ความอ้วนครั้งสุดท้าย

ความอ้วนครั้งสุดท้าย Content creators ออกแบบคอร์สลดน้ำหนัก ให้ความรู้ดีๆ

27/01/2025

🍔 เครียดเรื้อรังมักทำให้หิวบ่อยขึ้น เพราะ hypothalamus ปรับตัวให้สร้างพฤติกรรมสะสมพลังงานมากขึ้น

Stress กับ พฤติกรรมการกิน เป็นของคู่กันเสมอ เพราะต้องปรับพฤติกรรมให้แบ่งเวลาไปกิน กับแบ่งเวลาไปสู้กับ stress

เวลามี Stress เข้ามา ไม่ว่าจะทางอารมณ์ความรู้สึก หรือทางความผิดปกติในร่างกาย (เช่น บาดเจ็บ ติดเชื้อ) จะกระตุ้นระบบฮอร์โมนที่สำคัญ เรียกว่า HPA-axis

▪️ระบบนี้เริ่มต้นจากสมองส่วน hypothalamus หลั่งฮอร์โมน CRH

▪️CRH ลอยไปกระตุ้นต่อมใต้สมองส่วนหน้าให้หลั่งฮอร์โมน ACTH

▪️ACTH ลอยมาถึงต่อมหมวกไตส่วนนอก กระตุ้นให้หลั่ง Cortisol

▪️Cortisol จะเป็นตัวหลักนี่แหละ ที่จะปรับให้ร่างกายสู้กับ stress

ในช่วงเครียดแบบเฉียบพลัน (Acute stress) เช่น ฟังข่าวร้าย, แฟนบอกเลิก, ผลการเรียนออกมาไม่ดี ฯลฯ

ระบบ HPA-axis จะกระตุ้นอย่างเฉียบพลัน ทำให้ตัวฮอร์โมนแรกสุดชื่อ CRH พุ่งสูงมาก อาบสมองบริเวณใกล้ๆ ซึ่งมีศูนย์หิวอยู่ ทำให้ระงับความหิว เพื่อเทพฤติกรรมทั้งหมดไปสู้กับ stress ตรงหน้าก่อน

แต่เมื่อเวลาผ่านไปยังจัดการกับ stress ไม่ได้ เครียดอยู่ทุกวันแบบเรื้อรัง (Chronic stress) ระบบ HPA-axis ที่กระตุ้นมายาวนาน จะเริ่มมีฮอร์โมน cortisol สูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่สามารถสั่งให้เกิดการหิวเพิ่มขึ้นได้

และยังไปทำให้สมองส่วนที่มีความสุขกับการกิน (VTA-nAC) ที่เรียกว่า Brain reward system ไวต่อการกระตุ้นอีก

ดังนั้นเครียดเรื้อรัง มักจะหิวเพิ่มขึ้น กินผิดเวลามากขึ้น บางคนหิวตลอดเวลา เพราะสิ่งมีชีวิตถูกพันธุกรรมฝังกลไกมาว่า ถ้าเจออันตรายแบบเรื้อรัง ต้องรีบสำรองอาหารก่อน

แต่ในบางคน เครียดเรื้อรัง จะตามมาด้วยผลเสียของ cortisol นั่นคือ เร่งการฝ่อของสมองหลายจุด ไม่ก็เปลี่ยนแปลงการหลั่งสารสื่อประสาท บางคนมีศูนย์ที่ทำงานเกี่ยวกับความสุขจากการกิน ทำงานลดลง

ทำให้ความสุขจากการกินหายไป ไม่อยากอาหาร ก็จะกลายเป็นกลุ่มที่เครียดเรื้อรังแล้วไม่อยากอาหารไป

ในคนที่พัฒนาเป็นโรคซึมเศร้าแล้ว เลยมักจะมีพฤติกรรมการกินที่ฉีกออกไปสองทางเลยค่ะ คือกินมากขึ้น กับ เบื่ออาหารไปเลย

🔮 สรุป:
▪️เครียด ผลระยะสั้นคืออยากอาหารน้อยลง ผลจาก CRH
▪️เครียดเรื้อรัง ทำให้อยากอาหารมากขึ้น ผลจาก cortisol
▪️เครียดเรื้อรังในบางคน อาจเบื่ออาหาร จาก cortisol ลดการทำงานของสมองหลายจุด

ดังนั้นย้ำอีกทีว่า สุขภาพจิตสำคัญมาก
อย่าลืมหนี stressor ที่ตัดไม่ได้ก็ไม่รู้จะทำไง

แต่ stressor ที่ตัดได้ แต่แค่ใจไม่กล้าพอ
ให้ตัดเลยค่ะ สมองน้อยๆ ของเรากำลังโดนเล่นงานนะ
สุดท้ายเปลี่ยนที่รูปร่างด้วยนะ น้ำหนักเพิ่มขึ้นเลยก็มี

16/01/2025

Re-run พื้นฐาน นะครับ

"จำภาพนี้ไว้" นี่คือพื้นฐานที่สุด ที่ผมพยายามสรุป เรื่อง

ระบบย่อยอาหาร-ตับ-ตับอ่อน

หลอดเลือดดำสีน้ำเงิน และ สีฟ้าคือหลอดเลือดที่จะพาเลือด
ออกจากอวัยวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ตับอ่อน ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่
และกระเพาะอาหาร ตามภาพนั้นเลยนะครับ

แปลว่า สารอาหารถูกดูดซึม ตั้งแต่กระเพาะ ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่
ใดๆ ล้วนแล้วแต่ต้องไป "ตับ" ลูกศรแดง... ตามทันนะครับ

โปรตีน > ย่อยจนได้ กรดอะมิโน

คาร์บ > ย่อยจนได้น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว

ไขมัน > เฉพาะ กรดไขมันสายสั้น (SCFA)และสายกลาง (MCFA) ที่เข้าตับ
แต่ LCFA จะส่งผ่านระบบท่อน้ำเหลือง...
โดย MCFA ก็มาจากการกิน
SCFA มาจากแบคทีเรีย ที่ย่อยในลำไส้ใหญ่แล้วส่งเข้าหลอดเลือด

ทั้งหมดที่กล่าวมา จะไปที่ "ตับ" เพื่อให้ตับจัดการทุกอย่างก่อน
ตับจะจัดการอย่างไร "ตับไม่ได้คิดเอง" แต่ตับจะรับสัญญาณในการจัด
มาจาก "ฮอร์โมน" (not calories!) ซึ่งมีหลายตัวมากๆ
แต่ตัวที่มจากอวัยวะที่อยู่ติดกันนั่นคือ

"ตับอ่อน" (pancreas) ตับอ่อนจะหลั่ง ฮอร์โมนหลักๆ 2 ตัวเพื่อ
ส่งสัญญาณบอกตับ นั่นคือ

"อินซูลิน" (insulin) และ กลูคากอน (Glucagon)

โดยส่งฮอร์โมน ทั้ง 2 ผ่านหลอดเลือดดำ พุ่งตรงไปยังตับก่อนเลย

นั่นแปลว่า "ตับ" เป็นอวัยวะแรกๆ ที่รับสัญญาณฮอร์โมนที่เข้มข้น
จากตับอ่อนซึ่งอยู่ติดๆกัน

"อินซูลิน" (insulin-I) สั่งตับให้ เก็บน้ำตาลเข้าเซลล์ตับ / เก็บน้ำตาล
เป็นไกลโคเจน และ ไขมัน (DNL)

"กลูคากอน" (Glucagon-G) สั่งตับให้สลายไกลโเจนออกมา เป็นน้ำตาล
และปล่อยออกสู่กระแสเลือด ขณะเดียวกัน ก็ยับยั้งการสร้างไขมันใหม่ (DNL)
ในตับ

ช่วงกิน น้ำตาลขึ้น >> อินซูลิน(I)แรง+กลูคากอน(G)เบา
ชวงงดกิน น้ำตาลในเลือดลงแล้ว >> อินซูลิน(I)เบา+กลูคากอน(G)แรง

สลับไปมาแบบนี้ ตอบสนองต่อ "สารอาหารในสิ่งที่กิน" ล้วนๆ
ไม่ใช้ "พลังงานในสิ่งที่กิน"

น้ำตาลมากี่กรัม อินซูลินก็ออกมาเพื่อเคลียร์น้ำตาล ส่วนนั้น จนกว่าน้ำตาล
ในเลือดจะลดลง ตับอ่อนจึงละหยุดปล่อยอินซูลิน

นี่คือ สรีรวิทยาพื้นฐาน เหมือนดูยากไม่ใช่ ของยาก..
ควรเรียนรู้ ควรเข้าใจ ไม่ต้องยึดติดว่า ฉันสายวิทย์-สายศิลป์

ประเทศนี้มัน "พิเรน" แบ่งเด็กออกวิทย์ ศิลป์ แล้วกลายเป็น
พอศิลป ปุ๊บ ก็ไม่บรรจุเรื่องพวกนี้ให้เขารับรู้ จนวันนึงเกิดเรื่อง

เขาเลยรู้แล้วว่า สิ่งนี้จำเป็นต้องเข้าใจ... โดยที่ไม่จำเป็นต้องเป็น "หมอ"

กินอะไรเข้าไปแล้ว ก็เรียนรู้หน่อยไหมครับว่า มันเข้าไปในร่างเราแล้ว
จัดการอย่างไร...

จะได้ไม่ถูกหลอก แบบ คอลลาเจนกินแล้ววิ่งเข้าข้อโดยตรง
จะไม่เกิดขึ้นกับใครทั้งนั้น

ผมพยายามย่อยให้ง่ายที่สุดแล้วครับ... ถ้ายังไม่เข้าใจ
รบกวนอ่านซ้ำๆ ติดตรงไหน ถามใน comment เลยครับ

#หมอจิรรุจน์

#พื้นฐาน101

ปล. ไขมันในช่องท้อง หรือ VAT นั้นเมื่อโดนสลายเอาไตรกลีเซอร์ไรด์ออกมา
ก็จะไปที่ตับเป็นที่แรก ก็เพราะ ทางเดินของหลอดเลือดเดียวกันนี่แหละครับ

10/01/2025

🍰🫀 อ้วน ทำให้เนื้อเยื่อไขมันรอบหัวใจจากคนดูแลรักษาหัวใจ กลายเป็นคนก่อโรค

เนื้อเยื่อไขมัน (Adipose tissue) เปรียบเสมือนหน่วยช่วยเหลืออวัยวะต่างๆ กระจายตามผิวหนัง อวัยวะภายใน

มีหน้าที่คอยเก็บไขมันไตรกลีเซอไรด์ใว้สำรองใช้
และคอยสร้างสารสนับสนุนด้านพลังงานและต้านการอักเสบ

อย่างเนื้อเยื่อไขมันรอบๆ หัวใจ (Epicardial adipose tissue: EAT) มีประโยชน์มากมายค่ะ ทั้ง
▪️ช่วยเป็นตัวลดแรงที่มากระทำหัวใจ เช่น มีการกระแทกทรวงอก
▪️ช่วยเป็นแหล่งกรดไขมันให้กล้ามเนื้อหัวใจ
▪️ช่วยหลั่งฮอร์โมนต้านการอักเสบ เช่น adiponectin ให้หัวใจได้พัก และลดสารอนุมูลอิสระ

ปัญหามันจะเกิดเพราะเราเองนี่แหละ
รับพลังงานเข้ามาเยอะ จนเซลล์ไขมันเริ่มขยายใหญ่ขึ้น
ยิ่งขยายใหญ่พฤติกรรมมันยิ่งเปลี่ยน เพราะมันเบียดกันจนเครียด

โดยเซลล์ไขมันในอวัยวะภายในจะเริ่มอาละวาดง่าย
และอันตรายกว่าที่ชั้นผิวหนัง

อย่างที่หัวใจ ถ้าเนื้อเยื่อไขมันรอบหัวใจ EAT ขยายใหญ่แล้ว
มันจะระดมหลั่งฮอร์โมนที่สนับสนุนการอักเสบใส่หัวใจตรงๆ

หัวใจก็จะรับการอักเสบเรื้อรัง นำไปสู่การสร้างพังผืด
แทรกในชั้นหัวใจ การคลายตัวก็จะแย่ลงเรื่อยๆ

แถมทางเดินไฟฟ้าก็ผิดปกติ เสี่ยงต่อการเกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ
บางครั้งเนื้อเยื่อไขมันพวกนี้เอง ก็ยื่นแทรกเข้าไปในชั้นกล้ามเนื้อหัวใจเลย

ยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดทางเดินไฟฟ้าผิดปกติ
เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ

ยังไม่นับไขมันรอบๆ เส้นหลอดเลือดหัวใจ (Perivascular adipose tissue) คอยหลั่งสารก่ออักเสบเข้าผนังหลอดเลือด จนเร่งไขมัน LDL แทรกผนังหลอดเลือดหัวใจอีก

จึงไม่แปลกที่คนอ้วน จะเสี่ยงต่อหลายโรคเพิ่มขึ้น
⭕️ โรคไขมันแทรกผนังหลอดเลือด (Atherosclerosis)
⭕️ หัวใจล้มเหลว (Heart failure) มักเป็นแบบคลายตัวแย่
⭕️ หัวใจเต้นผิดจังหวะ โดยเฉพาะหัวใจห้องบนเต้นพริ้ว (AF)

ลดความอ้วนกันเถอะค่ะ
เพื่อน้องหัวใจดวงน้อยๆ ของเรา

06/01/2025

พรุ่งนี้ค่อยลด! ผลวิจัยชี้คนไทย 69% ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอก, 74% อยากควบคุมน้ำหนัก
ผลการวิจัยของ Mintel ระบุว่าชาวไทยให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอก (69%) มากกว่าสุขภาพ (65%) ในการควบคุมน้ำหนัก อย่างไรก็ตาม กลุ่มเจน X ถึง 76% ให้ความสำคัญกับการมีอายุยืนยาวและสุขภาพที่ดี ซึ่งเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนผ่านจากการให้ความสำคัญกับความงามไปสู่ความเป็นอยู่ที่ดีโดยรวมเมื่ออายุมากขึ้น
ข่าวดีก็คือคนไทย 74% มีความต้องการที่จะปรับปรุงน้ำหนักของตน และผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า 45 ปี กลายเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักสำหรับแบรนด์ผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนัก
ถือเป็นโอกาสของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ สามารถเข้ามามีบทบาทสำคัญในการปิดช่องว่างนี้ได้ผ่านการสร้างแคมเปญให้ความรู้เกี่ยวกับน้ำหนักตัวที่สมดุล และนำเสนอวิธีการจัดการน้ำหนักที่เหมาะกับแต่ละบุคคลโดยพิจารณาจากเพศ อายุ และพฤติกรรมการออกกำลังกาย
อ่านต่อที่ https://marketeeronline.co/archives/394473

16/12/2024
05/11/2024

หลายปีที่ผ่านมา ผู้คนหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพแบบองค์รวมมากขึ้น และพร้อมปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในแ....

04/11/2024
01/11/2024

ผีที่ไม่เคยมีอยู่จริงคือ...ผีไม่ได้ซักทอม
ผอมไม่ได้สักที!
#ฮาโลวีน2024

06/10/2024

🎯 คำถาม:

“ที่บอกกันว่าลดน้ำตาล เว้นช่วงกินนานๆ ออกกำลังกาย จะเพิ่มเผาผลาญไขมัน ช่วยลดน้ำหนัก มันจริงมั้ย ถ้าจริงมันไปเกี่ยวยังไงครับ”

⚠️ คุยกันก่อน: การลดน้ำหนักเชิงลึกเป็นเรื่องซับซ้อนและเป็น hot issues ที่มีทั้งจุดที่ชัด จุดที่เทา และมีจุดที่มักเข้าใจผิด แถมมีหลากหลายยุทธวิธี เหมาะกับแต่ละคนแตกต่างกันไป ดังนั้นที่จะพูดต่อไปนี้ จะอธิบายเฉพาะกรณีข้างบนนะคะ⚠️

ตอบ: ถ้าเอาประโยคเท่านี้คือ จริงค่ะ หลักการมันคือ กินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตให้น้อยลง (Low carb diet) และให้มีช่วงเว้นอาหาร (Fasting) นานขึ้น

1️⃣ ปัญหาสำคัญของเรื่องสารอาหารเลยคือ น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่เป็นหน่วย่อยที่สุดที่ได้จากการย่อย carbohydrate มันกระตุ้นการหลั่ง insulin ได้ดีที่สุด เพราะกระตุ้นถึงสองกลไกเลยคือ

▪️กระตุ้นให้ลำไส้เล็กหลั่งฮอร์โมนกลุ่มที่เรียกว่า Incretin เช่น GLP-1, GIP มีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่ง insulin ที่ตับอ่อน

▪️กระตุ้นตับอ่อนโดยตรง โดยตัวน้ำตาลจะเข้าไปใน beta cell แล้วสลายเป็นพลังงานเลย ทำให้ตัวเซนเซอร์หลังงานของตับอ่อนทำงาน (K_ATP_channel) แล้วเกิดกลไกทางไฟฟ้าต่อเนื่องจนกระตุ้นการหลั่ง insulin

2️⃣ Insulin แล้วไง? ทำไมถึงกลัว insulin?
ก็เพราะกระตุ้นให้หลั่งโดย carb เป็นหลักๆ แท้ แต่ฤทธิ์ดันกว้างมาก ไม่ใช่แค่ลดน้ำตาล glucose ในเลือด แต่กระตุ้นการนำสารที่หลงเหลือจากการสลาย glucose ที่ตอนนั้นพลังงานเพียงพอแล้ว นำไปสร้างสารเก็บ เช่น

▪️นำสารเหลือ (G-6-P) ไปสร้าง glycogen เก็บสำรองที่ตับ แต่เซลล์ตับมันมีจำกัด มันเลยเก็บสำรองรูปนี้ไม่มาก

▪️นำสารเหลือ (Acetyl-CoA) ไปสร้างกรดไขมัน แล้วเปลี่ยนต่อจนได้ triglyceride อันนี้แหละหายนะ เพราะมันจะส่งไปเก็บที่เนื้อเยื่อไขมันแทบจะ unlimit เลย

▪️อาจเปลี่ยนเป็นกรดอะมิโน (ชนิดไม่จำเป็น) แล้วนำไปสร้างโปรตีนได้บ้าง… (ไม่เยอะ)

⚠️ ดังนั้น: กลุ่มคาร์บโดยเฉพาะที่ดูดซึมไวมากๆ จะกระตุ้นการหลั่ง insulin ยิ่งขึ้นไว ผลการกระตุ้นการสร้างไขมันเก็บยิ่งรุนแรง ทำให้โครงสารที่ได้จากสารอาหารมีโอกาสแบ่งสัดส่วนไปสร้าง triglyceride สูงมาก

3️⃣ งดช่วงกินอาหารให้นานขึ้น (Fasting) - เช่น กิน 3 มื้อ ก็ให้จบในมื้อ ช่วงระหว่างมื้อให้งดการกินเข้ามาเพิ่ม โดยเฉพาะนาทีทองเลยคือ หลังมื้อสุดท้าย ไปจนถึงมื้อแรกวันถัดไป (Overnight fasting) จะยาวนานที่สุด ซึ่งจะเพิ่มการเผาผลาญไขมันในหลายแง่มุมเลยนะคะ แต่ขอพูดเฉพาะทางหลักๆ นะคะ

▪️ช่วง Overnight fasting ยิ่งนาน มีโอกาสที่จะเข้าสู่ช่วง ketosis ได้มากขึ้น คือตอนที่เราไม่ได้อะไรเข้ามาแล้ว ช่วงแรกร่างกายจะใช้ glycogen ที่ตับเก็บไว้ สลาย (glycogenolysis) จนได้ glucose แล้วส่งให้เลือด

▪️แต่หลังจากนั้น glycogen จะเริ่มร่อยหรอไวมากๆ ร่วมกับฮอร์โมนกลุ่มสลายไขมันเริ่มสูงขึ้น จะเริ่มมีการสลาย triglyceride ที่เนื้อเยื่อไขมัน ได้เป็น กลีเซอรอล (ไปสร้าง glucose ให้เซลล์อื่น) และ กรดไขมัน ส่งให้ตับเปลี่ยนเป็นคีโตนบอดี อันนี้แหละค่ะ คือช่วงที่มีการสลายไขมัน หรือที่เรียกว่าช่วง Burn fat ซึ่งแต่ละคนมีช่วงที่เข้าสู่ช่วงนี้เร็ว/ช้าไม่เท่ากันเลย

▪️การซ้อมเซลล์ให้มันอยู่ในสภาพพลังงานเกือบๆ ต่ำตลอด มันจะกระตุ้นเซนเซอร์ด้านพลังงานค่ะ ชื่อ AMP kinase (เพราะมันตรวจ AMP) กับ SIRT1 สองตัวนี้ให้อิทธิพลสำคัญมาก ในการกระตุ้นให้เซลล์สร้าง mitochondria ซึ่งเป็นอวัยวะในเซลล์ ที่ไว้สลายกรดไขมัน ดังนั้นเซลล์กล้ามเนื้อจะสามารถรับกรดไขมันไปสลายได้มากขี้น

⚠️ ผลของ Fasting ยังมีอีกเยอะมาก

4️⃣ การออกกำลังกายรายละเอียดเยอะมากค่ะ ขอตอบในแง่เฉพาะ burn fat คือมันให้ผลทั้งตรงและอ้อมเลยค่ะ

▪️ผลโดยตรง - ใยกล้ามเนื้อชนิด Slow twitch fiber (Type 2) จะใช้กรดไขมันเป็นอาหารหลักค่ะ ดังนั้นถ้ามีการใช้งานมาก ก็จะเรียกใช้กรดไขมันมาก

▪️ผลระยะยาว - การออกแรงกระทำที่กล้ามเนื้อ จะกระตุ้นตัวเซนเซอร์หลายตัวเลยค่ะ

👉 ซ้อมให้กล้ามเนื้อขาดพลังงาน กระตุ้นเซนเซอร์ AMP kinase (คล้ายกับตอน fasting)
👉 แคลเซียมออกมาถี่ขึ้น (เพราะต้องใช้หดตัว) กระตุ้นเซนเซอร์แคลเซียม CaMK
👉 มีแรงมากระทำกล้ามเนื้อเกิด stress, ใช้ mitochondria ถี่ เกิด superoxide ถือเป็น stress ซึ่ง stress จะไปถูกตรวจจับโดยเซนเซอร์ p38 MAPK

3 เซนเซอร์นี้จะส่งต่อไปที่วงจรในเซลล์อีกหลายขั้นตอน (PGC-1a, NRF, EPR-a) สุดท้ายจะมีการเพิ่มเอนไซม์ที่ใช้ในการจำลอง DNA ของ mitochondria และเพิ่มโปรตีนที่ใช้ใน mitochondria

ซึ่งจะนำไปสู่การสร้าง mitochondria มากขึ้น ซึ่งเอาไว้สลายกรดไขมันค่ะ

11/07/2024

รวมเนื้อหาเกี่ยวกับไขมัน ตั้งแต่พื้นฐาน ทั้งเรื่องไขมันในเลือด
และ ไขมันในอาหารต่างๆ

รวม ลิ้งค์ ไว้ในหน้านี้เลย เพื่อให้ง่ายกับการค้นหา...

สำหรับท่านที่มาติดตามใหม่จะได้
เข้าใจสิ่งที่ผมสื่อสารมากขึ้นครับ

กรดไขมันไม่อิ่มตัวในอาหาร (unsaturated fatty acid)
https://www.facebook.com/photo/?fbid=316115481399386&set=a.108720232138913

กรดไขมันอิ่มตัว ไม่ได้เป็นตัวปัญหาต่อสุขภาพ มี 3 ลิ้งค์
https://www.facebook.com/photo/?fbid=130942623250007&set=a.108720232138913

https://www.facebook.com/photo/?fbid=135809286096674&set=a.108720232138913

https://www.facebook.com/photo/?fbid=360404646970469&set=a.108720232138913

รู้จักไขมันทรานส์ (trans-fatty acid) มี 2 ลิ้งค์
https://www.facebook.com/photo/?fbid=303213179356283&set=a.108720232138913

https://www.facebook.com/photo/?fbid=249552851388983&set=a.108720232138913

ไขมันในมะพร้าว
https://www.facebook.com/photo/?fbid=129072046770398&set=a.108720232138913

ไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ แหล่งเชื้อเพลิงที่ร่างกายสะสมในเซลล์ไขมัน
https://www.facebook.com/photo/?fbid=302515446092723&set=a.108720232138913

ไขมันในร่างกายแบบสรุป มี 2 ลิ้งค์
https://www.facebook.com/photo/?fbid=250228974654704&set=a.108720232138913

https://www.facebook.com/photo/?fbid=323988883945379&set=a.108720232138913

แนวคิดเรื่อง คอเลสเตอรัลในคนไทย
https://www.facebook.com/photo/?fbid=249281031416165&set=a.108720232138913

เนื้อเยื่อไขมันในร่างกาย
https://www.facebook.com/photo/?fbid=267021606308774&set=a.108720232138913

ไขมันในเลือดสูงเป็นจากน้ำตาลที่กิน
https://www.facebook.com/photo/?fbid=295169873493947&set=a.108720232138913

การสลายไขมันมาใช้เป็นพลังงาน
https://www.facebook.com/photo/?fbid=397696223241311&set=a.108720232138913

LDL Cholesterol คืออะไร
https://www.facebook.com/photo/?fbid=318760337801567&set=a.110598031951133

ไขมันที่สะสมในหลอดเลือด มี 2 ลิ้งค์

https://www.facebook.com/photo/?fbid=325193193824948&set=a.108720232138913

https://www.facebook.com/photo/?fbid=325968647080736&set=a.108720232138913

Live เรื่อง พลังงาน อินซูลิน ไขมัน
https://fb.watch/sczXuNzPZs/

Live เรื่อง คอเลสเตอรัล-ไขมันในร่างกาย
https://fb.watch/scz_NSro7z/

Live เรื่องไขมันดี-ไขมันเลว
https://fb.watch/scA1euPtcJ/

#หมอจิรรุจน์

29/06/2024
23/04/2024

ตอนสุดท้าย กับเรื่อง อินซูลิน (Insulin) ฮอร์โมนแห่งความอ้วน

หลังจากที่เข้าใจ "หน้าที่" และ "ความดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน" ไปก่อนหน้านี้แล้ว ค่อยๆคิดภาพตามผมไปอย่างช้าๆ ทีละขั้นตอนนะครับ มาดูสิ่งที่เกิดขึ้นจริงใน real life กันครั

สมมติว่าเป็นคนที่ชอบกินของหวานเป็นประจำ (สมมติว่าเป็นน้ำอัดลมวันละ 1.5 ลิตร ขวดใหญ่สุดเลยละกันนะครับ) น้ำอัดลมขวดนี้มีปริมาณน้ำตาล 155 กรัม (มากกว่าที่ร่างกายต้องการไม่เกินวันละ 24 กรัม ถึงประมาณ 6 เท่า)

น้ำอัดลม เป็นอาหารที่มีค่า Glycemic index และ Glycemic load ที่สูงมาก ทันทีที่ดื่มเข้าไปในร่างกาย แทบจะไม่กี่นาทีระดับน้ำตาลในเลือดร่างกายผมจะพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว

ตับอ่อนของผมเลยสร้างอินซูลินออกมาจำนวนมากเพื่อเก็บ เจ้าน้ำตาล 155 กรัมจากน้ำอัดลมขวดนี้เข้าไปเก็บในร่างกายโดยผ่านกระบวนการหลักที่ตับ (Liver) ของเรา

การเอากลูโคสส่วนเกินในเลือดไปเก็บ ร่างกายไม่ได้อยู่ดีๆเอากลูโคสไปฝากไว้ในเซลล์แล้วบอกลาแบบนั้นนะครับ โดยอินซูลินนั่นเองจะพากลูโคสไปบอกเซลล์ตับของเราว่าช่วยเก็บกลูโคสที่เกินนี้ให้หน่อย (ประมาณว่าขอฝากไว้ก่อน เดี๋ยวรอตอนที่จะเอาออกมาใช้จะมาแจ้งอีกครั้ง)

ตับ (Liver) ก็จะรับคำสั่งมาและนำกลูโคสส่วนแรกเก็บไว้ในรูปของ ไกลโคลเจน (Glycogen) แต่ปริมาณไกลโคลเจนที่ร่างกายต้องการสำรองไว้นั้นมีเพียงไม่มาก ไม่นานนักก็เต็ม ร่างกายเลยต้องเก็บไว้ในส่วนถัดมาคือในรูปของไขมัน (De novo lipogenesis) ไว้ในเซลล์ตับ ลำพังถ้ามีกลูโคสไม่มากนัก สต็อคในตับเราก็เพียงพอจะให้เปลี่ยนจากกลูโคสมาเป็นกรดไขมันเก็บไปเรื่อยๆได้

ถ้าผมกินน้ำอัดลม 1.5 ลิตร แค่วันเดียว หลังจากนั้นกินคลีนทุกวัน วันที่ผมกินคลีนก็คือวันที่ให้โอกาสร่างกายในการชำระล้างนั่นเอง ค่อยๆให้ตับเอากรดไขมัน (ที่มาจากการแปลงกลูโคส) ไปใช้ให้หมด ตับของผมจะได้มีพื้นที่ว่างในการรอเปลี่ยนน้ำอัดลม 1.5 ลิตรชุดใหม่ที่กำลังจะฉลองในวันศุกร์หน้า

แต่ผมดันใจร้อนอดใจไม่ไหว ซัดน้ำอัดลม 1.5 ลิตรทุกวันติดต่อกัน 1 เดือนเต็มครับ ผลคืออะไร ทุกอย่างเหมือนเดิมหมด แต่ปัญหาดันไปอยู่ที่ตับ พื้นที่ของตับอัดแน่นไปด้วยไขมันที่ท่วมไปหมดแล้ว อาการนี้เรียกว่า “ไขมันพอกตับ” (Fatty liver) โดยเป็นไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกฮอล์ (มีชื่อเรียกทางการแพทย์เท่ห์ๆว่า Nonalcoholic fatty liver disease, NAFLD)

ไขมันที่อัดแน่นไปในตับแน่นไปทุกพื้นที่จนอินซูลินมีความยากมากขึ้นเรื่อยๆที่จะแปลงกลูโคสเข้าไปเก็บในเซลล์ตับเพิ่ม ก็เลยมีน้ำตาลบางส่วนที่อยู่ระหว่างการรอการเจ็บเหลือท้นอยู่ในกระแสเลือด ซึ่งความวิกฤตก็เกิดตามมานั่นเอง

คิดทันกันไหมครับว่า ความวิบัติที่เกิดขึ้นตามมาคืออะไร เนื่องจากน้ำตาลที่อยู่ในกระแสเลือดที่มากขึ้น ก็ทำให้ร่างกายต้องหลั่งอินซูลินมากขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ยิ่งตับอัดแน่นไปด้วยไขมันที่พอกอยู่เต็มไปหมด ร่างกายเราก็สร้างๆๆๆๆๆ อินซูลินขึ้นมาแบบไม่เพดาน จนในที่สุดก็มันก็ดื้อเข้าจนได้นั่นเองครับ

ภาวะไขมันพอกตับ (Fatty liver) คือ ต้นเหตุของการเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลินนั่นเองครับ

มาถึงตรงนี้เราน่าจะพอคาดเดาได้แล้วใช่ไหมครับ ภาวะดื้ออินซูลิน นั้นปลายทางคืออะไร นั่นคือ น้ำหนักที่ขึ้นไปเรื่อยๆจนอ้วน และพอถึงจุดหนึ่ง โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่เราคุ้นเคยกันก็จะมาเคาะประตูอยู่หน้าบ้าน

สาเหตุของการเกิดโรคเบาหวาน

เบาหวาน มีชื่อโรคในภาษาอังกฤษคือ Diabetes Mellitus มี 4 ชนิด คือ

ชนิดที่ 1 เกิดในเด็กและวัยรุ่นเป็นส่วนมาก กลไลของโรคคือร่างกายไม่สามารถสร้างฮอร์โมนอินซูลินได้เลย เพราะเซลล์ที่สร้างในตับอ่อนนั้นถูกทำลายโดยระบบภูมิต้านทานของร่างกายเอง (Autoimmune) โดยคนกลุ่มนี้จะมีรูปร่างผอมบาง ซึ่งไม่เหมือนภาพของคนเบาหวานที่เรามักเห็นว่าอ้วน

ชนิดที่ 2 เกิดในวัยผู้ใหญ่เป็นหลัก กลไกลของโรคคือจากภาวะดื้อฮอร์โมนอินซูลิน (resistance) มีเซลล์ในตับอ่อนสร้างอินซูลินได้เหมือนปกติ แต่กลับทำงานไม่ได้เหมือนปกติ คนกลุ่มนี้จะมีรูปร่างที่อ้วน

ชนิดเกิดในหญิงตั้งครรภ์ (Gestational) เนื่องจากในหญิงตั้งครรภ์ทุกคนในช่วงครรภ์ที่ราวๆ 6-7 เดือน จะมีภาวะดื้อฮอร์โมนอินซูลินตามธรรมชาติ มากน้อยแตกต่างกันไป หลังจากตั้งครรภ์เสร็จจะหายได้เอง

เราจะรักษาภาวะดื้อฮอร์โมนอินซูลินได้อย่างไร

ต้นเหตุคืออะไร ต้องกลับไปแก้ที่ต้นเหตุนั่นเองครับ

เราต้องลดปริมาณอาหารที่จะกระตุ้นให้อินซูลินหลั่งลง นั่นคือ การลดการทานแป้งลงนั่นเอง
เราต้องจำกัดปริมาณมื้ออาหารที่กิน ไม่กินจุกจิก กินเป็นมื้อๆ เพราะทุกครั้งที่มีอะไรเข้าปากนั่นคืออินซูลินก็เริ่มทำงานแล้ว

ถ้าต้องกินแป้งจริงๆ ให้เลือกทานแป้งที่มีค่า Glycemic Index ต่ำ พร้อมๆกับค่า Glycemic load ที่ไม่สูงมากไปในเวลาเดียวกัน เช่น เลือก ข้าวกล้องแทนข้าวขาว เลือก ขนมปังโฮลวีตแทนขนมปังขัดสี

อินซูลิน สรุปแล้วเป็นพระเอกหรือผู้ร้าย

ที่ผมเขียนมาทั้งหมดผมไม่ได้ต้องการให้มองว่าฮอร์โมนอินซูลินเป็นผู้ร้ายนะครับ ร่างกายเราขาดฮอร์โมนชนิดนี้ไม่ได้ ถ้าร่างกายเราขาดไป สภาพของเราจะไม่ต่างจากผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 อาการคืออย่างไรรู้ไหมครับ

คนที่ไม่มีอินซูลินในร่างกายเลย ระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงมาก (ต่อให้ไม่กินอะไรเลย น้ำตาลในเลือดก็ยังคงสูงอยู่) เมื่อปัสสาวะออกมาก็จะพบน้ำตาลในฉี่เยอะมาก เยอะจนมดมาตอม ปัสสาวะเราจะเยอะมากจากความเข้มข้นของน้ำตาลในฉี่จะดึงน้ำออกมาจากทั้งร่างกาย ทำให้เราหิวน้ำมากอีก

ร่างกายจะอยู่ในสภาพที่แห้งกรอบอย่างหนัก แถมยังไม่สามารถนำกลูโคสที่มีนั้นไปใช้เป็นพลังงานได้ (เพราะไม่มีอินซูลินในการพากลูโคสเข้าเซลล์) ก็จะทำให้เหมือนร่างกายหิวอยู่ตลอดเวลาทั้งๆที่น้ำตาลท่วมอยู่ในเลือด แล้วสุดท้ายก็เราจะเสียชีวิตในเวลาที่ผ่านไปไม่นาน

ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ฮอร์โมนอินซูลินไม่ใช่แค่พระเอกแต่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นพระเจ้า ณ วินาทีที่ๆมนุษย์สามารถสังเคราะห์มันขึ้นมาได้ครับ

สำหรับคนทั่วไป อินซูลินจะลดความสำคัญลงจากพระเจ้าลงมาเป็นพระเอก เพราะการนำกลูโคสเข้าเซลล์ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญของการได้มาซึ่งพลังงานนั้นต้องใช้อินซูลินทั้งหมด การนำกลูโคสเก็บในตับ การนำกลูโคสเข้าเซลล์กล้ามเนื้อเพื่อเผาผลาญพลังงานออกแรง การนำกลูโคสเข้าเซลล์สมองเพื่อเป็นอาหารสมอง ทุกอย่างเกี่ยวข้องกับอินซูลินทั้งหมด

อินซูลินจะกลายเป็นผู้ร้ายก็เฉพาะช่วงเดียวคือช่วงที่ร่างกายเราอยู่ในภาวะดื้อต่ออินซูลินนั่นเองครับ ซึ่งภาวะดื้อนี้ๆ มันไม่ได้อยู่ดีๆเกิดขึ้นมาเอง เพราะในยุคปัจจุบันเป็นตัวเราเองนี่ละครับทำให้ให้มันดื้อ และเป็นคนผลักเจ้าอินซูลินไปยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเราด้วยน้ำมือของเราแท้ๆ

หมอโจ้ Hack your Health..
ช่องทางรับข่าวสารอื่นๆ
เว็บไซต์ : hackyourhealth.co
Facebook : Dr Joe Akkavich
Line :

04/03/2024

❝ 4 มี.ค. - วันอ้วนโลก ❞
จะรูปร่างแบบไหนก็ดูดี ถ้าสุขภาพดี
แต่รู้มั้ยว่า คนที่น้ำหนักเกิน มีแนวโน้มป่วยเป็นโรคเรื้อรัง🥺 ทั้งโรคเบาหวาน ความดัน หัวใจ และอื่นๆ
☝️ รู้แบบนี้อย่าทำเมิน ! มาเริ่มปรับ 6 พฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ดี🏃 ไม่ว่าจะเป็น 1) อาหาร 2) อารมณ์ 3) ออกกำลังกาย 4) นิสัยการกิน 5) ความคิด 6) การนอนหลับ
ที่สำคัญควรทำควบคู่กับการปรับสมดุลลำไส้ ด้วยการเติมจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ มีส่วนช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด พร้อมลดความอยากอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
🦸 ดูวิธีปรับ 6 พฤติกรรมเพื่อบอดี้ดี คลิก https://nutrilite.co.th/th/article/bodykey-personal-assessment
📬 สอบถามเพิ่มเติม อินบ็อกซ์มาที่นี่เลย https://bit.ly/2Teh9sx

ที่อยู่

Bangkok

เบอร์โทรศัพท์

+66896248486

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ความอ้วนครั้งสุดท้ายผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง ความอ้วนครั้งสุดท้าย:

แชร์