The Opener สื่อขนาดกะทัดรัดที่ตั้งใจโฟกัสเรื่องสวัสดิการสังคม และคุณภาพชีวิตของคนไทย
(3)

การบ้านฮีลใจโรงเรียนประถมในญี่ปุ่น สั่งการบ้านเด็กนักเรียนให้กลับไปกอดพ่อแม่ เพื่อเยียวยาวอาการเจ็บปวดหลังผ่านเหตุการณ์แ...
23/07/2024

การบ้านฮีลใจ
โรงเรียนประถมในญี่ปุ่น สั่งการบ้านเด็กนักเรียนให้กลับไปกอดพ่อแม่ เพื่อเยียวยาวอาการเจ็บปวดหลังผ่านเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดใหญ่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
เหตุการณ์แผ่นดินไหวบนคาบสมุทรโนโตะของญี่ปุ่นผ่านมา 6 เดือนแล้ว แต่เด็กๆ ยังคงแสดงออกถึงความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจ โรงเรียนประถมของเทศบาลซานโน ในจังหวัดอิชิกาวะ ซึ่งเป็นหนึ่งที่พื้นที่ที่เกิดแผ่นดินไหว จึงสั่งการบ้านพิเศษให้กับเด็กนักเรียนกลับไปกอดคนในครอบครัว เพื่อเยียวยาสภาพจิตใจที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงของแผ่นดินไหว
คณะกรรมการการศึกษาจังหวัดอิชิกาวะ เปิดสายให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ เพื่อดูแลสภาพจิตใจของนักเรียน ตลอดเวลา 3 เดือนนับจากเกิดแผ่นดินไหว มีผู้ใช้บริการ 109 ครั้ง และเมื่อถึงสิ้นเดือนมิถุนายน มีการให้คำปรึกษาแก่เด็กรวมถึง 907 ครั้ง
หญิงวัย 40 ปีรายหนึ่งในเมืองวาจิมะ จังหวัดอิชิกาวะ เล่าถึงลูกสาวของเธอที่เรียนอยู่ชั้นประถม 6 ว่าหลังเกิดแผ่นดินไหว ลูกสาวของเธอกลายเป็นคนขี้ตกใจและกลัวเสียงดัง กลัวแม้แต่การสั่นสะเทือน อีกทั้งยังกลัวที่มืด และไม่กล้าไปห้องน้ำคนเดียวตอนกลางคืน สาเหตุมาจากความทรงจำอันเลวร้ายเกี่ยวกับแผ่นดินไหว
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โรงเรียนประถมของเทศบาลซานโน เด็กนักเรียนได้รับการบ้านพิเศษ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้มีการสื่อสารทางร่างกายกับคนในครอบครัว ทางโรงเรียนขอให้นักเรียนคุยกับพ่อแม่ และเลือกทำในตัวเลือก 4 อย่างของการสื่อสารทางกาย ได้แก่ การสวมกอด การนั่งตักพ่อแม่ กุมมือพ่อแม่ไว้นานกว่า 1 นาที และจับมือพ่อแม่และเขย่า
ความคิดนี้ริเริ่มจาก คิมิโกะ โคอูระ ครูพยาบาลของโรงเรียน ซึ่งทำการสำรวจประสบการณ์ความเจ็บปวดจากแผ่นดินไหวของเด็กนักเรียนหลังโรงเรียนเปิดสอนในช่วงปลายเดือนมกราคม เธอพบว่า เด็กนักเรียนมีอาการหวาดกลัว ไม่ยอมห่างจากพ่อแม่ หรือรู้สึกอยากอาเจียนเมื่อเห็นบ้านเรือนที่ถล่มเสียหาย หลังการสำรวจทำให้คิมิโกะเกิดความคิดเรื่องการสัมผัสทางกายว่า อาจช่วยทำให้เด็กๆ รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น
“ฉันหวังว่า การบ้านที่ให้เด็กนักเรียนไปนั้น จะเป็นการให้เวลาเด็กๆ ได้รู้สึกสบายใจ และเป็นการชาร์จพลัง เพื่อให้เดินหน้าต่อไป” คิมิโกะ บอก
ขณะที่พ่อ แม่ และเด็ก มากกว่า 100 คน บอกว่า “การกอดกันทำให้รู้สึกดีขึ้น” และ “ลูกสาวฉันดูเขิน แต่ฉันมีความสุขมากๆ ”
การริเริ่มของโรงเรียนเทศบาลซานโน ได้สร้างความสนใจให้กับพื้นที่ภัยพิบัติอื่นๆ ในขณะที่ความเจ็บปวดทางใจจากแผ่นดินไหวนั้น ส่งผลกระทบต่อเด็กๆ ต่อเนื่องยาวนาน การสำรวจประจำปีของคณะกรรมการการศึกษาจังหวัดอิวาเตะตั้งแต่ปี 2011 หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ พบว่า มีเด็กร้อยละ 15.8 ที่ต้องการการดูแลเรื่องความเครียด
#กอด #ฮีลใจ #ครอบครัว #พ่อแม่ #เด็ก #โรงเรียน #การศึกษา #การบ้าน #แผ่นดินไหว #จิตใจ #ร่างกาย #ผลกระทบ #ญี่ปุ่น #ความสุข #คุณภาพชีวิต #ภัยพิบัติ #ความเครียด

ไอเดียแจ๋วเว่อร์บริษัทสตาร์ทอัพ ‘Savor’ สร้างวิธีใหม่ในการผลิต ‘เนย’ แบบไม่ต้องพึ่งพาสัตว์ พืช หรือการทำฟาร์ม แต่ใช้เทคโ...
23/07/2024

ไอเดียแจ๋วเว่อร์

บริษัทสตาร์ทอัพ ‘Savor’ สร้างวิธีใหม่ในการผลิต ‘เนย’ แบบไม่ต้องพึ่งพาสัตว์ พืช หรือการทำฟาร์ม แต่ใช้เทคโนโลยีด้านเคมีชีวภาพ โดยนำคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ และไฮโดรเจนจากน้ำมาผลิต เพื่อช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

‘Savor’ เป็นสตาร์ทอัพภายใต้ ‘Orca Sciences’ บริษัทวิจัยด้านพลังงาน และวัสดุศาสตร์ ซึ่งมี ‘บิล เกตส์’ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ และมหาเศรษฐีเบอร์ต้นๆ ของโลก เป็นผู้ลงทุนอยู่เบื้องหลัง

วัตถุประสงค์ของงานวิจัยชิ้นนี้ คือต้องการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเกษตรกรรมลง ซึ่งภาคการเกษตรปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่บรรยากาศราวร้อยละ 8.5 ของปริมาณก๊าซเรือนกระจกทั้งโลก

“ในกระบวนการผลิตจะไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเลย แถมยังไม่ต้องใช้พื้นที่ทำฟาร์ม และใช้น้ำในปริมาณที่น้อยกว่าการเกษตรแบบเดิมนับพันเท่า” บิล เกตส์ อธิบายหลังจากทดลองชิม

เขาบอกว่า รสชาติของเนยที่ผลิตด้วยกรรมวิธีใหม่ ไม่ต่างจากเนยแท้ๆ

‘Savor’ พุ่งเป้าไปที่ปัญหาจากน้ำมันปาล์ม ซึ่งนิยมบริโภคกันมากที่สุดในโลก และส่งผลกระทบอย่างมากต่อสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน

นักวิทยาศาสตร์ร่วมกับนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเออร์ไวน์ ตีพิมพ์ผลการศึกษาในวารสาร Nature Sustainability เมื่อปลายปีที่แล้ว ระบุว่า ฟาร์มเลี้ยงสัตว์จะผลิตคาร์บอนไดออกไซด์ราว 1 ถึง 3 กรัมต่อเนื้อสัตว์ที่ให้พลังงาน 1 พันแคลอรี ขณะที่พวกเขาสามารถผลิต ‘ไขมัน’ จากห้องทดลองในปริมาณเท่ากัน แต่ก่อมลพิษน้อยกว่า
‘ไขมัน’ เกิดขึ้นจากสายโซ่ที่หลากหลายของอะตอมคาร์บอนและไฮโดรเจน จึงมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างไขมันสังเคราะห์จากน้ำและอากาศ ซึ่งมีส่วนประกอบของคาร์บอนและไฮโดรเจน โดยกระบวนการทางชีวเคมีจะเปลี่ยนคาร์บอนและไฮโดรเจนให้เป็นโมเลกุลของไขมันแบบเดียวกับที่พบในสัตว์และพืชต่างๆ
ทั้งนี้ หนึ่งในความท้าทายสุดยิ่งใหญ่ของการผลิตเนยสังเคราะห์จากคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศและไฮโดรเจนจากน้ำ คือเรื่องของราคา ถ้าหากสามารถทำให้ราคาต่ำลงก็จะสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม นักวิจัยบอกว่า การจะเพิ่มปริมาณการผลิตในระดับอุตสาหกรรม ในทางทฏษฎีแล้วไม่น่าจะมีปัญหามากนัก
#เนย #เนยเทียม #เนยสังเคราะห์ #ไขมัน #สตาร์อัพ #นวัตกรรม #ความคิดสร้างสรรค์ #เทคโนโลยี #เคมี #ชีวภาพ #คาร์บอนไดออไซด์ #อากาศ #สิ่งแวดล้อม #ไฮโดรเจน #ก๊าซเรือนกระจก #บิลเกตส์

22/07/2024

‘TimeBank’
ธนาคารรับฝาก ‘เวลา’
ที่สามารถ ‘ถอนเวลา’ ออกมาใช้ได้เมื่อต้องการความช่วยเหลือตอนแก่ชรา
👉

‘ธนาคารเวลา’ ส่งเสริมให้ผู้คนสะสมชั่วโมงการทำงานเพื่อสังคม และสามารถเบิกเวลาที่สะสมไว้ ออกมาใช้ได้หากต้องการความช่วยเหลื...
22/07/2024

‘ธนาคารเวลา’ ส่งเสริมให้ผู้คนสะสมชั่วโมงการทำงานเพื่อสังคม และสามารถเบิกเวลาที่สะสมไว้ ออกมาใช้ได้หากต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นการเบิกเวลามาใช้เมื่อยามแก่ชรา

เคยลองคิดเล่นๆ ไหมว่า โลกใบนี้จะเป็นอย่างไร หากเราสามารถฝาก ‘เวลา’ ไว้กับ ‘ธนาคาร’ และสามารถ ‘ถอนเวลา’ ออกมาใช้ได้เมื่อเราต้องการ

‘TimeBank’ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในสหรัฐอเมริกา มีคำตอบให้กับคำถามนั้น

‘TimeBank’ คือ ‘ธนาคารเวลา’ ที่ดำเนินการเหมือนกับธนาคารทั่วไป มีทั้งการรับฝาก-ถอน รวมทั้งการจัดเก็บ ‘เวลา’ ทุกชั่วโมงที่ใช้ในการทำกิจกรรมเพื่อสังคมและการช่วยเหลือชุมชน

ปัจจุบัน ‘ธนาคารเวลา’ กระจายตัวอยู่มากกว่า 37 ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา จีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น เซเนกัล อาร์เจนตินา บราซิล และยุโรป มีสมาชิกหลายแสนคน และมีการฝาก-ถอนเวลาไปแล้วมากกว่า 3.2 ล้านครั้ง

เดวิด กิลล์ สมาชิกรายหนึ่งของธนาคารเวลาในเมืองเซบาสโตโพล รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นผู้บริหารบริษัทด้านการดูแลสุขภาพ มีเวลาฝากอยู่ในธนาคารเวลามากถึง 480 ชั่วโมง โดยที่ยังไม่รวมเวลาที่เขาจะได้รับจากการทำกิจกรรมเพื่อสังคมในปี 2023 ด้วยซ้ำ

กิลล์มักใช้ความเชี่ยวชาญของเขาช่วยเหลือชุมชน เช่น การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และการวางแผนทางการเงิน และเปลี่ยนให้เป็นเวลาที่สามารถฝากไว้ในธนาคารเวลา ทั้งนี้ กิลล์มักจะถอนเวลาที่เขาฝากไว้มาใช้ เมื่อเขาต้องการคนขับรถไปส่งที่สนามบิน หรือต้องการคนช่วยขนเฟอร์นิเจอร์หนักๆ เป็นต้น

หากกิลล์เรียกใช้บริการรถแท็กซี่หรือช่างซ่อม เขาคงต้องจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อบริการเหล่านั้น ดังนั้น การใช้บริการธนาคารเวลาจึงช่วยให้กิลล์ประหยัดเงินได้ ขณะเดียวกัน ก็สร้างทุนทางสังคมให้กับเขา เพราะเขาได้รู้จักกับคนอื่นๆ ในชุมชน ที่ต่อมากลายเป็นเพื่อนของเขา

ธนาคารเวลาหลายแห่งเป็นโครงการอาสาสมัครเพื่อชุมชน แต่ธนาคารเวลาในเมืองเซบาสโตโพลได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่น และดำเนินการภายใต้สถานะองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรของศูนย์วัฒนธรรมชุมชน ซึ่ง คริสต้า วัตต์ ผู้อำนวยการธนาคารเวลา TimeBank กล่าวว่า “เมืองจะประหยัดเงินได้หลายพันดอลลาร์ เมื่อประชาชนหลายร้อยคนออกมาให้บริการชุมชนของตัวเองโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย”

ทั้งนี้ ธนาคารเวลาของเมืองเซบาสโตโพลมีเวลาที่รับฝากเอาไว้มากกว่า 8,000 ชั่วโมง นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2016 ซึ่งสมาชิกอาจมีการใช้เงินเพื่อจ่ายให้กันในบางกรณี เช่น ค่าน้ำมัน หรือค่าวัสดุต่างๆ แต่ค่าการบริการและค่าการเป็นสมาชิกนั้นไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ

หลายเมืองทั่วโลกก็ใช้ธนาคารเวลาเพื่อเป็นต้นแบบของโครงการสนับสนุนประชากรสูงวัย เช่น ที่เมืองเซนต์กาลเลิน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ธนาคารเวลาถูกนำมาใช้เพื่อช่วยผู้สูงอายุในด้านต่างๆ ทั้งการซื้อของ ออกไปทำธุระ การไปพบแพทย์ หรือการหาคนมาเป็นเพื่อนคุย ซึ่งช่วยจัดการปัญหาความเหงาและความโดดเดี่ยวของผู้สูงอายุ
#ธนาคาร #เวลา #วัยชรา #ช่วยเหลือ #ฝากเวลา #พัฒนาสังคม #คุณภาพชีวิต #ผู้สูงอายุ #ประชากรสูงวัย #ฝากถอน #ชุมชน

‘Wedge LIVE Cat Tour’ คือทัวร์ที่เปิดโอกาสให้ทาสแมวทั้งหลายได้เดินไปเยี่ยมแมวมากมายในหมู่บ้าน แบ่งปันรอยยิ้ม เสียงโห่ร้อ...
22/07/2024

‘Wedge LIVE Cat Tour’ คือทัวร์ที่เปิดโอกาสให้ทาสแมวทั้งหลายได้เดินไปเยี่ยมแมวมากมายในหมู่บ้าน แบ่งปันรอยยิ้ม เสียงโห่ร้องดีใจ และสร้างสายสัมพันธ์ให้มนุษย์ทั้งหลาย ผ่านการแอบชื่นชม ‘นายท่าน’ ผ่านหน้าต่างบ้านแต่ละหลัง
จอห์น เอ็ดวาร์ด นักข่าวที่อาศัยในชุมชน Wedge เมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินนิโซตา สหรัฐอเมริกา เข้าใจถึงความเหงา อารมณ์อยากเล่นกับแมว และการได้คุยกับคนอื่นๆ จึงเกิดไอเดียที่ทำ ‘Cat Tour’ หรือ ‘ทัวร์ดูแมว’ ขึ้นในละแวกบ้าน เพื่อนำคนแปลกหน้าในชุมชนมารวมตัวกัน โดยใช้น้องแมวเป็นตัวสร้างสายสัมพันธ์ ก่อนจะกลายเป็น ‘Wedge LIVE Cat Tour’ ทัวร์ดูแมวที่นำพาทาสแมวเดินตามเส้นทางที่กำหนด ซึ่งประกอบด้วยบ้านของแมวสุดน่ารัก 22 หลัง ที่นำลูกทัวร์จะได้พบกับความน่าเอ็นดูของบรรดาแมวได้อย่างเต็มแม็กซ์
จอห์น ย้ายมาจากเมืองฟลอริดา เขาชื่นชอบการเดินและปั่นจักรยานไปรอบๆ ละแวกบ้าน ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นย่านประวัติศาสตร์ ที่มีบ้านและอพาร์ตเมนต์อายุมากกว่า 100 ปีจำนวนมาก สิ่งที่สังเกตเห็นคือ น้องแมวจำนวนมากที่มักจะปรากฏตัวอยู่ตามหน้าต่างของอาคารเหล่านั้น เขาจึงเริ่มโพสต์ภาพของน้องแมวบนโซเชียลมีเดียและก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
“ทัวร์ชมบ้านประวัติศาสตร์ในละแวกบ้านของเราได้รับความนิยมมาก แต่ผมก็คิดว่าถ้าเราลองทำทัวร์ชมแมวล่ะ มันคงจะแปลกและตลกดีเหมือนกัน ลองมาทำให้มันเกิดขึ้นกันดีกว่า” จอห์นกล่าว
‘Wedge LIVE Cat Tour’ ถือกำเนิดขึ้นในปี 2017 โดยจอห์นโปรโมตทัวร์ดังกล่าวบนโซเชียลมีเดีย วางเส้นทางทัวร์ชมแมวเป็นเวลา 90 นาที และผู้เข้าร่วมจะได้พบกับน้องแมวมากกว่า 20 ตัว ในปีแรกมีผู้เข้าร่วมประมาณ 30 คน และได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนปีต่อๆ มา ทัวร์แมวได้กลายเป็นขบวนพาเหรดที่นำพาทาสแมวมากหน้าหลายตา มาร่วมเดินชมความน่ารักของน้องแมวไปด้วยกัน
“มีแมวชื่อแปลกๆ มากมายเลย” นั่นคือสิ่งที่จอห์นค้นพบหลังจากทำทัวร์แมว เช่นเดียวกับพ่อแม่แมวที่ไม่ธรรมดา เช่น บางคนที่มาร่วมเดินทัวร์จะสวมหน้ากากหัวแมวขนาดยักษ์ บางคนก็ภูมิใจที่จะอุ้มแมวของตัวเองออกไปอวดโฉมต่อหน้าคนอื่นๆ พ่อแม่แมวบางคนใช้รถเข็นเด็ก สายจูง หรืออุ้มแมวพวกเขาออกมาให้ทาสแมวคนอื่นๆ ได้ชื่นชมจากระเบียง เหมือนกับฉากในภาพยนตร์เรื่อง Lion King เป็นต้น
ตามรายชื่อแมวอย่างเป็นทางการของ ‘Wedge LIVE Cat Tour’ ประกอบไปด้วยแมวที่มีอายุตั้งแต่ 11 เดือนไปจนถึง 12 ปี และตามเส้นทางทัวร์จะมีรูปถ่ายของอดีตแมวที่เคยเข้าร่วมทัวร์แต่ได้กลับสู่ดาวแมวไปแล้ว ให้ผู้ร่วมทัวร์ได้ร่วมระลึกถึงเจ้าเหมียวที่แสนน่ารักอีกด้วย
ผู้มาร่วมทัวร์ดูแมวต่างส่งเสียงเชียร์และปรบมือให้กับเจ้าของที่นำแมวของพวกเขาออกมาโชว์ตัว และระหว่างการเดินทัวร์ก็จะมีการเพิ่ม ‘โบนัสแมว’ เข้าไปด้วย เมื่อเจ้าของแมวที่อยู่ในเส้นทางอยากนำแมวของพวกเขาออกมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทัวร์นี้
หลายคนที่มาร่วมเดินทัวร์ระบุว่า กิจกรรมนี้ถือเป็นการสร้างชุมชนคนรักแมวให้เกิดขึ้น และเป็นการสร้างความรู้สึกของการทำอะไรบางอย่างร่วมกัน พร้อมเพลิดเพลินไปกับสิ่งนั้นร่วมกัน

#ทาสแมว #ทัวร์ #สัตว์เลี้ยง #ชุมชน #ประวัติศาสตร์ #ปฏิสัมพันธ์ #อเมริกา #แมว #สร้างชุมชน #งานอดิเรก #เดิน

คุณปู่คุณย่าในสวีเดน สามารถลางานมาช่วยเลี้ยงหลานได้แล้ว:เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว รัฐสภาของสวีเดนเห็นชอบกฎหมายใหม่ที่ให...
21/07/2024

คุณปู่คุณย่าในสวีเดน สามารถลางานมาช่วยเลี้ยงหลานได้แล้ว
:
เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว รัฐสภาของสวีเดนเห็นชอบกฎหมายใหม่ที่ให้สิทธิวันลางานแก่ปู่ย่าตายายเพื่อไปเลี้ยงหลาน โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนกรกฎาคมปีนี้ ซึ่งคนที่เป็นพ่อแม่ลูกอ่อนจะสามารถโอนส่วนหนึ่งของวันลาเลี้ยงลูก ซึ่งมีอยู่รวมกัน 480 วัน ไปให้กับปู่ย่าหรือตายายได้ โดยกฎหมายกำหนดให้ลาหยุดได้ไม่เกิน 45 วัน หากกรณีที่เป็นพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยว กำหนดวันลาได้ไม่เกิน 90 วัน สิทธินี้จะใช้ได้กับปู่ย่าตายายโดยให้พิจารณาไปตามความเหมาะสม
:
ปรกติคุณพ่อชาวสวีเดนใช้วันลาเลี้ยงลูกราวร้อยละ 30 ขณะที่แม่จะใช้จำนวนวันลามากกว่า โดยวันลาที่เหลือสามารถมอบให้ปู่ย่าหรือตายาย หากพ่อแม่เลือกที่จะกลับไปทำงานก่อน
:
สวีเดนให้สิทธิพ่อแม่ลาหยุดเพื่อเลี้ยงลูกได้ตั้งแต่เมื่อ 50 ปีที่แล้ว และเป็นชาติสแกนดิเนเวียชาติชาติแรกที่กำหนดให้พ่อได้รับค่าจ้างระหว่างการลา ซึ่งสิทธิการลางานเพื่อเลี้ยงลูกในสวีเดน ขยายมาถึงพ่อเมื่อปี 1974 และใช้เวลายาวนานกว่าที่จะให้ผู้ชายมีบทบาทช่วยแบ่งเบาภาระนี้
:
สิทธิประโยชน์สำหรับพ่อแม่ชาวสวีเดนยังคงมีต่อเนื่องหลังสิ้นสุดวันลาหยุดเพื่อเลี้ยงลูก พ่อแม่สามารถลดชั่วโมงการทำงานลงจนกระทั่งลูกอายุ 8 ปี หากเป็นพนักงานรัฐจะได้รับสิทธินี้ไปจนลูกมีอายุ 12 ปี เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านอย่างฟินแลนด์ ให้สิทธิวันลาเลี้ยงลูกกับพ่อแม่นาน 7 เดือนโดยที่ยังได้ค้าจ้าง และกำหนดให้พ่อมีช่วงวันลาเลี้ยงลูกที่สั้นกว่า
:
#สวีเดน #สแกนดิเนเวีย #รัฐสวัสดิการ #วันลา #พ่อแม่ #ปู่ย่าตายาย #วันลาเลี้ยงลูก #ครอบครัว #ทำงาน #สิทธิแรงงาน #กฎหมาย

พ่อแม่สไตล์นอร์เวย์ ให้ลูกมีอิสระ มีความรับผิดชอบ เรียนรู้จากความผิดพลาด:นีลาและอาริออน สองพี่น้องอาศัยอยู่ที่เมืองสตาวั...
21/07/2024

พ่อแม่สไตล์นอร์เวย์ ให้ลูกมีอิสระ มีความรับผิดชอบ เรียนรู้จากความผิดพลาด
:
นีลาและอาริออน สองพี่น้องอาศัยอยู่ที่เมืองสตาวังเงร์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของนอร์เวย์ บ่ายโมงครึ่ง เป็นเวลาที่ทั้งสองกลับถึงบ้านหลังโรงเรียนเลิก เด็กๆ จะทำอาหารง่ายๆ กินกันนิดหน่อย จากนั้นก็นั่งทำการบ้าน หรือไม่ก็จะฝึกเล่นเปียโนในระหว่างที่พ่อกับแม่ไม่อยู่บ้านราวสองสามชั่วโมง บางครั้งพวกเขาจะออกไปเล่นกับเพื่อนๆ นอกบ้านที่ถนนหรือที่สนามหญ้า
:
ทั้งนีลาและอาริออน เดินไปโรงเรียนเองตั้งแต่เข้าโรงเรียนปีแรกตอนหกขวบและต้องถือกุญแจบ้านเอง ซึ่งเป็นเรื่องปรกติที่เด็กๆ นอร์เวย์จะใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่ตัวน้อยๆ ซึ่งเป็นการปลูกฝังความเป็นอิสระให้กับเด็ก และฝึกให้มีความรับผิดชอบต่อตัวเองตั้งแต่ยังเล็ก
:
การเลี้ยงลูกแบบอิสระนั้นเข้ากับการรับรู้ของคนภายนอกที่มองว่า สังคมสแกนดิเนเวียมีความปลอดภัยสูง มีมาตรฐานคุณภาพชีวิตสูงลิบลิ่ว และมีอัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำ โดยนอร์เวย์ถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกอันดับ 7 และติด 1 ใน 10 ของประเทศที่มีจีดีพีสูงที่สุดในโลก
:
“เด็กๆ จะแข็งแรง เข้มแข็ง และถูกฝึกฝนให้เป็นอิสระและซื่อสัตย์” ทูเร มอร์ช ศาสตราภิชานด้านสุขภาพจิตเด็ก ที่มหาวิทยาลัยทรอมโซ กล่าว
:
ลีน่า แม่ของนีลาและอาริออนบอกว่า “คุณสามารถจะให้เด็กๆ ติดจีพีเอส และเช็คได้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน แต่สิ่งสำคัญสำหรับฉันก็คือ มันไม่ใช่เสรีภาพจริงๆ ที่เราให้กับเด็กๆ”
:
เธอเล่าว่า มีครั้งหนึ่งที่นีลาเล่นกับเพื่อน และคุณยายของเพื่อนชวนเข้าไปกินขนมในบ้านจนเธอลืมเวลาและกลับบ้านช้า ลีน่าบอกว่า “สิ่งสำคัญสำหรับลูกก็คือ เธอเห็นว่าพวกเราเป็นห่วงมากแค่ไหน หลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยทำแบบนั้นอีกเลย”
:
พ่อแม่ชาวนอร์เวย์ ให้อิสระแก่ลูกๆ ที่จะทำผิดพลาด และเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น ซึ่งเป็นแทกติกที่จะสร้างความเข้าใจให้กับเด็กๆ เช่น เมื่อลูกๆ ปีนต้นไม้ อาจตกลงมาและเจ็บตัว แต่นั่นก็อาจทำให้ปีนต้นไม้ได้ดีและเก่งขึ้นหลังจากนั้น
:
“เมื่อเราอยู่ข้างนอก เราบอกให้เด็กๆ ลองเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ปีนก้อนหิน และเดินบนพื้นที่ขรุขระ” ฮานเน มีเร ครูโรงเรียนอนุบาลในเมืองสตาวังเงร์บอก “มันจะช่วยพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหวของเด็กๆ ซึ่งเราพบว่ามันช่วยให้เด็กแข็งแรงและมีอิสระ แม้บางครั้งเด็กๆ จะหล่นลงมาและเจ็บ แต่จะมีคนมาปลอบ และกระตุ้นให้เด็กๆ ลองทำซ้ำอีก”
:
ครูฮานเนบอกว่า เมืองสตาวังเงร์มีโรงเรียนอนุบาลและโรงเรียนขนาดเล็กอยู่มากในแต่ละย่าน ซึ่งเด็กๆ จะต้องไปกลับระหว่างบ้านและโรงเรียนคนเดียวในระยะเดินใกล้ๆ เธอบอกว่า
:
“พวกเราเชื่อใจในผู้คน แต่ก็ไม่ถึงกับใสซื่อ เราสอนเด็กๆ ว่าห้ามไปไหนกับคนแปลกหน้า และฝึกการเดินข้ามถนนอย่างปลอดภัยให้กับเด็กๆ”
:
#ครอบครัว #การเลี้ยงลูก #นอร์เวย์ #สแกนดิเนเวีย #อิสระ #ความรับผิดชอบ #เด็ก #โรงเรียน #พัฒนาการเด็ก

‘ฝ่ายขวา’ แพ้เลือกตั้งในอังกฤษและฝรั่งเศส แต่ ‘ฝ่ายขวา’ ในยุโรปกำลัง ‘อ่อนแรง’ จริงเหรอ?:ในเคสอังกฤษและฝรั่งเศส เราจะมอง...
21/07/2024

‘ฝ่ายขวา’ แพ้เลือกตั้งในอังกฤษและฝรั่งเศส แต่ ‘ฝ่ายขวา’ ในยุโรปกำลัง ‘อ่อนแรง’ จริงเหรอ?
:
ในเคสอังกฤษและฝรั่งเศส เราจะมองว่าพรรคขวาจัดพ่ายแพ้ก็ได้ แต่ข้อเท็จจริงก็คือ การเลือกตั้งรอบนี้พรรคที่เป็นปีกขวาจัดของทั้งสองประเทศได้คะแนนเสียงมากขึ้นแบบมหาศาลจากการเลือกตั้งรอบก่อน
:
กรณีอังกฤษ ถ้าไปดูคะแนนเสียงจะเห็นว่า พรรค Reform UK เข้าไปแย่งคะแนนเสียงพรรคอนุรักษ์นิยมในเขตต่างๆ จนทำให้ ส.ส. พรรคอนุรักษ์นิยมแพ้ ส.ส. พรรคแรงงาน และสอบตกกันกระจุยกระจาย
:
ส่วนฝรั่งเศส พรรคขวาจัดอย่าง National Rally ที่ชนะรอบแรกก็จริง แต่ไปถึงรอบสอง พรรคซ้ายจัด กับพรรค "กลางจัด" ทำการฮั้วกันเพื่อรวมคะแนนเสียงในแต่ละเขต ทำให้สุดท้ายเอาชนะพรรคขวาจัดไปได้
:
การเลือกตั้งสภายุโรปล่าสุด กลุ่มขวาจัดได้คะแนนมากขึ้นมากๆ และทำให้มีสมาชิกสภายุโรปที่เป็นขวาเพิ่มขึ้น ซึ่งการ "ร่วมรัฐบาล" กับพรรคขวากลางก็จะทำให้วาระต่างๆ ในสภายุโรปเอียงไปทางขวามากขึ้นอย่างแน่นอน
:
เมื่อมองไปข้างหน้า น่าจะเห็นว่ามันแทบไม่มีทางเลยที่การเลือกตั้งทุกระดับในยุโรปครั้งถัดไป ทั้งฝ่ายอนุรักษ์นิยมและฝ่ายขวาจัดจะได้คะแนนน้อยลง โอกาสที่ฝ่ายขวาจัดจะมีที่นั่งในสภาเพิ่มขึ้นก็มีสูงมาก และนี่ก็เป็นสิ่งที่คนในหลายๆ ชาติกังวลพอสมควรเลย
:
ดังนั้น ในการเมืองระดับชาติยุโรป ว่ากันตรงๆ ก็คือ ถึงพรรคขวาจัดจะอยู่ขาขึ้น แต่แนวโน้มที่จะยิ่งใหญ่ระดับครองประเทศนี่ก็ยังอีกไกล และในสภาพตอนนี้ แม้แต่ในถิ่นขวาจัดยุโรปแบบฝรั่งเศสปัจจุบัน การเลือกตั้งประธานาธิบดีคราวนี้ก็ยากที่จะลุ้นว่า จะได้ประธานาธิบดีขวาจัด
:
แต่ถ้าจะมีสิ่งที่น่ากลัว ก็คือ การขยายตัวของฝ่ายขวาจัดในสภา มันจะกลับมาสร้างความชอบธรรมให้กับฝ่ายขวาจัดบนท้องถนน ซึ่ง "บทเรียน" พวกนี้เราได้เห็นแล้วหลัง โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี ซึ่งผลรวมๆ มันทำให้สังคมวุ่นวายสุดๆ เพราะความอหังการ์ของกลุ่มขวาจัด ทำให้เกิดกลุ่มซ้ายจัดเกิดขึ้นตามมา และทำให้ในสังคมบรรยากาศเต็มไปด้วยความเป็นศัตรูกัน จนทำให้หลายๆ เรื่องที่ควรจะคุยกันดีๆ ได้ กลับคุยกันดีๆ ไม่ได้ เพราะความแตกแยกในสังคมทำให้คนระแวงตั้งแง่ต่อกันในทุกเรื่อง
:
#การเลือกตั้ง #สภายุโรป #การเมือง #พรรคการเมือง #อนุรักษ์นิยม #เสรีนิยม #ฝ่ายขวา #ฝ่ายซ้าย #ประชาธิปไตย

Coffee Morning  กิจกรรมระดมทุนที่เริ่มจากวงกาแฟตอนเช้า ช่วยผู้ป่วยมะเร็งได้มากกว่า 3 ล้านคน :จากความคิดที่แสนธรรมดาและเร...
20/07/2024

Coffee Morning กิจกรรมระดมทุนที่เริ่มจากวงกาแฟตอนเช้า ช่วยผู้ป่วยมะเร็งได้มากกว่า 3 ล้านคน
:
จากความคิดที่แสนธรรมดาและเรียบง่าย โดยการเชิญชวนเพื่อนๆ มาดื่มกาแฟร่วมกันที่คาเฟ่ในตอนเช้า และบริจาคเงินเท่ากับค่ากาแฟให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็ง กลายเป็นกิจกรรมระดมทุนที่ทรงพลังขยายไปทั่วทุกหนแห่งในสหราชอาณาจักรในเวลาต่อมา และสามารถระดมเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งได้มากกว่าปีละ 46 ล้านบาท ช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งได้มากกว่า 3 ล้านคน
:
Coffee Morning เป็นกิจกรรมระดมทุนเพื่อช่วยผู้ป่วยมะเร็งในสหราชอาณาจักร เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1990 จากการเชิญชวนคนให้มาดื่มกาแฟและทานขนมร่วมกัน จากนั้นก็ร่วมกันบริจาคเงินเท่ากับค่ากาแฟให้กับศูนย์รักษาโรคมะเร็ง Macmillan Cancer Support
:
นับจากปี 1990 เป็นต้น กิจกรรม Coffee Morning ได้นำพาผู้คนในเกาะอังกฤษนับล้านคนมาพบเจอกัน สนุกสนานร่วมกัน และบริจาคเงินเพื่อทำสิ่งที่ดีเพื่อผู้ป่วยโรคมะเร็ง โดยสามารถระดมเงินบริจาคได้มากถึง 10 ล้านปอนด์ในแต่ละปี หรือราว 46 ล้านบาท
:
ปัจจุบัน Coffee Morning มีหลากหลายรูปแบบและขนาด โดยที่ไม่จำเป็นต้องเป็นการดื่มกาแฟ หรือการจัดในช่วงเช้าแบบเดิม แต่ยังคงรักษาคอนเซ็ปต์ของการระดมทุนเอาไว้ และจัดกิจกรรมในแบบของตัวเองซึ่งมีขึ้นในทุกหนแห่ง นับจากสโมสรฟุตบอล ไปจนถึงห้องเรียนโยคะ งานแสดงรถยนต์คลาสสิค กิจกรรมเล่นเกมตอบคำถาม การแต่งชุดแฟนซี การเรียนทำค็อกเทล หรือชา ขณะที่กิจกรรมมีตั้งแต่ระดับบ้านไปจนถึงบรรษัทขนาดใหญ่ มีการระดมทุนทั้งในโรงเรียนและในชุมชนท้องถิ่นเพื่อเป้าหมายในการสนับสนุนผู้ป่วยมะเร็งที่ในสหราชอาณาจักร
:
ในปี 2023 การระดมทุนจากพลังของกลุ่มคนเล็กๆ ในรูปแบบ Coffee Morning สามารถระดมเงินบริจาคให้กับ Macmillan Cancer Support ได้ถึง 18 ล้านปอนด์ หรือมากกว่า 84 ล้านบาท
:
#ระดมทุน #ผู้ป่วยมะเร็ง #สหราชอาณาจักร #กาแฟ #เงินบริจาค #การแพทย์ #โรคมะเร็ง #ชุมชน #สุขภาพดี

‘โลงศพสัตว์เลี้ยง’ จากเห็ดป่าและเปลือกซังข้าวโพด ย่อยสลายได้ ช่วยเยียวยาใจ ช่วยดูแลโลก:‘โลงศพเห็ดของสัตว์เลี้ยง mycelium...
20/07/2024

‘โลงศพสัตว์เลี้ยง’ จากเห็ดป่าและเปลือกซังข้าวโพด ย่อยสลายได้ ช่วยเยียวยาใจ ช่วยดูแลโลก
:
‘โลงศพเห็ดของสัตว์เลี้ยง mycelium coffin’ ผลงานของ จิราวรรณ คำซาว หรือ "มล" นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยรุ่นใหม่ใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ นำเห็ดจากป่าชุมชนมาผสมกับเปลือกข้าวโพด ออกแบบให้ย่อยสลายได้ เพื่อดูแลสิ่งแวดล้อม ลดการเผา และสร้างมูลค่าเศษวัสดุการเกษตรให้กับชุมชนท้องถิ่น
:
มลเล่าว่า โปรเจคท์นี้เกิดจากการที่เธอเรียนจบปริญญาเอกด้านจุลชีววิทยา (Microbiology) และชอบงานทางด้านเชื้อรา (Mycology) ชอบกินเห็ด และชอบเข้าป่า โดยเฉพาะป่าชุมชนบ้านหัวทุ่ง ซึ่งเป็นบ้านเกิด และอินกับเรื่องของวัฏจักรชีวิต การเกิดการตายในห่วงโซ่อาหารมาตั้งแต่เด็ก จึงรู้ว่าสิ่งมีชีวิตล้วนมีหน้าที่สำคัญเกี่ยวโยงในระบบนิเวศ ที่จะต้องมีทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค และผู้ย่อยสลาย
:
“ตอนแรกเคยคิดอยากทำเป็นโลงศพให้กับคนทั่วไป เหมือนกับสตาร์ทอัพที่ต่างประเทศทำกัน แต่ด้วยพื้นที่ของเรา ส่วนใหญ่จะเน้นเผา เราก็เลยคิดว่า มันก็จะมีเรื่องของน้องหมาน้องแมว ที่ตายไปแล้วสามารถเป็นประโยชน์ให้ต้นไม้ และอีกอย่างหนึ่งเมื่อเขาตายไปแล้ว เมื่อเราปลูกต้นไม้ลงไปในโลง ธาตุอาหารของเขาก็จะไปให้กับต้นไม้นั้น ความรู้สึกของเรา ที่เราไม่อยากจากไปจากน้องหมาน้องแมว มันยังไปสถิตอยู่ที่ต้นไม้"
:
"หมาแมวที่เราฝังไป ก็ยังเป็นต้นไม้ แล้วเขายังสร้างประโยชน์ก็คือ ฟอกอากาศให้เราออกดอกออกผล เราก็ยังมีน้องหมาน้องแมวอยู่ข้างเราอยู่"
:
นอกจากนั้น วัสดุที่ใช้ร่วมกับไมซีเลียมของเห็ด ก็คือเปลือกซังข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ภาคการเกษตรมักเผาทิ้ง ซึ่งจะช่วยเรื่องการเกิดฝุ่นพิษ PM 2.5 ด้วย
:
มลบอกว่า จะยังไม่หยุดการวิจัยและพัฒนาเพียงเท่านี้ เธออยากนำเส้นใยเห็ดและเปลือกซังข้าวโพด พัฒนาต่อยอดไปสู่การออกแบบแพคเกจจิ้ง (Packaging Design) หรือบรรจุภัณฑ์ต่างๆ รวมไปถึงพัฒนาให้เป็นวัสดุก่อสร้าง และงานเฟอร์นิเจอร์อย่างเต็มรูปแบบต่อไป
:
“ผลงานโปรเจคท์โลงศพเห็ดนี้ ถือได้ว่าเป็นโปรเจคท์ที่ภูมิใจที่สุดในชีวิต มันคือโปรเจคท์ที่นำเสนอภาพความยั่งยืนในการแก้ปัญหาขยะทางการเกษตรที่เป็นปัญหาของการเผาในปัจจุบันได้ชัดเจนที่สุด นับตั้งแต่เข้าวงการมาลงมือช่วยแก้ปัญหาลดการเผาสิบกว่าปี นอกจากสร้างคุณค่าต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว เราสามารถสร้างมูลค่าให้ชุมชนท้องถิ่นได้ในวงกว้างอีกด้วย” มลกล่าว
:
#ทุนท้องถิ่น #เชียงใหม่ #เชียงดาว #สิ่งแวดล้อม #สัตว์เลี้ยง #โรงศพเห็ด #ป่าชุมชน #โลกร้อน #ฝุ่นพิษ #เศรษฐกิจชุมชน #เศรษฐกิจฐานราก #งานวิจัย #ชีววิทยา

ทำไมประเทศ ‘กำลังพัฒนา’ อย่างอินเดีย สร้างห้องน้ำให้ ‘กะเทย’ อย่างจริงจัง?:อินเดียไม่ใช่ประเทศแรกๆ ในเอเชียแน่ๆ ที่คนจะน...
20/07/2024

ทำไมประเทศ ‘กำลังพัฒนา’ อย่างอินเดีย สร้างห้องน้ำให้ ‘กะเทย’ อย่างจริงจัง?
:
อินเดียไม่ใช่ประเทศแรกๆ ในเอเชียแน่ๆ ที่คนจะนึกถึงเกี่ยวกับสิทธิของ LGBTQ+ เพราะอย่างน้อยๆ การแต่งงานระหว่างเพศเดียวกันก็ยังไม่มีกฎหมายอินเดียรองรับ แต่คน "เพศที่ 3” ในอินเดียกลับน่าจะมีห้องน้ำแบบเฉพาะใช้มากกว่า "เพศที่ 3” ในหลายๆ รัฐในสหรัฐอเมริกาด้วยซ้ำ
:
ในวัฒนธรรมเอเชียใต้กลุ่มคนที่เรียกว่า Hijra เป็นกลุ่มคนที่มีอยู่แต่โบราณ ซึ่งนิยามของ Hijra ก็คือคนที่เพศกำเนิดเป็นชายแต่มีพฤติกรรมแบบผู้หญิง อาชีพดั้งเดิมของคนกลุ่มนี้คือ นักร้องนักเต้นตามพิธีกรรมต่างๆ พูดอีกแบบ สังคมอินเดีย "ยอมรับ" การดำรงอยู่ของ "กะเทย" มาเป็นพันปีแล้ว ซึ่งต่างจากหลายสังคมที่มองคนกลุ่มนี้เป็นสิ่งแปลกปลอมต้องกำจัด
:
สังคมอินเดียยอมรับว่าคนเกิดมาเป็น "เพศที่ 3” ในแบบนั้นเลย และไม่จำต้องมาคิดว่านี่คือ "คนข้ามเพศ" หรือ "หญิงข้ามเพศ" แบบตะวันตก เพราะเค้าคิดว่านี่คือสิ่งที่เค้าเกิดมาเป็นอยู่แล้ว ไม่ต้องมีการไป "ข้าม" อะไร หรือพูดง่ายๆ กะเทย ก็คือ กะเทย ไม่ใช่ผู้หญิง แต่กะเทยก็มีสิทธิพลเมืองเท่ากับมนุษย์คนอื่น
:
Narendra Modi ผู้นำที่นำอินเดียเข้าสู่ลัทธิชาตินิยมขวาจัด มีผลงานเด่น คือ การทำให้คนอินเดียเลิก "ขี้กลางทุ่ง" (open defecation) โดยมีนโยบายชื่อ Swachh Bharat Mission (SBM) ซึ่งแปลตรงๆ ว่านโยบาย "อินเดียสะอาด" ซึ่งถามว่าทำอะไร ง่ายๆ ก็คือการ "สร้างส้วม" และรณรงค์ให้คนเลิกขับถ่ายกลางแจ้ง
:
ตลอดทั้งสามสมัยที่ Modi เป็นนายก และจากสถิติ 10 ปีที่ผ่านมารัฐได้สร้าง "ห้องส้วม" เพิ่มทั่วอินเดียกว่า 100 ล้านห้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยังสร้างอยู่ ทั้งหมดเป็นไปเพื่อให้คนอินเดียขับถ่ายเป็นที่เป็นทางทางเดียวกับนานาอารยประเทศ
:
ภาพที่อินเดียมีห้องน้ำ 3 เพศเรียงกันเป็นสิ่งที่ "ทรงพลัง" มากที่ทำให้อินเดียดูมีความ "ก้าวหน้า" ในด้านสิทธิ LGBTQ+ แต่ความเป็นจริงก็คือเหล่า "กะเทย" ในอินเดียก็ยังชี้ว่ามันมีปัญหาอีกมาก ซึ่งถ้าจะพูดสั้นๆ ก็คือ ห้องน้ำสำหรับ "เพศที่ 3” มีน้อยแบบไม่ได้สัดส่วนมากๆ
:
โดยเฉพาะถ้าคิดว่าประเทศนี้เพิ่งใช้เวลา 10 ปีสร้างส้วมเพิ่มไปกว่า 100 ล้านห้องเลย แต่เดินๆ ไปคือมันก็ไม่ได้เจอห้องน้ำสำหรับเพศที่ 3 กันง่ายๆ
:
ถึงอินเดียจะ "ยอมรับหลักการ" ว่า "เพศที่ 3” จะต้องมีห้องน้ำแยก หนทางจะมีห้องน้ำเพียงพอใช้ก็ยังห่างไกล และนี่คือก็ยังไม่ต้องไปพูดถึงการจะเรียกร้องทำให้อินเดียทำ "ห้องน้ำไม่แบ่งเพศ" ในสไตล์ตะวันตก เพราะทำแบบนั้นคือผู้หญิงอินเดียไม่แฮปปี้แน่ๆ เพราะผู้หญิงอินเดียก็ต้องการ "พื้นที่ปลอดภัย" ที่ไม่มีผู้ชาย โดยเฉพาะในประเทศที่ถ้าอ่านข่าวอาชญากรรมจะมี "ข่าวข่มขืน" กันแบบรายวัน
:
#อินเดีย #ห้องน้ำ #เพศที่สาม #กะเทย #สุขอนามัย #ความเสมอภาคทางเพศ

โรงเรียนในเยอรมนีส่งเสริมให้นักเรียนฝึกงานตั้งแต่มัธยม เพื่อสะสมประสบการณ์ ค้นหาอาชีพที่ใช่ และอนาคตการทำงานที่มั่นคง:“น...
19/07/2024

โรงเรียนในเยอรมนีส่งเสริมให้นักเรียนฝึกงานตั้งแต่มัธยม เพื่อสะสมประสบการณ์ ค้นหาอาชีพที่ใช่ และอนาคตการทำงานที่มั่นคง
:
“นักเรียนไม่มีทางได้เรียนเรื่องการทำงานจากที่โรงเรียนหรอก พวกเขาจะต้องออกไปหาประสบการณ์เอง” ซอนยา กรีซิค ครูสอนภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ ที่โรงเรียนเออร์ชูลา คูชร์ ในเมืองโคโลญจ์ บอก
:
เยอรมนีมีการจัดการเพื่อให้นักเรียนเข้าสู่เส้นทางอาชีพตั้งแต่อายุยังน้อย นักเรียนในเยอรมันสามารถเริ่มฝึกงานได้ตั้งแต่อายุ 16 ปี โดยเรียนทฤษฏีที่โรงเรียนและเรียนภาคปฏิบัติจากการเทรนที่บริษัท ก่อนจะเข้าเรียนในวิทยาลัยอีก 3 ปี แล้วจึงสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย
:
เนห์มาน ไฮม์ นักเรียนมัธยมวัย 16 ปี ของโรงเรียนเออร์ชูลา คูชร์ เธอฝึกงานที่สำนักงานสถาปนิกอยู่ราว 2 สัปดาห์ จากนั้นก็เปลี่ยนไปฝึกงานที่โรงเรียนอนุบาล ซึ่งทำให้เห็นเส้นทางอาชีพที่ชัดเจนว่า เธอต้องการที่จะเป็นครู
:
เนห์มาน เข้าร่วมโครงการ Kein Abschluss ohne Anschluss (KAoA) ซึ่งมีอยู่ทั่วทั้งรัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย โครงการนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยนักเรียนวางแผนอนาคต โดยให้ความช่วยเหลือเรื่องการเขียนเรซูเม่และใบสมัครสำหรับการฝึกงาน ทั้งนี้ นักเรียนชั้นมัธยม 3 ในเยอรมนีสามารถฝึกงานกับบริษัทธุรกิจท้องถิ่นได้ โดยสามารถเลือกฝึกงานเป็นเวลา 1 ปี หรือทำงานสัปดาห์ละ 1 วันสำหรับนักเรียนมัธยมปีที่ 4
:
โครงการ KaoA กระจายตัวอยู่ทั่วโรงเรียนทั้ง 2,000 แห่งในรัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย นอกจากสนับสนุนเรื่องการฝึกงานให้กับนักเรียนแล้ว ยังช่วยเรื่องการเตรียมตัวเพื่อเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยด้วย
:
เข่นเดียวกับ ไมล์ กลีซิก นักเรียนอายุ 15 ปีของโรงเรียนเออซูลา คูชร์ ที่ฝึกงานระยะยาวที่ร้านฮาร์ดแวร์เกี่ยวกับการเป็นพนักงานขาย เขาบอกว่า การได้ค่าจ้างขณะฝึกงานช่วยให้เข้าใจเกี่ยวกับการวางแผนการเงิน และการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต
:
“ผมคิดว่ามันดีกว่า ถ้าคุณเริ่มเรียนรู้ว่าจะต้องทำยังไงกับเงินของคุณตั้งแต่ตอนที่อายุยังน้อยๆ” ไมล์บอก
:
ระบบการฝึกงานของเยอรมนี กลายเป็นที่สนใจในสหรัฐอเมริกาซึ่งให้ความสำคัญต่อใบปริญญาบัตรน้อยลง การฝึกงานของเยาวชนเริ่มเกิดขึ้นในหลายรัฐ และเกิดโครงการอาชีพเพิ่มมากขึ้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องจบการศึกษาระดับปริญญา
:
“การเสนอให้มีการอบรมทั้งในชั้นเรียนและที่ทำงาน ระบบนี้จะทำให้นักเรียนมีโอกาสที่ดีกว่าในการหางานที่มั่นคงและมีรายได้ดี” เลโอนาร์ด กีเยอร์ นักวิจัยจากศูนย์วิจัยและนโยบายรัฐสวัสดิการยุโรปกล่าว
:
#เยอรมนี #นักศึกษาฝึกงาน #ประสบการณ์ทำงาน #อาชีพ #นักเรียน #มัธยมศึกษา #การทำงาน #โรงเรียน

15/07/2024

สาวญี่ปุ่นผู้รักเมืองไทย และห้องสมุดเพื่อเด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการเข้าถึงหนังสือ
:
โยชิมิ โฮริอุจิ (Yoshimi Horiuchi) หญิงสาวชาวญี่ปุ่นผู้รักหนังสือและการอ่าน ซึ่งบกพร่องทางการมองเห็นมาแต่กำเนิด เธอเป็นหนอนหนังสือที่หลงรักเมืองไทย รักในภาษาไทย และวัฒนธรรมไทย ซึ่งมีหลายอย่างคล้ายคลึงกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น ทำให้เธอเริ่มเรียนภาษาไทยตั้งแต่อายุ 19 ปี
:
เธอบอกว่า ทำอย่างไรถึงจะมีส่วนช่วยส่งเสริมการอ่าน เพื่อส่งเสริมโอกาสในการอ่านที่เท่าเทียมกัน ทำอย่างไรถึงจะช่วยลดช่องว่างระหว่างเด็กพิการและไม่พิการ เพราะเรารู้ว่า คนชนบทและคนพิการยังไม่ได้รับความเท่าเทียมในเรื่องการอ่าน แม้ว่าอัตราการรู้หนังสือของคนไทย มีการรายงานว่า สูงถึงร้อยละ 92.3 แต่ในขณะเดียวกัน เด็กไทยกลับมีการอ่านหนังสือเพียง 5 เล่มต่อปี และคนไทยอย่างน้อย 1.1 ล้านคนเป็นคนพิการ และร้อยละ 77 ของคนพิการเหล่านั้นอาศัยอยู่ในชนบทของประเทศไทย
:
จากโครงการห้องสมุดเคลื่อนที่ในกรุงเทพฯ สมัยที่เป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เธอมองว่าควรไปทำกิจกรรมส่งเสริมการอ่านในต่างจังหวัดมากกว่า เพราะโอกาสในการเข้าุถึงหนังสือของเด็กและคนพิการในชนบทมีน้อยกว่าในกรุงเทพฯ มาก และย้ายไปทำห้องสมุดที่ อ.พร้่าว จ.เชียงใหม่ ตามคำแนะนำของอาจารย์ท่านหนึ่งที่ทำงานด้านพัฒนาชุมชนใน อ.พร้าว ในปี 2555
:
“เราสนใจอยากจะทํางานด้านสังคม เพราะว่าเราเป็นคนพิการและก็มีใครๆ เข้ามาช่วยเราตลอด คือเราเป็นฝ่ายรับความช่วยเหลือเป็นหลัก ทีนี้พอโตขึ้น เราก็อยากจะช่วยเหลือคนอื่นบ้าง ก็เลยอยากจะทํางาน จะได้ทำประโยชน์ต่อสังคมได้บ้าง พอกลับมาเมืองไทย เราจึงอยากจะสร้างห้องสมุดในเมืองไทย เพราะว่าเราเป็นคนตาบอด เป็นผู้หญิง เป็นญี่ปุ่นด้วย ก็คิดว่าเราจะทําอะไรได้บ้างในประเทศไทย เราก็เลยคิดได้ว่า โอ้ใช่ๆ คนไทยไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือ แต่เราชอบอ่านหนังสือตั้งแต่เด็ก ก็เลยอยากจะทํางานด้านนี้ จึงตัดสินใจทำห้องสมุด”
:
นอกจากทำ ห้องสมุดรังไหม แล้ว เธอยังได้สร้างศูนย์การเรียนรู้บนดอยหลายแห่ง โดยมีกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ การนำ รถห้องสมุดเคลื่อนที่ ไปให้บริการตามโรงเรียนในท้องถิ่น, กิจกรรมนำหนังสือใส่ถุงผ้าไปเยี่ยมเยือนให้กับผู้พิการ คนป่วย คนชราที่ไม่สามารถออกจากบ้านได้,กิจกรรมส่งเสริมการอ่านให้แก่เด็กบนดอย,โครงการฅนเผ่าเล่านิทาน, โครงการเล่มเดียวในโลก เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ ล้วนช่วยเติมเต็มชีวิต สร้างจินตนาการ ส่งเสริมการอ่านให้คนเมืองพร้าว รวมทั้งอำเภอใกล้เคียงเช่น อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย
:
เธอยังเชื่อว่า การอ่านหนังสือนั้นสามารถเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนสังคม และเปลี่ยนแปลงโลกได้
:
#ทุนท้องถิ่น #โยชิมิโฮริอุจิ #ห้องสมุดรังไหม #ห้องสมุด #เชียงใหม่ #การอ่าน #ความเหลื่อมล้ำ #คนพิการ #ชาติพันธุ์ #ผู้สูงอายุ #การเรียนรู้

14/07/2024

'เกลือหวานปัตตานี' สินค้าขึ้นชื่อแต่โบราณที่เหลือน้อยลงทุกที
:
“รสชาติของเกลือปัตตานีจะมีความเค็มกลมกล่อม ลองอมเม็ดหนึ่ง แล้วก็ดื่มน้ำตามเข้าไป ห้ามเคี้ยว แล้วจะมีความหวานจริงๆ ติดลิ้น"
:
รอหานิง กรูแป สมาชิกฝ่ายผลิตของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มทำนาเกลือบานา อ.เมือง จ.ปัตตานี บอกว่า จริงๆ แล้ว เกลือปัตตานีไม่ได้หวานเหมือนน้ำตาล แต่จะมีความเค็มไม่จัด ไม่เค็มขม เพราะใช้น้ำจากอ่าวปัตตานีที่มีส่วนผสมของน้ำกร่อยมาทำนาเกลือ เป็นที่มาของคำว่า เกลือหวานปัตตานี
:
“เกลือหวานปัตตานีมีชื่อเสียงมานานแล้ว แต่ของมีน้อยและมีเป็นช่วงๆ เท่านั้น หน้าฝนก็ทำไม่ได้ ทำให้ขาดตอน รสชาติของเกลือปัตตานีเหมาะสำหรับปรุงอาหาร เวลาปรุงอาหารทำให้อาหารไม่ขมแบบโด่งๆ คือรสชาติกลมกล่อมอร่อย แต่ไม่เหมาะสำหรับใช้ในอุตสาหกรรม เพราะค่าความเค็มมีน้อย” รอหานิง บอก
:
ลูกค้าส่วนมากจะเป็นโรงแรม และร้านอาหาร ซึ่งทางวิสาหกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเกลือปัตตานีเป็น 6 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เกลือบริโภคเสริมไอโอดีน เกลือสะตุ เกลือสปาขัดผิว เกลือพริกไทยดำบานา เกลือขมิ้นบานา และเกลือหอมสปาเท้า
:
รอหานิงบอกว่า เกลือปัตตานี ยังเป็นที่ต้องการอย่างมากของคนมาเลเซียอีกด้วย แต่ทุกวันนี้พื้นที่ทำนาเกลือเหลือน้อยมาก เพราะถูกเปลี่ยนเป็นนากุ้ง เมื่อนากุ้งล่ม เจ้าของก็ปล่อยทิ้งร้าง ส่วนชาวบ้านก็ไม่มีกำลังพอที่จะปรับที่กลับมาเป็นนาเกลือเหมือนเดิม ด้วยความหายากนี้ ทางจังหวัดจึงจะมีการเสนอให้เกลือหวานปัตตานีเป็นมรดกโลกด้วย
:
#ทุนท้องถิ่น #เกลือหวานปัตตานี #เกลือทะเล #สินค้าขึ้นชือ #ชายแดนใต้ #ปัตตานี #มรดกโลก #วิสาหกิจชุมชน #นาเกลือบานา #เศรษฐกิจท้องถิ่น #เศรษฐกิจฐานราก

สาวญี่ปุ่นผู้หลงรักเมืองไทย สร้างห้องสมุดแบ่งปันโอกาสให้คนชายขอบใน อ.พร้าว:จากเหตุผลที่ว่า คนชนบทและคนพิการในประเทศไทยยั...
14/07/2024

สาวญี่ปุ่นผู้หลงรักเมืองไทย สร้างห้องสมุดแบ่งปันโอกาสให้คนชายขอบใน อ.พร้าว
:
จากเหตุผลที่ว่า คนชนบทและคนพิการในประเทศไทยยังไม่ได้รับความเท่าเทียมในเรื่องการอ่าน แม้ว่าอัตราการรู้หนังสือของคนไทยจะสูงถึงร้อยละ 92.3 แต่เด็กไทยกลับมีการอ่านหนังสือเพียง 5 เล่มต่อปี และคนไทยอย่างน้อย 1.1 ล้านคนเป็นคนพิการ และร้อยละ 77 ของคนพิการเหล่านั้นอาศัยอยู่ในชนบท ทำให้ โยชิมิ โฮริอุจิ สาวญี่ปุ่นที่หลงรักเมืองไทยสร้างห้องสมุดเล็กๆ ขึ้นมาใน อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
:
โยชิมิ เป็นคนเมืองโคจิ ในเกาะชิโกกุ เธอบกพร่องทางการมองเห็นมาตั้งแต่เกิด แต่สิ่งที่เติมเต็ม ชีวิตทำให้มีความหวังคือ การได้เรียนและได้อ่านหนังสือ ซึ่งเธอก็เป็นหนอนหนังสือตัวยง
:
"เราไม่ได้น้อยใจเลยนะ เพราะว่าตอนนั้นเราก็เป็นเด็ก ก็ไม่ได้คิดว่าเราเป็นคนตาบอดด้วยซ้ำ เราก็เติบโตแบบไม่ได้คิดว่าเราเป็นคนพิการหรืออะไรอย่างงั้น"
:
โยชิมิบอกว่า เธอชอบหนังสือมาตั้งแต่ตั้งแต่รู้ความได้ จําได้ว่า แม่กับตา และอา จะอ่านนิทานวรรณกรรมเยาวชนให้ฟัง พ่อแม่จะบอกเธอว่า การเรียนหนังสือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การที่เป็นคนตาบอดทำงานอะไรหลายอย่างก็มีข้อจำกัด จึงอยากให้เธอเรียนหนังสือเก่งๆ การได้ฟังเรื่องราวจากหนังสือ ทำให้เธอชอบการอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก
:
ช่วง ม.ปลายเธอได้ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่สหรัฐ และได้พบเพื่อนคนไทย ทำให้เกิดความรักในคนไทย และประเทศไทย เธอจึงเริ่มเรียนภาษาไทย และต่อมาเธอได้มาเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
:
ตอนแรกเริ่ม เธอทำกิจกรรมห้องสมุดเคลื่อนที่ในกรุงเทพฯ ต่อมา เธอรู้สึกว่าที่กรุงเทพฯ คนก็มีโอกาสมากกว่า จึงตัดสินใจมาทำห้องสมุดรังไหม ที่ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ตามคำแนะนำของอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งบอกว่าที่พร้าวมีคนที่ไม่เข้าถึงหนังสือเยอะ ทั้งยังมีกลุ่มชาติพันธุ์ คนพิการที่เข้าไม่ถึงหนังสืออยู่มาก
:
นอกจากทำ ห้องสมุดรังไหม แล้ว เธอยังสร้างศูนย์การเรียนรู้บนดอยหลายแห่ง นำรถห้องสมุดเคลื่อนที่ไปให้บริการตามโรงเรียนในท้องถิ่น นำหนังสือใส่ถุงผ้าไปเยี่ยมเยือนผู้พิการ คนป่วย คนชราที่ไม่สามารถออกจากบ้านได้ กิจกรรมส่งเสริมการอ่านให้แก่เด็กบนดอย และอื่นๆ
:
เธอย้ำว่า นี่เป็นทุนทางสังคม ทุนทางปัญญา ที่เธอในฐานะที่เป็นผู้พิการทางสายตา เคยได้รับการหยิบยื่นโอกาสจากผู้คนมากมาย ตอนนี้เธอมองว่า เมื่อตนเองมีโอกาส จึงอยากแบ่งปันให้กับสังคม ให้กับเพื่อนมนุษย์บ้าง ซึ่งเธอยังเชื่อว่า การอ่านหนังสือนั้นสามารถเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนสังคม และเปลี่ยนแปลงโลกได้
:
#โยชิมิโฮริอุจิ #ห้องสมุดรังไหม #พร้าว #ห้องสมุด #การอ่าน #หนังสือ #การเรียนรู้ #ชาติพันธุ์ #ภาคเหนือ #ผู้พิการ #เชียงใหม่

https://theopener.co.th/2024/07/11/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7

ที่อยู่

Bangkok

เบอร์โทรศัพท์

+66611756709

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ The Openerผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง The Opener:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์

ประเภท

ดิโอเพนเนอร์

ดิโอเพนเนอร์ คือ สื่อดิจิทัลที่เป็นอิสระ มุ่งมั่นนำเสนอข้อมูลและรายงานข่าวที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับประเทศไทยและต่างประเทศ ครอบคลุมทั้งประเด็นที่กำลังเป็นกระแส รายงานพิเศษ บทวิเคราะห์ และการแสดงความคิดเห็นที่ถ่ายทอดออกมาอย่างรอบด้าน เพื่อสร้างความรับรู้เข้าใจของคนในสังคม

ดิโอเพนเนอร์ยึดมั่นในจริยธรรมสื่อสารมวลชน ซึ่งเป็นหลักการสำคัญต่อการเปิดพื้นที่ถกเถียงแลกเปลี่ยน ตลอดจนแบ่งปันความรู้และส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกันของคนในสังคม เราเชื่อมั่นว่าข้อมูลที่ถูกต้องและมีคุณภาพจากหลากหลายแง่มุมคือใจกลางของสังคมที่เป็นธรรม

The Opener is a digital publication producing independent and trustworthy news about Thailand and beyond. We strive to serve our audience with the latest updates, special reports, analysis and comment, using inclusive and engaging storytelling, to keep the public well-informed.

At The Opener, adhering to journalistic integrity is our top priority as we seek to open up the space for discussion, knowledge-sharing and co-learning within the Thai society. We believe that accurate and quality information, plus diverse fields of knowledge, are the key to a just society.