THE INSIDER - ดิ อินไซเดอร์

THE INSIDER - ดิ อินไซเดอร์ สำนักข่าวธุรกิจ - THE INSIDER
ติดต่องาน Media : [email protected]
ติดต่องาน วิทยากร : [email protected]
(21)

09/12/2024

สร้างเฟรนไชส์ให้สำเร็จ ต้องเจออะไรบ้าง? ถอดบทเรียน "Fresh Me" | THE INSIDER PODCAST

THE INSIDER พาไปพูดคุยกับ คุณแพร กวิสรา จันทร์สว่าง เจ้าของร้าน “Fresh me”แบรนด์ชานมที่เติบโตจนสามารถสร้างระบบเฟรนไชส์ที่แข็งแรงและยั่งยืนได้สำเร็จ

เราจะมาถอดแนวคิดของคุณแพร ว่าการสร้างเฟรนไชส์ให้ประสบความสำเร็จต้องเจอกับความท้าทายอะไรบ้าง และอะไรคือหัวใจสำคัญที่ทำให้แบรนด์เล็ก ๆ กลายเป็นโอกาสธุรกิจที่ใคร ๆ ก็อยากลงทุน

📌 ถ้าคุณกำลังมองหาโอกาสหรืออยากเรียนรู้เรื่องการทำเฟรนไชส์แบบเจาะลึก อย่าพลาดคลิปนี้
#ชานมเฟรชมี #เฟรนไชส์ #ธุรกิจ

เราเคยมองข้ามคุณค่าอะไรบางอย่างที่อยู่ใกล้ตัวกันบ้างไหม? ในโลกของการทำธุรกิจ สิ่งที่ดูเรียบง่ายหรือธรรมดาอาจกลายเป็นขุมท...
04/12/2024

เราเคยมองข้ามคุณค่าอะไรบางอย่างที่อยู่ใกล้ตัวกันบ้างไหม?
ในโลกของการทำธุรกิจ
สิ่งที่ดูเรียบง่ายหรือธรรมดาอาจกลายเป็นขุมทรัพย์สำคัญ
หากเราเลือกที่จะมองลึกลงไปและตั้งคำถามที่ถูกต้อง
สมุนไพรไทยก็เป็นตัวอย่างที่ดีของเรื่องนี้
จากวัตถุดิบท้องถิ่นที่เคยถูกมองว่าเป็นเพียงทางเลือกพื้นบ้าน
สู่การเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่สามารถเปลี่ยนแปลงสุขภาพ
และเศรษฐกิจในระดับโลกได้
รศ.ภญ.ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์
ประธานกรรมการบริหารของ SNPS
ได้แสดงให้เราเห็นว่า ..
การเปลี่ยนมุมมองและเชื่อมโยงสิ่งที่เรามีอยู่แล้วกับความต้องการของโลก
สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้
ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
และนี่คือบทเรียนที่ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของธุรกิจ
แต่คือแนวคิด ที่ทำให้เรามองเห็นโอกาสในสิ่งที่คนอื่นอาจมองข้าม
1. เปลี่ยนความเชื่อเป็นนวัตกรรม
การสกัดสารจากสมุนไพรไทยไม่ใช่แค่เรื่องของภูมิปัญญาท้องถิ่น
แต่เป็นวิทยาศาสตร์ที่สามารถต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ระดับโลก
และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในพฤกษเคมี
ทำให้สมุนไพรไทยมีโอกาสยืนหยัดในตลาดโลก
2. คุณค่าในสิ่งที่เรามี
สมุนไพรไทยมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง
หากได้รับการพัฒนาอย่างถูกต้องและมีมาตรฐาน
คือการนำเสนอสมุนไพรในรูปแบบที่ตลาดต่างประเทศยอมรับเป็นสิ่งสำคัญ
เช่น การรับรองมาตรฐาน GMP
3. การพัฒนาคนเพื่อพัฒนาองค์กร
การลงทุนในทรัพยากรบุคคล โดยเฉพาะทีมวิจัย
และพัฒนาที่เข้าใจสมุนไพรอย่างแท้จริง
เป็นสร้างองค์กรที่เรียนรู้
และปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของตลาด
4. การมองไกลและปรับตัวให้ทันโลก
การแข่งขันในระดับสากลต้องมองภาพใหญ่มากกว่าผลกำไรระยะสั้น
และการปรับตัวให้ทันกับกระแสสุขภาพและความยั่งยืน
เป็นแนวทางที่ SNPS ให้ความสำคัญ
5. การส่งต่อคุณค่าไปทั่วโลก
ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยไม่ได้เป็นเพียงสินค้า
แต่เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย
และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ต้องสร้าง Storytelling
เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างการยอมรับในตลาดโลก
ความสำเร็จไม่ได้มาจากการมองตลาดเป็นแค่ผู้ซื้อ
แต่คือการมองผู้ซื้อเป็นพันธมิตรในการสร้างคุณค่าใหม่ร่วมกัน
สมุนไพรไทยมีศักยภาพมากกว่าแค่การรักษาโรค
แต่สามารถสร้างเศรษฐกิจและชื่อเสียงในระดับนานาชาติได้
การดำเนินธุรกิจของ SNPS สะท้อนให้เห็นว่า
การรักษาแก่นแท้ของสิ่งที่เรามี
และนำมาพัฒนาอย่างถูกวิธี
จะช่วยให้ไทยก้าวไกลในตลาดโลกอย่างมั่นคง

อ้างอิง: SNPS ผู้นำในการสกัดสารสกัดสมุนไพรไทย ส่งต่อคุณค่าที่ใช่ไปทั่วโลก | THE INSIDER PODCAST
(https://www.youtube.com/watch?v=6xdrwa8DplA&t=15s)

03/12/2024

SNPS ก้าวใหม่หุ้น IPO ต่อยอดพืชสมุนไพรไทยสู่ตลาดโลก | THE INSIDER PODCAST

SNPS ก้าวใหม่หุ้น IPO เข้าสู่การเป็นบริษัทมหาชน มาร่วมเจาะลึกกลยุทธ์การขยายธุรกิจพืชสมุนไพรไทยสู่ตลาดโลก
กับคุณแพน ดร.ธีรญา กฤษฎาพงษ์ CEO แห่ง SNPS ผู้สร้างสรรค์เครือข่ายเกษตรกรและผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้น Soft Power ของสมุนไพรไทยสู่เวทีโลก

ในคลิปนี้ THE INSIDER จะพาคุณสำรวจเบื้องหลังความสำเร็จของ SNPS ตั้งแต่กระบวนการผลิต การทำงานร่วมกับชุมชน
ไปจนถึงเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ผ่านแนวคิด “Partnering with Nature, Empowering Growth”

อยากรู้ว่า SNPS มีแนวทางการเติบโตและการบริหารคนอย่างไรในฐานะบริษัทมหาชน? หาคำตอบได้ที่นี่!
#พืชสมุนไพรไทย

ทำไม Yakiniku Like ถึงเลือกเดิมพันกับ ‘ความโดดเดี่ยว’ หากคุณเคยเดินเข้าร้านอาหารแล้วรู้สึกว่า ..การทานคนเดียวอาจดูแปลกหร...
03/12/2024

ทำไม Yakiniku Like ถึงเลือกเดิมพันกับ ‘ความโดดเดี่ยว’
หากคุณเคยเดินเข้าร้านอาหารแล้วรู้สึกว่า ..
การทานคนเดียวอาจดูแปลกหรือน่าอาย
ลองคิดใหม่อีกครั้ง เพราะ "Yakiniku Like"
กำลังเปลี่ยนวิธีที่คนมองการรับประทานอาหารคนเดียว
และไม่ใช่แค่เปลี่ยนภาพลักษณ์เท่านั้น
แต่ยังเปลี่ยนพฤติกรรมของตลาดอาหารปิ้งย่างในไทยด้วย
เมื่อ 3 ปีที่แล้ว Yakiniku Like แบรนด์ปิ้งย่างจากญี่ปุ่น
เปิดตัวในประเทศไทยด้วยแนวคิดที่แตกต่างไป
“ปิ้งย่างสำหรับคนโสด” โดยไม่ได้หมายถึงสถานภาพ
แต่มุ่งเน้นไปที่ "ความสะดวกสบาย"
สำหรับคนที่อยากทานคนเดียวโดยไม่ต้องรู้สึกเคอะเขิน
นั้นคือเทรนด์ “Solo Dining”
แล้วทำไมต้อง Solo Dining?
ในยุคที่คนแต่งงานช้าลง ครอบครัวขนาดเล็กลง
และคนรุ่นใหม่เน้นความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น
เทรนด์ Solo Dining กลายเป็นพฤติกรรมที่มาแรง
ร้านอาหารที่เข้าใจเทรนด์นี้ไม่เพียงแต่ปรับตัว
แต่ยังสามารถสร้างความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในตลาดที่การแข่งขันสูง
ในช่วงเวลาเพียง 3 ปี Yakiniku Like
เปิดสาขาไปแล้ว 15 แห่งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
สร้างยอดขายเฉลี่ย 5 ล้านบาทต่อเดือนต่อสาขา
โดยผู้บริหารอย่าง คุณทิพย์สุดา อเนกวัชรากรณ์
ยอมรับว่าความสำเร็จนี้เกินความคาดหมาย
หนึ่งในสิ่งที่ Yakiniku Like ทำได้ดี
คือการสร้างความผูกพันกับลูกค้า
Yakiniku Like เปิดตัว Loyalty Program เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
มีสมาชิกถึง 100,000 คนในเวลาเพียง 3 เดือน
และ 30% ของลูกค้าเป็น “Heavy User”
ที่กลับมาทานซ้ำมากกว่า 2 ครั้งต่อเดือน มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัว 350 บาท
ซึ่งถือว่าเป็น "Value for Money" สำหรับการปิ้งย่างคุณภาพสูง
แต่ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่น
การแข่งขันในตลาดปิ้งย่างยังคงดุเดือด
ทั้งจากร้านปิ้งย่างทั่วไปและบุฟเฟต์
ยิ่งไปกว่านั้น สัดส่วนลูกค้า Solo Dining ในไทยยังอยู่เพียง 25%
ซึ่งต่ำกว่าญี่ปุ่นที่สูงถึง 40%
แล้ว Yakiniku Like ตอบสนองอย่างไร?
1. เพิ่มงบการตลาดจาก 2% เป็น 12 ล้านบาทในปี 2568
เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์
2. ขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมาย 30 สาขาใน 5 ปี
แม้จะต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นจากแผนเดิม
3. สร้างความแตกต่างด้วยคุณภาพและการบริการ
เช่น การลงทุน 30% ของค่าก่อสร้างร้านในระบบเตาย่างไร้ควัน
Yakiniku Like ไม่ได้แค่ขายอาหาร แต่ขาย "ประสบการณ์"
ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
หากธุรกิจของคุณต้องการสร้างความแตกต่างในตลาดที่แข่งขันสูง
อาจถึงเวลาแล้วที่จะมองข้ามความคาดหวังเดิม ๆ และนำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการ
แม้จะเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ว่าต้องการมาก่อน
แล้วคุณล่ะ พร้อมจะเปลี่ยนแนวคิดของลูกค้าคุณหรือยัง?
#ปิ้งย่าง #ปิ้งย่างคนโสด
อ้างอิง:
https://moneyandbanking.co.th/2024/143287/
https://www.forbesthailand.com/news/marketing/3-years-yakiniku-like-in-thailand-expands-to-15-stores
https://today.line.me/th/v2/article/60WV8Qn

ในยุคที่การลงทุนในตลาดต่างประเทศกลายเป็นกระแสสำคัญสำหรับนักลงทุนไทย Webull Thailand บริษัทในเครือ Webull Corporation ไม่...
26/11/2024

ในยุคที่การลงทุนในตลาดต่างประเทศกลายเป็นกระแสสำคัญสำหรับนักลงทุนไทย
Webull Thailand บริษัทในเครือ Webull Corporation
ไม่พลาดที่จะมอบโอกาสพิเศษให้กับนักลงทุน
ด้วยการจัดงานสัมมนาภายใต้หัวข้อ
"Webull เจาะลึกตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วมกับ Nasdaq"
ที่นอกจากจะเป็นเวทีแห่งการเรียนรู้ด้านการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ แล้ว
ยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้สัมผัสกับ Nasdaq TotalView®
ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลการซื้อขายระดับพรีเมียม
ที่ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนทั่วโลก
เปิดโลกการลงทุนผ่าน Nasdaq TotalView®
Nasdaq TotalView® คือระบบข้อมูลที่นำเสนอข้อมูลลึกสุด (Full Depth of Book)
ครอบคลุมถึง 50 ระดับราคาในหุ้นทุกตัวในตลาด
Nasdaq ช่วยให้นักลงทุนสามารถ
- วิเคราะห์แนวรับและแนวต้าน (Support & Resistance Levels) ได้อย่างแม่นยำ
- ติดตามข้อมูลคำสั่งซื้อขายแบบเรียลไทม์
- คาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดได้อย่างรอบด้าน
Nasdaq ในฐานะตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสูงที่สุดในโลก
ยังถือเป็นศูนย์กลางของบริษัทนวัตกรรมชั้นนำ
และใช้ระบบการซื้อขายที่ทันสมัยที่สุด ทำให้ Nasdaq TotalView®
กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่นักลงทุนระดับมืออาชีพให้การยอมรับ
เมื่อวันที่ 22 พศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา
Webull Thailand ในฐานะพันธมิตรระดับโลกของ Nasdaq
ได้นำเสนอ TotalView Level 2 ซึ่งเป็นข้อมูลที่ละเอียดและลึกกว่าระบบทั่วไป
ช่วยให้นักลงทุนไทยเห็นภาพรวมตลาดได้ชัดเจน
และพร้อมแข่งขันในเวทีระดับสากล
“ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา Webull ได้ร่วมมือกับ Nasdaq
พัฒนาโซลูชันการเทรดที่ตอบโจทย์นักลงทุนรายย่อย
และวันนี้เราภูมิใจที่จะนำเสนอประสบการณ์ลงทุนที่เทียบเท่าระดับโลกให้กับนักลงทุนไทย”
คุณชลเดช เขมะรัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Webull Thailand กล่าว
งานนี้ถือเป็นโอกาสทองที่ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้จาก คุณอิน เชอร์ โบห์ ผู้บริหารระดับสูงจาก Nasdaq พร้อมด้วยกิจกรรมที่ครบครัน ได้แก่
1. การวิเคราะห์โครงสร้างตลาดหุ้นสหรัฐฯ แบบเจาะลึก
2. การสาธิตการใช้งาน Nasdaq TotalView® ผ่านข้อมูลจริง
3. โปรโมชันพิเศษสำหรับผู้เข้าร่วมงาน เช่น การใช้งาน TotalView Level 2 ฟรีสูงสุดถึง 120 วัน
หากคุณกำลังมองหาโอกาสใหม่ในการลงทุน
หรืออยากทดลองเครื่องมือที่นักลงทุนมืออาชีพเลือกใช้ Webull
พร้อมพาคุณก้าวสู่โลกการลงทุนระดับสากล
ลงทะเบียนและเปิดบัญชีวันนี้ เพื่อรับสิทธิ์ใช้งาน TotalView Level 2 ฟรี! 120 วัน
พร้อมสัมผัสประสบการณ์ลงทุนที่ล้ำสมัยและเหนือระดับ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.webull.co.th/k/Theinsider
แล้วคุณพร้อมหรือยังที่จะเปลี่ยนมุมมองการลงทุนสู่อนาคต?
#กราฟิก

25/11/2024

SNPS ผู้นำในการสกัดสารสกัดสมุนไพรไทย ส่งต่อคุณค่าที่ใช่ไปทั่วโลก | THE INSIDER PODCAST

บทเรียนจาก Passion สู่ธุรกิจสมุนไพรไทย

ร่วมเจาะลึกเส้นทาง 25 ปีของ SNPS กับเรื่องราวที่เริ่มจากความหลงใหลในพืชพันธุ์ธรรมชาติและสมุนไพรไทย
ของ รศ.ภญ.ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์ ประธานกรรมการบริหาร SNPS ที่เปลี่ยนแรงบันดาลใจให้กลายเป็นธุรกิจยั่งยืน

ในคลิปนี้ เราจะพาคุณเจาะลึกวิธีสร้างธุรกิจจาก Passion ที่แท้จริง มุมมองการพัฒนานวัตกรรมจากทรัพยากรธรรมชาติ
และเคล็ดลับที่ทำให้ SNPS เติบโตอย่างแข็งแกร่งในโลกที่เปลี่ยนแปลง

ถ้าคุณกำลังมองหาแรงบันดาลใจ หรือแนวทางในการเปลี่ยนความฝันให้เป็นธุรกิจที่สร้างผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ห้ามพลาดคลิปนี้!
#ธุรกิจ #สมุนไพรไทย

บทเรียนจาก “เมลานี เพอร์กินส์” CEO Canva ผู้พลิกวงการกราฟิก!!ในโลกธุรกิจที่ความท้าทายไม่เคยหยุดนิ่ง การมองเห็นปัญหาและพล...
21/11/2024

บทเรียนจาก “เมลานี เพอร์กินส์” CEO Canva ผู้พลิกวงการกราฟิก!!
ในโลกธุรกิจที่ความท้าทายไม่เคยหยุดนิ่ง
การมองเห็นปัญหาและพลิกมันเป็นโอกาส
คือหนึ่งในหัวใจของการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่
นี่คือสิ่งที่ เมลานี เพอร์กินส์ ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Canva ทำได้สำเร็จ
จนเปลี่ยนแพลตฟอร์มกราฟิกให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
จุดเริ่มต้นของแนวคิดยิ่งใหญ่
ในวัยเพียง 19 ปี เมลานี พบว่าโปรแกรมออกแบบยอดนิยม
อย่าง Photoshop และ InDesign แม้จะทรงพลังแต่กลับซับซ้อนจนเข้าถึงได้ยาก
เธอเริ่มต้นด้วยคำถามง่าย ๆ ว่า “ทำไมการออกแบบต้องยากขนาดนี้?”
และเปลี่ยนคำถามนั้นเป็นแรงบันดาลใจในการสร้าง
แพลตฟอร์มที่ทำให้การออกแบบง่ายสำหรับทุกคน
เธอและ คลิฟฟ์ โอเบรคท์ แฟนหนุ่มของเธอ
เริ่มต้นธุรกิจแรกในชื่อ “Fusion Books”
แพลตฟอร์มที่ช่วยนักเรียนสร้างหนังสือรุ่นได้
โดยไม่ต้องมีทักษะด้านการออกแบบ ผลลัพธ์ที่ได้คือ “Fusion Books”
กลายเป็นบริษัทตีพิมพ์หนังสือรุ่นรายใหญ่ที่สุดในออสเตรเลียภายในเวลาเพียง 5 ปี
หลังความสำเร็จของ Fusion Books
เมลานี ไม่หยุดอยู่แค่ “หนังสือรุ่น”
เธอเห็นโอกาสในการนำแนวคิด “การออกแบบง่าย ๆ”
ไปต่อยอดกับทุกประเภทของงานกราฟิก
แต่การเริ่มต้น Canva ไม่ได้ง่ายดาย
เมลานี ใช้เวลากว่า 3 ปีเดินสายพบกับนักลงทุนที่ซิลิคอนแวลลีย์
พื้นที่ที่ขึ้นชื่อว่ามีการแข่งขันสูงที่สุดในโลกสตาร์ตอัป
แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในไอเดีย
เธอได้รับการสนับสนุนและเปิดตัว Canva ในปี 2013
พร้อมกับทีมผู้ก่อตั้งอีกสองคน
คือ คลิฟฟ์ โอเบรคท์ และ แคเมอรอน อดัมส์ อดีตผู้บริหารของ Google
ปัจจุบัน Canva มีผู้ใช้งานกว่า 170 ล้านคนใน 190 ประเทศ
และเป็นเครื่องมือสำคัญที่บริษัทระดับโลกกว่า 90% ใน Fortune 500 เลือกใช้
รายได้ของบริษัทในปีที่ผ่านมาสูงถึง 60,000 ล้านบาท
แต่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเลข คือผลกระทบที่ Canva มีต่อการทำงานของผู้คนทั่วโลก
Canva ทำให้การออกแบบไม่ใช่เรื่องสำหรับผู้เชี่ยวชาญเพียงกลุ่มเดียวอีกต่อไป
ทุกคนสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำและความยุ่งยากที่น้อยลง
ความสำเร็จของ Melanie ไม่ได้เกิดจากการทำสิ่งที่ “ยาก”
แต่เกิดจากการตั้งคำถามกับความยุ่งยากที่ไม่จำเป็น
และสร้างวิธีการใหม่ที่ดีกว่า
การมองโลกแบบนี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของธุรกิจ
แต่คือการใช้ชีวิตที่เชื่อว่า “ทุกปัญหามีโอกาสซ่อนอยู่”
เพียงแต่คุณต้องกล้าลงมือแก้ไข
สำหรับผู้นำและนักธุรกิจ การตั้งคำถามกับความเป็นไปในปัจจุบัน
และมองหาวิธีใหม่ที่ทำให้ชีวิตคนอื่นง่ายขึ้น
อาจเป็นก้าวแรกที่นำไปสู่ความสำเร็จที่เปลี่ยนโลก
เช่นเดียวกับที่ “เมลานี เพอร์กินส์” ทำกับ Canva
#กราฟิก
อ้างอิง: https://www.facebook.com/photo?fbid=1126474505752355&set=a.730375585362251
https://www.thairath.co.th/money/tech_innovation/startup/2775233

18/11/2024

AI ใช้กับธุรกิจได้จริง ไม่เพ้อฝัน! | THE INSIDER PODCAST

AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีสุดล้ำที่ฟังดูห่างไกล แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยยกระดับธุรกิจให้ก้าวกระโดดได้จริง ในคลิปนี้ THE INSIDER มีโอกาสได้พูดคุยกับ พี่ง้วง ติดกระดุมเม็ดแรก ที่จะพาคุณไปเจาะลึกการใช้งาน AI ในธุรกิจที่เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน ทั้งในด้านการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ที่คุณอาจไม่เคยคิดถึง

หากคุณกำลังมองหาแนวทางหรือแรงบันดาลใจในการนำ AI มาปรับใช้กับธุรกิจของคุณ ห้ามพลาด!

#ธุรกิจ #กลยุทธ์ #ติดกระดุมเม็ดแรก

พลิกโฉมวงการช้อปปิ้งออนไลน์ เบื้องหลังความสำเร็จ 9 ปีของ ShopeeShopee ตอกย้ำความสำเร็จในฐานะผู้นำอีคอมเมิร์ซ ด้วยการพัฒน...
15/11/2024

พลิกโฉมวงการช้อปปิ้งออนไลน์
เบื้องหลังความสำเร็จ 9 ปีของ Shopee
Shopee ตอกย้ำความสำเร็จในฐานะผู้นำอีคอมเมิร์ซ
ด้วยการพัฒนานวัตกรรมและฟีเจอร์ที่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง
ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมา แพลตฟอร์มนี้ได้ขับเคลื่อนวงการอีคอมเมิร์ซไทย
และอาเซียนให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้ใช้งาน
ลยุทธ์ “Mobile-First” เปลี่ยนเกมสู่ความยั่งยืน
ด้วยพฤติกรรมของคนไทยที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือเป็นหลัก
Shopee จึงมุ่งพัฒนาแอปพลิเคชันที่ตอบโจทย์การใช้งานบนสมาร์ทโฟน
ตั้งแต่ความลื่นไหลของระบบ ไปจนถึงการออกแบบ UI ที่ใช้งานง่าย
ช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงสินค้าได้สะดวกและรวดเร็ว
เจาะใจ GEN Z ด้วยประสบการณ์ช้อปที่เหนือกว่า
GEN Z กำลังกลายเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจ
Shopee จึงไม่หยุดพัฒนาฟีเจอร์เพื่อครองใจคนรุ่นใหม่
ตั้งแต่ Shopee Live ที่นำเสนอการช้อปปิ้งผ่านไลฟ์สดแบบเรียลไทม์
ไปจนถึง Shopee Video ที่รวมความบันเทิงและการช้อปปิ้งไว้ในที่เดียว
ผู้นำเทรนด์แคมเปญออนไลน์
Shopee ได้สร้างปรากฏการณ์ด้วยแคมเปญที่เข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภค
เช่น แคมเปญ 9.9 ที่กลายเป็นเทศกาลช้อปประจำปี
หรือแคมเปญซิกเนเจอร์อย่าง Mid-Month และ Payday
ที่กระตุ้นการช้อปปิ้งในช่วงกลางเดือน
สร้างอีโคซิสเต็มด้วยความร่วมมือ
ล่าสุด Shopee จับมือกับ YouTube เปิดตัวฟีเจอร์ YouTube Shopping
ที่ผสานรีวิวสินค้าและการซื้อขายไว้ในที่เดียว
ช่วยสร้างโอกาสใหม่ให้ทั้งนักช้อปและครีเอเตอร์
ด้วยความมุ่งมั่นและกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง
Shopee ไม่เพียงแต่สร้างการเติบโตให้ธุรกิจของตนเอง
แต่ยังขับเคลื่อนวงการอีคอมเมิร์ซไทยสู่ระดับสากลอย่างมั่นคง
#อีคอมเมิร์ซ
อ้างอิง: https://www.forbesthailand.com/news/marketing/shopee-9-years-of-success-strategies
https://www.bangkokbiznews.com/tech/gadget/1153119

เคยสงสัยไหมว่าทำไมผู้นำบางคนแค่สั่งงาน แต่บางคนกลับสร้างแรงบันดาลใจจนทีมพร้อมลุยไปด้วยกัน? การเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมไม่ได...
13/11/2024

เคยสงสัยไหมว่าทำไมผู้นำบางคนแค่สั่งงาน
แต่บางคนกลับสร้างแรงบันดาลใจจนทีมพร้อมลุยไปด้วยกัน?
การเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมไม่ได้หยุดอยู่แค่ตำแหน่ง
แต่มันคือการพัฒนาตัวเองและทีมไปพร้อมกัน
มาดูกันว่า “ภาวะผู้นำ 5 ระดับ”
จะช่วยให้คุณยกระดับความเป็นผู้นำได้อย่างไรบ้าง!
ระดับ 1: ตำแหน่ง - "คนทำตามเพราะเขาจำเป็น"
นี่คือจุดเริ่มต้นของการเป็นผู้นำ
เมื่อคุณได้รับตำแหน่งหรือบทบาทที่เป็นทางการ
แต่การมีตำแหน่งเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ
ในการสร้างความน่าเชื่อถือหรือแรงจูงใจ
คุณต้องเริ่มต้นด้วยการเรียนรู้ทักษะพื้นฐาน
และกำหนดมาตรฐานการทำงานที่ชัดเจน
ใช้ตำแหน่งของคุณในการสร้างระบบที่เอื้ออำนวยต่อประสิทธิภาพ
และเริ่มสร้างความสัมพันธ์กับทีมงาน
ระดับ 2: การยอมรับ - "คนทำตามเพราะพวกเขาอยากทำ"
ความสัมพันธ์คือหัวใจหลักในระดับนี้
ผู้นำเริ่มสร้างความไว้วางใจและความเคารพในตัวบุคคล
การสื่อสารที่เปิดกว้างและการแสดงความเห็นอกเห็นใจ
จะช่วยเสริมสร้างความผูกพันระหว่างผู้นำและทีม
ฟังให้มากขึ้น สนับสนุนความต้องการของทีม และแสดงความใส่ใจที่แท้จริง

ระดับ 3: ผลลัพธ์ – "คนทำตามเพราะเห็นผลงานที่คุณสร้าง"
ในระดับนี้ ผู้นำแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพผ่านผลลัพธ์ที่จับต้องได้
การสร้างความสำเร็จที่ชัดเจนจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและความเคารพจากทีม
เน้นการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน และสร้างแรงจูงใจผ่านความสำเร็จร่วมกัน
ระดับ 4: การพัฒนาบุคคล – "คนทำตามเพราะคุณช่วยให้พวกเขาเติบโต"
จุดสำคัญคือการช่วยพัฒนาศักยภาพของสมาชิกในทีม
ผู้นำในระดับนี้จะกลายเป็นผู้ให้คำปรึกษา
และผู้สนับสนุนที่ช่วยให้ทีมสามารถก้าวหน้าในอาชีพและชีวิตส่วนตัว
มอบโอกาสในการเรียนรู้ และสนับสนุนให้ทีมได้แสดงศักยภาพสูงสุด
ระดับ 5: การยกย่อง – "คนทำตามเพราะพวกเขาชื่นชมในตัวคุณและสิ่งที่คุณเป็น"
นี่คือระดับสูงสุดของภาวะผู้นำ
ที่ซึ่งคุณได้สร้างมรดกที่ยั่งยืนและกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น
ไม่ใช่แค่ในองค์กร แต่ยังขยายผลออกไปในวงกว้าง
สร้างวัฒนธรรมของการเป็นผู้นำในทุกระดับ
และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นกลายเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน
ภาวะผู้นำ 5 ระดับ ไม่ได้เพียงแค่บอกวิธีการเป็นผู้นำที่ดี
แต่ยังช่วยให้คุณเข้าใจว่าผู้นำที่แท้จริงคือผู้ที่พัฒนาผู้อื่นให้เติบโตไปพร้อมกัน
การเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมไม่ใช่ปลายทาง
แต่คือการเดินทางที่ต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
#ผู้นำ #ความสำเร็จ

อ้างอิง: หนังสือ “ภาวะผู้นำ 5 ระดับ จากจุดเริ่มต้น สู่ความเป็นผู้นำสมบูรณ์แบบ” เขียนโดย John C. Maxwell

11/11/2024

"คิตตี้ ผู้หญิงมีไฟ" เคล็ดลับความสำเร็จ จากเจ้าของธุรกิจหลอด LED ของไทย | THE INSIDER PODCAST |

จากผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ทำงานประจำมาโดยตลอด และที่บ้านไม่ได้มีเงินทุนอะไร ไม่ได้พร้อมที่จะล้มบนฟูก! ตัดสินใจมาทำธุรกิจของตัวเอง ต่างมีเสียงพูดว่า.. มีเจ้าใหญ่ทำอยู่นะ ทำไปไม่น่าจะสำเร็จหรอก!

จนวันนี้กลายเป็นธุรกิจที่ประสบคามสำเร็จ จากจุดเริ่มต้น สู่จุดที่ตกต่ำที่สุดในชีวิต จนเคยคิดว่าจะไม่สามารถทำอะไรต่อได้แล้ว นี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากครับ และทางทีม THE INSIDER มั่นใจว่า นี่จะเป็นคลิปที่เติมแรงบันดาลใจให้คุณได้แน่นอน

Subway จากแซนด์วิชเรือดำน้ำ สู่เครือข่ายฟาสต์ฟู้ดระดับโลกSubway หนึ่งในแบรนด์ฟาสต์ฟู้ดที่โด่งดังที่สุดในโลก เริ่มต้นในปี...
10/11/2024

Subway จากแซนด์วิชเรือดำน้ำ
สู่เครือข่ายฟาสต์ฟู้ดระดับโลก
Subway หนึ่งในแบรนด์ฟาสต์ฟู้ดที่โด่งดังที่สุดในโลก
เริ่มต้นในปี 1965 เมื่อ Fred DeLuca วัย 17 ปี
ต้องการหาเงินเรียนมหาวิทยาลัย ด้วยเงินกู้ 1,000 ดอลลาร์จาก Dr. Peter Buck
เขาเปิดร้านแซนด์วิชชื่อ Pete’s Super Submarines
ในเมืองบริดจ์พอร์ต รัฐคอนเนตทิคัต
ชื่อร้านสะท้อนรูปร่างแซนด์วิชที่คล้ายเรือดำน้ำ​
Subway แตกต่างจากฟาสต์ฟู้ดอื่นด้วยแนวคิด "สร้างแซนด์วิชตามใจคุณ"
ลูกค้าเลือกชนิดขนมปัง ไส้ ผัก และซอสได้เอง
แม้ช่วงแรกจะประสบปัญหาด้านทำเลและยอดขาย
แต่ในปี 1968 DeLuca ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อร้านเป็น Subway
เพื่อสื่อถึงความรวดเร็วในการบริการ
หลังจากเริ่มระบบแฟรนไชส์ในปี 1974
Subway เติบโตอย่างรวดเร็ว
โดยสาขาแรกนอกสหรัฐฯ เปิดในบาห์เรนปี 1984
ช่วงปี 1990 Subway กลายเป็นเชนร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ
และมีสาขาทั่วโลกถึง 33,749 แห่งในปี 2015
มากกว่า McDonald's ในช่วงเวลานั้น
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
ทำให้ Subway ต้องปิดสาขาหลายแห่ง
แต่ยังคงเป็นแบรนด์ฟาสต์ฟู้ดที่มีจำนวนสาขามากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก
รองจาก McDonald's​
Subway ยังคงพัฒนาเพื่อตอบสนองลูกค้าในแต่ละประเทศ
ด้วยเมนูเฉพาะที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมท้องถิ่น
เช่น เมนูมังสวิรัติในอินเดีย หรือแซนด์วิชซูชิในญี่ปุ่น
จากร้านเล็ก ๆ ในคอนเนตทิคัต
Subway ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าความคิดสร้างสรรค์
และความพยายามสามารถผลักดันให้ธุรกิจเติบโตจนกลายเป็นแบรนด์ระดับโลก

อ้างอิง: https://forbesthailand.com/news/marketing/petes-super-submarines-long-submarine-shaped-sandwiches-before-becoming-the-subway-brand
https://today.line.me/th/v2/article/Opv6MqB

สูตรสำเร็จ 3 ข้อจาก Warren Buffettหากเราต้องการประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง ชีวิตที่ประสบความสำเร็จไม่ได้หมายถึงแค่ความมั...
09/11/2024

สูตรสำเร็จ 3 ข้อจาก Warren Buffett
หากเราต้องการประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง
ชีวิตที่ประสบความสำเร็จไม่ได้หมายถึงแค่ความมั่งคั่งหรือชื่อเสียง
แต่รวมถึงการเป็น “มนุษย์ที่ดีขึ้น” เช่นกัน
นี่คือ 3 หลักการสำคัญ ที่ Warren Buffett แนะนำ
สำหรับใครก็ตามที่ต้องการเดินตามเส้นทางสู่ความสำเร็จ
1. หา “คนที่ใช่” ในการเรียนรู้และอยู่รายล้อม
Buffett มักเน้นถึงความสำคัญของการมีที่ปรึกษาที่ดี
ในชีวิตเขาเองมี Benjamin Graham
เป็นอาจารย์และที่ปรึกษาที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย
ซึ่งทำให้ Buffett ได้เรียนรู้แนวคิดการลงทุนที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
โดยเขาแนะนำให้เราเลือกคนรอบตัวที่มีคุณลักษณะและทัศนคติที่ดี
ซึ่งจะช่วยพาเราไปในทิศทางที่ดีขึ้นเช่นกัน
หลักการนี้คล้ายกับคำกล่าวที่ว่า
“เราคือค่าเฉลี่ยของ 5 คนที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุด”
ดังนั้น ควรอยู่กับคนที่สามารถช่วยให้เราเรียนรู้
และพัฒนาตนเองได้ ทั้งทางด้านความรู้และการพัฒนาอาชีพ
2. พัฒนาทักษะให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
ในงานประชุมผู้ถือหุ้นของ Berkshire Hathaway ปี 2022
Buffett ได้กล่าวว่า หนึ่งในวิธีป้องกันตัวเองจากภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจถดถอย
คือการพัฒนาความเชี่ยวชาญในสิ่งที่เราทำให้ยอดเยี่ยมที่สุด
“สิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำได้ คือเป็นคนที่เก่งอย่างแท้จริงในสิ่งหนึ่ง
แล้วคนอื่นจะพร้อมแลกเปลี่ยนสิ่งที่พวกเขามีเพื่อสิ่งที่เราทำ”
การจะเก่งได้ต้องอาศัยการเรียนรู้และสะสมความรู้
Buffett เองเป็นคนที่อ่านหนังสือเป็นประจำทุกวัน
ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ รายงานประจำปี หรือหนังสือความรู้ต่าง ๆ
เขาจึงแนะนำให้เรามีความหิวกระหายในการเรียนรู้ ไม่หยุดพัฒนาตนเอง
เพื่อเปิดโอกาสให้เราปรับตัวและค้นพบโอกาสใหม่ ๆ ได้เสมอ
3. ให้ความรักเป็นตัวนำทางชีวิต
ในหนังสือชีวประวัติของ Buffett
ชื่อ The Snowball: Warren Buffett and the Business of Life
มีการบันทึกไว้ว่า Buffett เคยกล่าวถึงความสำเร็จในชีวิตที่แท้จริงว่า
ณ จุดหนึ่งในชีวิตนั้น สิ่งที่สำคัญกว่าความมั่งคั่งคือการได้รับความรักจากคนรอบข้าง
“ผมรู้จักคนที่รวยมาก มีชื่อเสียง แต่ไม่มีใครรักเขาจริง ๆ
ถ้าอายุมาถึงวัยของผมแล้ว แต่ไม่มีใครคิดดีกับคุณ
ถึงจะมีเงินมากแค่ไหน ชีวิตของคุณก็ถือว่าล้มเหลว”
การเป็นที่รักไม่ได้ซื้อได้ด้วยเงิน แต่เป็นผลลัพธ์จากการที่เรามอบความรัก
และเป็นคนที่น่ารักน่าอยู่ใกล้ คำกล่าวของ Buffett ที่ว่า
“หนทางเดียวที่จะได้รับความรัก คือการเป็นคนที่น่ารัก”
เป็นการเตือนใจให้เราพยายามสร้างสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความรัก
ความเคารพ และความจริงใจ ผ่านการแสดงออกถึงความเมตตา ซื่อสัตย์
และให้การสนับสนุนคนรอบข้างอย่างจริงใจ
สามหลักการนี้จาก Warren Buffett
เป็นเครื่องเตือนใจให้เราไม่เพียงแต่ทำงานเพื่อความสำเร็จภายนอก
แต่ยังรวมถึงการพัฒนาตนเองเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อให้ประสบความสำเร็จในชีวิต
#ผู้นำ #ความสำเร็จ
อ้างอิง: https://www.inc.com/marcel-schwantes/warren-buffett-says-living-a-successful-life-really-boils-down-to-3-things.html

ตลาดชาบู-สุกี้ การแข่งขันที่ดุเดือดเมื่อ “สุกี้ตี๋น้อย” กำลังรุกใกล้เบียดบัลลังก์ “MK”ตลาดชาบู-สุกี้ ในไทยไม่ใช่เพียงแค่...
08/11/2024

ตลาดชาบู-สุกี้ การแข่งขันที่ดุเดือด
เมื่อ “สุกี้ตี๋น้อย” กำลังรุกใกล้เบียดบัลลังก์ “MK”
ตลาดชาบู-สุกี้ ในไทยไม่ใช่เพียงแค่ธุรกิจที่เต็มไปด้วยร้านอาหารหอมฉุย
แต่เป็นหนึ่งในตลาดที่มีมูลค่ามหาศาลถึง “2.3 หมื่นล้านบาท”
ซึ่งหากพูดถึงเจ้าตลาดที่ใคร ๆ ต่างรู้จักกันดี
ก็คงหนีไม่พ้น “MK” แบรนด์สุกี้เจ้าตำรับ
ที่ยืนหยัดเป็นเบอร์หนึ่งมายาวนานกว่า 37 ปี
ด้วยจำนวนสาขาและรายได้ที่ทิ้งห่างคู่แข่ง
แต่วันนี้มี “คู่แข่งหน้าใหม่” ที่น่าจับตามอง
นั่นคือ “สุกี้ตี๋น้อย” ที่กำลังพุ่งเข้ามาในตลาดนี้อย่างรวดเร็ว
และก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิง เจ้าตลาดอย่าง” MK” แบบเต็มตัว
ทำไม “สุกี้ตี๋น้อย” ถึงเติบโตเร็ว?
จุดเด่นของ “สุกี้ตี๋น้อย” นั้นแตกต่างจาก “MK” ในหลายมิติ
“สุกี้ตี๋น้อย” เน้น “กลยุทธ์ราคาประหยัดและเข้าถึงง่าย”
พร้อมกับการสร้างบรรยากาศที่ไม่เคร่งเครียด เป็นกันเอง
และเหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่
ลูกค้าที่เข้ามาทานจะรู้สึกเหมือนอยู่ในที่ที่สะดวกสบายและคุ้นเคย
แต่ยังคงได้รับความประทับใจจากการบริการที่รวดเร็ว
สุกี้ตี๋น้อยรู้ว่าลูกค้าต้องการประสบการณ์ที่ง่าย
ไม่ยุ่งยาก จึงตอบโจทย์นี้ได้อย่างเฉียบขาด
แล้ว “MK” จะรักษาบัลลังก์ได้อย่างไร?
ในอีกมุมหนึ่ง “MK” ครองตลาดมายาวนานด้วย
“คุณภาพที่เชื่อถือได้ และการสร้างความจงรักภักดีของลูกค้า”
MK ไม่ใช่เพียงแค่ร้านอาหาร แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของ “อาหารมื้อพิเศษ”
ที่ทุกคนวางใจมาเสมอ “MK” จึงยังคงเป็นตัวเลือกหลักสำหรับลูกค้ากลุ่มครอบครัว
ที่คุ้นเคยในคุณภาพ และบริการที่เสมอต้นเสมอปลาย
แล้วใครจะเป็นผู้นำในตลาดชาบู-สุกี้?
การต่อสู้ระหว่าง “MK” และ “สุกี้ตี๋น้อย”
เป็นภาพสะท้อนของตลาดที่กำลังเปลี่ยนไป
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของอาหาร แต่เป็นการปรับตัวของแบรนด์
เพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันไปหาสิ่งใหม่ ๆ มากขึ้น
การแข่งขันนี้อาจไม่จบง่าย ๆ และผลลัพธ์สุดท้ายอาจไม่ขึ้นอยู่กับว่าใครใหญ่กว่า
แต่เป็นเรื่องของ “ความเร็วและความสามารถในการปรับตัว”
ในโลกของธุรกิจ บางทีผู้ชนะอาจไม่ใช่แค่ผู้ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน
แต่อาจเป็นใครก็ตามที่รู้จักปรับตัว รู้ทัน
และตอบสนองกับเทรนด์ใหม่ของผู้บริโภคได้ไวกว่า
#สุกี้ตี๋น้อย #ชาบู
อ้างอิง:
https://www.amarintv.com/spotlight/business-marketing/detail/61225
https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1040884

MERREZCA  เสริมแกร่ง เตรียม  IPO  เข้าตลาด maiMERREZCA แบรนด์เครื่องสำอางที่เราเห็นอยู่ในร้านค้าและแพลตฟอร์มออนไลน์หลาย ...
06/11/2024

MERREZCA เสริมแกร่ง เตรียม IPO เข้าตลาด mai
MERREZCA แบรนด์เครื่องสำอางที่เราเห็นอยู่ในร้านค้า
และแพลตฟอร์มออนไลน์หลาย ๆ แห่ง
ตอนนี้กำลังจะก้าวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ mai
โดย บมจ. แกรนด์ คอส กรุ๊ป (MER) ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์
ได้ยื่นไฟลิ่งเพื่อเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 66 ล้านหุ้น
เรียกได้ว่าเป็นก้าวใหญ่ที่น่าจับตามอง!
คุณเกริกไกรวัล แสงประดิษฐ์ CEO ของ MER เปิดเผยว่า
แบรนด์ MERREZCA เน้นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ครอบคลุม
ตั้งแต่เมคอัพเบส รองพื้น ลิปสติก ไปจนถึงอุปกรณ์แต่งหน้า
ทำให้ MERREZCA เป็นที่รู้จักในฐานะแบรนด์ที่คนไทยเชื่อมั่น
ภายใต้แนวคิด ‘Find Your Makeup Find Your Style’
โดยเชื่อว่าทุกคนสามารถดูดีในแบบของตัวเองได้
ความสำเร็จของ MERREZCA
ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะความนิยมของกระแสเกาหลี
แต่เกิดจากการพัฒนาเครื่องสำอางที่ตรงกับสภาพผิวและอากาศของคนไทย
ซึ่งถือเป็น Pain Point ของหลายคน
ผลลัพธ์คือ MERREZCA ได้รับการตอบรับอย่างดี
ติดอันดับ 1 ใน 4 แบรนด์ที่ผู้บริโภคนึกถึงเสมอ
จากการสำรวจของ Kantar Worldpanel
ปัจจุบัน MER มีทุนจดทะเบียน 117 ล้านบาท
แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 234 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.50 บาท
โดยมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 84 ล้านบาท รวม 168 ล้านหุ้น
และครั้งนี้จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 66 ล้านหุ้น
หรือคิดเป็นไม่เกิน 28.21% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท
และที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ หลังจากที่ MERREZCA เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์
เงินทุนที่ได้จะถูกนำไปใช้เพื่อขยายธุรกิจและเสริมสร้างการเติบโตในอนาคต
ทั้งการขยายไลน์สินค้า การชำระหนี้
และเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ
เช่น การเข้าซื้อกิจการที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรม
เรียกได้ว่า MERREZCA ไม่เพียงแต่จะเป็นแบรนด์เครื่องสำอาง
แต่กำลังเติบโตไปในฐานะผู้นำด้านความงาม
ที่พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนในการเป็นตัวของตัวเอง!
#หุ้น IPO #ตลาดหุ้นไทย
อ้างอิง:
https://www.thebetter.co.th/news/investment/23338
https://forbesthailand.com/newsmarketingfinance-and-investment/merrezca-filing-to-ipo-in-mai?fbclid=IwY2xjawGYNZFleHRuA2FlbQIxMAABHbpLykxMpdby5wO3Airuy0mc0Xc76E4gq6GJAIBjYziFuTsf1FkFnJUq9A_aem_FOTQ6YIGq4E-Lp0UCq-lpw

การยื่นไฟลิ่งของบริษัท มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) หรือ MR. D.I.Y. เพื่อเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 981.48 ...
03/11/2024

การยื่นไฟลิ่งของบริษัท มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) หรือ MR. D.I.Y.
เพื่อเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 981.48 ล้านหุ้น
ถือเป็นการตัดสินใจที่สำคัญต่อการขยายธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ไทย
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเติบโตและสร้างการยอมรับในหมู่นักลงทุน
1. ความแข็งแกร่งของ MR. D.I.Y.
MR. D.I.Y. เป็นผู้ประกอบการที่ครองตลาดค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
และสินค้าไลฟ์สไตล์อย่างรวดเร็ว
โดยมียอดลูกค้าเกิน 77 ล้านคนต่อปีในปี 2566
สาขาที่มีจำนวนถึง 802 สาขาใน 74 จังหวัด
สะท้อนถึงการเติบโตที่ไม่หยุดนิ่งในธุรกิจนี้
อีกทั้งยังมีการจ้างงานจำนวนมาก ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น
2. กลยุทธ์การขยายตัว
บริษัทฯ มีการขยายสาขาอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ผ่านมา
โดยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี
ตั้งแต่ 121 สาขาในปี 2564 จนถึง 184 สาขาในปี 2566
อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่สูงถึง 36.3%
ชี้ให้เห็นถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
และความสามารถในการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
3. ความสามารถในการสร้างมูลค่า
ระบบการจัดการสินค้าที่มีประสิทธิภาพและการประหยัดต่อขนาด
ทำให้ MR. D.I.Y. สามารถนำเสนอสินค้าหลากหลายที่มีราคายุติธรรมและแข่งขันได้
การสร้างความน่าเชื่อถือในตลาดเป็นกุญแจสำคัญ
ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุน
4. โอกาสและความท้าทายหลัง IPO
การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
จะเปิดโอกาสให้ MR. D.I.Y. สามารถระดมทุนเพื่อขยายกิจการต่อไป
แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญกับความท้าทาย
เช่น ความต้องการในการทำกำไรให้สูงขึ้น
และการรักษาความพึงพอใจของลูกค้า
5. ความคาดหวังจากนักลงทุน
นักลงทุนต้องการเห็นการเติบโตอย่างยั่งยืน
และการบริหารที่มีประสิทธิภาพจากบริษัทที่เข้าจดทะเบียนใหม่
สุดท้ายแล้ว การพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด
จะเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
การยื่น IPO ของ MR. D.I.Y. ไม่เพียงแค่เป็นการระดมทุน
แต่ยังเป็นสัญญาณของความมั่นใจในอนาคตของบริษัท
โดยมีศักยภาพในการเติบโตที่น่าจับตามองในระยะยาว
#หุ้นIPO #ตลาดหุ้นไทย
อ้างอิง:
https://marketeeronline.co/archives/374816
https://thestandard.co/mr-diy-sec-ipo/

GMM Music ยื่นไฟลิ่งขาย IPOขยายอาณาจักรเพลงไทยการระดมทุน IPO ของ GMM Music หรือ บริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค จำกัด (มหาชน) เ...
01/11/2024

GMM Music ยื่นไฟลิ่งขาย IPO
ขยายอาณาจักรเพลงไทย
การระดมทุน IPO ของ GMM Music
หรือ บริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค จำกัด (มหาชน)
เป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเตรียมตัว
สู่การเติบโตอย่างจริงจังในอุตสาหกรรมเพลง
โดยการระดมทุนครั้งนี้มีเป้าหมายที่ชัดเจน
ทั้งในแง่ของการเพิ่มทุนหมุนเวียน
ชำระคืนเงินกู้ และขยายศักยภาพในการผลิตผลงานเพลง
ที่สำคัญคือ GMM Music
ยังมองหาความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก
ที่พร้อมจะเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ที่มองไปข้างหน้าของพวกเขา
แล้วอะไรที่ทำให้ GMM Music โดดเด่นในตลาด?
จุดยืนของ GMM Music ที่น่าจับตามอง
คือการเน้นเป็น “Music Pure Play” ในตลาดหลักทรัพย์ประเทศไทย
ทำให้พวกเขาสามารถมุ่งมั่นสร้างคุณค่าในอุตสาหกรรมดนตรี
ได้อย่างเต็มที่ผ่านกลุ่มธุรกิจ 7 กลุ่ม
ตั้งแต่การผลิตและพัฒนาศิลปิน การจัดการค่ายเพลง
ไปจนถึงการบริหารรายได้จากโชว์บิซและดิจิทัลมิวสิค
ไม่เพียงแค่สร้างรายได้
แต่ยังช่วยให้ GMM Music
มีจุดยืนที่ชัดเจนในตลาดดนตรีอีกด้วย
ในปี 2565 - 2566 ผลประกอบการของ GMM Music เติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยรายได้เพิ่มขึ้นจาก 1,838.28 ล้านบาทในปี 2564
เป็น 3,072.90 ล้านบาทในปี 2565
และแตะถึง 3,912.75 ล้านบาทในปี 2566
ซึ่งแสดงถึงศักยภาพที่แข็งแกร่งในการปรับตัว
และบริหารธุรกิจในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
GMM Music ไม่ได้หยุดเพียงแค่ในประเทศไทย
แต่ยังเดินหน้าขยายขอบเขตด้วยการจับมือกับพันธมิตรระดับโลก
เช่น เทนเซ็นต์ และ วอร์เนอร์ มิวสิค
ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มศักยภาพ
และความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว
ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนในการนำเสนอผลงานเพลง
ระดับสากลสู่ตลาดไทยและภูมิภาค
การระดมทุนครั้งนี้จะเป็นการสร้างโอกาสให้ GMM Music
เติบโตและแข่งขันในอุตสาหกรรมเพลงที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
การเตรียมความพร้อมด้วยการขยายกำลังการผลิต
เพิ่มทุนหมุนเวียน และสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร
จะช่วยให้ GMM Music พร้อมที่จะคว้าโอกาส
และก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเพลงทั้งในและนอกประเทศ
ในท้ายที่สุด การเน้นสร้างรายได้จากดิจิทัล
และบริการสตรีมมิ่งที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
แสดงถึงวิสัยทัศน์ของ GMM Music
ที่มองไปถึงการเติบโตในอนาคต
ไม่ใช่แค่เพียงการทำกำไรในวันนี้
#หุ้น
อ้างอิง:
https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?release=y&ref=M&id=Qnk4eDljZjhQc3M9
https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1150919
https://thestandard.co/gmm-music-files-for-ipo/

ชีวิตที่มีความหมายมากกว่าความสุขEmily Esfahani Smith เจ้าของหนังสือ The Power of Meaning.เล่าถึงความเข้าใจที่เปลี่ยนไปขอ...
30/10/2024

ชีวิตที่มีความหมายมากกว่าความสุข
Emily Esfahani Smith เจ้าของหนังสือ The Power of Meaning.
เล่าถึงความเข้าใจที่เปลี่ยนไปของเธอเกี่ยวกับความสุข
หลังจากที่เธอได้ใช้ชีวิตโดยพยายามเติมเต็มด้วยสิ่งที่หลายคนเชื่อว่าจะนำมาซึ่งความสุข
เช่น การมีงานที่ดี มีแฟนที่รัก และการมีชีวิตที่หรูหรา
แต่เธอกลับรู้สึกเคว้งคว้างและไม่พึงพอใจ
การเรียนด้านจิตวิทยาเชิงบวกได้ทำให้ Emily ค้นพบสิ่งสำคัญ
ข้อมูลที่เธอพบชี้ว่าการไล่ล่าความสุขอย่างเดียวอาจทำให้เราเป็นทุกข์
เพราะความสุขนั้นเป็นเพียงความรู้สึกที่แสนชั่วคราว
และการไม่มีความหมายในชีวิตกลับกลายเป็นตัวแปรที่ทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวังมากขึ้น
เธอค้นพบว่า ความหมายในชีวิต
คือสิ่งที่ช่วยทำให้คนมีชีวิตที่เต็มไปด้วยพลัง
ซึ่งต่างจากความสุขเพียงอย่างเดียว
Emily ได้ทำการศึกษาและสัมภาษณ์ผู้คนมากมายจนพบว่า
มี "เสาหลัก 4 ต้นของความหมาย"
ที่ทุกคนสามารถใช้สร้างความหมายให้กับชีวิตได้
1. การเป็นส่วนหนึ่ง
ความรู้สึกที่เรามีค่าต่อคนรอบข้าง
ความสัมพันธ์ที่มีคุณภาพช่วยให้เรารู้สึกมีตัวตนและได้รับการยอมรับ
2. จุดมุ่งหมาย
การทำสิ่งที่มีประโยชน์แก่ผู้อื่น
และการใช้ความสามารถในการทำงานหรือบทบาทต่าง ๆ
ให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น
3. การสลายตัวตน
ประสบการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกว่าได้เชื่อมต่อกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเรา
ช่วงเวลาเหล่านี้มักทำให้เรารู้สึกอ่อนน้อมถ่อมตน
และเปิดใจในการช่วยเหลือคนอื่น
4. การเล่าเรื่อง
การตีความและเล่าเรื่องชีวิตตัวเองในมุมมองที่เป็นประโยชน์
หรือก่อให้เกิดการเติบโต
การเล่าเรื่องนี้ช่วยให้เราตระหนักถึงความหมายในชีวิตมากขึ้น
Emily ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของเธอเองและจากการพูดคุยกับผู้อื่นว่า…
การสร้างชีวิตที่มีความหมาย ไม่เพียงแต่ทำให้เรารู้สึกมีพลังและมีความสุขที่ยั่งยืนกว่า
แต่ยังทำให้เราเป็นคนที่มั่นคงทางจิตใจ และมีคุณค่าต่อสังคม

ที่อยู่

Bangkok
10110

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ THE INSIDER - ดิ อินไซเดอร์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง THE INSIDER - ดิ อินไซเดอร์:

แชร์


บริษัทด้านสื่อ/ข่าวสาร อื่นๆใน Bangkok

แสดงผลทั้งหมด