ThaiPublica ความโปร่งใสและยั่งยืน

สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า ThaiPublica.org ก่อตั้งในเดือนกันยายน 2554 นำเสนอข่าวสืบสวนสอบสวน เน้นประเด็นตรวจสอบความโปร่งใสภาครัฐ ความโปร่งใสภาคเอกชน และการพัฒนาที่ยั่งยืน ดำเนินงานโดยทีมงานนักข่าวอาชีพที่มีประสบการณ์ในวงการรวมกันกว่า 60 ปี

ไทยพับลิก้ามุ่งหวังที่จะใช้อินเทอร์เน็ตเป็นทั้งพื้นที่ในการนำเสนอข่าวและแลกเปลี่ยนกับผู้อ่าน และเป็นเครื่องมือในการทำงาน โดยเชื่อมั่นในพลังของสื่อใหม่ว่า การ

ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นพื้นที่และเครื่องมือจะช่วยดำรงความเป็นอิสระของกองบรรณาธิการ ก้าวข้ามข้อจำกัดของสื่อกระแสหลัก และสร้างความแตกต่างให้กับสำนักข่าวไทยพับลิก้า ทั้งในแง่ของการนำเสนอข่าวเชิงลึก และการนำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างเข้าใจง่าย

เราเชื่อมั่นว่า การนำ "ความเร็ว" ของพลังสังคมและข้อมูลข่าวสารในโลกออนไลน์ มาผสานกับ "ประสิทธิภาพ" ของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในการเชื่อมโยงและนำเสนอข้อมูล ผนวกกับ "ความลึก" ของนักข่าวมืออาชีพมากประสบการณ์ จะเปิดมิติใหม่ให้แก่วงการสื่อสารมวลชนไทย

ไทยพับลิก้าภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมิตินี้

บรรณาธิการบริหารและบรรณาธิการด้านความยั่งยืน
บุญลาภ ภูสุวรรณ

บรรณาธิการข่าวข้อมูล
กมล ชวาลวิทย์

บรรณาธิการข่าวต่างประเทศ
จิระประภา กุลโชติ

กองบรรณาธิการ
สิรินาฏ ศิริสุนทร ผู้สื่อข่าว
จารุกิตติ์ ธีรตาพงศ์ ผู้สื่อข่าว

ช่างภาพ
ทศวรรษ เนียมวิวัฒน์

กราฟิก
ณัฐวดี สุทธิสาร


คณะกรรมการที่ปรึกษา
คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
บรรยง พงษ์พานิช ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน)
พงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน)
ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
ธาริษา วัฒนเกส อดีตผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย
รตยา จันทรเทียร ประธาน มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร

ลีกวนยู เซย์ โน ทู กาสิโน| คอลัมน์ | จากยุค 1.0  #ยุคบ่อนบ้าน ที่มีมาแต่อดีตกาล ก้าวสู่ยุค 5.0  #ยุคกาสิโนโดยกลุ่มทุน กร...
16/11/2024

ลีกวนยู เซย์ โน ทู กาสิโน
| คอลัมน์ | จากยุค 1.0 #ยุคบ่อนบ้าน ที่มีมาแต่อดีตกาล ก้าวสู่ยุค 5.0 #ยุคกาสิโนโดยกลุ่มทุน กรณีศึกษาที่ทั่วโลกยอมรับมากที่สุด คือ “สิงคโปร์”
มีเรื่องเล่าพาดพิงถึงชีวิตของบุคคล 2 คน คนแรกคือ ‘ลีกวนยู’ แห่งสิงคโปร์ คนที่สอง คือ ‘สแตนลีย์ โฮ’ แห่งมาเก๊า คนหนึ่งคือผู้นำประเทศ คนหนึ่งคือเจ้าพ่อกาสิโน คนหนึ่งปฏิเสธกาสิโน คนหนึ่งร่ำรวยเพราะกาสิโน ทั้งคู่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ต่างกันเพียง 2 ปี
ลีกวนยู ปฏิเสธข้อเสนอขอสร้างกาสิโนในสิงคโปร์ของสแตนลีย์ โฮ อย่างไม่สนใจใยดี และประกาศว่า “ขอสร้างชาติด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และจะไม่ขอพึ่งเงินจากการพนัน”
สิงคโปร์เองในสมัยนั้นไม่ต่างจากมาเก๊า ตรงที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากเป็นเมืองท่า หรืออาจจะไม่ต่างจาก สปป.ลาว หรือกัมพูชา ที่บอบช้ำกับสงครามคอมมิวนิสต์
เพียงแต่ ลีกวนยู ไม่เลือกง้อเงินพนัน ขณะที่ผู้ปกครองมาเก๊า ลาว และกัมพูชาคิดต่างออกไป
ลีกวนยู ตั้งใจจะทำให้สิงคโปร์เป็น “First World Oasis” เป็นจุดแวะพักจุดแรกของชาวตะวันตกที่เดินทางมาทวีปเอเซีย
ไม่น่าเชื่อว่า เพียง 8 ปีหลังจากได้รับเอกราชที่คาดไม่ถึง ลีกวนยู และชาวสิงคโปร์ทำงานอย่างหนัก เพื่อพัฒนาตัวเองเป็นเมืองท่าปลอดภาษี เป็นศูนย์กลางการบินและการเดินเรือ เป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้า และเป็นศูนย์กลางการเงิน
จวบจนปลายทศวรรษ 1990 เมื่อทำทุกอย่างจนแทบไม่เหลืออะไรให้ทำอีกแล้ว จนประเทศมีระบบที่มีประสิทธิภาพและสะอาดมากจนเป็นที่เลื่องลือ สิงคโปร์จึงยอมรับข้อเสนอเรื่องการเปิด “Integrated Resort” หรือรีสอร์ตแบบบูรณาการที่รวมเอากิจการหลาย ๆ อย่างไว้ด้วยกัน รวมทั้งกาสิโน
แต่นั่นไม่ใช่ในสมัยของลีกวนยู เป็นยุคของผู้นำรุ่นที่ 3 ที่มีชื่อว่า ‘ลีเซียนลุง’ บุตรชายของเขาเอง ซึ่งลีกวนยู ก็ยังคงไม่เห็นด้วยกับการหวังเงินจากการพนันเช่นเคย
สิ่งที่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ลีกวนยู ยอมให้ลูกชายที่เป็นนายกรัฐมนตรีเปิดกาสิโน คือ งานวิจัย
ThaiPublica ชวนอ่านต้นแบบของกาสิโนยุค 5.0 ที่น่าสนใจที่สุดและประสบปัญหาน้อยที่สุดของสิงคโปร์ อันเป็นความท้าทายของผู้บริหารประเทศอื่น ๆ ว่าจะสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ กับความสงบสุขทางสังคมได้อย่างไร
คลิก https://thaipublica.org/2024/11/gambling-literacy18/
บทความโดย: ธนากร คมกฤส
#กาสิโน #สิงคโปร์ #ไทยพับลิก้า

กรณี “ดิไอคอน” กับความตื่นตัวเรื่อง “แชร์ลูกโซ่” ในลาว| สู่อาเซียน | การดำเนินคดีกับ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ในประเทศไทย ได...
16/11/2024

กรณี “ดิไอคอน” กับความตื่นตัวเรื่อง “แชร์ลูกโซ่” ในลาว
| สู่อาเซียน | การดำเนินคดีกับ บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ในประเทศไทย ได้กระตุ้นความตื่นตัวในสังคมลาว ให้ตระหนักอย่างจริงจังถึงพิษภัยของแชร์ลูกโซ่ สื่อมวลชนหลายสำนักในลาวพยายามนำเสนอข้อมูลให้ความรู้แก่ประชาชน เพื่อให้สามารถแยกแยะได้ว่า ระหว่างธุรกิจขายตรงสินค้าทางออนไลน์กับแชร์ลูกโซ่ มีความแตกต่างกันอย่างไร
วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 2567 หนังสือพิมพ์ “ลาวพัฒนา” ซึ่งเป็นสื่อของรัฐ รายงานว่าระหว่างวันที่ 22-31 ตุลาคม 2567 มีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการร่วมลงทุนธุรกิจกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ลาว (The Icon Group Laos) มาแสดงตัวและแจ้งยอดความเสียหายที่ได้รับกับกรมแข่งขันทางธุรกิจและตรวจตราการค้าแล้ว 24 ราย มีมูลค่าความเสียหายรวมเกือบ 4 ล้านบาท แบ่งเป็นความเสียหายสกุลเงินกีบ 250 ล้านกีบ หรือประมาณ 3.85 แสนบาท และความเสียหายที่เป็นสกุลเงินบาทอีก 3.6 ล้านบาท
แม้ว่าตัวเลขผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของแชร์ลูกโซ่ “ดิไอคอน กรุ๊ป” ในลาว อาจดูน้อยเมื่อเทียบกับยอดผู้เสียหายในประเทศไทยที่มีมากกว่า 1 หมื่นคน มูลค่าความเสียหายรวมหลายพันล้านบาท แต่ตามรายงานข่าวของสื่อในลาวระบุว่า กรมแข่งขันทางธุรกิจและตรวจตราการค้า ยังคงรอรับการรายงานข้อมูลจากผู้ที่ได้รับความเสียหายต่อไป จนกว่าจะยืนยันได้แน่นอนแล้วว่าจะไม่มีผู้ใดมาแจ้งข้อมูลเพิ่มอีก เพื่อจะได้นำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้เป็นหลักฐาน สำหรับดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายกับแชร์ลูกโซ่กลุ่มนี้
ThaiPublica ชวนเกาะกระแสเหยื่อแชร์ลูกโซ่ในลาว ที่เริ่มทะยอยออกมาแสดงตนกับทางการ หลังประเทศไทยเริ่มดำเนินคดีกับ “ดิไอคอน กรุ๊ป” โดยหลายสื่อพยายามนำเสนอข้อมูลเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่ในอดีต ที่เคยหลอกลวงคนลาวให้หลงเชื่อ จนสูญเสียเงินไปแล้วเป็นจำนวนมากมาเผยแพร่ เพื่อเตือนประชาชนลาวให้เพิ่มความระมัดระวังและรู้เท่าทันเพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อ แต่ความตื่นตัวครั้งนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้มีแชร์ลูกโซ่กลุ่มใหม่ เกิดขึ้นอีกในลาวได้อีดหรือไม่...
คลิก https://thaipublica.org/2024/11/pundop146/
บทความโดย: ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์
#ลาว #แชร์ลูกโซ่ #ดิไอคอนกรุ๊ป #ไทยพับลิก้า

16/11/2024

#แนวปะการังเทียม
ไม่เพียงช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม
แต่กลาโหมสหรัฐฯ ยังมุ่งพัฒนา
เพื่อลดความรุนแรงของพายุ
(รายละเอียดใน Comment)

COP29 : การเจรจาการเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเดินหน้า แม้ไร้ผู้นำประเทศใหญ่| Sustainability | การประชุมรัฐภาคี...
16/11/2024

COP29 : การเจรจาการเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเดินหน้า แม้ไร้ผู้นำประเทศใหญ่
| Sustainability | การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 29 (UNFCCC COP29) ณ กรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน ระหว่างวันที่ 11 – 22 พ.ย. 2567 มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมประมาณ 70,000 คน รวมถึงประมุขแห่งรัฐและรัฐบาล
แต่ปรากฎว่าในการประชุมเมื่อวันอังคาร(12 พ.ย. 2567) ไม่มีชื่อประเทศใหญ่ ๆ ค่อนข้างมากและประเทศมหาอำนาจก็ขาดหายไปอย่างเห็นได้ชัดจากการรายงานของสำนักข่าว Associated Press (AP)
การเจรจาที่ผ่านมามักมีผู้นำระดับดาวดัง แต่การประชุมที่กำลังมีขึ้นในอาเซอร์ไบจาน ไม่มีผู้นำระดับสูงของประเทศที่สร้างมลพิษคาร์บอนไดออกไซด์ที่ใหญ่ที่สุด 13 ประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีส่วนต่อการสะสมก๊าซดักความร้อนกว่า 70% ที่ปล่อยออกมาเมื่อปีที่แล้ว
“คนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ไม่มา” ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก ของเบลารุส กล่าวระหว่างการปราศรัยที่การประชุมสุดยอด “ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจ”
ผู้ก่อมลพิษรายใหญ่ที่สุดของโลกและเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่สุด จีนและสหรัฐอเมริกา ไม่ได้ส่งผู้นำอันดับหนึ่งมา เช่นเดียวกับอินเดีย และอินโดนีเซีย ทั้งที่เป็น 4 ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า 42% ของประชากรโลก
“มันเป็นอาการของการขาดเจตจำนงทางการเมืองที่จะดำเนินการ ไม่ตระหนักถึงความเร่งด่วน” บิล แฮร์ นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Climate Analytics กล่าว และชี้ว่าเรื่องนี้อธิบายถึง “ความยุ่งเหยิงที่เรากำลังเผชิญอยู่”
จุดสนใจหลักของการเจรจาในปีนี้คือการเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประเทศที่ร่ำรวยกว่าจะชดเชยประเทศยากจนสำหรับความเสียหายจากสภาพอากาศสุดขั้วของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ช่วยจ่ายเงินให้ประเทศยากจนเพื่อเปลี่ยนเศรษฐกิจลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และช่วยเหลือในการปรับตัว
“ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ประเทศที่ร่ำรวยกว่า กำลังพยายามมองข้ามความสำคัญทางการเงินที่สำคัญของ COP นี้ พวกเขากำลังพยายามหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบในการชดใช้” ราเชล คลีตัส จาก Union of Concerned Scientists กล่าว
อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม..ข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง https://thaipublica.org/2024/11/cop29-azerbaijan/
#การเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ #ไทยพับลิก้า

EIC คาด "อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย" จะผ่านจุดต่ำสุดได้ช่วงครึ่งหลังปี 2568 จากนั้นจะค่อยทยอยฟื้นตัว| Research Reports | อุตสา...
16/11/2024

EIC คาด "อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย" จะผ่านจุดต่ำสุดได้ช่วงครึ่งหลังปี 2568 จากนั้นจะค่อยทยอยฟื้นตัว
| Research Reports | อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ยังคงเผชิญความท้าทายจากอุปสงค์ในประเทศที่เปราะบาง ส่งผลให้ตลาดรถยนต์และจักรยานยนต์มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ช้า ขณะที่กลุ่มยานยนต์เชิงพาณิชย์คาดว่าจะทยอยกลับมาคึกคัก โดยได้รับอานิสงส์จากการค้าชายแดนและผ่านแดน รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัวต่อเนื่อง
ในปี 2568 SCB EIC คาดว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศ จะทรงตัวในระดับต่ำที่ 5.5 แสนคัน โดยในระยะปานกลางมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ช้า และยังไม่สามารถกลับสู่ช่วง Pre-Covid ได้ในภายในปี 2571 เนื่องจากเผชิญกับผลพวงต่อเนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมของผู้บริโภค
ผู้บริโภคบางส่วนชะลอการตัดสินใจซื้อรถออกไป จากปัจจัยต่อไปนี้

1) สถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ

2) กำลังซื้อในภาพรวมค่อนข้างเปราะบาง

3) พฤติกรรมการใช้รถของคนไทยยาวนานขึ้น

4) การแข่งขันด้านราคาที่ทวีความรุนแรง
นอกจากนี้ ยังคงต้องติดตาม Vicious cycle ในตลาดยานยนต์ไทย อันเกิดจากการที่สถาบันการเงินมีแนวโน้มตรึงความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ เนื่องจากมีความกังวลต่อทิศทางราคารถยนต์มือ 2 ที่คาดว่าจะปรับลดลงอีก เพราะปัญหาอุปทานส่วนเกินจากกลุ่มรถยึด
ปัญหาดังกล่าวจะกดดันยอดขายรถยนต์ใหม่ให้ซบเซาต่อเนื่อง และทำให้เหล่าตัวแทนจำหน่ายต้องหันมาเน้นแข่งขันกันด้วยราคา ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมมูลค่าของหลักประกันหมวดยานยนต์ให้เสื่อมค่าลงอย่างต่อเนื่อง
อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม..ข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง https://thaipublica.org/2024/11/eic-industryinsigth-automotive/
#อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย #ตลาดรถยนต์ #ราคารถยนต์มือ2 #ไทยพาณิชย์ #ไทยพับลิก้า

สหรัฐฯ ส่ง "โบราณวัตถุบ้านเชียง" อายุ 2,000 ปีคืนไทย กระทรวงวัฒนธรรมเตรียมรับอีกสองชิ้น| เกาะกระแส | เมื่อวันที่ 14 พฤศจ...
16/11/2024

สหรัฐฯ ส่ง "โบราณวัตถุบ้านเชียง" อายุ 2,000 ปีคืนไทย กระทรวงวัฒนธรรมเตรียมรับอีกสองชิ้น
| เกาะกระแส | เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งเป็น “วันสากลเพื่อการต่อต้านการลักลอบค้าทรัพย์สินทางวัฒนธรรม” สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานยูเนสโกระดับภูมิภาค ณ กรุงเทพมหานคร และกรมศิลปากร จัดพิธีส่งคืนโบราณวัตถุจากแหล่งมรดกโลกบ้านเชียง ซึ่งเป็นที่ตั้งรกรากยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาคเอเชียอาคเนย์
สำหรับการส่งคืนโบราณวัตถุบ้านเชียงในครั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร ได้รับการประสานจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ อเมริกาประจำประเทศไทยว่า สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้พบภาชนะบ้านเชียงถูกเก็บรักษาไว้ในสำนักงาน ซึ่งคาดว่ามีผู้นำไปมอบให้แก่บุตรชายของอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2509 จึงขอความร่วมมือกรมศิลปากรตรวจพิสูจน์โบราณวัตถุดังกล่าว เมื่อเดือนสิงหาคม 2567
กรมศิลปากรโดยสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ได้ไปตรวจพิสูจน์โบราณวัตถุ พบว่าเป็นภาชนะสมัยบ้านเชียงที่มีอายุ 2,000 ปีขึ้นไปจริง โบราณวัตถุดังกล่าวมีลวดลายเขียนสีแดงที่เป็นเอกลักษณ์ของเครื่องปั้นดินเผา จากแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนว่าเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม..ข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง https://thaipublica.org/2024/11/us-repatriates-ban-chiang-artefacts-to-thailand/
#โบราณวัตถุบ้านเชียง #ทรัพย์สินทางวัฒนธรรม #สมบัติทางวัฒนธรรม #ไทยพับลิก้า

16/11/2024

คาดการณ์ภายใน 3 ปี
ปัญหา #พลังงานไม่เพียงพอ
จะจำกัดขีดความสามารถ
AI - Data Center ถึง 40%
(รายละเอียดใน Comment)

ไทยพาณิชย์ เปิดโครงการ “เริ่ม เพื่อ รอด” เตรียมสินเชื่อ - Mentor ยกระดับ ‘SME’ กว่า 1,000 ราย สู่ ESG| Sustainability | ...
15/11/2024

ไทยพาณิชย์ เปิดโครงการ “เริ่ม เพื่อ รอด” เตรียมสินเชื่อ - Mentor ยกระดับ ‘SME’ กว่า 1,000 ราย สู่ ESG
| Sustainability | ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดโครงการ “เริ่ม เพื่อ รอด” เตรียมอัดฉีดเงินทุนแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SME) เพื่อยกธุรกิจมุ่งสู่ความยั่งยืน ผนึกกำลังภาครัฐมอบแคมเปญพิเศษค่าปรึกษาทางด้านการปรับตัวธุรกิจ พร้อมเปิดตัว Mentor 4 Sustainability ช่วยวางยุทธศาสตร์การทำงาน ตั้งเป้าจำนวนลูกค้าเอสเอ็มอีเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนไม่น้อยกว่า 1,000 กิจการ และสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนประมาณปีละ 2,000 ล้านบาท
‘นางพิกุล ศรีมหันต์‘ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ธุรกิจเอสเอ็มอียังคงเผชิญความท้าทายสำคัญจากราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ผันผวน ตามด้วยต้นทุนค่าแรงที่ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ความกังวลทางเศรษฐกิจ ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากคู่แข่งใหม่ ๆ
คลื่นความท้าทายใหม่ที่กำลังสร้างผลกระทบให้แก่เอสเอ็มอีไทย คือ การปรับตัวการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวคิดดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึง สิ่งแวดล้อม-สังคม-ธรรมาภิบาล (ESG) เพราะเอสเอ็มอีเป็นส่วนใหญ่ของซัพพลายเชนที่ต้องปรับตัวตามธุรกิจขนาดใหญ่ หากไม่เร่งดำเนินการจะเสียโอกาสทางการค้าและสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว
จากการทำกิจกรรมร่วมกับเอสเอ็มอีในหลักสูตรต่าง ๆ ที่ผ่านมา พบว่า จุดอ่อนของเอสเอ็มอีในการปรับตัวเข้าสู่กระแส ESG มี 5 ข้อ ได้แก่

▪️ ขาดความรู้และความเข้าใจ
▪️ กังวลต่อต้นทุนที่จะสูงขึ้นจากการปรับตัว
▪️ เงินทุนและสภาพคล่องที่อาจไม่เพียงพอ
▪️ ความตระหนักรู้ของพนักงานค่อนข้างจำกัด
▪️ คู่ค้ายังไม่ให้ความสำคัญอาจยังไม่เห็นผลกระทบ
อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม..ข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง https://thaipublica.org/2024/11/scb-launched-start-now-initiative-leading-smes-toward-sustainable-transformation/
#เริ่มเพื่อรอด #ธุรกิจมุ่งสู่ความยั่งยืน #สินเชื่อเพื่อความยั่งยืน #ไทยพาณิชย์ #ไทยพับลิก้า

สรรพสามิตเปิดตัว ‘แสตมป์ QR Code’ สกัดบุหรี่เถื่อนทะลัก – เพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บภาษี| เกาะกระแส | เมื่อวันที่ 15 พฤศจิก...
15/11/2024

สรรพสามิตเปิดตัว ‘แสตมป์ QR Code’ สกัดบุหรี่เถื่อนทะลัก – เพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บภาษี
| เกาะกระแส | เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.00 น. ‘ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล’ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในงานแถลงข่าวเปิดตัว “ระบบ QR บุหรี่ ตรวจ-ติด-ตาม” ณ อาคารสำนักงานการยาสูบแห่งประเทศไทย ตำบลอุทัย อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (โรงงานยาสูบโรจนะ)
ระบบ “QR บุหรี่ ตรวจ-ติด-ตาม” เป็นแสตมป์สรรพสามิต ประเภทแสตมป์ยาสูบใช้สำหรับบุหรี่ที่ผลิตในประเทศ และบุหรี่นำเข้า (ในระยะต่อไป) โดยการจัดพิมพ์ลวดลายป้องกันการปลอมแปลงบนดวงแสตมป์ (Security Features) ด้วย เทคโนโลยี Unique QR Code ที่มีรหัสตรวจสอบ 13 หลัก ไม่ซ้ำกัน (Serial Number) เป็นเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว และนำไปปิดผนึกบนซองบุหรี่ทุกซอง
สามารถตรวจสอบข้อมูล (Validation) ได้โดยง่าย เพียงใช้ Smart Phone สแกน จากนั้นจะแสดงผลข้อมูล ได้แก่ สถานะการชำระภาษี, วันที่ชำระภาษี, ผู้ประกอบการ, ตราสินค้า, รายละเอียดสินค้า และสถานที่จัดส่ง
ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ร้านค้าเจ้าหน้าที่ ประชาชน สามารถตรวจสอบ QR Code ได้ด้วยตัวเอง เพียงสแกนจะรู้ทันทีว่าบุหรี่แต่ละซองใครผลิต ผลิตเมื่อไหร่ ชำระภาษีหรือยัง กระจายไปอยู่ที่ไหนบ้าง ซองไหนบุหรี่แท้ ซองไหนบุหรี่เถื่อน เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค
นอกจากนี้ กรมสรรพสามิตยังสามารถติดตาม และตรวจสอบข้อมูลได้ว่า แสตมป์ที่ชำระภาษีแล้วจ่ายออกไปอยู่ที่ไหน ทำให้การจัดเก็บเต็มเม็ดเต็มหน่วยยิ่งขึ้น และยังใช้ต่อสู้กับบุหรี่เถื่อนที่กำลังระบาด และยังสามารถสืบค้นและติดตามข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ เพื่อนำมาใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มการบริโภคบุหรี่ในเชิงลึกได้อีกด้วย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม..ข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง https://thaipublica.org/2024/11/excise-launches-qr-code-stamp-to-curb-illegal-cigarettes-influx/
ุหรี่ #บุหรี่เถื่อน #ภาษีสรรพสามิต #ไทยพับลิก้า

15/11/2024

จับตา 20 มกราคม 2025
#โดนัลด์ทรัมป์ สาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
วันสิ้นสุดเป็นทางการ
“ยุคอเมริกาเป็นผู้นำโลก”
(รายละเอียดใน Comment)

SMR การหวนกลับมาของนิวเคลียร์ ตอนที่ 4 : โรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะเป็นอนาคตของโลกThaiPublica | คอลัมน์ | ชวนผู้อ่านภูมิทัศน์พ...
15/11/2024

SMR การหวนกลับมาของนิวเคลียร์ ตอนที่ 4 : โรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะเป็นอนาคตของโลก
ThaiPublica | คอลัมน์ | ชวนผู้อ่านภูมิทัศน์พลังงานโลกที่จะเปลี่ยนแปลงไป (Energy Landscape) จากการสร้าง Small Modular Reactor (SMR) ที่จะมีจำนวนเพิ่มมากกว่าการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดใหญ่ และจะเป็นอนาคตของโลก
คลิก https://thaipublica.org/2024/11/drmp3-smr-4/
บทความโดย: ดร.ภิญโญ มีชำนะ
#โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ #เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็ก #ไทยพับลิก้า

15/11/2024

Foxconn เตรียมลงทุน
80 ล้านดอลลาร์
ขยายการผลิตชิปใน #เวียดนาม
(รายละเอียดใน Comment)

สหรัฐฯ ส่ง "โบราณวัตถุบ้านเชียง" อายุ 2,000 ปีคืนไทย กระทรวงวัฒนธรรมเตรียมรับอีกสองชิ้น| เกาะกระแส | เมื่อวันที่ 14 พฤศจ...
15/11/2024

สหรัฐฯ ส่ง "โบราณวัตถุบ้านเชียง" อายุ 2,000 ปีคืนไทย กระทรวงวัฒนธรรมเตรียมรับอีกสองชิ้น
| เกาะกระแส | เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งเป็น “วันสากลเพื่อการต่อต้านการลักลอบค้าทรัพย์สินทางวัฒนธรรม” สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ร่วมกับสำนักงานยูเนสโกระดับภูมิภาค ณ กรุงเทพมหานคร และกรมศิลปากร จัดพิธีส่งคืนโบราณวัตถุจากแหล่งมรดกโลกบ้านเชียง ซึ่งเป็นที่ตั้งรกรากยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาคเอเชียอาคเนย์
‘นายโรเบิร์ต แฟรงก์ โกเด็ค’ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และ ‘นายราฟีค แมนซัวร์’ รองผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา เป็นผู้แทนส่งมอบโบราณวัตถุให้ ‘นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมของประเทศไทย โดยมี ‘ซูฮย็อน คิม’ ผู้อำนวยการส่วนภูมิภาค สำนักงานยูเนสโกส่วนภูมิภาค ณ กรุงเทพฯ เป็นสักขีพยาน ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร
สำหรับการส่งคืนโบราณวัตถุบ้านเชียงในครั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร ได้รับการประสานจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ อเมริกาประจำประเทศไทยว่า สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้พบภาชนะบ้านเชียงถูกเก็บรักษาไว้ในสำนักงาน ซึ่งคาดว่ามีผู้นำไปมอบให้แก่บุตรชายของอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2509 จึงขอความร่วมมือกรมศิลปากรตรวจพิสูจน์โบราณวัตถุดังกล่าว เมื่อเดือนสิงหาคม 2567
กรมศิลปากรโดยสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ได้ไปตรวจพิสูจน์โบราณวัตถุ พบว่าเป็นภาชนะสมัยบ้านเชียงที่มีอายุ 2,000 ปีขึ้นไปจริง โบราณวัตถุดังกล่าวมีลวดลายเขียนสีแดงที่เป็นเอกลักษณ์ของเครื่องปั้นดินเผา จากแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนว่าเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม..ข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง https://thaipublica.org/2024/11/us-repatriates-ban-chiang-artefacts-to-thailand/
#โบราณวัตถุบ้านเชียง #ทรัพย์สินทางวัฒนธรรม #สมบัติทางวัฒนธรรม #ไทยพับลิก้า

กรุงศรี “GO Sustainable with krungsri” ชู Market Shaper พร้อม Transition Plan ให้ภาคอุตสาหกรรมสู่ความยั่งยืน| Sustainabi...
15/11/2024

กรุงศรี “GO Sustainable with krungsri” ชู Market Shaper พร้อม Transition Plan ให้ภาคอุตสาหกรรมสู่ความยั่งยืน
| Sustainability | ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ ขับเคลื่อนสู่เป้าหมายในการเป็น “ธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน” (The Leading Sustainable and Regional Bank) ด้วยแนวคิด “GO Sustainable with krungsri” ให้ความสำคัญทั้งเรื่องการเติบโตอย่างยั่งยืนและรักษาความเป็นผู้นำทางธุรกิจ พร้อมทั้งเคียงข้างให้การสนับสนุนลูกค้าเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน สร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับเศรษฐกิจและสังคม
นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภายใต้กลยุทธ์ในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย “ธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน” ตามแผนธุรกิจระยะกลางฉบับปัจจุบัน กรุงศรีให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเพื่อความยั่งยืนใน 2 ด้านหลัก
ด้านแรก คือ การเติบโตอย่างยั่งยืนและรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจหลัก (Sustainable Core Business) ซึ่งมุ่งนำดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ พร้อมทั้งให้ความสำคัญด้านความร่วมมือกับพันธมิตรและการสร้างอีโคซิสเต็มส์ให้กับธุรกิจทั้งในประเทศและอาเซียน และ
ด้านที่สอง คือ การขับเคลื่อนเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมและเศรษฐกิจที่ยั่งยืน (Sustainable Society) โดยให้การสนับสนุนลูกค้าเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน และให้ความสำคัญกับการสร้างผลลัพธ์เชิงบวกต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศไทยในภาพรวม ซึ่งทั้งหมดนี้กรุงศรีจะดำเนินการภายใต้แนวคิด “GO Sustainable with krungsri” เพื่อเดินหน้าสู่เส้นทางของความยั่งยืนร่วมกัน
ทั้งนี้ ในการขับเคลื่อนเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมและเศรษฐกิจที่ยั่งยืน (Sustainable Society) มีหลากหลายโครงการที่กรุงศรีได้ดำเนินการมาแล้วอย่างต่อเนื่อง และยังคงเดินหน้าต่อไป รวมถึงพัฒนาโครงการใหม่ ๆ โดยเฉพาะในมิติด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเรื่องหลักที่ทั่วโลกให้ความสำคัญและกำลังเร่งดำเนินการ เพื่อรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้น
โดยในปี 2564 กรุงศรีได้มีการกำหนดวิสัยทัศน์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Krungsri Net Zero Vision) ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการทางธุรกิจของธนาคารภายในปี 2573 และจากการให้บริการทางการเงินทั้งหมดภายในปี 2593 เพื่อบรรลุสู่เป้าหมายที่วางไว้
อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม..ข่าวและบทความที่เกี่ยวข้อง https://thaipublica.org/2024/11/go-sustainable-with-krungsri/
#การเงินเพื่อความยั่งยืน #กรุงศรี #ไทยพับลิก้า

Thaipublica’s Pick: คาดการณ์ภายใน 3 ปี ”ปัญหาพลังงานไม่เพียงพอ“ จะเป็นปัจจัยจำกัดขีดความสามารถ AI - Data Center ถึง 40%ก...
15/11/2024

Thaipublica’s Pick: คาดการณ์ภายใน 3 ปี ”ปัญหาพลังงานไม่เพียงพอ“ จะเป็นปัจจัยจำกัดขีดความสามารถ AI - Data Center ถึง 40%
การใช้พลังงานของ GenAI ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว จะเกินกำลังการผลิตของผู้ให้บริการสาธารณูปโภค
บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาการ์ทเนอร์ ระบุว่า AI และ Generative AI (GenAI) กำลังผลักดันการใช้พลังงานไฟฟ้าให้พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยคาดการณ์ว่าในอีก 2 ปีข้างหน้า ตลาด Data Center อาจเติบโตสูงถึง 160% และในปี 2570 AI และ Data Center ถึง 40% จะประสบกับการถูกจำกัดประสิทธิภาพการดำเนินงาน เนื่องจากขีดจำกัดด้านพลังงาน
‘บ็อบ จอห์นสัน’ รองประธานนักวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วของ Data Center ระดับไฮเปอร์สเกลใหม่ ๆ เพื่อรองรับ GenAI ทำให้เกิดความต้องการการใช้พลังงานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และนำไปสู่การถึงขีดจำกัดของความสามารถในการขยายกำลังการผลิตของผู้ให้บริการสาธารณูปโภค ส่งผลให้เกิดปัญหาพลังงานไม่เพียงพอและจำกัดการเติบโตของ Data Center ใหม่ ๆ ที่รองรับ GenAI รวมถึงการใช้งานอื่น ๆ ตั้งแต่ปี 2569
การ์ทเนอร์ ประเมินว่าในปี 2570 ปริมาณพลังงานที่ Data Center ต้องใช้เพื่อขับเคลื่อนเซิร์ฟเวอร์ที่เพิ่มขึ้น และปรับแต่งสำหรับ AI จะทะยานไปถึง 500 เทราวัตต์ต่อชั่วโมง (TWh) ต่อปี ซึ่งมากกว่าปี 2566 ถึง 2.6 เท่า
Data Center ขนาดใหญ่ใหม่ ๆ ออกแบบมาเพื่อรองรับปริมาณข้อมูลมหาศาล ที่จำเป็นสำหรับการฝึกฝนและปรับใช้ของ Large Language Models (LLMs) อันเป็นพื้นฐานของแอปพลิเคชัน GenAI ที่กำลังขยายตัวรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม การขาดแคลนพลังงานในระยะสั้นมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปอีกหลายปี เนื่องจากการจัดส่งพลังงาน การจัดจำหน่ายและการผลิตพลังงานใหม่ อาจใช้เวลาหลายปีกว่าจะเริ่มใช้งานได้ ซึ่งจะไม่สามารถบรรเทาปัญหาในปัจจุบันลงได้
"การใช้ Data Center เพิ่มขึ้น ยังนำไปสู่การปล่อยก๊าซคาร์บอนที่เพิ่มขึ้นด้วย ส่งผลให้เกิดการผลิตพลังงานที่จำเป็นในระยะสั้น ทำให้ผู้ประกอบการ Data Center และลูกค้าของพวกเขาพบความยากลำบากมากขึ้น ในการบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนที่เข้มงวดด้านการปล่อยก๊าซคาร์บอน" จอห์นสัน กล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ตามรายงานของการ์ทเนอร์ ชี้ว่า Data Center ต้องการพลังงานที่พร้อมใช้งานตลอด 24/7 ซึ่งพลังงานหมุนเวียน อาทิ พลังงานลมหรือพลังงานแสงอาทิตย์ ไม่สามารถจัดหาให้ได้โดยไม่มีแหล่งพลังงานทางเลือกในช่วงที่ไม่สามารถผลิตพลังงานได้
การ์ทเนอร์ ระบุว่าพลังงานที่เชื่อถือได้ตลอด 24/7 สามารถผลิตได้จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ เชื้อเพลิงฟอสซิล หรือนิวเคลียร์เท่านั้น ซึ่งในระยะยาว เทคโนโลยีใหม่สำหรับการกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่ที่ดีขึ้น เช่น แบตเตอรี่โซเดียมไอออน หรือพลังงานสะอาด เช่น เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็ก จะพร้อมใช้งานและช่วยให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน
ที่มา: Gartner
#ปัญหาพลังงานไม่เพียงพอ #ก๊าซคาร์บอน #การ์ทเนอร์ #ไทยพับลิก้า

15/11/2024

EIC วิเคราะห์ปี 2568
วัฏจักรขาขึ้น #สินค้าอิเล็กทรอนิกส์
ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกเปราะบาง
และเศรษฐกิจจีนชะลอลง
(รายละเอียดใน Comment)

14/11/2024

“เศรษฐกิจใหม่” ไม่ใช่แค่กรุงเทพฯ
ทำอย่างไรให้เศรษฐกิจไทย
ถูกขับเคลื่อนจากทั้งประเทศ
เปิดโอกาสให้คนกลับไป
สร้างตัวในท้องถิ่นได้
(รายละเอียดใน Comment)

ทีดีอาร์ไอ แนะภาคผลิตและภาคบริการ Adaptation รับโลกรวน “จัดโซนนิ่ง - ย้ายโรงงาน - ท่องเที่ยวไม่อิงฤดูกาล”| Adaptation รั...
14/11/2024

ทีดีอาร์ไอ แนะภาคผลิตและภาคบริการ Adaptation รับโลกรวน “จัดโซนนิ่ง - ย้ายโรงงาน - ท่องเที่ยวไม่อิงฤดูกาล”
| Adaptation รับมือโลกเดือด | เวทีสัมมนาสาธารณะประจำปี 2567 ซึ่งเป็นปีครบรอบ 40 ปี สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ‘ดร.นพรุจ จินดาสมบัติเจริญ‘ นักวิชาการทีดีอาร์ไอ นำเสนองานวิจัยในหัวข้อ “ช่วยภาคการผลิต…ไม่ติดปัญหาท่วม - แล้ง” โดยกล่าวถึง ภาคอุตสาหกรรมของไทยที่กำลังเผชิญกับผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ดร.นพรุจ กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมมีความเสี่ยงทั้งภัยน้ำท่วมและภัยแล้ง ที่มีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต โดยเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ได้ส่งผลกระทบเศรษฐกิจไทยมาถึง 1.4 ล้านล้านบาท โดยกว่า 70% เป็นภาคการผลิต ที่ได้รับความเสียหายต่อทรัพย์สินกว่า 5.1 แสนล้านบาท และความสูญเสียต่อโอกาสทางเศรษฐกิจกว่า 4.93 แสนล้านบาท เนื่องจากรายได้ลดลงและรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
นอกจากปัญหาน้ำท่วมแล้ว ยังพบว่ามีปัญหาเรื่องน้ำไม่เพียงพอ ซึ่งปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่ EEC โดยในปัจจุบันถือว่าเป็นหนึ่งในฐานการผลิตหลักของประเทศ มีนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ทั้งหมด 30 แห่ง สร้างจีดีพีให้กับประเทศสูงถึง 33% หรือมูลค่า 19 ล้านล้านบาท
“ปัญหาขาดแคลนน้ำในพื้นที่ EEC มีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้น” จากแผนการพัฒนาในอนาคต โดยภายในปี 2560 เพิ่มพื้นที่อุตสาหกรรมสูงถึง 64% ทำให้มีความต้องการน้ำเพิ่มขึ้นประมาณ 28% และเพิ่มสูงกว่าปริมาณน้ำต้นทุนในปี 2560 อยู่ที่ 2,419 ล้าน ลูกบาศเมตรเพิ่มเป็น 2,539 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งปริมาณน้ำต้นทุนขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝนของแต่ละปี นั่นหมายความว่าถ้าเป็นปีที่มีภัยแล้งจะมีความลำบาก และความท้าทายในด้านของการบริหารจัดการน้ำมาก
“ภาวะโลกรวนอาจจะทำให้เกิดผลกระทบหนักขึ้น ซึ่งจากแบบจำลอง IPCC RCP 4.5 พบว่าภายใน 20 ถึง 30 ปีข้างหน้า ภาคกลางมีความเสี่ยงที่จะน้ำท่วมสูงขึ้นจากปริมาณน้ำฝนสูงสุดในรอบ 5 วัน โดยอยุธยาจะมีปริมาณฝนเพิ่ม +38% ส่วนปทุมธานี เพิ่ม +26% และส่วนในพื้นที่ EEC จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดภัยแล้งมากขึ้น”
ดร.นพรุจ กล่าวว่า ความน่ากังวลของผลกระทบจากภาวะโลกรวน คือ การกระจุกตัวของอุตสาหกรรมอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล อยุธยาและEEC มากถึง 55% และสัดส่วนจีดีพีอุตสาหกรรมมากถึง 71% นั่นหมายถึง เรากำลังปล่อยให้ภาคอุตสาหกรรมเผชิญกับความเสี่ยงในอนาคต ที่อาจจะทำให้เกิดผลกระทบต่อชื่อเสียงของประเทศอย่างหนัก เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในปี 2554
อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม..ข่าวแและบทความที่เกี่ยวข้อง https://thaipublica.org/2024/11/tdri-adaptation-to-climate-change05/
ับโลกรวน #นพรุจจินดาสมบัติเจริญ #ทีดีอาร์ไอ #ไทยพับลิก้า

ที่อยู่

Bangkok

เบอร์โทรศัพท์

+6629706998

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ThaiPublicaผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง ThaiPublica:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์

Our Story

สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า ThaiPublica.org ก่อตั้งในเดือนกันยายน 2554 นำเสนอข่าวสืบสวนสอบสวน เน้นประเด็นตรวจสอบความโปร่งใสภาครัฐ ความโปร่งใสภาคเอกชน และการพัฒนาที่ยั่งยืน ดำเนินงานโดยทีมงานนักข่าวอาชีพที่มีประสบการณ์ในวงการรวมกันกว่า 60 ปี ไทยพับลิก้ามุ่งหวังที่จะใช้อินเทอร์เน็ตเป็นทั้งพื้นที่ในการนำเสนอข่าวและแลกเปลี่ยนกับผู้อ่าน และเป็นเครื่องมือในการทำงาน โดยเชื่อมั่นในพลังของสื่อใหม่ว่า การใช้อินเทอร์เน็ตเป็นพื้นที่และเครื่องมือจะช่วยดำรงความเป็นอิสระของกองบรรณาธิการ ก้าวข้ามข้อจำกัดของสื่อกระแสหลัก และสร้างความแตกต่างให้กับสำนักข่าวไทยพับลิก้า ทั้งในแง่ของการนำเสนอข่าวเชิงลึก และการนำเสนอข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างเข้าใจง่าย เราเชื่อมั่นว่า การนำ "ความเร็ว" ของพลังสังคมและข้อมูลข่าวสารในโลกออนไลน์ มาผสานกับ "ประสิทธิภาพ" ของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในการเชื่อมโยงและนำเสนอข้อมูล ผนวกกับ "ความลึก" ของนักข่าวมืออาชีพมากประสบการณ์ จะเปิดมิติใหม่ให้แก่วงการสื่อสารมวลชนไทย ไทยพับลิก้าภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมิตินี้ บรรณาธิการบริหาร บุญลาภ ภูสุวรรณ กองบรรณาธิการไทยพับลิก้า กมล ชวาลวิทย์ ผู้สื่อข่าวอาวุโส อโนทัย จันทร์ดี ผู้สื่อข่าวอาวุโส จิรัฐิติ ขันติพะโล ผู้สื่อข่าว เอมปวีณ์ วัชระตระการพงศ์ ผู้สื่อข่าว กัลย์สุดา ปานอ่อน เลขานุการกองบรรณาธิการ คณะบรรณาธิการ ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ openbooks และพิธีกร บุญลาภ ภูสุวรรณ อดีตบรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ ประชาชาติธุรกิจ ปกป้อง จันวิทย์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สฤณี อาชวานันทกุล นักเขียนอิสระ และบล็อกเกอร์ สนิทสุดา เอกชัย ผู้ช่วยบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ Bangkok Post คณะกรรมการที่ปรึกษา คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บรรยง พงษ์พานิช ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) พงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ธาริษา วัฒนเกส อดีตผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย รตยา จันทรเทียร ประธาน มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร พันธมิตรออนไลน์ เครือข่ายพลเมืองเน็ต - http://www.thainetizen.org/ ประชาไท - http://www.prachatai.com/ ประสงค์ดอทคอม - http://www.prasong.com/ สำนักข่าวอิศรา - http://www.isranews.org/ ศูนย์ข้อมูลและข่าวสืบสวนเพื่อสิทธิพลเมือง (TCIJ) - http://www.tcijthai.com/ โอเพ่นออนไลน์ - http://www.onopen.com/ ไอลอว์ (iLaw) - http://www.ilaw.or.th/


บริษัทด้านสื่อ/ข่าวสาร อื่นๆใน Bangkok

แสดงผลทั้งหมด