Mutual Finding a common ground in society

“ถ้าคนรู้สึกรู้สากับสิ่งนั้น เค้าจะลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง แล้วถ้าคนจำนวนมากๆ รู้สึกรู้สากับสิ่งนั้นร่วมกัน มันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเสมอ”

Mutual เกิดขึ้นเพราะความคิดความเชื่อแบบนี้

Mutual คือสื่อที่พยายามมองหา ‘ความเหมือน’ หรือ ‘ความร่วมกัน’ ในสังคมที่แตกต่างหลากหลาย ตั้งแต่ เพศ ร่างกาย วัย เชื้อชาติ ไปจนถึงความคิด ความเชื่อ ศรัทธา ที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน

แต่สิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันคือศัก

ดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์

และเราเชื่อว่าการรู้ร้อนรู้หนาว หรือทุกข์ร่วม สุขร่วมกับคนในสังคมเป็นสิ่งที่ควรมี

Finding common ground in society : เราต่างมีพื้นที่ตรงกลางร่วมกัน จึงเป็นแนวคิดสำคัญของ Mutual

คนไร้บ้านต้องการพื้นที่ปลอดภัย
LGBTQ+ ต้องการแว่นที่มองมาด้วยสายตาปกติ
ผู้พิการ ต้องการการยอมรับในฐานะพลเมืองคนหนึ่ง
เด็กเองก็ต้องการการรับฟังและเคารพในความคิดเห็น

เราทุกคนก็ต้องการเช่นนั้น

สังคมปัจจุบัน เราตั้งต้นและกำลังรดน้ำเมล็ดพันธุ์แห่งการเคารพในความแตกต่างหลากหลายแล้ว

ถัดจากนี้ เราจะหาความร่วมและความเหมือน และรดน้ำมันไปด้วยกัน

เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง

“ความจนมันสอนให้เราสู้นะ สู้ทุกอย่าง ความเครียดก็ต้องสู้กับมัน” ความเห็นจากคุณป้าเจ้าของร้านขายของชำในชุมชนคลองเตยที่วัน...
09/01/2025

“ความจนมันสอนให้เราสู้นะ สู้ทุกอย่าง ความเครียดก็ต้องสู้กับมัน”

ความเห็นจากคุณป้าเจ้าของร้านขายของชำในชุมชนคลองเตยที่วันนี้มาเป็นตัวแทนสมาชิกชุมชนในวงแลกเปลี่ยนความเห็นประเด็น การเข้าถึงบริการสุขภาพจิตของคนจนเมือง ร่วมกับทีมวิจัย สมาชิกชุมชนหลายคนในวงพอได้ฟังประโยคนั้นก็หันมาพยักหน้าให้กันเพราะเข้าใจกันในความหมายเป็นอย่างดี

“ถ้าแพ้ก็ต้องเป็นคนบ้า คลุ้มคลั่งอยู่ในชุมชน”

คุณป้าเอ่ยปากขึ้นอีกรอบ แต่คราวนี้ดูเหมือนประสบการณ์ที่ต่างคนต่างเคยประสบกับเหตุการณ์ในประโยคนี้อาจจะไม่น่านึกถึงสักเท่าไร เพราะมันสะท้อนถึงความท้าทายที่คนจนเมืองต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน

สำหรับคนจนเมื่อต้องเล่น ‘เกมชีวิต’ จนวันหนึ่งถ้าต้องกลายเป็นผู้ป่วยจิตเวช หรือที่คนมักเรียกว่า ‘คนบ้า’ เปรียบเสมือนการถูกตีตราให้เป็นผู้แพ้และถูกคัดออกจากเกม สำหรับพวกเขาการอยู่ในสถานะ ‘คนจนเมือง’

แม้จะชีวิตจะเป็นเกมที่ไม่สนุกและเอาชนะได้ยากแต่สิ่งที่ทำให้พวกเขายังไม่ยอมแพ้และขอถอนตัวออกไปจากเกมไปเสียก่อนคือ ‘ความหวัง’ ในทุกวันที่ตื่นขึ้นมาที่จะได้ ‘ลุ้นว่าจะได้เป็นผู้ชนะ’ สักครั้งในชีวิต

กระดานเกมนี้ของคนจนไม่ต่างอะไรกับการจำใจต้องเล่มเกมบันไดงูที่มีจำนวนงูบนกระดานมากเกินไป เดินไปกี่ช่องก็เจอแต่งู ซึ่งเปรียบได้กับอุปสรรคในชีวิตประจำวัน ทั้งปัญหาค่าแรงรายวันน้อยจนไม่เพียงกับการเลี้ยงปากท้อง ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวที่ต้องจำทนอยู่ ปัญหายาเสพติดที่กัดกร่อนจิตใจ อุปสรรคเหล่านี้ค่อยๆ สร้างภาระทางสุขภาพจิตให้กับพวกเขาทีละนิด บริการสุขภาพจิตซึ่งควรเป็นเหมือนบันไดก้าวข้ามไปสู่บริการสุขภาพจิต กลับมีจำนวนน้อยเกินไป

บทความนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการชวนมองปัญหาการเข้าถึงบริการสุขภาพจิตของคนจนเมืองโดยเปรียบเทียบกับเกมบันไดงู อะไรคืองูที่ขัดขวางการเข้าถึงบริการสุขภาพจิต บันไดที่ควรมีเพื่อทำให้การเข้าถึงบริการง่ายขึ้นควรวางไว้ตรงไหน ปัญหานี้เป็นเป้าหมายสำคัญของงานวิจัยนี้คือการระดมความคิดเพื่อการสร้างพัฒนาระบบบริการสุขภาพจิตที่เข้าถึงคนจนเมือง

งานวิจัยชิ้นนี้จึงเหมือนการชวนทุกคนมาลองเล่นเกมกระดานเดียวกัน รับฟังเสียงจากผู้เล่นตัวจริงเพื่อออกแบบเกมใหม่ให้สมาชิกเมืองทุกคนรู้สึกว่าชีวิตไม่ได้ถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง และมีสิทธิที่จะชนะในเกมชีวิตเท่าเทียมกับทุกคน

อ่านต่อที่ เกมบันไดงูที่เดินหน้ากี่ก้าวก็ถูกฉกให้ร่วง : คนจนเมืองกับโอกาสในการเข้าถึงบริการสุขภาพจิต https://bit.ly/4270pax

เรื่อง : จิราเจต วิเศษดอนหวาย
ภาพ : บัว คำดี

#เรามีพื้นที่ตรงกลางร่วมกัน🫂🤝💓 #สุขภาพจิตไม่ใช่แค่เรื่องชนชั้นกลาง #สุขภาพจิตเป็นเรื่องของทุกคน #ลดตีตราแสวงหาความเข้าใจ #สุขภาพจิตคนจนเมือง

เราคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยแล้ว” กันอย่างแน่นอน แต่เราเตรียมพร้อมกันแค่ไหน เตรียมทันไหม และต...
09/01/2025

เราคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยแล้ว” กันอย่างแน่นอน แต่เราเตรียมพร้อมกันแค่ไหน เตรียมทันไหม และต้องเตรียมอะไรบ้าง

คำถามต่อมา ถ้าเราเตรียมพร้อมแล้ว สังคมพร้อมไปกับเราด้วยไหม เพราะในขณะเดียวกัน ‘อคติ’ ต่อผู้สูงวัยก็ยังคงอยู่ และไม่เคยหายไปไหน ไม่ว่าจะเป็นการมองว่าคนกลุ่มนี้ไม่มีประโยชน์ เชื่องช้า ล้าหลัง และหัวโบราณ

ถ้าอย่างนั้นแล้วมีเครื่องมือใดบ้างที่จะช่วยขจัดอคติเหล่านี้ให้หายไป ขอยกมือตอบว่าอีกเครื่องมือที่น่าสนใจก็คือ ‘สื่อ’ นั่นเอง

ผู้สูงอายุ 1 คน จะต้องมีประชากรวัยทำงานประมาณ 3 คนในการดูแล

สำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า อัตราส่วนพึ่งพิงผู้สูงอายุ ที่แสดงให้เห็นว่าประชากรวัยทำงานจะต้องดูแลผู้สูงอายุกี่คน มีจำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ที่ 31.1 เท่ากับว่า ประชากรวัยทำงานจำนวน 100 คน จะต้องรับผิดชอบและดูแลผู้สูงอายุทั้งหมด 31 คน หรือแปลว่า ผู้สูงอายุ 1 คน จะต้องมีประชากรวัยทำงานประมาณ 3 คนในการดูแล

และ ‘ลูก’ เป็นแหล่งรายได้หลักของผู้สูงอายุในประเทศไทย รองลงมา คือ การทำงานหารายได้ด้วยตนเอง ส่วนลำดับต่อมา คือ เบี้ยยังชีพจากทางราชการ

สถิติจำนวนผู้สูงอายุ พ.ศ. 2567 โดยกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่าในปีนี้มีผู้สูงอายุในประเทศไทยเป็นจำนวน 20.70% จากประชากรทั้งหมด นั่นหมายความว่าประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์ หรือ Aged Society เรียบร้อยแล้ว

โดยกลุ่มผู้สูงอายุที่มีมากที่สุดคือ กลุ่มผู้อายุวัยต้น (60-69 ปี) อยู่ที่ 59.3% รองลงมาคือกลุ่มผู้สูงอายุวัยกลาง (70-79 ปี) อยู่ที่ 29.8% และกลุ่มที่มีน้อยที่สุดได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุวัยปลาย (80 ปีขึ้นไป) อยู่ที่ 10.9%

เราคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยแล้ว” กันอย่างแน่นอน แต่เราเตรียมพร้อมกันแค่ไหน เตรียมทันไหม และต้องเตรียมอะไรบ้าง

คำถามต่อมา ถ้าเราเตรียมพร้อมแล้ว สังคมพร้อมไปกับเราด้วยไหม เพราะในขณะเดียวกัน ‘อคติ’ ต่อผู้สูงวัยก็ยังคงอยู่ และไม่เคยหายไปไหน ไม่ว่าจะเป็นการมองว่าคนกลุ่มนี้ไม่มีประโยชน์ เชื่องช้า ล้าหลัง และหัวโบราณ

ถ้าอย่างนั้นแล้วมีเครื่องมือใดบ้างที่จะช่วยขจัดอคติเหล่านี้ให้หายไป ขอยกมือตอบว่าอีกเครื่องมือที่น่าสนใจก็คือ ‘สื่อ’ นั่นเอง

อ่าน สูงวัยโดยสมบูรณ์ : สรุปสถานการณ์ผู้สูงวัยในปี 2567 และจะไปต่อกันอย่างไร เมื่อ ‘ลูก’ คือรายได้หลักของพ่อแม่วัยเกษียณ https://section09.thaihealth.or.th/2025/01/09/complete-aged-society/

เรื่อง : ณัฐริฎา ศิริสอน
ภาพ : ภัทราภรณ์ สงสาร

#ผู้สูงวัย #ผู้สูงอายุ #ประชากรกลุ่มเฉพาะ #สำนัก9 #สสส #นับเราด้วยคน #เสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน #สานพลัง #สร้างนวัตกรรม #สื่อสารสุข ับเราด้วยคน #ก้าวสู่ทศวรรษที่3กับสสส

09/01/2025

คนพิการมีงานทำได้ ไม่ต้องไปไกลบ้าน

08/01/2025

คนพิการมีศักดิ์ศรี มีรายได้ จากการทำงาน

เพราะไม่ใช่ทุกเรื่องที่เราจะเล่ากับคนใกล้ชิดได้  ไม่ใช่ทุกเรื่องที่เราอยากจะเค้นออกมาเพื่อบอกให้นักจิตวิทยาประเมิน ไม่ใช...
07/01/2025

เพราะไม่ใช่ทุกเรื่องที่เราจะเล่ากับคนใกล้ชิดได้ ไม่ใช่ทุกเรื่องที่เราอยากจะเค้นออกมาเพื่อบอกให้นักจิตวิทยาประเมิน ไม่ใช่ทุกเรื่องที่เราจะพร้อมเล่าให้จิตแพทย์ฟัง

ดังนั้นแล้วก้อนมวลหลากหลายอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ มันจึงตกค้างอยู่ใต้ก้นบึ้งของจิตใจ หากถูกกวนกระบอกเก็บความรู้สึกเมื่อไหร่ คลื่นความรู้สึกที่ตกค้างอยู่นั้นก็จะย้อนกลับมาทำให้เราระลึกนึกถึงได้ตลอดเวลา

คำคมศาลาคนเศร้า “ความสุขที่ควรจำกลับลืม ความทุกข์ที่ควรลืมกลับจำ” เกิดขึ้นจริงกับใครหลายๆ คน โดยเฉพาะพาร์ทที่มนุษย์มีกระบอกเก็บความทุกข์ ความเศร้าแบบไม่รู้จบ

จะดีกว่านี้ไหม ถ้าเรามีวิธีระบายออกมา… ฝ้าย กันตพร สวนศิลป์พงศ์ นักจิตวิทยาการปรึกษา นักเขียน และผู้ร่วมก่อตั้ง MasterPeace บอกว่าการเขียนคือพื้นที่นั้นเพราะปลอดภัยไม่มีใครมายุ่มย่าม
ในหลักการบำบัดของนักจิตวิทยา มีการเขียนที่เรียกว่า Expressive Writing คือการเขียนบำบัดที่เอาความรู้สึกตัวเองออกมาตรงๆ โดยไม่ตัดสิน

ฝ้ายทำวิจัยเรื่อง “ประสบการณ์ทางจิตใจจากการเขียนสะท้อนความคิดความรู้สึก” โดยเฉพาะการเขียนที่ได้สัมผัสเนื้อกระดาษ ได้จรดปากกาหรือดินสอให้กล้ามเนื้อมัดเล็กบนมือได้ทำงานนอกจากการใช้แค่เฉพาะนิ้วโป้งบนสมาร์ทโฟน
“การคิดหรือการตั้งคำถามกับตัวเองมันมีมากมายไม่รู้จบ แต่การเขียนทำให้มันรู้จบได้ มันมีขอบเขต มันปิดลงได้ และเราเรียกมันมาดูใหม่ได้ คนในอดีตบางครั้งมันมาช่วยเราได้ จากการกลับไปอ่านหน้าเก่าๆ”

“การเขียน การพิมพ์ พลังงานต่างกัน จากการทำงานวิจัยหน้ากระดาษมันเปลี่ยนหน้าและจบได้
บางคนพิมพ์เร็วมาก ความคิดมันพุ่งไปเร็วมาก แต่การเขียนมันหน่วงเวลาให้คิด”

หลักๆ คือการได้ระบาย ปล่อยความรู้สึกของตัวเอง การได้ประมวลความคิดโดยถอยออกมาดูตัวเองในมุมมองที่ไกลขึ้น รวมถึงการควบคุมตัวเอง ฉันเอาอยู่ (Self Regulation) เพราะหากเราบรรยายความรู้สึกออกมาได้ ความหนักที่เรามีอยู่จะเบาลง ทำให้จิตใจสงบขึ้น หรืออาจจะกระตุ้นให้เราพร้อมในการก้าวผ่านความรู้สึกแย่ๆ ที่มีอยู่จนกลายเป็นหินถ่วงตัวเอง”

หลักการสำคัญของการเขียนบำบัดแบบ Expressive Writing ฝ้ายแนะนำว่าอย่างแรกคือการเตรียมพร้อมก่อนเขียน เมื่อทำความ
เข้าใจทั้งหมดแล้ว ช่วงระหว่างเขียนมีหัวใจสำคัญอยู่ 7 ข้อหลักๆ

Writing Therapy 9 วิธีเขียนบำบัดจิตใจ ไดอารีความรู้สึก เพื่อปลดเปลื้องตัวเองจากข้างใน อ่านต่อที่ https://bit.ly/4cglbH7

เรื่อง : มยุรา ยะทา
ภาพประกอบ : บัว คำดี

#สุขภาพจิตไม่ใช่แค่เรื่องชนชั้นกลาง #สุขภาพจิตเป็นเรื่องของทุกคน #เขียนบำบัด

นานๆ ที่จะได้เจอเพื่อนฝูง ปีใหม่แบบนี้ก็จัดไปเลยหมูกระทะ 3 วันติด เบียร์อีก 3 ลังถ้าถามว่ากลัวอ้วนไหม คงก็ต้องตอบว่ากลัว...
06/01/2025

นานๆ ที่จะได้เจอเพื่อนฝูง ปีใหม่แบบนี้ก็จัดไปเลยหมูกระทะ 3 วันติด เบียร์อีก 3 ลัง

ถ้าถามว่ากลัวอ้วนไหม คงก็ต้องตอบว่ากลัว แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อช่วงเวลาแห่งความสุขที่ได้สังสรรค์กับเพื่อนมันมีไม่บ่อย มื้อที่สุขที่สุดคือมื้อที่ได้กินกับคนที่เรารักนี่เอง

แต่บางคนซัดหมูกระทะเสร็จกลับไปถึงบ้านก็กระโดดขึ้นที่ชั่งน้ำหนักทันที และโทษตัวเองว่าทำไมไม่ยับยั้งปากบ้าง แต่จริงๆ แล้วอาหารที่เราได้กิน โมเมนต์ที่ได้คุยกับเพื่อน หรือตอนที่ได้หัวเราะตอนเห็นเพื่อนเล่นมุกบ้าๆ บอๆ นี่ก็ถือเป็นความสุขคุ้มค่ากับการน้ำหนักขึ้น

มันอาจจะไม่ใช่การบังคับตัวเองให้กินน้อย หรือคอยกังวลว่าน้ำหนักจะขึ้นไหมตลอดเวลา แต่การเฮลตี้และแฮปปี้ไปพร้อมๆ กัน คือ การบาลานซ์ที่ดี เพื่อมีสุขภาพที่ดีในระยะยาวต่างหาก

#เรามีพื้นที่ตรงกลางร่วมกัน🫂🤝💓

ถ้าใครกลัวที่จะกินข้าวคนเดียว ลองดูซีรีส์นี้สักตอนแล้วจะรู้ว่า บางครั้งการกินข้าวคนเดียวอาจจะทำให้เจริญอาหารได้มากกว่าที...
04/01/2025

ถ้าใครกลัวที่จะกินข้าวคนเดียว ลองดูซีรีส์นี้สักตอนแล้วจะรู้ว่า บางครั้งการกินข้าวคนเดียวอาจจะทำให้เจริญอาหารได้มากกว่าที่คิด…

อริสโตเติล กล่าวไว้ว่า ‘มนุษย์เป็นสัตว์สังคม’ และสังคมตอบรับทฤษฎีนั้นด้วยการตีกรอบว่า ‘การอยู่คนเดียวเป็นเรื่องผิด’ ดังนั้นแล้วจึงมีมนุษย์หลายคนบนโลกใบนี้รู้สึกผิดที่กำลัง ‘เหงา หว้าเว้ หรือโดดเดียว’ เพราะไม่มีคนเคียงข้าง จนความรู้สึกเหล่านี้กลายเป็นก้อนความทุกข์ขนาดใหญ่

ชาเลนจ์คนเหงา คือ ลิสต์รวมกิจกรรมที่ท้าว่าคุณกล้าที่จะทำคนเดียวแค่ไหน ไล่ตั้งแต่กินข้าวคนเดียว เที่ยวคนเดียว ดูหนังคนเดียว ปั่นเรือเป็ดคนเดียว ฯลฯ สังคมกำลังทรีตให้ความสุขของมนุษย์ผูกติดอยู่กับคนอื่น แต่ไม่ใช่ กับ ‘โกโระ อิโนงาชิระ’ ตัวละครในซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง ‘อร่อยเดียวดาย’ ที่พยายามบอกกับคนดูว่า อย่ากลัวที่จะกินข้าวคนเดียว เพราะความสุขเริ่มได้จากตัวเอง

หากใครเป็นคอซีรีส์ญี่ปุ่น หรือสายหนังด้านอาหาร เชื่อว่าเกิน 70% ต้องเคยดูหรือรู้จักซีรีส์อร่อยเดียวดาย หรือ Solitary Gourmet ที่เนื้อเรื่องเล่าถึงชีวิตประจำวันของ ‘โกโระ อิโนงาชิระ’ เซลล์แมนชายใส่สูทวัยกลางคนที่ตระเวณไปขายสินค้าทั่วประเทศญี่ปุ่น แล้วแวะกินอาหารร้านต่างๆ เมื่อความหิวมาเยือน

จริงๆ แล้วซีรีส์เรื่องอร่อยเดียวดายเป็นการดัดแปลงมาจากการ์ตูน (เรียกว่ามังงะ) เรื่อง Kodoku no Gourmet ของคูซูมิ มาซายูกิ (Kusumi Masayuki) และทานิกูจิ จิโร่ (Taniguchi Jiro) ที่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1994 ในนิตยสาร Monthly Panja

ซีรีส์เรื่องนี้ไม่มีจุดไคลแม็กซ์ ไม่มีปมให้เดาต่อ ไม่มีบทพูดที่หวือหวา มีตัวละครเดินเรื่องแค่คนเดียว เนื้อหาจบในตอน ทั้งหมดนี้คือ ‘ความเรียบง่าย’ ที่ซีรีส์เรื่องนี้ฉายออกมา แต่กลายเป็นความเรียบง่ายที่จับใจคนทั่วโลกด้วยเรตติ้งที่คงเส้นคงวา ทำให้มีการผลิตและฉายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2012 จนถึงปัจจุบันรวมทั้งหมด 10 ซีซัน

‘ไม่มีใครคบ’ คือ เสียงก้องในหัวที่คอยหลอกหลอนไม่มากก็น้อย การสันโดษ คือ เรื่องผิดแปลกในสังคม ไม่ใช่แค่กับสังคมไทย เพราะในญี่ปุ่นเองก็มีชุดวาทกรรมนี้เช่นเดียวกัน ‘เบนโจเมชิ’ (便所飯 – benjomeshi) หรือ ‘lunchmate syndrome’ คือคำอธิบายถึงพฤติกรรมการกินข้าวในห้องน้ำของคนญี่ปุ่น ซึ่งมีหมายถึงโดยรวมคือคนที่ไม่มีเพื่อนกินข้าวด้วยกัน และกลัวการโดนเพื่อนร่วมชั้นหรือเพื่อนร่วมงานเห็นตัวเองนั่งกินข้าวอยู่คนเดียว จึงไปแอบกินอยู่ในที่ลับตาคน ไม่ว่าจะเป็นห้องว่างในโรงเรียน ห้องสมุด หรือกระทั่งในห้องสุขา บางคนเลือกไม่กินข้าวไปเลย หรือในกรณีเลวร้ายที่สุด คือ ถึงกับไม่ยอมไปโรงเรียน หรือลาออกจากงาน

แต่กับซีรีส์เรื่องอร่อยเดียวดาย สิ่งที่ฉายเด่นชัดออกมากระแทกตาผู้ชมเลยคือ ‘ภาวะสันโดษที่เป็นสุข’ โกโระ อิโนงาชิระ จะเปิดเรื่องด้วยการเดินทางไปทำธุรกิจของเขาในพื้นที่ต่างๆ ของญี่ปุ่น ดำเนินเรื่องด้วยตัวคนเดียว ทำงานคนเดียว เมื่อหิวเมื่อไรเขาจะเริ่มตระเวณหาร้านในบริเวณนั้น หรือในบางตอนอาจจะคิดร้านเด็ดไว้แล้ว แล้วก็จะไปกินข้าวคนเดียว เรียนรู้รสชาติใหม่ๆ สายตาสอดส่องรายละเอียดไปตามร้านต่างๆ สังเกตลูกค้าในร้าน มีความสุขกับอาหารตรงหน้า และเมื่ออิ่มก็จะได้ข้อคิดง่ายๆ พร้อมกับการสรุปความในใจจากอาหารที่ได้กิน แล้วก็จบตอน

เริ่มต้นตอนด้วยตัวคนเดียว และจบตอนด้วยตัวคนเดียว การทำอะไรคนเดียวก็ไม่ได้แย่เสมอไป อย่าให้เราพลาดร้านอร่อยๆ อาหารดีๆ ด้วยข้อจำกัดว่าไม่มีใครไปกินเป็นเพื่อนอีกเลย เพราะความสุขจากความอร่อยเราสามารถเสกให้ตัวเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร

เรื่อง : มยุรา ยะทา
ภาพ : ณัฏฐพล พัฒนเสกศิษฐ์

#อร่อยเดียวดาย #โกโระอิโนงาชิระ #กินข้าวคนเดียว #เหงา #โสด

เป็นรอบวันหยุดสิ้นปีแต่คนดูเต็มโรง (เปิดเผยเนื้อเรื่องบางส่วน)Perfect Days เป็นเรื่องราวของฮิรายามะ ชายสูงวัยที่มีความสุ...
04/01/2025

เป็นรอบวันหยุดสิ้นปีแต่คนดูเต็มโรง

(เปิดเผยเนื้อเรื่องบางส่วน)

Perfect Days เป็นเรื่องราวของฮิรายามะ ชายสูงวัยที่มีความสุขกับงานขัดล้างห้องน้ำสาธารณะทั่วกรุงโตเกียว เขาชอบถึงขนาดซื้ออุปกรณ์ทำความสะอาดเป็นของตัวเอง ทั้งๆ ที่ห้องน้ำแต่ละจุดก็มีอุปกรณ์ขัดล้างไว้ประจำอยู่แล้ว

แต่อุปกรณ์ส่วนกลางมีแค่ระดับพื้นฐาน ไม่มีกระจกกลมบานเล็กไว้คอยส่องด้านในชักโครกเพื่อรีเช็คว่าเช็ดเกลี้ยงแล้วมั้ย หรือ ไม้ม็อบถูพื้นที่จับกระชับมือและรีดน้ำได้แห้งกริ๊บ ฯลฯ ชายสูงวัยเลยต้องเตรียมมาเอง

ใครที่ชอบล้างห้องน้ำคงพอเข้าใจอารมณ์ก่อน-ระหว่าง-หลังล้าง ว่ามันเป็นอย่างไร ก่อนล้างคือต้องฮึดสู้แค่ไหนนะกับคราบมากมาย ระหว่างล้างก็สะใจเหลือเกินที่เอาคราบดำๆ ออกไป แต่ฟินที่สุดคือตอนล้างเสร็จ สะอาดเอี่ยมด้วยมือของเราเอง

พูดง่ายๆ ว่ามันเป็นงานที่จัดการได้และเรารู้ปลายทางว่ามันต้องสะอาดแน่ๆ ระหว่างทางอาจยากง่ายต่างไปบ้างก็ให้ถือเป็นวิบากกรรมไป

นอกจากงานล้างห้องน้ำแล้ว กิจกรรมต่างๆ ฮิรายามะก็วางไว้อย่างเป็นรูทีน กินข้าวกลางวัน (แซนวิชกับนม) ในสวน กินมื้อเย็นที่ร้านประจำที่สถานีรถไฟใต้ดิน อ่านหนังสือก่อนเข้านอนก่อนจะตื่นเช้าในวันรุ่งขึ้น ล้างหน้า แปรงฟัน กดกาแฟตู้ ขับรถออกไปทำงาน วนลูปอยู่อย่างนี้

เมื่อบัดดี้ล้างห้องน้ำจู่ๆ มาขอลาออก ตารางชีวิตของฮิรายามะเลยรวน ทำงานง่วนคนเดียวถึงดึก เช่นเดียวกับตอนหลานสาวหนีออกจากบ้านมาหา อาการของลุงเลยเงอะๆ งะๆ รับมือไม่ค่อยถูก

แต่ฮิรายามะกลับชอบกับความคาดเดาไม่ได้จากการถ่ายรูปต้นไม้จากกล้องฟิล์ม หลายรูปอัดออกมาแล้วไม่สวย ช่างภาพไม่ลังเลที่จะฉีกทิ้งแล้วเก็บเอาไว้แค่ภาพถูกใจ

หากในอีกด้าน ความคาดเดาไม่ได้อย่างนี้ก็ทำให้ฮิรายามะผู้เงียบเป็นพื้นฐาน ได้ส่งเสียงออกมา ไม่ว่าจะเป็นตอนบอกกับที่ทำงานด้วยน้ำเสียงโมโหว่า พรุ่งนี้ให้ส่งคนมาทำงานแทนคนลาออกด้วย ไม่ล้างคนเดียวอีกแล้ว หรือตอนที่ปั่นจักรยานกับหลานสาว หลานสาวบอกอยากไปทะเล แต่ลุงบอกว่าวันหลัง หลานถามต่อว่าแล้ววันหลังมันวันไหน

“วันหลังก็คือวันหลัง วันนี้ก็คือวันนี้”

วันนี้ในทุกๆ วันของชายผู้รักการล้างห้องน้ำจึงสำคัญ มันมาพร้อม ทั้งความง่าย ยาก ลำบาก สนุก แต่ในทุกๆ จังหวะ ฮิรายามะรู้ว่าเขาจะหา Komorebi ได้ที่ไหน

Komorebi แปลตรงตัวว่าแสงระยิบระยับของแสงแดดและเงาที่เกิดเมื่อตอนใบไม้ กิ่งไม้ ไหวลู่ไปกับลม ปรากฏเป็นเงาที่เหมือนเต้นไปมาอยู่บนพื้น

ด้วยโมเมนท์พิเศษแบบนี้เอง ฮิรายามะจึงมากินแซนวิชกับนมที่สวนทุกวัน พร้อมเงยหน้ามองต้นไม้ แล้วก็หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายเก็บไว้ จนวันที่หลานสาวตามมาด้วย และถามลุงกลับว่า ต้นไม้เหล่านี้คือเพื่อนของลุงใช่มั้ย ลุงยิ้ม อึ้งไปอยู่นาน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าคำตอบคือใช่

แต่สำหรับคนดูอย่างเรา Komorebi ของเรื่องนี้อยู่ที่ 5 นาทีสุดท้ายของหนัง ที่ฮิรายามะเปิดเพลง Feeling Good ของนีน่า ซีโมน ฟังบนรถระหว่างไปทำงาน

It's a new dawn
It's a new day
It's a new life for me, ooh
And I'm feeling good….

นี่ละมั้ง Komorebi - ความสมบูรณ์ในแต่ละวัน ความสมบูรณ์ในแบบของเรา ความสมบูรณ์ที่ไม่จำเป็นต้องเอาไปเปรียบเทียบกับใคร และเป็นความสมบูรณ์ที่เว้าแหว่งก็ได้ แค่ทำให้เราได้เจอแสงระยิบระยับบ้างก็พอ

หมายเหตุ : Perfect Days มีกำหนดเข้า Netflix 27 มกราคมนี้

*edit เพิ่ม House Samyan เพิ่มรอบฉายแล้วนะคะ 😊

เรื่อง : ทิพย์พิมล เกียรติวาทีรัตนะ
ภาพ : บัว คำดี

#เรามีพื้นที่ตรงกลางร่วมกัน #รีวิวหนัง

หมานี่แหละคือหนทางสู่สวรรค์ของเรา… ข้อมูลจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ National Institutes of Health (NIH) มีการทำวิจัยความสัม...
03/01/2025

หมานี่แหละคือหนทางสู่สวรรค์ของเรา…

ข้อมูลจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ National Institutes of Health (NIH) มีการทำวิจัยความสัมพันธ์ของสุนัขและมนุษย์ พบว่าการลูบตัวหมาช่วงเวลาแค่ 5-20 นาที สามารถลดระดับ ‘ฮอร์โมนคอร์ติซอล’ (ฮอร์โมนแห่งความเครียด) ในทางกลับกันยังสามารถเพิ่ม ‘ฮอร์โมนออกซิโทซิน’ (ฮอร์โมนแห่งความผูกพัน) ได้ด้วย

ดังนั้นถ้าใครที่รู้สึกเครียด ก็อาจจะลองไป ‘เติมหมา เติมแมว’ สบตาน้อนๆ ดูบ้างเผื่อสิ่งที่หนักอึ้งของเราจะเบาบางลงชั่วขณะ

Puppy Yoga BKK คือคลาสโยคะที่มีน้องหมาแห่งแรกในไทย โดยคลาสโยคะนี้มีการนำหมาเด็กเข้ามาร่วมระหว่างการฝึกโยคะ ซึ่งมองว่าความสดใส ความไร้เดียงสาจะส่งพลังต่อผู้เข้าคลาสได้ แล้วเมื่อผู้เข้าคลาสกลับไปพลังงานดีๆ เหล่านั้นก็จะถูกส่งต่อไปเรื่อยๆ สู่สังคมในที่สุด

‘มายด์’ ปีติชา ถนอมสิน ผู้ก่อตั้งและเจ้าของสตูดิโอ Mind Over Matter ที่มีคลาสโยคะในชื่อว่า Puppy Yoga BKK กล่าวว่า

“แน่นอนว่าได้เรื่องร่างกายแข็งแรง ได้ยืดเส้นยืดสายจากคลาสโยคะ แต่ว่าการที่มีน้องหมาเข้ามา เขาเข้ามาเติมพลังงานดีๆ ช่วยเรื่องสภาพจิตใจ สุขภาพจิตในรูปแบบหนึ่ง มายด์รู้สึกว่าการที่เรามี positive energy หรือว่าความคิดบวกเป็นสิ่งที่ช่วยเราเองมากๆ เลย”

มายด์บอกว่าในปัจจุบันผู้คนเจอรถติด เจอข่าวเครียดๆ มามากพอแล้ว การมาหาพื้นที่ฮีลใจสัก 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์อาจจะมองว่าคือการแก้ปัญหาที่ปลายทาง แต่ก็เป็นการแก้ปัญหาอย่างหนึ่งได้เช่นกัน

คลาสโยคะจะมีช่วงเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็น 45 นาทีแรกจะฝึกท่าโยคะต่างๆ จากครูผู้มีประสบการณ์แล้วระหว่างนั้นจะปล่อยๆ น้องหมาเข้ามาร่วมในคลาส ซึ่งพันธุ์น้องหมาจะแตกต่างออกไปแต่ละครั้ง แล้วเมื่อฝึกโยคะเสร็จแล้วจะเป็นช่วงเวลาให้นักเรียนได้เล่นกับน้องหมาอย่างเต็มที่

“เราอยากเอาพื้นที่ตรงนี้มาเป็นพื้นที่ตรงกลางให้คนมารับพลังงานบวกกลับไป หรือเป็นพื้นที่เชื่อมโยงกับความสุข”

ฮีลใจด้วยการเติมหมา : สยบความว้าวุ่นด้วย ‘โยคะกับเจ้าจิ๋วสี่ขา’ เพื่อเติมเต็มตัวเองจากข้างใน
อ่านต่อที่ https://bit.ly/4bk06dD

เรื่อง : มยุรา ยะทา
ภาพ : ณัฐชานันท์ กล้าหาญ
ภาพประกอบ : ภัทราภรณ์ สงสาร

#เรามีพื้นที่ตรงกลางร่วมกัน #สุขภาพจิตไม่ใช่แค่เรื่องชนชั้นกลาง #สุขภาพจิตเป็นเรื่องของทุกคน

วันนี้เรารู้สึกยังไงนะ? เหงาแค่ไหน? เหนื่อยมากไหม? เศร้าใจเรื่องอะไร? มนุษย์รู้เรื่องชาวบ้านเยอะกว่าเรื่องตัวเองเสมอ การ...
02/01/2025

วันนี้เรารู้สึกยังไงนะ? เหงาแค่ไหน? เหนื่อยมากไหม? เศร้าใจเรื่องอะไร? มนุษย์รู้เรื่องชาวบ้านเยอะกว่าเรื่องตัวเองเสมอ

การรู้เท่าทันตัวเองกลายเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องให้ความสำคัญในยุคที่เทคโนโลยีล้ำถึงขนาดที่บนท้องถนนมีรถยนต์ไร้คนขับ เนื่องด้วยความเครียด ความกดดัน โรคทางจิตเวช และภาวะสุขภาพจิตของมนุษย์โลกอยู่ในช่วงวิกฤติพอๆ กับภาวะโลกร้อนที่ต้องเร่งแก้ปัญหา
ข้อมูลจาก กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข พบว่าปัจจุบันมีคนไทยประมาณว่า 1.2 ล้านคนเป็นโรคซึมเศร้า แต่ที่ตลกร้ายกว่านั้นยังมีหลายคนที่มีอาการแต่ไม่เข้าใจว่าเป็นโรคซึมเศร้า หรือ คิดว่าตัวเองไม่เป็นอะไรจนอาการมากขึ้น บางคนอาจแสดงออกตรงข้ามเพื่อบอกว่ายังไหว บางครั้งเรียกว่าภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้น (Smiling Depression) คือการแสดงออกที่ไม่ตรงไปตรงมาของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า แทนที่จะรู้สึกเศร้า หดหู่ หงุดหงิด เก็บตัว ร้องไห้ กลับแสดงออกถึงความรู้สึกที่ในทางตรงกันข้าม ได้แก่ การยิ้ม หัวเราะ คิดว่าไม่เป็นอะไร

ไม่ใช่แค่โรคซึมเศร้าเท่านั้น แต่โรคทางสุขภาพใจอื่นๆ เช่นภาวะความเครียดก็ถูกกดทับจากการไม่รู้เท่าทันตนเอง จนกลายเป็นอาการรรุนแรงอื่นๆ ตามมา

ปัญหาอีกด้านหนึ่งที่ต้องยอมรับแบบเปิดอกคือจำนวนบุคลากรด้านการแพทย์จิตเวชในไทยน้อย และไม่สัมพันธ์กับจำนวนประชากร รอคิวนาน ไม่มีจิตแพทย์ประจำโรงพยาบาล หากอยากรักษา หรือต้องการรู้ว่าตัวเองเป็นอะไรผ่านการวินิจฉัยก็ต้องทุ่มรายจ่ายให้กับบริการเอกชนนอกเหนือสิทธิ์การรักษาที่มี

กว่าจะได้รักษาก็สายไปเสียแล้ว…Mutual จึงรวบรวม 5 แบบทดสอบทบทวนความรู้สึก เพื่อให้รู้เท่าทันอารมณ์ของตนเอง และสามารถคัดกรองความเสี่ยงโรคสุขภาพจิตต่างๆ เบื้องต้นได้ โดยแบบทดสอบทั้งหมดมีความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากกรมสุขภาพจิต และสามารถทำแบบออนไลน์ได้เลยไม่ยุ่งยาก

อย่ามัวแต่นั่งกังวลว่าแบบนี้เศร้าจริง หรือเศร้าหลอก เครียดจริง หรือแค่หิวข้าว มาทำแบบทดสอบให้รู้กันไปเลย แล้วถ้าอาการเสี่ยงหรือเข้าข่ายตามที่แบบทดสอบแจ้งก็ไม่ต้องกลัวที่จะไปพบแพทย์เพื่อรักษาต่อไป

เศร้าจริง หรือเศร้าหลอก เครียดจริง หรือแค่หิวข้าว : ถึงเวลารับฟังตัวเอง รวม 5 แบบทดสอบระดับ ความเครียด ภาวะเสี่ยงซึมเศร้า รู้เท่าทันสุขภาพจิตที่เชื่อถือได้ อ่านเต็มๆ ได้ที่ https://bit.ly/4bak3o1

ก่อนที่จะรับฟังคนอื่น เรามารับฟังตัวเองกันก่อนดีกว่า

เรื่อง : มยุรา ยะทา
ภาพประกอบ : บัว คำดี

#สุขภาพจิตไม่ใช่แค่เรื่องชนชั้นกลาง #สุขภาพจิตเป็นเรื่องของทุกคน #ลดตีตราแสวงหาความเข้าใจ #ทำแบบทดสอบ #แบบทดสอบซึมเศร้า #แบบทดสอบความเครียด #กรมสุขภาพจิต

ปี 2567 ที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง? สุขหรือทุกข์มากกว่ากัน?คาดหวังอะไรบ้างกับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงภายในอีกไม่กี่ชั่วโมง?บท...
31/12/2024

ปี 2567 ที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง? สุขหรือทุกข์มากกว่ากัน?
คาดหวังอะไรบ้างกับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงภายในอีกไม่กี่ชั่วโมง?

บทความจากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีชี้ว่า ทุกข์ส่วนใหญ่ของคนเรามักเกิดจากการยึดติด อย่างการยึดติดกับอดีตที่ผ่านไปแล้ว หรือแม้กระทั่งสิ่งต่างๆ ในปัจจุบันอย่างความสัมพันธ์กับคนรอบตัว

ทุกข์จากการยึดติดเกิดขึ้นในทุกยุคทุกสมัย คนบางคนยึดติดกับอดีตที่เลวร้าย นึกถึงมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกลับมาทำร้ายใจตัวเอง หรือบางคนที่กำลังเผชิญหน้ากับความเสียใจอาจจะหวนคิดถึงอดีตที่มีความสุข ไม่ยอมมูฟออน ทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่ามันผ่านไปแล้ว

เพลง Mo-Eh-Wa ของฟูจิอิ คาเสะ (Fujii Kaze) อาจกำลังเตือนใจว่า หากเราต้องการอิสระจากความเจ็บปวด และอยากโบยบินตามความหวังของตัวเอง สิ่งแรกที่เราควรทำคือการปล่อยวางจากสิ่งที่ยึดติด

さあ羽根伸ばしてここから
เอาล่ะ จากจุดนี้ไปสยายปีกออกเถอะ
とらわれてばっかだったから
เพราะคุณมัวแต่ติดแหง็กอยู่นั่น
息つまった喜び手放す時は今
ตอนนี้ถึงเวลาปล่อยมือจากความสุขที่มาถึงทางตันได้แล้ว
心軽くしてこれから
ต่อแต่นี้ไปเบาใจซะเถอะ

อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป ถึงเวลาที่ต้องปิดฉากเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 2567 เพื่อเตรียมโอบรับเรื่องราวและประสบการณ์ใหม่ๆ ที่รอเราอยู่ เพราะอนาคตยังมีอะไรให้เราได้ค้นพบอีกมากมายเกินกว่าจะยึดติดอยู่กับเรื่องที่ผ่านมา

อ่าน I love me : Fujii Kaze ศิลปินที่แสดงความรักตัวเองผ่านบทเพลง และไม่อยากให้ทุกคนรักใครมากกว่าตัวเอง https://bit.ly/4fjupE4

เรื่อง : ธันยพร เกษรสิทธิ์
ภาพประกอบ : บัว คำดี

#เรามีพื้นที่ตรงกลางร่วมกัน🫂🤝💓 #สุขภาพจิตไม่ใช่แค่เรื่องชนชั้นกลาง #สุขภาพจิตเป็นเรื่องของทุกคน #ลดตีตราแสวงหาความเข้าใจ #รักตัวเอง #ฟูจิอิคาเสะ

สำหรับบางคน ไม่ต้องมีอะไรพิเศษในคืนข้ามปี ขอแค่การได้ใช้เวลากับตัวเอง ในพื้นที่ที่ตัวเองสบายใจก็พอแล้ว แต่ถ้าใครอยากหากิ...
31/12/2024

สำหรับบางคน ไม่ต้องมีอะไรพิเศษในคืนข้ามปี ขอแค่การได้ใช้เวลากับตัวเอง ในพื้นที่ที่ตัวเองสบายใจก็พอแล้ว แต่ถ้าใครอยากหากิจกรรมอะไรทำสักอย่าง การดูหนังข้ามปีก็เป็นทางเลือกที่ดี

Mutual รวม 5 ฉากแห่งความทรงจำที่อยากให้ทุกคนเคาท์ดาวน์ไปสู่ปี 2568 ด้วยกัน

เรื่อง : กองบรรณาธิการ
ภาพประกอบ : ภัทราภรณ์ สงสาร

#เรามีพื้นที่ตรงกลางร่วมกัน #ดูหนังข้ามปี

  เข้าใจโลกร้ายๆ ผ่านการตีตรา และวิธีการทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น ผ่านการเข้าใจกันและกัน เป็นไปได้ไหมถ้าแทนการเหยียบย่ำ ตราหน้...
31/12/2024

เข้าใจโลกร้ายๆ ผ่านการตีตรา และวิธีการทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น ผ่านการเข้าใจกันและกัน

เป็นไปได้ไหมถ้าแทนการเหยียบย่ำ ตราหน้า ตีตรา ด่าทอกันด้วยอคติ เปลี่ยนเป็นการเข้าอกเข้าใจ หรืออาจจะไม่ถึงขั้นนั้นก็ได้แต่แค่การรับฟังโดยไม่ตัดสิน ขอแค่นี้…โลกที่แสนโหดร้ายใบนี้ก็อาจจะเปลี่ยนไป

จากข้อมูลที่เผยแพร่ในแวดวงสุขภาพจิต ในโลกที่เต็มไปด้วยคนที่กำลังเผชิญปัญหาสุขภาพจิตกว่า 300 ล้านคนทั่วโลก แต่มีจำนวนคนไม่ถึงครึ่งหนึ่งที่เข้าไปรับการรักษา หรือการบำบัดแบบเป็นทางการแบบถูกวิธี

สิ่งที่กีดขวางไว้มีชื่อว่า Stigma หรือ การตีตรา ในขณะเดียวกันก็มีสิ่งที่เรียกว่า Empathy การเข้าอกเข้าใจผู้อื่น ที่เป็นคู่ขนานกัน

สองสิ่งนี้คืออะไร Mutual ชวนรู้จักไปพร้อมกันผ่านคอนเทนต์เหล่านี้

เตรียมพบกับนิทรรศการ See ,Unseen เห็นกาย สัมผัสใจ งานที่จะพาทุกคนไปก้าวผ่านการตีตราของตัวเอง เร็วๆ นี้

#เรามีพื้นที่ตรงกลางร่วมกัน🫂🤝💓 #สุขภาพจิตไม่ใช่แค่เรื่องชนชั้นกลาง #สุขภาพจิตเป็นเรื่องของทุกคน #ลดตีตราแสวงหาความเข้าใจ

ไม่ต้องแปลกใจ ถ้ากับข้าวแม่รสเปลี่ยนไป มนุษย์มีต่อมรับรสประมาณ 10,000-15,000 ต่อมรับรสเมื่ออายุ 50 การรับรสชาติของเราจะล...
30/12/2024

ไม่ต้องแปลกใจ ถ้ากับข้าวแม่รสเปลี่ยนไป มนุษย์มีต่อมรับรสประมาณ 10,000-15,000 ต่อมรับรส

เมื่ออายุ 50 การรับรสชาติของเราจะลดลง และเมื่ออายุเข้าสู่ช่วยวัย 70 ปีขึ้นไป เราจะรับรสชาติได้ลดลงมากถึง 2 ใน 3 ของต่อมรับรสทั้งหมด จึงไม่แปลกที่อาหารรสมือแม่ที่ลูกๆ เคยชอบ พอแม่อายุมากขึ้น รสมืออาจไม่เหมือนเดิม

สำหรับแม่ อาจจะคิดว่า นี่คืออาหารจานโปรดของลูก พวกเธอจึงตั้งใจทำด้วยเครื่องปรุงยี่ห้อเดิม สัดส่วนก็เท่าเดิม แต่สำหรับลูก พวกเขารู้สึกว่ารสมือแม่กำลังเปลี่ยนไป

เหตุผลหนึ่งที่รสมือแม่เปลี่ยนไป คือ สัญญาณของชีวิตสูงวัย พวกเขาจะได้รับรสชาติและกลิ่นที่ลดลงสวนทางกับอายุที่มากขึ้น

นพ.กฤษดา ศิรามพุช แพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัย กล่าวไว้ในรายการ คนสู้โรคไว้ว่า การมีภาวะไซนัสอักเสบ การรักษาโรคมะเร็ง หรือการรับประทานยาบางชนิด เช่น ยารักษาความดัน เป็นต้น ก็สามารถทำให้การรับรสชาติและกลิ่นลดลงซึ่งจะส่งผลต่อการทำอาหาร

นพ.กฤษดา บอกอีกว่า หลายๆ ครั้ง จึงสังเกตเห็นว่า เมื่ออายุมากขึ้น การรับรสชาติและกลิ่นลดลง บางครั้งร่างกายไม่สามารถรับรสเค็มก็เติมเกลือลงไป ทำให้รสชาติอาหารไม่เหมือนเดิม

ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ everydayhealth ของสหรัฐอเมริกา อธิบายเพิ่มเติมว่า การสูญเสียการรับรู้รสชาติของผู้สูงอายุไม่ควรถูกมองว่าเป็นผลกระทบจากความชรา เพราะปกติแล้ว มนุษย์จะรับรสหวานและเค็มเป็นอย่างแรกๆ ดังนั้นการรับรู้รสชาติที่น้อยลงอาจทำให้ผู้สูงวัยกินเกลือมากไป ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของโรคความดันโลหิตสูงและเสี่ยงต่อการทำงานของหัวใจ

รสชาติอาหารที่เปลี่ยนไปสะท้อนว่า แม่ของเรากำลังก้าวสู่ชีวิตสูงวัยอย่างเต็มตัว ไม่ใช่เพราะเขาทำอาหารไม่อร่อย แต่ร่างกายของแม่กำลังเสื่อมลง

ในฐานะลูก ถึงรสมือแม่จะไม่เหมือนเดิม แต่เมนูของแม่ก็ยังเป็นเมนูที่ทำให้เราเติบโตและยังเป็นรสมืออันดับต้นๆ ในใจเราอยู่ดี

เรื่อง : ณัฐธนีย์ ลิ้มวัฒนาพันธ์
ภาพประกอบ : ณัฏฐพล พัฒนเสกศิษฐ์

#กับข้าวแม่ #รสมือแม่ #กินกับข้าว

รวมเรื่องราวโลกไม่สวยจาก Mutual ที่อยากให้ ‘ทุกคน’ ได้อ่าน เพราะ  #สุขภาพจิตเป็นเรื่องของทุกคน ไม่ดีพอ อ่อนแอเกินไป ใจเส...
30/12/2024

รวมเรื่องราวโลกไม่สวยจาก Mutual ที่อยากให้ ‘ทุกคน’ ได้อ่าน เพราะ #สุขภาพจิตเป็นเรื่องของทุกคน

ไม่ดีพอ อ่อนแอเกินไป ใจเสาะ…โปรดอย่าโทษตัวเองจนเกินไป การเจ็บป่วยทางใจสามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ ไม่ว่าจะเพศไหน อายุเท่าไร ชนชาติใด แต่ถ้า 1 คนป่วย มันจะดีกว่าไหมถ้าทุกคนหันมาช่วยกันเอาใจใส่ และกลายเป็นแรงผลักดันเพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว เพราะ ‘สุขภาพจิตเป็นเรื่องของทุกคน’

สิ่งนี้ทำให้ Mutual ตั้งต้นจนกลายเป็นโครงการการพัฒนาการสื่อสารและรณรงค์เพื่อสร้างความเข้าใจและความตระหนักต่อสุขภาวะทางจิตของกลุ่มวัยรุ่นและคนทำงาน (อายุ 22-45 ปี)

ปลายทางพบข้อมูลที่สำคัญสำหรับบริบทสังคมไทยมีมูลเหตุหลายๆ เรื่องที่กู่ร้องบอกว่าสารตั้งต้นที่มนุษย์คนหนึ่งเกิด ‘ภาวะซึมเศร้า’ หรือ ‘โรคทางสุขภาพจิต’ ไม่ใช่ความใจเสาะ หรืออ่อนแอแบบที่ใครหลายคนคิด แต่มีปัจจัยรายล้อมทั้งเรื่องส่วนรวม และส่วนตัวที่ทำให้คนคนหนึ่งเป็นได้

ไล่ไปตั้งแต่ความเหลื่อมล้ำ ความจน สังคมเมือง วิกฤติสิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่ช่วงอายุวัย ดังนั้นแล้วการแก้ปัญหาเรื่องสุขภาพจิตในภาพใหญ่จึงต้องแก้ไปพร้อมๆ กัน

ถ้าใครยังรู้สึกโทษตัวเองอยู่ อยากลองให้กดคลิกอ่านบทความเหล่านี้ดู แล้วคุณจะรู้ว่า ‘คุณไม่ได้โดดเดี่ยว’ และ ‘สังคมไม่ควรละทิ้งใครไว้ข้างหลัง’ ในโลกสีหม่น

ถ้าใครยังรู้สึกโทษตัวเองอยู่ เราอยากบอกว่า ทุกคนจะก้าวผ่านมันไปได้

เตรียมพบกับนิทรรศการ See ,Unseen เห็นกาย สัมผัสใจ งานที่จะพาทุกคนไปก้าวผ่านการตีตราของตัวเอง เร็วๆ นี้

#เรามีพื้นที่ตรงกลางร่วมกัน🫂🤝💓 #สุขภาพจิตไม่ใช่แค่เรื่องชนชั้นกลาง #สุขภาพจิตเป็นเรื่องของทุกคน #ลดตีตราแสวงหาความเข้าใจ

ไม่มีคนไหนที่ชีวิตไร้ความทุกข์ แต่ไม่ว่าจะขมขื่นแค่ไหน วันข้างหน้าก็ย่อมมีวันที่สดใสได้เหมือนกันสิ่งที่ควรทำส่งท้ายปีคือ...
30/12/2024

ไม่มีคนไหนที่ชีวิตไร้ความทุกข์ แต่ไม่ว่าจะขมขื่นแค่ไหน วันข้างหน้าก็ย่อมมีวันที่สดใสได้เหมือนกัน

สิ่งที่ควรทำส่งท้ายปีคือเขวี้ยงก้อนความทุกข์ทิ้งไป อย่าเก็บไว้กับตัว อะไรที่ไม่ดีก็ให้ผ่านไป บางเรื่องเป็นบทเรียน และบางเรื่องก็ไม่มีค่าพอให้ควรจดจำ

ปีหน้าเริ่มใหม่ สิ่งดีๆ อาจจะรอเราอยู่ เพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีความสุขทั้งนั้น

#เรามีพื้นที่ตรงกลางร่วมกัน ❤️

28/12/2024

ถ้าแทนการเหยียบย่ำ ตราหน้า ตีตรา ด่าทอกันด้วยอคติ ด้วยการเข้าอกเข้าใจ (Empathy) หรือรับฟังโดยไม่ตัดสิน…โลกใบนี้จะน่าอยู่ขึ้นไหม?

ความเข้าอกเข้าใจเป็นส่วนสำคัญในการลดแรงกระแทกจากความขัดแย้ง ปูทางให้กับความหลากหลาย และสร้างสภาพแวดล้อมเชิงบวกที่ ‘ลดการตีตรา’ ต่างๆ ในทางสังคม แต่ความเข้าอกเข้าใจที่ผิด จะนำไปสู่ผลเสียทั้งต่อเราเองและสังคมโดยรวม เราจึงต้องให้ความสำคัญกับความหมายที่ถูกต้องเกี่ยวกับ Empathy

Mutual รวบรวมความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Empathy มีข้อไหนบ้างที่เราเข้าใจแบบผิดๆ มาโดยตลอด?
1️⃣ ความเข้าอกเข้าใจถ้าไม่มีมาตั้งแต่เกิด = ยาก ฝึกไม่ได้
2️⃣ ความเข้าอกเข้าใจแปลว่าเห็นด้วย
3️⃣ Empathy แปลว่าผู้ให้ (ฝ่ายเดียว)
4️⃣ ความเข้าอกเข้าใจคือจุดอ่อนของการทำงาน
5️⃣ ความเข้าอกเข้าใจใช้เอาเปรียบคนอื่นได้

อ่าน Empathy Fact Check ความเข้าอกเข้าใจที่ดีเป็นแบบไหน : ซึมซับมากไปแบบมนุษย์ฟองน้ำไม่ดี เข้าอกเข้าใจไม่ได้แปลว่าเห็นด้วย https://bit.ly/3BNnAfp

ตัดต่อ : ธันยพร เกษรสิทธิ์

#เรามีพื้นที่ตรงกลางร่วมกัน🫂🤝💓 #สุขภาพจิตไม่ใช่แค่เรื่องชนชั้นกลาง #สุขภาพจิตเป็นเรื่องของทุกคน #ลดตีตราแสวงหาความเข้าใจ #มนุษย์ฟองน้ำ

‘บุญคูณลาน’ พิธีกรรมอย่างหนึ่งที่มาจาก ต.นาหอ อ.ด่านซ้าย จังหวัดเลย เชื่อกันว่าพิธีกรรมนี้จะช่วยทำให้ข้าวที่ชาวนาไปเก็บเ...
28/12/2024

‘บุญคูณลาน’ พิธีกรรมอย่างหนึ่งที่มาจาก ต.นาหอ อ.ด่านซ้าย จังหวัดเลย เชื่อกันว่าพิธีกรรมนี้จะช่วยทำให้ข้าวที่ชาวนาไปเก็บเกี่ยวมานั้นจะไม่มีความเสียหายและสร้างสิริมงคลให้กับข้าว คำว่า ‘คูณ’ แปลว่า ทำให้เพิ่มพูนหรือทำให้มากขึ้น ส่วนคำว่า ‘ลาน’ แปลว่า สถานที่กว้างๆ สำหรับนวดข้าว ‘คูณลาน’ จึงหมายถึงการนำข้าวมากองให้สูงๆ ในลานหนึ่งนั้นเอง

หนึ่งในกระบวนการที่สำคัญของพิธีกรรมนี้คือการนำเครื่องมือเกษตรที่ใช้เกี่ยวข้าวนำมาซุกไว้ในกองข้าว เพื่อให้เครื่องเหล่านี้ได้รับความสิริมงคลไปด้วย

สิ่งเหล่านี้คือแรงบันดาลใจที่ก่อให้เกิด ‘ถุงพระคลังจักรวาล’ หรือ Cosmic Treasury Bag ถุงที่เอาไว้เป็นเครื่องรางทางจิตใจ รวบรวมวัฒนธรรมดั้งเดิมและความสมัยใหม่มาไว้ในที่เดียวกัน

เวิร์กชอปทำถุงพระคลังจักรวาล คือ หนึ่งในกิจกรรมภายใน FACE THE VOICE มองด้วยตาฟังด้วยใจไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2567 ที่ผ่านมา เป็นการปรับกิจกรรมให้เข้ากับสมัยใหม่มากขึ้น นำโดย มูลนิธิประยูรเพื่อศิลปะ Prayoon for Art Foundation

หน้าตาของถุงพระคลังจักรวาลจะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่ามีโจทย์ของชีวิตมาแบบไหน และนำโจทย์เหล่านั้นมาปักลงบนถุงด้วยตัวเอง และเอาของที่เราใช้ทำมาหากินใส่ลงไปในนั้น เช่น ถ้าเป็นนักวาดรูปก็อาจจะใส่ดินสอลงไป หรือถ้าเป็นเจ้าของร้านอาหารก็อาจจะใช้ช้อนลงไปในถุง

“วัฒนธรรมประเพณีเป็นสิ่งที่ลื่นไหลและแลกเปลี่ยนกันตลอดเวลาตามการเดินทางของมนุษยชาติ ประเพณีต่างๆ หากสืบรากลึกลงไป ไม่ว่าจะเป็นดินแดนห่างไกลขนาดไหน ก็จะเห็น hint ของการหลวมรวมวัฒนธรรมที่หลากหลาย Cosmic Treasury Bag นี้เป็นผลงานที่เกิดจากการตั้งคำถามของพวกเราว่า แล้วถ้า ‘บุญคูณลาน’ มันจะเดินทางต่อ มันจะกลายเป็นอะไรได้บ้าง เพื่อให้รากเหง้าเดินทางสู่อนาคต”

เรียกได้ว่าเป็นเวิร์กชอปที่พาเราไปเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมเก่าแก่ แต่ในขณะเดียวกันก็พาเรามารู้จักตัวเองในแง่มุมอื่นๆ อีกด้วย

อ่าน รู้จัก ‘ถุงพระคลังจักรวาล’ เครื่องรางทางจิตใจ ใช้วัฒนธรรมดั้งเดิมเป็นขวัญกำลังใจเพื่อสู้กับโจทย์ใหม่ในทุกๆ วัน https://bit.ly/4iY7Y9J

เรื่อง : ณัฐริฎา ศิริสอน
ภาพประกอบ : ภัทราภรณ์ สงสาร

#เรามีพื้นที่ตรงกลางร่วมกัน #ถุงพระคลังจักรวาล

ที่อยู่

1371 ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร
Bangkok
10400

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Mutualผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Mutual:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์