต” จาก Netflix ที่เขาดีไซน์ตัวละครออกมาได้เต็มอรรถรส พอดิบพอดีไม่ล้นไม่ขาดจนเกินไป โดยเฉพาะฉากที่เล่าบนโต๊ะกับข้าว คือดี๊ดีจริงจัง
นักแสดงหลายคนไม่ไปถึงคำว่าสร้างผลงานแบบ “มาสเตอร์พีช” แต่ชายคนนี้สามารถใช้ทุกโอกาสในการรับบท ออกมาได้แบบดีเยี่ยม แถมมาพร้อมๆ กันถึง 3 เรื่อง ใน 3 บทบาทที่ดูแล้ว “เชื่อ” ว่าเค้ารับบทนั้นมาจริงๆ “เอม” รับใช้ทุกวินาทีที่ปรากฏในซีนได้อย่างคุ้มค่า
ทำให้รู้ว่าท่ามกลางวิกฤตนี้ คนที่ “มีของ” ไม่เคยถูกทอดทิ้งจากผู้จัด เพราะความเชื่อมั่นว่ารับได้ทุกบทบาท พร้อมกับการเปิดกว้างในแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่ไม่ต้องถูก “ตัดสิน” ด้วย “กฎโบราณ” ที่เป็นอุปสรรคกีดขวางการพัฒนาของเรื่องราวที่คนไทยมีของ แต่มักถูกจองจำด้วย “ผู้คุมกฎ” ที่ว่านี้
จังหวะมา โอกาสมี เชื่อว่าการได้เห็นเพชรเม็ดงามอย่าง “เอม” จะช่วยให้นักแสดงหลายคน “พัฒนาฝีมือ” แบบจริงจัง เพื่อที่ได้ถ่ายทอดการแสดงที่เข้มข้น ทรงคุณค่า เพื่อไม่ต้องมานั่งกลัวว่าจะต้อง “ตบยุง” ในยุคการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้
ดีใจทุกครั้งที่เห็น “เอม” โลดแล่นบนจอ และไม่รู้ว่า “ความเฟียส” ในการแสดงของเขาจะไปหยุดที่ตรงไหน? ไปได้ไกลในระดับที่ยิ่งใหญ่กว่านี้หรือไม่ นี่ขนาดไม่นับเรื่องก่อนหน้านี้ที่ “เอม” ฝากผลงานไว้ ไวรัลเอาเรื่องเช่นกัน นี่คือตัวอย่างของนักแสดงที่ใช้คำว่า “ฝีมือ” ในการแสดงจริงๆ
#เขวี้ยงรีโมท #ทีวีดิจิทัล #เอมภูมิภัทร #อนาคต #ศาสดาต้า #วัยหนุ่ม2544

09/12/2024

“The Restaurant War” เฮลิโคเนีย ทำถึง ทำดี ควรทำต่อ ไม่ดราม่า ขายคุณภาพล้นจอ
ถึงรอบชิงชนะเลิศแล้วกับ “The Restaurant War” รายการฟอร์แมตใหม่แกะกล่องที่เอากรรมการขาประจำของ “Top Chef Thailand” มาปรับเปลี่ยนเป็นอาหารจานใหม่ เสิร์ฟภายใต้คอนเซปต์ดันสตรีทฟู้ดให้ไกล มีสกิลแบบสากลไปใช้กันทั่วโลก
ความสนุกของรายการนี้คือการฟาดฟันกันของ “พ่อค้าแม่ค้า” ที่คัดมาแล้วว่าซ่าและแซ่บถึงใจ จากคนธรรมดาร้านรถเข็น ยืนพัดกระทะร้อนๆ มาแข่งขันในรูปแบบที่เข้มข้น ดุดัน รายการนี้เพิ่มสกิลแบบหลายมิติให้กับคนที่เข้าร่วม รวมถึงคนดูอย่างเราด้วย
สิ่งแรกที่ทำให้ “The Restaurant War” ทำถึง คือ โปรดักชันที่เรียบง่ายแต่ไฮแฟชั่น แบ่งทีมแบ่งสี แบ่งหน้าที่กันชัดเจน พ่อค้าแม่ค้าจะได้ฝึกฝนสกิลจากเชฟหัวหน้าทีมที่การันตีด้วยผลงานแบบนับนิ้วแล้วต้องขอยืมนิ้วคนอื่นมานับด้วย คำแนะนำพวกนี้หาได้ฟรีๆ จากที่ไหนไม่ได้ต้องที่นี่ที่เดียว แบบตัวเป็นๆ เท่านั้น
สิ่งที่ทำให้ “The Restaurant War” กลายเป็นรายการที่ฟีลเหมือนจะดราม่าแต่ไม่ดราม่าก็คือ การตัดสินจากทีมที่ชนะแบบครบเงื่อนไข ไม่ได้เล่นเกมที่ตัดคนออกตามอารมณ์ แต่ใช้ผลงานที่การแข่งขันในวีคนั้นจริงๆ เป็นการวัดคะแนน รายการนี้นำเสนอในทิศทางที่น่าสนใจ แตกต่างจากรายการอื่น ที่รูปแบบคนชนะอาจจะตัดแบบคุมกำเนิดคนแข่งคนอื่นที่เหนือกว่าเมื่อพลาดในการแข่งขันนั้น
นอกเหนือจากนี้ “สีหน้าแววตา” ความห่วงใยของเชฟเจ้าของทีมทั้ง 3 คนในรายการ ดูแตกต่างจาก “Top Chef Thailand” อย่างมาก ทั้ง 3 คน “เชฟแพม เชฟต้น และ เชฟอาร์ต” ที่พอเห็นลูกทีมของตัวเองไปยืนปากเหว สีหน้ามีแต่ความเป็นห่วงออกอาการแบบชัดเจน ในห้องการประชุม ทั้ง 3 คน ก็บรีฟงานแบบเป็นจริงเป็นจัง พออยู่ในห้องคอลโทรลก็ใส่ให้ยับจัดแบบอิ่มๆ เป็นการถ่ายทอดสกิลที่เห็นได้ชัดเลยว่า คนแข่งขันยิ่งอยู่นานๆ ยิ่งเก่งขึ้นเรื่อยๆ แบบชัดเจน
“The Restaurant War” ถึงชื่อจะออกมาเป็นสงครามแต่สุดท้ายกลายเป็นโรงเรียนแห่งหนึ่งให้กับ “พ่อค้าแม่ค้า” ได้มีความพัฒนาในอาชีพของตัวเอง ต่อยอดกลับไปใช้ในธุรกิจของตัวเองที่มีอยู่ เพิ่มมูลค่า แถมมีชื่อเสียง คนรู้จักมากขึ้น ถือว่า “คุ้มค่า” กับเวลาในการออนแอร์ ตัวรายการเองก็ได้รับความชื่นชมที่ดี คนแข่งขันก็ได้วิชากลับบ้านติดตัว แถมทั้ง 4 คนจาก “Top Chef Thailand” ก็เป็นที่ยอมรับมากขึ้น รวมถึงพิธีกรน้องใหม่ “เชฟกอล์ฟ” จากผู้เข้าแข่งขันมาสเตอร์เชฟ กลายมาเป็นพิธีกร ก็จะเข้าใจหัวอกหัวใจคนแข่งเป็นอย่างดี แถมทำหน้าที่พิธีกรได้ดีแบบไม่ผิดหวังด้วย
ส่วนคนดูก็ได้เห็นถึง การทำงานเป็นทีม การเอาใจใส่คนรอบข้าง และตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่า ไม่ว่าคุณจะมาแบบไหน อายุเท่าไหร่ คุณสามารถฝึกฝนต่อยอดไปในทิศทางที่มีประโยชน์ต่อชีวิตได้ โดยที่ไม่ต้องสนใจว่าคุณมีต้นทุนในชีวิตมาอย่างไร ขอแค่เปิดโอกาสให้ตัวเองได้กล้าก้าวออกจากเซฟโซน เพียงเท่านี้สิ่งที่คุณได้ก็มากมายมหาศาลแล้ว
“The Restaurant War” ใกล้จะจบซีซันแรกในเร็วๆ นี้แล้ว เราจะได้เห็นหน้าคาดตาของผู้ชนะแล้วว่า ใครจากสีไหนจะเป็นผู้ชนะรับเงินรางวัล 1 ล้านบาทจากทางรายการและเป็นแชมป์พ่อค้าซ่าแม่ค้าแซ่บคนแรกในรายการนี้ อยากเชียร์ให้ทำซีซัน 2 ในปีหน้าไปเลย เพราะแทบจะหาดูรายการที่ครบทุกองค์ประกอบแบบนี้ยากแล้ว
ติดตามกับโค้งสุดท้ายของ “The Restaurant War” ศึกพ่อค้าซ่า แม่ค้าแซ่บ ได้ในรอบชิงชนะเลิศ กับกติกาแบบใหม่ ทุกวันอาทิตย์ เวลา 6 โมงเย็น ทางช่อง 7HD นี่คืออีกหนึ่งรายการคุณภาพของ “เฮลิโคเนีย” สมราคากับเจ้าพ่อรายการแข่งทำอาหารแบบแท้จริงๆ เลย ปรบมือค่า
#เขวี้ยงรีโมท #ทีวีดิจิทัล

28/11/2024

“คุณหมอขอแนะ” รายการน้ำดีส่งท้ายปีจากดัชมิลล์ อยากสุขภาพดีชี้แนะให้ดูเลย
ไม่ได้กดรีโมทช่อง 7HD สักระยะ แว่บๆ เห็นรายการใหม่หลังจบ “ฝนฟ้าอากาศ” ช่วง 2 ทุ่ม วันศุกร์ที่ผ่านมา เพิ่งรู้ว่า “ดัชมิลล์” นางทำรายการสั้นๆ นาทีครึ่งเกี่ยวกับสุขภาพ ชื่อว่า “คุณหมอขอแนะ”
“คุณหมอขอแนะ” เป็นรายการเกี่ยวกับสุขภาพที่มีคุณหมอที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก มาแนะนำเรื่องสุขภาพแบบง่ายๆ กระชับ ฉับไว มีประโยชน์ เป็นภาษาที่ชาวบ้านเข้าใจง่าย ไม่ปวดหัวเรื่องศัพท์ทางการแพทย์ ที่สำคัญเอาเทคนิคที่หมอแนะนำไปใช้ได้กับทุกเพศ ทุกวัย ทุกบ้าน ทุกสถานะ
ปกติ “ดัชมิลล์” ได้ยินชื่อก็นึกถึง “นม” ก็เลยจัดทำรายการที่มันมีประโยชน์เหมือนของที่ขาย ที่ผ่านมาทำมาทั้งรายการใหญ่ๆ ทั้ง “เด็กลองดี” ในช่วง 6 โมงเย็น แล้วในช่วงเวลา 2 ทุ่มกับ แคมเปญ “ดัชมิลล์หน่วยกู้สู้หวัด” และล่าสุดก็จับคุณหมอหน้าหล่อมาแนะนำเรื่องสุขภาพกับ “คุณหมอขอแนะ”
เป็นแบรนด์ที่กล้าทุ่มทุนส่งรายการน้ำดีมีคุณภาพมาในช่วง 2 ทุ่ม เป็นของขวัญส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เท่าที่รู้ “ดัชมิลล์” เค้าผลิตรายการนี้ให้ดูกันได้ยาวๆ ต่อเนื่องไปถึงกลางปีหน้าเลย ทุ่มทุนแบบนี้ต้องส่งเสริมช่วยเชียร์กันหน่อย ขอเวลานาทีครึ่งหยุดดูสักนิด ทุกวันศุกร์ ช่อง 7 หลังจบรายงานฝนฟ้าอากาศ ประมาณ 2 ทุ่ม หรือดูย้อนหลังได้ที่ YouTube : Dutch Mill Channel จ้า
#เขวี้ยงรีโมท #ทีวีดิจิตอล #ช่อง7HD #คุณหมอขอแนะ #รายการสุขภาพ
#ดัชมิลล์

19/11/2024

“ช่องวัน31” ส่งซีรีส์ใหม่ 2 เรื่องรวด “ทิชา” และ “การุณยฆาต” ลงผังส่งท้ายปี 2567
ส่งท้ายปีแบบไม่รีรันกับ “ช่องวัน31” ส่งซีรีส์ภายใต้ “oneD ORIGINAL” 2 เรื่องรวดที่โปรโมทตั้งแต่ต้นปี ปลายปีได้ดูแล้วในเดือนพฤศจิกายน เป็นของขวัญปีใหม่แบบไม่รีรัน กลังคนจะบ่นสิ้นปีว่า เปิดทีวีแล้วไม่มีอะไรดู ดูแต่ละครรีรันจนจำบทพูดได้แล้ว
เริ่มเรื่องแรก ส่งต่อความปังของ “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” จาก “ทองประกายแสด” มาร่ายบทบาทใหม่ภายใต้ความกดดันและความแก้แค้น เรื่อง “ทิชา” ที่แค่เห็นตัวอย่างก็น่าดูเป็นอย่างมาก เพราะประกบกับเจ้าแม่พี่เล่นเกมเก่งที่สุดแล้ว “ลูกเกด เมทินี” แถมมีลูกชายเป็น “พีช พชร” ที่น่าจะนองเลือดเต็มจอ รอเรท น13 ไว้ได้เลย แถมเส้นเรื่องยังน่าสนใจ เล่นกับความเท่าเทียมกัน ชนชั้นสังคม และการทวงคืนความยุติธรรม
“ทิชา” ออนแอร์ ทุกวันจันทร์และวันอังคาร เวลา 2 ทุ่มครึ่ง เริ่มตอนแรก วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายนนี้ ดูสดช่องวัน 31 แบบ Uncut ที่แอป oneD มีเพียง 8 ตอนเท่านั้น
ซีณีส์อีกเรื่องก็น่าสนใจ “การุณยฆาต” เพราะเป็นการประกบหนุ่มหล่ออดีตนาดาวทั้งคู่ “ต่อ ธนภพ” ที่หล่อละมุนจาก “หนึ่งในร้อย” ข้ามวิกมาฝั่งอโศก ครั้งนี้รับบทเป็นผู้ต้องสงสัยต้นเรื่องของคดีฆาตกรรม ยืนจิ้นข้างๆ กับ “เจเจ กฤษณภูมิ” ที่มาในมาดของตำรวจ พยายามค้นหาฆาตกรตัวจริงในเรื่อง แถมภาพ มูด โทน ดูฟีลแบบลึกลับ ซ่อนเร้น และเป็นซีรีส์แนวดาร์ก ใครที่ชอบคิดว่าตัวเองเป็น “โคนัน” เดาตั้งแต่ต้นเรื่องยันตอนจบได้เป๊ะๆ ไม่ควรพลาดเรื่องนี้
“การุณยฆาต” ออนแอร์ ทุกวันพุธและพฤหัสบดี เวลา 2 ทุ่มครึ่ง เริ่มตอนแรก วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายนนี้ ดูสดช่องวัน 31 แบบ Uncut ที่แอป oneD มีเพียง 8 ตอนเท่านั้น
ถือว่าเป็นของขวัญส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จาก “ช่องวัน31” หวังว่าทั้ง 2 เรื่องจะถูกอกถูกใจกับ “คนถือรีโมท” ไปแบบเต็มๆ ส่วนในระหว่างออนแอร์จะมีกระแสแบบไหนบ้าง คุณคือคนตัดสิน เพราะประโยคที่บอกว่า “อย่าไว้ใจช่องวัน” ยังคงดำเนินต่อไป
#เขวี้ยงรีโมท #ทีวีดิจิทัล #ช่องวัน31 #ทิชา #การุณยฆาต

15/11/2024

“Time หมุนเวลาตาย” ซีรีส์ใหม่จาก “Change2561 Original” เก็บชีวิต 1 คน ได้เวลาคืน 1 ปี
ดูกันหรือยัง? “Time หมุนเวลาตาย” ผ่านไป 3 อีพีแล้ว ยิ่งดูยิ่งสนุก มีเรื่องต้องลุ้นหลายเรื่อง ผลงานใน Project ของ “Change2561 Original” การันตีด้วยนักแสดงอิสระหมาดๆ ทั้ง “บอย ปกรณ์” ที่อิสระปุ๊บพี่ฉอดดึงตัวปั๊บ ร่วมด้วย สาวสวยสุดฮา “แจ็คกี้ ชาเคอลีน” หนุ่มหล่อขาวสะอาดอาบน้ำวันละร้อยรอบ “โก้ วศิน” หนุ่มเข้มมาดร้ายขาประจำค่ายนี้ “กอล์ฟ อนุวัฒน์” และคุณหนูหมื่นล้าน “แพนเค้ก เขมนิจ”
เรื่องนี้เน้นหนักๆ ไปที่ตัวต้นเรื่อง “แพนเค้ก” เล่นเป็น “เมลานี” ที่เอาแต่ใจตัวเอง โลกหมุนรอบตัวหล่อน ดีกรีลูกมีเงินระดับหมื่นล้าน ชีวิตเหมือนจะดี๊ดี แต่มาพลิกแบบหน้าคว่ำ เพราะถูกขโมยเวลาหลังจากที่ขับรถผ่านอุโมงค์ข้ามถนน ได้นาฬิกาเก่าๆ เรือนนึง พร้อมกับเงื่อนไขที่ว่า ถ้าเธออยากจะกลับไปที่จุดเดิม ปี 2562 นางต้องสอย 1 ศพ แลกกับเวลาคืน 1 ปี และทุกครั้งที่นางสอยต้องมีนาฬิกาเรือนนี้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย นางถูกวาร์ปมาในปี 2567 เท่ากับว่า นางต้องสอยถึง 5 คน ชีวิตผู้หญิงลูกคุณหนูจะเอาอะไรไปสู้เค้าล่ะ แถมมีกติกาเพิ่มว่า ถ้านางถูกสอยเอง ภารกิจจะล้มเหลว เวลาที่ได้คืนจะถูกยึดหมด นางจะวาร์ปกลับไปที่เดิมไม่ได้
ความสนุกของเรื่องนี้คือ เราจะได้ลุ้นว่า “เม” จะมีวิธีกลับไปยังไง ใครจะเป็นเหยื่อ ความปังความลูปคือ ถ้าทำสำเร็จนางจะถูกย้อนไปอุโมงค์แล้วขับรถออกมาในปีที่ได้คืน แล้วแต่ละปีที่ได้คืน มีเหตุการณ์บ้าบอไม่เหมือนกันอีก ถือว่าเป็นพล็อตเรื่องที่แตกต่าง กล้าเล่น กล้านำเสนอ แล้วรวมกับฝีมือการแสดงของ “แพนเค้ก” น่าติดตามอย่างมาก เรื่องนี้ต้องนับถือความสามารถของ “แพนเค้ก” ที่ถ่ายทอดซีนอารมณ์แบบมาเต็ม ทั้งร้องไห้ อึดอัด วีนเหวี่ยง สับสน หวาดระแวง ต่อสู้ วิ่งหนี เล่นแบบไม่หวงสวย ไม่ติดแกลม
“Time หมุนเวลาตาย” ขออวยยศให้ “Change2561 Original” ทำถึง!! จริง มีการนำเสนอที่แปลกใหม่ มีความเลื่อยคล้ายๆ การไหลของเวลา เล่นแสง เล่นเงา มุมกล้องไม่น่าเบื่อ ดูจอเล็กไม่ปวดหัว ดูจอใหญ่ได้อรรถรส CG ไม่โป๊ะลอยเป็นเลเยอร์เค้ก ตัดต่อได้เข้าใจง่าย และวางเสียงไว้ให้ลุ้น ตื่นเต้น ตลอดเวลา
เรื่องนี้กำลังมีปมปริศนาเอาไว้ให้เม้าท์หลังดูจบอีกเยอะมาก ทั้งเมจะทำสำเร็จมั้ย? / คนที่ให้นาฬิกาเมคือใคร? / ทำไมเมถึงต้องเจอกับเหตุการณ์นี้? / ใครจะขิตจากฝีมือเม / จะตามถูกฆ่ามั้ย? / แล้วถ้าสำเร็จกลับไปแล้วจะใช้ชีวิตยังไง? ปมทั้งหมดนี้ จะมีคำตอบให้กับคนดูในแต่ละอีพี
ใครที่ชอบฟีลซีรีส์ลึกลับ จับให้ได้ ไล่ให้ทัน อยากทายตอนจบให้ถูก ติดตาม “Time หมุนเวลาตาย” ทุกวันศุกร์ เวลา 4 ทุ่ม 15 ทางช่องวัน31 “Change2561” เค้าไม่ได้ถนัดแค่เรื่องผัวเมียตีกันนะ ลึกลับสอบสวนตื่นเต้น มีให้ดูแล้วตามคำเรียกร้อง เปิดดู ณ บัดนี้ ณ บัดนาว ตามเวลาที่บอกได้เลยจ้า
#เขวี้ยงรีโมท #ทีวีดิจิทัล #ช่องวัน31 ุนเวลาตาย

07/11/2024

“เป้ย ปานวาด” ตั้งแต่คัมแบคงานละคร ช่องวัน31 ปังทุกเรื่อง ฟาดทุกบท สวยมากแม่
ตั้งแต่ “เป้ย ปานวาด” ตัดสินใจกลับมารับงานละคร ใน“ช่องวัน 31” ตั้งแต่ปี 2564 สังเกตดีๆ ได้บทเด่นๆ ทั้งนั้น น่าคิดว่าถ้าไปช่องอื่นอาจลงเอยบทแม่แบบตัวแถม แต่มาที่ “ช่องวัน31” เป้ยได้บทละครที่มีคุณค่ากับละครเรื่องนั้นทุกตัว ได้ซีนเต็มๆ เน้นๆ แถมยังได้ใจคนดูไปด้วย
เริ่มตั้งแต่ “วานวาสนา” ละครที่โปรโมทว่าน้ำเน่าแน่ๆ “เป้ย ปานวาด” ก็สาดน้ำเน่าด้วยบทตัวร้าย “คุณเอื้อง” ที่ไม่ได้เคี้ยวเอื้องธรรมดา เป็นตัวร้ายที่เดินมาไกลๆ คือ “ร้าย” เล่นหู เล่นตา วีนเหวี่ยงได้สุดพลัง ปล่อยมารยาได้น่าหมั่นไส้แบบไม่ผิดหวัง
ข้ามมาปี 2565 ละคร “คุณชาย” ที่เป้ยต้องมาแทน “แตงโม” ที่ถือว่าเป็นงานยากสุดหิน เพราะต้องมาเล่นละครเรื่องนี้ด้วยเวลาในการเตรียมตัวที่น้อยมาก ถ่ายใหม่ในหลายซีน ภายใต้ความกดดันของคนดูที่คาดหวัง แต่เป้ยก็เล่นด้วยความตั้งใจ เพื่อ “แตงโม” เป็นตัวร้ายที่ทำลงไปด้วยเหตุผล แถมเปลี่ยนตอนจบให้สำนึก พลิกมาเป็นตัวดี เพราะคำว่าชีวิตคนเรา ควรได้รับโอกาสที่ 2 เป็นอีกเรื่องที่ “เป้ย ปานวาด” ถ่ายทอดความเป็นแม่ผสมกับความเพื่อนหญิงพลังหญิงออกมาได้น่าสนใจ
มาดังระเบิดแบบปรบมือดังๆ ในปี 2567 “สงครามสมรส” ในบท “ศลิษา” ที่วาดลวดลายขโมยซีน และขโมยใจเมียหลวงทั้งประเทศ เพราะรับบททัพหน้า พร้อมบวก พร้อมฟาด เมียน้อย ปะ ฉะ ดะ โผล่มาเชือดด้วยคำพูดนิ่มๆ จนเป็นมีมเด็ดโดยเฉพาะประโยคที่ว่า “ผัวที่ดี คือผัวใหม่” แถมยังเป็นบุคคลสำคัญที่ยืนข้างความถูกต้อง ความเป็นคน จนหลายคนอินจัด อยากมีเพื่อนแบบ “ศลิษา” ไว้ข้างตัว เรื่องนี้ “เป้ย ปานวาด” ถ่ายทอดออกมาแบบลืมไปเลยว่าเคยร้ายมาก่อน และยังเป็นถ่ายทอดออกมาได้พอดิบพอดี สวย รวย ฉลาด มีแต่ความจริงใจ
ยิ่งมาเสียบแทน “แป้ง อรจิรา” ในบท “จิตรวดี” ใน “แม่หยัว” ก็ละครพีเรียดถ่ายทอดความเป็น “หญิง” ที่จริงๆ ฉันมาก่อน แต่กลับกลายเป็นต้องลงสนามช่วงชิงตำแหน่ง “อัครมเหสี” องค์แม่ประทับบัลลังก์สุดๆ เป็นอีกบทในความพีเรียดที่ “เป้ย ปานวาด” เอาอยู่ในเชิงการแสดงมาก จะปัจจุบันก็ได้ พีเรียดก็ไหว และเรื่องนี้การันตีว่า “สวย” เด่น สู้ “ดาวิกา” ได้ในทุกซีนที่ปรากฎตัว
เรียกว่ามีผลงานทุกปี ปังทุกปี จับมือกันไว้กับ “ช่องวัน31” แล้วก็เฉิดฉาย บางเรื่องกวาดเรตติ้งอันดับ 1 ไปหลายครั้ง แถมมีกระแสแบบไม่หยุดแบบนี้ คงไม่ต้องพูดมากให้เจ็บคอ ถึงความสามารถของผู้หญิงคนนี้ ที่หลังจากนี้ ต้องมีผลงานเด็ดๆ เผ็ดๆ มันส์ๆ ให้เสพกันไฟลุกหน้าจอช่องวัน 31 แน่นอน
“เป้ย ปานวาด” คือนักแสดงที่มีฝีมือในการแสดงที่สูงมาก เข้าใจบทบาท และเป็นอีกคนที่ควรเอาเป็นแบบอย่างในการแสดงให้กับคนรุ่นหลัง สวย เก่ง ครบเครื่องแบบนี้ ปรบมือดังๆ ให้กับความสามารถของผู้หญิงคนนี้ไปเลยค่า
#เขวี้ยงรีโมท #ช่องวัน31 #เป้ยปานวาด #วานวาสนา #คุณชาย #สงครามสมรส #แม่หยัว

01/11/2024

ปิดตำนาน 27 ปี ส่งท้ายปี 2567 รายการตีสิบ “วิทวัจน์” ขอเกษียณ ไม่มีดราม่าอะไร
“ตีสิบ” คือ รายการวาไรตี้ที่อยู่คู่ช่อง 3 มาตั้งแต่ ยุคเศรษกิจต้มยำกุ้ง ปี 2540 ที่ครั้งนั้น สร้างความฮือฮา ถึงการย้ายช่องของ “วิทวัจน์” จาก “หมอชิต” ที่อิ่มตัว “4 ทุ่มสแควร์” มา “พระราม 4” รายการ “ตีสิบ” ประสบความสำเร็จแบบพุ่งทะยาน กลายเป็นวาไรตี้ทอล์คโชว์ ทุกวันอังคาร 4 ทุ่ม ที่หลายบ้านต้องเปิดดูก่อนเข้านอน
“ตีสิบ” ในยุคแรกๆ เป็นเรือธงสำคัญของ “ช่อง 3” ที่มีรูปแบบวาไรตี้ที่แพรวพราว ตั้งแต่ยุค “Real TV” เข้าสู่ยุคของ “ดันดารา” ที่ประสบความสำเร็จสูงมาก ดังทั้ง 3 กรรมการ “ครูอ้วน” พร้อมกับวลีเด็ด “ครูขอให้คะแนนตามมาตรฐานดันดารา ครูอ้วนให้เท่านี้” อ.จตุพล และอาโน้ต เชิญยิ้ม ดังไปถึงตัวผู้เข้าแข่งขันที่โด่งดัง “โปงลางสะออน” และรูปแบบกติกาที่ไม่ซ้ำ ปรับเปลี่ยนมีลูกเล่น แถมมีเละถ้าคะแนนรวมต่ำกว่าสิบ จนช่วง “ดันดารา” ลากยาวไปมากกว่าครึ่งรายการ และแตกย่อยออกมาเป็นรายการสุดสัปดาห์ที่ฮิตฮอตมากๆ แถมจัดงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ อลังการ แจกเงินให้กับคนร่วมปาร์ตี้แบบสุดเหวี่ยง
ซิกเนเจอร์แบบฉบับของ “วิทวัจน์” ที่ไม่เหมือนใครคือ “ช่วงสนทนา” ทั้งลีลาการสัมภาษณ์รวมถึงเนื้อหาในการนำเสนอ หลายตอนที่ดังทะลุจอ ทั้งเรื่องผี ที่ต่อยอดกลายเป็นภาพยนตร์ บุคคลที่มีชื่อเสียงทั้งในและนอกวงการ สิ่งที่ “ตีสิบ” นำเสนอแตกต่างจากทอล์กโชว์รายการอื่นคือ ชีวิตของคนในด้านสีเทา ด้านเงามืด การพนัน สร้างอุทาหรณ์ในการดำเนินชีวิตให้กับคนดูอย่างมาก
รูปแบบรายการที่ปังแล้ว ยังสร้างเครดิตให้กับพิธีกรหญิงให้โด่งดัง หลายคนทั้ง 2 พี่น้องนามสกุลลิ่วเฉลิมวงศ์ “โบ และ แบม” และที่ปังมากๆ สร้างชื่อเสียงที่โด่งดังจนติดเป็นนามสกุล “เข็ม กฤตธีรา” หรือเรียกกันในวงการว่า “เข็ม ตีสิบ” และคนอื่นๆ มากหน้าหลายตา และล่าสุด “แพท ณปภา” ถือว่าเป็นความปังแบบครบด้านของรายการนี้ และ พิธีกรคู่ขวัญในตำนานช่วงดันดารา “ปุ้ย คืนสิทธิ์” ที่หลายครั้งลุ้นให้คะแนนต่ำ 10 เพราะจะได้โดนแป้ง
ความสำเร็จในช่วงเวลาหนึ่งของ “ตีสิบ” ในช่อง3 นั้น กลายเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตของ “คนดู” ที่บางคนติดตามชมตั้งแต่เด็ก เรียนจบปริญญา ทำงาน แต่งงาน มีลูก เป็นรายการที่สร้างความผูกพันและเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนดู จนมาถึงในยุคทีวีดิจิทัลที่เปลี่ยนเวลาออนแอร์ สเกลของรายการที่เปลี่ยนไป รวมถึงความนิยมของคนดูที่น้อยลงตามระยะเวลา ทำให้ “ตีสิบ” แทบจะไม่ค่อยมีบทบาทโดดเด่นให้ติดตามเหมือนในยุคแรกๆ
ร่วมส่งท้ายกับ “ตีสิบ” ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ทางช่อง 3 กด 33 และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ปรบมือให้กับอาชีพการทำงาน 40 ปี ของ “วิทวัจน์” ตลอดระยะที่ผู้ชายใส่แว่นคนนี้สร้างความสุข ความบันเทิงในวงการทีวีไทย และถือว่าเป็นพิธีกรอีกคนที่เป็นที่ยอมรับ
ขอบคุณ “วิทวัจน์” ที่สร้างความสุขในช่วงระยะเวลาหนึ่งใน “ตีสิบ” และเกษียณ พักผ่อนด้วยรอยยิ้ม ความสุข และแวะกลับมาบนหน้าจอทีวี แวะไป “ร้องข้ามกำแพง” หรือ “แฝดคนละฝา” บ้างนะคะ เผื่อจะได้เห็นอีกมุมสนุกๆ ของคุณ “วิทวัจน์” ค่า
#เขวี้ยงรีโมท #ทีวีดิจิทัล #ช่อง3กด33 #ตีสิบ #วิทวัจน์

24/10/2024

“ทองประกายแสด” ละครที่ส่งความสำเร็จแบบองค์รวม ทั้ง ช่องวัน31 / Change2561 และทีมนักแสดง
รูดม่านลงไปอย่างงดงามกับ “ทองประกายแสด” ปี 2567 ที่ตามดูสดแบบใกล้ชิด จนต้องเขียนถึงอีกรอบ เพราะเป็นอีกเวอร์ชันที่ทำออกมาได้ประทับใจ อย่างที่รู้กันดีว่า “ทองประกายแสด” เป็นบทประพันธ์ขึ้นหิ้งของ “สุวรรณี สุคนธา” ซึ่งผลิตออกมาเวอร์ชันแรกสุดคือ ภาพยนตร์ เมื่อ 50 ปีที่แล้ว นานมากกว่าอายุคนดูบางคนอีก
ด้วยความเก่าแก่ของบทที่ผลิตมาอย่างต่ำครึ่งศตวรรษเป็น “โจทย์หิน” ที่ “Change2561” รังสรรค์ออกมาได้สมกับคำว่า “สอบผ่าน” ในการพัฒนาบทโทรทัศน์ให้ “ไปสุด” เท่าที่จะไปได้ตามยุคสมัย เราจะเห็นการปรับบทที่ทำให้คนดูหลายคน “คันไม้คันมือ” แอบจิ้มอ่านสปอยจากแหล่งต่างๆ แบบเดาทางไม่ถูก
รวมทั้งการยำใหญ่ใส่ทวิสต์ เรียงร้อยซุกซ่อนตามทางของละคร พยายามให้ทุกอย่างมีเหตุมีผลรองรับแบบไม่เสีย “อรรถรส” ของบทประพันธ์ เช่น บทของ “บีที” ที่แสดงโดย “โอ๊ต ปราโมทย์” ที่เป็นตัวละครใหม่ มีมิติต่างจาก 3 เวอร์ชันก่อนที่ถูกปรับเปลี่ยนมา ทั้ง “บุญเทียม / บันเทิง และ บีบี” ที่เวอร์ชันพิงกี้ ใช้บริการของ “ก้อง ปิยะ” ในบทผู้จัดการดาราสุดเขี้ยว
แต่สิ่งหนึ่งที่ “ทองประกายแสด 2567” แม้โครงของเรื่องจะเล่าโฟกัสไปที่ “ผู้ชาย” แต่ละคน ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตของ “ทอง” แต่ฉากหลังที่ละครเรื่องนี้พยายามสอดแทรกไปในทุกบรรดาสามีคนแล้วคนเล่าของ “ทองดี” คือ การเพิ่มบทบาทของ “ผู้หญิง” ที่ไล่เฉดของตัวละครลงไปในละคร ทั้ง 2 แม่ผัวอย่าง “วรรณา” และ “ฤดี” หรือรุ่นใหญ่สายเหยี่ยวอย่าง “ซ้อทิพย์” รวมถึง “เจ๊จัน” และ “คุณหญิงอนงค์” ไล่นักข่าวอย่าง “แยม” ผู้จัดละครอย่าง “ดาว” ทุกตัวละครหญิงล้วนมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเรื่องราวของละครเรื่องนี้ และที่ต้องปรบมือให้ดังๆ คือ 2 ตัวละครหญิงที่ผูกพันกับตัวของทองทั้ง “แม่กิม” ที่ “เดือนเต็ม สาลิตุล” ขยี้ตีบทแตก เล่นละเอียดทำคนดูน้ำตาไหลในชะตากรรมตอนจบ แบบจะรักก็ไม่รัก อยากเกลียดก็ทำไม่ลง และ “แพท ณปภา” ที่แจ้งเกิดรอบที่ร้อยกับบท “พี่ศรี” ที่เล่นธรรมชาติที่สุดๆ ต่อบทกับ “ใบเฟิร์น” ได้เป๊ะปัง ยิงมุกก็ฮา พอจะเศร้าในตอนอวสาน ก็อดเห็นใจในชะตากรรมตัวละครนี้ไปไม่ได้ และแต่ละคนก็ถ่ายทอดบทบาทในฐานะ “นักแสดง” ออกมาได้น่าประทับใจ
เป็นผลสำเร็จกับการรวม “ดารานักแสดง” ทีมใหญ่ที่นับๆ ดูแล้วกว่า 30 ชีวิต ถ่ายทอดบทบาทออกมาแบบไม่มีใครจม บางคนมาน้อยแต่มาก ทุกตัวละครล้วนได้รับความจดจำ และต้องปรบมือดังๆ ให้กับ “Change2561” ที่บริหารจัดการดารามากมายขนาดนี้ให้ลงตัว ไม่ได้ขายที่ตัวดารา แต่ต้องเอาฝีมือมาสู้กันในละครด้วย
แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือการแสดงของ “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” ที่ยังไว้ใจในฝีมือได้ ลบ “คำครหา” ว่าได้แต่บทเดิมๆ ซ้ำๆ การแสดงของ “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” ทำให้เชื่อว่านี้คือ “ทองดี” สก๊อยใจแตกที่ลองผิด ลองถูก ชีวิตพลิกผันจนกลายเป็น “ทองประกาย” จนไม่เคยมองว่านี่คือ “ก้านแก้ว” จาก “หลงไฟ” เรียกว่าบทบาทไหนเธอคนนี้ก็เอาอยู่ และไม่ใช้โอกาสเปลืองแบบทิ้งขว้าง สมกับเป็นละครส่งท้ายปีที่ประสบความสำเร็จอีกเรื่อง
นอกจากตัวละครที่คนดูติดตามแบบไม่หายไปไหนแล้ว “ทองประกายแสด” ยังทำเรตติ้งละครในช่วง 2 ทุ่มได้เป็นอันดับ 1 ในหลายครั้ง ถือว่าเป็นปรากฎการณ์เปลี่ยนแปลงที่ทำให้ ”ช่องวัน31“ ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในเรตติ้งภาพรวมหลายวัน เป็นผลสำเร็จที่ช่องนี้ปรับเปลี่ยน รับฟัง ยอมรับคำติชม จนกลายเป็นนัมเบอร์วันช่วงละคร 2 ทุ่ม เป็นที่เรียบร้อย
“ทองประกายแสด” ถือว่าเป็นไพ่ใบเด็ดที่ “ช่องวัน31” ทิ้งลงบนโต๊ะแล้วเอาชนะ “กินรอบวง” คู่แข่งแบบถือไพ่ในมือสั่น ปรบมือให้กับสถานี “ช่องวัน31” ผู้จัดละคร “Change2561” กับความสำเร็จในครั้งนี้
และยินดีกับนักแสดงทุกคนรวมถึงทีมงาน นี่คือความสำเร็จแบบองค์รวมส่งท้ายปี สมกับความทุ่มเทที่สร้างสรรค์ “ทองประกายแสด” ให้ประกายความปังบนจอทีวีค่า
#เขวี้ยงรีโมท #ทีวีดิจิทัล #ช่องวัน31 #ทองประกายแสด

19/10/2024

สักรายการมั้ย? Workpoint ลองเอา “ซี-เอมี่” ทำพิธีกรคู่ ทำรายการทีวี น่าจะบันเทิงสุดๆ
กลายเป็นพิธีกรที่น่าจับตามองที่สุดส่งท้ายปี 2024 กับ “ซี ศิวัฒน์” ที่ได้รับภารกิจเป็นพิธีกรคนใหม่ใน “ร้องข้ามกำแพง” ได้รับเสียงคำชื่นชมแบบถล่มทลาย กลายเป็นเรื่องราวดีๆ ของช่อง Workpoint ที่แก้เกมจาก “วิกฤติ” ให้เป็น “โอกาส” ภายในเวลาไม่เกิน 48 ชั่วโมง ปรบมือดังๆ ให้กับทีมงานและผู้เกี่ยวข้องทุกท่านจริงๆ
เสน่ห์ของการเป็นพิธีกรของ “ซี ศิวัฒน์” ไม่ธรรมดา เพราะผู้ชายคนนี้มีความละมุน จังหวะส่งได้ดี และมีความสุภาพสูง เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ที่สำคัญความสามารถล้นเหลือ แสดงได้ พูดชัด และร้องเพลงเพราะมาก ถือว่า “ครบเครื่อง” ของแทร่ เป็นพิธีกรยืนเดี่ยวได้แบบไม่จมไม่หาย ที่สำคัญ “หล่อ” สะอาดแบบอาบน้ำวันละ 100 หน
สิ่งที่น่าจับตามองคือ หลังจากนี้ ช่อง Workpoint คงต้องใช้บริการ “ซี ศิวัฒน์” ในปี 2025 ยิงยาวไปไกลๆ ส่วนจะเป็นเดี่ยว หรือ จับคู่กับใคร ก็อยู่ที่ความเหมาะสมของตัวรายการ เวลาออนแอร์ และความนิยมต่อไป
แต่ที่น่าสนใจคือ หลายครั้งหลายหนที่ “ซี ศิวัฒน์” เป็นพิธีกร และมี “เอมี่ กลิ่นประทุม” มาเป็นผู้ร่วมรายการ รายการดูสนุก บันเทิง และมีสีสันอย่างมาก ถ้าจะออกตัวชงให้ ช่อง Workpoint จัดสัก 1 รายการ ให้สามีภรรยาคู่นี้มาเป็น “พิธีกรคู่กัน” คงจะบันเทิงไม่น้อย เพราะสามีก็ตลก ภรรยาก็มันส์ไม่แพ้กัน
ไหนๆ รายการออนไลน์ “Now You C-Amy” ก็ครบ 200EP. แล้ว ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูงในฝั่งออนไลน์ ถ้าแตกไลน์ หารูปแบบรายการเก๋ๆ วาไรตี้ก็ดี เกมโชว์เชิงแข่งขันแบบสามีภรรยา น่าจะทำให้สีสันของช่อง Workpoint มีเสน่ห์มากขึ้น หรือจะเป็นรายการร้องเพลงที่ช่องถนัดก็ไม่แพ้กัน สามีแข่งกับภรรยา สู้กันแบบผัวๆ เมียๆ ก็น่าจะสร้างความบันเทิงไม่น้อย ลองพิจารณาดูได้เลย จริงจังกลายเป็นอีกรายการที่เอาไว้ใช้เป็นตัวเลือกที่มากขึ้นไปอีกด้วย
แล้วถ้าเกิดขึ้นจริง ลองมา “ชง” กันสนุกๆ ถ้า “ซี-เอมี่” เป็นพิธีกรคู่กันบนจอทีวีช่อง Workpoint ควรจะเป็นรายการในรูปแบบไหน ออกไอเดียให้งานเข้าคู่สามีภรรยา “ซี-เอมี่” กันได้เลยจ้า
#เขวี้ยงรีโมท #ทีวีดิจิทัล #ซีศิวัฒน์ #เอมี่กลิ่นประทุม

17/10/2024

“หวานรักต้องห้าม” ละครมีมส่งท้ายปี 2024 “มาช่า” ปะทะ “แมท ภีรนีย์” เรียลดี ปัจจุบันสุดๆ
ผ่านไปแล้ว 4 อีพีที่น่าจะเป็นเรื่องฟันธงชัดๆ แล้วว่า “มาดามเคท” กับ “ผกามาลิน” ประกาศสงครามอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากนี้จะมีอะไรเด็ดๆ ให้เสพอีกบ้าง น่าจะสนุกสนาน สะใจคนที่ชอบละครแนวแบบนี้แน่ๆ
“หวานรักต้องห้าม” ใช้เส้นตัวละครหลักของ “บัวปริ่มน้ำ” แต่ดัดแปลงบทให้ทันยุคทันสมัย ใครที่เคยดู “บัวปริ่มน้ำ” เมื่อ 10 ปีที่แล้ว จะรู้สึกว่า เอ๊ะ! เวอร์ชันนี้จะเริ่ดเท่ากับของเดิมมั้ย เพราะของเดิมคือ ตัวละครสีเทาทุกตัว ต่างมีรอยแผลในชีวิตเยอะ และ “ผกามาลิน” คือตัวละครที่ฉีกภาพนางเอกแสนเรียบร้อยออกไปต่างจากเรื่องอื่น แถมยังเป็นละครในตำนานที่ได้ เรท ฉ. อีกด้วย
สำหรับเวอร์ชันนี้ ใครที่ตั้งใจดู จะรู้ว่า “หวาน รักต้องห้าม” มีภาพซีนเด็ด มีมเด่น ได้น่าสนใจมากโดยเฉพาะฉากที่ “มาดามเคท” ปะทะฝีปากกับ “ผกามาลิน” ทะเลาะได้เรียลดี ตอบโต้กันสุดบันเทิง ถือว่าผ่อนคลายไปได้เยอะ แคปเอาไปใช้ในกรุ๊ปไลน์ได้แบบขำขำ
สิ่งที่ต้องชื่นชม คือ การกลับมาเล่นละครในรอบ 5 ปีของ “แมท ภีรนีย์” เรื่องนี้เล่นได้เรียลมาก คำพูดดูเข้าปาก เชื่อว่าเป็นแม่ค้าออนไลน์จริง ตอนไลฟ์ขายของคือ ยั่วจริง สวยจริง ลีลาท่าทางมีจริตผ่านโลกมามาก ตีโจทย์ได้ดี ไม่ผิดหวังในการกลับมาเล่นละครเรื่องนี้
อีกคนที่ต้องปรบมือดังๆ คือ “เจนนี่ ปาหนัน” ที่รับบท “พรเลิศ” ได้ “เลิศ” สมชื่อ เรื่องนี้ได้ยกระดับฝีมือการแสดงของเจนนี่อย่างมาก เป็นที่ปรึกษาของ “ผกามาลิน” ได้ดี เป็นตัวแทนของคนที่ทำงานหาเงิน มีสติในการใช้ชีวิต และเปลี่ยนภาพจำในละครว่า ตัวละคร LGBTQ+ ต้องขายขำ ขายตลก แต่เรื่องนี้ ขายสมองแบบมีความสุข ช่วยแก้ปัญหา และที่สำคัญประสบความสำเร็จในชีวิตด้านความรักและการมีครอบครัวแบบเปิดเผย
ส่วน “มาดามเคท” ระดับพี่ช่าเล่นได้ดีนะ ถึงแม้บางคำพูดจะออกแนวท่องจำ แต่ภาพรวมถือว่าดี๊ดีที่ได้เห็นชีเล่นละครเป็นตัวแซบๆ ท่าโพสต์ ท่านั่ง จริตมาเฟียสุดๆ เวลาที่มีซีนเข้าฉากกับแมท มี “มีม” ให้จำจดเสมอ ถือว่า “สูสี” สร้างเสน่ห์ให้กับละครเรื่องนี้อย่างมาก และอีกคนที่ต้องพูดถึง “ดอม เหตระกูล” ที่เรื่องนี้โคตรแซบ โคตรแน่น เห็นแล้วใจสั่นตลอด โดยเฉพาะฉากแช่ในน้ำ ใจหวิวมากค่ะพี่ดอม
มาถึงพระเอก “ไมกี้ ปณิธาน” ที่รับบทเป็น “คธา” เรื่องนี้พัฒนาฝีมือได้น่าสนใจ “สายตาผสมกับความหล่อ” ดูน่าดึงดูด ปากแจ๋ว กล้าได้กล้าเสีย เป็นพระเอกอีกคนที่น่าจับตามองในวิกพระรามสี่มากๆ ส่วน “โยเกิร์ต” เล่นเป็น “จีน่า” เลขาส่วนตัวของมาดามเคท ได้สวยมาก แพงมาก สมาร์ทมาก เด็ดขาด ฉลาดจริงจัง ปรบมือดังๆ ให้เลยค่ะ
ภาพรวมของละคร “หวานรักต้องห้าม” บทค่อนข้างดีเลย เห็นตัวละครแบบนี้ได้ในความเป็นจริง ดูได้ไม่เสียดายค่าไฟ ถ้าชอบเรื่องผัวๆ เมียๆ แต่ผสมเรื่องการใช้ชีวิต เสพดูได้ไม่เสียหาย เน้นด้นสด ถ่ายทำแบบใหม่ ฟีลแนวกำกับหนัง มาใช้กับงานละคร แต่คนที่ไม่คุ้นชิน อาจจะมึนหัวหน่อยๆ กับกล้องที่เน้นการแสดงออกทางสีหน้า ฟีลโชว์งานผิว อาจจะดูเหมือนมีคนจ้องหน้าตลอดเวลา แต่ทั้งหมด คือ ลูกเล่นใหม่ๆ ที่อย่างน้อยก็กล้าที่จะปรับเปลี่ยนให้ดูแตกต่าง ต้องนับถือน้ำใจผู้กำกับคนนี้เลย
และที่น่าลุ้น เรื่องนี้จะสามารถกู้สถานการณ์ให้กับ “แอน ทองประสม” กลับมาเป็นที่ชื่นชมในฐานะของ “ผู้จัดละคร” ได้มั้ย หลังจากที่โดนเสียงวิจารณ์เชิงลบไปกับ “โลกหมุนรอบเธอ” ไปแบบเอกฉันท์
“หวานรักต้องห้าม” ออกอากาศทุกวันจันทร์และอังคาร เวลา 2 ทุ่มครึ่ง ทางช่อง 3HD กดหมายเลข 33 สงครามระหว่าง “มาดามเคท” กับ “ผกามาลิน” จะลงเอยในรูปแบบไหน นอกจากเตรียมรถดับเพลิงมารอหน้าตึกมาลีนนท์แล้ว เตรียมเซฟ “มีม” เด็ดๆ แคปซีนหน้าซูมๆ เอาไว้ใช้เล่นตอนคอมเม้นท์ใน Facebook เลยค่า
#เขวี้ยงรีโมท #ทีวีดิจิทัล #ช่อง3กด33 #หวานรักต้องห้าม

16/10/2024

“ซี ศิวัฒน์” พิธีกรคนใหม่ “ร้องข้ามกำแพง” เริ่มวันพฤหัสฯ นี้เลย 17 ตุลาคม 2567
หลังจากยิงโปรโมทตอนออนทีวี แต่พอมาเป็นออนไลน์ ก็ตัดช่วงนั้นทิ้ง ทำเอาคนดูคาดเดาว่าจะลงเอยยังไงกับ “ร้องข้ามกำแพง” และข้อสรุปก็เปิดออกมาแล้วว่า “หวยไม่ล็อก” ออกที่ “ซี ศิวัฒน์” พิธีกรขาประจำของช่อง Workpoint ที่จะเป็นพิธีกรคนใหม่ของ “ร้องข้ามกำแพง” ฟอร์มดีวันดีคืน
นอกจากพิธีกรจะฟอร์มดีแล้ว ทีมงานก็ฟอร์มดี ฟอร์มเด่น งานไฟไหม้ ยกนิ้วให้กับทีมงาน ถ่ายปุ๊บ ตัดปั๊บ ออนปุ๊บ ทันที สดๆ ร้อนๆ จากห้องส่งบางพูนไปเลยจ้า (ทีมตัดต่อตาลอยไปแล้วตอนนี้) กอดให้กำลังใจทีมงานค่ายนี้ที่แก้ปัญหาให้ทันกับการออนแอร์ แสดงความเป็นมืออาชีพอย่างสูงจริงๆ
ส่วนเทปที่อัดสต็อกไปแล้ว จะเอายังไงต่อ รอให้ทีมงานเค้ามาคอมเม้นท์เอาเองเลยน้า สรุปว่าไป เจอ "ซี ศิวัฒน์" ในช่วง 2 ทุ่ม 2 วันรวด (วันพุธ/เพลงรักของเธอ วันพฤหัสฯ/ร้องข้ามกำแพง)
ต้อนรับความสนุกกับพิธีกรคนใหม่ ความสนุกแบบใหม่ ใน "ร้องข้ามกำแพง" ออกอากาศทุกวันพฤหัสบดี เวลา 2 ทุ่มเป็นต้นไป ช่องเวิร์คพอยท์ กดหมายเลข 23 เริ่มวันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคมนี้เลยค่า
#เขวี้ยงรีโมท #ทีวีดิจิทัล #ร้องข้ามกำแพง

14/10/2024

ปรับผังด่วน! Workpoint ส่ง “เพลงรักของเธอ” ลงจอแทน “The Mask Soulmate”
กระทบสุด อะไรสุด นอกจากผู้เสียหายจากปรากฏการณ์ The iCON ก็เห็นจะเป็นวิกบางพูน ช่อง Workpoint เพราะ “บอสกันต์” ที่เปรียบเสมือนพิธีกรเรือธงของสถานี ถูกเล็งดวงชาตะแบบเต็มๆ ชนิดที่ต้องประกาศยุติบทบาทพิธีกรทั้งหมด จนกว่าความจริงจะปรากฏ ซึ่งไม่รู้จะกินระยะเวลานานเท่านั้น ส่วนรายการประจำอย่าง “ร้องข้ามกำแพง” ที่จำเป็นต้องออนแอร์ในตอนเกิดเรื่อง ต้องแบบขึ้นกราฟิก ว่าบันทึกเทปก่อนวันเกิดเหตุจนหลายคนแชร์กันสนั่นเมือง
แต่ที่เละแน่ๆ คือ “The Mask Soulmate” ที่ยิงโปรโมทจ่อลงจอ 16 ตุลาคมนี้ ที่ในแฟนเพจเอาวันที่เริ่มออนแอร์ออกจากภาพไปได้ระยะนึงแล้ว ตอนแรกคิดว่าจะใช้มุกเดิมคือ กราฟิกระบุวันอัดเทป แต่แว่วมาว่าลูกค้าหลายเจ้าตะโกนดังๆ ว่า “ไม่ปลื้ม” จนแล้วจดรอดกลายเป็นว่า ช่องหม้อหุงข้าว ตัดสินใจส่งโปรแกรมใหม่แบบฟ้าแลบ อย่าง “เพลงรักของเธอ” ลัดคิวลงจอ ซึ่งถือว่าเป็นการแก้เกมในสถานการณ์ไฟร้อน ที่ไม่ให้ไฟลามทุ่ง ใช้เวลาการตัดสินใจแบบเร่งด่วน เพราะสังเกตจากฉากแล้ว สอยมาจาก “หม่ำแจ๊ส” ถือว่าเป็นการแก้เกมในช่วงนี้ไปก่อน
"SING ME YOUR SONG เพลงรักของเธอ" เป็นรายการวาไรตี้ส่งความสุขผ่านเสียงเพลง รูปแบบรายการสบายๆ ดูเพลินๆ พร้อมกับการจับคู่อีกครั้งของ 2 พิธีกร “ป๋ากิ๊ก” และ “ซี ศิวัฒน์” เทปแรกประเดิมด้วยแขกรับเชิญวง “สาว สาว สาว” เท่ากับว่า ในช่วงเวลา 2 ทุ่มครึ่ง เราจะได้เจอ “ป๋ากิ๊ก” ถึง 3 วันรวด (วันจันทร์/หัวท้ายตายก่อน วันอังคาร/แฝดคนละฝา วันพุธ/เพลงรักของเธอ)
ส่วนที่น่าลุ้นจริงจังคือ “The Mask Soulmate” จะมีความคืบหน้าอย่างไร จะต้องปรับเปลี่ยนใหม่ ใส่พิธีกรเดิมหรือ เพิ่มเติมรื้อทั้งหมด แก้ไขได้ในจุดไหนบ้าง หรืออาจจะต้องพับโปรเจคนี้ทิ้งไปเลย นี่คืออีกเคสในวงการทีวีที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว
"SING ME YOUR SONG เพลงรักของเธอ" ออกอากาศทุกวันพุธ เวลา 2 ทุ่มเป็นต้นไป เริ่มตอนแรก วันพุธที่ 16 ตุลาคมนี้ ช่องเวิร์คพอยท์ กดหมายเลข 23 ติดตามกันได้เลยจ้า
#เขวี้ยงรีโมท #ทีวีดิจิทัล ักของเธอ

01/10/2024

“Remember จำ จน ตาย” ซีรีส์สุดพรีเมียม ลุ้นจนตัวโก่ง ดูฟรีได้แล้วที่ช่อง Mono29 เท่านั้น
ลุยแบบต่อเนื่องกับ ช่อง Mono 29 ที่ขอสอยเวลาช่วง 2 ทุ่มครึ่ง ปล่อย “สัตย์เสือ” เรื่องล่าสุด ใช้คำว่า “ประสบความสำเร็จ” อย่างสูง แย่งเรตติ้งมาแบบสวยๆ ทำสูงสุดไปได้ที่ 2.6 แถมยังได้รับคำชื่นชมว่า เรื่องนี้สนุก บู๊มัน ยิงยับ ตอนนี้ส่งต่อให้กับซีรีส์ระดับพรีเมียม รีเมกจากเกาหลี “Remember จำ จน ตาย” ออนแอร์ต่อไม่รอแล้วนะ
“Remember จำ จน ตาย” เส้นเรื่องมีความสนุกระทึกใจ เพราะตัวพระเอกต้องต่อสู้ให้กับอนาคตของตัวเองและพ่อที่โดนคดีร้ายแรง แต่ซ้ำร้ายกว่านั้นคือ พ่อมีความจำที่เลือนลาง แถมชีวิตยังหาความพึ่งพากฎหมายไม่ได้ ต้องเดินหน้าต่อสู้กับอิทธิพลมืด เนื้อเรื่องมีความเข้มข้น ได้เห็น ความสีขาว สีเทา สีดำ ที่เคลือบในตัวตนของตัวละคร และวิธีแก้ปัญหาของพระเอกที่สมเหตุสมผล
นักแสดงในเรื่องก็เป็นระดับพรีเมียม เห็นหน้าปั๊บรู้ชื่อปุ๊บ โดยเฉพาะ “นน นนกุล” ที่ฝีมือการแสดงดีวันดีคืน มาพร้อมกับนางเอกฟรีแลนซ์ “บัว นลินทิพย์” ที่ปล่อยเคมีได้น่าสนใจ คอยเชียร์เคียงข้างพระเอกเสมอทุกนาทีที่เกิดเรื่อง และนักแสดงระดับเอลิสต์ “ชาคริต แย้มนาม” ทนายสุดเจ้าเล่ห์ กับ “แท่ง ศักดิ์สิทธิ์” ที่เล่นเป็นพ่อที่มีปัญหาทางด้านความทรงจำ รวมถึง “ไนกี้ นิธิดล” ที่พลิกจากพระเอกกล้ามใหญ่ มาเป็นตัวร้ายที่ชั่วสุดๆ ในเรื่อง ทั้งหมด คือ ส่วนผสมหลักของ ”Remember จำ จน ตาย“
ความสนุกของเรื่องนี้ การันตีจากเสียงชื่นชมในโลกออนไลน์ เพราะทันทีที่สตรีมครั้งแรกใน Monomax ไม่ถึงชั่วโมง ก็ติดเทรนด์อันดับ 1 บน X ไปแล้ว และครั้งนี้จะมาออนแอร์บนฟรีทีวีช่อง Mono 29 เป็นครั้งแรกอีกด้วย ถือว่าเป็น “กำไร” แฟนช่อง Mono29 ที่จะได้ดูฝีมือการถ่ายทอดซีรีส์เรื่องนี้ในโปรดักชันของ Mono Original
สิ่งที่น่าสนใจอีกเรื่อง คือ คุณภาพของการถ่ายทำ มีความละเอียดสูง มุมกล้องใส่ใจคนดู มีความทันสมัย ไม่ซ้ำจำเจ สั่นเป็นแผ่นดินไหว การโฟกัสสีหน้าของตัวละครถือว่าเรื่องนี้ทำได้ดีเลยด้วย สีภาพดูดีเป็นมิตรกับสายตาทุกวัย เทียบกับของต้นฉบับได้แบบสนิทใจ นี่คือฝีมือระดับผู้ผลิตคนไทยที่ถ้าตั้งใจทำให้ดี ก็สามารถทำได้
ลองพิสูจน์ด้วยตาของตัวเองเลย “Remember จำ จน ตาย” ออกอากาศทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 2 ทุ่มครึ่ง ทางช่อง Mono29 ล้างหน้าล้างตาให้พร้อม เสพให้ “จำ จน ตาย” ไปกับซีรีส์เรื่องนี้ได้เลยจ้า
#เขวี้ยงรีโมท #ทีวีดิจิทัล