Wasit วาศิษฐ

06/03/2020

Friyay 🎆✨

02/03/2020

Monday ✌

27/02/2020

มาอัพเดตกันหน่อยครับ มีประโยชน์ครับ

ข้อมูลน่าสนใจช่วงที่ 1 จาก Thailand Zocial Awards 2020 ในหัวข้อ The SHIFT to consumer insight (โดย คุณกล้า ตั้งสุวรรณ CEO ของ Wisesight)

- คนไทยไม่ได้ใช้ social media เพิ่มขึ้น แต่ปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้น ( 36% )

-84% ของแบรนด์ที่ Wisesight ศึกษากว่า 1,399 แบรนด์ พบว่า มีการใช้ social media ในการสื่อสารกับผู้บริโภคอย่างน้อย 2 แพลตฟอร์ม

- p90 คือ เกณฑ์ในการวัด engagement อ้างอิงจากคอนเทนท์ที่ได้รับ engagement สูงกว่าคอนเทนท์อีก 90% ที่เหลือ เปรียบเทียบในแต่ละ industry และแต่ละแพลตฟอร์ม ซึ่งนักการตลาดสายคอนเทนท์ สามารถใช้ตัวนี้ในการทำ benchmark คอนเทนท์ของธุรกิจเราได้

- บน YouTube ค่า engagement ไม่สำคัญเท่ายอดวิว ซึ่ง P90 บน YouTube คือ 630,499 views

- Influencer 97% นำเสนอเนื้อหาข้ามหมวดอย่างน้อย 2 หมวดตลอดเวลา (Influencing boundary is blurred)

-มีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงมากๆ ระหว่างคอนเทนท์ของ Influencer ประเภทอาหาร-ท่องเที่ยว/ อาหาร-บิวตี้ /อาหารสุขภาพ-ออกกำลังกาย / อาหาร-cooking

-ดังนั้น การเลือก influencer อาจจะไม่ได้มี category เป๊ะๆอีกต่อไป ให้หาความเชื่อมโยงในเชิงคอนเทนท์ที่เหมาะกับแบรนด์เป็นหลัก

-เพลงลูกทุ่ง มีการเติบโตอย่างรวดเร็วมากตลอดปีที่ผ่านมา

- 12 จาก 20 เพลงที่มียอดวิวสูงสุดบน YouTube คือ เพลงลูกทุ่ง

- Performance ของ top 10 เพลงลูกทุ่งสูงกว่า Top 10 เพลงประเภทอื่นถึง 12%

- ดังนั้น หากเราเป็นนักการตลาดที่ต้องการเข้าถึงลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น เพลงลูกทุ่งน่าสนใจมาก

============================

เรื่องแย่ๆบน social media (S**t) ก็มีนะ ได้แก่

มี 775k ข้อความที่พูดถึงการ bully

มี 1.3 ล้าน พูดถึงการขายบริการทางเพศบน social media อย่างเปิดเผย

มี 120k ข้อความ พูดถึงเรื่องการพนัน

========================

นี่แค่ส่วนหนึ่งของข้อมูลช่วงแรกเท่านั้น มาติดตามข้อมูลดีๆจากงาน กันต่อ ตลอดทั้งวันนะค้า♥️

20/02/2020

ลองมาฟังคนรุ่นใหม่ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดของยุคนี้กันครับ

https://youtu.be/KIFweQ25aNk

ติดตามเพิ่มเติมที่ได้ Website : ryounoi100lan.com http://bit.ly/2LdmyuV Facbook : อายุน้อยร้อยล้าน http://bit.ly/2zvF8c1 Youtube : อายุน้อยร้อยล้าน http://bi...

19/02/2020

"เงินจะขยายสิ่งที่เรามี ให้มากยิ่งขึ้น"

"เงินจะขยายสิ่งที่เรามี ให้มากยิ่งขึ้น"

นี่คือ Moment
ที่ทำให้ผมขนลุก

ใน 4-5 ปีที่ผ่านมา

และมันยังอยู่ในใจผมถึงทุกวันนี้

---

วันนั้น ในงาน Event (กลางปี 2016)
Business Mastery

Tony Robbins สอนเรื่อง
Asset allocation (การจัดการการเงิน)

หลักการคือ
ให้เราแบ่งเงินลงทุนเป็น 3 กอง

1. ลงทุนเสี่ยงน้อย (ผลตอบแทนน้อย)
2. ลงทุนเสี่ยงมาก (ผลตอบแทนมาก)
3. ลงทุนเพื่อความฝัน

เรื่องมีอยู่ว่า

Tony ถามว่า มีใครอยากจะแชร์ไหม
ว่าเงิน กองที่ 3 - เงินสำหรับความความฝัน

พวกเรา อยากจะเอาไปลงทุนทำอะไร?

มีผู้หญิงคนนึงยืนขึ้น
แล้วบอกว่า...

เงินกองนั้น
เค้าจะเอาไปเข้ากองทุน
กองทุนช่วยเหลือ เด็กกำพร้า
ที่ถูกทารุณกรรม

เธอบอกว่า
เด็กเหล่านี้ มีเยอะมาก
และถ้าใครที่ไม่เคยสัมผัส จะไม่รู้เลยว่า

ชีวิตพวกเค้าเหล่านั้น
ย่ำแย่ และต้องทนทุกข์ทรมาณมากแค่ไหน...

Tony ถามว่า..
ต้องใช้เงินประมาณเท่าไหร่
ที่จะช่วเด็กได้ 1 คน

เธอตอบว่า
ประมาณ 10,000 usd

Tony ไม่ลังเล
พูดออกมาทันทีว่า

งั้นเค้าขอบริจาค 100,000 usd
(ประมาณ 3.2 ล้าน)

เพื่อช่วยเด็กทั้งหมด 10 คน!!!

แต่ไม่ใช่แค่นั้น...

ทันใดนั้น
มีผู้ชายอีกคน ลุกขึ้นแล้วบอกว่า
ผมขอช่วยอีก 10,000 usd

จากนั้นก็คนที่ 2, 3, 4

เป็นสิบ
และท้ายที่สุด

หลายร้อยคน
(ตามที่เห็นในภาพ)
บริจาคคนละ 10,000 usd

เป็นภาพที่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
แค่ ชม. นี้ ชม. เดียว

คนในห้องนี้
ช่วยเด็กได้มากกว่า 1 ล้าน เหรียญ

ช่วยเด็กได้มากกว่า 100 คน

ในเวลาแค่ ชม. เดียว !

---

เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึง
สิ่งที่ Jim Rohn พูด

"เงิน จะขยายสิ่งที่คุณมี ให้มีมากขึ้น"

ถ้าคุณเป็นผู้ให้
คุณก็จะมีศักยภาพ ที่จะ "ให้" ได้มากขึ้น!

ถ้าคุณมีใจ คุณช่วยได้ในระดับนึง
แต่ถ้าคุณมีเงิน

คุณจะช่วยเค้าได้มากกว่ามาก !

เพราะฉะนั้น
ใครที่ทุกวันนี้...

ไม่คิดว่าการมีเงินเยอะๆ ความรวยไม่ใช่เรื่องสำคัญ
เพราะไม่ได้กินมาก
ไม่ได้ใช้อะไรมากมาย

ผมยิ่ง
อยากเชิญชวน

ให้คุณรวยเยอะๆ

เพราะคุณจะมีศักยภาพ "ให้" ออกไปได้เยอะ

วันนั้นคุณอาจจะมาอยู่ในห้องนี้
แล้วบอกว่า....

ผมขอช่วยเด็ก 100 คน
1 ล้าน USD ( 32 ล้านบาท )

ผมรับประกัน

ว่าคุณจะตื้นตัน
และมีความสุข อย่างบอกไม่ถูก

ตั้งเป้ากันนะครับ

เราทุกคน ต้องรวย!
(เพื่อที่เราจะได้ให้ ได้มากขึ้น)

ลุย 10x
Big Leap 2020

Un+Chirdpond (อั๋น เชิดพงษ์)

-----

PS: Post นี้ ผม Post ครั้งแรกเมื่อปี 2016
และ ผม repost นี้ทุกปี เพื่อย้ำเตือนเรื่องราวและเป้าหมาย

12/02/2020

https://youtu.be/2VvLyWQojZI

1 ใน 5 คอลัมนิสต์ประจำรายการ คุณตุ้ม สรกล อดุลยานนท์ มีเรื่องราวอีกด้านของแจ๊ค หม่า ที่อยากให้คุณรู้ และเราเ...

26/01/2020

HOW TO: 6 วิธี ดึงสติกลับมาทำงานหลังจากหยุดยาว
หยุดยาวไปเที่ยวมาเป็นอย่างไรกันบ้างครับ ? เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจจะสนุกสุดเหวี่ยง หรือ ได้พักผ่อนเต็มที่สุดขีด แต่แล้วเช้าวันถัดมามันช่างยากเหลือเกินที่จะดึงตัวเองลุกขึ้นมาจากที่นอน เพื่อตอกบัตรเข้าที่ทำงานอันเป็นที่รัก ทั้ง ๆ ที่ตอนไปเที่ยวนอนก็ดึก ตื่นก็เช้ายังทำไหวแท้ ๆ
แต่จะบอกให้ครับว่า เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องปกติ ขอเพียงให้วันที่ทำงานเราสามารถดึงสติกลับมาทำงานก็เป็นอันใช้ได้ และในวันนี้เราจะมาเล่าวิธีการดึงสติ 6 วิธีแบบง่าย ๆ กันครับ
1.ทำ To do list
การจะมีสติกลับมาทำงานในวันแรก ๆ หรือสัปดาห์แรกนั้นเป็นเรื่องยากครับ แต่หากเรามีตัวช่วยหรือรายการสิ่งที่ต้องทำ จะสามารถทำให้เราโฟกัสกับงานหรือสิ่งที่เป็นอยู่ได้ง่ายขึ้น หลังจากที่ทำรายการสิ่งที่ต้องทำขึ้นมาแล้วให้แปะมันไว้ในที่ ๆ เห็นง่าย หรือเป็นจุดดึงสายตา เพื่อไม่ให้เราวอกแวกนะครับ
2.เอาอาหาร/ขนม จากที่เที่ยวมากิน
เรารู้นะว่าคิดถึงปลาดิบจากแดนญี่ปุ่น ขนมอร่อย ๆ จากเกาหลี หรือจะเป็นอาหารท้องถิ่นจากต่างจังหวัด อย่าเก็บเอาไว้ที่บ้านเพียงอย่างเดียว! เอามากินที่ทำงานด้วยเลยดีกว่า เพราะอย่างน้อยจะได้คลายความเครียดจากการต้องกลับมาทำงานวันแรก ๆ ด้วยขนมอันเป็นที่รัก
3.ฟังเพลง
บรรยากาศเองก็สำคัญ ใจกับสติไม่อยู่ที่ทำงานแล้ว จะลงมือเอางานมันก็ยาก! แต่เราสามารถสร้างบรรยากาศให้เราดึงจิตดึงใจกลับมาทำงานได้ด้วยบรรยากาศรอบ ๆ ตัว จากการฟังเพลง ลองค่อย ๆ เลือกเพลงที่เป็น Track การโฟกัส หรือ Track ฟังเพลินระหว่างทำงาน น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีขึ้น
4.พักเที่ยงให้นานขึ้นหน่อย
บางคนอาจจะมีอาการ Post Vacation Blues หรืออาการซึมเศร้าหลังวันหยุดยาว การออกไปพักเที่ยงให้นานขึ้นหน่อย หยิบหนังสือเล่มโปรด เพื่อนคนสนิทไปนั่งทานข้าวให้ห่างจากออฟฟิศ หรือไปร้านกาแฟที่ยังไม่เคยไปในละแวกที่ทำงาน อาจจะช่วยให้เรารู้สึกเหมือนยังอยู่ในช่วงระหว่างไปเที่ยวได้ แถมหลังทานอาหารเที่ยงเสร็จ ลองเดินย่อยก่อนกลับมาทำงานจะทำให้สดชื่นมากยิ่งขึ้นไปอีก แต่อย่าพักนานเกินไปจนเลยเวลางานละครับ!
5.กลับมาทำกิจวัตรเดิม ๆ
ทำสิ่งที่เคยทำเป็นประจำก่อนไปเที่ยวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เช่น ปกติแล้วเราเป็นคนที่ต้องตื่นไปวิ่งตอนเช้า, ต้องทานอาหารเช้าก่อน 7 โมง หรือ ต้องชงกาแฟก่อนถึงจะเริ่มงานได้ พยายามทำให้ชีวิตกลับมาเป็นปกติให้เร็วที่สุด เพื่อปรับร่างกายให้เคยชิน
6.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การกลับมาทำงานวันแรก ๆ หรือช่วงสัปดาห์แรก บางทีงานที่เข้ามาอาจถาโถมจนเราทรุด และต้องรีบปั่นงานเหล่านั้นให้เสร็จ จนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก หากถึงเวลานอนแล้ว เราควรรีบเข้านอนให้ไว และค่อยตื่นมาทำงานที่ยังค้างคาให้เสร็จในตอนเช้าได้ โดยค่อย ๆจัดลำดับความสำคัญงานก่อนหลัง
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการพยายามกลับมาทำงานให้ดีได้ดังเดิม หรือถ้าใครมีวิธีไหนเอามาแชร์กันให้เพื่อน ๆ คนอื่นได้ลองทำตามกันบ้างนะครับ!
อ้างอิง
http://bit.ly/2UrRNFf
https://muse.cm/2Gp7ojN

#แชร์สิ่งเล็กๆให้ยิ่งใหญ่

อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
Line: (มี @ ด้วยนะครับ)
Instagram: instagram.com/brandthink.me/
Website: www.brandthink.me/
Twitter: twitter.com/BrandThinkme

26/01/2020

R.I.P : Clayton M. Christensen
อาจารย์ทางธุรกิจและนวัตกรรมคนสำคัญ

ทำ "100%" ง่ายกว่า 98% เสมอ

เมื่อ 23 มกราคมที่ผ่านมา
โลกได้สูญเสีย “อาจารย์” ทางธุรกิจและนวัตกรรมคนสำคัญ
ชื่อ “Clayton M. Christensen” แห่ง “Harvard Business School”
เขาคือผู้เขียนหนังสือเลื่องชื่ออย่าง “The Innovator’s Dilemma”
ที่ส่งอิทธิพลกับ CEO อย่าง “Steve Jobs” (Apple),
Reed Hastings (Netflix), และ Jeff Bezos (Amazon)
ถึงขั้นพวกเขาต้องนำเอาหลักการ ไปปรับใช้ในการทำงานกับทีม

นอกจากเล่าเรื่องทฤษฎีนวัตกรรม (Disruptive Innovation) แล้ว
Christensen ยังเขียนหนังสืออีกหนึ่งเล่ม “สำคัญ” อย่าง
“How Will You Measure Your Life?”
(มีแปลไทยในชื่อ “ปัญญาวิชาชีวิต”)
บอกเล่าแนวคิดการใช้ชีวิตให้มี “ความสุข” ในหน้าที่การงานและความสัมพันธ์
เพื่อตอบคำถามสำคัญ ก่อนถึงบั้นปลายชีวิตได้อย่างมีความหมาย
โดยประยุกต์ใช้ประสบการณ์ทางธุรกิจของเขา ในภาษาที่อ่านง่าย

มีบทเรียนมากมายน่าศึกษาในเล่มนี้
เรื่องที่ผมชอบสุดเรื่องหนึ่งอยู่ “บทสุดท้าย”
ว่าด้วยเรื่อง “การทำให้ได้ 100% ง่ายกว่า 98% เสมอ”

Christensen เล่าว่า มันง่ายมากที่มนุษย์จะฝ่าฝืนความตั้งใจหรือกฎ
ด้วยคำว่า “แค่ครั้งหนึ่ง”
(อาจเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่นการไม่ออกกำลังกายตามที่วางแผน)
เพราะการ “ทำตามใจอยากสักครั้ง” เมื่อหักลบข้อดีข้อเสียแล้ว
ไม่เห็นจะ “ส่งผลเสีย” อะไรในระยะสั้นขนาดนั้น

แต่ใน “ระยะยาว” คนเรามักต่อต้านคำว่า “อีกแค่ครั้งหนึ่ง” ไม่ไหว
จนทำผิด “ซ้ำ ๆ” เพราะเห็นเป็น “เรื่องเล็ก ๆ”
แต่..เมื่อเรายอมผ่อนปรนให้เกิด “ครั้งแรก” แล้ว
ไม่ยากเลย ที่ครั้งที่สอง สาม สี่ จะตามมา
จนทับถมกลายเป็น “ผลเสีย” มากมายต่อชีวิต
ดังนั้นแล้ว มันง่ายกว่ามาก ๆ ที่จะไปให้ถึงจุดหมายที่ต้องการ
ด้วยการเลือกทำ (หรือไม่ทำ) ให้ได้จริง ๆ “100%”

แต่คนชอบลืมเรื่องนี้ และนึกถึง “สิ่งที่จะเกิดขึ้นในระยะสั้น”
มากกว่า “สิ่งที่เราอาจเสียในระยะยาว”
จนทำให้ “ล้มเหลว” ทั้งในเชิงชีวิตและธุรกิจมานับไม่ถ้วน
Christensen เรียกเหตุการณ์เช่นนี้ว่าเป็น “กับดัก”
ของการคิดแบบ “Marginal Thinking”

ในเชิงธุรกิจ Christensen ยกกรณีของ “Blockbuster”
ที่ไม่ยอมปรับตัวสู้กับ “Netflix” เพราะคิดว่าเป็น
“การลงทุน” ในสิ่ง “ใหม่” ที่ไม่คุ้มค่าเลย
และ “Netflix” คงไม่มีทางสู้ในตลาดใหญ่ที่ Blockbuster ครองได้
มองระยะสั้น และคิดอย่างนี้ต่อมาเรื่อย ๆ
จนสุดท้าย..ราคาของการไม่ยอมปรับตัวในครั้งนั้นของ Blockbuster
คือการ “ล้มละลาย”

มองธุรกิจให้เป็นเรื่อง “ระยะยาว “
บางครั้ง คุณอาจต้องลงทุนมหาศาลสร้างสิ่งใหม่บ้าง
เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่าในอนาคต

และเมื่อมีอะไรมาท้าทายชีวิตคุณให้ “ทำตามใจอยากสักครั้ง”
อย่าลืมว่าการทำ “100%” ส่งผลดีต่ออนาคตคุณระยะยาว
มากกว่าการยอมผ่อนปรนให้เหลือ “98%” ได้อย่างมากมาย
แบบที่ “Christensen” ได้ฝากไว้
ใน "บทสุดท้าย"

*มีข้อคิดดี ๆ จากหนังสือนี้และเล่มอื่น ๆ ของ Christensen อีกเยอะ
อยากแนะนำให้ลองหามาอ่านกันครับ

#แปดบรรทัดครึ่ง
-----------
👂ฟัง - อาหารสมองทุกวันผ่าน Podcast แปดบรรทัดครึ่ง คลิกเลย: https://soundcloud.com/user-643868388
🚀ติดตาม - อาหารสมองสั้นๆ ผ่าน Line OA เพียงคลิก: https://line.me/R/ti/p/%40qkm0507r
📒อ่าน - บทความย้อนหลัง จัดหมวดหมู่ให้ใช้งานง่าย ที่ www.eighthalf.biz

24/01/2020

💮 ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ 💮
新正如意 新年发财
--------

🏮ปีใหม่นี้ คิดหวังสิ่งใดขอให้สมหวังสมปรารถนา มีความสุขมั่งคั่ง สุขภาพแข็งแรง โชคดีร่ำรวยตลอดปีหนูทองครับ🎋🎉

🎋🎊ฉลองตรุษจีนนี้ไปด้วยกันนะครับ 🎊🎋

04/11/2019

ซื้อทองเตรียมไปหล่อพระ อธิษฐานร่วมกันนะคะทุกคน #วันนี้วันพระ 🙏🙏🙏

03/11/2019

ยาวิเศษที่รักษาได้ทุกโรคที่ธรรมชาติ​มอบให้มนุษย์​เรานั้นมี 4 อย่าง คือ....
เวลา
การนอนหลับ
การออกกำลังกาย
และสุดท้าย คือ ความรัก
#เคมีรักระหว่างเรา 🥰🥰 มาส่งทุกคนเข้านอนครับ
#ขอให้นอนหลับฝันดีนะครับ 💚💚✨✨

08/10/2019

ตอนเกิดวิกฤตแย่ๆ สิ่งสำคัญที่สุดคืออะไร?

“อย่าตาย”
ตอนวิกฤตแย่ๆ สิ่งสำคัญที่สุดคืออย่าตาย ครับ อย่าตาย ต้องเอาชีวิตไว้ เอาชีวิตรอดให้ได้ แล้วเราจึงจะมีโอกาสคืน เป็นประสบการณ์ความรู้แล้ว เสียค่าเล่าเรียนแล้ว ถ้าตายไปก็ไม่มีอะไร เอาคืนไม่ได้แล้ว หมดโอกาสแล้ว
วิกฤตก็ตามมาด้วยโอกาส โอกาสก็จะตามมาด้วยวิกฤต อันนี้คู่กันนะครับ
ส่วนหนึ่งจากงานเปิดตัวหนังสือ
"ความสำเร็จ ดีใจได้วันเดียว" Exclusive Talk โดย ธนินท์ เจียรวนนท์

#ความสำเร็จดีใจได้วันเดียว
: หนังสือใหม่น่าอ่านครับ สนับสนุนให้คนไทยอ่านหนังสือ 🤓

#อ้วนวาศิษฐ
#วิถีคนสร้างตัว

07/10/2019

การเอาความสุขของเราไปขึ้นอยู่กับคนอื่น
ก็เหมือนการล็อคห้องส้วมที่บ้านเรา
แล้วเอากุญแจไปฝากคนนั้นคนนี้ไว้
จะปลดทุกข์แต่ละครั้ง ต้องวิ่งไปขอกุญแจ
ถ้าเขาไม่ให้ เราก็อั้นทุกข์ต่อไป
..จะทำแบบนั้นไปทำไม
เอากุญแจกลับมาเถอะ
ส้วมบ้านเราแท้ ๆ ว่ามั้ยครับ? 😂😅😜

05/10/2019

8 หนังสร้างไอเดีย และดีต่อใจที่เจ้าของธุรกิจควรนั่งดูยาวๆ
ในช่วงวันหยุดนี้....
เจ้าของธุรกิจคนไหนที่มีแผนในใจนอนเหยียดยาวผึ่งพุงดูทีวีอยู่กับบ้าน เราขอแนะนำหนัง 8 เรื่องที่เจ้าของธุรกิจควรดูไว้เป็นไอเดียในการทำธุรกิจให้ไปนอนดูเล่นๆ แต่อาจได้แง่มุมในการเริ่มต้นธุรกิจ การสร้างทีมงาน การแก้ปัญหาชีวิตต่างๆ หรือแม้แต่การสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบข้างของตัวเองได้อย่างคาดไม่ถึง

05/10/2019

1. The Founder
คือหนังที่เล่าถึงชีวิตของผู้ประกอบการ เรย์ คร็อก เซลล์แมนที่มองเห็นโอกาสจากร้านฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่งเลยขอซื้อแฟรนไชส์มาทำแบรนด์แมคโดนัลด์ จนโด่งดังไปทั่วโลกแทบลืมเจ้าของเดิม หนังเรื่องนี้เผยให้เห็นถึงวิธีการสร้างธุรกิจของคน 2 แบบคือ ผู้ประกอบการที่เริ่มต้นธุรกิจจากความคิดสร้างสรรค์ และนักธุรกิจที่มุ่งมั่นจะทำทุกทางอย่างไม่หยุดจนกว่าจะถึงความสำเร็จ ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งของเรย์ คร็อก ที่มากกว่าความทะเยอทะยาน และมองหาโอกาสอยู่เสมอคือ การสร้างทีม เรย์ คร็อก ไม่เลือกเอาคนบ้านรวยที่ว่างงานมาทำงาน แล้วทำไปสักพักก็มองว่าตัวเองอยู่เหนืองานระดับนี้ แล้วไม่มีใจต่องาน แต่เลือกคนที่มาทำแฮมเบอร์เกอร์อยู่หลังร้านให้แมคโดนัลด์แล้วรู้สึกว่านี่คือโอกาสของชีวิต หากไม่ได้ทำงานที่นี่เขาคงอาจจะไปเก็บขยะอยู่ หรือพ่อแม่เขาอาจจะไม่มีกินก็ได้

05/10/2019

2. Apollo 13
หนังเล่าถึงเหตุการณ์จริงของโครงการอพอลโล 13 ภารกิจระดับโลกส่งนักบิน 3 คนขึ้นสู่ดวงจันทร์ ของสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ประสบความสำเร็จมาแล้วจากโครงการอพอลโล 11 แต่ระหว่างทางเกิดเหตุถังออกซิเจนระเบิดขณะเกือบถึงดวงจันทร์ ส่งผลให้ภารกิจถูกยกเลิก นักบินทั้ง 3 และทีมงานนาซ่าจึงต่างต้องหาทางแก้วิกฤติรักษาระบบพลังงานที่ยังเหลือที่จะพายานกลับมายังโลกให้ได้ สิ่งที่จะได้จากหนังเรื่องนี้คือการร่วมมือร่วมใจหาวิธีแก้ปัญหาสถานการณ์เฉพาะหน้า สอนให้ตั้งสติ คิดอย่างเป็นระบบ เลือกตัดสินใจแก้ปัญหาในเรื่องที่ใหญ่ก่อนไปแก้เรื่องเล็ก ทีมต้องลดละอีโก้ของตัวเองต่อกันให้ได้ และในสถานการณ์ที่อยู่ท่ามกลางความเป็นความตายจะทำการใดอย่าได้คิดไปเอง

05/10/2019

3. Moneyball
หนังที่สร้างจากหนังสือเรื่อง Moneyball: The Art of Winning an Unfair Game โดยไมเคิล ลูอิส เล่าถึงวงการเบสบอลและการประเมินการซื้อขายนักกีฬาเบสบอล ผ่านตัวละคร บิลลี บีน ซึ่งเป็นอดีตนักกีฬาเบสบอลและเป็นผู้จัดการทีมทั่วไปของ Oakland Athletics ซึ่งสามารถพาทีมให้ชนะติดต่อกันได้ถึง 20 ครั้ง โดยใช้วิธีการประเมินทางสถิติในการเลือกนักกีฬาที่มีค่าตัวเหมาะสมและมีความสามารถพอที่จะพาทีมไปรอดถึงฝั่งได้ หนังเรื่องนี้เผยถึงวิธีคิดของการทำทีมว่า หากมีเงินทุนจำกัดแล้วจะสร้างทีมขึ้นมาได้อย่างไร จะคัดเลือกคนแบบไหนเข้ามาทำงานให้ จะเลือกแต่คนระดับซูเปอร์สตาร์ที่ขว้างแรง ตีแม่น วิ่งเร็ว แต่ค่าตัวสูงมาก หรือเลือกคนที่มีความสามารถด้านใดด้านหนึ่งหลายคนให้เท่ากับซูเปอร์สตาร์หนึ่งคน ฟังดูแล้วก็ไม่ต่างกับวิธีการหาพนักงานในสตาร์ทอัพเลย